เกียรติภูมิจุฬาฯของเรา

[เหยง 16]

มีภาพของพี่หอจุฬาฯให้ชมครับ จาก "นสพ. เสรีนคร" หนังสือพิมพ์ของท้องถิ่น วันนี้เอง



 

[เหยง 16]

[pusadee sitthiphong]

เราเคยอยู่ในทีมซ้อมรำกลองยาวออกทีวีแล้วโดนปาระเบิดขวด(น่าใช่ จำมิค่อยได้)ด้วยกัน
คุณเหยงจำได้ไหม  ซ้อมมากเสียงดังเกินไปเขาเลยไม่รู้จะบอกยังไง ใครก็ไม่รู้ มันมืด

[เหยง 16]

ในช่วงนั้น หอหญิงอยู่ใกล้สิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เหมือนปัจจุบันนี้ที่อยู่ลึกจากถนนและสถาบันอื่น เรื่องจึงไม่เกิดขึ้นอีก

[เหยง 16]

บอร์ด ก.พ.อ.เห็นชอบ ตั้งศาสตราจารย์ 4 คน จุฬา-เกษตร-มหิดล-ศิลปากร
วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2553 เวลา 13:51:59 น.  มติชนออนไลน์

     นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีมติเห็นชอบให้ ศธ.นำเสนอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งตำแหน่งศาสตราจารย์ (ศ.) 4 คน ดังนี้

รศ.ธวัชชัย ตันฑุลานิ สาขาวิชาเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รศ.อำนวย จรด้วง สาขาวิชาพันธุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

รศ.ณัฐนันท์ สินชัยพานิช สาขาวิชาเภสัชอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยมหิดล

รศ.สายันต์ ไพรชาญจิตร์ สาขาวิชาการพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยศิลปากร

 
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้ผู้ดำรงตำแหน่ง ศ.ได้รับเงินเดือนในอันดับ ท.11 จำนวน 1 คน คือ

ศ.วีรจิตต์ โชติมงคล สาขาวิชาอายุรศาสตร์ทั่วไป มหาวิทยาลัยขอนแก่น


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1271235224&grpid=&catid=04

[ตุ๋ย 22]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 16 เมษายน 2553, 21:30:35
	ในช่วงนั้น หอหญิงอยู่ใกล้สิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เหมือนปัจจุบันนี้ที่อยู่ลึกจากถนนและสถาบันอื่น เรื่องจึงไม่เกิดขึ้นอีก

สมัยผมมีแต่หอหญิงขว้างมาใส่หอชาย

[เหยง 16]

ก็ชาวหอหญิงเขาอยู่ตึกสูงกันหมดแล้ว แถมยึดหอตึก 3 ชั้น ของเราไปด้วย

[pusadee sitthiphong]

		อ้างถึง			ข้อความของ ตุ๋ย 22 เมื่อ 24 เมษายน 2553, 21:09:17
	อ้างถึง ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 16 เมษายน 2553, 21:30:35 ในช่วงนั้น หอหญิงอยู่ใกล้สิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เหมือนปัจจุบันนี้ที่อยู่ลึกจากถนนและสถาบันอื่น เรื่องจึงไม่เกิดขึ้นอีก สมัยผมมีแต่หอหญิงขว้างมาใส่หอชาย

ขว้างระเบิดหรือ

[ตุ๋ย 22]

ขว้างขวดลงมาตอนหอชายกินเหล้ากันเสียงดัง

[เหยง 16]

ม.ดังใน-นอกอัดโปรโมชัน
วันอังคารที่ 20 เมษายน 2010 เวลา 09:52 น.
กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ การตลาด

     มหาวิทยาลัยไทย มั่นใจม.ต่างประเทศอัดแคมเปญกระตุ้นนักศึกษาไทยหันเรียนเมืองนอก ไม่กระทบ  ชี้จุดแข็งยังมากกว่า ทั้งค่าใช้จ่าย  หลักสูตร  และคุณภาพ  ด้าน "มธ."  ชี้ไทยพร้อมขึ้นฮับด้านการศึกษา เมื่อ 3 มหาวิทยาลัยดัง "จุฬาฯ-มธ.-มหิดล"  เป็นแกนนำโชว์ผลงานทั้งด้านวิชาการความเป็นนานาชาติ  โดยนำร่องในอาเซียน ก่อนขยายเครือข่ายสนับสนุนให้ม.อื่นๆ เข้าร่วมในอนาคต
     รศ.ดร.จุลชีพ  ชินวรรโณ  รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.)  เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า  ปัจจุบันมหาวิทยาลัยในประเทศแถบยุโรป  รวมถึงมหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่น ต่างประสบปัญหาเรื่องของจำนวนนักศึกษาต่างชาติ ที่เดินทางเข้าไปศึกษาลดลง  ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งการพัฒนาของมหาวิทยาลัยในแต่ละประเทศที่มีคุณภาพมากขึ้น ทำให้เป็นอีกทางเลือกที่ทำให้นักศึกษาลดการเดินทางไปเรียนต่างประเทศ  อย่างไรก็ตาม แนวทางการแก้ไขปัญหาของมหาวิทยาลัยในยุโรป  ด้วยการให้สิทธิพิเศษสำหรับนักศึกษาต่างชาติ  ถือเป็นอีกแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่อาจทำให้นักศึกษาไทยตัดสินใจไปศึกษาต่อต่างประเทศง่ายขึ้นนั้น
     เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อมหาวิทยาลัยเอกชนมากกว่า  เพราะมหาวิทยาลัยชั้นนำ เช่น จุฬาฯ ธรรมศาสตร์นั้น ยังเป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยที่เด็กไทยให้ความมุ่งมั่นในการเข้าศึกษา ขณะที่มหาวิทยาลัยเอกชน จะได้รับผลกระทบ เพราะค่าใช้จ่ายที่สูง ถ้าใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยต่างประเทศ  ก็อาจทำให้เด็กไทยกล้าตัดสินใจไปศึกษามากกว่า เพราะดีกรีที่ได้จะสูงกว่า  ดังนั้นมหาวิทยาลัยเอกชนจะต้องมีการปรับปรุงทางด้านวิชาการต่อเนื่อง  ซึ่งที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ามหาวิทยาลัยเอกชนเริ่มให้ความสำคัญและพัฒนาการทางด้านวิชาการเพิ่มมากขึ้น โดยเห็นได้จากอาจารย์ผู้สอนที่เริ่มมีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยของรัฐ เข้าไปบรรยาย หรือสอนเป็นประจำเพิ่มมากขึ้น
     "ปัจจุบันมหาวิทยาลัยในยุโรป ทำความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในเมืองไทยจำนวนมาก เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนนักศึกษา  การที่ประเทศเหล่านั้นเศรษฐกิจไม่ดีย่อมส่งผลกระทบต่อมหาวิทยาลัยของเขาด้วย  โดยขณะนี้อเมริกาเองก็มีปัญหาที่จำนวนนักศึกษาอเมริกาลดลง  แต่เชื่อว่าการศึกษาในเมืองไทยอย่างไรก็ได้เปรียบ เพราะทั้งค่าเล่าเรียน  ค่าครองชีพในการเรียนในต่างประเทศ ยังสูงกว่าการศึกษาต่อในเมืองไทย เฉลี่ย 50%"   
     ด้านดร.สุนทร  พิบูลย์เจริญสิทธิ์  ผู้อำนวยการสำนักงานบัณฑิตศึกษา  มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ  กล่าวว่า  การรุกทำกิจกรรมด้านการตลาดเพื่อเชิญชวนให้เด็กไทยไปศึกษาต่อต่างประเทศของมหาวิทยาลัยเอกชนในแถบยุโรปนั้น  เชื่อว่าจะไม่กระทบกับนักศึกษาของมหาวิทยาลัย  เนื่องจากปัจจุบันเอแบคเองมีหลักสูตรที่เกิดจากความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศจำนวนมาก ที่เปิดให้นักศึกษาสามารถเลือกไปศึกษาต่อไปอยู่แล้ว  ขณะที่เอแบคเองมีจุดเด่นทั้งในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการไปศึกษาต่อต่างประเทศ  มีหลักสูตรที่ใกล้เคียงกัน  มีอาจารย์ที่ทรงคุณวุฒิ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ  รวมถึงชื่อเสียงของสถาบันเอง
     อย่างไรก็ดี ในระบบการศึกษาไม่ควรมุ่งเน้นการทำกิจกรรมลด แลก แจก แถม   ซึ่งปกติมหาวิทยาลัยทั้งในไทยและต่างประเทศไม่นิยมทำอยู่แล้ว 
 ทั้งนี้มหาวิทยาลัยมีความพร้อมในการเปิดรับนักศึกษาใหม่ในปีการศึกษานี้  โดยจุดเด่นจะอยู่ที่การมุ่งเน้นการเรียนการสอนด้วยระบบอี-เลิร์นนิ่ง   โดยล่าสุดม.ร่วมกับแอปเปิล ในการพัฒนาระบบอี-เลิร์นนิ่ง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเรียนการสอนให้กับอาจารย์และนักศึกษายิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้นักศึกษาและอาจารย์ สามารถศึกษาได้ภายใต้แนวคิด Anywhere Anytime  ซึ่งมีความสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยมี
     "นักศึกษาสามารถเรียนสดได้ตลอดเวลา  โดยไม่จำเป็นต้องมานั่งเรียนในคลาส โดยระบบนี้จะสามารถใช้ได้ในเดือนก.ค.-ส.ค. นี้  นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรใหม่ที่จะเปิดในปีนี้ด้วย"
     สำหรับการจัดกิจกรรมด้านการตลาดของมหาวิทยาลัยต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมาพบว่า  มีมหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่ง เข้าร่วมจัดเอ็กซิบิชัน แนะนำหลักสูตรการเรียนการสอน  พร้อมเชิญชวนให้สมัครเรียน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และยังสามารถรับสิทธิพิเศษ เช่น ส่วนลดการทดสอบความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ  เป็นต้น  ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมด้านการตลาดผ่านเอเยนต์ ซึ่งเป็นตัวแทนด้านการศึกษา โดยมหาวิทยาลัยเหล่านั้นเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายให้แทน
     รศ.ดร.จุลชีพ  กล่าวต่อว่า ด้วยศักยภาพของมหาวิทยาลัยในเมืองไทย  เชื่อว่าสามารถผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาได้ แต่ทั้งนี้มหาวิทยาลัยของไทยจำต้องออกไปทำตลาดโลก  โดยอาศัยจุดเด่นของแต่ละมหาวิทยาลัยมาร่วมมือช่วยกันผลักดัน  ซึ่งเบื้องต้นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหิดล  มีแนวคิดตรงกันในการช่วยกันนำเสนอผลงาน สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ เพื่อให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง โดยจะเริ่มนำเสนอผลงานทั้งด้านวิชาการ  และสังคม โดยอาศัยเครือข่ายของแต่ละมหาวิทยาลัย ในประเทศแถบอาเซียนก่อนที่จะขยายไปยังประเทศอื่นๆทั่วโลก   
     "ทั้ง 3 มหาวิทยาลัย พร้อมเป็นแกนหลักในการนำเสนอผลงานไปทั่วโลก  โดยอาศัยผลงานด้านวิชาการ  ความเป็นนานาชาติ  เมื่อเป็นรูปเป็นร่าง เราก็จะขยายความร่วมมือไปยังมหาวิทยาลัยอื่น ๆที่มีความร่วมมือกัน  ในประเทศแถบเอเชียก่อน เพื่อรองรับการเปิดรับประชาคมอาเซียน เมื่อเริ่มได้รับการยอมรับ ก็จะขยายความร่วมมือให้มหาวิทยาลัยอื่นในประเทศเข้าร่วม  เพื่อสร้างผลงานและทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาได้  อย่างไรก็ดีการจะประสบความสำเร็จต้องอาศัยความร่วมมือและการสนับสนุนจากภาครัฐเป็นสำคัญ"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,524  22 - 24  เมษายน พ.ศ. 2553

http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=28471:2010-04-20-02-54-29&catid=106:-marketing&Itemid=457

[Janchai]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 25 เมษายน 2553, 21:23:16
	ม.ดังใน-นอกอัดโปรโมชัน วันอังคารที่ 20 เมษายน 2010 เวลา 09:52 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ การตลาด       มหาวิทยาลัยไทย มั่นใจม.ต่างประเทศอัดแคมเปญกระตุ้นนักศึกษาไทยหันเรียนเมืองนอก ไม่กระทบ  ชี้จุดแข็งยังมากกว่า ทั้งค่าใช้จ่าย  หลักสูตร  และคุณภาพ  ด้าน "มธ."  ชี้ไทยพร้อมขึ้นฮับด้านการศึกษา เมื่อ 3 มหาวิทยาลัยดัง "จุฬาฯ-มธ.-มหิดล"  เป็นแกนนำโชว์ผลงานทั้งด้านวิชาการความเป็นนานาชาติ  โดยนำร่องในอาเซียน ก่อนขยายเครือข่ายสนับสนุนให้ม.อื่นๆ เข้าร่วมในอนาคต      รศ.ดร.จุลชีพ  ชินวรรโณ  รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.)  เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า  ปัจจุบันมหาวิทยาลัยในประเทศแถบยุโรป  รวมถึงมหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่น ต่างประสบปัญหาเรื่องของจำนวนนักศึกษาต่างชาติ ที่เดินทางเข้าไปศึกษาลดลง  ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งการพัฒนาของมหาวิทยาลัยในแต่ละประเทศที่มีคุณภาพมากขึ้น ทำให้เป็นอีกทางเลือกที่ทำให้นักศึกษาลดการเดินทางไปเรียนต่างประเทศ  อย่างไรก็ตาม แนวทางการแก้ไขปัญหาของมหาวิทยาลัยในยุโรป  ด้วยการให้สิทธิพิเศษสำหรับนักศึกษาต่างชาติ  ถือเป็นอีกแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่อาจทำให้นักศึกษาไทยตัดสินใจไปศึกษาต่อต่างประเทศง่ายขึ้นนั้น      เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อมหาวิทยาลัยเอกชนมากกว่า  เพราะมหาวิทยาลัยชั้นนำ เช่น จุฬาฯ ธรรมศาสตร์นั้น ยังเป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยที่เด็กไทยให้ความมุ่งมั่นในการเข้าศึกษา ขณะที่มหาวิทยาลัยเอกชน จะได้รับผลกระทบ เพราะค่าใช้จ่ายที่สูง ถ้าใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยต่างประเทศ  ก็อาจทำให้เด็กไทยกล้าตัดสินใจไปศึกษามากกว่า เพราะดีกรีที่ได้จะสูงกว่า  ดังนั้นมหาวิทยาลัยเอกชนจะต้องมีการปรับปรุงทางด้านวิชาการต่อเนื่อง  ซึ่งที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ามหาวิทยาลัยเอกชนเริ่มให้ความสำคัญและพัฒนาการทางด้านวิชาการเพิ่มมากขึ้น โดยเห็นได้จากอาจารย์ผู้สอนที่เริ่มมีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยของรัฐ เข้าไปบรรยาย หรือสอนเป็นประจำเพิ่มมากขึ้น      "ปัจจุบันมหาวิทยาลัยในยุโรป ทำความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในเมืองไทยจำนวนมาก เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนนักศึกษา  การที่ประเทศเหล่านั้นเศรษฐกิจไม่ดีย่อมส่งผลกระทบต่อมหาวิทยาลัยของเขาด้วย  โดยขณะนี้อเมริกาเองก็มีปัญหาที่จำนวนนักศึกษาอเมริกาลดลง  แต่เชื่อว่าการศึกษาในเมืองไทยอย่างไรก็ได้เปรียบ เพราะทั้งค่าเล่าเรียน  ค่าครองชีพในการเรียนในต่างประเทศ ยังสูงกว่าการศึกษาต่อในเมืองไทย เฉลี่ย 50%"          ด้านดร.สุนทร  พิบูลย์เจริญสิทธิ์  ผู้อำนวยการสำนักงานบัณฑิตศึกษา  มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ  กล่าวว่า  การรุกทำกิจกรรมด้านการตลาดเพื่อเชิญชวนให้เด็กไทยไปศึกษาต่อต่างประเทศของมหาวิทยาลัยเอกชนในแถบยุโรปนั้น  เชื่อว่าจะไม่กระทบกับนักศึกษาของมหาวิทยาลัย  เนื่องจากปัจจุบันเอแบคเองมีหลักสูตรที่เกิดจากความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศจำนวนมาก ที่เปิดให้นักศึกษาสามารถเลือกไปศึกษาต่อไปอยู่แล้ว  ขณะที่เอแบคเองมีจุดเด่นทั้งในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการไปศึกษาต่อต่างประเทศ  มีหลักสูตรที่ใกล้เคียงกัน  มีอาจารย์ที่ทรงคุณวุฒิ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ  รวมถึงชื่อเสียงของสถาบันเอง      อย่างไรก็ดี ในระบบการศึกษาไม่ควรมุ่งเน้นการทำกิจกรรมลด แลก แจก แถม   ซึ่งปกติมหาวิทยาลัยทั้งในไทยและต่างประเทศไม่นิยมทำอยู่แล้ว    ทั้งนี้มหาวิทยาลัยมีความพร้อมในการเปิดรับนักศึกษาใหม่ในปีการศึกษานี้  โดยจุดเด่นจะอยู่ที่การมุ่งเน้นการเรียนการสอนด้วยระบบอี-เลิร์นนิ่ง   โดยล่าสุดม.ร่วมกับแอปเปิล ในการพัฒนาระบบอี-เลิร์นนิ่ง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเรียนการสอนให้กับอาจารย์และนักศึกษายิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้นักศึกษาและอาจารย์ สามารถศึกษาได้ภายใต้แนวคิด Anywhere Anytime  ซึ่งมีความสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยมี      "นักศึกษาสามารถเรียนสดได้ตลอดเวลา  โดยไม่จำเป็นต้องมานั่งเรียนในคลาส โดยระบบนี้จะสามารถใช้ได้ในเดือนก.ค.-ส.ค. นี้  นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรใหม่ที่จะเปิดในปีนี้ด้วย"      สำหรับการจัดกิจกรรมด้านการตลาดของมหาวิทยาลัยต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมาพบว่า  มีมหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่ง เข้าร่วมจัดเอ็กซิบิชัน แนะนำหลักสูตรการเรียนการสอน  พร้อมเชิญชวนให้สมัครเรียน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และยังสามารถรับสิทธิพิเศษ เช่น ส่วนลดการทดสอบความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ  เป็นต้น  ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมด้านการตลาดผ่านเอเยนต์ ซึ่งเป็นตัวแทนด้านการศึกษา โดยมหาวิทยาลัยเหล่านั้นเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายให้แทน      รศ.ดร.จุลชีพ  กล่าวต่อว่า ด้วยศักยภาพของมหาวิทยาลัยในเมืองไทย  เชื่อว่าสามารถผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาได้ แต่ทั้งนี้มหาวิทยาลัยของไทยจำต้องออกไปทำตลาดโลก  โดยอาศัยจุดเด่นของแต่ละมหาวิทยาลัยมาร่วมมือช่วยกันผลักดัน  ซึ่งเบื้องต้นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหิดล  มีแนวคิดตรงกันในการช่วยกันนำเสนอผลงาน สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ เพื่อให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง โดยจะเริ่มนำเสนอผลงานทั้งด้านวิชาการ  และสังคม โดยอาศัยเครือข่ายของแต่ละมหาวิทยาลัย ในประเทศแถบอาเซียนก่อนที่จะขยายไปยังประเทศอื่นๆทั่วโลก        "ทั้ง 3 มหาวิทยาลัย พร้อมเป็นแกนหลักในการนำเสนอผลงานไปทั่วโลก  โดยอาศัยผลงานด้านวิชาการ  ความเป็นนานาชาติ  เมื่อเป็นรูปเป็นร่าง เราก็จะขยายความร่วมมือไปยังมหาวิทยาลัยอื่น ๆที่มีความร่วมมือกัน  ในประเทศแถบเอเชียก่อน เพื่อรองรับการเปิดรับประชาคมอาเซียน เมื่อเริ่มได้รับการยอมรับ ก็จะขยายความร่วมมือให้มหาวิทยาลัยอื่นในประเทศเข้าร่วม  เพื่อสร้างผลงานและทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาได้  อย่างไรก็ดีการจะประสบความสำเร็จต้องอาศัยความร่วมมือและการสนับสนุนจากภาครัฐเป็นสำคัญ" จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,524  22 - 24  เมษายน พ.ศ. 2553 http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=28471:2010-04-20-02-54-29&catid=106:-marketing&Itemid=457

ขอบคุณครับท่านเหยง ควรจะทำมานานๆๆๆแล้ว

[เหยง 16]

ย้ายอธิบดี, ผู้ว่าราชการจังหวัดรวม 6 ตำแหน่ง, เที่ยวนี้ จุฬาฯไม่มีเอี่ยว

นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 เมษายน เห็นชอบตามที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เสนอบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 จำนวน 6 ตำแหน่ง
1.นายมงคล สุระสัจจะ (ราม) อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็น อธิบดีกรมการปกครอง
2.นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ (มช) อธิบดีกรมการปกครอง เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
3.นายวิเชียร ชวลิต (มธ) ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็น อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน
4.นายระพี ผ่องบุพกิจ (มธ) ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์
5.นายกองเอกวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ (มธ) รองอธิบดีกรมการปกครอง เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และ
6.นายพินิจ เจริญพานิช (มช) ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็น รองอธิบดีกรมการปกครอง
ทั้งนี้ มีผลให้ไปรักษาการในตำแหน่งในวันที่ 28 เมษายนเป็นต้นไป

อ่านเส้นทางปลัดอำเภอสู่ความยิ่งใหญ่ในกระทรวงมหาดไทย


ก่อนมาเป็น ผวจ.

ในความฝันของข้าราชการฝ่ายปกครอง พบว่าการเป็นนายอำเภอนั้นเป็นความภูมิใจสูงสุด เพราะอำนาจสั่งการเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอยู่ที่นายอำเภอ คือเป็นผู้ปกครองสูงสุดในอำเภอ

แต่ถ้าเปรียบเทียบกับผู้ว่าราชการจังหวัด จะเห็นว่าการสั่งการของ ผวจ.จะไปในลักษณะประสานงานกับกระทรวง ทบวงกรมอื่นๆ เพราะหัวหน้าส่วนราชการของแต่ละกระทรวงจะรายงานโดยตรงถึงผู้บังคับบัญชาในส่วนกลางได้เลย

เพราะฉะนั้น นักปกครองจึงใฝ่ฝันที่จะเป็นนายอำเภอ และที่ผ่านมาในอดีตนายอำเภอจะก้าวหน้าไปถึงการเป็นพ่อเมือง อธิบดีกรมได้เร็วกว่าข้าราชการมหาดไทย ที่สังกัดกรมอื่นๆ ปลัดอำเภอจึงมุ่งสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอให้ได้ เพราะนั่นหมายถึงโอกาสที่จะได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งไปจนถึงผู้ว่าราชการจังหวัด

แต่วันนี้เส้นทางของนักปกครอง ดูจะยืดยาวกว่าข้าราชการในสายกรมอื่นๆ

เมื่อดูเส้นทางจากปลัดอำเภอ ก็จะต้องสอบแข่งขันเข้าโรงเรียนนายอำเภอ และเมื่อจบการอบรม ก็ต้องรอการบรรจุเป็นนายอำเภออีกประมาณ 4-5 ปี นี่เป็นเส้นทางปกติ แต่ถ้ามีอุปสรรค ก็อาจจะได้รับการแต่งตั้งล่าช้าออกไปอีกอาจกินเวลาถึง 7-8 ปี และต้องผ่านการเป็นนายอำเภอจากอำเภอเล็กไปสู่อำเภอใหญ่ อีกประมาณ 4-5 ปี ถึงจะได้เลื่อนขึ้นเป็นปลัดจังหวัด และต้องมานับอาวุโสในการครองตำแหน่งแข่งกับเพื่อนปลัดจังหวัดคนอื่นๆอีกที่มีทั้งหมด 75 คน กับผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง รวมทั้งข้าราชการที่อยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก ของกรมการปกครอง

ก่อนจะมาแบ่งโควตากับข้าราชการในสังกัดอื่นอีก ก่อนจะขึ้นไปสู่ตำแหน่งรอง ผวจ. และรอระยะเวลาอีกประมาณ 3-4 ปี ถึงจะได้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด

ถือว่านานมาก กว่าจะได้เป็น ผวจ. และเกษียณอายุราชการแค่ตำแหน่งนี้

แต่ถ้าดูเส้นทางการรับราชการของข้าราชการในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยจะพบว่าเติบโตเร็วมาก ดูได้จากข้าราชการระดับหัวหน้าฝ่าย ซึ่งในอดีตจะเรียกว่าข้าราชการระดับ 7 หรือซี 7 แล้วก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าสำนักงานจังหวัดระดับ 8 หรือแยกไปทางด้านสายวิชาการที่เรียกกันในหมู่ข้าราชการมหาดไทยว่าหัวหน้ากลุ่มงานวิเคราะห์ หรืออาจจะก้าวหน้าจัด โตขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการกอง ซึ่งตำแหน่งที่กล่าวนี้จะอยู่กันประมาณปีสองปี แล้วย้ายไปเป็นหัวหน้าสำนักงานจังหวัดระดับ 9 หรือก้าวหน้าแบบสุดๆ โดดพรวดขึ้นเป็นผู้อำนวยการสำนัก ซึ่งจะอยู่ครองตำแหน่งนี้อีกประมาณ 2-3 ปี แล้วขึ้นเป็นรอง ผวจ.

เมื่อมาเปรียบเทียบระยะเวลาของข้าราชการในสายปกครอง กับข้าราชการในสายบริหารอย่างสำนักงานปลัดกระทรวง ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นรอง ผวจ. ดูกันเฉพาะข้าราชการที่รับราชการมาแบบได้ 2 ขั้นบ้าง 1 ขั้นบ้าง

จะเห็นว่าระยะเวลาของการเป็นปลัดอำเภอมาจนถึงตำแหน่งรอง ผวจ. ใช้เวลานานประมาณ 13-14 ปี

แต่กับข้าราชการในสายสำนักงานปลัดกระทรวงจะใช้เวลาประมาณ 8 ปี

และเมื่อระยะเวลาห่างกันมากอย่างนี้ จึงเป็นหนทางที่ข้าราชการบางส่วนใช้เป็นทางลัดในการไต่ไปสู่ตำแหน่งรอง ผวจ. ผู้ว่าราชการจังหวัด จนถึงอธิบดีกรม และปลัดกระทรวงมหาดไทย.

"ซี.12"

http://www.thairath.co.th/column/pol/corner/79433

[เหยง 16]

เดิมคิดว่ารุ่นพี่และเป็นชาวหอจะมีโอกาสได้ก้าวหน้าในตำแหน่งสูงสุดของกระทรวงมหาดไทย

รุ่นพี่ที่กล่าวถึงคือ พี่สมพร ใช้บางยาง รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ครับ

ปลัดมหาดไทย

ถ้าจะเขียนถึงข้าราชการที่เป็นตัวเก็งชิงเก้าอี้ปลัดกระทรวงมหาดไทยต่อจากนายมานิต วัฒนเสน ที่จะอำลาตำแหน่งใน 6 เดือนข้างหน้า มีอยู่เพียงไม่กี่คน

คนแรกนายพระนาย สุวรรณรัฐ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ดูเพียงแค่นามสกุลก็บ่งบอกแล้วว่าเป็นเทือกเถาเหล่ากอ วงศ์เทวัญของคนมหาดไทย บิดาคือนายพ่วง สุวรรณรัฐ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และเป็นน้องชายนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีและอดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย

นายพระนาย จบจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่จัดเป็นพวกสิงห์แดง สิงห์ดำหรือสิงห์ขาว รับราชการที่ปลัดอำเภอสายบุรี ก่อนมาเป็นนายอำเภออมก๋อย แล้วย้ายข้ามฟากมาเป็นหัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ และ ผอ.กองการต่างประเทศ ต่อจากนั้นอีก 2 ปีก็ย้ายกลับไปสังกัดกรมการปกครอง เป็นปลัดจังหวัดอยุธยา แล้วขึ้นรอง ผวจ.ที่อยุธยา ต่อจากนั้นไปเป็น ผวจ.สิงห์บุรี ตามด้วยนนทบุรี ก่อนมาเป็น ผอ.ศอ.บต.และรองปลัดกระทรวงมหาดไทย

คนต่อไปคือนายขวัญชัย วงศ์นิติกร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นพวกสิงห์แดงเหมือนกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ถือเป็นเด็กสร้างสายบุรีรัมย์โดยแท้ ด้วยเหตุนี้งานต่างๆจึงถูกป้อนให้เป็นผลงานอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญอายุราชการยังเหลือมากถึง 5 ปี

นายขวัญชัยเติบโตมาในสายกรมการปกครอง ปี 2542 เป็นนายอำเภอดอยสะเก็ด อีก 1 ปี เป็นปลัดจังหวัดเชียงใหม่ อีกปีต่อมาเป็นรอง ผวจ.น่าน จากนั้นปี 2549 ขึ้นเป็น ผวจ.สตูล และ ผวจ.สมุทรปราการ ก่อนขึ้นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย

ส่วนรายที่ 3 เป็นสิงห์ดำขนานแท้ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ลูกหม้อกรมการปกครอง ผ่านงานนายอำเภอ และเลขานุการกรมการปกครอง ยุคที่มีนายชูวงศ์ ฉายะบุตร เป็นอธิบดีกรมการปกครอง ก่อนเลื่อนขึ้นเป็น ผอ.สำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน คุมโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น ขุมทรัพย์ ก้อนโตของกรมการปกครอง

จากนั้นก็ขึ้นเป็นรอง ผวจ.ร้อยเอ็ด อยุธยา สมุทรสาคร และลพบุรี และอยู่ในตำแหน่งนี้นานถึง 7 ปี เหตุที่ว่าปลัดกระทรวงสมัยนั้นเป็นสิงห์แดง ก็เลยถูกดองเค็มนานหน่อย

นายวิบูลย์ยังมีอายุราชการถึง 5 ปี อยู่วิ่งสู้ฟัดกับนายขวัญชัย จนเกษียณราชการพร้อมๆกัน

ส่วนอีกคนที่ต้องเขียนถึง เพราะเป็นอธิบดีกรมการปกครองใหม่หมาดๆ คือนายมงคล สุระสัจจะ ที่เพิ่งย้ายมาจากอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายมงคลเป็นเด็กปั้นรุ่นสอง ของนายเนวิน ชิดชอบ

นายมงคล จบจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง หรือสิงห์ทอง เส้นทางการรับราชการมาก้าวกระโดดเมื่อครั้งย้ายจากนายอำเภอคลองหลวง จ.ปทุมธานี มาเป็น ผอ.ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดฯ อยู่ในตำแหน่งไม่ถึงปี ก็ย้ายไปเป็นรอง ผวจ.บุรีรัมย์ ยุคที่นายเนวินกำลังเฟื่องฟูบารมีคับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

นายมงคลนั่งรอง ผวจ.บุรีรัมย์ 3 ปี ก่อนย้ายไปอยู่ จ.ศรีสะเกษ และอีก 1 ปี ต่อมาเลื่อนขึ้นเป็น ผวจ.บุรีรัมย์

เพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น นายมงคลย้ายมาเป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน แต่ทำงานได้ 6 เดือน ก็ส้มหล่นรับโบนัสเป็นอธิบดีกรมการปกครอง

นายมงคลพลิกมาเป็นตัวเก็ง เพราะเขาเป็นเป้าหมายที่สองของนายเนวิน ถ้าหากนายขวัญชัยโดนคัดค้าน ถูกเตะสกัด นายมงคลก็จะสอดแทรกมาเป็นชื่อสำรองที่จะหยิบขึ้นมาชิงเก้าอี้ปลัดมหาดไทย.

"ซี.12"

http://www.thairath.co.th/column/pol/corner/79584

[wannee]

สวัสดีค่ะ เหยง 

[khesorn mueller]

สวัสดีคะพี่หมอเสียด.
วันนี้ยุ่งมั้ยพี่

[เหยง 16]

		อ้างถึง			ข้อความของ wannee เมื่อ 06 พฤษภาคม 2553, 17:29:52
	สวัสดีค่ะ เหยง

สวัสดี คุณหมอเสียด

กิจกรรม ไปทัวร์สวนผลไม้เมืองจันท์ ยังทำต่อหรือไม่ล่ะ??

[เหยง 16]

เผยผลแอดมิชชัน เด็กเตรียมฯ ซิวท็อป 88.83 เปอร์เซ็นต์ เข้านิติศาสตร์ จุฬาฯ
7 พฤษภาคม 2553 13:36 น.

 
       ประกาศผลแอดมิชชัน เด็กเตรียมฯ ซิวคะแนนสูงสุด 88.83 เปอร์เซ็นต์ เข้านิติศาสตร์ จุฬาฯ ขณะที่คณะท็อปฮิตเด็กสมัครมากสุด 3 อันดับเป็นครุศาสตร์ จุฬาฯ-พยาบาล ม.บูรพา-อุตสาหกรรมการเกษตรฯ มช.
       
       วันนี้ (7 พ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) กล่าวว่า สมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (สอท.) ได้ดำเนินการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาประจำปี 2553 เสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมประกาศผลอย่างเป็นทางการ ได้ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ทางเว็บของ สอท. www.cuas.or.th โดยในปีนี้มีผู้สมัครทั้งสิ้น 98,143 คน สมัครเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาที่ สอท.ได้ดำเนินการคัดเลือกให้รวม 94 สถาบัน ใน 888 คณะ/สาขาวิชา โดยมีรหัสคณะสาขาวิชาให้เลือกทั้งสิ้น 3,764 รหัส มีผู้ผ่านการคัดเลือกมีสิทธิสอบสัมภาษณ์และตรวจร่างกายจำนวน 70,003 คน
       
       นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับการคัดเลือกในปีนี้ มีคณะ/สาขาวิชาที่มีผู้สมัครมากที่สุดสามอันดับแรก ได้แก่ 1.ครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวนรับ 360 คน จำนวนผู้สมัคร3,530 คน 2.คณะพยาบาลศาสตร์ สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ ม.บูรพา จำนวนรับ 115 คน สมัคร 2,922 คน และ 3.คณะอุตสาหกรรมเกษตร สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร ม.เชียงใหม่ จำนวนรับ 30 คน จำนวนผู้สมัคร 2,275 คน
       
       นายชัยวุฒิ กล่าวอีกว่า ในส่วนของผู้ผ่านคัดเลือกฯ ที่ได้คะแนนสูงสุดของคณะ/สาขาวิชา มีดังนี้ 1.น.ส.ปารมี กีรติวิทยานันท์ จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สอบได้คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คะแนนคิดเป็น 88.83%
       
       2. น.ส.กรัณฑรัตน์ ครองสิริวัฒน์ จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สอบได้คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คะแนนคิดเป็น 86.73%
       
       3. น.ส.พิมพ์นิภา กังสนันท์ จากโรงเรียนราชินีบน สอบได้คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คะแนนคิดเป็น 85.88%
       
       4. น.ส.ณฐวรรณ เปาอินทร์ จากโรงเรียน สาธิต มศว ปทุมวัน สอบได้คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คะแนนคิดเป็น 85.29%
       
       5. น.ส.ศิริมา ระงับภัย จากโรงเรียนนครสวรรค์ สอบได้คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คะแนนคิดเป็น 85.00%
       
       6. นายวุฒิ พูลสมบัติ จากโรงเรียนรัตนาธิเบศร์ สอบได้คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คะแนนคิดเป็น 82.97%
       
       7. น.ส.พิชชา ลีลาพรพิสิฐ จากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สอบได้คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คะแนนคิดเป็น 81.62%
       
       8. นายณภัทร ดำรงสิริรัช จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สอบได้คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คะแนนคิดเป็น 81.18%
       
       ทั้งนี้ เป็นที่น่ายินดีที่มีผู้พิการทางสายตาผ่านการคัดเลือกจำนวน 2 ราย คือ นายณัฐพร ตองอ่อน คณะครุศาสตร์ สาขาสังคมศึกษา มรภ.บ้านสมเด็จเจ้าพระยา และ นายจตุรพักตร์ บุตรคำโชติ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา มรภ.บ้านสมเด็จเจ้าพระยา
       
       “คาดว่าในการประกาศผลวันนี้เว็บจะไม่ล่ม อย่างไรก็ที่ผ่านมาพยายามที่จะดำเนินการประกาศผลให้ทันในวันที่ 4 พ.ค. แต่เนื่องจากการป้องกันความผิดพลาด ความเรียบร้อยในข้อมูล และยืนยันความถูกต้อง จึงเลื่อนมาเป็นวันนี้ ก็อยากให้ผู้ปกครอง และนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกตรวจสอบข้อมูลในการสอบสัมภาษณ์ให้ละเอียดจากทางเว็บไซต์ของแต่ละสถาบันด้วย” รมช.ศธ.กล่าว
       
       นายชัยวุฒิ กล่าวด้วยว่า ปีนี้ถือเป็นปีแรกที่ทาง สอท.ดำเนินการจัดเรียงลำดับการคัดเลือก และเป็นปีแรกที่มีการยกเลิกการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นสูง (A-NET) มาเป็น การทดสอบความถนัดทั่วไป (GAT) และ การทดสอบความถนัดทางวิชาชีพ/วิชาการ (PAT) ในการเป็นส่วนประกอบการเลือกคณะ/วิชา ซึ่งนักเรียนในปีนี้อาจเสียเปรียบอยู่บ้างเนื่องจากยังไม่มีคะแนนพื้นฐานเปรียบเทียบ ซึ่งในปีหน้าปัญหาตรงนี้น่าจะหมดไป อย่างไรก็ตามในปี ’54 สอท.ยืนยันจะใช้แอดมิชชันรูปแบบเดิมเหมือนปีนี้ ทั้งหมดไม่ว่าจะเรื่องของสัดส่วนต่างๆ แต่ที่เปลี่ยนคือการสอบ GAT/PAT จะให้สอบเฉพาะเด็กม.6 และชั้นสูงกว่าเท่านั้น
       
       ศ.ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี(มทส.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.) กล่าวว่า ในส่วนของหน่วยงานที่ร่วมประกาศผลทางเว็บไซต์นั้น ผู้ร่วมประกาศผลจะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่สอบสัมภาษณ์ วัน เวลาในการสอบสัมภาษณ์ ดังนั้นเมื่อนักเรียนทราบผลการคัดเลือกฯ จากเว็บไซต์ของหน่วยงานที่ร่วมประกาศแล้ว ให้นักเรียนตรวจสอบสถานที่ วัน เวลา การสอบสัมภาษณ์ทาง www.cuas.or.th และขอให้นักเรียนเดินทางไปสอบสัมภาษณ์ได้ตามที่แต่ละมหาวิทยาลัยกำหนดไว้ระหว่างวันที่ 12-15 พ.ค.นี้ด้วย

 
 
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000062972
 

[เหยง 16]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 06 พฤษภาคม 2553, 19:31:56
	อ้างถึง ข้อความของ wannee เมื่อ 06 พฤษภาคม 2553, 17:29:52 สวัสดีค่ะ เหยง  สวัสดี คุณหมอเสียด กิจกรรม ไปทัวร์สวนผลไม้เมืองจันท์ ยังทำต่อหรือไม่ล่ะ??

หมอเสียด

ไปอ่านใน ห้องซีมะโด่งสัมพันธ์/ห้องสอบถามผู้อยากไปเที่ยวโฮมสเตย์

ซึ่งผมและพี่นพดล ได้ตอบโต้กันเรื่องการจัดทัวร์เมืองจันท์ไว้แล้วครับ

[เหยง 16]

วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 10:50:00 น.  มติชนออนไลน์

คะแนนสูง-ต่ำแอดมิสชั่นส์"53"จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์"


สมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (สอท.) ประกาศผลคะแนนต่ำสุด-สูงสุดในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ด้วยระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือแอดมิสชั่นส์ ประจำปีการศึกษา 2553 ดังนี้

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คณะทันตแพทยศาสตร์ คะแนนต่ำสุด 22,915.00 คะแนนสูงสุด 24,352.50

คณะสัตวแพทยศาสตร์ 18,813.65-21,590.40 คะแนน


คณะเภสัชศาสตร์

สาขาวิชาเภสัชศาสตร์ คะแนนต่ำสุด 20,021.00 คะแนนสูงสุด 22,819.85

สาขาวิชาการบริบาลทางเภสัชกรรม 19,694.20-21,781.70 คะแนน

 
คณะสหเวชศาสตร์

สาขาวิชาเทคนิคการแพทย์ 18,649.30-21,186.90 คะแนน

สาขาวิชากายภาพบำบัด 17,848.50-21,036.05 คะแนน

สาขาวิชาโภชนาการและการกำหนดอาหาร 18,003.00-22,051.45 คะแนน

สำนักวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา 8,725.20-18,633.70 คะแนน


คณะวิทยาศาสตร์

กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ 13,367.95-20,995.85 คะแนน

สาขาวิชาคณิตศาสตร์ 13,275.85-19,169.80 คะแนน

สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ 12,127.65-19,029.00 คะแนน

สาขาวิชาเคมี 13,308.55-20,238.40 คะแนน

สาขาวิชาฟิสิกส์ 15,024.15-19,833.35 คะแนน

สาขาวิชาเคมีวิศวกรรม 15,616.95-20,252.35 คะแนน

สาขาวิชาธรณีวิทยา 16,272.55-19,805.80 คะแนน

สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป/วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม 15,053.50-19,081.45 คะแนน

สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล 14,001.35-18,175.50 คะแนน

สาขาวิชาวัสดุศาสตร์ 12,088.20-18,891.30 คะแนน

สาขาวิชาเทคโนโลยีทางภาพและการพิมพ์ 12,101.30-18,028.35 คะแนน

สาขาวิชาเทคโนโลยีทางอาหาร 14,130.85-21,518.10 คะแนน


คณะวิศวกรรมศาสตร์

สาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ 18,859.25-23,902.80 คะแนน

สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ 14,125.25-22,490.00 คะแนน

สาขาวิชาวิศวกรรมทรัพยากรธรณี 17,573.45-20,445.70 คะแนน

สาขาวิชาวิศวกรรมสำรวจ 15,999.10-21,005.50 คะแนน

สาขาวิชาวิศวกรรมโลหการและวัสดุ 15,948.15-20,241.55 คะแนน


คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์

สาขาวิชาสถาปัตยกรรม 20,415.20-22,995.25 คะแนน

สาขาวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม 19,690.15-22,979.60 คะแนน

สาขาวิชาภูมิสถาปัตยกรรม 19,386.65-22,364.55 คะแนน

สาขาวิชาสถาปัตยกรรมภายใน 20,378.75-21,639.85 คะแนน

สาขาวิชาสถาปัตยกรรมผังเมือง 18,554.35-19,914.85 คะแนน
 

คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี

หลักสูตรบัญชีบัณฑิต 21,333.80-24,486.85 คะแนน

หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต 20,352.10-23,111.75 คะแนน

หลักสูตรสถิติศาสตรบัณฑิต 19,902.25-22,589.40 คะแนน

คณะเศรษฐศาสตร์ 20,337.05-26,017.90 คะแนน


คณะจิตวิทยา

(แบบ 1) 19,270.80-22,507.30 คะแนน

(แบบ 2) 18,962.55-22,151.00 คะแนน

(แบบ 3) 21,404.75-24,890.00 คะแนน

คณะครุศาสตร์ 19,971.30-22,879.20 คะแนน
 

คณะอักษรศาสตร์

สาขาภูมิศาสตร์ (วิทย์) 18,556.10-22,331.40

สาขาอักษรศาสตร์ (วิทย์) 22,570.35-24,110.50 คะแนน

สาขาอักษรศาสตร์ ศิลป แบบ 2 สอบฝรั่งเศส 22,856.90-24,345.60 คะแนน

สาขาอักษรศาสตร์ ศิลป แบบ 2 สอบเยอรมัน 22,886.55-24,027.15 คะแนน

สาขาอักษรศาสตร์ ศิลป แบบ 2 สอบญี่ปุ่น 22,849.80-24,361.05 คะแนน

สาขาอักษรศาสตร์ ศิลป แบบ 2 สอบจีน 22,790.80-23,620.30 คะแนน


คณะรัฐศาสตร์

สาขาวิชาการปกครอง ศิลปะ (แบบ 1) 21,068.00-23,268.00 คะแนน

สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ศิลป (แบบ 1) 21,192.50-23,421.55 คะแนน

สาขาวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ศิลป (แบบ 1) 23,109.95-25,587.50 คะแนน

สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ วิทย์ 20,242.15-21,991.30 คะแนน
 

คณะนิติศาสตร์

วิทย์ 20,277.95-26,648.75

ศิลป (แบบ 2) สอบฝรั่งเศส 7,830.75-26,469.10 คะแนน

ศิลป (แบบ 2) สอบเยอรมัน 20,517.95-25,311.15

ศิลป (แบบ 2) สอบญี่ปุ่น 19,976.25-26,106.30 คะแนน

ศิลป (แบบ 2) สอบจีน 17,558.55-22,645.60 คะแนน

 

คณะนิเทศศาสตร์

วิทย์ 21,275.70-24,059.20 คะแนน

ศิลป (แบบ 1) 23,833.50-25,764.95 คะแนน

ศิลป (แบบ 2) สอบฝรั่งเศส 19,284.35-24,349.75 คะแนน

ศิลป (แบบ 2) สอบเยอรมัน 20,734.80-21,887.05 คะแนน

ศิลป (แบบ 2) สอบญี่ปุ่น 19,285.90-24,933.55 คะแนน

ศิลป (แบบ 2) สอบจีน 19,237.10-22,362.40 คะแนน

 

 

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

คณะนิติศาสตร์

พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 20,654.45-23,871.00 คะแนน

พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาฝรั่งเศส 16,318.55-23,455.20 คะแนน

พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาเยอรมัน 16,566.80-22,329.65 คะแนน

พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาจีน 18,693.80-22,833.50 คะแนน

พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาญี่ปุ่น 18,797.35-23,117.65 คะแนน

ศูนย์ลำปาง พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 17,310.20-20,601.20 คะแนน

ศูนย์ลำปาง พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาฝรั่งเศส 15,088.05-18,521.55 คะแนน

ศูนย์ลำปาง พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาเยอรมัน 15,115.70-17,464.00 คะแนน

ศูนย์ลำปาง พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาจีน 15,225.15-18,801.10 คะแนน

ศูนย์ลำปาง พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาญี่ปุ่น 15,788.20-18,975.75 คะแนน
 

คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ พื้นฐานศิลปศาสตร์ (รูปแบบที่ 1) 18,923.80-21,172.95 คะแนน


คณะแพทยศาสตร์

สาขาวิชาการแพทย์แผนไทยประยุกต์บัณฑิต 19,013.25-20,491.40 คะแนน
 

คณะสหเวชศาสตร์

สาขาวิชาเทคนิคการแพทย์ 18,266.80-19,901.20 คะแนน

สาขาวิชากายภาพบำบัด 17,198.20-18,802.75 คะแนน

สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา 14,493.20-17,612.80 คะแนน
 

คณะทันตแพทยศาสตร์ 22,451.45-23,045.75 คะแนน

คณะพยาบาลศาสตร์ 17,834.90-20,004.35 คะแนน

 

คณะศิลปกรรมศาสตร์

สาขาวิชาศิลปะการออกแบบพัสตราภรณ์ 17,238.75-19,218.40 คะแนน

สาขาวิชาศิลปะการออกแบบหัตถอุตสาหกรรม มธ.ศูนย์ลำปาง 13,366.50-16,228.55 คะแนน
 

คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี

หลักสูตรบัญชีบัณฑิต 4 ปี สาขาวิชาการบัญชี (ศึกษาที่ศูนย์รังสิต) 20,831.00-22,366.60 คะแนน

หลักสูตรควบบัญชีบัณฑิตและบัญชีมหาบัณฑิต (บูรณาการ) 5 ปี (ท่าพระจันทร์) 21,002.05-23,598.55 คะแนน

หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต 4 ปี (ศึกษาที่ศูนย์รังสิต) 19,923.10-21,641.70 คะแนน

หลักสูตรควบบริหารธุรกิจบัณฑิตและวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต 5 ปี (ท่าพระจันทร์) 20,130.75-21,865.65 คะแนน

 
คณะเศรษฐศาสตร์ 19,575.30-22,750.20 คะแนน


คณะรัฐศาสตร์

สาขาวิชาการเมืองการปกครอง พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 15,481.25-20,760.00 คะแนน

สาขาวิชาการเมืองการปกครอง พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาฝรั่งเศส 19,127.95-19,723.65 คะแนน

สาขาวิชาการเมืองการปกครอง พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาเยอรมัน 17,242.60-17,242.60 คะแนน

สาขาวิชาการเมืองการปกครอง พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาจีน 15,977.40-16,193.20 คะแนน

สาขาวิชาการเมืองการปกครอง พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาญี่ปุ่น 20,492.60-20,492.60 คะแนน

สาขาวิชาบริหารรัฐกิจ พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 18,038.30-21,759.65 คะแนน

สาขาวิชาบริหารรัฐกิจ พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาเยอรมัน 14,993.20-14,993.20 คะแนน

สาขาวิชาบริหารรัฐกิจ พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาญี่ปุ่น 20,482.75-21,299.20 คะแนน

สาขาวิชาการระหว่างประเทศ พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 20,201.25-22,089.00 คะแนน

สาขาวิชาการระหว่างประเทศ พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาฝรั่งเศส 20,252.50-23,099.20 คะแนน

สาขาวิชาการระหว่างประเทศ พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาเยอรมัน 21,928.10-21,928.10 คะแนน

สาขาวิชาการระหว่างประเทศ พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาจีน 20,203.40-21,849.80 คะแนน

สาขาวิชาการระหว่างประเทศ พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาญี่ปุ่น 20,187.80-21,929.50 คะแนน


คณะศิลปศาสตร์

สาขาวิชาจิตวิทยา, ประวัติศาสตร์, บรรณารักษศาสตร์, ภาษาศาสตร์ ฯลฯ พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 19,708.40-23,090.00 คะแนน

สาขาวิชาจิตวิทยา, ประวัติศาสตร์, บรรณารักษศาสตร์, ภาษาศาสตร์ ฯลฯ (สอบวิชาภาษาฝรั่งเศส) 19,629.00-22,840.10 คะแนน

สาขาวิชาจิตวิทยา, ประวัติศาสตร์, บรรณารักษศาสตร์, ภาษาศาสตร์ ฯลฯ (สอบวิชาภาษาเยอรมัน) 19,779.05-22,299.60 คะแนน

สาขาวิชาจิตวิทยา, ประวัติศาสตร์, บรรณารักษศาสตร์, ภาษาศาสตร์ ฯลฯ (สอบวิชาภาษาจีน) 19,651.05-23,039.60 คะแนน

สาขาวิชาจิตวิทยา, ประวัติศาสตร์, บรรณารักษศาสตร์, ภาษาศาสตร์ ฯลฯ (สอบวิชาภาษาญี่ปุ่น) 19,647.00-22,778.60 คะแนน

สาขาวิชาจิตวิทยา, ประวัติศาสตร์, บรรณารักษศาสตร์, ภาษาศาสตร์ ฯลฯ (สอบวิชาภาษาบาลี) 19,951.55-20,892.25 คะแนน
 

สาขาวิชาภาษาอังกฤษ พื้นฐานศิลปศาสตร์ (รูปแบบที่ 1) 20,032.50-25,500.45 คะแนน

สาขาวิชาภูมิศาสตร์ พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 18,192.50-19,757.90 คะแนน

สาขาวิชาจิตวิทยา พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 19,206.00-21,076.10 คะแนน


สาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 18,295.40-20,020.25 คะแนน

สาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ พื้นฐานศิลปศาสตร์ (รูปแบบ 2) สอบภาษาฝรั่งเศส 18,333.35-20,460.05 คะแนน

สาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ พื้นฐานศิลปศาสตร์ (รูปแบบ 2) สอบภาษาจีน 18,388.15-19,694.75 คะแนน

สาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ พื้นฐานศิลปศาสตร์ (รูปแบบ 2) สอบภาษาอาหรับ 19,878.55-19,878.55 คะแนน
 

สาขาวิชาประวัติศาสตร์ พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 18,758.95-20,099.55 คะแนน

สาขาวิชาประวัติศาสตร์ พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาฝรั่งเศส 18,902.25-20,510.75 คะแนน

สาขาวิชาประวัติศาสตร์ พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาเยอรมัน 19,313.30-19,313.30 คะแนน

สาขาวิชาประวัติศาสตร์ พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาจีน 19,291.75-20,335.65 คะแนน

สาขาวิชาประวัติศาสตร์ พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาญี่ปุ่น 19,013.30-19,428.15 คะแนน

สาขาวิชาปรัชญา พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 17,637.70-19,893.05 คะแนน

สาขาวิชาปรัชญา พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาฝรั่งเศส 17,657.05-19,609.15 คะแนน

สาขาวิชาปรัชญา พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาเยอรมัน 19,052.15-19,052.15 คะแนน

สาขาวิชาปรัชญา พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาจีน 17,342.10-19,221.35 คะแนน

สาขาวิชาปรัชญา พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาญี่ปุ่น 17,428.50-18,858.60 คะแนน
 

สาขาวิชาภาษาไทย พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 18,107.35-20,045.15 คะแนน

สาขาวิชาภาษาไทย พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาฝรั่งเศส 18,134.40-19,589.45 คะแนน

สาขาวิชาภาษาไทย พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาเยอรมัน 19,497.60-19,497.60 คะแนน

สาขาวิชาภาษาไทย พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาจีน 18,388.25-20,699.30 คะแนน
สาขาวิชาภาษาไทย พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาญี่ปุ่น 19,391.50-19,153.55 คะแนน

สาขาวิชาภาษาไทย พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาบาลี 19,108.45-19,108.45 คะแนน

 

สาขาวิชารัสเซีย พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 19,304.15-22,444.05 คะแนน

สาขาวิชารัสเซีย พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาฝรั่งเศส 20,551.15-23,525.25 คะแนน

สาขาวิชารัสเซีย พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาเยอรมัน 19,702.30-19,702.30 คะแนน

สาขาวิชารัสเซีย พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาจีน 19,381.95-21,881.25 คะแนน

สาขาวิชารัสเซีย พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาญี่ปุ่น 20,171.55-20,900.15 คะแนน

สาขาวิชารัสเซีย พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาบาลี 19,597.40-19,597.40 คะแนน

สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาญี่ปุ่น 21,484.85-25,471.70 คะแนน

สาขาวิชาภาษาเยอรมัน พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาเยอรมัน 18,675.25-22,523.20 คะแนน


คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน

พื้นฐานศิลปศาสตร์ (รูปแบบที่ 1) 21,186.65-25,633.00 คะแนน

พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาฝรั่งเศส 21,679.35-21,679.35 คะแนน

พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 เลือกสอบวิชาภาษาจีน 21,212.50-21,643.00 คะแนน

 

คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา

พื้นฐานศิลปศาสตร์ (รูปแบบที่ 1) 19,583.60-21,742.50 คะแนน


คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม 14,397.00-16,870.85 คะแนน

สาขาวิชาเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนายั่งยืน 11,306.30-15,360.60 คะแนน

สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร 13,636.05-16,525.25 คะแนน

สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ 13,860.85-17,905.40 คะแนน

สาขาวิชาคณิตศาสตร์ 11,405.95-17,786.25 คะแนน

สาขาวิชาสถิติ 11,157.25-17,181.65 คะแนน

สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร 13,717.30-18,216.70 คะแนน

สาขาวิชาเคมี 11,332.55-17,816.30 คะแนน

สาขาวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 14,378.15-16,966.30 คะแนน

สาขาวิชาฟิสิกส์อิเล็กทรอนิกส์ 11,945.90-16,130.25 คะแนน

สาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ 11,331.10-17,006.65 คะแนน

สาขาวิชาฟิสิกส์ 10,423.75-16,476.70 คะแนน

สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสิ่งทอ 12,527.50-15,789.35 คะแนน

สาขาวิชาวัสดุศาสตร์ 11,700.80-16,811.60 คะแนน

สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ โครงการปริญญาตรีภาคพิเศษ 13,150.85-15,903.00 คะแนน

สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า อุตสาหกรรม เคมี เครื่องกล และวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ 13,548.10-18,717.60 คะแนน

สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา 13,882.50-17,709.15 คะแนน

โครงการหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตสองสถาบัน (TEP) 12,822.85-19,115.95 คะแนน

โครงการหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต ภาคภาษาอังกฤษแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TEPE) 12,275.20-16,705.25 คะแนน

คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง

สาขาสถาปัตยกรรม (วิทยาศาสตรบัณฑิต) พื้นฐานศิลปศาสตร์ (รูปแบบที่ 1) 19,439.25-23,975.70 คะแนน

สาขาวิชาสถาปัตยกรรมภายใน พื้นฐานศิลปศาสตร์ (รูปแบบที่ 1) 20,042.25-22,902.00 คะแนน

สาขาวิชาการผังเมือง พื้นฐานศิลปศาสตร์ (รูปแบบที่ 1) 17,229.75-20,729.00 คะแนน

สาขาภูมิสถาปัตยกรรม พื้นฐานศิลปศาสตร์ (รูปแบบที่ 1) 18,930.35-21,130.75 คะแนน

 

คณะสาธารณสุขศาสตร์ 16,653.85-18,168.35 คะแนน

 
สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร

หลักสูตรนานาชาติ (SIIT) สาขาวิศวกรรมโยธา 10,776.95-17,067.20 คะแนน

สาขาวิศวกรรมเคมี เครื่องกล อิเล็กฯ อุตสาหการ 10,041.20-20,286.50 คะแนน

วิทยาศาสตรบัณฑิต เทคโนโลยีสารสนเทศฯ (รูปแบบ 1) 12,017.55-18,939.60 คะแนน

วิทยาศาสตรบัณฑิต เทคโนโลยีสารสนเทศฯ (รูปแบบ 2) 14,950.65-18,503.85 คะแนน

วิทยาศาสตรบัณฑิต เทคโนโลยีการจัดการฯ (รูปแบบ 1) 10,141.90-16,247.70 คะแนน

วิทยาศาสตรบัณฑิต เทคโนโลยีการจัดการฯ (รูปแบบ 2) 13,958.80-21,696.25 คะแนน

วิทยาลัยสหวิทยาการ มธ.ศูนย์ลำปาง พื้นฐานศิลปศาสตร์ (รูปแบบที่ 1) 9,560.60-19,209.75 คะแนน


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1273636070&grpid=03&catid=04

[เหยง 16]

"CU First Date” เดทแรกน้องใหม่จุฬา'53
13 พฤษภาคม 2553 15:47 น.


                                       
                                       
                                       
                                       
                                       

 
       เผยโฉมหน้าหนุ่มสาวหน้าใส เฟรชชี่น้อย จุฬาฯ '53 ใน“งานวันแรกพบ : CU FIRST DATE” ก้าวแรกแห่งความสำเร็จในรั้วจามจุรี อบอวลด้วยกลิ่นไอกิจกรรมรับน้องใหม่
       
       Life On Campus เก็บเกี่ยวบรรยากาศงานแรกพบ “CU FIRST DATE” กิจกรรมต้อนรับน้องใหม่ชาวจุฬาฯ ปีการศึกษา 2553 ที่เพิ่งคว้าชัยชนะใจตัวเองกันมาสดๆร้อนๆมาร่วมกันประชันโฉมเผยหน้าแชมป์ใหม่ และร่วมกิจกรรมแสดงความยินดีกับกิจกรรมที่รุ่นพี่ทั้ง 18 คณะได้จัดเตรียมไว้ต้อนรับอย่างอบอุ่น ณ สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งแต่เวลา 8.00 น.- 15.00 น. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
       
       สำหรับกิจกรรม “งานวันแรกพบ : CU FIRST DATE” ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดขึ้น เพื่อแสดงความยินดีและต้อนรับนักเรียนที่ผ่านการ คัดเลือกเข้าสู่รั้วจามจุรีในฐานะนิสิตจุฬาฯอย่างเต็มตัว นอกจากนี้ยังเพื่อให้นิสิตใหม่ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆและรุ่นพี่ ในมหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรก รวมทั้งรับทราบข่าวสารกิจกรรมต่างๆของมหาวิทยาลัย เพื่อที่จะได้เตรียมพร้อมกับก้าวต่อไปในรั้วมหาวิทยาลัย
       
       ภายในงานพบกับกิจกรรมสันทนา การจากพี่ซุ้มแต่ละคณะ ที่พร้อมจะมอบรอยยิ้มและความสนุกสนาน ทั้งกิจกรรมบนเวทีที่น่าสนใจมากมาย อาทิ โชว์จากลีดจุฬาฯ จุฬาคทากร(ดรัมเมเยอร์) และวงดนตรีสดจาก CU Band และ CUMA มันส์ไม่มีเบรกนานถึง 2 ชั่วโมง รวมถึงนิทรรศการภาพประทับใจกิจกรรมจุฬาฯ ตรงบริเวณซุ้มทางเข้างาน และร่วมถ่ายภาพกับเส้นชัยยักษ์สัญลักษณ์ของงานซึ่งตั้งเด่นอยู่กลาง สนามเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก
       
       พิเศษปีนี้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ งานกีฬามหาวิทยาลัยครั้งที่ 38 หรือ “จามจุรีเกมส์” พบกับแฟชั่นโชว์ “The Champions & His Celebrities” ที่จะพานักกีฬาสุดเท่และเซเลบสุดสวยจาก จุฬาฯมาร่วมกันเดินพาเหรดแฟชั่นชุดนักกีฬาแบบชิคๆ
       
       ** ขอบคุณภาพ จาก "Mo" ชมรมโฟโต้ - "ณัฐวัฒน์ ศุกลักษณ์พิทยา" -"ทรัพย์" นิสิตจุฬาฯ
       
 ...      
       แวะชมบรรยากาศ "แรกพบ" ชาว มธ. ได้ที่นี่
       
       http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9530000064731
       
       อ่าน "แนวคิด" รับน้องชาว ม.อ. ลูกพระบิดา สงขลานครินทร์
       
       http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9530000065161
       
       เกริ่นนำก่อนเข้างาน "รับน้องรถไฟ" ลูกช้าง มช.
       
       http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9530000065580

 
ดูภาพเพิ่มเติมได้อีกที่:
 
http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000065983
 

[เหยง 16]

และจากเว็ปหน้านี้เอง พบกับข้อความที่โพสต์ไว้ข้อความหนึ่งครับ...............

ความคิดเห็นที่ 25         +59       
 
พฤติกรรมเลว ของรุ่นพี่พวกเธอ อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างน่ะ

น้องอุ๊งอิ๋ง คนสวยหุ่นอวบระยะสุดท้าย เปิดหน้าชกสังคมไทยรอบทิศ เพื่อทดแทนบุญคุณ
บิดร-มารดา ด้วย “ทวิต” คำพูดประโยคเล็กๆ สั้นๆ แต่กินใจจนคนไทยทั้งชาติ จึงร่วมแรง
ร่วมใจส่งกันว่อนในโลกไซเบอร์

ทวิตแรกของอุ๋งอิ๋ง – ซึ่งเพิ่งเรียนจบปริญญาโท จากประเทศอังกฤษ เขียนไว้ว่า

“มนุษย์เผ่าพันธุ์กรุงเทพ เป็นมนุษย์ที่อ่อนแอที่สุดในมนุษย์ 6 จำพวกของประเทศ
สารขันธ์...ปลูกข้าวไม่ได้ หาปลาไม่เป็น ที่เก่งที่สุดคือ การดูถูกมนุษย์เผ่าพันธุ์อื่นว่า เค้าโง่
เค้าควาย... แต่หาสำนึกไม่ว่า มนุษย์เหล่านี้ปลูกข้าว หาปลาให้ทุกท่านกิน ถ้าไม่มีมนุษย์
เหล่านี้... ท่านจะกิน GUCCI หรือ BMW ได้ไหม?

หลังจากทวิตข้อความนี้จาก Inkshin ออกไปแล้ว พบว่า ชาวทวิตเตอร์ สวนกลับลูก
สาวทักษิณทันควัน ปล่อยหมัดกันโครมคราม ทั้งประเด็นผลสอบเอนทรานซ์มหัศจรรย์ กับ ข้อสอบ
ปริศนาที่หายไป และการเรีย กับความประพฤติส่วนตัวในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ที่เพื่อนๆทั้งรุ่นพี่
รุ่นน้องกล่าวขวัญกันอื้ออึง แต่ที่เด็ดที่สุดคือ ความเห็นตรงกันของสังคมออนไลน์ที่โต้อุ๋งอิ๋งว่า

“เราจะกินอะไร หรือ รู้ไหมว่าใครหามาให้เรากิน ยังไม่สำคัญเท่ากับ เราไม่เคย
กินบ้านกินเมืองเหมือนพ่อแม่แก และไม่เคยหลอกเพื่อนร่วมชาติให้มาหาปลา แล เผาให้กินที่
ผ่านฟ้า - ราชประสงค์ ในขณะที่พวกแกกับพ่อแม่พี่น้องของแกขนเงินภาษีของเราใส่กระเป๋า
แอร์เมส แล้วออกไปซื้อปลาแซลมอนกินกันโครมๆ อย่างสบายอารมณ์ในต่างแดน”

แต่แล้วเรื่องราวความปากพล่อยของลูกไพร่อย่างอุ๋งอิ๋งก็เป็นอันจบไปคำรบหนึ่ง ทว่า
อีกไม่กี่วันถัดมาสาวน้อยหน้าใสก็ไม่วายโพล่งออกมาที่ทวิตเตอร์อีกว่า

“เซ็ง...พวกที่ถามถึงพารากอนจังเลยนะคะ เพราะแท้ที่จริงแล้ว คนพวกนี้ 99 %
จะเดินแต่ที่แพลตตินั่มกันในชีวิตประจำวันเสียมากกว่า”

เอาละสิ...ลองอีหรอบนี้ก็มีแต่คำว่า “หนักจนเกินอภัย” สังคมออนไลน์ก็ลงมือลงไม้
กับน้องอุ๋งอิ๋งด้วยถ้อยคำที่มีตั้งแต่เหน็บแนม เสียดสี เถียงกลับ จนถึง ด่าทอสาดเสียเทเสีย
เช่น

“เราเดินแพลตตินั่มแล้วหนักหัวใคร เพราะเงินทุกบาทที่เราไปจับจ่าย ล้วนแต่เป็น
เงินบริสุทธิ์ที่เราหามาด้วยตัวเองไม่ได้ไปรีดไถ หรือ โกงใครเหมือนพ่อ-แม่แก ...หล่อนคิด
ว่า มีแต่ตัวหล่อน และพ่อแม่พี่น้องหล่อนหรือไรที่มีปัญญาเดินพารากอน ...เสร็จงานนี้หล่อนยัง
คิดว่า จะมีโอกาสได้กลับมาเดินห้างในเมืองไทยอีกหรือ ฝันไปก่อน...เจอหล่อนที่ไหน ไล่
ที่นั่น...เสียบประจานด้วยมาตรการสังคมลงทัณฑ์…แนะนำว่า ควรเก็บปากเก็บคำไว้ดีกว่า
เพราะพ่อแม้วของเธออีกไม่นานก็ตายไป แต่หล่อนสิยังอ่อนเยาว์นัก ปากเสียใจหมาอย่างนี้จะ
อยู่ในสังคมไทยต่อไปยังไง”

คนโรงแรม


http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9530000065983&#Opinion

[เหยง 16]

การจัดอันดับมหา'ลัย ในภูมิภาคเอเชีย ปี 2553 นี้

วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 23:38:30 น.  มติชนออนไลน์

"มหิดล"ติด200มหา"ลัยชั้นนำในเอเชีย


เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) เปิดเผยว่า ในการจัดอันดับ 200 มหาวิทยาลัยในภูมิภาคเอเชีย โดย Quacquarelli Symonds Ltd. (QS) เป็นปีที่ 2 ปรากฏว่าปีนี้ มม.อยู่ในอันดับที่ 28 ของภูมิภาคเอเชีย จากเดิมอันดับที่ 30 และอยู่ในอันดับที่ 1 ของมหาวิทยาลัยไทยเพียง 7 แห่ง ที่ติดอยู่ในการจัด 200 อันดับครั้งนี้ ถือว่า มม.พัฒนาความสำเร็จขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
ส่วนมหาวิทยาลัยไทยอีก 6 แห่ง มีดังนี้
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อันดับ 44
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อันดับ 71
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อันดับ 91
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อันดับ 101
มหาวิทยาลัยขอนแก่น อันดับ 122 และ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อันดับ 126


ม.ร.ว.ชิษณุสรร สวัสดิวัตน์ ประธานคณะกรรมการนโยบายวิเทศสัมพันธ์ มม. กล่าวว่า น่าพอใจที่ปีนี้ มม.ขยับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 28 จากอันดับ 30 โดยคะแนนรวมเพิ่มขึ้นเป็น 80.20 คะแนน แต่การจะขยับขึ้นไปอยู่ใน 10 อันดับแรกของมหาวิทยาลัยชั้นนำในเอเชียนั้นลำบาก ต้องยอมรับว่าหลายตัวชี้วัดยังทำได้ไม่ดี โดยเฉพาะผลงานวิจัย ซึ่งมหาวิทยาลัยชั้นนำของเอเชียนั้น โดยเฉลี่ยอาจารย์ทำวิจัยคนละ 2 ชิ้น แต่ของ มม.อยู่ที่คนละ 0.3-0.4 ชิ้น ซึ่ง มม.พยายามปรับปรุงพัฒนาด้านต่างๆ ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้อง และไม่เกี่ยวข้องกับการจัดอันดับโดยตรง เพื่อทำให้ มม.เป็นที่รู้จักของต่างประเทศ เพราะต้องยอมรับว่ามหาวิทยาลัยไทยที่ต่างประเทศรู้จักมากที่สุดคือ จุฬาฯ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มหาวิทยาลัยที่ได้รับการจัดอยู่ใน 200 อันดับมหาวิทยาลัยในภูมิภาคเอเชีย ใน 10 อันดับแรก ได้แก่
อันดับ 1 University of Hong Kong
อันดับ 2 The Hong Kong University of Science and Technology
อันดับ 3 National University of Singapore (NUS)
อันดับ 4 The Chinese University of Hong Kong
อันดับ 5 The University of Tokyo
อันดับ 6 Seoul National University
อันดับ 7 Osaka University อันดับ 8 Kyoto University
อันดับ 9 Tohoku University และ
อันดับ 10 Nagoya University

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1273855136&grpid=&catid=04

[เหยง 16]

ท่านผู้ว่าฯ ชวน เป็นรุ่นพี่รัฐศาสตร์และชาวหอ ปี 2514

"ครม."เด้ง 4 ผวจ.เข้ากรุเซ่นเผาศาลากลาง
25 พค. 2553 13:18 น.


กระทรวงมหาดไทย โดยนายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงได้เสนอวาระเพื่อทราบต่อครม.โดยมีการโยกย้ายผู้ว่า 4 จังหวัดช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทยได้แก่

1.นายปราโมช สัจจรัตน์ ผู้ว่าขอนแก่น โดยมีนายพยัพ ชาญประเสริฐ รองผู้ว่าฯขอนแก่นรักษาราชการแทน
2.นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่ามุกดาหาร โดยให้นายชาญวิทย์ วสยางกูร ที่ปรึกษา 10 ด้านการบริหาร รักษาการผู้ว่ามุกดาหาร

3.นายชวน ศิรินันทร ผู้ว่าอุบล โดยให้นายวิชิต ชาตไพสิฐ ที่ปรึกษา 10 ด้านความมั่นคง รักษาการผู้ว่าอุบล
4.นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าอุดรธานี โดยให้นายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ รองผู้ว่าอุดรรักษาราชการแทน

ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. 2553

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=449850

[เหยง 16]

เพิ่มเติมครับ

จังหวัดมุกดาหาร นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าฯ ไปช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย
นายชาญวิทย์ วสยางกูร ที่ปรึกษา 10 ด้านการบริหาร รักษาราชการผู้ว่าฯ มุกดาหาร

นายชาญวิทย์ วสยางกูร เป็นสิงห์ดำและชาวหอ 2512 ด้วยครับ

[เหยง 16]

อ่านข่าว อาร์ ซี ยู 16 ทำงานที่ภาคใต้

รองผู้ว่าฯ พัทลุงอัญเชิญดินพระราชทานฝังศพทหารกล้า
14 กันยายน 2553 18:25 น.

 
       พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โปรดเกล้าฯ พระราชทานดินฝังศพ จ.ส.อ.เมธา เพ็งโอ ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
        ทั้งนี้ นายวัชรินทร์ ทองสกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานในพิธีพระราชทานดินฝังศพ จ่าสิบเอกเมธา เพ็งโอ อายุ 49 ปี นายสิบประจำหมวด กองร้อยทหารราบที่ 5034 หน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ บริเวณบ้านตลาดเก่า อ.เมืองยะลา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา หลังถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ซุ่มยิงเข้าบริเวณศรีษะ จำนวน 1 นัด และญาติได้นำมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณีทางศาสนาที่บ้านเกิด
        สำหรับ จ่าสิบเอกเมธา เพ็งโอ หลังจากเสียชีวิตในขณะการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 ชายแดนภาคใต้นั้น ได้รับเลื่อนชั้น 9 ชั้น และได้รับพระราชทานยศ "พันเอก" เป็นกรณีพิเศษ และได้รับ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย เป็นกรณีพิเศษด้วย


 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000129252