too_ploenpit
|
|
« ตอบ #1675 เมื่อ: 15 เมษายน 2555, 11:09:34 » |
|
...สวัสดีค่ะ...น้องตี๋และสมาชิกทุกท่าน...
...พี่ตู่เข้ามาตามอ่านเรื่องแกงฮังเลค่ะ...
...และเพิ่งจะทราบว่าแกงฮังเลเป็นอาหารมงคลค่ะ...
...ถึงว่าสิ...เวลาที่ทางบ้านพี่ตู่ทำบุญ...หรือไปงานทำบุญของคนอื่นๆ...
...ก็จะมีชาวเหนือนำแกงฮังเลมาร่วมทำบุญด้วยเสมอๆค่ะ...
...ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆมาบอกกล่าวกันค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
อ้อย17
|
|
« ตอบ #1676 เมื่อ: 15 เมษายน 2555, 11:12:07 » |
|
น้องตี๋...
วันนี้วันพญาวัน ขอให้มีความสุข พบแต่ความสำเร็จดังปรารถนาทุกประการนะจ๊ะ..
|
|
|
|
ti2521
|
|
« ตอบ #1677 เมื่อ: 15 เมษายน 2555, 20:38:34 » |
|
.....สวัสดีวันสงกรานต์ครับ พี่ตู่ มีรายการแกงกับตำขนุนอีกครับ.....
|
เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ สำหรับผม อย่างไรก็ได้
|
|
|
ti2521
|
|
« ตอบ #1678 เมื่อ: 15 เมษายน 2555, 20:43:12 » |
|
.....ขอบคุณครับ พี่อ้อย
วันถัดจากวันพญาวันเป็น วันปากปี ครับ มีอาหารอีกอย่างที่ต้องทานครับ แกงหรือตำ เฮียหนุน ครับ๕๕๕.....
|
เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ สำหรับผม อย่างไรก็ได้
|
|
|
ti2521
|
|
« ตอบ #1679 เมื่อ: 15 เมษายน 2555, 21:25:31 » |
|
.....บ่าหนุน (ขนุน)..... บ่าหนุน คือ ขนุน
มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Jackfruit tree
ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Astocarpus heterophyllus lam. ในวงศ์ MORACEAE บ่าหนุน หรือขนุนเป็นไม้ยืนต้นที่พบเห็นโดยทั่วไป แหล่งกำเนิดของขนุนมาจากอินเดียใต้ ต่อมาจึงเป็นที่นิยมปลูกในศรีลังกา พม่า อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย แต่ละที่มีชื่อเรียกแปลกหูต่างกันออกไป อย่างอินเดียเขาเรียกขนุนว่า “กาตะหาร์” ชาวเขมรเรียก “คะโนร” มาเลเซียเรียก “นังก้า” เมืองไทย ในแต่ละภาค แต่ละถิ่น ก็ออกเสียงเรียกขนุนคนละแบบ ถ้าอู้คำเมือง เขาเรียก “บ่าหนุน” ภาคใต้เรียก “หนุน” ห้วนๆ ส่วนอีสานบ้านเฮาเรียก “บักมี่” แต่ถ้าถามถึงชื่อที่ทุกชาติภาษารู้จักขนุนก็คงหนีไม่พ้น Jack Fruit คำว่า Jack นั้นเพี้ยนมาจากคำว่า Chakka ในภาษามาลายาลัม (Malayalam) ภาษาพื้นเมืองของอินเดียใต้ ซึ่งหมายถึงขนุนเช่นกัน นับเป็นต้นไม้ที่มีบทบาทในชีวิตมาตั้งแต่ครั้งสมัยพุทธกาล ซึ่งจะเห็นได้จากการที่มีการนำรากและแก่นขนุนมาต้มเพื่อเป็นน้ำย้อมสบงจีวรของพระสงฆ์ตั้งแต่สมัยนั้น สำหรับในประเทศไทยมีชื่อขนุนแต่เรียก "หมากลาง" ปรากฏในศิลาจารึกสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชแห่งกรุงสุโขทัย ซึ่งเป็นศิลาจารึกที่มีอายุเก่าแก่กว่า ๗๐๐ปี ความสำคัญของขนุนนั้นอยู่ที่คุณประโยชน์ซึ่งเกือบจะครอบคลุมปัจจัยทั้งสี่ของมนุษย์ ประโยชน์ของขนุน ราก ใช้ย้อมผ้าสบงจีวรของพระสงฆ์ โดยต้มเคี่ยวให้ได้น้ำสีเหลืองออกสีน้ำตาลที่เรียก "สีย้อมฝาด" (กาสาวพัตร์) แล้วเอาผ้าลงย้อม สรรพคุณทางยา ใช้ต้มน้ำกินแก้ท้องเสีย แก้ไข้ บำรุงเลือด และขี้เถ้าของรากขนุนใช้เป็นยารักษาแผลได้ด้วย ลำต้นไม้ขนุนนิยมใช้เป็นสิ่งก่อสร้างเพราะปลวกและราไม่ขึ้น ใช้ทำเครื่องดนตรีเช่นกลอง ระนาด และซึง แก่นของขนุนเป็นสมุนไพรบำรุงกำลัง บำรุงเลือด แก้ลมชัก เป็นต้น ยาง โบราณใช้ยางขนุนเป็นยางดักสัตว์เล็กที่เรียกว่า "ตั๋ง" สรรพคุณทางยาใช้ทาแผลบวมอักเสบ แผลมีหนอง เป็นต้น ใบ ใบอ่อนของขนุนใช้รับประทานกับส้มตำ แกงโฮะ จิ้มน้ำพริก เป็นเครื่องเคียงอาหารประเภทลาบ ใบแก่ใช้ต้มน้ำให้สัตว์กินช่วยขับน้ำนม ใช้เผาร่วมกับซังข้าวโพดและกะลามะพร้าวให้ได้ขี้เถ้าเพื่อใช้เป็นยารักษาแผลเรื้อรังในสัตว์เลี้ยง และเป็นอาหารสัตว์ ผล ผลดิบที่ยังอ่อนใช้กินเป็นผักจิ้มน้ำพริก ขนาดโตขึ้นใช้ทำอาหารทั้งแกง ตำหรือยำที่เรียกว่า แก๋งบ่าหนุน ต๋ำบ่าหนุน หรือ ยำบ่าหนุน สรรพคุณทางยา ผลสดใช้เป็นยาฝาดสมานและแก้ท้องเสีย ผลสุกเป็นอาหารประเภทผลไม้ เมล็ด ใช้ต้มหรือเผา รับประทานเป็นอาหารว่าง ความเชื่อ นอกจากคุณ-ประโยชน์ต่างๆดังกล่าว ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับขนุน กล่าวคือ ชาวล้านนานิยมปลูกขนุนไว้ในบริเวณบ้านโดยปลูกไว้ด้านทิศตะวันตกจะเป็นมงคล ใบขนุนนิยมนำมาผูกติดหรือรองก้นหลุมเสามงคลของบ้าน ไม้ขนุนถ้านำมาแกะเป็นพระพุทธรูปบูชาเชื่อว่าจะเกิดความมั่งมีศรีสุข เมล็ดของขนุนถ้าพบเมล็ดใดมีลักษณะเป็นหิน (คด) ถือเป็นเครื่องรางให้คุณทางด้านคงกระพันชาตรีและเมตตามหานิยม มีชื่อเรียกว่า "แสงบ่าหนุน" และ ที่สำคัญมีการแกงขนุนในโอกาสสำคัญเช่นงานแต่งงาน เป็นเคล็ดให้คู่บ่าวสาวมีความเกื้อหนุนจุนเจือซึ่งกันและกัน
และขนุนนั้นมียางเหนียวก็มีความหมายไปถึงการครองชีวิตอยู่อย่างเหนียวแน่นตลอดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงกรานต์ คือ "วันปากปี" ชาวล้านนาทุกครัวเรือนจะมีการแกงขนุน ด้วยเชื่อกันว่าจะทำให้เกิดความรุ่งโรจน์ในชีวิตเพราะมีสิ่งคอยค้ำหนุนจุนเจือ โดยถือเคล็ดตามชื่อ "หนุน" ชีวิตจะได้ไม่ตกต่ำไปตลอดปี ปี ๒๕๕๕ ผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับคำว่า " หนุน " จะมีแต่ความหนุนเนื่องด้วยความสามารถพิเศษ
ทะลุทะลวงโลดแล่นในหน้าที่การงานเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งใหญ่โต
เป็นที่รักของผู้ได้พบปะ ทั้งเพื่อนร่วมงาน พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ครับผมขอขอบคุณhttp://pirun.kps.ku.ac.th/~b4927065/final01.htmlhttp://www.google.co.th/imgres?q=ต้นขนุนทวายปีเดียว&hl=th&sa=X&biw=1121&bih http://www.thainews70.com/news/news-culture-sanon/view.php?topic=143http://www.youtube.com/watch?v=iyMZoiyFoDohttp://www.youtube.com/watch?v=OFpFDkkhqVohttp://www.youtube.com/watch?v=cePOhUKt_Go
|
เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ สำหรับผม อย่างไรก็ได้
|
|
|
|
ทราย 16
|
|
« ตอบ #1681 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2555, 16:37:19 » |
|
อ้าว ... เจ้าของบ้านหายไปนาน เห็นอยู่แว๊บๆ แต่ไม่เข้าบ้านน๊อ???
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #1682 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2555, 17:48:32 » |
|
สวัสดียามเย็นครับ... พี่ตี๋..พี่ตู่..พี่ทราย..พี่อ้อย..พี่หนุน และพี่น้องทุกท่าน
เห็นพี่ตี๋โพสท์หลายห้องเหมือนกัน...
|
|
|
|
ti2521
|
|
« ตอบ #1683 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2555, 15:05:58 » |
|
.....สวัสดีครับ พี่ทราย เสี่ยแหลม ช่วงนี้งานยุ่งหน่อยครับ คิดถึงทุกคนครับ.....
|
เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ สำหรับผม อย่างไรก็ได้
|
|
|
ti2521
|
|
« ตอบ #1684 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2555, 15:26:03 » |
|
ผลไม้ทิพย์ อินทผาลัม ชื่อวิทยาศาสตร์ : Phoenix dactylifera Linn. ชื่อวงศ์ : Palmaeชื่อสามัญ : Date Palmลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว (มีแตกกอบ้าง) ลำต้น : ขนาด 30 – 50 เซนติเมตร สูงได้ถึง 30 เมตรใบ : ใบแบบขนนกยาวแหลม สีบอร์นเงาดอก : ช่อดอกออกโคนกาบใบผล : ผลกลมรี เหลืองส้ม เมื่อสุกแก่จะมีสีน้ำตาลถึงน้ำตาลเข้ม ระยะการพัฒนาผลแบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ ระยะผลดิบ, ระยะผลสมบรูณ์เต็มที่,ระยะผลสุกแก่ และระยะผลแห้งคุณค่าทางโภชนาการอิทผลัมมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ สารแคลเซียม, ซัลเฟอร์, เหล็ก, โปแตสเซี่ยม, ฟอสฟอรัส, แมงกานิส, แมกนีเซี่ยม และน้ำมันโวลาไตล์อุดมไปด้วยเส้นใย ( Fiber) ช่วยลดการท้องผูกย่อยง่าย ช่วยป้องกันมะเร็งในช่องท้องบำรุงร่างกายแก้โรควิงเวียนศรีษะแก้กระหาย และช่วยลดเสมหะภายในลำคอภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงหลังจากที่รับประทานอินทผลัมเข้าไปร่างกายที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง ก็จะกลับมีกำลังดังเดิม ทั้งนี้เพราะว่า อัตราน้ำตาลในเลือดที่ต่ำทำให้ร่างกายที่รู้สึกหิวกระหาย เมื่อได้ดูดซึมเอาสารอาหารจากอินทผัมความรู้สึกหิวก็จะลดลงการรับประทานอินทผลัมยามเช้าขณะท้องว่าง อินทผลัมจะทำการฆ่าเชื้อโรค, พยาธิ และสารพิษที่ตกค้างที่อยู่ในลำไส้และระบบทางเดินอาหาร เพราะอินทผลัม มีฤทธิ์ในการกำจัดสารพิษ และยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคบางตัวอันเป็นสารก่อมะเร็งได้ขอขอบคุณ http://board.postjung.com/561674.html http://www.intapalum.com/menu1_1.html http://www.youtube.com/watch?v=GfMeEoF8XA0
|
เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ สำหรับผม อย่างไรก็ได้
|
|
|
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์
คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927
|
|
« ตอบ #1685 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2555, 16:04:14 » |
|
เป็นความรู้ที่เป็นประโยชน์มากครับ เฮียตี๋ ต่อไปจะพยามยามกินอินทผาลัมต้อนเช้าๆ ให้ได้สักวันละ 2-3 ลูก ขอบคุณคร้าบบบบ.....
|
“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้ อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
|
|
|
Lamai
|
|
« ตอบ #1686 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2555, 20:09:10 » |
|
ลำปางฮ้อนก่อเจ้า....
|
|
|
|
ทราย 16
|
|
« ตอบ #1687 เมื่อ: 03 มิถุนายน 2555, 20:03:46 » |
|
วันนี้ต้มขนุนอ่อนใส่กระดูกหมู ... ทำให้คิดถึงน้องตี๋ค่ะ น้องตี๋คงยุ๊งงง ยุ่ง เลยหายจ้อยยยยยไปเลย
|
|
|
|
ti2521
|
|
« ตอบ #1688 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2555, 00:44:30 » |
|
.....สวัสดีเจ๊า น้องไม ต๋อนนี้มีสองหน้า ฮ้อนกับฝนครับ.....
|
เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ สำหรับผม อย่างไรก็ได้
|
|
|
ti2521
|
|
« ตอบ #1689 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2555, 00:50:45 » |
|
.....สวัสดีครับพี้ทราย ขอบคุณจ้าดนักครับ
สูตรเมืองน่านยังบ่เคยชิมเลยครับเปิ้นว่าลำขนาดครับ๕๕๕
ช่วงนี้หายจ้อยแต้ครับ ถั่วเหลืองออกนักครับ แต่จากเกษตรกรหมดแล้วครับเริ่มว่างพ้องแล้วครับ.....
|
เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ สำหรับผม อย่างไรก็ได้
|
|
|
ti2521
|
|
« ตอบ #1690 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2555, 00:52:31 » |
|
.....สวัสดีครับ เฮียหนุน เช้านี้กินกี่เม็ดครับ๕๕๕.....
|
เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ สำหรับผม อย่างไรก็ได้
|
|
|
ti2521
|
|
« ตอบ #1691 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2555, 01:20:06 » |
|
วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ข้าว คือ พืชเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย เป็นสินค้าส่งออกนำรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมหาศาลทุกปีและเป็นอาหารหลักของคนไทยมานานชาวนา คือ กลุ่มเกษตรกรที่ผลิตข้าวบริโภคภายในประเทศและเหลือจนสามารถส่งออกข้าวมากเป็นอันดับหนึ่งของโลกรัฐบาลได้เห็นถึงความสำคัญของข้าวและชาวนา คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2552 ได้กำหนดให้วันที่ 5 มิถุนายน ของทุกปีเป็นวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ วันข้าวและชาวนาแห่งชาติเป็นวันที่มีความสาคัญวันหนึ่ง หลายคนคงสงสัยถึงที่มาว่าทำไมจึงต้องเป็นวันที่ 5 มิถุนายน ของทุกปี เนื่องจาก เป็นวันประวัติศาสตร์ของประเทศไทยวันหนึ่ง เมื่อ 65 ปีมาแล้ว ซึ่งตรงกับวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระเจ้าน้องยาเธอ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เพื่อทอดพระเนตรกิจการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทั้งยังได้ทรงหว่านข้าวด้วยพระองค์เองในแปลงนาภายในมหาวิทยาลัย ดังนั้นจึงถือว่าวันที่ 5 มิถุนายน เป็นวันที่เป็นสิริมงคลต่อวงการข้าวและชาวนาไทย การเสด็จพระราชดำเนินทรงหว่านข้าวในครั้งนั้น นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ นอกจากนั้นแล้วยังเป็นการสื่อให้เห็นถึงความสำคัญของการปลูกข้าวและเป็นการส่งเสริมอาชีพการทำเกษตรกรรม ซึ่งถือว่าเป็นพระราชกรณียกิจของทั้งสองพระองค์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพสกนิกรชาวไทยทั่วทั้งประเทศขอขอบคุณhttp://kkn-rsc.ricethailand.go.th/rice/culture/day/06-05ChownaDay/http://ebook.lib.ku.ac.th/aginc/index.php/list-news-all/79-2012-05-22-09-34-27
|
เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ สำหรับผม อย่างไรก็ได้
|
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #1693 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2555, 06:59:32 » |
|
| | อ้างถึง | | | ข้อความของ ti2521 เมื่อ 26 พฤษภาคม 2555, 15:26:03 | | | | | ผลไม้ทิพย์ อินทผาลัม
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Phoenix dactylifera Linn. ชื่อวงศ์ : Palmae ชื่อสามัญ : Date Palm
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว (มีแตกกอบ้าง) ลำต้น : ขนาด 30 – 50 เซนติเมตร สูงได้ถึง 30 เมตร ใบ : ใบแบบขนนกยาวแหลม สีบอร์นเงา ดอก : ช่อดอกออกโคนกาบใบ ผล : ผลกลมรี เหลืองส้ม เมื่อสุกแก่จะมีสีน้ำตาลถึงน้ำตาลเข้ม ระยะการพัฒนาผลแบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ ระยะผลดิบ, ระยะผลสมบรูณ์เต็มที่,ระยะผลสุกแก่ และระยะผลแห้ง
คุณค่าทางโภชนาการ
อิทผลัมมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ สารแคลเซียม, ซัลเฟอร์, เหล็ก, โปแตสเซี่ยม, ฟอสฟอรัส, แมงกานิส, แมกนีเซี่ยม และน้ำมันโวลาไตล์ อุดมไปด้วยเส้นใย ( Fiber) ช่วยลดการท้องผูกย่อยง่าย ช่วยป้องกันมะเร็งในช่องท้อง บำรุงร่างกายแก้โรควิงเวียนศรีษะ แก้กระหาย และช่วยลดเสมหะภายในลำคอ ภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงหลังจากที่รับประทานอินทผลัมเข้าไปร่างกายที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง ก็จะกลับมีกำลังดังเดิม ทั้งนี้เพราะว่า อัตราน้ำตาลในเลือดที่ต่ำทำให้ร่างกายที่รู้สึกหิวกระหาย เมื่อได้ดูดซึมเอาสารอาหารจากอินทผัมความรู้สึกหิวก็จะลดลง การรับประทานอินทผลัมยามเช้าขณะท้องว่าง อินทผลัมจะทำการฆ่าเชื้อโรค, พยาธิ และสารพิษที่ตกค้างที่อยู่ในลำไส้และระบบทางเดินอาหาร เพราะอินทผลัม มีฤทธิ์ในการกำจัดสารพิษ และยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคบางตัวอันเป็นสารก่อมะเร็งได้
ขอขอบคุณ
http://board.postjung.com/561674.html http://www.intapalum.com/menu1_1.html http://www.youtube.com/watch?v=GfMeEoF8XA0
| | | | | ต้นกล้าไม่รู้ว่าต้นละเท่าไร หาซื้อได้ที่ไหน
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
ออฟไลน์
รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562
|
|
« ตอบ #1694 เมื่อ: 07 มิถุนายน 2555, 13:03:57 » |
|
สวัสดีค่ะ น้องตี๋ และสมาชิก ไม่ได้เข้ามาคุยเสียนาน อ่านแล้วดีใจที่ ทานอินทผาลัม มานาน มะเร็งจะได้หนีไกล
|
|
|
|
ti2521
|
|
« ตอบ #1695 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2555, 06:14:28 » |
|
.....สวัสดีครับ พี่อร เป็นข้อมูลเบื้องต้นแต่ผมไม่แน่ใจเรื่องความหวานครับ๕๕๕.....
|
เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ สำหรับผม อย่างไรก็ได้
|
|
|
ทราย 16
|
|
« ตอบ #1696 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2555, 06:17:09 » |
|
สวัสดีค่ะน้องตี๋ วันนี้มาเช้าน่ะคะ อากาศที่ลำปางเป็นไงมั่งคะ
|
|
|
|
ti2521
|
|
« ตอบ #1697 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2555, 06:21:30 » |
|
| | อ้างถึง | | | ข้อความของ พธู ๒๕๒๔ เมื่อ 06 มิถุนายน 2555, 06:59:32 | | | | | | | อ้างถึง | | | ข้อความของ ti2521 เมื่อ 26 พฤษภาคม 2555, 15:26:03 | | | | | ผลไม้ทิพย์ อินทผาลัม
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Phoenix dactylifera Linn. ชื่อวงศ์ : Palmae ชื่อสามัญ : Date Palm
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว (มีแตกกอบ้าง) ลำต้น : ขนาด 30 – 50 เซนติเมตร สูงได้ถึง 30 เมตร ใบ : ใบแบบขนนกยาวแหลม สีบอร์นเงา ดอก : ช่อดอกออกโคนกาบใบ ผล : ผลกลมรี เหลืองส้ม เมื่อสุกแก่จะมีสีน้ำตาลถึงน้ำตาลเข้ม ระยะการพัฒนาผลแบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ ระยะผลดิบ, ระยะผลสมบรูณ์เต็มที่,ระยะผลสุกแก่ และระยะผลแห้ง
คุณค่าทางโภชนาการ
อิทผลัมมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ สารแคลเซียม, ซัลเฟอร์, เหล็ก, โปแตสเซี่ยม, ฟอสฟอรัส, แมงกานิส, แมกนีเซี่ยม และน้ำมันโวลาไตล์ อุดมไปด้วยเส้นใย ( Fiber) ช่วยลดการท้องผูกย่อยง่าย ช่วยป้องกันมะเร็งในช่องท้อง บำรุงร่างกายแก้โรควิงเวียนศรีษะ แก้กระหาย และช่วยลดเสมหะภายในลำคอ ภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงหลังจากที่รับประทานอินทผลัมเข้าไปร่างกายที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง ก็จะกลับมีกำลังดังเดิม ทั้งนี้เพราะว่า อัตราน้ำตาลในเลือดที่ต่ำทำให้ร่างกายที่รู้สึกหิวกระหาย เมื่อได้ดูดซึมเอาสารอาหารจากอินทผัมความรู้สึกหิวก็จะลดลง การรับประทานอินทผลัมยามเช้าขณะท้องว่าง อินทผลัมจะทำการฆ่าเชื้อโรค, พยาธิ และสารพิษที่ตกค้างที่อยู่ในลำไส้และระบบทางเดินอาหาร เพราะอินทผลัม มีฤทธิ์ในการกำจัดสารพิษ และยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคบางตัวอันเป็นสารก่อมะเร็งได้
ขอขอบคุณ
http://board.postjung.com/561674.html http://www.intapalum.com/menu1_1.html http://www.youtube.com/watch?v=GfMeEoF8XA0
| | | | | ต้นกล้าไม่รู้ว่าต้นละเท่าไร หาซื้อได้ที่ไหน
| | | | | .....ตามลิงค์เลยครับ ป๋าทู ดูอนาคตน่าจะสดใส ตลาดกว้างไม่มีการเน่าเสีย
หอมแดงล้นตลาดประกันราคาเก็บไว้เน่าหมด ทรัพยากรที่ลงไปทั้งหมดเสียเปล่า.....
http://www.intapalum.com/menu2.html
|
เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ สำหรับผม อย่างไรก็ได้
|
|
|
ti2521
|
|
« ตอบ #1698 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2555, 06:32:35 » |
|
.....สวัสดีครับ พี่ทราย หลับเช้าเลยตื่นเช้าหน่อยครับ๕๕๕ พี่ทรายสบายดีนะครับ(ชอบดอกดาหลาครับ)
ฝนตกสลับร้อนตลอดครับ นี่ก็ตกมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ
ปีนี้เบาใจเรื่องน้ำหน่อยครับพี่ทราย ทั้งเทศบาล กรมทางหลวง วางท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ ผ่าตรง ลงแม่น้ำวังหลายจุด
ปัญหาถูกจุดคือ ที่น้ำท่วมลำปางทุกครั้งเพราะระบายไม่ทันครับ๕๕๕.....
|
เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ สำหรับผม อย่างไรก็ได้
|
|
|
อ้อย17
|
|
« ตอบ #1699 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2555, 07:00:21 » |
|
สวัสดี น้องตี๋...........
พูดถึงเรื่องปรัชญาจากข้าว..........พี่ก็นึกถึงสำนวนตัวเองเมื่อคราวเขียนบทโทรทัศน์ เรื่องปุ๋ยในนาข้าว พี่เขียนไว้ดังนี้ค่ะ...........
" รวงข้าวสีทองรวงใหญ่ ต่างโน้มคอรวงลงเรี่ยดิน ราวกับจะแสดงความขอบคุณผืนดินที่มอบสารอาหารที่สมบูรณ์มาบำรุงต้น จนทำให้ได้เมล็ดข้าวที่เต่งตึง เมล็ดงามและน้ำหนักดี"......................
อะไรประมาณนี้แหละ จนเจ้านายเขาถามว่า............คิดได้ไงวะเนี่ย?............ฮาาาาาาาาาไหม?
|
|
|
|
|