22 พฤศจิกายน 2567, 10:09:03
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 35 36 [37] 38 39 ... 94   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: .....ผล ดอก ใบ ลำต้น ราก.....  (อ่าน 1044251 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 15 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #900 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2554, 14:02:30 »

สวัสดีตอนบ่ายค่ะ พี่น้องทุกคน
  ที่บ้านใคร ปลูกช้างไว้บ้าง
 ที่บ้านตอนนี้กำลังบาน  อยู่ ๒ ช่อ ยาวพอควร
 กำลังส่งกลิ่นหอมค่ะ
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #901 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2554, 14:03:22 »


อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2554, 07:48:22
งั้นก็ชมรูปรองเท้านารีไปพลางก่อนแล้วกันนะน้องหะยี


 เหอๆๆ เหอๆๆ



 บ่ฮู้บ่หัน

อยากชมรองเท้าบุรุษมั่งอ่ะครับ.......พี่หนุน.

(แค่ขอชมเฉยๆ นะครับ........ 5..5..5 )


      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #902 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2554, 14:07:18 »


อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2554, 14:02:30
สวัสดีตอนบ่ายค่ะ พี่น้องทุกคน
  ที่บ้านใคร ปลูกช้างไว้บ้าง
 ที่บ้านตอนนี้กำลังบาน  อยู่ ๒ ช่อ ยาวพอควร
 กำลังส่งกลิ่นหอมค่ะ


ขอชมรูปครับ......พี่อร

ที่บ้านผมไม่ได้ปลูก..........

      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #903 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2554, 14:15:07 »


อ้างถึง
ข้อความของ ti2521 เมื่อ 08 กุมภาพันธ์ 2554, 22:56:48
อ้างถึง
ข้อความของ แจง-24 เมื่อ 06 กุมภาพันธ์ 2554, 10:18:59


ต้นนี้สุดยอดของตระกูลปุ่ม สวยใสเต่งตึงมากๆค่ะ...

ต้นไหนชื่ออะไร ต้องรบกวนพี่ตี๋ขยายความด้วยนะคะ

 sorry

.....แอซเตเคียม (Aztekium).....

มีชนิดเดียวในสกุลนี้ คือ  Aztekium ritteri  ชื่อสกุลตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ The Aztek Race

ถิ่นกำเนิดอยู่แถบ ตอนกลางของประเทศเม็กซิโก

มักขึ้นอยู่บริเวณหน้าผาสูงชันหรือตามซอกเขาในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศแห้งแล้งมาก

ขยายพันธุ์ได้ทั้งการแยกหน่อ เมล็ดแต่ต้องดูแลรักษาอย่างดีในช่วงเพาะ

การเติบโตค่อนข้างช้าประมาณ 1  mm ต่อปี

เมื่อต้นอยู่ในระยะพร้อมออกดอก ดินปลูกควรใช้ดินผสมระบายน้ำดี

ช่วงฤดูหนาวถ้างดการให้น้ำจะสามารถทนอุณหภูมิต่ำได้ถึง  - 4 องศาเซลเซียส

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Qb3ZXLQG2NA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Qb3ZXLQG2NA</a>


ส่วนต้นที่ แจง ถ่ายนั้น เนื่องจากค่อนข้างหายาก เลยใช้วิธีผ่าครึ่ง

กลับหัวกลับหางต่อต้นสต๊อก 

ต้นนี้ปลายรากจะชี้ฟ้าแผลสมานดีเริ่มแตกหน่อ เป็นวิธีขยายอีกวิธีหนึ่ง

ที่พี่ได้เทคนิคจากต่างประเทศ(แลกเปลี่ยนจากผู้รู้)

และเป็นคนแรก ที่ทำสาธิต เผยแพร่ผ่านเวป Mycacti.com ในนาม วันชัย ครับ



ต้้นนี้ แฮบ เค้ามา อายุ  15  ปี ครับ




ขอแสดงความนับถือครับ.......
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #904 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2554, 14:20:51 »

อ้างถึง
ข้อความของ Leam เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2554, 14:07:18

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2554, 14:02:30
สวัสดีตอนบ่ายค่ะ พี่น้องทุกคน
  ที่บ้านใคร ปลูกช้างไว้บ้าง
 ที่บ้านตอนนี้กำลังบาน  อยู่ ๒ ช่อ ยาวพอควร
 กำลังส่งกลิ่นหอมค่ะ


ขอชมรูปครับ......พี่อร

ที่บ้านผมไม่ได้ปลูก..........


นี่สิปัญหา น้องแหลม
อยากอวดเหมือนกัน
แต่ยังเดินออกไปถ่ายไม่ได้
ต้องยืมขาใครออกไปถ่ายให้คะ
รอไปก่อนนะ
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #905 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2554, 14:31:56 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2554, 14:20:51
อ้างถึง
ข้อความของ Leam เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2554, 14:07:18

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2554, 14:02:30
สวัสดีตอนบ่ายค่ะ พี่น้องทุกคน
  ที่บ้านใคร ปลูกช้างไว้บ้าง
 ที่บ้านตอนนี้กำลังบาน  อยู่ ๒ ช่อ ยาวพอควร
 กำลังส่งกลิ่นหอมค่ะ


ขอชมรูปครับ......พี่อร

ที่บ้านผมไม่ได้ปลูก..........


นี่สิปัญหา น้องแหลม
อยากอวดเหมือนกัน
แต่ยังเดินออกไปถ่ายไม่ได้
ต้องยืมขาใครออกไปถ่ายให้คะ
รอไปก่อนนะ


รอได้ครับพี่....... ขอบคุณครับ.
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #906 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2554, 17:40:54 »

อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2554, 07:48:22
งั้นก็ชมรูปรองเท้านารีไปพลางก่อนแล้วกันนะน้องหะยี


 เหอๆๆ เหอๆๆ



 บ่ฮู้บ่หัน

ก็ยังไม่รู้จักอยู่ดี     so sad
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #907 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2554, 18:45:48 »

กล้วยไม้สกุลรองเท้านารี Paphiopedilum
            
กล้วยไม้รองเท้านารี (Lady’s Slipper) เป็นกล้วยไม้สกุล Paphiopedilum มีชื่อเรียกอื่นๆ อีกหลายชื่อ เช่น รองเท้านาง รองเท้าแตะนารี หรือ บุหงากะสุต ในภาษามาเลเซีย อันหมายถึงรองเท้าของสตรี เนื่องจากกลีบดอก หรือที่เรียกว่า “กระเป๋า” มีรูปร่างคล้ายกับรองเท้าของสตรีและรองเท้าไม้ของชาวเนเธอแลนด์ กระเป๋าของรองเท้านารีมีรูปร่างลักษณะและสีสันแตกต่างกันไปตามชนิดพันธุ์
            กล้วยไม้รองเท้านารี มีแหล่งกำเนิดอยู่ในเขตอบอุ่น และเขตร้อนแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่อินเดีย ฟิลิปปินส์ พม่า มาเลเซีย และในประเทศไทยซึ่งพบกล้วยไม้รองเท้านารีขึ้นอยู่ในป่าทั่วๆ ไป บางชนิดเกาะอาศัยอยู่ตามต้นไม้ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพวกที่ขึ้นอยู่ตามพื้นดินหรือซอกหินที่มีต้นไม้ใบหญ้าเน่าตายทับถมกัน เจริญงอกงามในที่โปร่ง ไม่ชอบที่รกทึบ แสงแดดส่องถึง
            รองเท้านารี เป็นกล้วยไม้ประเภทแตกกอเช่นเดียวกับ หวาย คัทลียา และซิมบิเดียม ต้นที่แท้จริงเรียกว่า ไรโซม (เหง้า) ต้นหนึ่งหรือกอหนึ่งจะประกอบด้วยต้นย่อยหลายต้น รากออกเป็นกระจุกที่โคนต้นและมักจะทอดไปทางด้านราบมากกว่าหยั่งลึกลงไป หน่อใหม่จะแตกจากตาที่โคนต้นเก่า มีลำต้นสั้นมาก แต่ไม่มีลำลูกกล้วย ใบมีขนาดรูปร่างต่างกันไป บางชนิดมีใบยาว บางชนิดใบตั้งชูขึ้น บางชนิดใบทอดขนานกับพื้น บางชนิดใบมีลาย บางชนิดใบไม่มีลายแต่เป็นสีเดียวเรียบๆ การออกดอกจะออกที่ยอด มีทั้งชนิดออกดอกเป็นดอกเดี่ยว และออกดอกเป็นช่อ กลีบดอกชั้นนอกกลีบบนมีขนาดใหญ่สะดุดตา ส่วนกลีบชั้นนอกคู่ล่างจะเชื่อมติดกันและมีขนาดเล็กลงจนส่วนปากบังมิดหรือเกือบมิด กลีบคู่ในซึ่งมีลักษณะเหมือนกันกางออกไปทั้ง 2 ข้างซ้ายขวาของดอก ส่วนกลีบในกลีบที่ 3 จะเปลี่ยนเป็น “กระเปาะ” คล้ายรูปรองเท้า กระเปาะนี้มีหน้าที่รับน้ำฝนตกลงไปเพื่อชะล้างเกสรตัวผู้ไปตัดกับแผ่นเกสรตัวเมีย กล้วยไม้สกุลนี้จะมีทั้งเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน แต่จะมีเส้าเกสรแตกต่างจากกล้วยไม้ทั่วๆ ไป คือ ที่ปลายสุดของเส้าเกสร แทนที่จะเป็นอับเรณูกลับเป็นแผ่นบางๆ ซึ่งทางพฤกษาศาสตร์ถือเป็นเกสรที่เปลี่ยนรูปร่างไปใช้การไม่ได้ เรียกส่วนนี้ว่า “สตามิโนด” สำหรับเกสรตัวผู้ที่ใช้การได้มีอยู่ 2 ชุด โดยจะอยู่ถัดต่ำลงมาทั้ง 2 ข้างของเส้าเกสรข้างละ 1 ชุด ในแต่ละชุดจะมีอับเรณูลักษณะเป็นก้อนแข็งอยู่ 2 อัน ถัดต่ำลงมาจากส่วนนี้อีกจะเป็นยอดเกสรตัวเมียซึ่งเป็นแอ่งลึกลงไปยึดติดกับเส้าเกสร (ปกติส่วนนี้จะถูกหูกระเป๋าโอบหุ้มเอาไว้จนมิด) ภายในมีน้ำเมือกเหนียวสำหรับยืดเกสรตัวผู้ที่ตกลงไปในแอ่ง รังไข่อยู่ตรงส่วนของก้านดอก ภายในรังไข่ยังไม่มีการพัฒนาเป็นไข่อ่อน จนกระทั่งผสมเกสรแล้วจึงเกิดไข่อ่อนในรังไข่ รังไข่จะกลายเป็นฝักเมื่อฝักแก่จะแตกเมล็ดสามารถเจริญงอกงามเป็นต้นใหม่ได้
            โดยธรรมชาติของกล้วยไม้สกุลรองเท้านารีทุกชนิด เมื่อออกดอกแล้วก็จะตายไป แต่ก่อนตายจะแตกหน่อทดแทน ซึ่งหน่อนี้ก็จะเจริญงอกงามเป็นต้นใหม่ต่อไป ชนิดพันธุ์ของกล้วยไม้รองเท้านารี ที่สำรวจพบ ได้แก่




รองเท้านารีอินทนนท์
Paphiopedilum villosum
เป็นพันธุ์กล้วยไม้ที่พบเมื่อ พ.ศ.2396 มีถิ่นกำเนิดอยู่บริเวณแถบที่มีอากาศชื้นและอุณหภูมิต่ำ เช่น ดอยอินทนนท์ และภูเขาสูง ลักษณะของกล้วยไม้พันธุ์นี้ คือ มีใบสีเขียวสม่ำเสมอทั้งใบ ไม่มีลาย โคนใบส่วนใกล้กับเหง้ามีจุดสีม่วงประปราย และค่อยๆ จางหายตรงส่วนปลายใบ ใบยาวบางและอ่อน เป็นรองเท้านารีที่มีเกสรตัวผู้ต่างจากชนิดอื่นคือ เกสรตัวผู้จับตัวรวมเป็นก้อนแข็งค่อนข้างใส มีสีเหลืองไม่เป็นยางเหนียว



รองเท้านารีเหลืองปราจีน
Paphiopedilum concolor
ค้นพบเมื่อปี พ.ศ.2402 มีถิ่นกำเนิดอยู่แถบอำเภออรัญประเทศ จังหวัดปราจีนบุรี ลักษณะเด่นของกล้วยไม้พันธุ์นี้ คือ มีใบลาย ท้องใบสีม่วง ก้านดอกยาวมีขน อาจมี 2–3 ดอกบนก้านเดียวกันได้ กลีบดอกด้านบนผายออกคล้ายพัด ปลายมนสูง กลีบในกางพอประมาณ เมื่อดอกบานจะคุ้มมาข้างหน้าแลดูคล้ายดอกบานไม่เต็มที่ พื้นดอกสีเหลืองอ่อน มีประจุดเล็กๆ สีม่วงประปราย กระเปาะสีเดียวกับกลีบดอก ปลายกระเปาะค่อนข้างเรียวแหลมและงอนปลายเส้าเกสรเป็นแผ่นใหญ่   



รองเท้านารีเมืองกาญจน์
Paphiopedilum parishii
ค้นพบเมื่อ พ.ศ.2402 ถิ่นกำเนิดอยู่แถบจังหวัดกาญจนบุรีและกำแพงเพชร เป็นกล้วยไม้อากาศเกาะอยู่ตามต้นไม้มีลักษณะเด่น คือ มีกลีบในคู่บิดเป็นเกลียวเป็นสายยาวกว่ากลีบนอกประมาณสามเท่าตัว



รองเท้านารีเหลืองตรัง
Paphiopedilum godefroyae
ค้นพบเมื่อปี พ.ศ.2419 ขึ้นตามโขดหิน ถิ่นกำเนิดอยู่บริเวณเกาะรัง จังหวัดชุมพร ลักษณะเด่น คือ ใบลาย ท้องใบสีม่วง ปลายมนคล้ายรูปลิ้น ก้านดอกสีม่วงมีขน ดอกโตสีครีมเหลือง กลีบนอกบนรูปกลม ปลายยอดแหลมเล็กน้อย กลีบในสองข้างกลมรี ปลายกลีบเว้า ประจุดลายสีน้ำตาลจางตรงโคนกลีบแล้วค่อยจางออกตอนปลาย ปากกระเปาะขาวไม่มีลาย   



รองเท้านารีอ่างทอง
Paphiopedilum angthong
ถิ่นกำเนิดอยู่ตามหมู่เกาะบริเวณอ่าวไทย เช่น หมู่เกาะอ่างทอง เกาะสมุย เป็นต้น ลักษณะเด่นของกล้วยไม้พันธุ์นี้ คือ ปลายใบมน ด้านบนสีเขียวคล้ำประลาย ด้านใต้ท้องใบสีม่วงแก่ ก้านดอกยาวมีขน ดอกค่อนข้างเล็กขนาดไม่สม่ำเสมอ การประจุดกระจายจากโคนกลีบ พื้นกลีบดอกสีขาว กลีบค่อนข้างหนา

ต้นที่ เฮียหนุน เอามาลง คร้าบบ

 รองเท้านารีสุขะกุล
Paphiopedilum sukhakulii

ค้นพบเมื่อปี พ.ศ.2507 ถิ่นกำเนิดอยู่แถบจังหวัดเลยบนยอดภูหลวง กล้วยไม้พันธุ์นี้มีลักษณะเด่น คือ มีลักษณะคล้ายคลึงกับรองเท้านารีคางกบ แต่มีรายละเอียดส่วนต่างๆ ที่แตกต่างกัน ได้แก่ พื้นกลีบสีเขียวมีจุดสีม่วงประปรายทั่วกลีบ ปลายกลีบดอกแหลม พื้นกลีบมีสีทางสีเขียวถี่ๆ ลายทางจากโคนดอกวิ่งไปรวมที่ปลายกลีบ กลีบในกางเหยียด ขอบกลีบมีขนเช่นเดียวกับบริเวณโคนดอก   



รองเท้านารีเหลืองกระบี่
Paphiopedilum exul
ค้นพบเมื่อปี พ.ศ.2435 ถิ่นกำเนิดอยู่แถบเกาะพงันจังหวัดสุราษฎร์ธานี เกาะพังงา และจังหวัดชุมพร ลักษณะเด่นของกล้วยไม้พันธุ์นี้ คือ มีใบสีเขียวไม่มีลาย ใบแคบและหนา ผิวเป็นมัน เส้นกลางใบเป็นรอยลึกรูปตัววี ก้านดอกแข็ง ดอกใหญ่ กลีบดอกนอกบนเป็นรูปใบโพธิ์กว้าง สอบตรงปลาย กลีบดอกสีขางไล่จากโคนกลีบ แนวกลางของกลีบเป็นสีเหลืองอมเขียวประด้วยจุดสีม่วง กลีบในสีเหลืองแคบและยาวกว่ากลีบนอก กระเปาะสีเหลืองเป็นมัน



รองเท้านารีเหลืองพังงา
Paphiopedilum leucochilum
ค้นพบเมื่อปี พ.ศ.2435 ถิ่นกำเนิดอยู่บนภูเขาหินปูนแถบฝั่งทะเล ในจังหวัดภาคใต้ ลักษณะเด่น คือ มีลักษณะคล้ายกับรองเท้านารี “เหลืองตรัง” แต่รองเท้านารีเหลืองพังงาจะมีสีครีมออกเหลือง และที่กระเปาะมีจุดประเล็กๆ สีน้ำตาล



รองเท้านารีคางกบ
Paphiopedilum callosum
ค้นพบเมื่อปี พ.ศ.2428 ถิ่นกำเนิดอยู่ทั้งภาคเหนือและภาคใต้ เช่น ดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และบริเวณอ่าวไทยตามเกาะต่างๆ ลักษณะเด่น คือ คล้ายรองเท้านารีฝาหอย แต่แตกต่างตรงที่ปลายกลีบนอกบนของรองเท้านารีคางกบเรียวยาวแหลมกว่า ริมกลีบในเป็นคลื่นหรือพับม้วน กระเปาะมีเม็ดสีดำติดอยู่



รองเท้านารีฝาหอย
Paphiopedilum bellatulum
ค้นพบเมื่อปี พ.ศ.2431 ถิ่นกำเนิดอยู่ตามหุบเขาในเขตพม่าต่อชายแดนไทยตอนเหนือแถบจังหวัดลำพูน และเขตอำเภอเชียงดาว ภาคใต้ เช่น หมู่เกาะอ่างทอง และเกาะช้างในจังหวัดพังงา เป็นต้น ลักษณะเด่นของกล้วยไม้พันธุ์นี้ คือ ใบใหญ่ปลายมน ใบลายสีเขียวแก่และเขียวอ่อนใต้ท้องใบสีม่วงแดง ก้านดอกสั้นมีขน กลีบดอกนอกกว้างมนกลมปลายกลีบคุ้มลงด้านหน้า กลีบในทั้งสองกว้างมนรูปไข่ คุ้มออกด้านหน้า กลีบนอกและกลีบในเกยกันทำให้แลดูลักษณะดอกกลมแน่น กลีบดอกสีขาวนวล ประจุดสีม่วงจากโคนกลีบ กระเปาะมนกลมคล้ายฟองไข่นก Plover (ซึ่งเป็นที่มาของรองเท้านารีฝาหอยที่เรียกว่า “Plover Orchid”)   


รองเท้านารีขาวสตูล
Paphiopedilum niveum
ค้นพบเมื่อปี พ.ศ.2411 ถิ่นกำเนิดอยู่ตามเกาะแถบภาคใต้ ลักษณะเด่น คือ ใบมีลายสีเขียวคล้ำ ปลายมนพอสมควร ใต้ท้องใบสีม่วงแก่ ก้านดอกแข็งยาวเรียวมีทั้งสีม่วงและเขียวมีขน ดอกค่อนข้างเล็กปลายกลีบบานคุ้มมาข้างหน้า ดอกสีขาวเป็นมัน กลีบในประจุดสีม่วง กระเปาะรูปกลมเหมือนไข่สีเดียวกับกลีบคือ ขาว



รองเท้านารีเหลืองเลย
Paphiopedilum esquirolei
ค้นพบเมื่อปี พ.ศ.2455 ถิ่นกำเนิดอยู่แถบภูเขาในภาคอีสาน เช่น เลย เพชรบูรณ์ เป็นต้น ลักษณะเด่นของกล้วยไม้ คือ มีใบลาย ท้องใบสีม่วง ใบยาว กลีบดอกด้านบนสีแดงเข้มออกน้ำตาล ขอบกลีบสีเหลืองอมเขียว ปลายกลีบบีบเข้า กลีบในเป็นสีขมพูแดง กระเปาะสีคล้ายกลีบดอก   


รองเท้านารีเชียงดาว (เมืองกาญ ใกล้เคียงกัน ครับ)
Paphiopedilum dianthum
ค้นพบเมื่อปี พ.ศ.2483 ถิ่นกำเนิดอยู่บนดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ลักษณะเด่นของกล้วยไม้พันธุ์นี้ คือ มีลักษณะคล้ายคลึงกับรองเท้านารีเมืองกาญจน์ แต่กระเปาะของรองเท้านารีเชียงดาวกว้างกว่า กลีบนอกบนสีเขียว มีเส้นเขียว


รองเท้านารีม่วงสงขลา
Paphiopedilum barbatum
ถิ่นกำเนิดอยู่ที่อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา ลักษณะเด่นของกล้วยไม้พันธุ์นี้ คือ มีลักษณะคล้ายคลึงกับรองเท้านารีฝาหอย แต่ดอกมีสีม่วงเข้มกว่า   


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=dy8W6S6D93k" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=dy8W6S6D93k</a>



  หลาย ยี่ห้อ ครับ



      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #908 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2554, 18:55:35 »

ที่บ้านพี่เคยมีคางกบ
แต่พี่เรียกมันว่า คางคก
เพราะดูแลยาก น้ำมากก็เน่า
น้ำน้อยก็เฉา
ออกดอกให้ดูครั้งเดียว ตายเลย เน่า
พี่เลยเรียกมันว่า คางคก เพราะเลี้ยงดูอย่างดี ก็ไม่ชอบ
แถมยังมาตายจากเสียอีก
 ชอบพวกเหลือง ทั้งหลายมากกว่า
เลี้ยงง่ายกว่ามาก
แต่รองเท้านี่ รวมเลยนะเลี้ยงยาก
เลี้ยงช้างดีกว่าค่ะ ออกดอกให้ดูง่ายกว่า มากดอกกว่าด้วยค่ะ
ไม่ต้องลุ้น ออกทีละดอก

      บันทึกการเข้า
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #909 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2554, 20:09:25 »

อ้างถึง
ข้อความของ swsm เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2554, 17:40:54
อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2554, 07:48:22
งั้นก็ชมรูปรองเท้านารีไปพลางก่อนแล้วกันนะน้องหะยี


 เหอๆๆ เหอๆๆ



 บ่ฮู้บ่หัน

ก็ยังไม่รู้จักอยู่ดี     so sad

   อาเฮียหนุน เอาต้นนี้มาครับ น้องหยี

รองเท้านารีสุขะกุล
Paphiopedilum sukhakulii

ค้นพบเมื่อปี พ.ศ.2507 ถิ่นกำเนิดอยู่แถบจังหวัดเลยบนยอดภูหลวง กล้วยไม้พันธุ์นี้มีลักษณะเด่น คือ มีลักษณะคล้ายคลึงกับรองเท้านารีคางกบ แต่มีรายละเอียดส่วนต่างๆ ที่แตกต่างกัน ได้แก่ พื้นกลีบสีเขียวมีจุดสีม่วงประปรายทั่วกลีบ ปลายกลีบดอกแหลม พื้นกลีบมีสีทางสีเขียวถี่ๆ ลายทางจากโคนดอกวิ่งไปรวมที่ปลายกลีบ กลีบในกางเหยียด ขอบกลีบมีขนเช่นเดียวกับบริเวณโคนดอก   

      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #910 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2554, 20:40:42 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2554, 18:55:35
ที่บ้านพี่เคยมีคางกบ
แต่พี่เรียกมันว่า คางคก
เพราะดูแลยาก น้ำมากก็เน่า
น้ำน้อยก็เฉา
ออกดอกให้ดูครั้งเดียว ตายเลย เน่า
พี่เลยเรียกมันว่า คางคก เพราะเลี้ยงดูอย่างดี ก็ไม่ชอบ
แถมยังมาตายจากเสียอีก
 ชอบพวกเหลือง ทั้งหลายมากกว่า
เลี้ยงง่ายกว่ามาก
แต่รองเท้านี่ รวมเลยนะเลี้ยงยาก
เลี้ยงช้างดีกว่าค่ะ ออกดอกให้ดูง่ายกว่า มากดอกกว่าด้วยค่ะ
ไม่ต้องลุ้น ออกทีละดอก



สวัสดีครับ พี่เอมอร  สบายดีนะครับพี่

เจ้าคางคก เน่าง่าย สงสัยต้องเปลี่ยนเครื่องปลูก เอาหินภูเขาไฟรองพื้นกระถาง กับผสมดินปลูก

ทำให้ระบายน้ำได้ดี แห้งง่าย เวลารดน้ำบ่อยไม่ค่อยมีปัญหาเน่า ครับ

      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #911 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2554, 21:37:25 »

มาดูดอกไม้น่ารู้  ผมปลูกร้องเท้านารีไม่เคยเห็นดอกสักที
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #912 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2554, 22:21:01 »

อ้างถึง
ข้อความของ ตุ๋ย 22 เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2554, 21:37:25
มาดูดอกไม้น่ารู้  ผมปลูกร้องเท้านารีไม่เคยเห็นดอกสักที

สวัสดีครับ ตุ๋ย  ลองดูนะครับ ไม่ลองไม่รู้


วิธีการให้ปุ๋ยกล้วยไม้
        ผม (เจ้าของคำแนะนำครับ E-mail : Puridech9@gmail.com) เดินถามคนขายกล้วยไม้ไปเรื่อยๆครับ ว่าพ่นปุ๋ยอย่างไรให้มันออกดอก เพราะที่บ้านไม่ค่อยออกดอกเลย คำแนะนำที่ได้ ก็มีดังนี้ครับ

.ควรพ่นปุ๋ยช่วงเช้าๆ (ไม่ควรเกิน10โมงเช้า) ในวันที่มีแดด ไม่ควรพ่นปุ๋ยตอนเย็น หรือวันที่ไม่มีแดด เพราะกล้วยไม้สังเคราะห์แสงเพื่อปรุงอาหารได้น้อย

.ไม่ควรใส่ปุ๋ยเกินกำหนด เพราะจะทำให้กล้วยไม้ใช้ไม่หมด เกิดการสะสมของปุ๋ยบนที่ปลูกต้นไม้ เป็นสาเหตุให้ต้นไม้แกร่นได้

.ไม่ควรพ่นปุ๋ยในขณะที่มีดอกบาน หรือขณะที่กล้วยไม้ขาดน้ำ

.ควรพ่นปุ๋ยทุกๆ 7-10 วัน ควรใช้ปุ๋ย 21-21-21 และ 10-52-17 สลับกัน ควรใช้ปุ๋ยสูตรเสมอก่อน (เช่นวันที่ 1 ฉีดปุ๋ยสูตร 21-21-21 รอๆๆ แล้วพอวันที่ 7 ฉีดปุ๋ยสูตร 10-52-17 วันที่ 17 ก็ฉีดปุ๋ยสูตร 21-21-21 สลับไปเรื่อยๆ)

.ควรพ่นปุ๋ยที่ใต้ใบมากกว่าบนใบ เพราะกล้วยไม้ดูดอาหารที่ใต้ใบมากกว่าบนใบ

มีอีกหลักสูตรครับ

.ควรพ่นปุ๋ยเมื่อรากและเครื่องปลูกไม่แห้งเกินไป ผมหมายถึงควรให้ปุ๋ยหลังจากรดน้ำแล้ว 10-15 นาที ซึ่งรากและเครื่องปลูกยังมีความชุ่มชื้นอยู่ เพื่อให้ปุ๋ยสามารถแพร่กระจายได้ทั่วถึง เพราะรากเปียกจะดูดปุ๋ยได้ดีกว่ารากแห้ง มิฉะนั้นต้องให้น้ำที่ผสมปุ๋ยจนชุ่มโชก ปุ๋ยส่วนใหญ่ก็จะไหลลงสู่พื้นดิน ไม่เป็นประโยชน์ต่อต้นกล้วยไม้ ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยเปล่าประโยชน์

.ควรพ่นปุ๋ยบริเวณ ราก ลำต้น และใบ โดยพ่นจากยอดของต้นกล้วยไม้ให้ชุ่มในตอนเช้า ตอนที่แดดไม่จัด เพื่อให้ปุ๋ยไหลลงไปสู่ส่วนต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึงและระเหยช้า บริเวณราก ลำต้นและใบเป็นบริเวณที่สามารถดึงดูดแร่ธาตุไปใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะส่วนของราก การให้ปุ๋ยไม่ควรให้โดนดอกเพราะจะทำให้ดอกด่าง


ต้นกล้วยไม้ระยะต่างๆ ตั้งแต่เริ่มปลูกจนกระทั้งโตเต็มที่นั้น ต้องการธาตุอาหารแต่ละชนิดที่แตกต่างกัน แยกการให้ปุ๋ยตามระยะการเจริญเติบโตของกล้วยไม้ได้ดังนี้

.ต้นกล้วยไม้ที่เพิ่งเอาออกมาจากขวด ต้องการการเจริญเติบโตทางต้น ใบและรากอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ต้นกล้วยไม้สมบูรณ์แข็งแรงเพื่อเตรียมการออกดอกต่อไป จึงควรให้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูงเพื่อเร่งต้นและใบ และปุ๋ยที่มีฟอสฟอรัสสูงเพื่อเร่งระบบราก ซึ่งอาจจะให้ปุ๋ยอัตรา 3-1-1 และ 1-2-1 อย่างละครั้งต่อเดือน และให้ปุ๋ยสูตรเสมอ (1-1-1) 2 ครั้งต่อเดือน จนครบ 4 ครั้งต่อเดือน หรือสัปดาห์ละครั้ง ควรให้ปุ๋ยในอัตราประมาณ 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ในฤดูฝนอาจให้เพิ่มขึ้น

.ต้นกล้วยไม้ที่มี 4 ลำขึ้นไปและใกล้ออกดอก ระยะนึ้ควรให้ปุ๋ยที่มีฟอสฟอรัสสูงเพื่อเร่งการแทงช่อดอก ควรให้ปุ๋ยอัตรา 1-2-1 2 ครั้ง และปุ๋ยอัตรา 1-1-1 2 ครั้ง ใน 1 เดือน โดยให้ในอัตรา 50-100 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ในฤดูฝนอาจให้เพิ่มขึ้น

.ต้นกล้วยไม้ที่กำลังจะออกดอก ระยะนี้ควรให้ปุ๋ยฟอสฟอรัสและโปแตสเซียมสูงซึ่งอาจให้ปุ๋ยสูตร 16-21-27 สลับกับสูตรเสมอ เช่น 21-21-21 โดยให้ปุ๋ยในอัตรา 50-100 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร

.ไม้แทงช่อ หลังจากกล้วยไม้แทงช่อควรให้ปุ๋ยที่มีโปแตสเซียมสูงเพื่อช่วยในการลำเลียงแป้งและน้ำตาล ทำให้ดอกมีคุณภาพดีและใช้งานได้นานขึ้น ซึ่งอาจให้ปุ๋ยสูตร 10-20-30 สลับกับสูตรเสมอ เช่น 21-21-21

      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #913 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2554, 22:33:44 »

ขอบคุณครับพี่ตี๋   เวลาไปซื้อ ผมเลือกที่ออกดอกแล้ว  นำมาเลี้ยงไม่เคยปรากฎดอกอีกเลย  จะเอาวิธีที่พี่ตี๋แนะนำไปใช้ครับ
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #914 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2554, 23:31:22 »

อ้างถึง
ข้อความของ แจง-24 เมื่อ 06 กุมภาพันธ์ 2554, 10:15:10


ทรงหมอนข้างก็มี (ขออภัยค่ะ...ภาพมัวไปหน่อย)



ทรงกลมแบบนี้ก็สวย...ดูเหมือนสัตว์ทะเลในแนวปะการังเลยค่ะ






สวัสดีครับ น้องแจง  เจ้าตัวนี้ คือ  Astrophytum asterias ครับ

Astrophytum (แอสโตรไฟตั้ม)

Astrophytum เรียกทั่วไปว่า “Bishop's Cap” (คนไทยเรียกว่า หมวกสังฆราช-ในคริสต์ศาสนา) หรือ
“Star plant” (ต้นไม้ที่เป็นดั่งดวงดาว) เป็นที่นิยมสำหรับนักเล่นกระบองเพชรเกือบจะทั่วโลกก็ว่าได้

ต้นกำเนิดลูกผสม มากมายหลายพันธุ์ กำเนิดในประเทศญี่ปุ่นจนกระทั่งกำหนดลักษณะเฉพาะ เพิ่มเติม
เป็นชื่อเรียกที่รู้กันทั่วไปเป็นภาษาญี่ปุ่น ในหมู่นักเล่น Astrophytum เช่น "MIRACLE KABUTO",
"HANAZONO KABUTO", "KIKKO KABUTO" ฯลฯ


สำหรับเมืองไทยเอง ก็ไม่ได้น้อยหน้าใครอื่นเลย ด้วยลักษณะหลากหลาย ที่เกิดจากการปรับปรุง
คัดเลือกพันธ์ ทำให้เรามี Astrophytum หน้าตาต่าง ๆ ไม่ซ้ำกันมากมาย

           ปกติแคคตัสสกุลนี้เลี้ยง และออกดอกง่าย ใช้เวลา3-6ปีจึงจะออกดอก ชอบแสง แดด ต้องการน้ำเพียงเล็กน้อย  ถ้าปลูกในที่เหมาะสมดอกจะออกตูมอยู่ตลอด พอดอกบานก็เอาไปตั้งที่มีแดดส่องถึงตลอด ดอกจะบานสวยมากเลย บางพันธุ์ดอกจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆด้วย แต่ขั้วดอกไม้ค่อยแข็งแรง จะหักง่ายมากเลยแล้วก็ขยายพันธุ์ค่อนข้างยาก แม้จะชอบแดดแต่ก็ค่อนข้างเจริญเติบโตเร็วมากในช่วงที่มีฝนตกสม่ำเสมอ จากที่ช่วงแรกๆที่ซื้อมาปลูกต้นสูงประมาณ5-6เซน ต้นจะขยายเส้นผ่านศูนย์กลางเกือบ2เท่า ความสูงเพิ่มเกือบ3-4 เซน


ในบ้านเราใช้หนังสือญี่ปุ่นที่เป็นคู่มืออยู่สองชุดคือ

- Astrophytum hand book มี 4 เล่ม : Tony Sato
- Cactus hand book : Tony Sato
ทั้งสองชุด พิมพ์โดย JAPAN CACTUS PLANNING CO. PRESS

ชื่อดังที่กล่าวมา จะเขียนเป็นตัวใหญ่ (Capital letter) หลังชื่อ-สกุล เช่น
A. asterias “SUPER KABUTO”
หรือหากว่า พืชต้นนั้น ยังมีลักษณะพิเศษอื่นประกอบอีก เช่นเป็นต้นที่ไม่มีลาย ซึ่งเราเรียกกันว่า mudum
(เปลือย) ก็จะเขียนตามหลังลักษณะเฉพาะของต้นนั้น ๆ ก่อน เช่น
A. asterias nuda “KITSUKOW”

 
ดังที่เริ่มต้นวิธีการจำแนกสายพันธ์ ของกระบองเพชรในอาณาจักรพืช Astrophytum เป็นสกุล (genus)
ที่จำแนกได้ใหญ่ ๆ เป็น 6 ชนิด (species) โดยมีลักษณะที่เห็นได้ภายนอก เพื่อการจำแนกง่าย ๆ ดังนี้



1. Astrophytum(genus) asterias(species) (แอสโตรไฟตั้ม แอสเทอริแอส)
• ลักษณะทั่วไป
- ลำต้นกลม ค่อนข้างแบน
- ไม่มีหนาม
- มีลายเป็นจุดประสีขาว (หรือหากไม่มี จะเป็นลักษณะพิเศษ)
- มีตุ่มดอกสีขาว เป็นปุย ค่อนข้างใหญ่ตามสันพู

ในหมู่ Astrophytum ด้วยกัน ชนิดนี้นับว่าเป็นที่สนใจของผู้คนมากที่สุด ด้วยลักษณะที่หลากหลาย
สวยงาม โดยทั่วไป Astrophytum asterias ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์จากญี่ปุ่น ชื่อพิเศษ
จึงมักเป็นภาษาญี่ปุ่น



2. Astrophytum(genus) myriostigma(species) (แอสโตรไฟตั้ม ไมริโอสติ๊กมา)
• ลักษณะทั่วไป
- ลำต้น จะออกในทรงกระบอก หรือทรงไข่ เมื่อโต
- ไม่มีหนาม
- มีลายเป็นจุดประเล็กมาก สีขาว (หรือหากไม่มี จะเป็นลักษณะพิเศษ)
- มีตุ่มดอกสีคล้ำเป็นส่วนใหญ่ ขนาดค่อนข้างเล็ก



3. Astrophytum(genus) ornatum(species) (แอสโตรไฟตั้ม ออนาตั้ม)
• ลักษณะทั่วไป
- ลำต้นทรงกระบอก
- มีหนามตรง ส่วนใหญ่สีเหลือง ทอง
- มีจุดขาวประเป็นลายก้างปลา หรือไม่มี



4. Astrophytum(genus) capricorne(species) (แอสโตรไฟตั้ม แคปปริคอร์น)
• ลักษณะทั่วไป
- ลำต้นทรงกระบอก
- มีหนามแบนโค้ง ยาว
- มีจุดขาวประ หรือไม่มี




5.Astrophytum(genus) coahuilense(species) (แอสโตรไฟตั้ม โคฮุยเล้นซ์)
   ลักษณะทั่วไป     ลำต้นทรงกระบอกไม่มีหนามมีจุดประสีขาว ถี่มาก เป็นปุยเล็ก ๆ นุ่มเหมือนกำมะหยี่



6.Astrophytum(genus) caput-medusae(species)     เป็นพันธุ์ที่ลักษณะแปลกไปจากพันธุ์อื่นๆค่อนข้างมาก  เพราะมีกิ่งก้านสาขาแตกแขนงออกไปไม่มีลักษณะเป็นทรงกลมเหมือนพันธุ์อื่นๆ
ยังออกดอกที่บริเวณปลายก้าน




<a href="http://www.youtube.com/watch?v=KVoyV9EvPbM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=KVoyV9EvPbM</a>



      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #915 เมื่อ: 11 กุมภาพันธ์ 2554, 00:11:04 »

มาเป็นชุดใหญ่เลย .. ขอบคุณค่ะ พี่ตี๋

คงต้องค่อย ๆ อ่าน ทำความเข้าใจกันไป
เหอ ๆ ๆ .. ที่บ้านไม่มีพื้นที่ดิน
เลยไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้

ขาดความสมดุลย์ในชีวิตไปมาก
     เหนื่อย
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #916 เมื่อ: 11 กุมภาพันธ์ 2554, 00:47:32 »

.....จากพี่ เอมอร  กราบขอบพระคุณ ครับ.....

      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #917 เมื่อ: 11 กุมภาพันธ์ 2554, 01:10:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ swsm เมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2554, 00:11:04
มาเป็นชุดใหญ่เลย .. ขอบคุณค่ะ พี่ตี๋

คงต้องค่อย ๆ อ่าน ทำความเข้าใจกันไป
เหอ ๆ ๆ .. ที่บ้านไม่มีพื้นที่ดิน
เลยไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้

ขาดความสมดุลย์ในชีวิตไปมาก
     เหนื่อย

.....ไม้พวกนีี้  ใช้พื้นที่น้อยไว้ตามระเบียงที่มีแสงแดดส่องถึงไม่เช้าหรือเย็น

     เพียงแต่เราต้องหมุนกระถางอาทิตย์ละครั้ง สองครั้ง ไม่งั้นต้นจะเอียงหาแสงแดด

     อีกอย่าง อดทน ต่อการไม่เอาใจใส่ หรือเจ้าของไม่มีเวลา สามารถฟื้นขึ้นมาหลังดูแลสักระยะ คือ ตายยาก ครับ .....



   
ตอนนี้ ฝาก ดอกเล็กๆ ให้แล้วกัน ครับ

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=11b5hTzBKEU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=11b5hTzBKEU</a>














      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #918 เมื่อ: 11 กุมภาพันธ์ 2554, 18:51:08 »

สวยมากครับพี่ตี๋  สงสัยจะต้องสะสมบ้างแล้วเนี่ย
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #919 เมื่อ: 11 กุมภาพันธ์ 2554, 20:30:40 »


สวัสดียามค่ำครับ........พี่ตี๋..พี่อร..ครูตุ๋ย..น้องหยี และพี่น้องทุกท่าน

Cactus รูปทรงแปลกตาเยอะเลย.......
      บันทึกการเข้า
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #920 เมื่อ: 12 กุมภาพันธ์ 2554, 22:26:58 »

      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #921 เมื่อ: 13 กุมภาพันธ์ 2554, 18:02:45 »

พระธรรมโครินธ์ 13:4-8 กล่าวไว้ว่า  ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ชอบจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง
Happy Valentine Day ค่ะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #922 เมื่อ: 13 กุมภาพันธ์ 2554, 20:32:29 »

      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #923 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2554, 08:23:13 »

  Happy Valentine's day
   น้องตี๋ และพี่น้องทุกคนค่ะ
   
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #924 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2554, 12:13:45 »


" Happy Valentine's day ครับ พี่ตี๋ "


      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 35 36 [37] 38 39 ... 94   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><