Tik_PE 22
มือใหม่หัดเมาท์
บุญก็ทำ กรรมก็ก่อ วัดก็เข้า เหล้าก็กิน
ออฟไลน์
รุ่น: rcu2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 180
|
|
« ตอบ #1100 เมื่อ: 10 มีนาคม 2553, 12:52:01 » |
|
นายทู.. แต่ละเรื่องน่าสนใจทั้งนั้นเลยนะ ว่างๆ จะเข้ามาอ่านอีกครับ
|
Tik_PE 22 บุญก็ทำ กรรมก็ก่อ วัดก็เข้า เหล้าก็กิน
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #1101 เมื่อ: 10 มีนาคม 2553, 14:09:01 » |
|
ใช่พี่ปิยะหรือป่าว หวัดดีครับ
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1102 เมื่อ: 10 มีนาคม 2553, 19:53:28 » |
|
นายปิยะ สุอุทัย หรือติ๊ก ครับนายทู
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #1103 เมื่อ: 10 มีนาคม 2553, 20:59:50 » |
|
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1104 เมื่อ: 10 มีนาคม 2553, 22:01:34 » |
|
รูปไหนง่ะพี่ทู? รูปอวตารพี่ติ๊กเหรอ? มองไม่เห็นคะ เล็กมาก
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1105 เมื่อ: 11 มีนาคม 2553, 10:22:39 » |
|
นายติ๊กเค้าหล่อมานานแล้ว
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #1106 เมื่อ: 11 มีนาคม 2553, 12:59:36 » |
|
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #1108 เมื่อ: 11 มีนาคม 2553, 22:51:16 » |
|
ดูดีผิดพ่อมาก สงสัยไปทางแม่
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1109 เมื่อ: 11 มีนาคม 2553, 22:52:56 » |
|
ดูตาดิพี่ ลูกพ่อชัดๆ
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1110 เมื่อ: 12 มีนาคม 2553, 09:00:34 » |
|
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #1111 เมื่อ: 18 มีนาคม 2553, 23:49:11 » |
|
สงสัยไหมว่า ทำไมบางคนถึงเห็นผี และเห็นบ่อยซะด้วย แต่บางคนก็ไม่เคยแม้แต่จะเจอ ลบหลู่ขนาดไหนก็ไม่เจอ ลองอ่าน นี่แล้วอาจจะเข้าใจมากขึ้น เหอะๆๆๆๆๆ
๛ เกิดวันอาทิตย์ ช่วงไหน ที่คุณเจ็บป่วย ไม่สบาย หรือไม่ก็อ่อนแอทางจิตใจ ให้หลีกเลี่ยงที่จะใกล้ชิดกับผู้หญิงที่กำลังตั้งท้อง เพราะพลังอะไรบางอย่างที่ลึกลับ อาจจะทำให้คุณเห็นผี หรือ วิญญาณ ได้
๛ เกิดวันจันทร์ สำหรับ คุณแล้ว จะส่องกระจกน่ะส่องได้ แต่อย่าส่องหลังเวลาเที่ยงคืนถึงเช้า โดยเฉพาะในกระจกร้าว และถ้าได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ หรือเสียงเรียกเวลาค่ำคืน อย่าพูดทัก หรือขานตอบ เพราะนั่นอาจจะเป็นเสียงที่ทวงถามวิญญาณของคุณก็ได้
๛ เกิดวันอังคาร คนเกิด วันอังคารลำบากกว่าคนเกิดวันอื่นเสียแล้ว เพราะคุณไม่ควรเข้าห้องน้ำนอกบ้าน ถ้าไม่มีธุระ คุณควรจะอยู่ให้ห่างจากห้องน้ำที่ไม่น่าไว้ใจเอาไว้ เพราะอาจมีบางอย่างแอบติดตามคุณออกมา หรือปรากฏให้คุณเห็น
๛ เกิดวันพุธ คุณไม่ควรไปงานศพ เพราะอาจจะมีวิญญาณติดตามตัวคุณกลับออกมา แต่ถ้าหากว่าเป็นงานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากที่กลับมาจากงานศพแล้ว ให้รีบอาบน้ำก่อนเที่ยงคืน และถ้าจะให้ดีน้ำที่อาบควรเป็นน้ำว่าน
๛ เกิดวันพฤหัส ในยามวิกาล มืดๆ อย่ามองไปที่หัวบันได เพราะคุณอาจจะมีอะไรบางอย่างปรากฏให้คุณเห็นที่ตรงนั้น หากว่าได้ยินเสียงแปลกๆ คล้ายๆ กับเรียกชื่อคุณ อย่าขานตอบ ให้ก้าวเท้าถอยหลัง 1 ก้าว แล้วเสียงนั้นจะหายไป
๛ เกิดวันศุกร์ เคยได้ยินหรือเปล่าว่า ธาตุน้ำ อาจจะเป็นเหมือนประตูเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์ กับ โลกวิญญาณ ดังนั้น คนที่เกิดวันศุกร์อย่างคุณควรหลีกเลี่ยงการเดินทางทางน้ำ
๛ เกิดวันเสาร์ ศาลพระภูมิ คือ สิ่งต้องห้ามสำหรับคนเกิดวันเสาร์ ไหว้ เคารพ ได้ แต่อย่ามองจ้อง หากได้ยินเสียงหมาเห่า หอน เกรียวกราว ใกล้ๆ ตัว นั่นอาจแปลได้ว่าคุณกำลังโดนติดตามโดยภูตผี วิญญาณ
palungjit.com
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1112 เมื่อ: 19 มีนาคม 2553, 21:17:50 » |
|
มาอีกแล้วเรื่องผีๆ
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์
รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842
|
|
« ตอบ #1113 เมื่อ: 14 เมษายน 2553, 22:40:28 » |
|
สัปเหร่อบุญ วัดสะพานเป็นคนพูดค่ะ วัดนี้มีชื่อตามทางการคือ "วัดทัศนารุณสุนทริการาม" แต่ชาวบ้านละแวกประตูน้ำและทุ่งมักกะสันมักออกเสียงว่า "วัดตะพาน" แทบทุกคน
สมัย ก่อนการคมนาคมไม่สะดวกเหมือนทุกวันนี้ ชาวบ้านส่วนมากใช้แม่น้ำลำคลองในการเดินทาง ทั่วกรุงมีคลองเล็กคลองน้อยมากมาย อย่างคลองนกใกล้ๆ คลองแสนแสบ หรือคลองไผ่ข้างสนามม้าสระปทุม เดี๋ยวนี้ไม่เหลือให้เห็นอีกแล้ว
วัด สะพานสมัยนั้นขึ้นชื่อเรื่องผีดุ ผู้ใหญ่มักจะขู่เด็กให้เลิกงอแงว่าเดี๋ยวผีวัดสะพานจะมานะ รับรองว่าเงียบกริบ หรือไม่ก็ล้อคนกินจุว่า...สงสัยโดนปอบวัดสะพานสิง
พวก คอเหล้าก็ชอบออกตัวว่า ผีวัดสะพานมันกลัวคนขี้เมา!
"คนตายไม่มี เพื่อน" ที่ตาชูชอบพูดบ่อยๆ ให้คนอื่นติดใจ นำมาพูดเป็นเชิงปลงอนิจจังว่า ใครๆ เขาก็นับญาติกับคนเป็นๆ ทั้งนั้น ยิ่งคนรวยยิ่งมีญาติมิตรนับไม่ถ้วน
ว่า แต่ "ผีไม่มีเพื่อน" จะเป็นความจริงแน่ละหรือ?
ตอนดึกๆ มักมีพวกคนเมามาจากประตูน้ำกลุ่มใหญ่ ส่งเสียงเอะอะข้ามทางรถไฟมา หมูหมาเห่าขรม แต่พวกนั้นนอกจากจะด่าแล้วยังเมามายขนาดท้าหมาให้ออกมาตีกันก็มี บางกลุ่มเมาหนักจนเลี้ยวเข้าป่าช้าวัดสะพานก็มี ตะโกนเรียกผีให้ไปกินเหล้ากัน
พวกนั้นอุตริเข้าไปกินเหล้าใน ป่าช้า มีหลุมศพทั้งเก่าและใหม่เรียงรายระเกะระกะ ขนาดเห็นตอนกลางวันยังเสียวสันหลัง เมื่อนึกถึงร่างที่นอนอยู่ในโลงแคบๆ ใต้ดิน ...เหลือแต่ซากก็มี กำลังพองอืดเน่าเฟะเต็มโลงก็มี
คิดอีกที ก็น่าเห็นใจที่คนตายไม่มีเพื่อน...ใครอยากเป็นเพื่อนกับซากศพล่ะคะ?
คน เมาที่ยกโขยงไปกินเหล้าในป่าช้าอ้างว่าอยากเห็นผีบ้าง ถ้าเห็นก็จะมองดูเฉยๆ หรือไม่ก็หัวเราะใส่หน้า...ดูซิผีจะมีปัญญามาทำอะไรคนเป็นๆ ได้ล่ะ? อ้างว่ามากินเหล้าเป็นเพื่อนผีบ้าง ประเหมาะจะได้ชวนผีกินเหล้าด้วยกันซะเลย!
สมัยนั้นราวสองทุ่มเศษก็ ถือว่าดึกแล้วค่ะ พวกวิตถารเดินผ่านหมู่บ้านเข้าป่าช้า เสียงหมาเห่าหอนค่อยเงียบหายไป จะดังน่ารำคาญอีกครั้งก็ตอนที่พวกขี้เมาพากันยกโขยงกลับออกมาราวๆ สี่ห้าทุ่ม
ตอนเช้าเห็นไม้ปักหลุมศพ เขียนชื่อผู้ตายไว้ ตกหล่นอยู่ข้างทางสองสามอัน บางคนว่าผีดุ แต่ของจริงน่ะไม่ใช่ผีสางที่ไหนหรอกค่ะ พวกขี้เมานั่นแหละที่คว้าจากหลุมผีมาเป็นไม้กันหมา พอเห็นว่าพ้นภัยก็โยนทิ้งไป...เดือดร้อนชาวบ้านต้องกลับไปปักที่หลุมศพตาม เดิม แต่จำหลุมไม่ได้ก็ต้องปักส่งเดช...สมัยนี้คงบอกว่า มั่วกันไปหมด
คืน หนึ่งเรื่องขนหัวลุกก็อุบัติขึ้น!
ช่วงนี้พี่ชายพ่อดิฉันชื่อลุงเติม อยู่คลองบ้านม้า บาง กะปิ แกมาทำธุระที่กรุงเทพฯ โดยพักอยู่ชั้นล่าง...พอได้ยินเสียงหมาเห่า เสียงขี้เมาเอะอะเข้ามา ลุงเติมก็คว้าไม้คมแฝกทันที พ่อต้องรีบห้าม บอกว่าอย่าไปสนใจเลย ไม่ช้ามันก็ต้องเจอดีเข้าจนได้
เมื่อพวกขี้เมาผ่านเข้าป่าช้า เสียงหมาก็เงียบไป...คืนนั้นดิฉันเกิดตาแข็ง นอนหลับๆ ตื่นๆ จนได้ยินเสียงหมาดังขรมอีกครั้ง คราวนี้ขี้เมาส่งเสียงเอะอะแต่อ้อแอ้เพราะเมาหนัก ได้ยินใครตะโกนว่า...ไม่มีผีซักตัว! ทุ้ย...เสียเวลาเปล่าๆ
ลุง เติมแกนักเลงลูกทุ่ง ฉวยคมแฝกออกไปยืนด่าหน้าบ้าน พ่อลุกตามไปติดๆ หมาก็เห่าระงม ขี้เมาร้องด่าอึง พ่อดึงลุงเติมเข้าบ้าน บอกว่าเดี๋ยวพวกมันก็ออกไปกันหมดแล้ว แต่ลุงเติมกลับยกไม้คมแฝกขึ้นชี้ไปทางพวกขี้เมาที่หันซ้ายหันขวาสู้กับหมา
"หมด ที่ไหนล่ะ มีไอ้กลุ่มหลังตามมาเป็นพรวน..."
เสียงแกไม่ใช่เบาๆ ลมดึกพัดฮือ หมาหยุดเห่าแต่กลับหอนโจ๋ว...พวกขี้เมาหันไปมองก็เห็นร่างตะคุ่มๆ นับสิบ ทั้งผู้ชายผู้หญิง เด็กๆ ก็มี พากันเดินโยกเยกแต่เหมือนลอยตามหลังมา...เท่านั้นละค่ะคล้ายกับโลกทั้งโลก กำลังแตกกระจายทันที!
"เฮ้ย! ผีหลอก! ผีหลอกโว้ย..."
เสียง ตะโกนลั่น ขี้เมากลุ่มนั้นวิ่งตะโพงหนีไม่คิดชีวิต ส่งเสียงโว้ยๆ ไปด้วย กลุ่มที่ตามหลังมาก็ค่อยๆ ถอยกลับไป...ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีขี้เมามากินเหล้าเป็นเพื่อนผีในป่าช้าวัด สะพานอีกเลยค่ะ
เรื่องเล่าจาก ข่าวสด
|
เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #1114 เมื่อ: 14 เมษายน 2553, 23:31:56 » |
|
เหอๆๆๆ ไม่อ่าน
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1115 เมื่อ: 14 เมษายน 2553, 23:34:58 » |
|
เดี๋ยวกลับมาอ่านคะ ตอนนี้ตะวันโด่ง.... เดี๋ยวจาไม่ได้บรรยากาศ คะ
ลงชื่อ ผีเฝ้าเวบ(ตัวจริง...ไม่มีสาขา!)
|
|
|
|
จุ๊ง2522
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 781
|
|
« ตอบ #1116 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2553, 12:23:25 » |
|
วันก่อนฝากกระทู้ให้นายปลาทูมาปลุกผีหน่อย วันนี้เลยมาช่วยปลุกพระด้วยความเชื่อแบบไทยๆ
นางกวัก
นางกวักชื่อจริงว่า สุภาวดี บิดาชื่อ สุจิตพราหมณ์ มารดาชื่อ สุมณฑา เกิดที่เมืองมัจฉิกาสัณฑ์ (อยู่ห่างไม่ไกลจากเมืองสาวัตถี) มีครอบครัวประกอบอาชีพทำมาค้าขาย ต่อมาสุจิตตพราหมณ์ผู้เป็นพ่อ ได้ขยายกิจการซื้อเกวียนมา 1 เล่ม นำสินค้าไปเร่ขายในต่างถิ่น บางครั้งบุตรสาวขออนุญาตเดินทางไปด้วย เพื่อเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ระหว่างการค้าขาย
สุภาวดีได้มีโอกาสพบกับ "พระกัสสปเถระเจ้า" เป็นอริยสงฆ์แสดงธรรม หลังจากสุภาวดีฟังธรรมเทศนาอย่างตั้งใจแล้ว พระกัสสปเถระเจ้าได้กำหนดจิตเป็นอำนาจจิตพระอรหันต์ ประสิทธิ์ประสาทพรให้สุภาวดีและครอบครัว โดยได้ตั้งกุศลจิตประสาทพรเช่นนี้ทุกครั้งที่สุภาวดีมีโอกาสไปฟังจนจบอำลากลับ ต่อมา สุภาวดีได้เดินทางติดตามบิดาไปทำการค้า และมีโอกาสฟังธรรมพระอริยสงฆ์อีกท่านหนึ่ง นามว่า "พระสิวลีเถระเจ้า" สุภาวดีได้ฟังธรรมอย่างตั้งใจ สุภาวดีจึงมีความรู้แตกฉานในหลักธรรมต่างๆ เป็นอันมาก พระสิวลีเป็นผู้มีชีวิตอัศจรรย์กว่าพระสงฆ์อื่น คือ ท่านอยู่ในครรภ์มารดานานถึง 7 ปี 7 เดือน จึงคลอดออกมา พร้อมด้วยวาสนา บารมี ที่ติดกับวิญญาณธาตุของท่าน ท่านจึงเป็นผู้มีลาภสักการบูชามาหาท่านตลอด เมื่อถึงคราวจำเป็นและต้องการ ทุกครั้งที่สุภาวดีได้ฟังธรรมและลากลับ พระสิวลีเถระเจ้าได้กำหนดกุศลจิต ประสาทพรให้สุภาวดีและครอบครัว เช่นเดียวกัน จิตของสุภาวดีจึงได้รับประสาทพรจากพระอรหันต์ถึงสององค์ ส่งผลให้บิดาทำการค้าได้กำไรไม่เคยขาดทุน
นางได้รับพรว่า "ขอให้เจริญรุ่งเรืองไพบูลย์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง จากการค้าขายสินค้าต่างๆสมความปรารถนาเถิด"
บิดารู้ว่าสุภาวดีคือผู้ที่เป็นสิริมงคลที่แท้จริง เป็นที่ไหลมาแห่งทรัพย์สมบัติของครอบครัว ครอบครัวร่ำรวยขึ้นเป็นมหาเศรษฐีมีเงินทองและกองเกวียนสินค้ามากมาย เทียบได้กับธนัญชัยเศรษฐี บิดาของวิสาขาแห่งแคว้นโกศล บิดาของสุภาวดีได้ฟังธรรมพระพุทธเจ้า ปฏิบัติธรรมด้วยความศรัทธา เมื่อนางสิ้นชีวิตแล้ว ชาวบ้านจึงปั้นรูปแม่นางสุภาวดีไว้บูชา ขอให้การค้ารุ่งเรือง และความเชื่อดังกล่าวนี้ ก็แพร่หลายเข้ามายังสุวรรณภูมิ จากการเผยแพร่ของพราหมณ์ และยังคงเป็นความเชื่อที่สืบมาจนถึงทุกวันนี้
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #1117 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2553, 12:27:19 » |
|
หวัดดี.......จุ๊ง
ไม่เข้ามาโพสท์หลายอาทิตย์.........เข้ามาก็ปลุกพระเลย.
ระวัง........ของขึ้น!!!!!!!!.
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #1118 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2553, 12:31:30 » |
|
แล้วตำนานที่ว่า..........
ปู่เจ้าเขาเขียว มีลูกสาวคนเดียวชื่อว่า "นางกวัก" ล่ะ........มีที่มายังไงครับท่าน?
|
|
|
|
จุ๊ง2522
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 781
|
|
« ตอบ #1119 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2553, 21:00:24 » |
|
อันนี้ต้องไปถาม สย เอ้ย สายัณห์ สัญญาโน่น ข้อมูลที่ให้ข้างบนเอามาจากเจ๊วิก(วิกิพีเดีย ถ้าผิดพลาดประการใดขอปัดความรับผิดชอบ)
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #1120 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2553, 21:07:56 » |
|
เปิดกระทู้ใหม่อีกสักกระทู้ซิจุ๊ง.........แบบว่าจีนๆหน่อย.
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #1121 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2553, 21:34:26 » |
|
นางกวัก.......อีกเวอร์ชั่นหนึ่ง ตำนาน “นางกวัก” บุตรีของ “ปู่เจ้าเขาเขียว”
ตามตำราโบราณว่ากันว่า นางกวักเป็นบุตรีของ “ปู่เจ้าเขาเขียว” หรือ “ท้าวพนัสบดี” ซึ่งเป็นเจ้าชั้นจาตุมหาราชิกาภูมิคือสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง มีตำแหน่งเป็นพระพนัสบดีคือ เจ้าแห่งป่าเขาลำเนาไพรทั้งปวง ครั้งนั้นมีอสูรตนหนึ่งชื่อ “ท้าวกกขนาก” ซึ่งเป็นเพื่อนกับ ปู่เจ้าเขาเขียว ถูกพระรามเอาต้นกกแผลงไปถูกทรวงอกแล้วตรึงร่างไปติดกับเขาพระสุเมรุ แล้วสาปว่า “ตราบใดที่บุตรของท้าวกกขนากทอใยบัวเป็นจีวร เพื่อถวายแด่พระศรีอริยเมตไตรยที่จะเสด็จมาตรัสรู้แล้ว จึงจะพ้นคำสาป” ดังนั้น นางประจันต์ บุตรสาวของท้าวกกขนากจึงต้องอยู่คอยปฏิบัติพระบิดา และพยายามทอจีวร ด้วยใยบัวเพื่อให้เสร็จทันถวายพระศรีอาริยะเมตไตรย ที่จะเสด็จมาตรัสรู้ในอนาคตกาล เมื่อบุตรสาวของท้าวกกขนากมาคอยดูแลพระบิดาอยู่ที่เขาพระสุเมรุนั้น ทำให้ฐานะความเป็นอยู่ของนางลำบากยากเข็ญยิ่งนัก ฝ่ายปู่เจ้าเขาเขียวเมื่อทราบเรื่องจึงได้เกิดความสงสารก็เลยส่งนางกวักบุตรสาวมาอยู่เป็นเพื่อน ด้วยบุญฤทธิ์ของนางกวัก จึงได้บันดาลให้พ่อค้าวานิช และผู้คนเกิดความสงสารเมตตา พากันเอาทรัพย์สินเงินทองพร้อมทั้งเครื่องอุปบริโภคมาให้ยังที่พักของนางประจันต์เป็นจำนวนมาก ทำให้ความเป็นอยู่ของนางประจันต์มีความสมบูรณ์พูนสุขและเจริญด้วยลาภทั้งปวง
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #1122 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2553, 21:34:38 » |
|
ลักษณะของนางกวัก
แต่เดิม เป็นรูปศักดิ์สิทธิ์ที่แกะจากปลายของงวงช้าง ซึ่งค่อนข้างหายากในปัจจุบันนี้ จะเห็นกันก็เป็นเพียงรูปปั้นผู้หญิงนั่งพับเพียบ นุ่งผ้าซิ่นและห่มสไบเฉลียงแบบคนโบราณ มือซ้ายวางข้างลำตัวหรือถือถุงเงิน มือขวายกขึ้นในลักษณะกวัก ปลายนิ้วงอเข้าหาลำตัว การยกมือขึ้นในลักษณะกวัก ถ้ามือยกสูงระดับปาก มีความหมายว่า กินไม่หมด หากว่ามือที่กวักอยู่ต่ำกว่าระดับปาก เขาถือว่ากินไม่พอ จากตำนานของนางกวักที่กล่าวมาแล้วนี้ ทำให้พระโบราณอาจารย์ได้ประดิษฐ์สร้างวัตถุมงคลเป็นรูปแบบนางกวักขึ้นมาบูชา เพื่อหวังอานิสงส์ด้วยเมตตามหานิยม โชคลาภในการค้าขาย ได้ปรากฏรูปอยู่ตามอาคาร ร้านค้า และบริษัทต่างๆมากมาย ฉะนั้นการที่มีผู้คิดทำรูปนางกวักขึ้นมาก็เท่ากับเป็นสัญลักษณ์ เตือนใจให้พ่อค้าแม่ค้าหมั่นเชิญชวนและพร้อมที่จะต้อนรับลูกค้าอยู่เสมอ
|
|
|
|
จุ๊ง2522
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 781
|
|
« ตอบ #1123 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2553, 22:37:12 » |
|
ขี้เกียจมานั่งแปล มันเหนื่อย อ้อ มีเก็บกระทู้เก่าๆจากมุมจีนมาเพียบ ว่างๆจะมาปัดฝุ่นเอาลงละกัน อืม รับไว้พิจารณา
|
|
|
|
จุ๊ง2522
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 781
|
|
« ตอบ #1124 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2553, 09:58:57 » |
|
แหลม ที่เขียนมายังไม่เห็นบอกเลยว่าทำไมนางกวักชอบกินน้ำแดง เป้นลูกสาวเจ้าพ่อเขาเขียวก็น่าจะชอบกินน้ำเขียว อีกอย่างทำไมเรียกนางกวัก ทำไมไม่เรียกแม่กวัก หรือเจ้าแม่กวัก
|
|
|
|
|