23 พฤศจิกายน 2567, 00:12:11
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 22 23 [24] 25 26 ... 64   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกันเรื่อง ซิกเซ้นต์ และผีๆ  (อ่าน 453950 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 49 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« ตอบ #575 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2552, 19:46:01 »

ผีเยอะจัง อ่านแทบไม่หมด
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #576 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2552, 19:47:45 »

แฟนพี่จมูกไม่ค่อยดี
เขาเคยงดแอลกอฮอลระยะนึง
ปรากฏว่าค่อยๆได้กลิ่นขึ้นมา
ลองดูสิ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #577 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2552, 20:17:26 »

หวัดดีพี่ป้อม  ของนายจุ๊งนี่เกิดจากการหัวล้มฟาดพื้น  อาการคงจะต้องรักษาระบบประสาทมั้งครับพี่  รู้ดีแทนจุ๊งอีกแล้ว
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #578 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2552, 11:02:24 »

ร่วมไว้อาลัย......ครูแจ้ง คล้ายสีทอง

ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง(คีตศิลป์) พ.ศ.2538

"ครูแจ้ง คล้ายสีทอง" บรมครูขับเสภา สิ้นใจแล้วหัวใจล้มเหลวด้วยวัย 74ปี ขณะรักษาตัวร.พ.ศิริราช ภรรยาเตรียมเคลื่อนศพไปไว้วัดป่าเลไลย์สุพรรณบุรี

นางบุญนะ คล้ายสีทอง ภรรยา ครูแจ้ง คล้ายสีทอง ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ.2538 สาขาศิลปะการแสดง(คีตศิลป์) เปิดเผยว่า ครูแจ้ง เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ที่โรงพยาบาลศิริราช ขณะกำลังทำกิจกรรมกายภาพบำบัดอาการอัมพฤกษ์

ซึ่งทางคณะแพทย์ด้านโรคหัวใจ วินิจฉัยว่าเกิดจากอาการเส้นเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน ส่งผลให้ระบบหัวใจล้มเหลว โดยคณะแพทย์ได้ทำการปั้มหัวใจครูแจ้งอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ร่างกายครูแจ้งไม่ตอบสนอง จึงจากไปอย่างสงบด้วยวัย 74 ปี เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่16 มิ.ย. 2552

ทั้งนี้ ครูแจ้งได้เข้ารับการรักษาตัวด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบด้านขวาเฉียบพลัน ที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่
8 ก.พ.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่า จะนำศพครูแจ้งไปบำเพ็ญกุศลยังวัดป่าเลไลย์ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งจะมีการกำหนดวันสวดพระอภิธรรมกี่วันอีกครั้ง
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #579 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2552, 11:02:46 »

                                                      

ประวัติและผลงาน ครูแจ้ง คล้ายสีทอง
 
        นายแจ้ง คล้ายสีทอง เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2478 ณ ตำบลบางตาเถร อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี บิดาชื่อนายหวัน คล้ายสีทอง มารดาชื่อ นางเพี้ยน คล้ายสีทอง เป็นลูกชายคนเดียวในจำนวนพี่น้อง 4 คน ตระนี้นับเป็นตระกูลศิลปินตระกูลหนึ่งในตำบล โดยคุณตาเป็นนักสวดโบราณ บิดาเป็นนักแสดงโขน นักพากษ์โขน และเป็นตลกโขน สังกัดคณะโขนวัดดอนกลาง มารดาเป็นนักร้องที่มีเสียงดีมาก นายแจ้ง คล้ายสีทอง จึงมีสายเลือดศิลปินอยู่เต็มตัว และได้แสดงออกมาตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย
        เมื่อเติบใหญ่จนถึงวัยศึกษาเล่าเรียน บิดาได้ส่งไปเป็นลูกศิษย์คุณตาที่วัดโบสถ์ดอนลำแพน และเรียนหนังสือจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุด ของโรงเรียนในขณะนั้น เมื่อบิดาถึงแก่กรรม มารดาได้กลับมาอยู่ที่บ้านเดิม ต่อมาเมื่ออายุ 11 ปี นายแคล้ว คล้ายจินดา ครูดนตรีไทยอาวุโสผู้หนึ่ง ได้มาติดต่อกับมารดาเพื่อจะขอรับนายแจ้ง คล้ายสีทอง ไปเป็นลูกศิษย์เพราะเห็นว่ามีพรสวรรค์ด้านดนตรีไทย โดยได้ย้าย ไปอยู่ที่บ้านนายแคล้ว คล้ายจินดา เพื่อจะได้มีเวลาเรียนดนตรีอย่างเต็มที่ เริ่มแรกได้ฝึกเรียนฆ้องวง ต่อมาได้ฝึกเรียนเครื่องดนตรีอื่นๆ จนสามารถบรรเลงได้ทุกชนิด และเรียนการ ขับร้องจากนายเฉลิม คล้ายจินดา บุตรชายของนายแคล้ว คล้ายจินดา เมื่อออกงานบรรเลง ลีลาและน้ำเสียงของ นายแจ้ง คล้ายสีทอง เป็นที่ชื่นชอบของผู้ฟังเป็นอย่างมาก ได้ฝึกหัดดนตรีและขับร้องกับนายแคล้ว คล้ายจินดา จนอายุได้ 14 ปี มารดาก็ตามกลับบ้าน อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังติดต่อและร่วมงานกับนายแคล้ว อยู่เป็นประจำ
       เมื่อนายแจ้งอายุได้ 17 ปี ได้ติดตามนายสนิท โพธิ์หิรัญ เข้าทำงานที่กรุงเทพฯ นายสนิทได้ฝากเข้าทำงานที่กองยกกระบัตรสะพานแดง บางซื่อ ซึ่งการทำงานครั้งนั้นต้อง งดรับงานร้องเพลงและงานบรรเลงดนตรีทั้งหมด
      อายุครบ 21 ปี นายแจ้ง คล้ายสีทอง เข้ารับการเกณฑ์ทหารและเข้าประจำการหน่วยเสนารักษ์ ในระยะนั้นเมื่อมีเวลาว่างหรือได้ลาพักผ่อน ก็มักติดตามนายสืบสุด ดุริยะประณีต ไปในงานบรรเลงปี่พาทย์ของวงดุริยะประณีต หรือวงบ้านบางลำพู เป็นประจำ เมื่อผู้บรรเลงเครื่อง ดนตรีบางชิ้นว่างลงหรือไม่มา นายแจ้ง คล้ายสีทอง จะบรรเลงแทน และสามารถบรรเลงได้ดีทุกๆหน้าที่ ตั้งแต่การบรรเลงเครื่องดนตรี ประกอบจังหวะจนถึงระนาดเอก และระนาดทุ้ม ในการบรรเลงแต่ละครั้งได้รับเงินค่าจ้างประมาณ 40-50 บาท เมื่อปลดประจำการเป็น ทหารกองหนุนแล้ว นายสืบสุด ดุริยะประณีต ได้ชักชวนให้เข้าเป็นนักดนตรีวงดุริยะประณีต
     สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้สนับสนุนการแสดงลิเกให้แพร่หลายโดยเรียกชื่อใหม่ว่า "นาฏดนตรี" มีการแสดงลิเก ส่งกระจายเสียงตามสถานีวิทยุต่างๆ จนเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง คณะลิเกหลายคณะใช้วงปี่พาทย์บ้านบางลำพูในการบรรเลง เมื่องานบรรเลงตาม สถานีวิทยุมากขึ้น ประกอบกับการมีฝีมือด้านดนตรี นายแจ้ง คล้ายสีทอง ได้เลื่อนฐานะเป็นนายวง โดยเป็นคนตีระนาดเอกประจำ สถานีวิทยุกรมการรักษาดินแดน และเมื่อคณะลิเกขาดคนแสดงบทใดบทหนึ่งก็จะติดต่อให้ช่วยแสดงแทน ซึ่งแสดงได้ดีทุกบทบาทของตัวละคร จนบางคณะติดต่อให้แสดงเป็นพระเอก นายแจ้ง คล้ายสีทอง จะใช้ชื่อในการแสดงทุกครั้งว่า "อรุณ คล้ายสีทอง"
     ครั้งหนึ่งวงดนตรีบ้านบางลำพูมีงานบรรเลง ณ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 4 บางขุนพรม มีนายสุพจน์ โตสง่า เป็นผู้บรรเลงระนาดเอก ในการร้องบรรเลงการสวมรับ และการส่งร้องเพลงบุหลันเถา เฉพาะในตอน 2 ชั้น และชั้นเดียว ปรากฏว่าผู้ร้องไม่มา นายแจ้ง คล้ายสีทอง จึงได้ร้องเพลงแทน มีศิลปินผู้ใหญ่หลายท่านนั่งฟังอยู่ด้วย และได้กล่าวชมน้ำเสียงขับร้องว่าเหมาะสม แต่ควรปรับปรุงวิธีการรร้องและ ลีลาการร้อง บางช่วง นายแจ้ง คล้ายสีทอง จึงเข้าฝึกหัดและเรียนวิชาการขับร้องกับนางสุดา เขียววิจิตร เนื่องจากมีพรสวรรค์ทางด้านเสียงอยู่แล้ว เมื่อได้รับการ ฝึกหัดอย่างถูกวิธี ก็ฝึกได้อย่างรวดเร็ว และสามารถขับร้องได้ดีมากขึ้น
      พ.ศ. 2508 สถานีวิทยุ ว.ป.ถ. จัดให้มีการประกวดขับร้องเพลงไทยและการบรรเลงเครื่องสาย นายแจ้ง คล้ายสีทอง ได้สมัครเข้าแข่งขัน ในครั้งนี้ด้วย โดยใช้ชื่อสมัครว่า "นายอภัย คล้ายสีทอง" และได้รับรางวัลชนะเลิศผู้ขับร้องฝ่ายชาย
     พ.ศ. 2508 เข้ารับราชการในตำแหน่งคีตศิลปินจัตวา หรือตำแหน่งขับร้องเพลงไทย แผนกดุริยางค์ไทย กองการสังคีต กรมศิลปากร การทำงานในระยะแรก นายแจ้งต้องปรับปรุงการร้องเพลงใหม่ เพราะจะต้องร้องให้เข้ากับบทบาทตัวละครที่กำลังแสดง ด้วยความอุตสาหะและ เอาใจใส่ก็สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยัง พยายามฝึกฝนหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ โดยการฝึกหัดร้องเพลงและศึกษาการขับร้องของ ครูดนตรีรุ่นเก่า ที่มีชื่อเสียง เพื่อเป็นแนวทางการ ขับร้องให้ดียิ่งขึ้น
     การขับและขยับกรับเสภา นายแจ้งสามารถขับร้องได้อย่างไพเราะพร้อมการขยับกรับ นายโชติ ดุริยะประณีต เป็นผู้ฝึกหัดให้ เริ่มตั้งแต่วิธี จับไม้กรับเสภา ซึ่งมีอยู่ 4 อัน หรือ 2 คู่ โดยถือไว้ในมือด้านละ 1 คู่ เริ่มขยับเสียงสั้นไปหาเสียงยาวคือเสียงกรด เสียงสั้นคือเสียงก๊อก แก๊บ ขับจนคล่องดีแล้วจึงตีเสียงกร้อ แกร้ (เสียงกรอ) ต่อจากนั้นตีไม้สกัดสั้น ได้แก่เสียงแกร้ แก๊บ และไม้สกัดยาวคือเสียงกร้อ แกร้ กร้อ แกร้ แก๊บ ใช้สำหรับตอนหมดช่วงของการขับเสภา และในระหว่างขับ ส่วนไม้กรอใช้สำหรับ ขับครวญเสียงโหยไห้และใกล้หมดช่วงของขับเสภา ฝึกจนสามารถ ขับและขยับกรับเสภาได้ โดยขับในละครเรื่อง ไกรทอง
       แต่ยังไม่ทันได้ต่อไม้เสภาอื่นๆต่อไป นายโชติ ดุริยะประณีต ก็ถึงแก่กรรม นายแจ้ง คล้ายสีทอง ได้มีโอกาสไปสาธิตการขับ และขยับกรับเสภาของอาจารย์มนตรี ตราโมท อยู่เสมอ ท่านได้กรุณาบอกไม้เสภาที่ยังไม่ได้ให้ ได้แก่ ไม้รบ ใช้สำหรับบทดุดันหรือการต่อสู้ และไม้สอง ใช้สำหรับชมธรรมชาติหรือดำเนินทำนองเพลง 2 ชั้น และบทดำเนินเรื่อง นอกจากนี้ยังได้รับความ กรุณาจากนางท้วม ประสิทธิกุล และนายประเวศ กุมุท แนะวิธีปลีกย่อยให้นายแจ้ง จนได้มีโอกาสแสดงความสามารถและได้รับคำชมไปทั่ว บุคคลที่นายแจ้ง คล้ายสีทอง ให้ความเคารพนับถืออีกท่านหนึ่ง คือนายเสรี หวังในธรรม ผู้ให้การสนับสนุนแนะนำวิธีการร้องต่างๆแก่นายแจ้งตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
      ครั้งหนึ่ง ในงานพิธีไหว้ครูประจำปีของแผนกดุริยางค์ไทย กองการสังคีต กรมศิลปากร พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร (พระองค์ชายกลาง) องค์อุปถัมภ์ศิลปิน ได้เสด็จมาในงานพร้อมด้วยนายเจือ ขันธมาลา ผู้มีความสามารถในการขับร้องและขยับกรับเสภา นายเจือเป็นหลานและศิษย์ของ ท่านครูหมื่นขับคำหวาน และพระองค์ชายกลาง ได้มีพระเมตตาฝากฝังนายแจ้งให้เรียนเสภากับนายเจือ นายแจ้งจึงได้ วิธีการขับเสภาไหว้ครู รวมทั้งเกร็ดย่อยอื่นๆเพิ่มขึ้น ในที่สุดจึงเป็น นายแจ้ง คล้ายสีทอง ของคนฟังเพลงไทย และคนฟังเสภาทั่วประเทศ จนได้รับสมญาว่า "ช่างขับคำหอม"
      นายแจ้ง คล้ายสีทอง ได้ขับร้องเพลงถวายหน้าพระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ณ ตำหนักเรือนต้นและที่อื่นๆ เนื่องในงาน พระราชทานเลี้ยงรับรองพระราชอาคันตุกะส่วนพระองค์เสมอๆ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้นายแจ้ง ร้องเพลงที่ทรงโปรดเป็นพิเศษ อันได้แก่ เพลงลาวครวญ ลาวดวงเดือน ลาวคำหอม เป็นต้น และมีพระราชกระแสรับสั่งชมเชยว่าร้องเพราะเสียงดี ยังมีความปลาบปลื้มแก่นายแจ้งเป็นอย่างยิ่ง
      นอกจากนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานเหรียญราชรุจิ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อคราวขับไม้ประกอบ ซอสามสายในพระราชพิธีขึ้นระวาง สมโภชพระศรีนรารัฐราชกิริณี ที่จังหวัดนราธิวาส เมื่อปี พ.ศ.2520 และได้รับพระราชทานเหรียญ รัตนาภรณ์ในงานพระราชพิธีขึ้นระวาง และสมโภชน์ช้างสำคัญ 3 เชือกที่จังหวัดเพชรบุรี ปี พ.ศ. 2521 นับว่าเป็นผู้ขับร้องเพลงไทย คนสำคัญอีกคนหนึ่งของประเทศไทย
       จากประวัติชีวิตและผลงานดังกล่าว คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ จึงประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติให้ นายแจ้ง คล้ายสีทอง เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (คีตศิลป์) เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2538
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #580 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2552, 17:42:05 »

ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะพบเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวของผีๆ สางๆ อยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนจะชวนให้น่าสยดสยองพองขนเหมือนครั้งนี้มาก่อนเลย

เรื่อง มีอยู่ว่า เพื่อนร่วมงานของพี่สาว ขอสมมติว่าชื่อแหม่มได้มาเที่ยวบ้านที่ อ.แม่ทา จ.ลำพูน พูดคุยกันเพลิดเพลินจนถึงประมาณ 3 ทุ่มจึงได้ขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านซึ่งอยู่ห่างกันหลายกิโลเมตร...เป็นทาง เปลี่ยวและค่อนข้างอันตรายอยู่ แต่พี่เขาบอกว่าไม่เป็นไร

เวลาประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง พี่แหม่มโทร.หาพี่สาวข้าพเจ้า แต่ไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้า พอพี่เขาดูแล้วก็บอกว่าเพื่อนคงจะกลับถึงบ้านแล้ว จึงโทร.กลับไปถามให้แน่ใจ...ที่ไหนได้ล่ะ มีเสียงตอบมาว่ายังไปไม่ถึงไหนเลย เกิดประสบอุบัติเหตุนิดหน่อยอยู่ใกล้ๆ นี่เอง

อารามเป็นห่วง เราเลยรีบพากันออกตามหา โดยไม่นึกเลยว่าพี่แหม่มจะไปรถแฉลบล้มตรงบริเวณที่เรียกกันว่า "ผีเฮี้ยน"

แต่ กว่าจะหากันพบเราต้องโทร.ถึงกันตลอดเวลา...พี่แหม่มดีใจมากที่เห็นหน้า พวกเรา บอกว่ายังไม่มีใครเห็นเลยแม้แต่คนเดียว คนที่ขับรถผ่านมาก็ไม่เห็น...ขับเลยไปหมดทุกคน!

ข้าพเจ้ากับพี่สาว มองหน้ากันอย่างงุนงง เพราะเราขับรถวนหาพี่แหม่มถึงสามรอบด้วยกัน...คือรอบแรกที่ผ่านตรงนั้น ข้าพเจ้าเป็นคนมองหา ส่วนผีสาวเป็นคนขับรถ ข้าพเจ้ามองเห็นพี่แหม่มเป็นกองผ้ากองหนึ่งเท่านั้น ครั้นบอกให้พี่สาวกลับรถและโทร.หาอีก พี่เขาก็บอกว่าเพื่อนนอนอยู่ข้างๆ ทางใกล้กับหลักกิโลเมตร

รอบที่สอง ข้าพเจ้าก็ให้พี่สาวขับต่อ ส่วนตัวเองมองหาอีกครั้ง ปรากฏว่าคราวนี้เห็นแต่หมวกกันน็อก ก็ยังขับเลยพี่แหม่มไปอีก ข้าพเจ้าเลยบอกพี่สาวให้กลับรถไปยังที่ที่เห็นหมวกกันน็อก ปรากฏว่าได้เจอพี่แหม่มในรอบที่สามนี้เอง!

พี่แหม่มนอนอยู่ข้างทางแท้ๆ แต่ไม่มีใครเห็นเลย คิดแล้วน่าประหลาดใจจริงๆ

เรื่อง แบบนี้คนทางภาคเหนือเขาเรียกว่า "ปีกุ๋ม" คือมันต้องการพวกเพิ่มจนบังตาไม่ให้เราหาเจอ บริเวณนั้นค่อนข้างมืดสลัว พี่สาวรีบเข้าไปประคองศีรษะเพื่อนแล้วเรียกให้ได้สติ พอดีมีรถมอเตอร์ไซค์อีกคันผ่านมา...

ตอนแรกเขาเลยไปแล้ว แต่แฟนเขาคงบอกให้จอดช่วยเพราะเห็นว่าเรามีแต่ผู้หญิงสามคนเท่านั้น...เมื่อ เขาเลี้ยวรถกลับมา ข้าพเจ้าจึงให้เขาช่วยหันหน้ารถ เพื่อให้ไฟตรงรถของพี่สาวเพื่อเอาพี่แหม่มขึ้นมา หนุ่มสาวคู่นั้นบอกว่าจะไปบอกตำรวจให้นะ...แล้วพี่สาวก็พาเพื่อนไปส่งโรง พยาบาล ส่วนข้าพเจ้าก็เป็นหน่วยกล้าตายยืนเฝ้ารถให้พี่แหม่ม...

จน กระทั่งรถตำรวจมาถึง...คุณพระช่วย! ทั้งที่ข้าพเจ้าใส่เสื้อขาวและจูงรถไปรออยู่ตรงหน้าปั๊มลูกทุ่ง แถมโบกมือเรียกแต่ตำรวจกลับมองไม่เห็น เล่นเอาขนลุกเกรียว!

นี่มันเกิดอะไรขึ้นแน่! ยังดีที่เขาย้อนกลับมาอีกครั้ง คราวนี้มองเห็นและพาไปอยู่ที่ป้อมตำรวจ รอจนกระทั่งหลานชายมารับข้าพเจ้า

ครั้นกลับ ถึงบ้านก็ยังใจสั่นจนนอนไม่หลับ...นึกได้ว่าอารามตกใจ รีบไปตามหาพี่แหม่ม ข้าพเจ้าและพี่สาวจึงไม่ได้ห้อยพระ...พอนึกได้ก็เลยลุกขึ้นหาพระมาห้อยคอ จิตใจสับสนวุ่นวายเพราะเป็นห่วงพวกพี่ๆ จึงตัดสินใจออกไปยืนรอที่หน้าบ้าน...

ทันใดนั้น เจ้าแต้ม-หมาแสนรู้ก็ปราดออกจากใต้ถุนไปยืนเห่าอะไรเบาๆ ก่อนจะเงียบเสียง ตัวแข็งทื่อ จ้องมองไปทางประตูรั้ว เล่นเอาเย็นวาบไปทั้งตัว! วิญญาณร้ายคงจะตามมาด้วยความโกรธแค้น ที่เราขัดขวางจนมันเอาพี่แหม่มไปอยู่ด้วยไม่สำเร็จ

รุ่ง ขึ้นคือเช้าวันจันทร์ แฟนพี่เขาก็พาพ่ออุ๊ยแม่อุ๊ย (คนแก่เฒ่า) มาช้อนขวัญตามประเพณีทางเหนือ แล้วเลี้ยงเจ้าที่ ลาบ แกงอ่อม บุหรี่ ฯลฯ จิตใจของแต่ละคนจึงค่อยๆ ดีขึ้น...ข้าพเจ้าก็เลี้ยงผีที่หน้าบ้านด้วย...เชิญวิญญาณที่ตามมาให้กลับไป ที่เดิม

เมื่อ พี่แหม่มอาการทุเลาลงจึงถามว่า ทำไมเอารถไปตกตรงนั้น? พี่แหม่มบอกว่าจู่ๆ ไฟหน้ารถก็ดับเอง แล้วรถก็ไถลไปตามทางนั้น...จะลุกก็ลุกไม่ไหวจึงโทร.หาพี่สาวข้าพเจ้า

ตอน ที่คุยกันครั้งแรก พี่สาวเปิดลำโพงปรากฏว่ามีเสียงแทรกเข้ามา...มาทั้งเสียงเด็ก, ผู้หญิง, หนุ่ม, แก่ มีหมด แต่พี่แหม่มบอกว่าไม่มีใครเลย แล้วมันเป็นเสียงใครล่ะถ้าไม่ใช่เสียงผี? เพราะเราแยกได้ว่าเป็นเสียงใครบ้าง แต่จับใจความไม่ได้ว่าเขาพูดอะไรกัน?

ที่แน่ๆ ก็คือ...มันไม่ใช่ภาษามนุษย์ค่ะ!

แต่ ที่หาพี่เขาเจอเชื่อว่าเป็นเพราะข้าพเจ้าเกิดวันพฤหัสฯ พี่สาวเกิดวันอาทิตย์ รวมกันแล้วจึงแรงกว่าอำนาจผี ทำให้เราหาพี่แหม่มจนเจอ...

ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าไม่กล้าผ่าน ถนนสายนั้นอีกเลย สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณหลานชาย-หญิงคู่นั้นมากที่ช่วยเอารถขึ้น และไปช่วยบอกตำรวจให้...แต่ที่น่ากลัวมากๆ ก็คือ หากวันนั้นเราหาพี่แหม่มไม่เจอจะเป็นยังไง? คิดแล้วขนหัวลุกค่ะ!
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #581 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2552, 18:33:43 »

ยาวๆ กันทั้งนั้นตาไม่ดีขี้เกียจอ่านซะแล้ว
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #582 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2552, 18:48:26 »

น้องทู.........เรื่อง....ผีบังตา.....น่าเชื่อได้.......มีเรื่องเล่ามากมาย

ครูตุ๋ย.........ไม่อยากอ่านเหรอ......งั้นเดี๋ยวลงรูปให้ดู
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #583 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2552, 18:48:47 »

ผีขอส่วนบุญ


      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #584 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2552, 18:49:04 »

ผีที่โรงพยาบาล


      บันทึกการเข้า
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #585 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2552, 18:55:07 »

มีจองด้วยว้อย  แหลม  มืดแล้วไม่อ่านเรื่องผี
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #586 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2552, 19:10:18 »

แถมอีกรูป..ขำๆ......ย่องตอด


      บันทึกการเข้า
เจตน์
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ใครๆเรียกผมว่า "กุ๊ปปิ๊"
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2534
คณะ: ครุฯ พลศึกษา
กระทู้: 6,520

« ตอบ #587 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2552, 19:14:50 »

ไม่น่าเข้ามาเล้ย โดยเฉพาะผีโรงพยาบาล............... โรงพยาบาล เป็นที่ซึ่งผมให้ความยำเกรงมากที่สุด มากกว่าป่าช้าเสียอีกครับ มันเป็นความทรงจำแบบฝังลึกสมัยเด็กๆ ติดตาติดใจมาจนถึงทุกวันนี้ครับ......  บรึ๋ยยย
      บันทึกการเข้า

ชีวิตผมเป็นดั่งวงกลม จึงได้แต่ดอมดมความสุขจากคนอื่นๆ
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #588 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2552, 19:21:04 »

อ้างถึง
ข้อความของ เจตน์ PE เมื่อ 17 มิถุนายน 2552, 19:14:50
ไม่น่าเข้ามาเล้ย โดยเฉพาะผีโรงพยาบาล............... โรงพยาบาล เป็นที่ซึ่งผมให้ความยำเกรงมากที่สุด มากกว่าป่าช้าเสียอีกครับ มันเป็นความทรงจำแบบฝังลึกสมัยเด็กๆ ติดตาติดใจมาจนถึงทุกวันนี้ครับ......  บรึ๋ยยย

มีเรื่องเล่าจากความทรงจำแบบฝังลึกสมัยเด็กๆไหม?...........น้องเจตน์
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #589 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2552, 19:24:30 »

อีกรูปละกัน........ก่อนกลับบ้าน

      บันทึกการเข้า
เจตน์
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ใครๆเรียกผมว่า "กุ๊ปปิ๊"
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2534
คณะ: ครุฯ พลศึกษา
กระทู้: 6,520

« ตอบ #590 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2552, 19:44:12 »

จริงแล้วผมไม่ได้กลัวผีหรอกนะครับ ผมกลัวโรงพยาบาลมากกว่า ทุกๆครั้งที่ย่างเข้าไปแล้วเหยื่อแตกเต็มตัวทุกทีครับ........   เหนื่อย

             ตอนนั้นยังอยู่เด็กเล็ก ต้องไปเฝ้าไข้คุณย่าที่โรงพยาบาล คุณย่านอนพักรักษาตัวที่ห้องรวม ข้างๆเตียงก็ล้วนเป็นคนแก่ทั้งนั้น ........ ใครๆก็บอกว่า ผมเป็นลูกย่า คือจะกิน ก็ย่าป้อน จะนอนก็ต้องกับย่าเท่านั้น
             ผมไปนอนเฝ้าย่าสามคืน คืนแรกไม่มีอะไร คืนที่สอง ประมาณเที่ยงคืนผมได้ยินเสียงคนตะโกน โวยวายเสียงดัง เลยตื่นขึ้นมา และก็ได้เห็นว่าคุณยายเตียงข้างๆ กำลังลิ้นจุกปาก ตาเหลือก ใกล้จะหมดลมหายใจ เป็นภาพที่เห็นเต็มๆตา ก่อนที่พยาบาลจะวิ่งมาแล้วรูดม่านปิดเพื่อรักษา...แล้วทุกอย่างก็เรียบร้อย หมอสามารถช่วยชีวิตคุณยายท่านนั้นไว้ได้..... คืนที่สามเวลาเดิม คุณยายคนเดิม อาการแบบเดิม แต่คราวนี้มีน้ำลายฟูมปากด้วย ผมก็เห็นเต็มตาอีกแล้ว ย่าก็เห็นแล้วท่านก็ร้องด้วย (ท่านอาจจะกลัว).....พยาบาลและหมอก็มาทำเหมือนเดิม ปิดม่าน ยื้อชีวิตคุณยายกันอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่สามารถช่วยไว้ได้ และท่านก็เสียในคืนนั้นครับ........ สิ่งที่ทำให้ผมกลัวโรงพยาบาลจนถึงตอนนี้คือภาพคุณยายท่านที่เห็นก่อนพยาบาลจะปิดม่าน...พอคืนที่สี่เป็นต้นไป ผมเลยไม่กล้าไปอีกเลยครับ...... อย่างที่บอกครับ ที่กลัวไม่ใช่ผีครับ เพราะไม่ได้โดนผีหลอก หรือเห็นผี ที่โรงพยาบาล แต่ผมกลัวโรง'บาลครับ .... 


      บันทึกการเข้า

ชีวิตผมเป็นดั่งวงกลม จึงได้แต่ดอมดมความสุขจากคนอื่นๆ
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #591 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2552, 20:08:34 »

พี่แหลม,
ภาพนี้แหละ... ali mcgraw
จาก The Exorcist
น่ากลัวง่ะ


nn.22+5
      บันทึกการเข้า


ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #592 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2552, 20:13:38 »

เอาเข้า  เอาเข้ามา  อยู่คนเดียวนะ
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #593 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2552, 06:35:12 »

น้องเจตน์........

ในอดีต.....โรงพยาบาลอาจจะเป็นที่ซึ่งน้องกลัว เพราะมีความทรงจำที่ไม่ดีนัก
แต่อนาคต(อันใกล้)........จะต้องมีความสุขแน่นอนเมื่อไปโรงพยาบาล
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #594 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2552, 06:39:35 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 17 มิถุนายน 2552, 20:08:34
พี่แหลม,
ภาพนี้แหละ... ali mcgraw
จาก The Exorcist
น่ากลัวง่ะ


nn.22+5

ถ้าบรรยากาศเป็นใจ........ก็หลอนได้ล่ะ.........น้องหนิง
      บันทึกการเข้า
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #595 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2552, 09:54:04 »

มาเลยตอนนี้ไม่กล้วผี  มาหลอกเยอะๆ ก้ไม่กลัว
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
เจตน์
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ใครๆเรียกผมว่า "กุ๊ปปิ๊"
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2534
คณะ: ครุฯ พลศึกษา
กระทู้: 6,520

« ตอบ #596 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2552, 10:36:04 »

อ้างถึง
ข้อความของ Leam เมื่อ 18 มิถุนายน 2552, 06:35:12
น้องเจตน์........

ในอดีต.....โรงพยาบาลอาจจะเป็นที่ซึ่งน้องกลัว เพราะมีความทรงจำที่ไม่ดีนัก
แต่อนาคต(อันใกล้)........จะต้องมีความสุขแน่นอนเมื่อไปโรงพยาบาล


ใช่ครับพี่แหลม และคงเป็นตึกเดียวในโรงพยาบาล ที่ทั้งคนไข้และญาติพี่น้องมีความสุขกัน..... ผมหวังว่าผมคงกล้าพอที่จะนอนเฝ้าภรรยากับเจ้าพวงน้อยที่นั้นครับ   บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า

ชีวิตผมเป็นดั่งวงกลม จึงได้แต่ดอมดมความสุขจากคนอื่นๆ
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #597 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2552, 11:53:05 »

เข้ามา...
หลอกผีพี่ตุ๋ย..
กลางวันแสกๆ


บูววววว
      บันทึกการเข้า


ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #598 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2552, 19:14:24 »

ตอนนี้ค่ำแล้ว  ฝนตกด้วย บรรยากาศอึมครึม
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #599 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2552, 07:50:45 »

วันนี้เป็นผีเฝ้าเวบจริงๆคะ
ไม่เล่น


nn.22+5
      บันทึกการเข้า


  หน้า: 1 ... 22 23 [24] 25 26 ... 64   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><