◄◄◄ << เมียงู >>►►► .. Life is Beautiful ..

[swsm]

หยีว่า  บางทีเราเหมาชาติเชื้อว่าเป็นแบบนั้น แบบนี้ .. ก็ดูจะไม่ยุติธรรมกับเขา
ทุกสังคม ก็มีคนหลากหลายประเภทปะปนกันไป

แล้วแต่ destiny จะนำพาเราไปพบกับใคร

ความจริงรู้จักคนไว้หลากหลายก็ดี 
จะได้มีประสบการณ์ในการรับมือกับผู้คนได้มากขึ้น
ประมาณว่า .. แบบนี้กรูเคยเจอมาแล้ว .. อ่ะค่ะ

[Leam]

		อ้างถึง			ข้อความของ swsm เมื่อ 31 มีนาคม 2555, 18:42:33
	หยีว่า  บางทีเราเหมาชาติเชื้อว่าเป็นแบบนั้น แบบนี้ .. ก็ดูจะไม่ยุติธรรมกับเขา ทุกสังคม ก็มีคนหลากหลายประเภทปะปนกันไป แล้วแต่ destiny จะนำพาเราไปพบกับใคร ความจริงรู้จักคนไว้หลากหลายก็ดี  จะได้มีประสบการณ์ในการรับมือกับผู้คนได้มากขึ้น ประมาณว่า .. แบบนี้กรูเคยเจอมาแล้ว .. อ่ะค่ะ

ประมาณ.... ♫♫ หนักกว่าเธอก็เจอมาแล้ว... ♫♫♫♫

[wannee]

สวัสดีค่ะน้องหยี..เจ้าของกระทู้ และพี่น้องผองเพื่อน 

ตามอ่านเรื่องราวของหยีมาเป็นระยะๆ    เป็นชีวิตที่ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวเยอะนะคะ 

และต้องมีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าบ่อยครั้ง 

[wannee]

บ้านใหม่สวย  น่าอยู่จนลูกสาวร้องว่าได้อยู่แค่ 2 เดือน 

[Leam]

		อ้างถึง			ข้อความของ wannee เมื่อ 31 มีนาคม 2555, 19:16:53
	สวัสดีค่ะน้องหยี..เจ้าของกระทู้ และพี่น้องผองเพื่อน  ตามอ่านเรื่องราวของหยีมาเป็นระยะๆ    เป็นชีวิตที่ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวเยอะนะคะ  และต้องมีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าบ่อยครั้ง

น้องสาวเราเก่งครับพี่...  นิสัยดีอีกต่างหาก

[phraisohn]

		อ้างถึง			ข้อความของ swsm เมื่อ 31 มีนาคม 2555, 07:54:34
	ภารกิจประการแรก .. หลังจากท้องอิ่ม อาบน้ำเสร็จ คือการจัดทำให้ระบบอินเตอร์เน็ตใช้งานได้ อิฉันอยู่ไม่ได้หรอกค่ะ  หากไม่มีอินเตอร์เน็ตสำหรับเม้าท์มอยกับเพื่อนฝูงต่างแดน

พี่หยีได้บ้านหลังใหม่แล้ว ยินดีด้วยครับ
ส่วนภาพนี้ กดไลค์แรงๆๆ ฮ่าๆๆ

[swsm]

		อ้างถึง			ข้อความของ Leam เมื่อ 31 มีนาคม 2555, 19:23:00
	อ้างถึง ข้อความของ wannee เมื่อ 31 มีนาคม 2555, 19:16:53 สวัสดีค่ะน้องหยี..เจ้าของกระทู้ และพี่น้องผองเพื่อน   ตามอ่านเรื่องราวของหยีมาเป็นระยะๆ    เป็นชีวิตที่ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวเยอะนะคะ   และต้องมีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าบ่อยครั้ง   น้องสาวเราเก่งครับพี่...  นิสัยดีอีกต่างหาก

พี่เสียด พี่แหลมคะ    

นี่คือหนึ่งความทุกข์ยาก ซึ่งหลายคนมองไม่ค่อยเห็น ในฐานะนักการทูตหรือคนที่ต้องย้ายที่อยู่ตลอดเวลา
เราต้องเหนื่อยแบบนี้เป็นระยะ
ต้องเจอกับคนที่มีอุปนิสัยประหลาด ๆ แต่ต้องยืนยิ้มและเจรจากับเขาให้ตลอดรอดฝั่ง
ลูกต้องพลัดพรากจากคนที่รัก (เพื่อน)
ต้องปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ตลอดเวลา

หลายคนมองเฉพาะด้านสนุก สวยงามค่ะ
ชอบที่ได้พบผู้คนหลากหลาย โดยเฉพาะบุคคลสำคัญ ๆ
ได้ไปเป็นส่วนหนึ่งของงานสำคัญ ที่บุคคลทั่วไปไม่มีโอกาส
ได้ท่องเที่ยวไปทั่วโลก
ได้แต่งตัวสวยงามตลอดเวลา ฯลฯ


แต่เหรียญมีสองด้านเสมอ .. ถึงเวลานี้ ยอมรับว่าเหนื่อยแล้วค่ะ  

[swsm]

		อ้างถึง			ข้อความของ phraisohn เมื่อ 01 เมษายน 2555, 00:58:29
	อ้างถึง ข้อความของ swsm เมื่อ 31 มีนาคม 2555, 07:54:34 ภารกิจประการแรก .. หลังจากท้องอิ่ม อาบน้ำเสร็จ คือการจัดทำให้ระบบอินเตอร์เน็ตใช้งานได้ อิฉันอยู่ไม่ได้หรอกค่ะ  หากไม่มีอินเตอร์เน็ตสำหรับเม้าท์มอยกับเพื่อนฝูงต่างแดน พี่หยีได้บ้านหลังใหม่แล้ว ยินดีด้วยครับ ส่วนภาพนี้ กดไลค์แรงๆๆ ฮ่าๆๆ

บักสนเห็นความแรงของอินเตอร์เน็ตที่บ้านพี่หรือยัง
ดูซะ !!

[หนุน'21]

		อ้างถึง			ข้อความของ swsm เมื่อ 01 เมษายน 2555, 07:27:54
	อ้างถึง ข้อความของ Leam เมื่อ 31 มีนาคม 2555, 19:23:00 อ้างถึง ข้อความของ wannee เมื่อ 31 มีนาคม 2555, 19:16:53 สวัสดีค่ะน้องหยี..เจ้าของกระทู้ และพี่น้องผองเพื่อน   ตามอ่านเรื่องราวของหยีมาเป็นระยะๆ    เป็นชีวิตที่ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวเยอะนะคะ   และต้องมีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าบ่อยครั้ง   น้องสาวเราเก่งครับพี่...  นิสัยดีอีกต่างหาก พี่เสียด พี่แหลมคะ     นี่คือหนึ่งความทุกข์ยาก ซึ่งหลายคนมองไม่ค่อยเห็น ในฐานะนักการทูตหรือคนที่ต้องย้ายที่อยู่ตลอดเวลา เราต้องเหนื่อยแบบนี้เป็นระยะ ต้องเจอกับคนที่มีอุปนิสัยประหลาด ๆ แต่ต้องยืนยิ้มและเจรจากับเขาให้ตลอดรอดฝั่ง ลูกต้องพลัดพรากจากคนที่รัก (เพื่อน) ต้องปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ตลอดเวลา หลายคนมองเฉพาะด้านสนุก สวยงามค่ะ ชอบที่ได้พบผู้คนหลากหลาย โดยเฉพาะบุคคลสำคัญ ๆ ได้ไปเป็นส่วนหนึ่งของงานสำคัญ ที่บุคคลทั่วไปไม่มีโอกาส ได้ท่องเที่ยวไปทั่วโลก ได้แต่งตัวสวยงามตลอดเวลา ฯลฯ แต่เหรียญมีสองด้านเสมอ .. ถึงเวลานี้ ยอมรับว่าเหนื่อยแล้วค่ะ

น้องหยี สู้ สู้
เหนื่อยนักก็พักบ้าง
กลับมาปฎิบัติราชการ ที่บ้านเราบ้าง อะไรงี้
พี่น้องทุกคนเป็นกำลังใจให้ครับ

 

[phraisohn]

		อ้างถึง			ข้อความของ swsm เมื่อ 01 เมษายน 2555, 07:34:24
	อ้างถึง ข้อความของ phraisohn เมื่อ 01 เมษายน 2555, 00:58:29 อ้างถึง ข้อความของ swsm เมื่อ 31 มีนาคม 2555, 07:54:34 ภารกิจประการแรก .. หลังจากท้องอิ่ม อาบน้ำเสร็จ คือการจัดทำให้ระบบอินเตอร์เน็ตใช้งานได้ อิฉันอยู่ไม่ได้หรอกค่ะ  หากไม่มีอินเตอร์เน็ตสำหรับเม้าท์มอยกับเพื่อนฝูงต่างแดน พี่หยีได้บ้านหลังใหม่แล้ว ยินดีด้วยครับ ส่วนภาพนี้ กดไลค์แรงๆๆ ฮ่าๆๆ บักสนเห็นความแรงของอินเตอร์เน็ตที่บ้านพี่หรือยัง ดูซะ !!

กรี๊ด!!!!!!!!!!
แรงเวอร์มากๆๆๆ  โอ้ย อิจฉาเด้ ผมใ่ช้เน็ต 3G เต่าเรียกพ่อ

[suriya2513]

น้องสน

เห็นพี่หนุนบ่นว่า cmadong.com ของเราวันนี้ มีปัญหาอืดๆ นะครับ
ช่วยดูด้วย

[phraisohn]

		อ้างถึง			ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 01 เมษายน 2555, 16:45:14
	น้องสน เห็นพี่หนุนบ่นว่า cmadong.com ของเราวันนี้ มีปัญหาอืดๆ นะครับ ช่วยดูด้วย

เด่วจะเช็คดูครับพี่ป๋อง

[เหยง 16]

กลับมาสรุป หลังจากโพสต์ไว้หลายวันแล้ว.....................จะเลือกแบบไหนดี

ชีวิตหลังความตาย... คุณจะเลือกไปแบบไหน?
9 มีนาคม 2555 15:44 น.


       ปลายทางสุดท้ายของคนตาย.. มิใช่แค่เพียงการฝังหรือเผาศพเท่านั้น
       
       เป็นเวลาหลายศตวรรษแล้ว ที่วัฒนธรรมต่างๆทั่วโลกได้ใช้ทางเลือกอื่น นอกเหนือจากการฝังหรือเผาศพผู้เสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการทำมัมมี่เพื่อความเป็นนิรันดร์ จนถึงการคืนร่างผู้ตายกลับสู่ธรรมชาติให้เป็นอาหารของสรรพสัตว์
       
       นิตยสาร New Scientist ได้รวบรวมวิธีจัดการเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ไว้ดังนี้
       
       1. ฝังบนฟากฟ้า

 

   
   
       ตามประเพณีชาวพุทธในทิเบต จะไม่ใช้วิธีฝังร่างผู้เสียชีวิต แต่จะวางไว้บริเวณเนินเขา ให้ฝูงนกแร้งเข้ามารุมทึ้งจิกกิน เพื่อศพจะได้คืนสภาพสู่ผืนดินโดยเร็ว โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้ประกอบพิธี
       
       ชาวทิเบตเชื่อว่า ร่างที่ไร้วิญญาณ ไม่มีประโยชน์ หากยังคงเหลือเนื้อหนังไว้ ถือเป็นลางร้าย ดังนั้น หลังจากที่ฝูงแร้งกัดกินซากศพจนหมดแล้ว จึงทุบกระดูกที่เหลือเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เพื่อให้เหล่านกกากินต่อ เป็นอันเสร็จพิธีการฝังศพบนฟากฟ้า
       
       ผู้นับถือศาสนาโซโรอัสเตอร์ในเปอร์เซียโบราณ (ปัจจุบันคือประเทศอิหร่าน) ก็มีประเพณีฝังศพคล้ายคลึงกันนี้ ซึ่งยังคงถือปฏิบัติอยู่ในบางส่วนของอินเดียจนถึงปัจจุบัน โดยจะวางร่างคนตายบน “หอคอยอันเงียบสงบ” เพื่อให้แสงแดดชำระล้างศพและให้เป็นอาหารนกกา จากนั้นอีกหลายเดือน จึงทำลายซากศพที่เหลือ ลงในหลุมที่อยู่ใต้หอคอย
       
       2. ทำมัมมี่เพื่อชีวิตนิรันดร์

 

     
  
       บางวัฒนธรรมเร่งกำจัดซากศพให้สูญสลายไปโดยเร็ว แต่ก็ยังมีบางวัฒนธรรมที่พยายามรักษาร่างคนตายไว้ เพื่อให้มีชีวิตนิรันดร์ ด้วยการทำมัมมี่ เช่น มัมมี่ของอียิปต์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันมากที่สุด การทำมัมมี่ได้แพร่หลายไปทั่วโลก จนถึงตะวันออกไกล ผู้ดองศพจะเตรียม ร่างคนตายให้เป็นอมตะด้วยวิธีลับสุดยอด ภายใต้สภาพอากาศที่แห้งในหลุมฝังศพ
       
       ในภาพคือ “มัมมี่ซินซุย” หรือที่เรียกว่า “เลดี้ได” มีอายุราว 2,100 ปี ซึ่งยังคงสภาพเดิมได้ดี จนแพทย์สามารถชันสูตรศพได้ เธอเป็นภรรยาของขุนนางสมัยราชวงค์ฮั่น และอาจเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจวาย หลังจากแทะกินเมล็ดแตงโม
       
       3. ฝังในป่าท่ามกลางธรรมชาติ

 

   
    
       เนื่องจากบางประเทศขาดแคลนสุสาน การฝังตามป่าจึงกลายเป็นเรื่องปกติ สุสานเขียวขจีนี้จึงเป็นสถานที่พักผ่อนแห่งสุดท้ายท่ามกลางธรรมชาติ คุณอาจนำโกศ หีบศพ หรือศพห่อด้วยผ้า ที่ทำจากวัสดุย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ไปฝังในทุ่งหญ้าและป่าเขา และใช้หินวางเป็นป้ายหลุมศพ
       
       ในเยอรมนี ป่าบางแห่งมีสถานที่พักผ่อนที่เรียกว่า “Ruhe Forsten” ที่ซึ่งคุณสามารถฝังโกศที่ย่อยสลายได้
       
       4. ฝังใต้ท้องทะเลลึก

 

   
   
       แทนที่จะวางโกศบนหิ้ง คุณอาจทำเป็นปะการังเทียม ด้วยการใส่อัฐิลงในภาชนะคอนกรีตขนาดใหญ่ และหย่อนลงใต้ท้องทะเลบริเวณที่ไม่มีปะการังตามธรรมชาติ เพื่อใช้เป็นที่กำบังให้สัตว์น้ำหลายชนิด
       
       ในสหรัฐอเมริกามีการฝังศพด้วยวิธีนี้อย่างแพร่หลายตามชายฝั่งตะวันออกของประเทศ
       
       5. ทำเป็นของเหลว

 

 
     
       สำหรับผู้ห่วงใยสิ่งแวดล้อม รู้ถึงผลเสียของการเผาศพที่ปล่อยเถ้าถ่านแพร่กระจายในชั้นบรรยากาศ อาจสนใจที่จะเปลี่ยนศพให้กลายเป็นของเหลวแทน ด้วยการนำร่างผู้ตายบรรจุในแคปซูลที่รักษาความดันบรรยากาศภายใน เทสารที่มีส่วนผสมของโปแตสเซียมไฮดรอกไซด์ลงไป ปิดฝาให้สนิทแล้ววางไว้ในอุณหภูมิความ ร้อน 3 ชม.
       
       เมื่อเปิดออกมา สิ่งที่เหลือคือ สารละลายที่ปราศจากเชื้อ พร้อมกระดูกนิ่มๆที่หักเป็นชิ้นเล็กๆได้ ซึ่งอาจเก็บไว้ในโกศหรือนำไปทิ้ง
       
       6. แช่แข็งเพื่อรอคืนชีพ

 

 
     
       ใครที่ฝันอยากฟื้นคืนชีพได้อีกครั้งหลังลาจากโลกนี้ไป ต้องลองใช้บริการของศูนย์แช่แข็งศพ ที่เปิดให้บริการอยู่ไม่กี่แห่ง โดยเมื่อเร็วๆ นี้ โรเบิร์ต เอตติงเจอร์ ผู้ริเริ่มการแช่แข็งศพ ได้เสียชีวิตลง ศพของเขา ถูกนำไปแช่แข็ง เช่นเดียวกับภรรยาคนแรกและคนที่สองของเขา ที่สถาบันแช่แข็งศพ ในเมืองคลินตัน รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา
       
       วิธีการแช่แข็ง คือ การนำร่างคนตาย แยกแต่ละศพบรรจุใน แคปซูลที่ทำด้วยอลูมิเนียม และนำไปหย่อนในถังสเตนเลสสูญญากาศอย่างดี ซึ่งรองรับได้ 4 ศพ โดยภายในบรรจุไนโตรเจนเหลวที่ไม่มีสี
       
       เมื่อมองจากด้านบนดังในภาพ จะเห็นส่วนบนของแคปซูลอลูมิเนียมแช่อยุ่ในถังสเตนเลสที่บรรจุไนโตรเจนเหลว มีโซ่ยึดกับตัวแคปซูลเพื่อใช้หย่อนลงในถัง
       
       การแช่แข็งศพด้วยวิธีนี้ เพื่อว่าสักวันหนึ่งในอนาคต ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์จะช่วยชุบชีวิตร่างที่ไร้วิญญาณเหล่านั้นให้ฟื้นคืนมาได้ ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง
       
       7. ถนอมรักษาด้วยพลาสติก

 

   
    
       บรรดาซากศพที่ถูกถนอมรักษาด้วยพลาสติกโพลีเมอร์ ถูกนำมาจัดแสดงอย่างน่าตื่นตาตื่นใจเพื่อให้ความรู้และสร้างแรงบันดาลใจ เช่นที่ Gunther von Hagens’ Body Worlds
       
       ในปี 1977 กุนเธอร์ ฟอน ฮาเกนส์ ได้พัฒนาเทคนิคที่เรียกว่า พลาสติเนชั่น (Plastination) ด้วยการแทนที่น้ำและไขมันในซากศพด้วยพลาสติก ทำให้จับต้องได้ ไม่มีกลิ่นเหม็น และไม่เน่าเปื่อย อีกทั้งยังคงคุณลักษณะเดิมได้มากที่สุด เพื่อเตรียมซากศพสำหรับใช้สอนและวิจัยทางกายวิภาคศาสตร์
       
       8. ฝังในอวกาศ

 

 
      
       ปัจจุบัน ผู้เสียชีวิตมั่นใจว่า ได้ไปถึงสวรรค์แน่ หากมีเงินพอที่จะจ่ายค่าตั๋วเดินทาง นั่นเป็นเพราะ “จีน ร็อดเดนเบอรี่” ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง Star Trek คือคนแรกที่อัฐิของเขาถูกส่งขึ้นไปโคจรในอวกาศเมื่อปี 1997 อย่างไรก็ตาม ยานอวกาศที่บรรจุอัฐิโคจรรอบโลกได้ 5 ปี ก็กลับคืนสู่ชั้นบรรยากาศโลก
       
       “เซเลสติส” บริษัทที่รับจัดการ “การฝังในอวกาศ” ตั้งอยู่ที่เมืองฮุสตัน ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ยังคงเดินหน้าจัดส่งอัฐิคนตายไปฝังในอวกาศ และเชื่อว่าในอนาคต อาจได้รับความนิยมมากขึ้น และมีโครงการที่จะส่งอัฐิไปยังดวงจันทร์และห้วงอวกาศที่ไกลกว่านั้น
       
       (จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 135 มีนาคม 2555 โดย บุญสิตา)
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9550000030552
 

[เหยง 16]

อีกแบบหนึ่งที่ไม่มีการเรียกขานว่าจะเป็นแบบที่ 1 ได้หรือไม่ ?? คือ กรณีของพระนางซูสีไทเฮา

ศพของพระนางถูกฝังอยู่ในสุสานหลวง แต่ที่สุดก็ถูกขุดขึ้นมา จากนั้นลอกเอาทรัพย์สินทั้งหมดออกไปแจกจ่ายให้ทหารและชาวบ้านผู้ยากไร้ จากนั้นพระศพถูกทหารสับเป็นหมื่นๆ ชิ้น บนลานสุสานหลวง  แล้วทิ้งให้แร้งกากินไปทั้งหมด จนปัจจุบัน ไม่เหลืออะไรไว้ให้เป็นร่องรอยหรืออนุสรณ์เลย ?? นับแต่นั้นมา

[swsm]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 01 เมษายน 2555, 17:48:58
	อีกแบบหนึ่งที่ไม่มีการเรียกขานว่าจะเป็นแบบที่ 1 ได้หรือไม่ ?? คือ กรณีของพระนางซูสีไทเฮา ศพของพระนางถูกฝังอยู่ในสุสานหลวง แต่ที่สุดก็ถูกขุดขึ้นมา จากนั้นลอกเอาทรัพย์สินทั้งหมดออกไปแจกจ่ายให้ทหารและชาวบ้านผู้ยากไร้ จากนั้นพระศพถูกทหารสับเป็นหมื่นๆ ชิ้น บนลานสุสานหลวง  แล้วทิ้งให้แร้งกากินไปทั้งหมด จนปัจจุบัน ไม่เหลืออะไรไว้ให้เป็นร่องรอยหรืออนุสรณ์เลย ?? นับแต่นั้นมา

แบบนั้นคงไม่ใช่วัฒนธรรมหรือประเพณีแต่อย่างใด

แต่เกิดจาก 'ความแค้น' ล้วน ๆ

[เหยง 16]

เรื่องที่ 2 ต้อนรับวัน April Fool's Day 1 เมษายน 2555 กันครับ

ชมคลิป 10 สุดยอดมุกอำระดับโลก ในวัน "เอพริล ฟูล′ส เดย์" เพนกวินบินได้!
วันที่ 01 เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 18:30:23 น.

1 เมษายนของทุกปี ฝรั่งเขาว่าเป็นวัน "เมษาฯหน้าโง่" หรือ "เอพริล ฟูล′ส เดย์"(April Fool′s Day) อันเป็นประเพณีที่ยอมรับให้ชาวบ้านชาวช่องอำกันได้อย่างเต็มที่แบบไม่ต้องโกรธกัน

พี่ไทยรับทุกวัฒนธรรม เลยเอามาอำเพื่อนฝูงกันอย่างสนุกสนานโดยสังเกตได้จากหน้าเฟซบุ๊คที่ทุกคนต่างอำ บลั๊ฟ กันแหลกราญให้ขำๆฮาๆ กันไป

แต่ระดับกันอำของเราเพียงแค่เรียกเสียงฮาเบาๆ แต่เหล่าฝรั่งนี่สิ อำทีเขาอำกันจริงจัง แล้วบางเรื่องก็มีคนเชื่อเสียด้วยสิ

การ "อำ" ระดับโลกที่มีการบันทึกกันไว้ "GeoBeats" ได้จัดอันดับแล้วโพสต์เป็นยูทูบว่าด้วย "10 สุดยอดการอำ ในวันเมษาฯหน้าโง่" มีดังนี้คือ

คลิป "10 สุดยอดการอำ ในวันเมษาฯหน้าโง่"

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=joWyV7Gp8Sg" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=joWyV7Gp8Sg</a>

อันดับ 10 เรื่องราวเกิดขึ้นในเดือนเมษายน ปี 1957 บีบีซีรายงานข่าวเรื่องเกษตรกรชาวสวิสส์กำลังเก็บเกี่ยวสปาเก็ตตี้ ซึ่งอยู่บนต้นไม้คล้ายๆถั่วฝักยาว ซึ่งข่าวนี้ส่งผลให้ผู้ชมทางบ้านโทรเข้ามาถามกันมากมายว่าจะปลูกต้นสปาเก็ตตี้ได้อย่างไรบ้าง?

อันดับที่ 9 คราวนี้เป็นเมษายน ปี 1981 หนังสือพิมพ์ เดอะ เดลี เมล รายงานข่าวหนึ่งซึ่งทำให้ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งแปลความหมายผิดว่า ในการแข่งขันการวิ่งมาราธอนที่กรุงลอนดอน ใช้เวลาทั้งสิ้น 26 วัน ในการวิ่งเป็นระยะทาง 26 ไมล์ส ชายหนุ่มเลยชิลล์เลย ไม่ต้องรีบวิ่งแต่อย่างใด

อันดับที่ 8 เกิดขึ้นในเดือนเมษายน 1996 ในโฆษณา Taco Bell ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดชื่อดัง ได้บอกว่า บริษัทของตนได้ซื้อ "ระฆังแห่งเสรีภาพ"(Liberty Bell) อันเป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพของชาวอเมริกันที่ตั้งอยู่ที่ฟิลาเดลเฟีย มลรัฐเพนซิลวาเนีย แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นระฆัง "Taco Liberty Bell" และเมื่อโฆษกของทำเนียบรัฐบาล(อเมริกา) ถูกสอบถามเรื่องนี้ เขากลับระบุว่า สถานที่สำคัญของอเมริกันอย่าง "เดอะ ลินคอล์น เมโมเรียล"(The Lincoln Memorial) ที่วอชิงตัน ดี.ซี. ก็ถูกขายไปด้วยกัน โดยขายให้กับเจ้าของบริษัทฟอร์ด มอเตอร์

อันดับ 7 คราวนี้มาถึงเมษายน ปี 1998 คราวนี้ถึงคราวบริษัทที่ทำธุรกิจอาหารฟาสต์ฟู้ดชื่อดังอย่าง "เบอร์เกอร์ คิง" กันบ้าง ที่ปล่อยข่าวไปว่า จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งเป็นวอปเปอร์สำหรับคนถนัดซ้าย ซึ่งโฆษณาในหนังสือพิมพ์ USA Today บรรยายไว้อย่างเสร็จสรรพว่า ส่วนประกอบของวอปเปอร์มีไว้เพื่อคนถนัดซ้ายโดยเฉพาะ

อันดับ 6 ย้อนกลับไปเมษายน 1994 ในนิตยสาร "PC Computing" แจ้งให้ผู้อ่านให้ทราบว่า มีร่างกฎหมายที่จะแบนการเล่นอินเตอร์เน็ตของคนที่กำลังเมาเหล้า พอรายงานนี้แพร่ออกไป ผลปรากฏว่ามีโทรศัพท์จากพลเมืองดีเป็นจำนวนมากโทรเข้ามาโวย

อันดับ 5 ในเดือนเมษายน 2008 มีรายงานจากบีบีซีว่า พวกเขาค้นพบนกเพนกวินบินได้ซึ่งพวกมันบินเป็นระยะทางไกลหลายพันไมล์สจากดินแดนขั้วโลกมาสัมผัสกับแสงแดดในดินแดนอเมริกาใต้

อันดับ 4 เมษายน 1965 รายงานข่าวนี้ป่วงมาก จากหนังสือพิมพ์ "โคเปนเฮเกน" ที่ประกาศว่า มีกฎหมายหนึ่งที่ผ่านออกมาแล้วว่า ต้องบังคับให้น้องหมาทุกตัวทาสีขาวเพื่อที่จะสามารถมองเห็นในยามกลางคืนได้ง่ายๆ

อันดับ 3 สัตว์เลี้ยงได้ยินคงเสียวสะดือ เพราะในเดือนเมษายน ปี 2000 หนังสือพิมพ์ "The Independent" ได้รายงานว่า นักวิจัยที่ฟลอริด้า ได้คิดค้นยาขึ้นมาชนิดหนึ่ง คุณสมบัติคลายยาไวอากร้า แต่เอาไว้แก้ไขปัญหาสมรรถภาพทางเพศของสัตว์เลี้ยง!

อันดับ 2 คลื่นวิทยุของเยอรมันคลื่นหนึ่งในปี 1993 ได้รายงานว่า มีกฎหมายใหม่กำหนดให้บรรดานักวิ่งห้ามวิ่งเกิน 6 ไมล์สที่สวนสาธารณะในเมือง เนื่องจากการวิ่งของนักวิ่ง จะไปรบกวนกระรอกที่บริเวณนั้นในฤดูกาลผสมพันธุ์

อันดับ 1 จดหมายของของ "A New Mexicans for Science and Reasons" ที่ตีพิมพ์ในเดือนเมษายน 1998 ได้รายงานว่า ที่มลรัฐอะลาบาม่าประกาศเปลี่ยนค่า "ไพ"(Pi คือค่าคงตัวที่เกิดจากความยาวเส้นรอบวงหารด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางของวงกลม) จากที่รับรู้กันว่า มีค่าเท่าประมาณ 3.14159 ที่อะลาบาม่าโชว์เก๋าด้วยการเปลี่ยนเป็น เท่ากับ 3 เสียเลย
[/size]
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1333279394&grpid=01&catid=no&subcatid=0000

[jeam]

พระพันปีหลวงฉือสี่มีพระราชเสาวนีย์ให้เตรียมฮวงซุ้ยไว้สำหรับพระองค์เองตั้งแต่ยังทรงพระชนมชีพอยู่แล้ว และมีขนาดใหญ่โตมโหฬารกว่าของพระพันปีหลวงฉืออันหลายเท่านัก อย่างไรก็ดี เมื่อฮวงซุ้ยสร้างเสร็จครั้งแรกก็ไม่ทรงพอพระราชหฤทัย
มีพระราชเสาวนีย์ให้ทำลายเสียทั้ง ห

จาก...http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8B%E0%B8%B9%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%AE%E0%B8%B2

[jeam]

ทำไมข้อมูลขึ้นไม่หมด ก็ไม่รู้ครับ
อย่างไรก็ตาม ไปอ่านได้จาก Link....พระศพยังอยู่ ได้รับการบูรณะแล้ว เมื่อ 1949...

[swsm]

My deepest condolence to the incidents at Had Yai and Yala.
God, pls bring my beloved country back to a peaceful and beautiful home as it used to be.

[swsm]

		อ้างถึง			ข้อความของ jeam เมื่อ 01 เมษายน 2555, 21:09:15
	ทำไมข้อมูลขึ้นไม่หมด ก็ไม่รู้ครับ อย่างไรก็ตาม ไปอ่านได้จาก Link....พระศพยังอยู่ ได้รับการบูรณะแล้ว เมื่อ 1949...

ขอบคุณค่ะ  พี่เจียม ..
จะตามไปอ่านตอนค่ำ ๆ

ทำไมพระศพยังอยู่ล่ะคะ  ในเมื่อพี่เหยงเล่าว่าทหารขุดพระศพขึ้นมาสับจนละเอียด
แล้วปล่อยให้นก กา กิน?

[jeam]

copy และ paste จาก wikipedia แล้วทำไมไม่ขึ้นก็ไม่ทราบครับ...
พอเปิดดูเพื่อแก้ไข ก็มีข้อความอยู่ แต่ก็แสดงให้เห็นแค่ 3 บรรทัด เท่านั้น งง...
ไปตามอ่านจาก Link เองเลยครับ....

[ภาณุ ปาตานี]

		อ้างถึง			ข้อความของ swsm เมื่อ 01 เมษายน 2555, 21:17:49
	My deepest condolence to the incidents at Had Yai and Yala. God, pls bring my beloved country back to a peaceful and beautiful home as it used to be.

  .......................

[Leam]

		อ้างถึง			ข้อความของ swsm เมื่อ 01 เมษายน 2555, 21:17:49
	My deepest condolence to the incidents at Had Yai and Yala. God, pls bring my beloved country back to a peaceful and beautiful home as it used to be.

" Hope for the best and prepare for the worst."

[swsm]

2 เมษายน วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน

[Leam]

" ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน "