26 กันยายน 2567, 00:04:03
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 151 152 [153] 154 155 ... 979   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ☼☼☼ ร่วมคุยกันในมุมมองของคุณแม่~แวะพักทักทายเอ๋ 24 ☼☼☼  (อ่าน 2704082 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 15 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3800 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2554, 11:29:24 »

อ้างถึง
ข้อความของ phraisohn เมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2554, 11:19:41
อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2554, 10:18:50
เมื่อวาน..หลานรักอีกคนมาพบให้ชื่นใจแต่เช้า..กิตติวัฒน์ เกียรติสุรนนท์-อุ้ย ลูกชายของประธาน

คณะผู้พิพากษาสมทบค่ะ(แอนถ่ายภาพให้พร้อมทั้งบอกว่าไม่มีใครรอดจากการกอดของ"คุณเอ๋"..)





555555555

ก้อ..กอดแทนลูกตัวเองอ่ะนะ..
      บันทึกการเข้า
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« ตอบ #3801 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2554, 11:29:36 »

มอบให้พี่เอ๋คร้าบ  จากน้องสน




ปล. วันก่อนไปจุฬาฯ เห็นน้องจังหวัด น้องบอกว่า ค่ายสนุกมาก
ผมบอกว่าเจอพี่เอ๋หรือเปล่า  น้องทำหน้างงๆ ไม่รู้จัก
ผมบอกว่า ก็คนที่เป็นผู้พิพากษาสมทบไง
น้องบอกว่า โหยพี่ ต้องเรียกท่านว่าแม่สิ
แม่เอ๋ ไม่ใช่พี่เอ๋  ฮ่าๆๆๆ  สรุปน้องๆไม่รู้จักพี่เอ๋
รู้จักแต่ แม่เอ๋ ครับ ฮ่าๆๆๆ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3802 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2554, 12:05:39 »

อ้างถึง
ข้อความของ phraisohn เมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2554, 11:29:36
มอบให้พี่เอ๋คร้าบ  จากน้องสน




ปล. วันก่อนไปจุฬาฯ เห็นน้องจังหวัด น้องบอกว่า ค่ายสนุกมาก
ผมบอกว่าเจอพี่เอ๋หรือเปล่า  น้องทำหน้างงๆ ไม่รู้จัก
ผมบอกว่า ก็คนที่เป็นผู้พิพากษาสมทบไง
น้องบอกว่า โหยพี่ ต้องเรียกท่านว่าแม่สิ
แม่เอ๋ ไม่ใช่พี่เอ๋  ฮ่าๆๆๆ  สรุปน้องๆไม่รู้จักพี่เอ๋
รู้จักแต่ แม่เอ๋ ครับ ฮ่าๆๆๆ


ขอบคุณสำหรับภาพน่ารักๆนะคะ..

ลูกๆ(ร่วมโลก)เยอะๆ..ชอบค่ะ มีความสุขจังเลยล่ะ..นี่ก็ต้องเตรียมตัวต้อนรับลูกๆนักศึกษาจากราชภัฏศรีสะเกษ60คน

ซึ่งมาร่วมโครงการ"ชวนน้องดูศาล"พรุ่งนี้เช้า..จัดเตรียมของที่ระลึก มีกระเป๋าผ้า สมุดหนังสือ ดินสอปากกา วารสารฯ

และขนม 60 ชุด ..นอกจากนี้ หลังเลิกงานจะไปสั่งก๋วยเตี๋ยวร้านอร่อยๆ   ผลไม้เจ้าประจำ และชาเย็นชาเขียวเย็นฯเจ้า

ประจำเช่นกัน..สำหรับมื้อกลางวันเพื่อรับประทานร่วมกันทั้งศาลด้วยค่ะ..รับผิดชอบโครงการฯคู่กับน้องสาวแสนดี(เจ้า

ของบริษัทฟอร์ดศรีสะเกษ-ท่านชลธิชา บุษรารังษี )..
      บันทึกการเข้า
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« ตอบ #3803 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2554, 00:01:02 »

พี่เอ๋ครับ จำได้ไหม ว่าใครเอ่ย... ฮ่าๆ



      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3804 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2554, 09:44:57 »

อ้างถึง
ข้อความของ phraisohn เมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2554, 00:01:02
พี่เอ๋ครับ จำได้ไหม ว่าใครเอ่ย... ฮ่าๆ






ชุดฤาษีนี่คุ้นๆนา..ช่วยยืนยันอีกครั้งได้มั้ยว่า.."โต้ง"เค้าเคยใส่ชุดนี้ขึ้นรถเมล์หรือรถไฟนะ?..เป็นความจริงรึเปล่าคะ..

โต้งเองก็..ช่วงไหนว่างๆแวะมาทักแม่เอ๋ที่บ้านนี้บ้างนะคับ..
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3805 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2554, 14:31:58 »

วันนี้เวลา๘.๐๐น. ..สำรวจความเรียบร้อยทุกด้าน ก่อนเปิดโครงการ"ชวนน้องดูศาล"..นี่คือฝ่ายดูแลเรื่องการลง

ทะเบียน  น้องขวัญกับน้องอ้อน..ขยันขันแข็งมากเลย มาแต่เช้า ช่วยกันจัดเตรียมทุกอย่างดีมากค่ะ..ผ่อนแรงไป

ได้อย่างมากมาย..



คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ..นำนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ชั้นปีที่๑ มาร่วมโครงการ..



ท่านหัวหน้าศาลฯ มอบหมายให้กล่าวต้อนรับ..จึงกล่าวในนามของคณะพ.สมทบ  และในฐานะที่เคยเป็นอาจารย์

พิเศษที่มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ..

      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3806 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2554, 15:00:45 »

เป็นโครงการที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของสำนักงานศาลยุติธรรม..เพราะควรที่จะตระหนักถึงการอำนวย

ความสะดวกและการให้บริการแก่ประชาชนผู้มาติดต่อราชการศาลและเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ เพื่อคุ้มครองสิทธิ

เสรีภาพแก่ประชาชน..รวมทั้งการป้องกันและแก้ไขปัญหาก่อนที่จะมีการกระทำความผิดเกิดขึ้น และเพื่อเป็นการ

ลดอัตราการกระทำความผิดของเด็กและเยาวชนค่ะ..



คณะผู้พิพากษาสมทบ..



ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล- ท่านเกียรติยศ ไชยศิริธัญญา ประธานในพิธี บรรยายพิเศษเรื่อง ขั้นตอนการดำเนินกระ

บวนพิจารณาคดีในศาล









      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3807 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2554, 15:21:10 »

โครงการนี้เสริมสร้างความรู้แก่เด็กและเยาวชนในด้านกฏหมาย สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและเป็นการ

ป้องกันตนเองไม่ให้ไปกระทำความผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นอกจากนี้ยังถือได้ว่า เป็นการสร้างเสริมทรัพยากรบุคคล

ของชาติให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย..



พาชมศาล..



เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายให้การต้อนรับและอธิบายถึงขั้นตอนของการปฏิบัติหน้าที่ ฯ ..

      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3808 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2554, 15:34:15 »

ศาลจังหวัดศรีสะเกษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ได้ปรับปรุงและพัฒนางานการบริการเพื่อให้ประชาชนสามารถ

เข้าถึงการบริการของศาลยุติธรรมได้โดยสะดวก รวดเร็ว และทั่วถึง..





แบ่งกลุ่มเข้าชมห้องพิจารณาคดี..

      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3809 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2554, 15:45:07 »





กล่าวปิดโครงการค่ะ..และเชิญทุกคนร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ที่โรงอาหารของศาลฯและอาคารกิจเจริญไทย..



      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3810 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2554, 15:59:46 »

โรงอาหารของศาลฯ ..ฝ่ายจัดเตรียมอาหาร ผลไม้และเครื่องดื่มพร้อมค่ะ(ให้เตรียมความพร้อมตั้งแต่๑๑โมงตรง)

ทั้ง ๓ ร้านนี้มากันอย่างพร้อมเพรียง(รู้จักมักคุ้นกันทั้งนั้น ต่างก็บอกว่าจัดทำให้อาจารย์จุไรภัทร์เป็นพิเศษ-ได้ฟัง

แล้วชื่นใจมากค่ะ ..ชอบทีมที่ทุกหน้าที่มีความรับผิดชอบสูงถึงสูงมากและตรงเวลา จะให้ดีก็ก่อนเวลาเผื่อมีข้อขัด

ข้องแก้ไขได้ทันการ)..เวลาประมาณบ่ายโมง ขณะรับประทานกันเสร็จแล้ว กำลังจัดเก็บสถานที่..จึงได้เดินทัก

ทายขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลืออย่างดีมาก แทบจะไม่มีข้อขัดข้องใดๆเลย..





      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3811 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2554, 16:24:43 »

ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ดูแล ช่วยเหลือให้โครงการสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีค่ะ..ใส่ใจไปจนถึงประชาชนที่มาติดต่อ

ราชการศาลในวันนี้ ก็ได้จัดอาหาร ผลไม้ เครื่องดื่มให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง..





      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3812 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2554, 16:35:21 »

พี่แอนฝากรูปมาให้น้องสนด้วยค่ะ..แม่เอ๋บอกว่าให้เก็บภาพงานโครงการให้มากที่สุดเพราะแม่เอ๋ต้องเดินดูมุมนั้นมุมนี้..

เธอก็เก็บภาพตัวเองมากพอๆกับภาพโครงการฯซะอีกละมัง..ไม่ลงรูปให้เดวก็จะมีงอนกันได้..





เพลินกันกับสาวโบว์..ตากล้องประจำศาลฯ..แม่เอ๋เดินหาริบบิ้นไปติดกล่องของขวัญ หาไม่เจอก็เพราะสองสาวนี่แหล่ะ..

      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3813 เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2554, 11:45:42 »

1.  Holly Maitland Smith ศิลปินตัวน้อย

หนูน้อยลูกครึ่งไทย-อังกฤษวัย 4 ขวบ  เริ่มจับพู่กันละเลงสี ตั้งแต่อายุเพียง 3 ขวบ ระยะเวลาเพียงปีกว่า กับผลงานแนวนามธรรมด้วย

สีอะคริลิค บนผ้าใบถึง 200 กว่าชิ้น นี่คือสิ่งยืนยันหัวใจที่รักในงานศิลปะและความตั้งใจของเธอได้เป็นอย่างดี  ที่ผ่านมาหนูน้อยคนนี้

ได้มอบผลงานหลายชิ้นให้องค์กรการกุศลต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรที่ทำงานเพื่อเด็กและสัตว์ เพื่อนำไปประมูลหารายได้สนับสนุนกิจ

กรรมการกุศล และมีนิทรรศการศิลปะของตัวเองชื่อ ‘Every Child is an Artist’ อีกด้วย



จาก women.mthai.com

      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3814 เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2554, 12:51:33 »

วิธีสร้างเสริมความฉลาด

ผู้ที่จะช่วยสร้างความฉลาดให้กับลูกได้ดีที่สุดคือ พ่อแม่ และสถานที่ที่ดีที่สุดคือ "บ้าน" หาใช่ที่โรงเรียนไม่ การจะเลี้ยงลูกให้ฉลาดนั้น

ประการแรกที่สำคัญก็คือ จะต้องรู้จักและเข้าใจลูกของเราให้กระจ่างเสียก่อนเพราะว่าแต่ละคนจะมีการเรียนรู้ในแบบที่ไม่เหมือนกัน แม้

แต่พี่น้องท้องเดียวกันก็จะต้องมีวิธีการเลี้ยงดูที่ต่างกัน ตามความเหมาะสมของลูกเฉพาะคน

เคล็ดลับของการเลี้ยงลูกให้ฉลาดคือ "ต้องให้ลูกคิดเป็น" ความคิดคือกุญแจสำคัญในการพัฒนาสมอง สมองที่ได้คิดยิ่งมากเท่าไรยิ่งดี

พ่อแม่จึงควรกระตุ้นการคิดของลูกให้เกิดขึ้น และให้คิดไปในแนวทางที่ถูกต้องมีประโยชน์เพียงเท่านี้ลูกก็จะเป็นคนฉลาดได้

คราวนี้ก็มาถึงวิธีการที่พ่อแม่จะใช้กับลูกให้เหมาะสม ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ต้องใช้ศิลปะพอสมควร เพราะวิธีการจะไม่ตรงไปตรงมาเหมือน

หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสอง แต่จะปรับเปลี่ยนไปตามสภาพความต้องการของลูกด้วย

การจะสอนลูกให้คิดเป็น จะต้องรู้ว่าลูกเรามีลักษณะการเรียนรู้แบบใดที่เขาจะคิดได้เร็ว โดยทั่วไปเด็กจะมีวิธีการเรียนรู้ แบ่งเป็น 2 พวก

ใหญ่ ๆ ได้ดังนี้

1. คิดแบบวิเคราะห์  พวกนี้จะชอบความสงบ แสงสว่าง นั่งทำงานเป็นที่เป็นทาง ทำงานให้เสร็จเป็นชิ้น ๆ ไป ระหว่างทำงานไม่กินของ

ขบเคี้ยว วิธีสอนเด็กกลุ่มนี้จึงต้องจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม การสอนจะต้องเป็นไปตามขั้นตอน มีการแจกแจงข้อมูลแยกแยะและ

สรุปข้อมูลให้ชัดเจน เด็กจะเข้าใจได้เร็ว

2. คิดแบบภาพรวม พวกนี้ชอบเสียงดนตรี แสงน้อย นั่งทำงานตามสบาย ทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน กินขนมพร้อมกับทำงาน  วิธี

สอนเด็กกลุ่มนี้ ควรมีภาพประกอบเล่าเรื่องอธิบายภาพกว้าง ๆ ให้เขาเข้าใจ  ส่วนรายละเอียดเขาจะไปหาเพิ่มเติมเอาเอง ถ้าเขาสนใจ

แต่ถ้าเขาไม่สนใจเขาจะไม่ทำอะไรเลย ฉะนั้นการสอนที่ดีควรกระตุ้นความสนใจให้ได้เท่านั้นก็พอ  ถึงแม้การเรียนรู้ของทั้งสองกลุ่มจะ

ต่างกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มใดจะดีกว่าอีกกลุ่ม  เพียงแต่เป็นความถนัดของการเรียนรู้เท่านั้น พ่อแม่เข้าใจตรงจุดนี้ ก็จะสามารถ

ปรับวิธีการเลี้ยงลูกให้เหมาะสมกับลูกแต่ละคนได้



ภาพจาก www.oknation.net

วิธีสร้างเสริมความฉลาด

วิธีที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างความฉลาด วิธีการจริง ๆ นั้นจะมีมากมายหลากหลายในรายละเอียดมีทฤษ

ฎีหลายทฤษฎี  แต่พอจะสรุปหลักๆในการสร้างเสริมความฉลาดที่ค่อนข้างจะเห็นพ้องต้องกันมาเสนอในเรื่องต่าง ๆ ดังต่อไปนี้   ความจำ

เป็นพื้นฐานต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะกระทำ  ความจำจึงเป็นประโยชน์อย่างมากในการพัฒนาสมอง  เด็กฉลาดทุกคนจึงมักจะมีความจำ

ดีกว่าเด็กอื่นๆ แต่การจำในสิ่งที่ควรจำ ในเรื่องที่มีประโยชน์จะได้ผลในการฝึกสมอง และในด้านการใช้งานด้วย การจะมีความจำดีนั้นก็มี

วิธีฝึกหัดหรือเทคนิคการจำที่แตกต่างกันไปเฉพาะบุคคล ไม่มีวิธีไหนที่ใช้ได้กับคนทุกคน  ดังนั้นการฝึกความจำจึงเป็นเทคนิคที่จะต้อง

พัฒนาเอาเองในเด็กแต่ละคน  แต่ระยะฝึกหัดนั้นอาจจะเริ่มต้นทดลองฝึกหัดความจำด้วยวิธีของคนอื่นไปก่อนก็ได้ จนเกิดวิธีของตนเอง

ในที่สุด เช่น บางคนใช้การนั่งสมาธิช่วย บางคนใช้คำคล้องจองช่วยจำ บางคนจำเป็นตัวอักษรย่อ ฯลฯ  หลายๆคนพยายามที่จะแนะนำวิ

ธีช่วยจำ เช่น มีสมุดพกติดกระเป๋าเวลาคิดอะไรได้ก็จดไว้ จดสิ่งที่อยากจำไว้ในสมุดเสมอ อ่านออกเสียงจะทำให้จำได้ดีขึ้น และแนะนำ

ให้ใช้เทคนิคต่างๆมากเทคนิคในการช่วยจำ อย่าใช้เทคนิคใดเพียงอย่างเดียว

พ่อแม่ควรฝึกลูกให้มีกระบวนการคิดที่ดี  เพราะกระบวนการคิดที่เป็นระบบจะช่วยทำให้ความจำดีขึ้น  และมีการเลือกข้อมูลในการจำได้

อย่างมีประโยชน์ทำให้ลูกมีความจำที่มีประสิทธิภาพและพัฒนาสมองให้เป็นเด็กฉลาด



ภาพจาก www.kriengsak.com

หนังสือ

หนังสือเป็นแหล่งรวมความรู้อันยิ่งใหญ่เป็นโลกกว้างของเด็กและผู้ใหญ่  การอ่านหนังสือย่อมช่วยให้สมองของเราได้รับความรู้เพิ่มมาก

ขึ้น  หนังสือที่น่าสนใจก็มีมากมายจนอ่านไม่หมด  แต่นิสัยรักการอ่านจะมีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก  เป็นที่แน่ชัดว่า

คนฉลาดทุกคนเป็นคนรักการอ่านหนังสือ  อัจฉริยะบุคคลทุกสาขา  เป็นคนรักการอ่านหนังสือ  ฉะนั้นหนังสือคือปัจจัยหนึ่งในการสร้าง

เสริมความฉลาดให้กับตัวเราและลูกของเราได้

เด็กเล็กๆทุกคนเกิดมาพร้อมกับความอยากรู้อยากเห็น  โดยเฉพาะเมื่ออายุได้ 3-4 ขวบ จะมีความกระหายใคร่รู้ในทุกเรื่อง  จะเป็นเด็ก

ช่างพูดช่างถาม  ถามมากจนพ่อแม่อาจจะรำคาญหรือเบื่อที่คอยตอบคำถาม  หนังสือจึงเป็นสิ่งที่จะมาช่วยเราได้  ถ้าลูกมีนิสัยรักการ

อ่านมาตั้งแต่เด็ก  เขาจะศึกษาสิ่งที่เขาอยากรู้ได้จากหนังสือ  เด็กจะอ่านเรื่องที่เขาสนใจอย่างไม่รู้เบื่อ  แต่ทำอย่างไรที่จะสร้างนิสัย

รักการอ่านให้เกิดขึ้นได้  เด็กเล็กๆก็พร้อมที่จะอ่านหนังสือได้แล้ว  เพียงแต่พ่อแม่ไม่เข้าใจ  คิดว่าลูกยังเล็กเกินไป  การได้ฝึกการอ่าน

พร้อมกับการฟังการพูดนั้น  เป็นสิ่งที่เด็ก ๆ สามารถรับได้  ฉะนั้นการฝึกนิสัยรักการอ่านนั้นจะเริ่มโดยพ่อแม่อ่านหนังสือให้ลูกฟัง เปิด

หนังสือให้ลูกดูรูปตามไป  พอโตขึ้นมาหน่อยก็หาตัวอักษรมาให้เด็กฝึกอ่าน ฝึกดูบ่อยๆเด็กก็จะคุ้นเคยกับหนังสือ  และเกิดนิสัยรักการ

อ่านขึ้นได้  แต่การฝึกนี้จะต้องไม่ใช้วิธีบังคับ  จะต้องดูความพร้อมความสนใจของเด็กแต่ละคนประกอบด้วย  ไม่ควรไปเร่งเร้าเด็กจน

เกินไป จะทำให้เด็กเบื่อและเกลียดการอ่านได้



ภาพจาก www.oknation.net

เมื่อลูกเริ่มมีนิสัยรักการอ่านขึ้นบ้างแล้ว  ควรเลือกหนังสือที่เหมาะสมให้กับเด็ก ดังนี้

1. หนังสือประเทืองปัญญา  หนังสือที่ทำให้เด็กเกิดความคิด  การวิเคราะห์เหตุผลเพื่อให้เด็กรู้จักคิด  มิได้เชื่อตามที่อ่านเสมอไป

2. หนังสือประเทืองจิตใจ  ช่วยให้เกิดความประทับใจ  ความบันดาลใจ  ความงดงามของจิตใจ  มีคุณธรรม เช่นหนังสือโคลงกลอน

ธรรมะ  ประวัติบุคคลสำคัญต่าง ๆ เป็นต้น

3. หนังสือที่เด็กสนใจ จะเป็นเรื่องแนวใดก็ได้ เลือกที่มีประโยชน์  เหมาะสม  ให้กับลูกเราได้เลย แต่ไม่ควรจะให้พร้อมกันทีเดียว

หลายเล่ม เด็กจะอ่านไม่ทัน  แล้วเบื่อเสียก่อน

การฝึกหัดการอ่านหนังสือนี้ ต้องให้เด็กเกิดความสนใจในตัวหนังสือ อ่านให้สนุกสนาน ตัวหนังสือใหญ่และมีสีสันสวยงาม อ่านเมื่อเด็ก

พร้อมจะอ่านเท่านั้น  หนังสือคือประตูเปิดออกไปสู่โลกกว้าง  รีบเปิดประตูนี้ให้กับลูกของท่านเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้  เด็กพร้อมอยู่แล้ว

ที่จะเรียนรู้ แล้วพ่อแม่ล่ะพร้อมหรือยัง



ภาพจาก www.gconsole.com

ความคิดสร้างสรรค์

คือกระบวนการทางปัญญาระดับสูง  ที่นำเอาความคิดหลายๆอย่างมารวมกันเพื่อให้เกิดความคิดใหม่ๆ   ซึ่งแตกต่างไปจากความคิดเดิมๆ

ความคิดสร้างสรรค์จึงเป็นการพัฒนาของสมองที่ได้ประโยชน์อย่างมาก  เด็กๆจะมีความคิดสร้างสรรค์อยู่ตลอดเวลาโดยธรรมชาติ  แต่

เมื่อโตขึ้นความคิดสร้างสรรค์จะถูกบั่นทอนให้ลดน้อยลงโดยไม่รู้ตัว  อาจเนื่องมาจากกรอบสังคมขนบประเพณีต่างๆและที่สำคัญคือ จาก

พ่อแม่ที่คอยห้ามปรามลูกไม่ให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้  ด้วยกลัวว่าลูกจะมีความคิดผิดไปจากคนอื่น  จะเพี้ยนหรือจะมีอันตราย  เด็กที่อยู่ในอำ

นาจการควบคุมปกครองอย่างเข้มงวด  จะไม่มีอิสระทางความคิด  จะไม่สามารถคิดอะไรที่สร้างสรรค์ใหม่ๆออกมาได้  ฉะนั้นพ่อแม่ที่ต้อง

การให้ลูกฉลาด  จึงควรปล่อยให้ลูกได้มีจินตนาการทดลองความคิดที่แตกต่างจากเพื่อน  เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้  อย่าเอาตัวเราเองเป็น

เกณฑ์ตัดสินจนเกินไป

วิธีที่จะสนับสนุนส่งเสริมให้ลูกพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ มีข้อแนะนำดังนี้

1. ให้ความรู้ที่ถูกต้อง เพราะความรู้นี้เป็นพื้นฐานของความคิด  ความคิดใหม่จะเกิดจากการดัดแปลงความคิดเต็มเสมอ  ยิ่งมีความรู้มาก

เท่าไรการมองปัญหาจะยิ่งกว้างและเกิดความคิดใหม่ได้ง่าย

2. เปิดใจรับสิ่งใหม่  ต้องฝึกเด็กให้เป็นคนใจกว้าง พร้อมที่จะรับสิ่งใหม่ๆ  เปลี่ยนแปลงความคิดได้  ถ้ายึดติดกับความคิดเดิมจะสร้าง

สรรค์สิ่งใหม่ได้อย่างไร

3. มองต่างมุม  ต้องฝึกให้มองในมุมกลับ  มุมอื่นที่แตกต่างจากคนอื่น  คำตอบของปัญหาไม่ได้มีคำตอบเดียว  อาจมีหลายคำตอบที่แตก

ต่างแต่ล้วนถูกต้องทั้งสิ้นก็ได้  ต้องพยายามหาคำตอบให้มากกว่าหนึ่งเสมอ

ความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่ฝึกให้เกิดขึ้นได้  โดยเริ่มจากการมีความรู้เป็นพื้นฐาน จากนั้นเริ่มการคิด การรวบรวมข้อมูลต่างๆ  เพื่อสัง

เคราะห์ให้เกิดความคิดใหม่  ซึ่งช่วงนี้ต้องใช้เวลาคิดทบทวนพอสมควร  เมื่อถึงจุดหนึ่งจะเกิดความคิดสร้างสรรค์ขึ้นมาทันทีโดยฉับพลัน

เมื่อได้ความคิดใหม่แล้ว  ก็เป็นขั้นตอนการพิสูจน์ความคิดนั้นว่าจะใช้ได้ดีหรือไม่  เด็กที่จะมีความคิดสร้างสรรค์ ต้องการเวลาคิด ฉะนั้น

พ่อแม่ควรให้ลูกได้มีเวลาหยุดพักความคิดบ้าง  อย่าให้เขาต้องใช้เวลากับสิ่งหนึ่งสิ่งใดมากเกินไป เช่น การเรียนหนังสือที่ต้องเรียนพิเศษ

ในวันหยุดอีก  เด็กจะขาดเวลาที่จะเล่นหรือพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ไป  เด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์อาจจะดูแตกต่างไปจากเด็กอื่นๆ คือ

จะมีลักษณะชอบขบคิดปัญหาที่ซับซ้อน  มีความมุมานะที่จะทำให้สิ่งที่คิด  แม้คนอื่นจะไม่เห็นด้วย  กล้าที่จะแตกต่างจากเพื่อน



ภาพจาก www.siamzone.com

เมื่อพ่อแม่สังเกตเห็นว่าลูกของเรามีลักษณะที่จะมีความคิดสร้างสรรค์  ก็ควรจะสนับสนุนให้เขาได้พัฒนาความคิดต่อไป  การพัฒนานี้

จะออกมาในรูปทางความคิด เช่น

1. มีความคล่องตัว  คือสามารถคิดได้เร็ว      2. มีความหลากหลาย  คือคิดได้แตกต่างไปจากความคิดเดิมได้มาก

3. มีความแปลกใหม่  ไม่ยึดติดกับกรอบเดิมที่กำหนดเอาไว้      4. มีความละเอียด  สามารถใช้ความคิดมองสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น

หนทางที่จะช่วยลูกให้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ต่อไปคือ

1. คบหากับคนที่มีความคิดสร้างสรรค์      2. เกิดความคิดใหม่ให้จดบันทึกทันที      3. สร้างอารมณ์ขันให้เกิดขึ้นบ่อย ๆ

4. คิดว่าทุกอย่างเป็นไปได้      5. ถามคำถามที่จะช่วยให้เกิดจินตนาการ เช่น ถ้าคนในโลกนี้มีแต่ผู้ชาย จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

6. ถ้าเห็นลูกฝันกลางวัน  อย่าดุด่าเขาอาจกำลังคิดอยู่      7. สนับสนุนให้เขาเล่มเกมที่ใช้ความคิด เช่น หมากฮอส หมากรุก ฯลฯ

8. คิดประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้น      9. อย่ามองข้ามความคิดเล็กๆน้อยๆ     

10. ให้เด็กได้แสดงออกทางการวาดภาพ เขียนหนังสือ ถ่ายภาพ เล่นละคร ฯลฯ

นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องอื่นๆอีกที่พ่อแม่จะเพิ่มเติมเข้าไปตามความเหมาะสม  โดยยึดหลักว่าให้เขามีอิสระทางความคิด และคิดอะไรก็

ได้ตามใจ  โดยไม่มีการตัดสินว่าผิดหรือถูก ความคิดสร้างสรรค์ก็จะหลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย

สิ่งที่จะคอยสกัดกั้นความคิดสร้างสรรค์ไม่ให้เกิดขึ้นที่เขาควรจะขจัดออกไป มีดังนี้

1. คิดว่าอะไรๆควรมีคำตอบเดียว      2. ปิดกั้นความคิดตัวเองจากกรอบของสังคม     3. ความเคยชิน  เคยทำมาอย่างไรก็ทำตามเดิม

4. ไม่สนใจสิ่งใหม่      5. สรุปความคิดเร็วเกินไป ไม่รอบคอบ      6. กลัวที่จะทำอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่น

พ่อแม่ควรระมัดระวัง  อย่านำสิ่งเหล่านี้มาส่งเสริมให้กับลูกเข้าโดยไม่รู้ตัว   นั่นเพราะอาจเป็นความเคยชินของพ่อแม่เอง



ภาพจาก www.laemkom.multiply.com

การแก้ปัญหา

สังคมของเราเต็มไปด้วยปัญหาร้อยแปดพันประการ  การจะแก้ปัญหาให้ได้ผลโดยไม่ทุกข์มากนัก  ต้องมีการเรียนรู้และฝึกหัดซึ่งถ้าฝึก

เสียตั้งแต่เด็กได้ก็จะเป็นผลดี  สามารถแก้ปัญหาต่างๆได้อย่างง่ายดาย  และอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข  การฝึกหัดลูกรู้จักแก้ปัญ

หานั้น  จะอาศัยปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น สภาพแวดล้อมทางบ้าน  ควรมีการฝึกแก้ปัญหาเล็กๆน้อยๆกันบ่อยๆให้เด็กได้เห็นตัวอย่างการ

แก้ปัญหา  จะได้มีประสบการณ์  ฝึกให้รู้จักการเสี่ยงบ้าง  ต้องยึดมั่นในคุณธรรม  จริยธรรม  ฝึกความคิดสร้างสรรค์ไปด้วย  อย่าเพิกเฉย

เมื่อลูกมีปัญหาให้ช่วย

เมื่อเกิดปัญหาขึ้นไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ควรมีแนวคิดในการพิจารณา ดังนี้

1. ปัญหาไม่ใช่สิ่งเลวร้าย หาแง่ดีของปัญหาให้ได้     2. มองปัญหาหลัก ปัญหารอง แก้ไขทีละจุด

3. ปัญหาที่เกิดขึ้น ต้องแยกให้ออกว่าเป็นปัญหาจริงๆหรือว่าจินตนาการไปเอง      4. หาขั้นตอนการแก้ไขก่อน ค่อยหาวิธีแก้ไข

5. หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัญหา เช่น ปัญหานี้เคยเกิดขึ้นหรือไม่แก้ไขอย่างไร      6. เตรียมการแก้ปัญหาไว้หลาย ๆ แบบ

7. เปลี่ยนวิธีแก้ปัญหาให้หลากหลายขึ้น     8. อาจหากระดาษมาลองบันทึกดูว่าจะทำอะไรบ้างอย่างเป็นขั้นตอนในการแก้ปัญหา

นอกจากนี้  เมื่ออยู่ว่างๆไม่มีปัญหาอะไรก็ลองสร้างสถานการณ์ของปัญหาขึ้น  และฝึกหัดแก้ไขกัน  เล่นเป็นเกมสนุกๆกันระหว่างพ่อ

แม่ลูก



ภาพจาก www.gotoknow.com

ศิลปะดนตรี

เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เด็กได้อยู่ใกล้ชิดกับจิตวิญญาณของตนเอง  ปล่อยจิตใจและความคิดให้เป็นอิสระ  อันจะเป็นพื้นฐานในการฝึก

และพัฒนาสมองทางด้านอื่นๆได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น   การฝึกศิลปะทางดนตรี หรือวาดภาพเป็นเรื่องที่เด็กจะได้รับจากทางบ้าน โดยพ่อ

แม่มากกว่าทางโรงเรียน  ซึ่งจะเน้นที่วิชาการอื่นๆเสียมากกว่า  ถ้าเด็กขาดแคลนศิลปะทางด้านนี้  จะทำให้การพัฒนาสมองล่าช้าไป

อย่างน่าเสียดาย  พ่อแม่จะช่วยพัฒนาสมองลูกได้โดยการให้ลูกของเราได้มีโอกาสใกล้ชิดกับงานศิลปะไม่ว่าจะเป็น ดนตรี ภาพวาด

การแสดง ฯลฯ  สิ่งเหล่านี้ถ้ามีความหลากหลายมากยิ่งดี  เด็กจะได้รับข้อมูลมากขึ้น  และกระตุ้นความสนใจในการเรียนรู้เป็นอย่างดี

ให้ลูกได้ฟังเพลงในจังหวะต่างๆ   เพลงหลายแบบทั้งเพลงไทยเดิม สากล ร็อค ดูคอนเสริต์ หัดเล่นดนตรี เริ่มจากตีกระป๋อง เคาะแก้ว

ไปจนถึงเครื่องดนตรีจริงๆ   อุปกรณ์ช่วยเสริมจะเป็นเครื่องมือในการพัฒนาศิลปะด้านนี้ของเด็ก

เด็กที่มีพื้นฐานทางดนตรีดี   มักจะมีลักษณะที่ชอบเสียงดนตรี  สามารถแยกแยะจังหวะและระดับเสียงได้  สนใจเรื่องภาษาโน้ตดนตรี

ฯลฯ  ถ้าเด็กมีแววทางด้านดนตรีเป็นทุนเดิมอย่างนี้  การส่งเสริมสนับสนุนจากพ่อแม่จะช่วยให้เด็กพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก  แต่ถึง

ลูกจะไม่มีความสนใจดนตรีเลย  เราก็ควรส่งเสริมเช่นกัน

เด็กที่มีความสามารถพิเศษทางด้านศิลปะนี้  จะเป็นความสามารถเฉพาะด้าน  ไม่ได้เกี่ยวข้องกับระดับสติปัญญาแต่อย่างใด ฉะนั้นการ

ที่เด็กเรียนเก่งหรือไม่นั้น  ไม่เกี่ยวกับการพัฒนาทางด้านนี้ซึ่งเด็กทุกคนควรจะได้รับ  เพราะการพัฒนาทางศิลปะมีความสำคัญไม่แพ้

การพัฒนาทางด้านสติปัญญาหรือด้านอื่นๆ  พ่อแม่ต้องจัดเวลาให้กับลูกด้วย  อย่าเอาเวลาทั้งหมดมุ่งไปที่การเรียนหนังสือเพื่อสอบ

อย่างเดียว  เพราะการพัฒนาทางศิลปะนี้  จะช่วยการพัฒนาด้านอื่นๆ  ให้เจริญงอกงามได้เร็วขึ้น  แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่ค่อยมีใครให้

ความสำคัญกับการพัฒนาศิลปะมากเท่าไรนัก  เด็กของเราจึงมักจะเป็นคนฉลาดที่ไม่ค่อยมีจินตนาการ  ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาต่อสังคม

ได้  เพราะขาดความละเอียดอ่อนทางด้านจิตใจ



ภาพจาก www.bloggang.com

การเล่น

เด็กทุกคนสนใจการเล่นอยู่แล้ว  ฉะนั้นพ่อแม่ควรจะส่งเสริมการเล่นชนิดที่สัมพันธ์กับความอยากรู้อยากเห็นของลูก เลือกการเล่นให้

เหมาะสมกับวัยด้วย  จะได้ประโยชน์อย่างมาก  เด็กใช้การเล่นเป็นการรู้จักเข้าสังคม  เริ่มมีเพื่อนมีการแลกเปลี่ยนของเล่น  มีการแย่ง

ของเล่น ฯลฯ  เด็กจะเรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น  เกิดปัญหาและเรียนรู้การแก้ปัญหาและเกิดความชำนาญมากขึ้นในเรื่องต่างๆ  การสอน

ลูกให้เล่นอย่างมีประโยชน์มีเป้าหมายจะต้องค่อยๆสอนอย่างช้าๆให้ลูกตามได้ทัน  พ่อแม่เพียงแต่แนะนำวิธีเล่นเบื้องต้นเท่านั้น เด็ก

จะสามารถเล่นได้เอง

มีข้อแนะนำพ่อแม่เกี่ยวกับการเล่นของลูกดังนี้

1. ให้ลูกเป็นผู้ริเริ่มการเล่น และจัดการการเล่นของเขาเอง เราเพียงคอยชี้แนะบางจุด      2. เมื่อลูกทำผิด ให้ลูกรู้จักแก้ปัญหาเองบ้าง

3. ให้รางวัลเมื่อลูกมีความคิดริเริ่มใหม่ ๆ     4. ฝึกลูกให้รู้จักทดลองในสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ และหาวิธีใหม่ ๆ

5. การเล่นควรสัมพันธ์กับความสนใจของลูก      6. ไม่ควรยัดเยียดความรู้ให้กับลูกมากเกินไป

การเล่นของเด็กเป็นการเรียนรู้โดยธรรมชาติ  พ่อแม่เพียงแต่คอยดูแลระมัดระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้  และส่งเสริมให้ลูกได้รู้จัก

เล่นเกม  เล่นกับเพื่อน  เล่นของเล่นและเล่นสิ่งอื่น ๆที่จะช่วยในการพัฒนาสมองของเด็ก  ซึ่งพ่อแม่จะเป็นผู้ที่เลือกหามาให้ลูกได้เช่น

หมากฮอส  หมากรุก  ตัวต่อ  ภาพต่อ ฯลฯ  ซึ่งเป็นของเล่นที่สร้างสรรค์ความฉลาดให้กับเด็กได้



ภาพจาก www.kukai.ac.th
      บันทึกการเข้า
intakanok
มือใหม่หัดเมาท์
*

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11

« ตอบ #3815 เมื่อ: 20 กุมภาพันธ์ 2554, 15:45:49 »

สวัสดีค่ะพี่เอ๋

ทักทายยามบ่ายอากาศร้อนจริงๆนะคะ

ได้แตงโมแดงๆเย็นๆชื่นใจค่ะ

ชื่นชมกิจกรรมดี ดี ใช่ค่ะ พ่อแม่คือ ครูคนแรกของลูก

สั่งสอน ส่งเสริม สร้างสรร เพิ่มปัญญา ให้ลูกคิดและทำ ค่ะ

เพื่อสังคมที่ดีต่อไป
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3816 เมื่อ: 20 กุมภาพันธ์ 2554, 15:55:53 »

สวัสดีค่ะคุณจิ๊ว..วันหยุดไปเที่ยวพักผ่อนไหนบ้างคะ..พี่เอ๋อ่านหนังสือทั้ง3วันเลย เพราะเดือนหน้าสอบกฏหมาย7วิชาค่ะ..
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3817 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2554, 10:49:50 »

ลักษณะของเด็กที่มีความสามารถพิเศษด้านต่าง ๆ มีดังนี้

ด้านสติปัญญา (การคิด) มีลักษณะดังนี้

-มีความรู้สึกไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว

-ช่างสังเกต  สามารถมองเห็นรายละเอียดของสิ่งต่างๆได้ดี (มักมองเห็นอะไรได้มากกว่าคนอื่น)      -รับรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

-ไม่ต้องการให้ใครมาขัดจังหวะในขณะจดจ่อกับกิจกรรมบางอย่าง     

-มีสมาธิในการทำสิ่งต่างๆได้นาน  โดยเฉพาะเวลาสนใจอะไรจะลืมเวลา     -จดจำสิ่งต่าง ๆ ได้รวดเร็ว (จำเร็ว)

-ระลึกข้อมูลได้รวดเร็วและถูกต้องแม่นยำ (จำแม่น)     -เบื่อหน่ายง่ายกับกิจกรรมที่เป็นกิจวัตรประจำวันของโรงเรียน

-ชอบคบคนที่มีอายุมากกว่า      -ชอบทำอะไรด้วยตัวเอง (ไม่อยากให้ผู้อื่นช่วยเหลือหรือถ้าช่วยก็เพียงเล็กน้อย)

-ชอบทำงานคนเดียวหรืองานเดี่ยวมากกว่างานกลุ่ม      -ชอบทำกิจกรรมที่ยาก ท้าทายความสามารถ

-สนใจอ่านหนังสือที่ยากเกินวัย (เช่น หนังสือของผู้ใหญ่ หนังสือเกี่ยวกับชีวประวัติของบุคคลสำคัญ และสารานุกรม เป็นต้น)

-รู้หรือสนใจในสิ่งที่ผู้ใหญ่เองก็ต้องประหลาดใจ (เพราะคาดไม่ถึงว่า วัยแค่นี้จะรู้หรือสนใจ)

-ทำงานที่ชอบได้ดีเกินคำสั่งหรือความคาดหมาย      -เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

-ใช้ภาษา (เช่น ศัพท์หรือโครงสร้างประโยค) ที่สูงเกินวัย      -เมื่อเข้าไปร่วมกิจกรรมใด ๆ ก็มีแนวโน้มจะทำได้ดี

-ชอบตั้งคำถามที่กระตุ้นความคิด      -สนใจเป็นพิเศษกับกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิด

-ชอบจัดระบบระเบียบหรือโครงสร้างให้กับเหตุการณ์หรือสิ่งต่าง ๆ

-สามารถคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น สัญลักษณ์ ตัวเลข รวมทั้งคำนามธรรม (เช่น ประชาธิปไตย วินัย ความซื่อสัตย์ เป็นต้น)

ได้อย่างลึกซึ้งกว่าเด็กวัยเดียวกัน

-อยากรู้อยากเห็นเป็นพิเศษ (ช่างซักถาม โดยเฉพาะเรื่องเหตุผล หรือถามในลักษณะ ถ้า………แล้ว)

-ชอบคาดคะเนสิ่งที่อาจเกิดขึ้นจากความคิด การกระทำ หรือการทดลองของตน      -มองเห็นความสัมพันธ์ของเหตุผลได้อย่างรวดเร็ว

-บอกความแตกต่างและความคล้ายคลึงกันของสิ่งต่างๆได้ดี      -ชอบจับประเด็นสำคัญหรือหลักการที่แอบแฝงอยู่ได้อย่างรวดเร็ว

-สามารถแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความคิดต่างๆ ที่ดูภายนอกคล้ายว่าจะไม่เกี่ยวข้องกันได้

-สามารถสรุปภาพรวมของสิ่งต่างๆ หรือเรื่องราวได้ดี      -ไม่ด่วนสรุปความรู้หรือข้อมูลต่างๆ โดยไม่วิเคราะห์หรือตรวจสอบ

-สามารถวางแผนได้อย่างสลับซับซ้อน      -เป็นคนมีอารมณ์ขัน

-สามารถใช้สามัญสำนึกประกอบการคิดหาคำตอบหรือแก้ปัญหาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

-สามารถผสมผสานความรู้ความคิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ มาแก้ปัญหาได้ดี

-มีมาตรฐานสำหรับตัวเองสูง  จึงไม่ค่อยพอใจกับผลงานของตัวเองง่ายนัก (ชอบทำงานให้ดีที่สุด และไม่ชอบที่จะเห็นผลงานแบบ

ธรรมดาเหมือนกับที่คนอื่นเขาทำ)

-มักมีความรู้สึกรุนแรงเกี่ยวกับความถูก-ผิด-ดี-ชั่ว-ยุติธรรม- ไม่ยุติธรรม ฯลฯ
 
จาก www.thaigifted.org
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3818 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2554, 10:55:10 »

หลานบิว..(นั่งที่สามจากซ้าย)ลูกหลานคนเก่งของครอบครัวศรีสรานุกรมค่ะ..

      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3819 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2554, 10:09:25 »

วันก่อนไปเดินชมงานงิ้วกับหลานกีตาร์ค่ะ..(จริงแล้วหลานชายอีกคน-ลูกชายของท่านเพชราภรณ์ มหาสุวีระชัย

จะพาป้าเอ๋เดินชม แต่เวลาว่างไม่ตรงกัน..ท่านเพชราภรณ์จึงให้หลานชายนำส้มที่ป้าเอ๋ประมูลไว้มาให้ที่ศาลฯ..)



เสียดายไม่ได้มีเวลาในช่วงค่ำกว่านี้เพื่อชมงิ้ว..



คุณยิ่งยศ บุษรารังษี(หนุ่มวิศวะจุฬาฯ-เจ้าของฟอร์ดศรีสะเกษ)น้องชายคนเก่ง-เป็นประธานจัดงานงิ้วปีนี้ค่ะ..






      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3820 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2554, 10:12:10 »

บริเวณงาน..





      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3821 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2554, 10:14:23 »

เด็กๆชอบมากค่ะบริเวณเครื่องเล่นนี้..



      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3822 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2554, 10:16:40 »

ขนมน้ำตาลเป่า..จะเห็นในงานงิ้วทุกปีค่ะ



      บันทึกการเข้า
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #3823 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2554, 18:39:49 »

อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2554, 10:55:10
หลานบิว..(นั่งที่สามจากซ้าย)ลูกหลานคนเก่งของครอบครัวศรีสรานุกรมค่ะ..


หวัดดีค่ะดร.เอ๋...นอกจากเก่งแล้วยังหล่อด้วยค่ะ...
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3824 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2554, 08:09:08 »

อ้างถึง
ข้อความของ Kaimook เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2554, 18:39:49
อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2554, 10:55:10
หลานบิว..(นั่งที่สามจากซ้าย)ลูกหลานคนเก่งของครอบครัวศรีสรานุกรมค่ะ..


หวัดดีค่ะดร.เอ๋...นอกจากเก่งแล้วยังหล่อด้วยค่ะ...


สวัสดีค่ะอ้อย..อ้อยและครอบครัวสบายดีนะคะ ดีใจที่แวะมาบ้านนี้..
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 151 152 [153] 154 155 ... 979   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><