25 กันยายน 2567, 05:00:56
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 132 133 [134] 135 136 ... 979   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ☼☼☼ ร่วมคุยกันในมุมมองของคุณแม่~แวะพักทักทายเอ๋ 24 ☼☼☼  (อ่าน 2702801 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3325 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2553, 14:17:08 »

อ้างถึง
ข้อความของ dtoy เมื่อ 29 ตุลาคม 2553, 13:20:38
เอ๋สบายดีเหรือเปล่าคะ  งานยุ่งดูแลสุขภาพด้วยนะคะ  ตอนนี้ยังเต้นรำอยู่หรือเปล่าคะ?

สวัสดีค่ะต๋อย.. สบายดีค่ะ..ขอบคุณที่เป็นห่วง

ระยะนี้คร่ำเคร่งเรื่องการเรียนการสอบ..กว่าจะโล่งได้บ้างคงปลายเดือนหรือปลายปีนี้ค่ะ

สำหรับกิจกรรม งานสังคม..จะเป็นงานแต่ง งานบุญงานกฐินติดๆกันเลยค่ะ กิจกรรมเข้าจังหวะจึงแผ่วๆไปหน่อย..
      บันทึกการเข้า
Lamai
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,712

« ตอบ #3326 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2553, 22:08:13 »

เอ๋สอบอีกแล้ว.....พาเอ๋ขึ้นไปพักสายตาที่จุดชมวิวแถวๆเกาะหลีเป๊ะดีกว่า.....

      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3327 เมื่อ: 01 พฤศจิกายน 2553, 11:48:05 »

สวัสดีค่ะไมโกะ..ขอบคุณที่แบ่งปันความสุขสดชื่นมาให้..ไปไหนยากหน่อยค่ะ ไม่ติดสอบติดเรียนก็ติดสอนเสมอๆ..

สอบกฏหมายเสร็จไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันอาทิตย์..วันนี้เตรียมการสอน นศ.และถวายความรู้พระภิกษุ พรุ่งนี้อีกค่ะ..

      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3328 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2553, 08:51:26 »

ก่อนทำงานเช้านี้..ได้อ่านเรื่องของเด็กน่ารักและเก่งมากคนนึง..ชื่นชมครอบครัวในการดูแลลูกและการจูงใจให้เด็กเก่งได้

ขนาดนี้..จากwww.everykid.com  จึงนำมาฝากทุกคนด้วยค่ะ..


ด.ญ.ต้นหลิว  นักเล่านิทาน-นักเขียน Blog รุ่นจิ๋ว  เพราะคุณพ่อเล่านิทานให้ฟังทุกคืน จึงเป็นแรงผลักดันให้เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ

วัย 9 ขวบ ที่ชื่อ "ต้นหลิว-ธรพชรพรรณ  พูลศรี" รักที่จะอ่าน และเล่านิทานให้เพื่อนๆ ที่โรงเรียน รวมไปถึงน้องสุดที่รักของเธอ

ฟัง จนในที่สุดเด็กหญิงต้นหลิวก็มีโอกาสก้าวสู่การเป็นสุดยอดนักเล่านิทานระดับประเทศใน โครงการประกวดนักเล่านิทานระ

ดับอายุ 6 - 9 ขวบ โดยได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ผลงานการเขียนเรื่องของน้องต้นหลิว เช่น หนูรักในหลวง   เป็นเด็กดี ง่ายนิดเดียว โรงเรียนใน(ความ)ฝัน  ลูกอมแห่งความทรง

จำ ฯลฯลองติดตามผลงานของน้องต้นหลิวได้ที่  http://www.oknation.net/blog/TonLew



วันนี้คุณแม่ตู   ได้ตั้งคำถามกับต้นหลิวว่า  การเป็นเด็กดีต้องทำอย่างไรบ้าง และทำยากไหม??.........................

ต้นหลิวคิดว่าการเป็น "เด็กดี" นั้นง่ายมากๆ เลย  และก็สามารถทำได้ตลอดเวลา  จะทำที่ไหนก็ได้ทำอย่างไรก็ได้ไม่มีใครว่า

"ถ้าสิ่งที่ทำนั้นเป็นสิ่งที่ดี" แค่เรา...เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ และคุณครูแค่นี้ก็เรียกว่าเป็นเด็กดีแล้วล่ะค่ะ

เพราะเวลาที่เราเป็นเด็กดีนั้น "ก็จะมีคนมาชมมากมาย" ทำให้เรารู้สึกว่า "ดีจังเลยมีคนชมด้วย"

และเราก็อยากจะเป็นเด็กดีต่อไปอีก  เพราะจะได้มีแต่คนชม

ต้นหลิวคิดว่า.....เด็กๆ ทุกคนก็อยากเป็นเด็กดีกันทั้งนั้นแหละค่ะ  แต่คนที่เป็น "เด็กไม่ดี" นั้น   บางทีเขาอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่า..

สิ่งที่เขาทำอยู่นั้นมันเป็น "สิ่งที่ไม่ดี"  เพราะไม่มีใครช่วยบอกเขา เขาก็เลยไม่รู้ว่าอย่างไหนเรียกว่าดี และอย่างไหนเรียกว่าไม่ดี

ถ้าต้นหลิวเป็นเด็กคนนั้น...ต้นหลิวจะไปถามคนอื่นก่อนว่า  อย่างที่ต้นหลิวทำอยู่นั้นเรียกว่า "เป็นเด็กดีหรือเปล่า"

คนที่เราจะถามได้ก็อย่างเช่น "คุณพ่อ คุณแม่ คุณครู หรือเพื่อนๆ"  เพราะ..."เราต้องให้คนอื่นช่วยตัดสินว่าเราเป็นคนดีหรือไม

คุณพ่อเคยสอนต้นหลิวไว้ว่า  การใช้ตัวเราเป็นคนตัดสินตัวเองว่า   "เราหล่อ สวย ดี เก่ง หรืออะไรต่างๆ"เอง

อย่างนั้นเขาเรียกว่า "หลงตัวเอง" ค่ะ

และ  ถ้าต้นหลิวเป็นผู้ใหญ่..ต้นหลิวก็จะบอกกับเด็กคนนั้นว่า "สิ่งที่เธอทำอยู่นั้น..เขาเรียกว่าไม่ดีนะ"   และก็จะสอนเขาว่า...

"ต้องทำอย่างนี้สิ..ถึงจะเรียกว่าดี"

การเริ่มต้นของ   การเป็นเด็กดีนั้นก็คือ...ผู้ใหญ่ต้องคอยดูแล   คอยอบรมสั่งสอนเด็ก  และเด็กก็จะเป็นคนดีได้เองค่ะ

สรุป....ก็คือ  ผู้ใหญ่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเด็กนะคะ ^^
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3329 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2553, 16:46:39 »

(ต่อ) รูปแบบของครอบครัว
   
ครอบครัวอาจแบ่งเป็นหลายแบบ เช่น แบ่งตามลักษณะความสัมพันธ์ของสมาชิก อำนาจการปกครอง และวิธีการสืบทอดมรดก 

เป็นต้น ( Schlesinger 1979;Miermont 1995) ในปีนี้  จะขอกล่าวถึงรูปแบบครอบครัวที่พบบ่อยดังต่อไปนี้

1.  ครอบครัวเดี่ยว (nuclear family) ประกอบด้วย สามี ภรรยา และลูกที่อาศัยอยู่ในครัวเรื่อนเดียวกัน

2.  คู่สมรสที่ไม่มีบุตร (childless couples) ประกอบด้วย สามี ภรรยา

3.  ครอบครัวที่มีพ่อหรือแม่เพียงคนเดียว (one-parent หรือ single-parent family)  ประกอบด้วยลูกและพ่อแม่ที่ต้องทำหน้าที่เลี้ยง

ดูลูกตามลำพัง  ทั้งนี้เนื่องจากคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต หย่าร้างหรือแยกทางไป หรือแม่ที่เลี้ยงลูกนั้นเป็นแม่ที่ไม่ได้แต่งงานเป็น

ต้น

4.  ครอบครัวบุญธรรม (adoptive family) ประกอบด้วย สามี ภรรยา และบุตรบุญธรรม

5.  ครอบครัวที่มีการแต่งงานใหม่ (reconstituted family) ประกอบด้วยหญิงชายที่มาอยู่ร่วมกัน  โดยฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายเป็น

หม้ายหรือมีการอย่าร้างมาก่อน

6.  ครอบครัวขยาย (ended family)  ประกอบด้วยเครือญาติตั้งแต่ 3 ชั่วคนขึ้นไปที่มีความสัมพันธ์กันโดยการเกิดหรือการแต่งงาน

มาอยู่ร่วมกัน 

รูปแบบของครอบครัวมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคม โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ในเศรษฐกิจแบบเกษครกรรมครอบครัวทำ

หน้าที่เป็นหน่วยผลิต  ครอบครัวขยายจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะต้องมีแรงงานสำหรับการผลิต แต่ในเศรษฐกิจแบบอุตสาหกรรมครอบ

ครัวไม่ใช่หน่วยผลิตอีกต่อไป  เพราะมีแหล่งผลิตเฉพาะ เช่น โรงงาน ฯลฯ เกิดขึ้นมาแทนครอบครัว  จึงเปลี่ยนเป็นครอบครัวเดี่ยว

ที่สามารถเคลื่อนย้ายไปตามแหล่งผลิตได้
   
รูปแบบของครอบครัวยังมีการเปลี่ยนแปลงไปตามวงจรชีวิตครอบครัว (family life cycle) โดยเริ่มจากครอบครัวเดี่ยวแล้วกลายเป็น

ครอบครัวขยาย เพราะลูกแต่งงานและคู่สมรสใหม่นี้ยังอยู่กับพ่อแม่ในระยะแรก เมื่อคู่สมรสแยกครอบครัวออกไป ครอบครัวขยายก็

กลับเป็นครอบครัวเดี่ยวตามเดิม ต่อมาเมื่อลุกของคู่สมรสนี้โตขึ้นแล้วแต่งงาน ครอบครัวเดี่ยวก็เปลี่ยนเป็นครอบครัวขยายต่อไปตาม

วัฏจักร การศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยพบว่า  คู่สมรสใหม่ร้อยละ 77.1 จะอยู่รวมกับพ่อแม่ฝ่ายหญิง ส่วนอีกร้อยละ

14.6 จะอยู่รวมกับพ่อแม่ฝ่ายชาย  ระยะเวลาที่อยู่รวมกันคือ 1- 5 ปี   หลังจากนั้นก็จะแยกออกไปใช้ชีวิตแบบครอบครัวเดี่ยว นอกจาก

นี้ยังพบว่ามีครอบครัวเดี่ยวถึงร้อยละ 84.9 ที่พัฒนาเปลี่ยนรูปมาจากครอบรัวขยายในระยะเริ่มต้น (พิชญ์ สมพอง 2526)
   
คนจำนวนมากเชื่อว่า ครอบครัวขยายคือครอบครัวในอุดมคติที่เคยมีอยู่ในอดีต และกำลังสูญสลายไปในปัจจุบัน และการสูญสลาย

ของครอบครัวขยายเป็นสาเหตุของปัญหาสังคมที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายในขณะนี้ ความเชื่อนี้มีผู้คัดค้านว่าไม่ถูกต้อง โดยให้ความเห็น

ว่าแท้จริงแล้วไม่มีครอบครัวใดเป็นครอบครัวในอุดมคติ (Walsh 1993)  ทั้งนี้เพราะครอบครัวมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การ

เปลี่ยนแปลงนี้เป็นการปรับตัวของระบบย่อย  (คือครอบครัว) เมื่อระบบใหญ่ (คือสังคม) มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นไปตามทฤษฎีระบบ

(Systems Theory) การศึกษาเกี่ยวกับลักษณะครอบครัวพบว่า รูปแบบของครอบครัวในปัจจุบันไม่ได้แตกต่างไปจากอดีตเท่าไรนัก

หลายศตวรรษที่ผ่านมาทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา  ครอบครัวส่วนใหญ่ไม่ใช่ครอบครัวขยาย แต่เป็นครอบครัวเดี่ยว และรูปแบบนี้ยัง

คงเป็นมาจนถึงทุกวันนี้ (Hareven 1982) ในศตวรรษที่ 19 เพียงร้อยละ 7-8 ของครอบครัวอเมริกันเท่านั้นที่เป็นครอบครัวขยายและ

อัตรานี้ก็ยังคงที่ถึงปัจจุบัน การที่ครอบครัวขยายมีน้อยก็เนื่องจากอัตราตายที่สูงจากโรคภัยไข้เจ็บ ภัยสงครามและภัยธรรมชาติ รวม

ทั้งการอพยพย้ายถิ่นเพื่อแสวงหาที่ทำมาหากินใหม่ที่อุดมสมบูรณ์กว่าเดิม
   
ในสังคมปัจจุบันครอบครัวมีรูปแบบหลากหลายมากขึ้น การสำรวจในสหรัฐอเมริกา ใน ค.ศ. 1983 พบว่า ครอบครัวเดี่ยวที่พ่อเป็นผู้หา

เลี้ยงเพียงคนเดียว (single breadwinner nuclear family) นั้นมีเพียงร้อยละ 13 ของครัวเรือนทั้งหมด รูปแบบครอบครัวที่พบบ่อยที่สุด

คือ ครอบครัวที่มีคู่สมรสอยู่ด้วยกันในระยะที่ยังไม่มีบุตร  หรือบุตรจากบ้านไปแล้วซึ่งพบถึงร้อยละ 23 รองลงมาคือครอบครัวที่มีหญิง

หรือชายเพียงคนเดียวอันเนื่องจากการเป็นโสด เป็นม่าย หย่าหรือแยกทางกันร้อยละ 21 ครอบครัวที่มีพ่อหรือแม่เลี้ยงดูลูกตามลำพัง

ร้อยละ 16  และครอบครัวเดี่ยวที่คู่สมรสทั้งคู่ต่างประกอบอาชีพ (dual breadwinner nuclear family) ร้อยละ 16 นอกจากนี้ยังมีครอบ

ครัวแบบอื่นเช่น ครอบครัวที่เด็กอยู่กับปู่ย่าตายาย ครอบครัวที่แต่งงานใหม่ ครอบครัวที่มีบุตรจากการผสมเทียม ครอบครัวที่หญิงและ

ชายมาอยู่ร่วมกันโดยไม่ได้แต่งงาน รวมทั้งครอบครัวแบบรักร่วมเพศซึ่งมีร้อยละ 6 (Bureau of Justice Statistics 1983) ในประเทศไทย

การสำรวจในนักเรียนชั้นมัธยมทั่วประเทศพบว่า ลักษณะครอบครัวที่พบบ่อยที่สุดคือ ครอบครัวเดี่ยวซึ่งพบร้อยละ 68.9 รองลงมาคือ

ครอบครัวขยายร้อยละ 18.6  ครอบครัวที่มีเฉพาะแม่ –ลูก ร้อยละ 7.4   เฉพาะพ่อ- ลูก ร้อยละ 2.3 และครอบครัวที่อยู่กันเฉพาะญาติพี่

น้องโดยไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วย ร้อยละ 2.8 (อุมาพร ตรังสมบัติและคณะ 2540)
      บันทึกการเข้า
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #3330 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2553, 18:56:01 »

แวะมาทักทายค่ะ  เอ๋สบายดีนะคะ  เรียนใกล้จบหรือยังคะ 
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3331 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2553, 09:15:49 »

อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 03 พฤศจิกายน 2553, 18:56:01
แวะมาทักทายค่ะ  เอ๋สบายดีนะคะ  เรียนใกล้จบหรือยังคะ 

ป เอก..รอสอบวิทยานิพนธ์ครั้งสุดท้ายค่ะพัช..ดีใจที่แวะมานะคะ
      บันทึกการเข้า
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« ตอบ #3332 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2553, 14:30:09 »

สวัสดีครับพี่เอ๋
วันนี้นำผลงานตัวใหม่ของพี่ต๋อม(โทมัส) มาฝากครับ
เมื่อวันฮาโลวีนที่ผ่านมา พี่เค้าแต่งตัวเป็นผี
ไปขอรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัย

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=PqNWXt7-EQI" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=PqNWXt7-EQI</a>
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3333 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2553, 16:26:51 »

อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 04 ตุลาคม 2553, 10:03:03
อ้างถึง
ข้อความของ jakkriz เมื่อ 04 ตุลาคม 2553, 03:18:08
สวัสดีครับพี่เอ๋ :)

สวัสดีค่ะ..แนะนำตัวมากกว่านี้อีกได้มั้ยคะ..





รู้สึกผิดมากเลยที่เรียกแต่ชื่อเล่นจนจำชื่อจริงหนุ่มน้อยคนนี้ไม่ได้..ค้นหารีพลายที่ตอบไปแล้วพึ่งเจอเมื่อกี้..

ขอสวัสดีและยินดีต้อนรับต๋อมหรือโธมัสอีกครั้งนะคะ..
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3334 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2553, 16:40:05 »

ระยะนี้คณะพ.สมทบ  ชักชวนกันทำบุญบ้าง..ไปงานแต่งงานมงคลต่างๆบ้าง..ประมาณอาทิตย์ละ2-3งานได้เลยนะคะ.. 

แต่สิ่งที่ไม่เคยลืมคือวันเกิดของเพื่อนๆพี่ๆค่ะ..สำหรับสองท่านที่เกิดในเดือนพย.นี้..ฝ่ายวิชาการมีของขวัญเล็กๆน้อยๆมอบให้..



      บันทึกการเข้า
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« ตอบ #3335 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2553, 17:22:27 »

ดูคลิปได้ไหมคับพี่เอ๋
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3336 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 08:56:41 »

อ้างถึง
ข้อความของ phraisohn เมื่อ 04 พฤศจิกายน 2553, 17:22:27
ดูคลิปได้ไหมคับพี่เอ๋

ดูแล้วค่ะ เป็นกิจกรรมน่าสนุกดีและมีประโยชน์ด้วยนะ..เฮฮาดีแบบนี้ ส่งไปลง"เก็บตก"ได้มั้ยเนี่ย..
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3337 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 15:29:27 »

ท่านกมลรัตน์ สุวรรณหิตาธร..มาเยี่ยมศาลฯ เดินทางมาถึงเวลา๑๑.๐๐น.ค่ะ..



แม้ท่านจะย้ายไปศาลฯสมุทรปราการแล้ว แต่ก็ยังคิดถึงศาลฯศรีสะเกษเสมอ..



ร่วมรับประทานอาหารกันที่อาคารกิจเจริญไทยค่ะ..











กับน้องสาวที่น่ารักมากอีกคนนึงค่ะ..อัยการจุ๋ม..









      บันทึกการเข้า
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #3338 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2553, 22:49:24 »

 สวัสดีค่ะดร.เอ๋  ชื่นชมกะผลงานเอ๋ค่ะ เพื่อนๆร่วมงานดูอบอุ่นนะคะ...เอ๋สบายดีนะคะ...
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3339 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2553, 08:50:13 »

อ้างถึง
ข้อความของ Kaimook เมื่อ 07 พฤศจิกายน 2553, 22:49:24
สวัสดีค่ะดร.เอ๋  ชื่นชมกะผลงานเอ๋ค่ะ เพื่อนๆร่วมงานดูอบอุ่นนะคะ...เอ๋สบายดีนะคะ...



สบายดีค่ะอ้อย..ดีใจที่อ้อยแวะเยี่ยมบ้านเพื่อนๆ ไม่งั้นแต่ละบ้านเงียบเหงาจังเลย..
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3340 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2553, 15:45:25 »

วันเสาร์ที่ผ่านมา เริ่มสอนเด็กๆกลุ่มใหม่..คละกันตั้งแต่อนุบาล3ถึงป.3 ..



น้องพันช์..น้องที..น้องคิม..น้องบอส..



จูงใจทุกทาง..ไม่อยากให้เบื่อคนสอน..



ที่ขาดไม่ได้คือนั่งสมาธิก่อนแยกย้ายกันกลับ..



เด็กๆนี่เวลานั่งนิ่งๆกันก็น่ารักน่าเอ็นดูไปอีกแบบค่ะ..





      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3341 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2553, 12:16:23 »

ช่วงเช้าไปสอนหนังสือ..เที่ยง แวะตอบและทักทายเพื่อนๆ พร้อมลงสาระเรื่องนึง..เดวบ่ายโมงไปสอนอีก..แล้วคุยกันใหม่นะคะ..

แบ่งเวลาอ่านหนังสือดีๆอีกเล่มนึงที่ลุงณะส่งมาให้ค่ะ..เป็นประโยชน์กับชีวิตประจำวันจริงๆ ขอบคุณลุงณะมากนะคะ..


พิมพ์อย่างมีวิจารณญาณ
   
เพียงแค่ดูแต่ชื่อเรื่องหลายคนก็คงคิดว่าต้องมีการสะกดผิดที่คำว่า “ทักษสัมพันธ์” แน่ๆ เลย ทั้งนี้เพราะคำนี้ผู้คนมักจะเขียนกัน

ผิดๆ ว่า “ทักษสัมพันธ์” คือไปเติม ะ ท้ายตัว ษ ซึ่งผิดหลักของคำสมาส เนื่องจากคำเดิมคือ “ทักษะ” เมื่อมาสมาสกับ “สัมพันธ์”

ก็ต้องตัด ะ ออกไป คำว่า “ทักษสัมพันธ์” จึงเป็นคำที่มักเขียนผิดกันบ่อยๆ เวลาผู้เขียนส่งต้นฉบับไปให้เจ้าหน้าที่พิมพ์ครั้งใดจะ

ต้องย้ำ ซ้ำ ทวน และเน้นว่าคำนี้ไม่ได้สะกดผิดนะ อย่าเติม ะ นะ เพราะสะกดอย่างนี้ถูกต้องแล้ว

พูดถึงเรื่องการสะกดผิดนี้ทำให้นึกถึงความหวังดีของคนบางคน เช่น พนักงานพิมพ์ เวลาผู้เขียนส่งเอกสารไปให้พิมพ์บางครั้ง

คุณเธอก็พิถีพิถัน พิมพ์ไปอ่านไป ไม่ใช่สักแต่ว่าพิมพ์ จำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผู้เขียนส่งต้นฉบับข้อสอบภาษาไทยไปให้พิมพ์โดย

ใช้ข้อความหนึ่งจากเพลงพระราชนิพนธ์มีใจความว่า “แดดรอนรอนเมื่อทินกรจะลาโลกไปไกล” ปรากฏว่าผู้พิมพ์หวังดีคิดว่าผู้

เขียนรีบร้อนลืมเติมไม้โทลงบนคำ “รอน” ด้วยความหวังดีเธอก็เลยพิมพ์ให้เสียใหม่ว่า “แดดร้อนรอน เมื่อทินกรจะลาโลกไปไกล”

นี่ถ้าไม่มีการพิสูจน์อักษรที่ดีก็คงเกิดความยุ่งยากขึ้นตามมา เพราะผู้เขียนใช้ข้อความนี้เป็นข้อที่มีคำตอบถูกต้อง จากคำถามที่

ถามว่า  ข้อความในข้อใดไม่มีเสียงวรรณยุกต์ตรี ดังนั้น พอคำว่า “รอนรอน” ซึ่งเป็นเสียงสามัญ ถูกเติมไม้โทลงไปเป็น ร้อนร้อน

ก็จะกลายเป็นเสียงตรีทันที ในส่วนดีของพนักงานพิมพ์ประเภทนี้สิ่งที่น่ายกย่องก็คือพิมพ์ไปอ่านไป พิมพ์ไปสังเกตไป พอเห็นผิด

สังเกตก็มีความหวังดีช่วยแก้ไขเพิ่มเติมให้ โดยหารู้ไม่ว่าความหวังดีกลายเป็นการประสงค์ร้ายไปเสียเลย
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3342 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2553, 12:32:36 »

พนักงานพิมพ์อีกประเภทหนึ่งที่ต้องกล่าวถึงนี้เข้าประเภทอย่างอื่นไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน คือพิมพ์ตะลุยเห็นอะไรพิมพ์อย่างนั้นใช้ตาดู มือ

พิมพ์ ไม่มีการอ่าน ไม่ก้าวก่าย ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นประเภทนี้จะว่าดีก็ดี คือ ไม่มีปัญหาใดๆ ในการพิสูจน์อักษรเนื่องจากพิมพ์ตามต้น

ฉบับอย่างเครื่องถ่ายเอกสารเลยทีเดียวเรียกได้ว่า “สำเนาถูกต้อง” กล่าวคือถ้าในต้นฉบับสะกดผิด วรรคตอนผิดอ้างอิงผิด พนัก

งานพิมพ์ประเภทนี้ก็จะยึดมั่นตามลักษณะงานที่ส่งมาให้พิมพ์ โดยจะไม่ละเมิดสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น คือ “ไม่ยุ่งเรื่องของผู้อื่น” พิมพ์ไป

ตาม “หน้าที่” ตามอุดมการณ์ของการเป็นพลเมืองดีถ้าใครพบพนักงานพิมพ์ประเภทนี้จะว่าดีก็ดี จะว่าแย่ก็แย่ ที่ว่าดีก็คือ ถูกต้องตาม

ต้นฉบับที่ส่งให้พิมพ์ ที่นี้ในด้านจะว่าแย่ก็แย่นั้นเกิดขึ้นในกรณีที่เราต้องการใช้การประยุกต์ดัดแปลงจากต้นฉบับเดิมดังที่เล่ากันกระ

ฉ่อนเมืองเรื่อง “เผยน่าน” แม้เป็นเรื่องเก่าก็อยากนำมาเล่าใหม่ เพื่อเน้นให้เห็นว่าจะทำอะไรต้องใช้สมองคิด อย่าใช้แต่ตาดูเท่านั้น

กรณีตัวอย่างนี้จะเป็นแบบเรียนสอนใจ ทั้งพนักงานพิมพ์ และผู้ออกคำสั่งให้พิมพ์ เรื่องที่เล่าต่อๆกันมาก็เปลี่ยนไปเพิ่มมา โดยประ

เด็นสำคัญคือ การดัดแปลงต้นฉบับของจังหวัดแพร่มาใช้กับจังหวัดน่าน เนื่องจากทั้งสองจังหวัดนี้มีบริบทหลายๆอย่างคล้ายคลึงกัน

ดังนั้น คอมพิวเตอร์ปัจจุบันก็มีโปรแกรมนานาชนิดที่จะสั่งการได้ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงแก้ไขคำบางคำจากคำว่า “แพร่” ก็เป็น “น่าน” เท่า

นั้นก็เรียบร้อย พนักงานพิมพ์รับงานชิ้นนี้มาพิมพ์และคิดว่าสบายแน่ไม่ต้องพิมพ์ใหม่ทั้งเรื่อง เพียงแต่ท่องให้ขึ้นใจว่า “แพร่แก้เป็นน่าน”

ทุกตอน ทุกวรรค ทุกบรรทัด ใช้เวลาพิมพ์ไม่นานก็ส่งให้เจ้าของงานได้ทันกำหนด มาความแตกก็ตรงส่วนที่มีใจความว่า “เอกสารชุด

นี้พิมพ์เผยน่าน เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา” เห็นหรือยังกรณีตัวอย่าง


จาก หนังสือเรื่องอ่านสนุกปลุกสำนึก โดย ศาสตราจารย์อัจฉรา ชีวพันธ์

สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย






      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3343 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2553, 16:02:23 »

สอนเสร็จราวบ่ายสามโมงครึ่งค่ะ..



      บันทึกการเข้า
Uncle Na
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2524-2201
คณะ: นิเทศ
กระทู้: 4,957

« ตอบ #3344 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2553, 20:14:17 »

งาน ดร.เอ๋ เพื่อสังคมและศาสนาโดยแท้
      บันทึกการเข้า

จิตใจที่จุดประกายแล้ว คือทรัพยากรที่ทรงพลังที่สุดบนพิภพ เหนือพิภพ และใต้พิภพ/จิตวิญญาณมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้/ โดย เอพีเจ อับดุล กาลัม/สุวิทย์ วิบูลเศรษฐ์  แปล
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #3345 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2553, 22:46:59 »

สวัสดีค่ะดร.เอ๋ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3346 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2553, 09:34:56 »

สวัสดีค่ะลุงณะและอ้อย..ดีใจที่แวะมาบ้านนี้นะคะ..
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3347 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2553, 10:33:18 »

แจงส่งเรื่องราวดีๆมาฝากแต่เช้าเลยค่ะ..
----- Original Message -----
From: Jiravich Nathalang
To: Jiravich Nathalang
Sent: Wednesday, November 10, 2010 8:41 PM
Subject: FW: Appreciation (感恩的故事)

I hope that this story will be as touching for you as it was for me. 

Family – the most vital element in our lives.


 感恩的故事 (Story of Appreciation)

一名成績優秀的青年去申請一個大公司的經理職位。

One young academically excellent person went to apply for a managerial position in a big company.

他通過了第一級的面試,董事長做最後的面試,做最後的決定。
 
He passed the first interview, the director did the last interview, made the last decision.
 
董事長從該青年的履歷上發現,該青年成績一 貫優秀,從中學到研究生從來沒有間斷過。

The director discovered from the CV,  that the youth's academic result is excellent all the way, from the secondary

school until the postgraduate research, never has a year he did not score.

董事長問,你在學校裏拿到獎學金嗎?該青年回答,沒有。

The director asked, "Did you obtain any scholarship in school?" and the youth answered "none".

董事長問,是你的父親 為您付學費嗎?該青年回答,我父親在我一歲時就去世了,是我的母親給我付的學費。

The director asked, " Is it your father pay for your school fees?" the youth answered, my father passed away when

I was one year old, it is my mother who paid for my school fees.

董事長問,那你的母親是在那家公司高就?該 青年回答,我的母親是給人洗衣服的。

董事長要求該青年把手伸給他,該青年把一雙潔白的手伸給董事長。

The director asked, " Where did your mother worked?" the youth answered, my mother worked as cloth cleaner. The

director requested the youth to show his hand, the youth showed a pair of hand that is smooth and perfect to the

director.

董事長問,你幫你母 親洗過衣服嗎?該青年回答,從來沒有,我媽總是要我多讀書,再說,母親洗衣服比我快得多。 

The director asked, " Did you ever help your mother washed the cloth before?" The youth answered, never, my

mother always wanted me to study and read more books, furthermore, my mother can wash cloths faster than me.

董事長說,我有個要求,你今天回家,給你母 親洗一次雙手,明天上午你再來見我。

The director said, I had a request, when you go back today, go and help to clean your mother's hand, and then see

me tomorrow morning.

該青年覺得自己成功的可能很大,回到家後,高高興興地要給母親洗手,母親受寵若驚地把手伸給孩子。

The youth felt that its chance of landing the job is high, when he went back, he happily wanted to clean his mother's

hand, his mother feel strange, happy but mixed with fear, she showed her hand to the kid.

該 青年給母親洗著手,漸漸地,眼淚掉下來了,因為他第一次發現,他母親的雙手都是老繭,有個傷口在碰到水

時還疼得發抖。

The youth cleaned his mother's hand slowly, his tear drop down as he did that.  It is first time he found his mother's

hand is so wrinkled, and there are so many bruises in her hand. Some bruises incites pains so strong that shiver her

mother's body when cleaned with water.

青年第一次體會到,母親就是 每天用這雙有傷口的手洗衣服為他付學費,母親的這雙手就是他今天畢業的代價。

This is the first time the youth realized and experienced that it is this pair of hand that washed the cloth everyday to

earn him the school fees, the bruises in the mother's hand is the price that the mother paid for his graduation and

academic excellence and probably his future.

該青年給母親洗完手後,一聲不響地把母親剩下要洗的衣服都洗了。

After finishing the cleaning of his mother hand, the youth quietly cleaned all remaining clothes for his mother.

當天晚上,母親和孩子聊了很久很久。

That night, mother and sons talked for a very long time.

第二天早上,該青年去見董事長。

Next morning, the youth went to the director's office

董事長望著該青年紅腫的眼睛,問到,可以告訴我你昨天回家做了些什麼嗎?

The director noticed the tear in the youth's eye, asked: " Can you tell you what have you done and learned yesterday

in your house?"

該青年回答說,我給母親洗完手之後, 我幫母親把剩下的衣服都洗了。

The youth answered, " I cleaned my mother's hand, and also finished cleaning all the remaining clothes'

董事長說,請你告訴我你的感受。

The director asked, " please tell me your feeling."

該青年說,第一,我懂得了感恩,沒有我 母親,我不可能有今天。第二,我懂得了要去

和母親一起勞動,才會知道母親的辛苦。第三,我懂得了家庭親情的可貴

The youth said, Number 1, I knew what is appreciation, without my mother, there would not the successful me today.

Number 2, I knew how to work together with my mother, then only I can realize how difficult and tough to get some

thing done.  Number 3, I knew the importance and value of family relationship.

董事長說,我就是要錄取一個會 感恩,會體會別人辛苦,不是把金錢當作人生第一目標的人來當經理。你被錄取了。

The director said, " This is what I am asking, I want to recruit a person that can appreciate the help of other, a person

that knew the suffering of others to get thing done, and a person that would not put money as his only goal in life to

be my manager. You are hired.

這位青年後來果真工作努力,深得職工擁護,員工也都努力工作,整個公司業績大幅成長。

Later on, this young person worked very hard, and received the respect of his subordinates, every employees worked

diligently and in a team, the company's result improved tremendously.

假如一位孩子從小嬌生慣養,習 慣了被人圍著寵著,什麼都是“我”第一,父母的辛苦都不知道,上班後,以為同事都

應該聽他的,當了經理後,不知道員工的辛苦,還要怨天尤人。這樣的人,會有好的學校成績,會有得意風光的一時,

但社會上的這類人,都不能成大事,都不會感覺到幸福,都要跌跟鬥,那父母是愛孩子呢還是害孩子呢?

A child who has been protected and habitually given whatever he did, he developed "entitlement mentality" and always

put himself first. He is ignorance of his parent's effort. When he started work, he assumed every people must listen to

him, and when he became a manager, he would never know how suffering his employee and always blame others.  For

this kind of people, he can have good result, may be successful for a while, but eventually would not feel sense of

achievement, he will grumble and full of hatred and fight for more. If we are this kind of protective parent, did we love

the kid or destroy the kid?

你可以讓你的孩子住 大房子,吃大餐,學鋼琴,看大屏電視,但你在割草時,也要讓你的孩子在大太陽下拔拔野草,

你在吃飯後,也要讓你的孩子洗洗碗,不是你沒有錢雇人,而是你真心愛孩子。你要讓孩子知道,即使父母掙不少錢,

但早早的白髮,和那位洗衣服的母親沒有本質的差別。但更重要的是,要讓你的孩子學會感恩。

You can let your kid lived in a big house, eat a good meal, learn piano, watch a big screen TV. But when you are

cutting grass, please let them experienced it. After a meal, let them washed their plate and bowl together with their

brothers and sisters. It is not because you do not have money to hire a maid, but it is because you want to love them

in a right way.  You want them to understand, no matter how rich their parent are, one day their hair will grow gray,

same as the mother of that young person. The most important thing is your kid learn how to appreciate the effort

and experience the difficulty and learn the ability to work with others to get thing done.

 
 --
DO FOR  OTHERS MORE THAN  YOU DO FOR YOURSELF

 




 
 
 



 

 

 

      บันทึกการเข้า
dtoy
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,076

« ตอบ #3348 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2553, 12:13:34 »



หวัดดีค่ะเอ๋

มีสาขาที่ร้อยเอ็ดด้วยเหรอคะเอ๋  ตกข่าวต๋อยไม่ได้ไปที่ร้อยเอ็ดหกเจ็ดปีแล้วค่ะ
ตึกสวยโอ่โถภูมิฐานมากค่ะ
      บันทึกการเข้า

Live Your Dream   
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3349 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2553, 12:32:09 »

สวัสดีค่ะต๋อย มีศูนย์การศึกษาหลายที่และเอ๋สอนที่ศูนย์การศึกษาศรีสะเกษค่ะ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 132 133 [134] 135 136 ... 979   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><