27 พฤศจิกายน 2567, 21:21:11
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 96 97 [98] 99 100 ... 979   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ☼☼☼ ร่วมคุยกันในมุมมองของคุณแม่~แวะพักทักทายเอ๋ 24 ☼☼☼  (อ่าน 2798705 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 36 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jum2524
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,077

« ตอบ #2425 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2553, 13:44:46 »

อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2553, 10:00:20
อ้างถึง
ข้อความของ jum2524 เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2553, 09:49:16
หวัดดีจ้ะเอ๋...สบายดีนะจ๊ะ  อยากดูรูปหลานๆอีกจ้า... รักนะ

สวัสดีค่ะจุ๋ม สบายดีค่ะขอบคุณ จุ๋มก็สบายดีเช่นกันนะคะ..รูปใหม่ๆของลูกๆตอนนี้ยังไม่มีเลยค่ะ

มีแต่รูปลูกหลานของคนรู้จัก ของเพื่อน ฯลฯ  เต็มไปหมด ทยอยลงให้ค่ะ นี่ก็คือ หลานชื่อ"เนะโกะ"ค่ะ

ได้ไปงานแต่งของพ่อแม่"เนะโกะ"..ต่อมาอีกไม่นานก็ได้เห็นหลานน้อย  ชื่นใจจังค่ะ





 

หลาน "เนะโกะ" น่ารักจังจ้ะเอ๋  เดาจากชื่อ...ลูกครึ่งรึปล่าวจ๊ะ  งง งง
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2426 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2553, 17:06:07 »

อ้างถึง
ข้อความของ vibrato24 เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2553, 12:52:18
สวัสดีครับเอ๋ ช่วงนี้น้องพิมกำลังสอบโอเน็ต ก็ถูกแม่กดดันเรื่องอ่านหนังสือทุกวัน บรรยากาศในบ้านเลย มาคุ หน่อยๆ แต่ก็ไม่เครียดมาก(พิมไม่เครียด)แม่เครียดแทน ครูตี๋ก็สบายดี เช้าออกกำลังกาย บ่ายๆก็ไปเปิดหมวกกลับมาบ้านตอนเย็นก็วาดสีน้ำต่อ  เห็นข่าวเรื่องเด็กนักเรียนหญิงตีกัน แล้วทำร้ายร่างกายกัน หดหู่เลยครับ ว่าจะไม่โทษละครหลังข่าวก็อดไม่ได้  เอ๋..คิดเห็นเรื่องนี้ยังไงครับ

ขอยกบทความจาก www.backtohome.org มาตอบก่อนนะคะครูตี๋

เวทีทัศนะ:หลักสูตรป้องกันการรังแกกันในโรงเรียน - ทางออกลดความรุนแรงต่อเด็ก

ปีนี้เองคนทั้งโลกต้องตกตะลึงกับเหตุสะเทือนขวัญกรณีนักศึกษาชาวเกาหลีสังหารหมู่เพื่อนและอาจารย์ในมหาวิทยา

ลัยที่ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วฆ่าตัวตายตาม จนเกิดความหวั่นวิตกว่าจะเกิดเหตุซ้ำ ส่งผลให้นักศึกษาเอเชียหลายคน

ถูกส่งตัวกลับประเทศเนื่องจากมีพฤติกรรมก้าวร้าว
       
ส่วนในไทยก็เกิดกระแสแพร่คลิปวีดีโอนักเรียนหญิงตบตีกันในโรงเรียนและตามที่สาธารณะหลายครั้ง การใช้อาวุธปืน

ยิงแก้แค้นเพื่อนในโรงเรียน วัยรุ่นสาดน้ำร้อนใส่คู่กรณี การฆ่าตัวตายของวัยรุ่น และล่าสุดก็กลับมาวนเวียนอีกครั้งกับ

การรุมตบตีนักเรียนหญิงคอซอง จนดูราวกับความรุนแรงคือทางออกสุดท้ายของปัญหาสำหรับวัยรุ่นยุคนี้สอดคล้องกับ

ผลการวิจัยของโครงการติดตามสภาวการณ์เด็กและเยาวชนรายจังหวัด (Child Watch) ปี 2548-2549 จากสถาบัน

รามจิตติ พบว่ามีนักเรียน นักศึกษากว่า 600,000 คน เคยถูกทำร้ายร่างกายในสถานศึกษาปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้

สังคมตื่นตัวจนมีการศึกษา เพื่อถอดรหัสปัญหาความรุนแรงในเด็กอย่างจริงจัง อันนำไปสู่แนวทางป้องกันและแก้ไขที่ถูก

ต้อง รายงาน "การศึกษาเพื่อพัฒนารูปแบบแนวทางการป้องกันความรุนแรงต่อเด็กแบบยั่งยืน" โดยผศ.สมบัติ ตาปัญญา

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยการสนับสนุนของ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ(มสช.)และสำนักงานกอง

ทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เป็นหนึ่งของความพยายามในรูปแบบงานวิจัยกึ่งทดลองในโรงเรียนที่ได้นำ

หลักสูตรการป้องกันการรังแกกัน ของ แดน โอลวีอัส (Dan Olweus) มาปรับใช้ หลังจากมีการนำไปทดลองใช้และได้

ผลในหลายประเทศ พบว่าสามารถลดอัตราการรังแกกันในโรงเรียนลงได้กว่าครึ่ง และมีผลต่อการลดพฤติกรรมไม่พึงประ

สงค์อื่นๆ อีกด้วย
       
ปัญหาเด็กถูกรังแกอาจมองได้ว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะถือเป็นการหยอกเย้ากันตามประสาของเด็กๆ แต่อย่าลืมว่าโรงเรียน

มีส่วนสำคัญในการบ่มเพาะพฤติกรรมของเด็กในวัยเรียน ซึ่งมีเด็กจำนวนมากไม่อยากไปโรงเรียนด้วยสาเหตุต่างๆ พฤติ

กรรมนี้เองเกี่ยวข้องอะไรกับปัญหาการรังแกกันในโรงเรียน?



ภาพจาก www.siamcomic.com

 
       
การรังแกกันเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งด้วยความก้าวร้าวรุนแรงในกลุ่มเยาวชน ซึ่งผลสำรวจพบว่า พฤติกรรมรังแกกัน

ในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการทำร้ายจิตใจด้วยการล้อเลียน ดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ และการลงโทษด้วย

ความรุนแรงโดยครู พบอยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อเด็กในระยะสั้น คือเป็นผลเสียต่อการเรียนและสุขภาพ

จิต โดยในระยะยาวอาจมีผลต่อการปรับตัวในสังคมอันนำไปสู่พฤติกรรมก้าวร้าวและต่อต้านสังคมในเด็กซึ่งจะกระทำต่อ

ผู้อื่นต่อๆ ไปอีก
       
หลังจากการทดลองนำหลักสูตรการป้องกันการรังแกกันไปใช้ควบคุมในโรงเรียนนำร่องสองแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ พบ

ว่าอัตราการรังแกกันในโรงเรียนไทยลดลง ทั้งนี้เพื่อความชัดเจนของผลที่ได้ ทำให้ปีที่สองได้ขยายพื้นที่ออกไปครอบ

คลุมโรงเรียน 11 แห่งใน 6 จังหวัด จากภาคเหนือ 2 แห่ง ภาคกลาง 2 แห่ง ภาคตะวันออก 1 แห่ง ภาคอีสาน 2 แห่ง

และภาคใต้ 4 แห่ง รวมจำนวนนักเรียนที่มีส่วนร่วมประมาณ 2,300 คน
       
จากการสำรวจข้อมูลก่อนดำเนินโครงการพบว่า เด็กนักเรียนถูกเพื่อนรังแก 32.3% ถูกเพื่อนล้อเลียน 45.9% โดย

พฤติกรรมการรังแกที่พบมากที่สุด คือ ถูกเยาะเย้ยเรื่องเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ 27.7% ถูกขโมยสิ่งของ 20.9% ถูกทำร้าย

ร่างกาย 14.8% และถูกรังแกเรื่องเพศ 11.8%   ที่น่าเป็นห่วงต่อการที่เด็กถูกรังแกนั้นข้อมูลระบุว่า มีการยอมรับว่า

รังแกเพื่อนเพียง 21.1% ยอมรับว่าล้อเลียนเพื่อน 17.8% และยอมรับว่าทำร้ายร่างกายเพื่อน 13% และเมื่อถามถึง

การช่วยเหลือจากคนรอบข้างพบว่า เพื่อนพยายามช่วยเหลือถึง 66.3% และครูพยายามช่วยเหลือ 57.8%
       
ข้อมูลชี้ชัดว่าว่าเด็กนักเรียนมีพฤติกรรมการรังแกกัน หรือมีพฤติกรรมก้าวร้าวและต่อต้านสังคม หากไม่มีการแก้ไขอย่าง

จริงจัง ปัญหาก็จะสืบทอดไปอย่างไม่จบสิ้น  อย่างไรก็ดี ภายหลังดำเนินโครงการในโรงเรียนนำร่องประมาณหนึ่งปีการ

ศึกษา พบพฤติกรรมการรังแกกันลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยพบเด็กนักเรียนที่ถูกเพื่อนรังแก 28.4% จากปีแรกซึ่งอยู่ที่

ระดับ 32.3% ส่วนถูกเพื่อนล้อเลียนลดลงอยู่ที่ระดับ 39.4% จากเดิม 45.9%ในปีแรก นอกจากนั้นในประเด็นการถูก

เยาะเย้ยเรื่องเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 23% จากเดิม 27.7% ถูกขโมยสิ่งของลดลงเหลือ 18.5%จากเดิม

อยู่ที่ 20.9% ส่วนประเด็นการถูกทำร้ายร่างกาย 13.4% และถูกรังแกเรื่องเพศ 11% ลดลงจากปีแรกซึ่งอยู่ที่ 14.8%

และ11.8 % ตามลำดับส่วนการช่วยเหลือปรากฏเพิ่มขึ้นประมาณ 1-3%โดยมีสัดส่วนที่เพื่อนพยายามช่วยเหลือ 63.5

% และครูพยายามช่วยเหลือ 58.8%



ภาพจาก bbs.asiasoft.co.th


 
       
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่าความรุนแรงส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยที่ใกล้ตัวของเด็กนักเรียนทั้งสิ้น และหากมองย้อนถึงต้น

ต่อปัญหาความรุนแรงของวัยรุ่นตามหน้าหนังสือพิมพ์จะพบว่า หลายกรณีผู้ก่อเหตุเคยตกเป็นผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรง

มาก่อน การตอกย้ำด้วยความรุนแรงไม่ว่ารูปแบบใดก็ตามได้ส่งผลสะสมต่อทัศนะคติของผู้นั้น และเมื่อถูกกระตุ้นจนเกิด

ความกดดันมากๆ ก็จะตอบสนองออกมาด้วยวิธีการที่รุนแรง  นอกจากนี้ข้อมูลจากรายงานสภาวะสังคมไทยในไตรมาส

แรกของปีนี้ โดยสำนักพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้สำรวจพบเด็กและเยาวชนกระทำผิดคดีอาชญา

กรรมเพิ่มขึ้น 6.4% โดยมีสาเหตุมาจากการคบเพื่อนถึงร้อยละ 38.5% เป็นผลที่ย้ำชัดในทิศทางเดียวกับข้อมูลข้าง

ต้นว่า เยาวชนไทยมีพฤติกรรมรุนแรงและก้าวร้าวมากขึ้นจนหน้าวิตก และเพื่อนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อปรากฏ

การณ์ดังกล่าว  ถึงตรงนี้เรื่องที่ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ หรือเป็นเพียงการหยอกเย้ากันของเด็กๆ ได้เริ่มแสดงผลจากการ

ถูกละเลย สถานการณ์วันนี้ความรุนแรงไม่ได้จำกัดอยู่ในรั้วโรงเรียนเท่านั้น เพียงแต่สัญญาณอันตรายชัดขึ้นจากสถาน

ศึกษา และในเวลาปกติเด็กใช้เวลาส่วนใหญ่ในโรงเรียนอีกด้วย ในเมื่อผลการวิเคราะห์ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าโครงการ

ป้องกันการรังแกกันมีผลต่อการลดความรุนแรงในโรงเรียนได้ หากโรงเรียนให้ความสนใจกับปัญหาและดำเนินการป้อง

กันตามหลักสูตรอย่างเคร่งครัด  ดังนั้นถึงเวลาหรือยังที่สังคมไทย โดยเฉพาะผู้ใหญ่จะหันมาให้ความสำคัญต่อปัญหา

ที่มองว่าเป็นการเพียงการหยอกเย้ากันของเด็กเท่านั้น และเพื่อหยุดยั้งความรุนแรง ที่จะนำไปสู่การเอารัดเอาเปรียบ

เลือกปฏิบัติ และกดขี่ข่มเหงผู้อื่นในวัยผู้ใหญ่ต่อไป ทำให้จำเป็นต้องเน้นหนักด้านการป้องกันพฤติกรรมเหล่านี้เป็นพิ

เศษ  ที่สุดแล้วหลักสูตรการป้องกันการรังแกควรจะได้รับการขยายผลนำไปใช้ในโรงเรียนอื่นๆ ทั่วประเทศ โดยปรับ

ปรุงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเข้ากับบริบทแวดล้อมของโรงเรียนนั้นๆ ทั้งนี้กระทรวงศึกษาธิการน่าจะนำโครงการนี้

เข้าเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติ ในการรณรงค์ลดความรุนแรงในโรงเรียนอย่างต่อเนื่องและยั่ง

ยืน  ไม่แน่ว่างานนี้อาจเป็นกุญแจที่ไขปริศนาปัญหาความรุนแรงได้.-
 



      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2427 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2553, 17:29:32 »

อย่าเครียดกันเลยค่ะทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ดูจากผลการเรียนของน้องพิมแล้ว น้องพิมทำสอบได้แน่นอนค่ะ
 
ขอเอาใจช่วยหลานด้วยนะคะ

ส่วนตัวแล้ว..ไม่เคยเครียดเรื่องการเรียนของลูกๆเลยค่ะ  ตั้งแต่เล็กจนเค้าเรียนมาได้ถึงปัจจุบันนี้

ชอบให้คำชม  ให้กำลังใจตลอดเวลาไม่ว่าเค้าจะทำเกรดอะไรได้ก็ตาม จะชมว่าเค้าเก่งมากแล้วสำหรับแม่

จะกอด  จะหอมแก้มทุกครั้งที่เห็นผลการเรียนของลูก  ไม่เคยต่อว่า  ไม่เคยบ่นว่า..ลูกจะมีรอยยิ้มเสมอๆ

แม้เวลาจะสอบตัวเค้าเองก็ไม่วิตกกังวลมาก   เพราะเค้าเห็นแม่ไม่แสดงความวิตกกังวลใดๆเช่นกันไงคะ

      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2428 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2553, 17:31:55 »

อ้างถึง
ข้อความของ jum2524 เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2553, 13:44:46
อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2553, 10:00:20
อ้างถึง
ข้อความของ jum2524 เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2553, 09:49:16
หวัดดีจ้ะเอ๋...สบายดีนะจ๊ะ  อยากดูรูปหลานๆอีกจ้า... รักนะ

สวัสดีค่ะจุ๋ม สบายดีค่ะขอบคุณ จุ๋มก็สบายดีเช่นกันนะคะ..รูปใหม่ๆของลูกๆตอนนี้ยังไม่มีเลยค่ะ

มีแต่รูปลูกหลานของคนรู้จัก ของเพื่อน ฯลฯ  เต็มไปหมด ทยอยลงให้ค่ะ นี่ก็คือ หลานชื่อ"เนะโกะ"ค่ะ

ได้ไปงานแต่งของพ่อแม่"เนะโกะ"..ต่อมาอีกไม่นานก็ได้เห็นหลานน้อย  ชื่นใจจังค่ะ





 

หลาน "เนะโกะ" น่ารักจังจ้ะเอ๋  เดาจากชื่อ...ลูกครึ่งรึปล่าวจ๊ะ  งง งง

ไม่ใช่ลูกครึ่งค่ะ พ่อแม่หลานเค้าชอบชื่อนี้กันน่ะค่ะ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2429 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2553, 17:57:07 »

หลานค่ะ..ชื่อ"บิว"

เมื่อเดือนที่แล้วหลานชวนไปทานข้าวที่บ้านและสอนให้อาเอ๋ร้องเพลงวัยรุ่นๆกับเค้าและเพื่อนๆเค้า  สนุกดีค่ะ

วันนี้คุณแม่ของหลาน(ท่านทิพวรรณ ศรีสรานุกรม)ส่งรูปหลานมาให้ เห็นตั้งแต่เล็กจนเป็นหนุ่มแล้ว ชื่นใจจริงๆ







      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #2430 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2553, 23:46:36 »

สวัสดีขอรับ
 
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2431 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2553, 07:47:41 »

อ้างถึง
ข้อความของ patooman24 เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2553, 23:46:36
สวัสดีขอรับ
 

สวัสดีค่ะท่านทู ท่านสบายดีนะคะ  ชมภาพสวยๆที่ท่านนำมาฝากเพื่อนๆแต่ละบ้านแล้วค่ะ
      บันทึกการเข้า
vibrato24
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 42

« ตอบ #2432 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2553, 09:12:43 »

อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 04 กุมภาพันธ์ 2553, 07:47:41
อ้างถึง
ข้อความของ patooman24 เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2553, 23:46:36
สวัสดีขอรับ
 

สวัสดีค่ะท่านทู ท่านสบายดีนะคะ  ชมภาพสวยๆที่ท่านนำมาฝากเพื่อนๆแต่ละบ้านแล้วค่ะ

อันไหนภูเขาอันไหนท่านทู งง
      บันทึกการเข้า
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #2433 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2553, 09:22:59 »

 สวัสดีค่ะดร.เอ๋ หลานๆน่ารักค่ะ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2434 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2553, 10:26:31 »

อ้างถึง
ข้อความของ vibrato24 เมื่อ 04 กุมภาพันธ์ 2553, 09:12:43
อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 04 กุมภาพันธ์ 2553, 07:47:41
อ้างถึง
ข้อความของ patooman24 เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2553, 23:46:36
สวัสดีขอรับ
 

สวัสดีค่ะท่านทู ท่านสบายดีนะคะ  ชมภาพสวยๆที่ท่านนำมาฝากเพื่อนๆแต่ละบ้านแล้วค่ะ

อันไหนภูเขาอันไหนท่านทู งง

สวัสดีค่ะครูตี๋ ดีใจที่แวะมาค่ะ



ภาพจาก navigator.gulife.com

      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2435 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2553, 10:43:42 »

อ้างถึง
ข้อความของ Kaimook เมื่อ 04 กุมภาพันธ์ 2553, 09:22:59
สวัสดีค่ะดร.เอ๋ หลานๆน่ารักค่ะ



สวัสดีค่ะอ้อย ดีใจที่แวะมานะคะ



      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2436 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2553, 12:36:08 »

โครงการเผยแพร่ความรู้ในรูปแบบแผ่นพับ

เรื่องที่ ๘๙  การหมั้น

จากหนังสือรวมกฎหมายที่ประชาชนควรรู้  โดยสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) สำนักงานอัยการ

สูงสุด  

การสมรสจะมีการหมั้นหรือไม่ก็ได้
   
ถ้ามีการหมั้นจะต้องมีของหมั้น เพราะการหมั้นคือสัญญาที่ฝ่ายชายทำไว้กับฝ่ายหญิงโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีการขู่เข็ญบังคับ  โดยฝ่าย

ชายได้ส่งมอบหรือโอนทรัพย์สินอันเป็นของหมั้นให้แก่หญิง เพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสกับหญิงนั้น

การหมั้นจะทำได้ต่อเมื่อ

๑ )  ชายและหญิงมีอายุ ๑๗ ปีบริบูรณ์  ถ้าฝ่าฝืนเป็นโมฆะ (ถือว่าไม่มีการหมั้น)

๒ )  ผู้เยาว์จะทำการหมั้นต้องได้รับความยินยอมของบุคคลดังต่อไปนี้

ก)   บิดาและมารดาในกรณีที่มีทั้งบิดามารดา

ข)   บิดาหรือมารดาในกรณีที่มารดาหรือบิดาตาย  หรือถูกถอนอำนาจปกครอง  หรือไม่อยู่ในสภาพหรือฐานะที่จะให้ความยินยอม

      หรือมีเหตุการณ์ที่ผู้เยาว์ไม่อาจขอความยินยอมจากมารดาหรือบิดาได้

ค)   ผู้รับบุตรบุญธรรม ในกรณีที่ผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรม

ง)   ผู้ปกครอง ในกรณีที่ไม่มีบิดามารดา  หรือไม่มีผู้รับบุตรบุญธรรมหรือมี แต่บุคคลดังกล่าวถูกถอนอำนาจปกครองไปแล้ว

การให้ความยินยอมดังกล่าว  อาจให้ด้วยวาจาหรือเป็นหนังสือก็ได้ ถ้าบุคคลดังกล่าวไม่ให้ความยินยอมแก่ผู้เยาว์โดยไม่มีเหตุผล ผู้เยาว์

อาจขอให้ญาติหรือพนักงานอัยการร้องขอต่อศาลให้ถอนอำนาจปกครองแล้วจัดให้มีผู้ปกครองใหม่  ต่อจากนั้นผู้เยาว์ก็มาขอความยินยอม

จากผู้ปกครองคนใหม่

ในกรณีที่ไม่มีบุคคลอื่นใดที่จะให้ความยินยอมแก่ผู้เยาว์ในการหมั้น ผู้เยาว์จะต้องขอให้ญาติหรือพนักงานอัยการร้องขอต่อศาล  ให้ตั้งผู้ปก

ครองแล้วมาขอความยินยอมจากผู้ปกครอง

ผู้เยาว์จะไปร้องขอต่อศาลด้วยตนเอง  เพื่อให้ศาลอนุญาตให้ตนทำการหมั้นไม่ได้

บุคคลดังต่อไปนี้จะหมั้นกันไม่ได้ ถ้าฝ่าฝืนเป็นโมฆะ (ถือว่าไม่มีการหมั้น)

ก)   ชายและหญิงอายุยังไม่ครบ ๑๗ ปี บริบูรณ์

ข)   ชายหรือหญิงเป็นบุคคลวิกลจริตหรือคนไร้ความสามารถ

ค)   ชายหรือหญิงเป้นญาติสืบสายเลือดกันโดยตรงขึ้นไปหรือลงมา หรือเป็นพี่น้องร่วมบิดา มารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือมารดาเดียวกัน

(ญาติสนิทกัน)

ง)   ชายหรือหญิงที่มีคู่สมรสอยู่แล้ว

สัญญาหมั้น ของหมั้น คืออะไร

ก)   การหมั้นจะสมบูรณ์ต่อเมื่อฝ่ายชายได้ส่งมอบหรือโอนทรัพย์สินอันเป็นของหมั้นให้แก่หญิง เพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสกับหญิงนั้น

      เมื่อหมั้นแล้วให้ของหมั้นตกเป็นสิทธิแก่หญิง

ข)   การให้ของหมั้นต้องให้เพื่อเป็นหลักประกันว่าชายจะทำการสมรสกับหญิง  และต้องเป็นการสมรสกันที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย มิฉะ

      นั้นของหมั้นที่ให้แก่กันจะไม่เป็นของหมั้น



ภาพจาก www.weddinginlove.com

ค)   ของหมั้นเมื่อให้แก่หญิงแล้วจะตกเป็นของหญิงทันที เว้นแต่ของหมั้นที่ให้แก่หญิงก่อนวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๓๓ จะตกเป็นของหญิง

      ต่อเมื่อชายและหญิงได้สมรสกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย

ง)   การหมั้นไม่เป็นเหตุที่จะฟ้องร้องให้ทำการสมรสกันได้ ถ้าได้ตกลงกันว่าเมื่อมีการผิดสัญญาหมั้นไม่ทำการสมรสยินยอมให้ค่าปรับ ข้อ

      ตกลงนี้เป็นโมฆะ แต่สัญญาหมั้นยังสมบูรณ์

จ)   เมื่อมีการหมั้นแล้ว ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญาหมั้นอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเรียกให้ฝ่ายที่ผิดสัญญาหมั้นใช้ค่าทดแทน ในกรณีที่ฝ่ายชาย

      ผิดสัญญาหมั้น หญิงไม่ต้องคืนของหมั้น แต่ถ้าฝ่ายหญิงผิดสัญญาหมั้นให้คืนของหมั้นแก่ฝ่ายชาย

ผิดสัญญาหมั้นต้องใช้ค่าทดแทน

ก)   ค่าทดแทนความเสียหายต่อร่างกายหรือชื่อเสียงของฝ่ายที่ไม่ผิดสัญญาหมั้น

ข)   ค่าทดแทนความเสียหายเนื่องจากการที่คู่หมั้น บิดามารดาของคู่หมั้น หรือบุคคลที่ทำการในฐานะเช่นเดียวกับบิดามารดาได้ใช้จ่าย

      หรือตกเป็นลูกหนี้ เพราะได้เตรียมการสมรสไปโดยสุจริตและพอสมควร เช่น ค่าเสื้อผ้า (ชุดแต่งงาน) ซึ่งคู่หมั้นได้จัดเตรียมไว้ แต่ต่อ

      มามีการผิดสัญญาหมั้น ทำให้หญิงไม่สามารถสมรสกับชายเพราะความผิดของฝ่ายชาย หญิงเรียกค่าทดแทนซึ่งได้ใช้จ่ายไปเป็นค่า

      เสื้อผ้าดังกล่าวได้ แต่ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูกันในวันทำพิธีแต่งงาน ค่าหมากพลูและค่าขนมที่บรรจุในขันหมากนั้น  ค่าพาหนะและ

      ค่าเลี้ยงแขกไม่ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการเตรียมการสมรส ฝ่ายหญิงเรียกร้องไม่ได้

ค)   ค่าทดแทนความเสียหาย เนื่องจากการที่คู่หมั้นได้จัดการทรัพย์สินหรือการอื่นอันเกี่ยวกับอาชีพตามสมควร  เนื่องจากหวังว่าจะมีการ

      สมรส ฝ่ายหญิงมีสิทธิเรียกร้องไม่ได้

สัญญาหมั้นระงับได้ในกรณีใด?

ก)    คู่สัญญาหมั้นตกลงเลิกสัญญาหมั้น

ข)    ชายคู่หมั้นหรือหญิงคู่หมั้นตายและในกรณีเช่นนี้จะเรียกค่าทดแทนจากกันไม่ได้ และไม่ว่าชายคู่หมั้นหรือหญิงคู่หมั้นตาย ของหมั้น

       หรือสินสอดที่ฝ่ายหญิงรับไว้ไม่ต้องคืนให้แก่ฝ่ายชาย

ค)    ชายคู่หมั้นบอกเลิกสัญญาหมั้นเพราะมีเหตุสำคัญอันเกิดแก่หญิงคู่หมั้น ทำให้ชายไม่สมควรสมรสกับหญิงในกรณีเช่นนี้ถ้ามีการหมั้น

       กัน หญิงต้องคืนของหมั้นให้แก่ชาย

ง)    หญิงคู่หมั้นบอกเลิกสัญญาหมั้นเพราะมีเหตุสำคัญอันเกิดแก่ชายคู่หมั้น และในกรณีเช่นนี้ถ้ามีการหมั้นกัน หญิงไม่ต้องคืนของหมั้น

      แก่ชาย

ค่าทดแทนในกรณีบอกเลิกสัญญาหมั้น

ก)    กรณีที่คู่สัญญาหมั้นตกลงเลิกสัญญาหมั้นกันเอง  จะเรียกค่าทดแทนจากกันและกันไม่ได้เพราะไม่มีการผิดสัญญาหมั้น

ข)    กรณีที่คู่หมั้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย จะเรียกค่าทดแทนจากกันไม่ได้เพราะไม่มีการผิดสัญญาหมั้น

ค)    กรณีที่ชายหรือหญิงคู่หมั้นบอกเลิกสัญญาหมั้น  เพราะมีเหตุสำคัญอันเกิดจากหญิงหรือชายคู่หมั้น กรณีเช่นนี้ชายหรือหญิงคู่หมั้น

       จะเรียกค่าทดแทนจากกันไม่ได้ เว้นแต่กรณีที่หญิงคู่หมั้นหรือชายคู่หมั้นได้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ภายหลังที่ได้ทำการหมั้นแล้ว

       และอีกฝ่ายหนึ่งได้บอกเลิกสัญญาหมั้นในเหตุประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง กรณีเช่นนี้คู่หมั้นซึ่งประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงต้องรับผิดใช้

       ค่าทดแทน

ง)    ชายคู่หมั้นมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากชายอื่น ซึ่งได้ร่วมเพศกับหญิงคู่หมั้นโดยชายได้รู้ว่าหรือควรรู้ว่า หญิงได้หมั้นกับชายคู่หมั้น

      แล้วและชายคู่หมั้นได้บอกเลิกสัญญาหมั้นแก่หญิงแล้ว

จ)    ชายคู่หมั้นมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากชายอื่นซึ่งได้ข่มขืนกระทำชำเรา หรือพยายามข่มขืนกระทำชำเราหญิงคู่หมั้น โดยรู้หรือควรจะ

       รู้ว่าหญิงได้หมั้นแล้ว


ด้วยความปรารถนาดีจาก คณะผู้พิพากษาสมทบศาลจังหวัดศรีสะเกษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว



ภาพจาก www.daradiary.com

      บันทึกการเข้า
dtoy
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,076

« ตอบ #2437 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2553, 12:55:37 »

บทความเกี่ยวกับเรื่องก้าวร้าว(ข้างบน)น่าสนใจนะคะเอ๋
ปัญหาละเอียดอ่อนของเยาวชนไทย
ที่น่าหวั่นใจและน่าหนักใจนะคะ
ขอเอาใจช่วยสังคมไทยในการหาหนทางแก้ไขค่ะ
      บันทึกการเข้า

Live Your Dream   
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2438 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2553, 13:34:34 »

อ้างถึง
ข้อความของ dtoy เมื่อ 04 กุมภาพันธ์ 2553, 12:55:37
บทความเกี่ยวกับเรื่องก้าวร้าว(ข้างบน)น่าสนใจนะคะเอ๋
ปัญหาละเอียดอ่อนของเยาวชนไทย
ที่น่าหวั่นใจและน่าหนักใจนะคะ
ขอเอาใจช่วยสังคมไทยในการหาหนทางแก้ไขค่ะ



สวัสดีค่ะต๋อย ขอบคุณที่ติดตามและสนใจเรื่องของเด็กและเยาวชนค่ะ



ภาพจาก dek-d.com
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2439 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2553, 08:53:01 »

โครงการเผยแพร่ความรู้ในรูปแบบแผ่นพับ

เรื่องที่ ๙๐  เด็กไทย เลขไทย

จากหนังสืออ่านสนุกปลุกสำนึกชุดความรู้เพื่อชุมชน เล่มที่ ๔๐

โดย รองศาสตราจารย์ อัจฉรา ชีวพันธ์ คณะครุศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  

๑   ๒   ๓   ๔                                                                                                              
๕   ๖   ๗   ๘
๙   ๑๐   ๑๑   ๑๒

ชีวิตมนุษย์ล้วนแล้วต่างก็ผูกติดอยู่กับตัวเลข

๑๓   ๑๔   ๑๕   ๑๖
๑๗   ๑๘   ๑๙   ๒๐
๒๑   ๒๒   ๒๓   ๒๔

การเกิดของเราหมอก็จะต้องลงตัวเลขให้ละเอียดถึงเวลาตกฟาก

๒๕   ๒๖   ๒๗   ๒๘
๒๙   ๓๐   ๓๑   ๓๒
๓๓   ๓๔   ๓๕   ๓๖

เพื่อประโยชน์ในการแจ้งเกิดเพื่อรับสูติบัตร

๓๗   ๓๘   ๓๙   ๔๐
๔๑   ๔๒   ๔๓   ๔๔
๔๕   ๔๖   ๔๗   ๔๘

หลายคนก็นำไปใช้ผูกดวงกันด้วย

๔๙   ๕๐   ๕๑   ๕๒
๕๓   ๕๔   ๕๕   ๕๖
๕๗   ๕๘   ๕๙   ๖๐

การนัดหมายวันเวลาก็อาศัยตัวเลขกำหนดอีก

๖๑   ๖๒   ๖๓   ๖๔
๖๕   ๖๖   ๖๗   ๖๘
๖๙   ๗๐   ๗๑   ๗๒



ภาพจาก www.thailandtern.com

เงินบาทลอยตัวจะแข็งหรืออ่อนก็ต้องคอยดูตัวเลข

๗๓   ๗๔   ๗๕   ๗๖
๗๗   ๗๘   ๗๙   ๘๐
๘๑   ๘๒   ๘๓   ๘๔

งานวิจัยเรื่องการใช้ตัวเลขเพื่อระบุจำนวน เมื่อสิ่งเร้าต่างกันและอัตราความเร็วในการเขียนเลขไทยและเลขอารบิก

๘๕   ๘๖   ๘๗   ๘๘
๘๙   ๙๐   ๙๑   ๙๒
๙๓   ๙๔   ๙๕   ๙๖

ผลการวิจัยพบว่าการใช้เลขไทยมีน้อยและคนมักไม่นิยมใช้เลขไทย

๙๗   ๙๘   ๙๙   ๑๐๐
๑๐๑   ๑๐๒   ๑๐๓   ๑๐๔
๑๐๕   ๑๐๖   ๑๐๗   ๑๐๘

เพราะเขียนยากบ้างเขียนได้ช้าบ้าความเคยชินบ้าง

๑๐๙   ๑๑๐   ๑๑๑   ๑๑๒
๑๑๓   ๑๑๔   ๑๑๕   ๑๑๖
๑๑๗   ๑๑๘   ๑๑๙   ๑๒๐

เลขไทยเป็นเครื่องแสดงถึงความเป็นเอกราชและเป็นเอกลักษณะที่คนไทยควรภูมิใจ

๑๒๑   ๑๒๒   ๑๒๓   ๑๒๔
๑๒๕   ๑๒๖   ๑๒๗   ๑๒๘
๑๒๙   ๑๓๐   ๑๓๑   ๑๓๒

“เราน่าจะเผยแพร่เลขไทยให้ชาวต่างชาติได้รู้จัก”

๑๓๓   ๑๓๔   ๑๓๕   ๑๓๖
๑๓๗   ๑๓๘   ๑๓๙   ๑๔๐
๑๔๑   ๑๔๒   ๑๔๓   ๑๔๔

เวลาถ่ายรูปควรออกเสียงมาเบาๆ เพื่อที่จะทำให้เรายิ้มได้สวยก็คือ “สิบสี่”

๑๔๕   ๑๔๖   ๑๔๗   ๑๔๘
๑๔๙   ๑๕๐   ๑๕๑   ๑๕๒
๑๕๓   ๑๕๔   ๑๕๕   ๑๕๖

"คุณครูขา หนูขอกราบขอบพระคุณที่ปลูกฝังให้หนูรักความเป็นไทยได้โดยการเขียนเลขไทยได้สวยงามมาจนทุกวันนี้"



ภาพจาก www.thai-school.net

๑๕๗   ๑๕๘   ๑๕๙   ๑๖๐
๑๖๑   ๑๖๒   ๑๖๓   ๑๖๔
๑๖๕   ๑๖๖   ๑๖๗   ๑๖๘

"ผมรักความเป็นไทยครับ"



ภาพจาก www.igossipy.com

๑๖๙   ๑๗๐   ๑๗๑   ๑๗๒
๑๗๓   ๑๗๔   ๑๗๕   ๑๗๖
๑๗๗   ๑๗๘   ๑๗๙   ๑๘๐

"หนูรักประเทศไทยค่ะ"

ด้วยความปรารถนาดีจาก คณะผู้พิพากษาสมทบศาลจังหวัดศรีสะเกษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว

      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2440 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2553, 09:41:12 »

"การใช้เลขปีพุทธศักราชกับการอนุรักษ์เอกลักษณ์ของชาติ"

รองศาสตราจารย์บัญญัติ สุขศรีงาม  ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์

นับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ปีคริสตศักราช 2000 เป็นต้นมา หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้จัดงานต่าง ๆ มากมายและชื่อของแต่ละงานก็มัก

ลงท้ายด้วยหมายเลข 2000 เช่น การปฏิรูปการศึกษายุค 2000 หรือ ไอที 2000 หรือการเมืองยุค 2000 เป็นต้น ทำให้ได้พบเห็นสิ่ง

เหล่านี้อยู่ทั่วไป แต่ลักษณะเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการรุกรานวัฒนธรรมของไทยได้เช่นกัน  เมื่อต้นปี พ.ศ. 2543 มีการประชุมของคณะกรรมา

ธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 129 วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2543 ที่ประชุมได้พิจารณาศึกษาการใช้เลขศัก

ราชของหน่วยราชการที่มีการใช้เลข 2000 กันอย่างแพร่หลาย ดังกล่าวแล้ว และเห็นว่าการกระทำเหล่านี้น่าจะเป็นการรุกรานต่อวัฒนธรรม

ของชาติไทย ทำให้ประชาชนขาดสำนึกและละเลยทอดทิ้งเอกลักษณ์ของชาติ เพราะการใช้เลขบอกศักราชเป็นเลขปีพุทธศักราช เป็นเอก

ลักษณ์ที่สำคัญยิ่งประการหนึ่งของชาติไทย และมีเพียงประเทศเดียวในโลกที่ใช้เลขศักราชอย่างเป็นทางการเป็นปีพุทธศักราช โดยพระ

บาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงประกาศให้ใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๕๖ และจากนั้นเป็นต้นมาหน่วยราชการทุกแห่งได้ใช้เลขศักราช

เป็นเลขปีพุทธศักราชจนกลายเป็นเอกลักษณ์ประการหนึ่งของภาษาไทยมาเป็นเวลาได้เกือบ ๙๐ ปีแล้ว และมีธรรมเนียมปฏิบัติของหน่วย

ราชการตลอดมาว่า ในการใช้เลขศักราชในทุกกิจกรรมจะใช้เลขพุทธศักราช ดังนั้นในขณะนี้ที่กระแสวัฒนธรรมต่างชาติได้ครอบงำกิจกรรม

แทบทุกด้านของภาคเอกชน จนมีการใช้เลขศักราชเป็น 2000 เกือบทั้งหมดอยู่แล้ว เมื่อหน่วยราชการละทิ้งหลักและธรรมเนียมปฏิบัติมาร่วม

ใช้เลขศักราช 2000 ด้วยอย่างแพร่หลาย จึงเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความเข้าใจว่า แม้แต่

กิจกรรมของหน่วยราชการเองก็ยอมรับเลขศักราช 2000 แล้ว ซึ่งย่อมจะส่งผลกระทบในอนาคตต่อเอกลักษณ์ของไทย จนกลายเป็นปัญหา

ที่จะแก้ไขได้ยาก จึงได้มีหนังสือสภาผู้แทนราษฎรด่วนที่สุด ที่ 1156/2543 วันที่ 9 มีนาคม 2543 กราบเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้พิจา

รณาดำเนินการให้หน่วยราชการทุกแห่งและทุกระดับใช้เลขศักราชเป็นเลขปีพุทธศักราชในกิจกรรมทุกด้านของหน่วยราชการและขอให้ดูแล

กำชับให้หน่วยราชการที่กำกับดูแลสถานีวิทยุและสถานีวิทยุโทรทัศน์ตลอดจนสื่อมวลชนประเภทอื่น ขอความร่วมมือให้รายการต่าง ๆ ที่จัด

โดยภาคเอกชนได้ใช้เลขศักราชเป็นเลขปีพุทธศักราช เพื่อร่วมกันสร้างจิตสำนึกของประชาชนในการอนุรักษ์เอกลักษณ์ของชาติ

นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาแล้วมีปัญหาว่าเป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้วให้ใช้เลขไทยภาษาไทยและ พ.ศ. กรณีการจัด

งานปี 2000 คงเป็นกรณีพิเศษในปี 2000 แต่ก็ไม่ควรสนับสนุนใช้ ค.ศ. แทน พ.ศ. ดังนั้นสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจึงได้แจ้งให้

หน่วยราชการต่าง ๆ ได้ทราบและถือปฏิบัติต่อไป  การดำเนินการดังกล่าวนี้แม้ว่าจะเข้ากับยุคสมัย แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมของ

ไทยได้ ดังนั้นการสร้างจิตสำนึกร่วมกันก็จะมีผลต่อการป้องกันการรุกรานของวัฒนธรรมต่างชาติและช่วยอนุรักษ์เอกลักษณ์ของชาติไว้ด้วย

ครับ.     จาก www.uniserv.buu.ac.th



ภาพจาก bloggang.com



      บันทึกการเข้า
dtoy
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,076

« ตอบ #2441 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553, 10:00:02 »

อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 04 กุมภาพันธ์ 2553, 13:34:34
อ้างถึง
ข้อความของ dtoy เมื่อ 04 กุมภาพันธ์ 2553, 12:55:37
บทความเกี่ยวกับเรื่องก้าวร้าว(ข้างบน)น่าสนใจนะคะเอ๋
ปัญหาละเอียดอ่อนของเยาวชนไทย
ที่น่าหวั่นใจและน่าหนักใจนะคะ
ขอเอาใจช่วยสังคมไทยในการหาหนทางแก้ไขค่ะ



สวัสดีค่ะต๋อย ขอบคุณที่ติดตามและสนใจเรื่องของเด็กและเยาวชนค่ะ



ต๋อยสนใจอยู่แล้วค่ะเอ๋  ปัญหาสังคมสำคัญขนาดนั้นน่ะ
ยิ่งเรามีลูกเป็นเยาวชนซึ่งกำลังจะเติบโตต่อไปด้วย
ยิ่งให้ความสนใจเป็นพิเศษค่ะ
      บันทึกการเข้า

Live Your Dream   
khwan24
Full Member
**


ชีวิตที่อิสระ เป็นสิ่งที่ทุกคนใฝ่หา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2524
คณะ: นิเทศศาสตร์
กระทู้: 978

« ตอบ #2442 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553, 23:30:17 »

หวัดดีจ้ะ เอ๋ เคยได้ยินคำนี้ไหม เล็กๆเค้าก็ร้องเรียกหาแม่แม่
แต่พอโตเป็นวัยรุ่นแม่แม่อย่ายุ่ง หลายคนที่เคยคุยก็จะเจอลักษณะนี้
ด้วยความที่เค้าโตขึ้น มีความคิดของเค้าเองละมังคะ
แต่ลูกเราก็เป็นคนดีนะ แต่เราห่วงเค้ามากเอง รักมากห่วงมาก
ต้องทำใจค่ะ
      บันทึกการเข้า
แจง-24
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 10,028

« ตอบ #2443 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553, 10:14:21 »

แวะมาทักทายค่ะ ดร.เอ๋...



บทความหน้านี้ ชอบเรื่องเลขไทย และเรื่อง "คน" มาก
โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับมิตรภาพค่ะ
      บันทึกการเข้า

   อยู่อย่างต่ำ กระทำอย่างสูง
แจง-24
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 10,028

« ตอบ #2444 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553, 10:16:22 »

อ้างถึง
ข้อความของ vibrato24 เมื่อ 04 กุมภาพันธ์ 2553, 09:12:43
อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 04 กุมภาพันธ์ 2553, 07:47:41
อ้างถึง
ข้อความของ patooman24 เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2553, 23:46:36
สวัสดีขอรับ
 

สวัสดีค่ะท่านทู ท่านสบายดีนะคะ  ชมภาพสวยๆที่ท่านนำมาฝากเพื่อนๆแต่ละบ้านแล้วค่ะ

อันไหนภูเขาอันไหนท่านทู งง

เหอๆๆ 555 ภาพภูเขาใหญ่ หยิบภูเขาเล็กค่ะ ครูตี๋..
เอิ๊กส์..เอิ๊กส์...
      บันทึกการเข้า

   อยู่อย่างต่ำ กระทำอย่างสูง
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2445 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553, 13:13:50 »

สวัสดีค่ะขวัญ เชื่อว่าลูกๆก็รักแม่เสมอดังเช่นที่เรารักเค้านะคะ เพียงแต่ว่าวันนึงข้างหน้าเค้าต้องเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

เป็นตัวของตัวเอง เผชิญชีวิตเองต่อไป ความรักระหว่างแม่ลูกไม่ได้ลดลงหรอกค่ะ เพียงแค่แม่ควรปรับเปลี่ยนไปเป็น

ที่ปรึกษาที่ดี  ให้คำแนะนำและให้กำลังใจชีวิตทุกด้านของเค้า ในระยะที่ห่างขึ้นเท่านั้น.....

ลูกของเราต้องมีชีวิตของเค้า ชีวิตครอบครัวของเค้าต่อไป ขอให้ขวัญเปลี่ยนคำว่า"ทำใจ"(เพราะฟังดูเศร้านะคะ)

มาเป็น"เตรียมตัวเตรียมใจเตรียมความพร้อม"ที่จะเป็น"แม่""แม่ยาย""แม่สามี"ที่ดีและรอชื่นชมกับความสุขความสำเร็จ

ของลูก  ของครอบครัวของลูกทุกด้าน  จะมีความสุขสดชื่นกว่ามั้ยคะขวัญ.....

      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2446 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553, 13:19:22 »

อ้างถึง
ข้อความของ แจง-24 เมื่อ 07 กุมภาพันธ์ 2553, 10:14:21
แวะมาทักทายค่ะ ดร.เอ๋...



บทความหน้านี้ ชอบเรื่องเลขไทย และเรื่อง "คน" มาก
โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับมิตรภาพค่ะ


สวัสดีค่ะแจง ดีใจที่แวะมา และขอบคุณสำหรับดอกไม้สวยๆนะคะ

"มิตรภาพ" อันอบอุ่นของเพื่อนๆ24 เป็นมิตรภาพที่มีค่ามากในชีวิต..ดีใจที่ได้รู้จักเพื่อนๆทุกคนค่ะ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2447 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553, 16:34:13 »



มานี่สิลูก แม่มีอ่ะไรจะสอน (Azn)

แม่คงสอนให้ลูกฉลาดไม่ได้
ลูกต้องเรียนรู้และฉลาดด้วยไหวพริบและกึ๋นของลูกเอง
แม่คงสอนให้ลูกเรียนเก่งไม่ได้
ลูกต้องอยากรู้อยากเข้าใจในบทเรียนด้วยตัวของลูกเอง
แม่คงสอนให้ลูกเกรดสี่ทุกวิชาไม่ได้
เพราะแม่เองก็ไม่เคยได้เกรดสี่สักวิชา แฮ่ๆ

แม่อยากให้ลูกคิด และมองโลกในแง่ดี
อย่าคิดว่าใต้ฟ้านี้มีแต่เรื่องทำไม่ได้ เป็นไม่ได้
หัดคิดให้เป็นบวกไว้แหละดี

แม่อยากให้ลูกหัดฝัน
เมื่อไรลูกฝันเป็น ไม่ว่าจะเป็นใฝ่ฝัน หรือความฝัน
ลูกจะรู้ว่าโลกนี้มันน่าอยู่เพียงไหน

แม่อยากให้ลูกพูดแต่เรื่องดี พูดแต่เรื่องสวยงาม
จงเป็นคนสุดท้ายที่ให้ร้ายคนอื่น
และจงเป็นคนแรกที่ให้กำลังใจ และชื่นชม

แม่อยากให้ลูกทำเรื่องแปลกๆ
ลูกไม่จำเป็นต้องเดินตามชีวิตประจำวันของใคร
อย่าเก็บความคิดแปลก เพียงเพราะเห็นว่ามันไม่เหมือนใคร

แม่อยากสอนให้ลูกกล้าแดด กล้าฝน
เพราะภายใต้ไออุ่นของดวงอาทิตย์ลูกจะได้รับวิตามินดี
และภายใต้ฟ้าที่มีฝน มันจะทำให้ลูกร้องไห้โดยไม่มีใครเห็นน้ำตา

แม่อยากสอนให้ลูกออกกำลังกายทุกวัน
อย่างน้อยคนเราก็ต้องเคลื่อนไหวทะมัดทะแมง
ลูกได้ออกแรงเสียบ้าง ลูกจะแข็งแกร่งไม่อ่อนแอ

แม่อยากให้ลูกยิ้ม และอยู่กับโลกด้วยความรัก
ยิ้มอาจจะไม่ชนะทุกสิ่ง ยิ้มมากๆอาจจะดูเหมือนคนบ้า
แต่มันก็ดีกว่าหน้าบึ้งหน้างอเป็นไหนๆ

แม่อยากสอนให้ลูกรู้จักอดทน
ลูกต้องเรียนรู้ว่าลูกไม่มีทางได้ทุกๆอย่างที่ลูกหวังไว้
อดทนและอย่าได้เสียกำลังใจ
อย่าท้อและขอให้เริ่มใหม่อย่างมีพลัง

แม่อยากสอนให้ลูกเข่ยงขาขึ้นให้สูง
ไม่มีอะไรที่สูงไปกว่าสองมือเราจะเอื้อมคว้า
เพียงแค่ว่าเรายืนยันที่จะไม่ยืนอยู่กับที่

แม่อยากสอนให้เจ้ามีความสุข
แต่อย่าลืมทุกข์ด้วยล่ะลูก
คนที่ไม่เคยมีความทุกข์ เขาสุขจริงๆไม่เป็นหรอก เจ้าเอย

ไอคิวมันติดมาแต่บนฟ้าลูกจ๋า
ไม่ฉลาดก็มีความสุขได้ไม่ต้องห่วง
อย่าน้อยใจถ้าตามใครเขาไม่ทัน
อย่าเสียขวัญถ้าเราช้ากว่าใครๆ

อีคิวมันต้องหาเองบนโลกนี้ลูกเอ๋ย
ไม่ฉลาดก็น่ารักและมีความสุขได้
อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุง
ลูกมีกำลังใจเป็นถุงจากแม่ ไม่ต้องกลัว.. 
 
จาก www.postsmiles.com\article
      บันทึกการเข้า
jum2524
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,077

« ตอบ #2448 เมื่อ: 08 กุมภาพันธ์ 2553, 12:17:58 »

หวัดดีจ้ะเอ๋  สบายดีนะจ๊ะ...คิดถึงนะ  บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2449 เมื่อ: 08 กุมภาพันธ์ 2553, 13:17:11 »

อ้างถึง
ข้อความของ jum2524 เมื่อ 08 กุมภาพันธ์ 2553, 12:17:58
หวัดดีจ้ะเอ๋  สบายดีนะจ๊ะ...คิดถึงนะ  บ่ฮู้บ่หัน


สวัสดีค่ะจุ๋ม  สบายดีค่ะ  จุ๋มและครอบครัวก็เช่นกันนะคะ



ภาพจาก play.kapook.com
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 96 97 [98] 99 100 ... 979   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><