11 พฤศจิกายน 2567, 05:00:09
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 47 48 [49] 50 51 ... 979   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ☼☼☼ ร่วมคุยกันในมุมมองของคุณแม่~แวะพักทักทายเอ๋ 24 ☼☼☼  (อ่าน 2771854 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #1200 เมื่อ: 17 สิงหาคม 2552, 22:00:46 »

หวัดดียามดึกค่ะดร.เอ๋
 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #1201 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2552, 09:15:11 »

หวัดดีค่ะด.ร เอ๋ดอกไม้สวยมากๆค่ะ
 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1202 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2552, 09:20:06 »

อ้างถึง
ข้อความของ Uncle Na เมื่อ 17 สิงหาคม 2552, 17:44:17
อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 17 สิงหาคม 2552, 15:48:53







แต่งกายสุภาพตามสมัยนิยม  และถูกต้องตามกาลเทศะ  เช่น  ไม่ใส่เสื้อผ้าสีสัน

ฉูดฉาดนำสมัยเกินสมควร  สวมเสื้อคอกว้าง  กระโปรงสั้นจนเกินงาม  หรือทำ
ทรงผมหลากสีตามแฟชั่น  ทั้งไม่ควรใส่ชุดปฏิบัติงานในการประกอบอาชีพ
ส่วนตัวหรือไปร่วมงานซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบ   

-สวัสดียามเย็น ดร.เอ๋ ผีเสื้อสวยจังครับ การแต่งตัวให้ตรงกาละเทศะเนี่ยทำให้เราดูดี มีอารยะ   ..ลุงณะ ต้องฝืนแทบตายกว่าจะลงตัว เคยถนัดแต่ชุดเก่งชุดเดียวเที่ยวทุกงาน  ตอนนี้เจอเสื้อเชิ้ต ฮาสาด ลด 30-50 % เป็นรูดปื๊ด ๆ ทีละ 5 ตัวตุนไว้   :-)

สวัสดีค่ะลุงณะ ภาพผีเสื้อ สยุมพรสาวเศรษฐศาสตร์ส่งเมล์มาให้เสมอ และไม่ยอมคุยทางบอร์ดเลย

การแต่งกาย เห็นด้วยกับลุงณะค่ะ ตัวเองก็เรียนรู้และปรับปรุงตลอดเวลา ยิ่งมีอายุขึ้นก็ควรดูดี สมวัย

สมสถานภาพและถูกกาลเทศะ จะมีความสนใจเข้าอบรมในคอร์สเกี่ยวกับบุคลิกภาพเสมอๆ เพราะได้

ประโยชน์ทั้งต่อตัวเอง เผยแพร่ต่อผู้อื่น และนำไปสอนลูกศิษย์ได้อีกค่ะ บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1203 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2552, 09:44:09 »

อ้างถึง
ข้อความของ Kaimook เมื่อ 17 สิงหาคม 2552, 22:00:46
หวัดดียามดึกค่ะดร.เอ๋
 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

อ้างถึง
ข้อความของ Kaimook เมื่อ 18 สิงหาคม 2552, 09:15:11
หวัดดีค่ะด.ร เอ๋ดอกไม้สวยมากๆค่ะ
 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ


สวัสดีค่ะอ้อย ใช้เวลาในการตอบลุงณะนานหน่อย เพราะจำเป็นต้องระมัดระวังเรื่องความคิดเห็น

ทุกเรื่องที่ออกสู่สาธารณะด้วยค่ะ หวังว่าคงเข้าใจ ดีใจที่ลุงณะและอ้อยแวะมานะคะ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1204 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2552, 09:55:28 »




ภาพลุงณะค่ะ รบกวนช่วยส่งภาพครอบครัวมาเพิ่มอีกนะคะ ทั้งบ้านนี้และกรุทายาท วัยทองด้วย





รักในความสดใสของเด็กๆจริงๆ ไม่ว่าเค้าจะอยู่ในสภาพใด





และต่างเชื้อชาติกัน เด็กก็คือเด็ก สะอาดบริสุทธิ์เสมอค่ะ
      บันทึกการเข้า
หนุ่ม2524
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
กระทู้: 1,042

« ตอบ #1205 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2552, 11:29:49 »

อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 17 สิงหาคม 2552, 14:53:46

เพื่อนๆส่งมาให้ค่ะ

เจ้าตัวนี้ ท่าทางมันเจ็บใจมาก เนอะ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1206 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2552, 13:05:45 »

อ้างถึง
ข้อความของ Noom2524 เมื่อ 18 สิงหาคม 2552, 11:29:49
อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 17 สิงหาคม 2552, 14:53:46

เพื่อนๆส่งมาให้ค่ะ

เจ้าตัวนี้ ท่าทางมันเจ็บใจมาก เนอะ

สวัสดีค่ะหนุ่ม ดีใจที่แวะมา มะหมาน่ารักดีนะคะ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1207 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2552, 14:34:05 »

ข้อ ๕๐  ในการประชุม  ผู้พิพากษาสมทบจักต้องแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ

และสร้างสรรค์  และเมื่อได้ข้อยุติแล้วแม้ไม่เห็นด้วยก็ควรให้ความเคารพและ

ปฏิบัติตาม  เพราะเป็นมติจากเสียงส่วนใหญ่

คำอธิบาย

ในการประชุมของคณะผู้พิพากษาสมทบจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการแสดง

ความคิดเห็น  ซึ่งการแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ  สร้างสรรค์และมีเหตุผล 

จะช่วยลดปัญหาความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้  นอกจากนี้เมื่อมีการลงมติใดๆ

แล้ว  แม้จะไม่เห็นด้วยและเป็นเสียงข้างน้อยก็ควรให้ความเคารพในมติเสียง

ข้างมากตามหลักประชาธิปไตย  ไม่ควรนำเรื่องต่างๆในห้องประชุมไปวิพากษ์

วิจารณ์ให้เกิดความขัดแย้งกันอีก
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1208 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2552, 14:47:49 »










คุณตาคุณยาย และโบว์ บุ๊ค บีมค่ะ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1209 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2552, 16:42:14 »

ข้อ ๕๑  ผู้พิพากษาสมทบนอกจากมีหน้าที่ต้องศึกษาหาความรู้เพื่อประโยชน์ใน

การพิจารณาคดีตามข้อ ๑๓  แล้ว  พึงเสริมสร้างทักษะในการปฏิบัติงานด้วยการ

นำความรู้ในด้านต่างๆมาใช้เปลี่ยนแปลง  ปรับปรุง  พัฒนา  ตนเองให้มีประ

สิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้น

คำอธิบาย

ผู้พิพากษาสมทบต้องมีความกระตือรือร้นสนใจติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐ

กิจ  การเมือง  สังคม  และปัญหาของเด็กและเยาวชน  ตลอดจนองค์ความรู้ใหม่

ๆในสายงานอยู่เสมอ  เพื่อนำมาปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้นเป็นลำดับ  หมั่นฝึกฝน

ตนเองให้มีความสามารถในการอบรมสั่งสอนเด็กและเยาวชน  รู้จักใช้ศิลปะที่

ชักจูงให้เกิดการประนีประนอมเพื่อประโยชน์สูงสุด  แก่เด็กและครอบครัวที่มี

คดีขึ้นสู่ศาล
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1210 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2552, 16:46:11 »










ครอบครัวของพจน์ค่ะ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1211 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 09:25:55 »

ข้อ ๕๒  ผู้พิพากษาสมทบจักต้องหนักแน่น  ไม่หวั่นไหวตามความคิดเห็นของ

บุคคลใกล้ชิดหรือบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่  และจักต้อง

ไม่ยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาผลประโยชน์อันมิชอบ

คำอธิบาย

บุคคลใกล้ชิดได้แก่  สามี  ภริยา  บิดามารดา  บุตร  หรือญาติสนิท

หนักแน่นไม่หวั่นไหว  หมายความว่า  ผู้พิพากษาสมทบต้องพิจารณาคดีตามข้อ

เท็จจริงที่ได้จากการสืบพยาน  ไม่คล้อยตามความคิดเห็นที่บุคคลใกล้ชิดหรือ

บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่พูดชักจูง  เพราะบุคคลเหล่านั้น

อาจมีเจตนาที่ไม่สุจริตแอบแฝง
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1212 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 09:42:43 »

ข้อ  ๕๓  ผู้พิพากษาสมทบพึงละเว้นการคบหาสมาคมกับคู่ความหรือบุคคลซึ่ง

มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับคดีความ  หรือผู้ซึ่งมีความประพฤติในทางเสื่อมเสีย

อันอาจจะกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของบุคคลทั่วไป

คำอธิบาย

ผู้พิพากษาสมทบต้องวางตัวให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาว่าเป็นคนเที่ยงธรรมเป็น

กลาง  ไม่ฝักใฝ่คู่ความฝ่ายใด  ดังนั้นหากผู้พิพากษาสมทบคบหากับคู่ความหรือ

บุคคลที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับคดีก็จะทำให้เกิดข้อครหา  และประชาชน

เกิดความคลางแคลงใจในการตัดสินคดีความ  เป็นเหตุให้ขาดความเชื่อถือศรัท

ธาในสถาบันตุลาการได้
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1213 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 09:46:37 »










ครอบครัวของอ้อยค่ะ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1214 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 09:57:27 »

ข้อ ๕๔  ผู้พิพากษาจักต้องไม่นำเสนอตนในบทบาทหน้าที่ของผู้พิพากษาสม

ทบต่อสื่อมวลชน  และต้องไม่ให้ข่าวหรือแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะที่

กระทบกระเทือนถึงสถาบันตุลาการหรือฝ่ายอื่น

คำอธิบาย

การนำเสนอตน  เช่นการลงรูปภาพและให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในหนังสือ

พิมพ์  นิตยสาร  หรือโทรทัศน์  เกี่ยวกับชีวประวัติของตนเอง  โดยเน้นภาพ

ลักษณ์ของการเป็นผู้พิพากษาสมทบ  ในลักษณะที่ต้องการใช้สถานภาพของ

การเป็นผู้พิพากษาสมทบสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ตนเอง

การแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณชนนั้น  หากมีลักษณะเป็นการเขียนเรื่องหรือ

บทความ  หรือให้ข่าว  หรือให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับโครงการต่างๆ

ของศาล  หรือคดีความ  ผู้พิพากษาสมทบต้องคำนึงและปฏิบัติให้ถูกต้องตามระ

เบียบปฏิบัติของทางราชการที่ได้วางไว้  เช่น  การให้สัมภาษณ์หรือลงภาพเกี่ยว

กับงานศาลเยาวชนและครอบครัวต้องได้รับอนุญาตจากผู้บริหารงานศาลเยาว

ชนและครอบครัวก่อน
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #1215 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 10:49:24 »

อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 19 สิงหาคม 2552, 09:32:18









ฝีมือถ่ายภาพของเพื่อนๆ24ค่ะ

สวยทุกภาพเลยค่ะ  ชื่นใจเมืองไทย ..
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1216 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 10:51:55 »

สวัสดีค่ะพี่ ดีใจที่แวะมานะคะ บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #1217 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 10:53:02 »

ดีใจที่เจ้าของบ้านต้อนรับเช่นกันคร่ะ
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1218 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 11:18:29 »

พี่สาวส่งมาให้อีกค่ะ


ผมเริ่มเขียนบรรทัดนี้ขณะอยู่ในห้องที่แม่นอนหลับ ยังมีลมหายใจ แต่เป็นที่รู้ว่าคงไม่ฟื้นตื่นขึ้นมาคุยกับผมอีก แต่ไม่เป็นไร

 ผมพูดทุกคำที่อยากพูดกับแม่ไปหมดแล้ว ทำทุกอย่างที่คิดว่าดีที่สุดเพื่อแม่แล้ว เหลืออยู่ก็แค่รอส่งแม่ขึ้นฟ้าตามเวลาที่ร่าง

แม่ต้องการเท่านั้น  คนเรารู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยนเป็น ก็เพราะเคยเห็นรอยยิ้มของแม่ เคยได้อยู่ในมือแม่ เคยได้อยู่ในอ้อมอก

แม่ สัมผัสอบอุ่นละไมของแม่ช่วยพรากเราออกจากฝันร้ายและเสียงร้องไห้วกวน และทำให้เราโตขึ้นด้วยความเชื่อมั่นว่าจะวิ่ง

กลับไปหาฝันดีด้วยเสียงหัวเราะได้เสมอ  ช่วงแรกที่เริ่มรู้ความ ธรรมชาติไม่เปิดโอกาสให้เราจดจำรายละเอียดเกี่ยวกับแม่ได้

มากนัก เราต้องโตขึ้นอีกหน่อย ถึงตระหนักว่าแม่คือผู้หญิงคนหนึ่งที่อุ้มเราเดินเล่น กลั่นน้ำนมให้เรากิน และให้กำเนิดเรามา

ลืมตาดูโลก  เมื่ออยู่กับแม่มาแต่เกิด คนเราอาจเฉื่อยชา หรือกระทั่งนึกคร้านกับการพยายามค้นหาความหมายของการมีแม่ สำ

หรับผมเองต้องรอเวลาผ่านไปยี่สิบปี ถึงค่อยซึ้งว่า ‘แม่’ มีความหมายอย่างไร

วันแห่งการรู้ซึ้งคือวันที่ผมตั้งใจเข้าป่า ปฏิบัติธรรมตามลำพัง โดยมีคุณพ่อคุณแม่พาไปส่งตรงเชิงเขา และจากจุดส่ง พวกท่าน

เห็นได้ชัดว่าผมกำลังจะเดินหน้าเข้าหาเขตรกร้างกว้างใหญ่ ที่ไม่มีหลักประกันความปลอดภัยใดๆ ครั้งนั้นพอผมลงจากรถด้วยสี

หน้ายิ้มแย้มสมใจกับการได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ทั้งพ่อและแม่ก็พร้อมใจเหลียวมองด้วยสายตาห่วงใยรุนแรงอย่างที่ผมไม่เคยเห็น

มาก่อน นั่นเป็นวาระแรกจริงๆที่ทำให้เข้าใจค่าของตัวเองว่ามีต่อพวกท่านเพียงใด ขณะเดียวกันก็ทำให้เข้าใจด้วยว่าพ่อแม่มีความ

หมายยิ่งกว่าคนที่เลี้ยงเราโต มาขนาดไหน

สายตาของแม่ที่รักเรานั้น สอนให้เรารักคนเป็น ห่วงใยคนเป็น แม่ผมมีลูกสี่คน รักลูกทุกคน ห่วงลูกทุกคน นั่นคงต้องแปลว่าลูก

ทุกคนมีบุญพอ จึงมาอาศัยท้องแม่เกิดได้ เพราะแม่เป็นแม่ ทั้งชีวิตผมกับพี่น้องจึงไม่กลับกลอกเป็นคนมีความฝังใจเลวร้าย ตรง

ข้าม จุดแห่งความอ่อนโยนในหัวใจจะคงอยู่ตลอดไป เพียงระลึกแล้วรู้ตัวว่ามีแม่ และแม่เราก็แสนดีเหมือนนางฟ้า

น้ำเสียงนุ่มนวลแฝงความเข้มแข็งน่ารัก ของแม่ผมไม่เหมือนใคร แค่คุณได้ยินครั้งแรกก็จะจำได้และรู้ว่าเป็นท่าน ผมมาเรียนรู้ว่า

ตัวเองรักและอยากฟังน้ำเสียงของแม่เพียงใด ก็เมื่อท่านไม่มีเสียงจะพูดเป็นศัพท์แสงเต็มปากเต็มคำเหมือนอย่างเคยอีกแล้ว

สิ่งหนึ่งที่ผมคาดว่าจะต้องเกิดขึ้น แล้วก็ได้เกิดขึ้นในที่สุด คือการมาอยู่ใกล้แม่ในช่วงสุดท้าย ไม่มีอะไรน่าเสียใจ เพราะก่อนไป

ท่านรู้ร่วมกับผมว่าเทวดามีจริง และท่านก็เที่ยงที่จะไปเป็นสหายแห่งเทวดาด้วยบุญอันทำไว้เพียงพอแล้ว

ระหว่างช่วงสุดท้ายของแม่ มีเวลาให้ครอบครัวเราบังเกิดปีติอย่างใหญ่หลายครั้ง ดังเช่นที่แม่เอาชนะความน่าหงุดหงิดทางกาย

 หันมาระบายยิ้มหวานด้วยใจที่พร้อมสละความเคยชินเดิมๆ สละความอาลัยในตัวตนเก่าๆ ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาจิตให้เป็นกุศลอย่าง

ต่อเนื่อง นั่นคือสัญญาณบอกอย่างดี ว่าแม่จะสู้กับโรคร้ายโดยไม่ระย่อท้อ และแม่จะเอารางวัลใหญ่คือมหากุศลจิตในวาระแห่งการ

ลาจากโลกนี้ไป

หรืออย่างเช่นที่พวกเราได้รับความกรุณาอย่างใหญ่หลวงจากพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช โดยท่านมาเทศน์โปรดแม่ถึงบ้าน

หนึ่งครั้ง และที่โรงพยาบาลอีกสามหน เมื่อครั้งหลวงพ่อไปที่บ้าน แม่ถึงกับลุกจากเตียงมาส่งท่านที่รถ แม้ช่วงนั้นแม่ลุกเดินลำบาก

 และเมื่อครั้งท่านไปที่โรงพยาบาล แม่ก็พยายามยกมือขึ้นพนมไหว้ท่าน แม้ช่วงนั้นแม่ขยับตัวแทบไม่ไหวแล้ว

วันที่นับว่าน่าปลาบปลื้มไม่มีอะไรเกิน คงได้แก่วันเสาร์ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๐ ซึ่งในช่วงเช้าราวแปดโมงเศษ พวกลูกๆได้เปิดซีดี

เทศนาธรรมของพระอาจารย์ปราโมทย์ให้แม่ฟัง ผมสังเกตเห็นแม่ตั้งใจฟังด้วยความเข้าอกเข้าใจ กับทั้งเกิดปีติซาบซึ้งในคำสอน

ของหลวงพ่อทุกคำ โดยเฉพาะที่ท่านกล่าวว่ากายนี้เป็นทุกข์ ใจนี้เป็นทุกข์ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น

หลังจากฟังเทศน์มาจนถึงเวลาประมาณเก้าโมง แม่เกิดความอึดอัดทางกาย กระทั่งรู้สึกเหมือนจะไปไม่รอด แม่ก็พยายามบอกเรา

ถึงความปรารถนาครั้งสุดท้าย ซึ่งแม้จะออกมาไม่เป็นศัพท์เป็นคำเท่าใดนัก แต่ผมก็เดาถูกว่าแม่วานเรานิมนต์พระมาสวดให้ท่าน

ฟัง เมื่อผมถามย้ำเพื่อความมั่นใจและแม่พยักหน้ารับว่าเข้าใจถูกแล้ว ผมก็ต่อโทรศัพท์กราบนิมนต์หลวงพ่อปราโมทย์มาโปรดแม่

ทันที ด้วยความที่ท่านคุ้นเคยกับแม่อยู่ก่อน และท่านก็เป็นครูบาอาจารย์องค์เดียวที่แม่นับถือ

หลวงพ่อปราโมทย์รับนิมนต์ โดยบอกว่าเมื่อเทศน์ญาติโยมเสร็จจะมาทันที ซึ่งผมประมาณเวลาไว้ว่าน่าจะสองชั่วโมงคงถึงโรง

พยาบาล จึงมาบอกแม่ตามที่คิด ซึ่งแม่ก็ร้องด้วยความกลัวจะไม่ทัน แต่ผมมั่นใจว่าทัน จึงบอกท่านให้เย็นใจเถิด อย่าเพิ่ง ‘หลับ’

ลูกๆจะซื้อของเตรียมถวายสังฆทานให้แม่เอง

เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นแม่ อยากมีชีวิตอยู่ต่อ หลังจากทนถูกโรคร้ายทำทารุณมาระยะหนึ่ง แม่พยายามตั้งสติและมีกำลังใจข่มความ

เจ็บปวดเพื่อรอพระมาโปรด ซึ่งก็สัมฤทธิ์ผล หลวงพ่อปราโมทย์เดินทางมาถึงในเวลาสิบเอ็ดโมงสิบห้า แม่ลืมตาขึ้นเห็นพระด้วย

สายตายินดี พวกเราไม่รอช้า จัดการให้แม่ได้ถวายสังฆทานโดยวิธียกถังไปถึงมือให้แม่แตะ แล้วจึงค่อยยกประเคนหลวงพ่อต่อจน

ครบทุกถัง

กำลังใจอยากมีชีวิต บวกกับการได้ทำบุญใหญ่สำเร็จ ประโลมให้แม่สงบเย็นลง และบังเกิดมหาโสมนัส ตื้นตันจนสะอึกสะอื้นออก

มา พวกเราได้พบปาฏิหาริย์ของพลังชีวิตระลอกใหม่ แม่มีชีวิตต่อ สภาพแทบเป็นปกติราวกับไม่เคยป่วยไข้ แถมเช้าวันต่อมาหมอ

ยังเอกซเรย์พบว่าน้ำในปอดลดลงไปกว่าครึ่ง ซึ่งนับว่าเหลือเชื่อจนต้องช่วยกันวินิจฉัย ว่าเหตุใดสถานการณ์จึงดีขึ้นได้ขนาดนั้น

วันถัดมาแม่พูดชัดขึ้น สิ่งที่พวกเราได้ยินจากปากท่านล้วนเกี่ยวข้องกับพระและธรรมะเย็นใจ แม่เล่าว่าฝันเห็นพระก็มาบอกว่าวันนี้

วันพระนะ ซึ่งก็ตรงกับวันพระจริงๆ ผมโล่งอกและปราศจากความคลางแคลงอย่างสิ้นเชิง แม่จะไม่ไปแค่สวรรค์ แต่ต่อจากสวรรค์

ยังมีวาสนาได้ฟังธรรมะจากพระผู้รู้ กับทั้งเป็นผู้ว่าง่ายต่ออริยเจ้าสืบไป

ดีแล้วที่มะเร็งเปิดโอกาสให้ เราเห็นใจและสั่งเสียกันนานหลายเดือน แม่ได้รู้ในช่วงสุดท้ายว่าค่าของท่านมีต่อพวกเรามากมายปาน

ใด ก็ด้วยความจริงที่ทุกคนในครอบครัวพร้อมใจ พร้อมหน้าพร้อมตามาอยู่กับแม่ มาร่วมส่งแม่ขึ้นฟ้าจนวันสุดท้าย

วันแม่กำลังจะมาถึง แต่บางคนอาจยังไม่ถึงเวลาเข้าใจความหมายของการมีแม่ ขณะที่หลายคนน่าจะผ่านเวลานั้นมาแล้ว ซึ่งก็คง

เห็นตรงกัน ว่าคนเราจะรู้ค่าของชีวิตตัวเองไม่ได้ ถ้ายังไม่รู้ค่าของผู้ให้กำเนิดชีวิตเราดีพอ

ตาแล แม่เรา ป่วยไข้

ด้วยใจ อยากป่วย แทนท่าน

ฝากฟ้า ดูแล แทนกัน

ในวัน แม่ข้า ลาดิน…

ดังตฤณ

สิงหาคม ๒๕๕๐
 
 
      บันทึกการเข้า
หนุ่ม2524
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
กระทู้: 1,042

« ตอบ #1219 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 11:52:39 »

สวัสดีครับ ดร.เอ๋
แวะมาเยี่ยมชมครับ

ไปดูรูป ทริป นครนายก มา เดี๋ยวนี้รูปต้องชัดขนาดต้องเห็นถึงเยื่อหุ้มเซล กันเลยที่เดียว

ศิลปะบนขนนก สวยครับ คนเราก็ช่างคิด ช่างทำกันจริงๆ จากที่ไหนครับ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1220 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 12:06:26 »

อ้างถึง
ข้อความของ Noom2524 เมื่อ 19 สิงหาคม 2552, 11:52:39
สวัสดีครับ ดร.เอ๋
แวะมาเยี่ยมชมครับ

ไปดูรูป ทริป นครนายก มา เดี๋ยวนี้รูปต้องชัดขนาดต้องเห็นถึงเยื่อหุ้มเซล กันเลยที่เดียว

ศิลปะบนขนนก สวยครับ คนเราก็ช่างคิด ช่างทำกันจริงๆ จากที่ไหนครับ

สวัสดีค่ะหนุ่ม กำลังสนุกกับการโพสต์รูปและสะสมรูปสวยๆค่ะ

พี่ๆน้องๆ  เพื่อนๆ ลูกศิษย์ ลูกๆส่งเมล์มาให้ทุกวันค่ะ น่าจะได้จากเวบต่างๆนะคะ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1221 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 15:43:10 »

บันได 5 ขั้น สู่ชีวิตใหม่ ที่มีค่าและเป็นสุข +
 
คุณเกิดมา ... เพื่ออะไร

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับความโลภ
 
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับการหาเงิน
 
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับความแค้น
 
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร 

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับความริษยา
 
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร 

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับความหลังอันหดหู่
 
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร 

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับความรัก
 
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร 

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับกามารมณ์
 
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร 

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับการทำธุรกิจ
 
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร 

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับการบ้าอำนาจ
 
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร 

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับเกียรติยศ
 
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร 

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับอุดมการณ์

โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร 

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับสุรายาเสพติด
 
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร 

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับอบายมุข
 
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร 

มีคนไม่กี่คน ! ที่ตระหนักรู้ว่า . . .
 
แท้ที่จริงนั้นเรามีเวลาอยู่ในโลกเพียงน้อยนิด

เราเกิดมาทำไม
 
และเราจะใช้ชีวิตอย่างไร ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
 
. . . ในช่วงเวลาอันแสนสั้นนั้น?


จาก ชาย รัฐศาสตร์ค่ะ

 
      บันทึกการเข้า
Lamai
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,712

« ตอบ #1222 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 20:32:11 »

อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 19 สิงหาคม 2552, 09:32:18









ฝีมือถ่ายภาพของเพื่อนๆ24ค่ะ

ข้างบนนี้เป็น version ที่รีทัชแล้วของน้องสน
เอ๋ลองดูที่เป็น original นะคะ






      บันทึกการเข้า
jacky
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,852

« ตอบ #1223 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 21:56:20 »

อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 19 สิงหาคม 2552, 16:01:15
บันได 5 ขั้น สู่ชีวิตใหม่ ที่มีค่าและเป็นสุข
 
บันไดขั้นที่ 1 มองตัวเองว่าดีและมีค่าทุกวัน ในแต่ละวันให้นึกถึงความดี และความโชคดีของตนเอง เริ่มต้นด้วยการตื่นนอนตอนเช้า

ให้ยิ้มกับตัวเอง และนึกว่าโชคดีที่ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ให้นึกถึงความดีของตนเอง ที่เคยทำมาแล้วในอดีต (ที่สามารถนึกได้ง่ายๆ) เช่น

เคยทำบุญ เคยช่วยคนที่อ่อนแอกว่า เคยสงเคราะห์สัตว์ ฯลฯ คิดว่าตัวเองดี และมีคุณค่าที่ได้เคยทำสิ่งดีๆ และให้นึกซ้ำๆ จะได้เกิด

ความเชื่อตามที่นึกนั้น คุณก็จะเกิดความอิ่มเอิบใจ และเชื่อว่าตัวเองมีความดี ความเก่ง ตามความเป็นจริงในขณะนั้นด้วย คุณจะเกิด

ความอยากมีชีวิตอยู่ และสร้างสิ่งที่ดีๆ ให้กับชีวิตต่อไป และต้องอวยพรตัวเองเสมอๆ อย่าแช่ง หรือตำหนิตัวเอง และอย่ารอให้คนอื่นมา

ชื่นชมคุณ ซึ่งมักจะไม่ได้ดั่งใจ หรือได้มาก็ไม่สมใจ
 
บันไดขั้นที่ 2 มองคนอื่นดี มองโลกในแง่ดี
 
ขั้นนี้คุณจะต้องมองว่า ทุกๆ คน มีขีดจำกัดของความสามารถ ความดี ความเก่งกันทุกคน ตามความเป็นจริงของเขา ซึ่งไม่เท่ากัน

และไม่เหมือนกันเลย ส่วนความไม่ดี หรือไม่เก่งของเขา (ซึ่งมีกันทุกคน) ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาไป ให้มองเฉพาะส่วนที่ดีของเขา

เท่านั้น ถ้าคุณทำได้เช่นนี้ คุณก็จะเป็นคนที่มองอนาคต และชีวิตดี มีความหวังที่ดีในชีวิตตลอดเวลา สองสิ่งนี้ ถ้าคุณทำเป็นนิสัย

คุณจะพบว่า โลกนี้มีสิ่งที่ดีๆ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ และท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นสุขนิยมทั้งชีวิต
 
บันไดขั้นที่ 3 ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
 
คือการอยู่กับปัจจุบัน ทำกิจกรรมในวันนี้และเวลานี้ให้ดีที่สุด ทำได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่ทุกข์ร้อน หรือคาดหวังกับผลลัพธ์ของมัน

ไม่ว่าจะสมใจ หรือไม่สมใจก็ตาม จงชื่นชมในความตั้งใจ ทำเต็มความสามารถของตนเอง และคิดต่อว่า ในอนาคตจะต้องทำให้ดีกว่า

นี้ นอกจากนั้น คุณต้องเลิกจดจำ หรือนึกถึงเรื่องที่ไม่ดีที่เกิดกับคุณในอดีต เพราะการจดจำเรื่องราวที่ไม่ดีในอดีต เท่ากับคุณไปสะกิด

แผลในใจ และจะทำให้คุณเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น จนส่งผลให้ปัจจุบันคุณไม่มีความสุข และกลัวว่าอนาคตจะเกิดสิ่งที่ไม่ดีซ้ำๆ อีก

บันไดขั้นที่ 4 มีความหวังและเชื่อว่าอนาคตจะดีเสมอ
 
ความหวัง ความเชื่อ เกิดจากความคิดถึงบ่อยๆ หรือได้ยินบ่อยๆ จงนึกและบอกกับตัวเองเสมอว่า อนาคตจะดีขึ้นอีกเรื่อยๆ จะส่งผลให้

เกิดกำลังใจมากขึ้น อยากพบเห็นสิ่งต่างๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตโดยไม่กลัว มีอารมณ์ขัน และไม่จริงจังกับชีวิตมากนัก แต่จะมีความหวังที่

ดีๆ ( Good Hope) อยู่เสมอ แต่อย่ามีความคาดหวัง ( Expectation) กับชีวิต เพราะถ้าคาดหวังกับชีวิต เรามักจะกลัว หรือกังวลว่าจะไม่

ได้ผลลัพธ์ดังความคาดหวัง หรือเมื่อได้มาแล้วก็มักไม่พอใจ จึงอาจทำให้เกิดทุกข์ได้

บันได้ขั้นที่ 5 ปรับปรุงตัวเองเสมอ
 
โดยปรับปรุง 4 ส่วนที่มีความสำคัญต่อชีวิต คือ

 1. การงาน ให้มีความขยัน อดทน หมั่นหาความรู้ใส่ตัว และกล้าลงมือปฏิบัติในสิ่งที่ควรทำ จะทำให้มีการลงมือทำสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตได้

เรื่อยๆ และปรากฏเป็นผลงานที่ชัดเจน
 
  2. ครอบครัว จะต้องยึดหลักที่เป็นมงคลต่อกันคือ ไม่อิจฉา ไม่ระแวง ไม่แข่งขัน ไม่นอกใจ รู้จักการให้และการอภัย มีน้ำใจ และรู้จัก

เกรงใจกัน
 
 3.  สังคม หมั่นสร้างมิตรเสมอ มีการให้ความสำคัญกัน ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และพูดจากันแบบปิยะวาจา
 
 4.  ตนเอง ต้องมีการพัฒนาตนเองเสมอ มีความภูมิใจตนเองตามความเป็นจริง สามารถให้กำลังใจตัวเองได้ และมีกำลังใจที่พร้อม

จะเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น



จาก ชายค่ะ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 
 
 
 
 
 
 
 


 

 
 


 

 
 
 
ขอบคุณดร. เอ๋
ขอบคุณชาย
      บันทึกการเข้า

จงทำงาน         อย่างมี         ความสุข
แต่อย่าหลงไปมีความสุขที่ได้อยู่กับงาน
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #1224 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2552, 22:50:48 »

สวัสดียามดึกค่ะดร.เอ๋ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 47 48 [49] 50 51 ... 979   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><