ข้อ ๖ ผู้พิพากษาสมทบจักต้องศึกษาสำนวนความและตระเตรียมการปฏิบัติหน้า
ที่ในทางคดีไว้ให้พร้อมก่อนออกนั่งพิจารณาคดี
คำอธิบาย
เมื่อผู้พิพากษาสมทบมาปฏิบัติหน้าที่เป็นองค์คณะตามเวรปฏิบัติการ ผู้พิพาก
ษาสมทบจะต้องตระหนักถึงภาระหน้าที่และวัตถุประสงค์ของการที่กฎหมายกำ
หนดให้มีผู้พิพากษาสมทบว่า ในคดีแพ่งกฎหมายต้องการให้ผู้พิพากษาสมทบ
มีบทบาทในการคุ้มครอง ดูแลผลประโยชน์และส่วนได้เสียของผู้เยาว์ ส่วนใน
คดีอาญากฎหมายต้องการให้ผู้พิพากษาสมทบดูแลแก้ไข ฟื้นฟูเด็กและเยาวชน
ในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวให้ครบถ้วนสมบูรณ์ในแต่ละคดี ผู้พิพากษาสมทบ
จึงต้องทราบข้อเท็จจริงในสำนวนโดยละเอียด ซึ่งตามปกติจะสามารถศึกษาได้
จากรายงานการสืบเสาะและพินิจของผู้อำนวยการสถานพินิจในคดีอาญาซึ่งจะ
มีพฤติการณ์แห่งคดี รายละเอียดเกี่ยวกับอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญ
ญา การศึกษาอบรม สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ ฐานะของเด็กหรือ
เยาวชน และของบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ที่เด็กหรือเยาวชนอาศัยอยู่ด้วย
ตลอดจนสิ่งแวดล้อมและสาเหตุแห่งการกระทำผิดของเด็กและเยาวชน และ
รายงานข้อเท็จจริงของผู้อำนวยการสถานพินิจในคดีแพ่งซึ่งจะมีรายละเอียดของ
ของข้อเท็จจริงในคดี ผลประโยชน์หรือส่วนได้เสียของผู้เยาว์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง
การที่ผู้พิพากษาสมทบทราบข้อมูลต่างๆดังกล่าวก่อนออกนั่งพิจารณาจะทำให้
สามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการพิจารณาพิพากษาได้ ทั้งหากมีการนำข้อ
มูลต่างๆมาตระเตรียมการร่วมกันกับผู้พิพากษาสมทบองค์คณะก่อนก็จะทำให้
กระบวนพิจารณาในส่วนที่ผู้พิพากษาสมทบดำเนินการ เช่น การอบรมว่ากล่าว
ตักเตือน หรือแนะนำเด็กหรือเยาวชน เป็นไปด้วยความรวดเร็วและไม่ซับซ้อน
ผู้พิพากษาสมทบจึงต้องมาถึงศาลเยาวชนและครอบครัวที่ตนสังกัดก่อนเวลาที่
นัดออกนั่งพิจารณา เพื่อใช้เวลาศึกษารายงานดังกล่าวและปรึกษาแนวทางใน
การพิจารณาพิพากษากับผู้พิพากษาและผู้พิพากษาสมทบที่เป็นองค์คณะ
จากประมวลแนวทางการปฏิบัติงานและการปฏิบัติตนของผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัว
ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง
ภาพจาก club.playpark.com