สบายกันดีนะครับ พี่น้อง {หวังว่าเธอคงสุขดี อยู่ทางนั้นเจอสิ้งดีๆ...มีแต่คิดถึง...ฮึ ฮึ
}
หายไปนาน มาอีกครั้ง เอามหากาพย์มาบ่น (ยาวหน่อยนะ)
การเมืองปัจจุบัน ทำให้นึกถึงเรื่อง
มหาภารตยุทธ!! เป็นมหากาพย์เรื่องยาวที่มีชื่อเสียงของอินเดียโบราณเคียงคู่มากับมหากาพย์รามายณะ หรือรามเกียรติ์บ้านเรานั้นเอง มหากาพย์สองเรื่องนี้เป็นไม่ใช่วรรณกรรมทั่วๆไปแต่จัดเป็นคัมภรีศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาฮินดูเลยทีเดียว กล่าวกันว่าใครอ่านคำภีร์สองเล่มนี้ จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ล้างบาปได้!!
สำหรับคนไทยแล้วอาจมีความคุ้นเคยกับเรื่องมหาภารตะน้อยกว่ารามเกียรติ์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว 2 เรื่องยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน
นักวิชาการทางประวัติศาสตร์บางสำนัก ให้ความเห็นว่า เรื่องมหาภารตะนี้มีเค้าโครงจากเรื่องจริงในอดีต บ้างก็ว่าเป็นแค่เรื่องแต่ง เนื้อเรื่องว่าด้วยสงครามระหว่างพี่น้องวงศ์กษัตริย์เลือดเนื้อเชื้อไขบรรพบุรุษเดียวกันคือ พวกปาณฑพ(ปาน-ดบ) และ พวกเการพ(เกา-รบ) ปมแห่งความขัดแย้งได้ก่อตัวตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเด็กเล็กถึงโตเป็นกษัตริย์ปกบ้านครองเมือง
ต้นเหตุหลักๆของเรื่องก็ไม่พ้นเรื่องคลาสสิคแห่งการเกิดสงครามทั่วๆไปคือ ความขัดแย้งเชิงอำนาจ ผลประโยชน์ ความริษยา การชิงดีชิงเด่น ผู้หญิง การพนัน การโกง !! แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในเรื่องก็ได้ชี้ให้เห็นว่า ญาติผู้ใหญ่พยายามหาทางออกทุกทางเพื่อให้ความขัดแย้งได้คลี่คลาย แต่ก็ล้มเหลว เนื่องจากความขัดแย้ง สลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลข้ออ้าง ที่ยากจะกล่าวได้ว่าฝ่ายใดผิดถูกไปกว่ากัน พวกบรรดาญาติสนิทมิตรสหายประชาชนก็แตกแยกกันเข้าข้างใดข้างหนึ่ง
แล้วสถานการณ์ได้ยืดเยื้อมาจนถึงจุดที่มิอาจกระทำการประณีประนอมสมานฉันท์อะไรกันได้อีก สงครามเท่านั้น คือทางออก!! แต่ก็มีบางคนไม่ได้เลือกเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งและไม่เข้าร่วมสงคราม อาทิ ท่านพลราม! พลราม เป็นญาติผู้ใหญ่ของคู่กรณีทั้งสองฝั่ง ช่วงที่ทั้งคู่ทำสงครามกัน พลราม ปลีกวิเวก เดินทางท่องเที่ยว ไม่ยุ่งไม่เกี่ยวใดๆทั้งสิ้น น่าคิดว่าเหตุใด พลราม ไม่เลือกเข้าข้างใดข้างหนึ่ง
พลราม เป็นผู้มีความเที่ยงธรรมไม่นิยมสงคราม?, เป็นพวกไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดหรือเป็นนักฉวยโอกาสรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์?, เป็นพวกเห็นแก่ตัว-ตัดช่องน้อยแต่พอตัว?, หรือเห็นว่าทั้งสองฝ่ายแย่พอๆกันเลยไม่อยากยุ่งเกี่ยว? หรือไม่กระจ่างในสถานะการณ์เลยตัดสินใจไม่ได้ไม่รู้จะเลือกฝั่งไหนดี ฯลฯ . . .ไม่แน่พลรามอาจเป็นกลาง หรืออาจจะเชียร์ฝั่งใดฝั่งหนึ่งอยู่ในก็ได้! แต่ยังไงก็ต้องเคารพสิทธิ์ของพลราม(นะ)
ประเด็นที่น่าคิดอีกอย่าง คือพวกที่เข้าร่วมกับฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เข้าไปเพราะว่า มีความเข้าใจในสถานะการณ์ถ่องแท้แยกแย่ะถูกผิดได้ทะลุปรุโปร่งแล้วต้องการต่อสู้เพื่อความถูกต้องชอบธรรมจริงๆ? หรือเห็นแก่ที่เงินรับจ้างมา หรือเล็งเห็นผลประโยชน์ส่วนตนบางอย่างจึงเข้าร่วม! หรือเผอิญทำงานอยู่กับฝั่งใดฝั่งหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว นายสั่งไปไหนทำอะไรก็ไปด้วย หรือแค่เฮๆมึนๆกันไป ฯลฯ ก็แล้วแต่เหตุผล ว่ากันไป...สองฝ่ายก็ได้รบพุ่งประจัญบานกันที่ทุ่งกุรุเกษตร เป็นเวลาถึง 18 วันท้ายที่สุดสงครามยุติ ฝ่ายปาณฑพเป็นฝ่าย ชนะ
ผลของสงคราม คือ
พี่ฆ่าน้อง น้องฆ่าพี่ หลานฆ่าอา
ลุงฆ่าหลาน ลูกศิษย์ฆ่าอาจารย์
เพื่อนฆ่าเพื่อน ญาติฆ่าญาติ
ตายกันแบบยกโคตรแทบจะสูญพันธุ์ !!
และคนที่มีบทบาทสำคัญคนหนึ่งในกองทัพข้างฝ่ายชนะ คือ ท่านกฤษณะ ชาวฮินดูได้ยกย่องและให้ความเคารพสูงสุดในฐานะ องค์อวตารปางหนึ่งของพระนารายณ์ ที่เรียกว่า กฤษณาวตาร
นอกจากนี้แล้วบทสนทนาอันแฝงไปด้วยปรัชญาลึกซึ้งในเชิงให้กำลังใจและส่งเสริมความฮึกเหิมในการทำสงคราม ของท่านกฤษณะที่ได้กล่าวต่อ พี่น้องปาณฑพตัวเอกคนหนึ่งนามว่า อรชุน ที่เมื่อเริ่มสงครามได้เกิดอาการท้อแท้ไม่อยากรบเมื่อเห็นคนที่ตนต้องทำสงครามด้วยนั้นล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายด้วยกันทั้งนั้น บทสนทนานี้ได้ถูกจัดให้เป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู ตั้งชื่อว่า. . .
ภควัทคีตา (บทเพลงของพระเจ้า)- คัมภรีนี้มีความสำคัญมาก มหาตามะคานธีให้ความนับถือพระกฤษณะอย่างสูงสุดและนำภัควัทคีตรมาอ่านอยู่เนืองนิจเมื่อยามท้อแท้ไม่มีกำลังใจต่อสู้ ในช่วงเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษ
- และเคยได้ยินมาว่า ฮิตเลอร์ ได้แจงคำภีร์นี้ให้กองทัพนาซีอ่านช่วงที่ทำสงครามโลกครั้งที่สอง
- ในไทยเรา น้าแอ็ด คาราบาว ก็อ่านคำภีร์เล่มนี้เกิดความประท้บ ถึงกับนำมาแต่งเพลง ชื่อ ภควัทคีตาตัวอย่างเนื้อหาของ ภควัทคีตา ในสำนวนเนื้อเพลงของ น้าแอ็ด คาราบาว
"รบเถิด อรชุน หากท่านตายในสนามรบ สวรรค์ยังรอท่านอยู่ ยังเปิดประตูรอผู้ปราชัย แม้นหากว่าท่านชนะความเป็นใหญ่ในแผ่นดินนี้ ทุกพงพื้นปฐพีรอให้ท่านเข้ามาครอบครอง"ฟังเพลงต้นฉบับ
http://kateep.com/music/song/musiconline-id-5944.htm มีนักคิดท่านหนึ่งให้ทรรศนะที่ เป็นมุมมองที่คิด...น่าสนใจมาก แต่ค่อนข้างแรง!. . . แท้จริงแล้ว ภควัทคีตา ก็แค่การพร่ำเพ้อปรัชญาไร้สาระที่สร้างขึ้นเพื่อกล่อมคนหัวอ่อนไม่มีความคิด ชักจูงไปในทางให้นิยมแก้ปัญหาด้วยวิธีรุนแรง การฆ่าฟันทำสงคราม แถมยังหลอกให้เชื่อว่าทำสงครามเพื่อความถูกต้องแล้ว แม้ตายก็จะได้บุญขึ้นสวรรค์ ภัควัทคีตานี้แหละเป็นรากเหง้าของ การทำสงครามศักดิ์สิทธิ์! สงครามของพระเจ้า! และการก่อการร้าย ภัควัทคีตานี้แหละ มิจฉาทิฏฐิ(ทัศนะอันตราย!)ตัวจริง! ซึ่งขัดกับหลักของพุทธศาสนาอย่างสิ้นเชิง ที่สอนให้มีเมตตา อหิงสา(ไม่เบียดเบียน) หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงทั้งปวง
แต่โดยส่วนตัวแล้วอาจมองได้อีกมุมว่า ภควัทคีตา เป็นสุดยอดแห่งคัมภีร์ที่มีศิลปะการประพันธ์ และจิตวิทยาชั้นสูงในการปลุกเร้าคน ให้สู้ชีวิต ให้สู้สิ่งยาก ฝ่าฟันอุปสรรค์ สร้างสรรค์สิ่งดีงาม(ย้ำอีกที...สิ่งที่ดีงาม)อย่างเอาชีวิตเข้าแลก อย่าซักแต่ใช้ชีวิตแบบซังกะตายไปวันๆ...(รบเถิด อรชุน)
ถึงแม้ในที่สุดมันไม่สำเร็จก็ไม่ต้องเสียใจ จงภูมิใจ เราได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว...(หากท่านตายในสนามรบ สวรรค์ยังรอท่านอยู่ ยังเปิดประตูรอผู้ปราชัย) แล้วถ้าทำทำสำเร็จ แน่นอนท่านคือผู้พิชิต...(แม้นหากว่าท่านชนะความเป็นใหญ่ในแผ่นดินนี้ ทุกพงพื้นปฐพีรอให้ท่านเข้ามาครอบครอง)
ส่วนการกล่าวในเชิงการรบ-สงครามฆ่าฟันนั้นเป็นแค่การอุปมาอุปมัยให้เห็นภาพ เพื่อความบันเทิง ไม่ใช่แก่นของคำสอนที่ต้องการสื่อ การรบอาจตีความเป็นการต่อสู้กับอุปสรรค์ปัญหาหรือกิเลสภายในใจก็ได้
"มหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่มักมีปมปริศนาให้ตีความได้หลายมุมเสมอ นี่แหละคือเสน่ห์ของมหากาพย์"
- - - - -
*หมายเหต : สถานะการณ์การเมืองของไทยตอนนี้ดูคล้ายกับเรื่องราวในมหาภารตะเข้าไปทุกทีหวังว่าคงไม่ไปถึงขึ้นสงครามนะ (หรือได้เข้าไปสู่สงครามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มหาสยามยุทธ!)
{ดูทัศนะของ อ.ประเวศ วะสี..."ความขัดแย้งระหว่างพี่น้องคนไทยขณะนี้ซึ่งแบ่งข้างด้วยอารมณ์รุนแรงเป็นฝ่ายรักทักษิณกับฝ่ายเกลียดทักษิณ ข้างละเท่าไรไม่ทราบแน่ แต่อาจมากกว่าข้างละ ๑๐ ล้านคน จึงน่าจะเป็นความแตกแยกในหมู่คนไทยด้วยกันที่ใหญ่ที่สุดอันอาจนำไปสู่การนองเลือด จึงเรียกการต่อสู้ครั้งนี้ว่า “มหาสยามยุทธ” น่าจะมีผู้วิจัยเก็บข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้องและเหตุการณ์ไว้อย่างละเอียดและนำมาประพันธ์เป็นมหากาพย์ เพื่อให้เป็นที่เรียนรู้ใหญ่ของคนไทยทั้งชาตสืบต่อ" อ่านเพิ่มเติมที่...http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000134004 }