28 พฤศจิกายน 2567, 04:52:53
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 139 140 [141] 142 143 ... 204   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ♣♣♣♣ ► เ ก๊า สาระ พัช ไ ม้◄♣♣♣♣...  (อ่าน 1695880 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เก๊า(24)
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,069

« ตอบ #3500 เมื่อ: 25 มิถุนายน 2553, 19:13:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 22 มิถุนายน 2553, 20:36:18
bye bye



เฟริ์นกีบแรดค่ะ  สีเขียวอ่อน  ตอนแรกคิดว่าขาดปุ๋ย  แต่เติมแล้วก็ยังเป็นอย่างนี้  ต่างกับอีกต้นที่เขียวเข้ม

 bye bye

ดูแล้วเหมือนใบเพิ่งแตกใหม่ๆเลยนะครับ เขียวอ่อนๆ คล้ายในกระถินอ่อนๆ  เวลาต้นไม้ได้ฝนใหม่ๆมักแตกใบอ่อนต้นอ่อนดูแล้วสดชื่นดี  เหมือนจะบอกเราว่าชีวิตเริ่มต้นอีกแล้ว
      บันทึกการเข้า
เก๊า(24)
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,069

« ตอบ #3501 เมื่อ: 25 มิถุนายน 2553, 19:16:17 »

วันนี้มีบัวดินมาฝาก แม่เลี้ยง และเพื่อนๆครับ  แม่เลี้ยงปลูกบ้างหรือเปล่าครับ

      บันทึกการเข้า
jum2524
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,077

« ตอบ #3502 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2553, 02:12:40 »

หวัดดีจ้ะลุงเก๊า  เข้ามาบ้านนี้ทีไร  ได้เห็นดอกไม้  ชื่นใจทุกที...แถม!!..ได้ความรู้อีกด้วย หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า
เก๊า(24)
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,069

« ตอบ #3503 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2553, 16:55:51 »

สวัสดีครับ แม่เลี้ยง และเพื่อนๆ ทุกๆท่าน  วันนี้มีพืชสมุนไพรมาฝากครับ
                          ชื่อ ว่านหางจรเข้




 ชื่อวิทยาศาสตร์     Aloe  baebadensis Mill.
 ชื่อวงศ์                 LILIACEAE
 ชื่ออื่นๆ                ว่านไฟไหม้, หางตะเข้
สรรพคุณ
ใบ  รสเย็น ตำผสมสุราพอกฝี วุ้นจากใบล้างด้วยน้ำสะอาด ทาหรือฝานบางๆ ปิดหรือทาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ดับพิษร้อน ทาผิวป้องกัน และรักษาอาการไหม้จาก แสงแดดหรือรังสี ทาผิวรักษาสิวฝัา และขจัดรอยแผล เป็น วุ้นรับประทานรักษาโรคกระเพาะ บำรุงร่างกาย แก้ร้อนใน ดูดพิษร้อนภายในร่างกาย
ทั้งต้น รสเย็นเอียน ดองสุราดื่ม ขับน้ำคาวปลา
ราก รสขมชื่น รับประทานถ่ายโรคหนองใน แก้มุตกิต ช้ำรั่ว
ความลับของว่านหางจรเข้
๑.   แก้ปวดศีรษะ  ใช้ว่านหางจรเข้ตัดตามบวางให้เป็นแว่นบางๆ เอาปูน แดงทาที่วุ้น แล้วปิดที่ขมับ จะทำให้เย็นหายปวด
๒.   แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก   ใช้น้ำเมือกจากว่านหางจรเข้รักษา แผลไฟลวก ขนาดรุนแรงที่สุด โดยทาน้ำเมือกที่แผลให้เปียกอยุ่เสมอ แผลจะหายรวดเร็วมาก อาการปวดแผลหรือการเกิดแผลเป็นจะมีน้อย มาก หรือไม่มีเลย
๓.   ผิวไหม้เพราะถูกแดดเผา  ใช้วุ้นหางจระข้ทาบ่อยๆ ช่วยลด อาการปวดแสบปวดร้อน ผิวตึง และลดจำนวนผิวที่ลอก
๔.   แผลจากของมีคมและแผลอื่นๆ   ทำความสะอาดแผลเสียก่อน แล้วเอาวุ้นปิดลงที่่แผลให้สนิท เอาผ้าปิดไว้ แล้วหยอดน้ำเมือกลงไปให้ ผ้าตรงบริเวณที่แผลเปียกอยุ่เสมอ ช่วยให้แผลหายเร็ว และลดรอยแผล เป็น
๕.   กระเพาะลำไส้อักเสบ  รับประทานวุ้นหางจรเข้ ๑-๒ ช้อนโต๊ะ วันละหลายๆครั้ง ใช้ได้ผลในรายที่ลำไส้ใหญ่อักเสบ หรืออวัยวะอื่น ในทางเดินอาหารเกิดการอักเสบ
๖.   บำรุงผมและหนังศีรษะ   ใช้วุ้นว่างหางจรเข้ ชโลมผมให้ทั่วทิ้ง ไว้ให้แห้ง รุ่งเช้าจึงใช้น้ำล้างออก ทำให้ผมดกดำเป็นเงางาม หวีง่ายขึ้น และรักษาแผลบนหนังศีรษะ ( ก่อนใช้ควรทดลองก่อนว่า แพ้ว่าน หรือไม่ และควรใช้แต่น้อยดูก่อน ที่สำคัญอย่าให้ยางถูกผมเพระายางจะ กัดหนังหัว)
๗.   ป้องกันการติดเชื้อ  ใช้วุ้นหางจรเข้ ทาแผลรักษาแผลติดเชื้อได้ ทำให้แผลดีขึ้น ภายใน ๑๒ ชั่วโมง
๘.   ผื่นคันที่เกิดจากการแพ้สารต่างๆ  เนื่องจากวุ้นหางจระข้ จะมี ฤทธิ์ระงับปวด จึงช่วยลดอาการคันด้วย และยังช่วยให้ผื่นคันหายเร็ว
๙.   ขี้เรือนกวาง และผื่นปวดแสบปวดร้อน   ใช้วุ้นหางจรเข้ กินวันละ ๑-๒ ครั้งๆละ ๑-๒ ช้อนโต๊ะ แลทาควบคู่กันไป ว่านหางจรเข้ เป็นยาฝาดสมาน อาจทำให้ผิวแห้งได้ จึงควรผสมน้ำมันทาผิว หรือ น้ำมันอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย
๑๐.   ลบรอยแผลเป็น  ใช้วุ้นว่านหางจรเข้ทา เช้า-เย็น จะลดรอย แผลเป็น
๑๑.   ลบท้้องลายหลังคลอด  ใช้วุ้นว่านหางจรเข้ทาผิวท้อง ขณะตั้ง ครรภ์ แม้หลังคลอดแล้วก็ควรใช้ทาต่อเพื่อช่วยให้ผิวหน้าท้องกลับคืนสู่ สภาพปกติ คนที่เคยใช้ยืนยันว่าได้ผลดี
๑๒.   เส้นเลือดดำขอดที่ขา  ใช้วุ้นว่านหางจรเข้ ทาที่บริเวณเส้นเลือด ดำขอด และมีบางคนใช้ได้ผลดีมาก
๑๓.   มะเ็ร็งที่ผิวหนัง  ใช้วุ้นว่านหางจรเข้ ทาวันละ ๒-๔ ครั้ง เป็นเวลา หลายเดือน
๑๔.   แผลครูดและแผลถลอก  ใช้วุ้นว่านหางจรเข้ ทาเบาๆ ให้ทั่ว ใน ๒๔ ชั่วโมงแรก ทาบ่อยๆ แผลจะไม่ค่อยเจ็บและหายเร็วมาก
๑๕.   โรคปวดตามข้อ  รับประทานวุ้น ว่านหางจรเข้ เป็นประจำ จะหาย ปวดได้
เจลว่านหางจระเข้
ลดอาการปวดแสบปวดร้อน บำรุงผิวพรรณ
ตัวยา
๑.  น้ำวุ้นว่านหางจระเข้  ๒๐ ซีซ๊
๒.  Sodium metabisulfate ( เป็น Anti3Oxidant)  ๐.๑ กรัม
๓.  Potassium  sorbate  ( สารกันบูด)  ๐.๒ กรัม
๔.  Methylcellulose   ( MC ๔๐๐ เป็นตัวยาทำให้เกิดเจล) ๔๐๐
วิธีทำ
๑.  อุ่นวุ้นหางจระเข้ ๖๐ องศา นาน ๑๐ นาที
๒.  ละลาย Sodium metabisulfate ในน้ำ ๑ ซี.ซี. ผสมเข้ากับวุ้น
๓.  นำส่วนผสมจากข้อ ๒ มาผสมกับ MC๔๐๐ จนเช้าเป็นเนื้อเดียวกัน
๔.  ละลาย Potassium Sorbate ในน้ำ เล็กน้อย ใส่ในส่วนผสมข้อ ๓ คนให้เข้ากัน
๕.  เก็บใส่ขวดบรรจุไว้ในตู้เย็น
 
สรรพคุณ เป็นยาเย็น ช่วยดูดพิษ แก้ปวดแสบปวดร้อน

ว่านหางบำรุงผิว
๑.   วุ้นว่านหางจระเข้  ๑ ส่วน
๒.   น้ำแครอทคั้นสดๆ  ๑ ส่วน
๓.   น้ำผึ้ง  ๑ ส่วน
๔.   น้ำมะนาว  ๑/๒ ส่วน

วิธีทำ
 นำทั้งหมดมาผสมให้เข้ากัน

วิธีใช้
ทาบนใบหน้าให้ทั่ว ทิ้งไว้ ๑๐ นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำ เย็น ทาก่อนนอนทุกคืน

สรรพคุุณ
ลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า แ้ก้สิวแก้ฝ้า ใบหน้าตกกระ ด่างดำ ใบหน้าจะนวลเนียน ขาวดูดี
รักษาผิว ดูแลให้ เปล่งปลั่ง
     นำส่วนใบของว่านหางจระเข้ที่แก่จัด อายุมากกว่า 1 ปี มาล้างให้สะอาด ตัดเอาวุ้นให้ได้ 1/2 แก้ว ใส่ไว้ในชามเล็กๆ ใช้ส้อมยีให้เละ และวใช้ปลายนิ้วแตะวุ้นทาให้ทั่วใบหน้า เว้นบริเวณรอบตาและริมฝีปาก ระหว่างที่ทาคววรใช้ปลายนิ้วค่อยกดนวดไปด้วยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นจนสะอาด ผิวหน้าจะสดชื่น เปล่งปลั่งหมั่นทำทุกๆ 2 - 3 วัน สูตรนี้ยังใช้รักษาผิวหน้าที่ไหม้เกรียมและถูกแดดเผาอย่างๆได้ผลด้วย

ถนอมผิวส่วนที่หยาบกร้าน
      ถนอมผิวส่วนที่หยาบกร้าน เช่น มือ เท้า ข้อศอก หัวเข่า นำสับปะรดมาหั่นพอดีคำใช้ประมาณ 4 - 5 ชิ้น ยีด้วยส้อมให้เละแล้วผสมน้ำผึ้งแท้ คลเคล้าให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่กับน้ำอุ่น ซับด้วยผ้าขนหนูพอหมาดๆ แล้วชโลมด้วยครีมสับปะรด ลูบไล้ให้ทั่วมือทั้งสองข้าง ทาที่ข้อศอก หัวเข่าและเท้า ทิ้งไว้ 10 - 15 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำอุ่นเปล่าให้สะอาด ซับให้แห้ง ทาผิวด้วยโลชั่น ทำประจำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ผิวบริเวณที่หยาบกร้านจะนุ่มละมุน

บำรุงผมให้นุ่มหนา
      บำรุงผมให้นุ่มหนา เงางามและแข็งแรง นำส่วนใบของว่านหางจระเข้มาทำวิธีเดียวกับสูตรที่ 1 แต่ใช้เพิ่มเป็น 1 ถ้วยข้าวต้ม เสร็จแล้วเอาน้ำราดผมให้เปียกชุ่ม แล้วใช้ปลายนิ้วแตะครีมวุ้นว่านหางจระเข้ ชโลมผมให้ทั่วศรีษะ ขยี้เบาๆ ไปด้วยเพื่อให้เนื้อวุ้นกระจายไปทั่วเส้นผมอย่างทั่งถึง นำผ้านขนหนูผืนเล็กมาห่อคลุมไว้ให้มิดชิด หมักทิ้งไว้นานประมาณ 30 นาที จึงค่อยๆ ล้างออกด้วยน้ำอุ่นให้สะอาดแล้วสระผมตามปกติ สูตรนี้ควรทำทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง ติดต่อกัน 1 - 2 เดือน เส้นผมจะมีน้ำหนักเป็นเงางาม

เยลลี่ว่านหางจระเข้

ส่วนผสม
ผงเยลลี่ 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
ว่านหางจระเข้เชื่อม 1/4 ถ้วยตวง
สีผสมอาหาร สีเขียวแอปเปิล

วิธีทำ
ผสมผงเยลลี่ น้ำเปล่า น้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน ใส่สีเขียวตามต้องการ นำขึ้นตั้งไฟ คนให้ส่วนผสมละลาย ใส่ว่านหางจระเข้เชื่อมเทใส่พิมพ์รูปต่างๆ

ที่มา http://us.geocities.com/thaimedicinecm/pesatkamthai.htm
ข้อมูลจาก exteen.com ขอขอบพระคุณด้วยครับ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3504 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2553, 17:03:27 »

อ้างถึง
ข้อความของ jum2524 เมื่อ 26 มิถุนายน 2553, 02:12:40
หวัดดีจ้ะลุงเก๊า  เข้ามาบ้านนี้ทีไร  ได้เห็นดอกไม้  ชื่นใจทุกที...แถม!!..ได้ความรู้อีกด้วย หลั่นล้า

จุ๋มคะ..นอนดึกจัง..
      บันทึกการเข้า
jum2524
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,077

« ตอบ #3505 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2553, 19:30:57 »

อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 26 มิถุนายน 2553, 17:03:27
อ้างถึง
ข้อความของ jum2524 เมื่อ 26 มิถุนายน 2553, 02:12:40
หวัดดีจ้ะลุงเก๊า  เข้ามาบ้านนี้ทีไร  ได้เห็นดอกไม้  ชื่นใจทุกที...แถม!!..ได้ความรู้อีกด้วย หลั่นล้า

จุ๋มคะ..นอนดึกจัง..

คือว่า...เวลาอยู่ที่บ้านนท์คนเดียว  ไม่มีใครให้เกรงใจ  เลยเผลอไผลไปหน่อยค่ะเอ๋...
      บันทึกการเข้า
jum2524
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,077

« ตอบ #3506 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2553, 19:35:54 »

...เข้ามาทักทายรูปโลโก้ใหม่ของลุงเก๊า  ดูเข้าท่าดีจ้ะลุง...

...ยังมีให้ลุงลองลงเล่นได้อีกหลายรูปอ่ะ..ก็บอกแล้วไงว่า..ลุงเก๊าเรามีเค้าว่าเคยหล่อ..ต่อให้ตอนนี้ก็เหอะ... ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #3507 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2553, 20:51:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 25 มิถุนายน 2553, 08:58:47
สงสัยต้องหาเวลาไปขโมยต้นเฟิร์นที่บ้านแม่เลี้ยงซักวัน ระวังให้ดีนะเพราะสวยๆทั้งนั้นดูแล้วสดชื่นดี

ลุงตี้คิดไว้หรือยังจะขโมยต้นไหน   แล้วไม่คิดจะขโมยสับปะรดสีบ้างเหรอคะ
      บันทึกการเข้า
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #3508 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2553, 20:56:35 »

อ้างถึง
ข้อความของ เก๊า(24) เมื่อ 25 มิถุนายน 2553, 19:16:17
วันนี้มีบัวดินมาฝาก แม่เลี้ยง และเพื่อนๆครับ  แม่เลี้ยงปลูกบ้างหรือเปล่าครับ



พัชมีแบบดอกสีชมพูค่ะ อาจารย์เก๊า  น้อง ๆ พนักงานเขาเอามาปลูกไว้ให้ที่โรงงาน
แต่ถูกรื้อลงถุงไว้ในโรงเรือนซะแล้ว  เมื่อก่อนที่ยังอยู่ในแปลงช่วงที่เขาบานพร้อมกันสวยมาก  ตัดมาใส่แจกันก็ทนพอใช้
      บันทึกการเข้า
ตี้ถาปัด
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2524
คณะ: สถาปัตยกรรมศาสตร์
กระทู้: 10,337

« ตอบ #3509 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2553, 09:05:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 26 มิถุนายน 2553, 20:51:40
อ้างถึง
ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 25 มิถุนายน 2553, 08:58:47
สงสัยต้องหาเวลาไปขโมยต้นเฟิร์นที่บ้านแม่เลี้ยงซักวัน ระวังให้ดีนะเพราะสวยๆทั้งนั้นดูแล้วสดชื่นดี




ลุงตี้คิดไว้หรือยังจะขโมยต้นไหน   แล้วไม่คิดจะขโมยสับปะรดสีบ้างเหรอคะ


คงจะขโมยทั้งหมดเลยแหละแม่เลี้ยง อันไหนหยิบได้ก็หยิบหมดเลย

วันนี้มีคำถามมาถามแม่เลี้ยงกะเฮียเก๊า เนื่องจากเมื่อวานเปลี่ยนกาบมะพร้าวสับให้กับไม้กระถางแล้วเจอปัญหาดังนี้

พวกไม้กระถางที่เราซื้อมาจากร้านประเภทไม้ใบ ไม้มงคลที่เขามักจะตั้งชื่อซะดูดี เพื่อเพิ่มราคาเนี่ยนะ
เวลาเลี้ยงไปซักพักนึง (เป็นปี) ก็จะเริ่มแตกหน่อเพิ่มเติม รากออกมากมายแย่งอาหารกันใหญ่
และในช่วงหน้าร้อนต่อเข้าฝนแบบนี้ก็จะเกิดอาการโทรม ใบไหม้บางส่วนเนื่องจากโดนแดด ลำต้นมีเพลี้ย
หรืออะไรบางอย่างที่น่าจะเป็นโรคพืชที่ทำให้ก้านในที่บริเวณติดลำต้นเกิดอาการเน่าและรุกลามบานปลาย
เราจะต้องทำอย่างไรในการดูแลรักษา เพราะปีที่แล้วมันแพร่กระจายมากจนเน่าตายไปหลายต้น
มียาอะไรมาฉีดเพื่อทำลายเพลี้ย หรือโรคพืชนี้ได้หรือไม่ และควรจะทำตอนไหนเป็นการป้องกันก่อน

คำถามยืดยาว ไม่รู้ว่าอ่านแล้วจะเข้าใจหรือป่าว
      บันทึกการเข้า

2437041
ตี้ถาปัด
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2524
คณะ: สถาปัตยกรรมศาสตร์
กระทู้: 10,337

« ตอบ #3510 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2553, 09:15:07 »

อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 26 มิถุนายน 2553, 20:56:35
อ้างถึง
ข้อความของ เก๊า(24) เมื่อ 25 มิถุนายน 2553, 19:16:17
วันนี้มีบัวดินมาฝาก แม่เลี้ยง และเพื่อนๆครับ  แม่เลี้ยงปลูกบ้างหรือเปล่าครับ



พัชมีแบบดอกสีชมพูค่ะ อาจารย์เก๊า  น้อง ๆ พนักงานเขาเอามาปลูกไว้ให้ที่โรงงาน
แต่ถูกรื้อลงถุงไว้ในโรงเรือนซะแล้ว  เมื่อก่อนที่ยังอยู่ในแปลงช่วงที่เขาบานพร้อมกันสวยมาก  ตัดมาใส่แจกันก็ทนพอใช้


พอดีมีภาพบัวดินอยู่บ้าง เลยเอาภาพมาประกอบการคุยครับ
แต่บางภาพอาจจะดูโหดร้ายไปหน่อยนะ ประมาณว่า นางฟ้ากะซาตาน






บัวดินเริงร่าเล่นสงกรานต์
      บันทึกการเข้า

2437041
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #3511 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2553, 11:40:21 »

อ้างถึง
ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 27 มิถุนายน 2553, 09:05:37
อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 26 มิถุนายน 2553, 20:51:40
อ้างถึง
ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 25 มิถุนายน 2553, 08:58:47
สงสัยต้องหาเวลาไปขโมยต้นเฟิร์นที่บ้านแม่เลี้ยงซักวัน ระวังให้ดีนะเพราะสวยๆทั้งนั้นดูแล้วสดชื่นดี




ลุงตี้คิดไว้หรือยังจะขโมยต้นไหน   แล้วไม่คิดจะขโมยสับปะรดสีบ้างเหรอคะ


คงจะขโมยทั้งหมดเลยแหละแม่เลี้ยง อันไหนหยิบได้ก็หยิบหมดเลย

emo29:P:เอ่อ... ลุงตี้ย้ายมาอยู่ที่บ้านพัชเลย  ไม่ง่ายกว่าเหรอคะ
      บันทึกการเข้า
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #3512 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2553, 11:45:24 »

อ้างถึง
ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 27 มิถุนายน 2553, 09:05:37

วันนี้มีคำถามมาถามแม่เลี้ยงกะเฮียเก๊า เนื่องจากเมื่อวานเปลี่ยนกาบมะพร้าวสับให้กับไม้กระถางแล้วเจอปัญหาดังนี้

พวกไม้กระถางที่เราซื้อมาจากร้านประเภทไม้ใบ ไม้มงคลที่เขามักจะตั้งชื่อซะดูดี เพื่อเพิ่มราคาเนี่ยนะ
เวลาเลี้ยงไปซักพักนึง (เป็นปี) ก็จะเริ่มแตกหน่อเพิ่มเติม รากออกมากมายแย่งอาหารกันใหญ่และในช่วงหน้าร้อนต่อเข้าฝนแบบนี้ก็จะเกิดอาการโทรม ใบไหม้บางส่วนเนื่องจากโดนแดด ลำต้นมีเพลี้ยหรืออะไรบางอย่างที่น่าจะเป็นโรคพืชที่ทำให้ก้านในที่บริเวณติดลำต้นเกิดอาการเน่าและรุกลามบานปลาย
เราจะต้องทำอย่างไรในการดูแลรักษา เพราะปีที่แล้วมันแพร่กระจายมากจนเน่าตายไปหลายต้น
มียาอะไรมาฉีดเพื่อทำลายเพลี้ย หรือโรคพืชนี้ได้หรือไม่ และควรจะทำตอนไหนเป็นการป้องกันก่อน
คำถามยืดยาว ไม่รู้ว่าอ่านแล้วจะเข้าใจหรือป่า
ลุงตี้..  รู้สึกว่ามันจะอาการหนักนะคะ  เกือบบอกให้เอามาสับ ๆ แล้วหมักด้วย อีเม็ม  ไว้ทำปุ๋ยซะแล้ว
      บันทึกการเข้า
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #3513 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2553, 12:00:29 »

ลุงตี้คะ  ไม้กระถางต้องคอยเปลี่ยนวัสดุปลูกให้เขาค่ะ  หนึ่งปีก็น่าจะพอสมควร  สำหรับพัชเองจะใช้วิธีสังเกตว่าเขาดูแจ่มใสดีอยู่หรือเปล่า
ถ้ามันเริ่มแทงหน่อก็น่าจะเริ่มเปลี่ยนขนาดกระถาง ตัดแต่งรากเก่าออกบ้าง  ปาดวัสดุปลูกเก่าออกเหลือที่อยู่ใกล้ลำต้น  หรืออาจจะแยกกอเพิ่มกระถาง   และถ้าไม้ของลุงตี้(เดาว่าคงเป็นพวกอโกลนีมา) มีก้านหรือใบที่ไม่ใช่สีเขียวหรือขาว  ก็ควรมีพวกปุ๋ยที่เร่งสีช่วย  หรืออาจลองเติมพวกใบมะขามลงไปคลุกเคล้าบางก็ได้

หมั่นตัดแต่งใบแก่และดอกออก  เพื่อไม่ให้ต้นโทรม  ยิ่งถ้าปล่อยใบแก่คาต้นแล้วเกิดอมน้ำเวลาฝนตกหรือรดน้ำมันก็จะเน่าและอาจมีเชื้อรามากินและลุกลาม  แต่บางครั้งต้นไม้ก็โดนฉี่แมลงบางอย่างแล้วเสียหายได้เหมือนกัน   ส่วนเพลี้ยถ้าไม่เยอะก็ลองเก็บออก  หรือพ่นสารสะเดา  (เรื่องนี้ส่งต่อ
ให้อาจารย์เก๊าและน้องจิ๋วน่าจะช่วยได้มากกว่า) ถ้าหนักจริง ๆ อาจยอมใช้ยาเคมี  หรือไม่งั้นก็ตัดบริเวณที่ป่วยทิ้งรอแตกใหม่  แต่ไม้บางอย่างก็ต้องทำใจ  พอถึงระยะหนึ่งฟอร์มต้นเขาจะไม่สวย  ก็ต้องเอามาตัดชำใหม่  ก็เหมือนกันหมดค่ะ  คนก็เหมือนกัน   มันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ค่ะ

ส่วนเรื่องโดนแดดลุงตี้ทราบสาเหตุก็ช่วยพามันหลบแดดนะคะ   เวลาย้ายที่วางหรือปลูกต้นไม้  หรือปลูกใหม่ส่วนมากพัชจะทำเวลาที่อยู่บ้านค่ะ
เพื่อว่าจะได้สังเกตเขาได้  บางที่ก็ยังพลาด  ไม่แม่นเรื่องแสงแต่ละจุด  เผลอย้ายไม้จากร่มไปวาง  แดดมากไปก็ป่วย    จริง ๆ ถ้าจะย้ายต้องค่อย ๆ
ย้ายออกไปให้ได้รับแสงเพิ่มขี้นทีละน้อย
      บันทึกการเข้า
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #3514 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2553, 12:06:32 »

อ้างถึง
ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 27 มิถุนายน 2553, 09:15:07
แต่ถูกรื้อลงถุงไว้ในโรงเรือนซะแล้ว  เมื่อก่อนที่ยังอยู่ในแปลงช่วงที่เขาบานพร้อมกันสวยมาก  ตัดมาใส่แจกันก็ทนพอใช้
[/color][/size]
พอดีมีภาพบัวดินอยู่บ้าง เลยเอาภาพมาประกอบการคุยครับ
แต่บางภาพอาจจะดูโหดร้ายไปหน่อยนะ ประมาณว่า นางฟ้ากะซาตาน






บัวดินเริงร่าเล่นสงกรานต์

[/quote]

ขอบคุณสำหรับภาพบัวดินทั้งสามภาพค่ะ รวมทั้งเจ้าซาตานที่จริง  ๆ ก็ดูน่ารักค่ะ 
ที่บ้านก็กำลังมีพวกตัวบุ้งขนหลังสีส้ม ๆ มากินใบไม้  ถ้าเป็นพวกนี้ก็จะปล่อย  เดี่ยวคงเป็นผีเสื้อแล้ว  ที่บ้านมีพุดกุหลาบต้นหนึ่งที่หนอนตัวโตชอบมากิน  อีกต้นใกล้ ๆ กันมันก็ไม่กินนะ  กินแต่ต้นนี้ซ้ำ ๆ โกร๋น  แล้วก็กลับมาสวยใหม่  ที่รับไม่ได้คือ
พวกหอยทากค่ะ  กินไม่เลือก ออกลูกเก่ง  เก็บทิ้งไม่หมดซะที  พยายามคิดว่ามันทำประโยชน์อะไรให้ต้นไม้บ้างยังคิดไม่ออก
ลุงตี้  อาจารย์เก๊า เพื่อน ๆ ช่วยคิดหน่อยค่ะ
      บันทึกการเข้า
เก๊า(24)
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,069

« ตอบ #3515 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2553, 12:43:53 »

อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 27 มิถุนายน 2553, 12:00:29
ลุงตี้คะ  ไม้กระถางต้องคอยเปลี่ยนวัสดุปลูกให้เขาค่ะ  หนึ่งปีก็น่าจะพอสมควร  สำหรับพัชเองจะใช้วิธีสังเกตว่าเขาดูแจ่มใสดีอยู่หรือเปล่า
ถ้ามันเริ่มแทงหน่อก็น่าจะเริ่มเปลี่ยนขนาดกระถาง ตัดแต่งรากเก่าออกบ้าง  ปาดวัสดุปลูกเก่าออกเหลือที่อยู่ใกล้ลำต้น  หรืออาจจะแยกกอเพิ่มกระถาง   และถ้าไม้ของลุงตี้(เดาว่าคงเป็นพวกอโกลนีมา) มีก้านหรือใบที่ไม่ใช่สีเขียวหรือขาว  ก็ควรมีพวกปุ๋ยที่เร่งสีช่วย  หรืออาจลองเติมพวกใบมะขามลงไปคลุกเคล้าบางก็ได้

หมั่นตัดแต่งใบแก่และดอกออก  เพื่อไม่ให้ต้นโทรม  ยิ่งถ้าปล่อยใบแก่คาต้นแล้วเกิดอมน้ำเวลาฝนตกหรือรดน้ำมันก็จะเน่าและอาจมีเชื้อรามากินและลุกลาม  แต่บางครั้งต้นไม้ก็โดนฉี่แมลงบางอย่างแล้วเสียหายได้เหมือนกัน   ส่วนเพลี้ยถ้าไม่เยอะก็ลองเก็บออก  หรือพ่นสารสะเดา  (เรื่องนี้ส่งต่อ
ให้อาจารย์เก๊าและน้องจิ๋วน่าจะช่วยได้มากกว่า) ถ้าหนักจริง ๆ อาจยอมใช้ยาเคมี  หรือไม่งั้นก็ตัดบริเวณที่ป่วยทิ้งรอแตกใหม่  แต่ไม้บางอย่างก็ต้องทำใจ  พอถึงระยะหนึ่งฟอร์มต้นเขาจะไม่สวย  ก็ต้องเอามาตัดชำใหม่  ก็เหมือนกันหมดค่ะ  คนก็เหมือนกัน   มันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ค่ะ

ส่วนเรื่องโดนแดดลุงตี้ทราบสาเหตุก็ช่วยพามันหลบแดดนะคะ   เวลาย้ายที่วางหรือปลูกต้นไม้  หรือปลูกใหม่ส่วนมากพัชจะทำเวลาที่อยู่บ้านค่ะ
เพื่อว่าจะได้สังเกตเขาได้  บางที่ก็ยังพลาด  ไม่แม่นเรื่องแสงแต่ละจุด  เผลอย้ายไม้จากร่มไปวาง  แดดมากไปก็ป่วย    จริง ๆ ถ้าจะย้ายต้องค่อย ๆ
ย้ายออกไปให้ได้รับแสงเพิ่มขี้นทีละน้อย

ผมเห็นด้วยกับคำตอบแม่เลี้ยงครับ ลุงตี้  ก่อนจะตอบ ขอข้อมูลเพิ่มเติมหน่อยครับ
1 โรคนี้เป็นเฉพาะช่วงหน้าร้อนต่อเนื่องหน้าฝนใช่หรือไม่  เป็นเฉพาะไม้ใบ พวก ว่าน พวก บอน ขิงข่า พืชมีหัวอื่นๆใช่หรือไม่
สาเหตุอาจเกิดจาก หน้าร้อนอากาศบ้านลุงตี้ร้อนจัด ถ้าพืชพวกนี้ไม่ได้อยู่ในโรงเรือน จะทนไม่ค่อยไหว ทำให้ภูมิต้านทานโรคลดลง เมื่อเจอหน้าฝน(โดยเฉพาะฝนใน กทม.ตกใหม่ๆน่าจะมีสภาพเป็นกรดคาบอร์นิค เพราะอากาศในกรุงเทพมีคาร์บอนไดออกไซค์สูง) ก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เป็นโรคโคนเน่าใบเน่าได้ง่าย
2 ลุงตี้ใช้น้ำอะไรรดต้นไม้ มีวิธีให้น้ำอย่างไร เช่น ใช้บัวรดน้ำ หรือใช้สายยางฉีด หรือใช้สริงเกอร์  แล้วรดน้ำตอนไหน เช้ากลางวันเย็น
สาเหตุอาจมาจากลุงตี้ใช้น้ำประปารดน้ำต้นไม้โดยไม่มีการพักน้ำ  น้ำประปาในกทม.ในช่วงฤดูร้อนการประปาน่าจะใส่คลอรีนมากกว่าปกติเพื่อฆ่าเชื้อโรคเนื่องจากน้ำต้นทุนอาจเหลือน้อยมีสิ่งเจือปนมากเนื่องจากยังไม่มีน้ำฝนมาเจือจาง คลอรีนก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เน่าได้ครับ
หรือถ้าลุงตี้ใช้สายยางฉีดรดน้ำต้นไม้ ถ้ารดตอนเที่ยงๆหรือบ่ายๆ  ในช่วงหน้าร้อนน้ำที่ค้างท่อสายยางหรือท่อประปาจะตากแดดและมีอุณหภูมิสูง การนำไปรดต้นไม้ก็เหมือนกับการนำน้ำร้อนไปลวกต้นไม้ เน่าตายแน่ๆครับ หรือขณะให้น้ำต้นไม้กำลังโดนแดดเผาร้อนจัดๆ เอาน้ำเย็นๆไปรด ก็อาจช็อคตายได้ เปรียบเทียบง่ายๆเหมือนหม้อน้ำรดยนต์แห้งความร้อนขึ้นสูง ต้องรอให้หม้อน้ำเย็นก่อนค่อยเติมน้ำลงไปได้  และหากรดน้ำตอนเย็นหรือค่ำก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้นไม้ไม่แข็งแรง เพราะต้นไม้เวลากลางคืนเขาไม่สังเคราะห์แสงไม่ต้องการน้ำ  การให้น้ำตอนกลางคืนทำให้ต้นไม้ไม่แข็งแรงอ่อนแอต่อโรคต่าง  เหมือนคนจะนอนเอาน้ำไปสาดให้เปียกทุกคืน ใครจะทนไหว
3 นอกจากเพลี้ยแป้งแล้วมี ศัตรูตัวอื่นอีกไหม เช่น หนอนเจาะลำต้น (สังเกตุต้นเป็นรู) หรือแมลงปีกแข็งเล็กๆอื่นๆ
สาเหตุอาจเกิดจากศัตรูพืชทุกชนิดที่มากัดกิน จะสร้างรอยแผลให้แก่ต้นพืช ทำให้เชื้อราหรือบัคเตรเลียเข้าทำลายต่อเนื่องได้ ก็ทำให้เน่าตายได้ครับ
4 ตั้งแต่ซื้อต้นมานอกจากใส่ปุ๋ยแล้ว เคยพ่นยาอื่นๆอีกหรือไม่   ให้ปุ๋ยประเภทใด ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก หรือให้ปุ๋ยทางใบ
เพราะถ้าใช้ยาหรือปุ๋ยที่เข้มข้นเกินไป ก็อาจเป็นเหตุให้ต้นไม้ตายได้ การใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ก็อาจเป็นการนำเชื้อรามาสู่ไม้ประเภทนี้ได้
      บันทึกการเข้า
เก๊า(24)
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,069

« ตอบ #3516 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2553, 13:03:05 »


[/quote]
ขอบคุณสำหรับภาพบัวดินทั้งสามภาพค่ะ รวมทั้งเจ้าซาตานที่จริง  ๆ ก็ดูน่ารักค่ะ 
ที่บ้านก็กำลังมีพวกตัวบุ้งขนหลังสีส้ม ๆ มากินใบไม้  ถ้าเป็นพวกนี้ก็จะปล่อย  เดี่ยวคงเป็นผีเสื้อแล้ว  ที่บ้านมีพุดกุหลาบต้นหนึ่งที่หนอนตัวโตชอบมากิน  อีกต้นใกล้ ๆ กันมันก็ไม่กินนะ  กินแต่ต้นนี้ซ้ำ ๆ โกร๋น  แล้วก็กลับมาสวยใหม่  ที่รับไม่ได้คือ
พวกหอยทากค่ะ  กินไม่เลือก ออกลูกเก่ง  เก็บทิ้งไม่หมดซะที  พยายามคิดว่ามันทำประโยชน์อะไรให้ต้นไม้บ้างยังคิดไม่ออก
ลุงตี้  อาจารย์เก๊า เพื่อน ๆ ช่วยคิดหน่อยค่ะ

[/quote]
1 ตัวแม่ผีเสื้อวางไข่ไว้ต้นไหนแล้วลูกโตดี มักจะกลับมาวางที่เดิมในครั้งต่อไป  แล้วลูกที่เกิดมา เกิดตรงไหนก็มักจะกลับไปวางไข่ที่ตัวเองเกิดเพราะรู้ว่าอาหารสมบูรณ์และปลอดภัย  น่าจะเป็นสันชาตญาณของแมลง และความฉลาดเพื่อการดำรงเผ่าพันธุ์ของเขาครับ
2 ประโยชน์ของหอยทากที่ชัดเจนเด่นๆยังไม่พบครับ   แต่ถ้ามองในแง่ดีอาจพอเห็นรำไรครับ
ข้อแรก  ถ้าไม่บาปก็เก็บไปทุบทำลายทำปุ๋ยหมักน้ำ อีเอ็ม น่าจะได้ เหมือนพวกหอยเชอรี่
ข้อสอง  พืชบางชนิดอาจต้องการให้อะไรสักอย่างมาช่วยกัดกินใบแก่ให้หมดเพื่อจะได้ออกใบใหม่ หรือออกดอกสวยๆ
ข้อสาม  เปลือกและมูลของหอยทากน่าจะเป็นปุ๋ยอย่างดีสำหรับพืช ในอนาคตอาจมีคนเลี้ยงหอยทากเพื่อนำมูลมันมาทำปุ๋ยขาย เช่นเดียวกันกับพวกไส้เดือน  ที่เขานำมูลไส้เดือนมาขายเป็นปุ๋ยทำเงินอย่างมากมาย เช่น ปุ๋ยน้องเดือน
ตอบแบบนี้พอใช้ได้ไหมครับ แม่เลี้ยง
      บันทึกการเข้า
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #3517 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2553, 13:14:19 »

ชอบคำตอบเรื่องตัวหนอนมากเลยค่ะ อาจารย์เก๊า  โลกของแมลงก็น่าทึ่งจริง ๆ ค่ะ
แต่เรื่องหอย  จริง ๆ เวลามองมัน มันก็ดูน่ารักดีนะคะ  แต่รับไม่ได้จริง ๆ เวลาเห็นมันกัดใบไม้  ที่หวั่นใจก็คือยิ่งกินดียิ่งลูกดก
ถ้าลูกไม่ดกก็จะทำเป็นไม่เห็นได้    คุณอ๋าเขาก็ว่าให้เอาไปหมักเป็นปุ๋ยค่ะ  แต่ทำไม่ลงเพราะรู้ตั้งแต่แรกว่ามันต้องตายแน่ ๆ เลยคิดว่า
คงไม่พ้นเจตนาฆ่า ค่ะ   ปัจจุบันยังใช้วิธีเก็บไปทิ้้ง  แต่ก่อนทิ้งยังโดนขังไว้ในกระป๋องรุ่งเช้าหรือถ้าขยันหน่อยก็เดินออกไปทิ้งในพงหญ้าข้างทาง
ให้มันพองง ๆ จำทางกลับบ้านไม่ได้  ถ้าแย่หน่อยลืมข้ามวัน  ก็คงต้องยอมก้มหน้ารับกรรมของเราค่ะ  แต่ก็ไม่ได้ปิดฝาจนแน่นนะคะ พร้อมกับ
ใส่เศษใบไม้ไว้ให้เล็กน้อย  บาปกรรมคงเบาหน่อยนะคะ sorry  
      บันทึกการเข้า
เก๊า(24)
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,069

« ตอบ #3518 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2553, 13:37:39 »

อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 27 มิถุนายน 2553, 13:14:19
ชอบคำตอบเรื่องตัวหนอนมากเลยค่ะ อาจารย์เก๊า  โลกของแมลงก็น่าทึ่งจริง ๆ ค่ะ
แต่เรื่องหอย  จริง ๆ เวลามองมัน มันก็ดูน่ารักดีนะคะ  แต่รับไม่ได้จริง ๆ เวลาเห็นมันกัดใบไม้  ที่หวั่นใจก็คือยิ่งกินดียิ่งลูกดก
ถ้าลูกไม่ดกก็จะทำเป็นไม่เห็นได้    คุณอ๋าเขาก็ว่าให้เอาไปหมักเป็นปุ๋ยค่ะ  แต่ทำไม่ลงเพราะรู้ตั้งแต่แรกว่ามันต้องตายแน่ ๆ เลยคิดว่า
คงไม่พ้นเจตนาฆ่า ค่ะ   ปัจจุบันยังใช้วิธีเก็บไปทิ้้ง  แต่ก่อนทิ้งยังโดนขังไว้ในกระป๋องรุ่งเช้าหรือถ้าขยันหน่อยก็เดินออกไปทิ้งในพงหญ้าข้างทาง
ให้มันพองง ๆ จำทางกลับบ้านไม่ได้  ถ้าแย่หน่อยลืมข้ามวัน  ก็คงต้องยอมก้มหน้ารับกรรมของเราค่ะ  แต่ก็ไม่ได้ปิดฝาจนแน่นนะคะ พร้อมกับ
ใส่เศษใบไม้ไว้ให้เล็กน้อย  บาปกรรมคงเบาหน่อยนะคะ sorry 

ปกติหอยทากน่าจะเกิดช่วงหน้าฝน หน้าหนาวกับหน้าร้อนไม่ค่อยมี  ผมว่าเขาเลือกกินต้นไม้เหมือนกันนะครับ (ไม่กินทุกอย่าง) อาจต้องย้ายต้นไม้ที่หอยชอบกินหนีขึ้นที่สูงแห้งๆ ในช่วงหน้าฝน เขาคงตามไปกินไม่ไหว   
แม่เลี้ยง ลองเก็บหอยไปทิ้งในที่ไกลๆห่างจากที่เดิมสัก 1-2 กม ผมว่าเขาไม่น่าจะเดินกลับมาที่เดิมไหว  ถ้าเก็บออกทุกครั้งที่พบไม่นานน่าจะหมดครับ
      บันทึกการเข้า
แจง-24
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 10,028

« ตอบ #3519 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2553, 20:54:13 »

ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมบ้านนี้หลายวัน ต้องตามอ่านใหญ่เลย....สนุกจัง
ภาพดอกไม้ก็สวย ทั้งเฟิร์นเขียวชุ่มฉ่ำของแม่เลี้ยงพัด และบัวดินสีสวยของลุงตี้กับท่านเก๊า

แปลกใจที่ตลาดต้นไม้เมืองชลไม่มีบัวดินขายเลยค่ะ
เห็นเพื่อนบ้านปลูกอยู่ริมรั้ว เขาบอกซื้อมาจากเมืองนนท์
สงสัยแถวนี้ปลูกไม่ค่อยงาม (ถ้าอยู่บ้านแจง คงเสร็จเจ้าสี่ขาตามเคย)

ส่วนเรื่องหนอน สงสัยช่วงนี้เป็นฤดูวางไข่ของเขาแน่เลย
ที่บ้านแจง เพิ่งจับหนอนแก้วจากต้นสัตบรรณไปปล่อยกันถุงใหญ่
แต่เมื่อวานซืน มีผีเสื้อสีเหลือง-ดำ มาบินวนกันอีก 6-7 ตัว
คงต้องเตรียมจับฝูงหนอนบุ้งกันเป็นรายการต่อไปล่ะค่ะ
      บันทึกการเข้า

   อยู่อย่างต่ำ กระทำอย่างสูง
แจง-24
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 10,028

« ตอบ #3520 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2553, 21:03:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 22 มิถุนายน 2553, 22:27:38

อ้างถึง
ข้อความของ แจง-24 เมื่อ 23 มิถุนายน 2553, 21:15:05
แจงก็ได้รับส่วนแบ่งลิ้นจี่ฮองฮวยแสนอร่อย
และสับปะรดนางแลหวานกรอบ มาจากมาดามจุ๋มเช่นกัน

คุณตาคุณยายที่บ้านชอบกันมาก
และฝากขอบคุณมากๆด้วยค่ะ แม่เลี้ยง


ดีใจค่ะ ที่แจงและคุณตาคุณยายชอบ
ขอแก้ไขนะคะ  ลิ้นจี่ที่ส่งไปคือ พันธุ์จักรพรรดิ์ค่ะ  ซึ่งปกติลูกโตสวยแต่หายากที่่จะหวาน   สำหรับสวนนี้
แวะไปชิมล่วงหน้าและนัดวันไปรับอีกที  แต่ก็เป็นห่วงว่าจะไม่หวานเหมือนวันไปชิม
วันที่ไปรับก็เป็นวันที่เขาเพิ่งเก็บลงจากต้น  เลยยังไม่ค่อยลืมต้น  ถ้าเพื่อน ๆ ยังพอทานได้ก็โล่งใจค่ะ

อีกนิดหนึ่งค่ะ แจง  สับปะรดลูกเล็ก ๆ นั้น  คือ  ภูแลค่ะ  พ่อภูเก็ต แม่นางแลค่ะ  กรอบตามพ่อหวานไม่กัดลิ้นตามแม่ค่ะ


ยิ่งได้รู้ ก็ยิ่งต้องขอบคุณใหญ่เลยค่ะ แม่เลี้ยงพัด
ตอนแรกเห็นขนาดลูกลิ้นจี่ ก็นึกว่าเป็นจักรพรรดิ์ แต่พอกัดลงไป รสชาดหวานจัดเหมือนฮองฮวย
เลยฟันธงกันว่าเป็นฮองฮวยไซส์ใหญ่พิเศษ
ที่แท้ก็เป็นจักรพรรดิ์หวานพิเศษนี่เอง...หายากมากนะคะ เป็นบุญปากจริงๆ
ขอบคุณทั้งแม่เลี้ยงพัดเจ้าของลิ้นจี่ และมาดามจุ๋มที่แบ่งมาให้ค่ะ

สับปะรดภูแลก็อร่อยมากๆ คุณตาคุณยายไม่รู้ว่าเป็นภูแล กลัวกัดลิ้น เลยชิมกันคนละชิ้น
นอกนั้น แจ๋วแจงฟาดหมดเจ้าค่ะ...แฮ่ !!!
      บันทึกการเข้า

   อยู่อย่างต่ำ กระทำอย่างสูง
ตี้ถาปัด
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2524
คณะ: สถาปัตยกรรมศาสตร์
กระทู้: 10,337

« ตอบ #3521 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2553, 09:25:29 »

อ้างถึง
ข้อความของ เก๊า(24) เมื่อ 27 มิถุนายน 2553, 12:43:53
อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 27 มิถุนายน 2553, 12:00:29
ลุงตี้คะ  ไม้กระถางต้องคอยเปลี่ยนวัสดุปลูกให้เขาค่ะ  หนึ่งปีก็น่าจะพอสมควร  สำหรับพัชเองจะใช้วิธีสังเกตว่าเขาดูแจ่มใสดีอยู่หรือเปล่า
ถ้ามันเริ่มแทงหน่อก็น่าจะเริ่มเปลี่ยนขนาดกระถาง ตัดแต่งรากเก่าออกบ้าง  ปาดวัสดุปลูกเก่าออกเหลือที่อยู่ใกล้ลำต้น  หรืออาจจะแยกกอเพิ่มกระถาง   และถ้าไม้ของลุงตี้(เดาว่าคงเป็นพวกอโกลนีมา) มีก้านหรือใบที่ไม่ใช่สีเขียวหรือขาว  ก็ควรมีพวกปุ๋ยที่เร่งสีช่วย  หรืออาจลองเติมพวกใบมะขามลงไปคลุกเคล้าบางก็ได้

หมั่นตัดแต่งใบแก่และดอกออก  เพื่อไม่ให้ต้นโทรม  ยิ่งถ้าปล่อยใบแก่คาต้นแล้วเกิดอมน้ำเวลาฝนตกหรือรดน้ำมันก็จะเน่าและอาจมีเชื้อรามากินและลุกลาม  แต่บางครั้งต้นไม้ก็โดนฉี่แมลงบางอย่างแล้วเสียหายได้เหมือนกัน   ส่วนเพลี้ยถ้าไม่เยอะก็ลองเก็บออก  หรือพ่นสารสะเดา  (เรื่องนี้ส่งต่อ
ให้อาจารย์เก๊าและน้องจิ๋วน่าจะช่วยได้มากกว่า) ถ้าหนักจริง ๆ อาจยอมใช้ยาเคมี  หรือไม่งั้นก็ตัดบริเวณที่ป่วยทิ้งรอแตกใหม่  แต่ไม้บางอย่างก็ต้องทำใจ  พอถึงระยะหนึ่งฟอร์มต้นเขาจะไม่สวย  ก็ต้องเอามาตัดชำใหม่  ก็เหมือนกันหมดค่ะ  คนก็เหมือนกัน   มันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ค่ะ

ส่วนเรื่องโดนแดดลุงตี้ทราบสาเหตุก็ช่วยพามันหลบแดดนะคะ   เวลาย้ายที่วางหรือปลูกต้นไม้  หรือปลูกใหม่ส่วนมากพัชจะทำเวลาที่อยู่บ้านค่ะ
เพื่อว่าจะได้สังเกตเขาได้  บางที่ก็ยังพลาด  ไม่แม่นเรื่องแสงแต่ละจุด  เผลอย้ายไม้จากร่มไปวาง  แดดมากไปก็ป่วย    จริง ๆ ถ้าจะย้ายต้องค่อย ๆ
ย้ายออกไปให้ได้รับแสงเพิ่มขี้นทีละน้อย

ผมเห็นด้วยกับคำตอบแม่เลี้ยงครับ ลุงตี้  ก่อนจะตอบ ขอข้อมูลเพิ่มเติมหน่อยครับ
1 โรคนี้เป็นเฉพาะช่วงหน้าร้อนต่อเนื่องหน้าฝนใช่หรือไม่  เป็นเฉพาะไม้ใบ พวก ว่าน พวก บอน ขิงข่า พืชมีหัวอื่นๆใช่หรือไม่
สาเหตุอาจเกิดจาก หน้าร้อนอากาศบ้านลุงตี้ร้อนจัด ถ้าพืชพวกนี้ไม่ได้อยู่ในโรงเรือน จะทนไม่ค่อยไหว ทำให้ภูมิต้านทานโรคลดลง เมื่อเจอหน้าฝน(โดยเฉพาะฝนใน กทม.ตกใหม่ๆน่าจะมีสภาพเป็นกรดคาบอร์นิค เพราะอากาศในกรุงเทพมีคาร์บอนไดออกไซค์สูง) ก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เป็นโรคโคนเน่าใบเน่าได้ง่าย
2 ลุงตี้ใช้น้ำอะไรรดต้นไม้ มีวิธีให้น้ำอย่างไร เช่น ใช้บัวรดน้ำ หรือใช้สายยางฉีด หรือใช้สริงเกอร์  แล้วรดน้ำตอนไหน เช้ากลางวันเย็น
สาเหตุอาจมาจากลุงตี้ใช้น้ำประปารดน้ำต้นไม้โดยไม่มีการพักน้ำ  น้ำประปาในกทม.ในช่วงฤดูร้อนการประปาน่าจะใส่คลอรีนมากกว่าปกติเพื่อฆ่าเชื้อโรคเนื่องจากน้ำต้นทุนอาจเหลือน้อยมีสิ่งเจือปนมากเนื่องจากยังไม่มีน้ำฝนมาเจือจาง คลอรีนก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เน่าได้ครับ
หรือถ้าลุงตี้ใช้สายยางฉีดรดน้ำต้นไม้ ถ้ารดตอนเที่ยงๆหรือบ่ายๆ  ในช่วงหน้าร้อนน้ำที่ค้างท่อสายยางหรือท่อประปาจะตากแดดและมีอุณหภูมิสูง การนำไปรดต้นไม้ก็เหมือนกับการนำน้ำร้อนไปลวกต้นไม้ เน่าตายแน่ๆครับ หรือขณะให้น้ำต้นไม้กำลังโดนแดดเผาร้อนจัดๆ เอาน้ำเย็นๆไปรด ก็อาจช็อคตายได้ เปรียบเทียบง่ายๆเหมือนหม้อน้ำรดยนต์แห้งความร้อนขึ้นสูง ต้องรอให้หม้อน้ำเย็นก่อนค่อยเติมน้ำลงไปได้  และหากรดน้ำตอนเย็นหรือค่ำก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้นไม้ไม่แข็งแรง เพราะต้นไม้เวลากลางคืนเขาไม่สังเคราะห์แสงไม่ต้องการน้ำ  การให้น้ำตอนกลางคืนทำให้ต้นไม้ไม่แข็งแรงอ่อนแอต่อโรคต่าง  เหมือนคนจะนอนเอาน้ำไปสาดให้เปียกทุกคืน ใครจะทนไหว
3 นอกจากเพลี้ยแป้งแล้วมี ศัตรูตัวอื่นอีกไหม เช่น หนอนเจาะลำต้น (สังเกตุต้นเป็นรู) หรือแมลงปีกแข็งเล็กๆอื่นๆ
สาเหตุอาจเกิดจากศัตรูพืชทุกชนิดที่มากัดกิน จะสร้างรอยแผลให้แก่ต้นพืช ทำให้เชื้อราหรือบัคเตรเลียเข้าทำลายต่อเนื่องได้ ก็ทำให้เน่าตายได้ครับ
4 ตั้งแต่ซื้อต้นมานอกจากใส่ปุ๋ยแล้ว เคยพ่นยาอื่นๆอีกหรือไม่   ให้ปุ๋ยประเภทใด ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก หรือให้ปุ๋ยทางใบ
เพราะถ้าใช้ยาหรือปุ๋ยที่เข้มข้นเกินไป ก็อาจเป็นเหตุให้ต้นไม้ตายได้ การใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ก็อาจเป็นการนำเชื้อรามาสู่ไม้ประเภทนี้ได้




ขอบคุณแม่เลี้ยง และเฮียเก๊าที่มาไขข้อข้องใจ
คำถามเฮียเก๊า
ข้อแรก.....คงจะเป็นแบบที่เฮียเก๊าว่า เพราะเท่าที่สังเกตุจะเป็นข่วงร้อนเข้าฝน และอาการเหมือนจะอ่อนแอและโดนฝนจนทำให้โคนใบเน่า
ข้อสอง.....รดนำ้ตอนเช้า ใช้สายยางฉีด และใช้นำ้ประปา
ข้อสาม.....ไม่รู้ว่าเป็นเพลี้ยหรือป่าว เพราะลักษณะเป็นเม็ดเล็กไ แข็งๆสีเทาดำ เกาะแน่นใช้เล็บขูดยังไม่ค่อยออกเลย
ข้อสี่.....ตั้งแต่ซื้อมาใส่ปุ๋ย ออสโมโค้ทไปบ้าง แต่ไม่ค่อยได้เปลี่ยนวัสดุปลูก เวลาเปลี่ยนกาบมะพร้าวสับจะเละและแฉะเลย
ยาไม่เคยใส่เลย ใส่ไม่ทันเน่าซะก่อน จะว่าไปแล้วก็ต้องโทษตัวเองที่ไม่ค่อยดูแล และขี้เกียจ
      บันทึกการเข้า

2437041
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #3522 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2553, 10:37:37 »

แวะมาอ่านความรู้ในบ้านนี้ด้วยคนค่ะ บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #3523 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2553, 16:02:09 »



ได้ความรู้ดีจังครับห้องนี้
ตรงกับปัญหาของคุณชายตี้เลย
มีเวลารดน้ำต้นไม้ตอนเย็น
ตอนเช้าต้องรีบกุลีกุจอ ออกจากบ้านเพื่อหนีรถติด
ถ้าออกหลัง 6 .15 น.มักจะได้ชมรถยี่ห้อต่างๆบรรดามีใน กทม. อย่างนาน
เหอ เหอ

เอ๊ะรึว่าจะตื่นเร็วกว่าเดิมสัก ครึ่งชั่วโมง

อิ อิ


 sing

      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
เก๊า(24)
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,069

« ตอบ #3524 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2553, 17:50:39 »

ขอบคุณแม่เลี้ยง และเฮียเก๊าที่มาไขข้อข้องใจ
คำถามเฮียเก๊า
ข้อแรก.....คงจะเป็นแบบที่เฮียเก๊าว่า เพราะเท่าที่สังเกตุจะเป็นข่วงร้อนเข้าฝน และอาการเหมือนจะอ่อนแอและโดนฝนจนทำให้โคนใบเน่า
ข้อสอง.....รดนำ้ตอนเช้า ใช้สายยางฉีด และใช้นำ้ประปา
ข้อสาม.....ไม่รู้ว่าเป็นเพลี้ยหรือป่าว เพราะลักษณะเป็นเม็ดเล็กไ แข็งๆสีเทาดำ เกาะแน่นใช้เล็บขูดยังไม่ค่อยออกเลย
ข้อสี่.....ตั้งแต่ซื้อมาใส่ปุ๋ย ออสโมโค้ทไปบ้าง แต่ไม่ค่อยได้เปลี่ยนวัสดุปลูก เวลาเปลี่ยนกาบมะพร้าวสับจะเละและแฉะเลย
ยาไม่เคยใส่เลย ใส่ไม่ทันเน่าซะก่อน จะว่าไปแล้วก็ต้องโทษตัวเองที่ไม่ค่อยดูแล และขี้เกียจ

[/quote]
-ใช้น้ำประปา  รดต้นไม้  น่าจะพักน้ำให้คลอรีนระเหยออกก่อน ก็ดีนะลุงตี้
-น่าจะเป็นเพลี้ยหอย  ใช้มีดขูดออกแล้วล้างน้ำน่าจะหมด  ถ้าจะใช้ยาก็ไปซื้อที่ร้านเคมีเกษตร บอกว่าฆ่าเพลี้ยหอยพวก อารีเอดช์ แล้วใส่ยาฆ่าเชื้อราไปด้วยเลยพวกคาร์เบนราซิลก็ได้  ผสมน้ำใส่ ป็อกกี้ฉีดน้ำรีดผ้านั่นแหละ  ฉีดพ่นครั้งเดียวน่าจะเอาอยู่
-กาบมะพร้าวเก่าไม่น่าจะเป็นสาเหตุทำให้เน่าได้ เพราะต้นไม้อยู่จนชินแล้ว  ออสโมโค้ทก็เป็นปุ๋ยละลายช้า ไม่น่าจะเป็นเหตุให้เน่าเช่นเดียวกัน
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 139 140 [141] 142 143 ... 204   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><