24 พฤศจิกายน 2567, 16:35:57
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 111 112 [113] 114 115 ... 204   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ♣♣♣♣ ► เ ก๊า สาระ พัช ไ ม้◄♣♣♣♣...  (อ่าน 1693135 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 15 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เก๊า(24)
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,069

« ตอบ #2800 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2552, 22:15:35 »

ลงภาพได้แล้วเลยแถมต้นไม้อีกหนึ่งต้น  คือ    ดาวเรือง



ดาวเรือง เป็นไม้ดอกที่คนไทยรู้จักกันดีชนิดหนึ่งเนื่องจากปลูกง่าย โตเร็ว คงทนต่อสภาพแวดล้อม มีสีสันสดใสสะดุดตา ดอกมีลักษณะกลมสวยงาม กลีบดอกจัดเรียงเป็นระเบียบ กลีบดอกยึดแน่นกับฐานดอก ไม่หลุดง่าย อายุการใช้งานนานประมาณ 7-10 วัน นอกจากนี้ ดาวเรืองยังเป็นพืชที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น ประมาณ 60-70 วัน ก็สามารถตัดจำหน่ายได้ รวมทั้งดาวเรืองยังเป็นพืชที่ขึ้นได้ดีทุกสภาพพื้นที่และทุกฤดูกาลของประเทศ และเป็นไม้ดอกสามารถทำรายได้ให้กับผู้ปลูกสูง
ในปัจจุบันการปลูกดาวเรืองนอกจากจะปลูกเพื่อตัดดอกขายแล้ว สามารถปลูกลงกระถางหรือถุงพลาสติกเพื่อใช้ประดับตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งมีการปลูกเพื่อเก็บเมล็ดส่งโรงงานอาหารสัตว์อีกด้วย
ลักษณะทั่วไปของดาวเรือง
   ดาวเรือง (Marigold) เป็นชื่อที่คนไทยทั่วไปผู้จักกันดี แต่มีชื่อภาษาท้องถิ่นทางภาคเหนือว่า "ดอกคำปู้จู้" ซึ่งหมายถึงดอกไม้ที่มีกลีบสีเหลืองคล้ายทองคำ ดาวเรืองเป็นพืชล้มลุก อายุประมาณ 0.5-4 ฟุต ใบเป็นใบประกอบ มีลักษณะเรียวยาว ดอกมีลักษณะเป็นแบบดอกรวม ประกอบด้วยดอกย่อยเล็ก ๆ เป็นจำนวนมาก อัดซ้อนกันแน่นอยู่บนฐานรองดอก ดอกมีสีเหลือง ส้ม ครีม และขาว มีตั้งแต่ขนาดเล็ก คือประมาณ 1 นิ้ว จนถึงขนาดใหญ่ประมาณ 4 นิ้ว และเมื่อตัดลำต้น กิ่งก้านหรือใบของดาวเรือง จะมีกลิ่นเหม็น จึงทำให้แมลงไม่ค่อยรบกวน นอกจากนี้ภายในรากของดาวเรืองมีสารชนิดหนึ่งคือ แอลฟ่า เทอร์เธียนิล (& - terthienyl) ซึ่งเป็นสารที่สามารถควบคุมปริมาณไส้เดือนฝอยในดินได้เป็นอย่างดี
ชนิดของดาวเรือง
   ดาวเรืองที่ปลูกกันอยู่โดยทั่วไปแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
   1. ดาวเรืองอเมริกัน (American Marigolds ) เป็นดาวเรืองที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปอเมริการ ลำต้นสูงตั้งแต่ 10-40 นิ้ว ดอกสีเหลือง ส้ม ทอง และขาว กลีบ ดอกซ้อนกันแน่น ดอกมีขนาดใหญ่ประมาณ 3-4 นิ้ว ดาวเรืองชนิดนี้มีหลายพันธุ์ ได้แก่
      พันธุ์เตี้ย สูงประมาณ 10-14 นิ้ว ได้แก่ พันธุ์ ปาปาย่า (papaya) ไพน์แอปเปิล (pineaple) ปัมพ์กิน (Pumpkin) เป็นต้น
      พันธุ์สูงปานกลาง สูงประมาณ 14-16 นิ้ว ได้แก่ พันธุ์อะพอลโล (Apollo) ไวกิ่ง (Ziking) มูนช๊อต (Moonshot) เป็นต้น
      พันธุ์สูง สูงประมาณ 16-36 นิ้ว ได้แก่ พันธุ์ดับเบิล อีเกิล (Double Egle) ดับบลูน (Doubloon) ซอฟเวอร์เรน (Sovereign) เป็นต้น
   2. ดาวเรืองฝรั่งเศส (French Marigolds) ดาวเรืองฝรั่งเศสเป็นดาวเรืองต้นเล็ก ต้มเป็นพุ่มเตี้ย ๆ สูงประมาณ 6-12 นิ้ว ดอกสีเหลือง ส้ม ทอง น้ำตาลอมแดง และสีแดง ดอกมีขนาดเล็กประมาณ 1.5 นิ้ว นิยมปลูกประดับในแปลงมากกว่าปลูกเพื่อตัดดอก เนื่องจากมีกานดอกสั้น นอกจากนี้ยังเป็นดาวเรืองที่สามารถลดปริมาณไส้เดือนฝอยที่ทำให้เกิดอาการรากปมในรากพืชได้ ตัวอย่างดาวเรืองฝรั่งเศส ได้แก่
พันธุ์ดอกชั้นเดียว ดอกมีขนาด 1.5-2 นิ้ว ได้แก่ พันธุ์เรด มาเรตต้า (Red Marietta) นอธตี้ มาเรตต้า (Naughty Marietta) เอสปานา (Espana) ลีโอปาร์ด (Leopard) เป็นต้น
พันธุ์ดอกซ้อน ดอกมีขนาดตั้งแต่ 1.5-3 นิ้ว ได้แก่ พันธุ์ควีน โซเฟีย (Queen Sophia ) สการ์เลต โซเฟีย (Scarlet Sophia) โกลเด้น เกต (Golden Gate ) เป็นต้น
   3. ดาวเรืองพันธุ์ลูกผสม (Mule Mariglds หรือ Afro American Marigolds)
เป็นดาวเรืองลูกผสมระหว่างดาวเรืองอเมริกันและดาวเรืองฝรั่งเศส โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำลักษณะความแข็งแรง ดอกใหญ่ และมีกลีบซ้อนมากของดาวเรืองอเมริกัน รวมเข้ากับลักษณะต้นเตี้ยทรงพุ่มกะทัดรัดของดาวเรืองฝรั่งเศส ดาวเรืองลุกผสมให้ดอกเร็วมาก คือเพียง 5 สัปดาห์หลังจากเพาะเมล็ดดอกมีขนาด 2-3 นิ้ว ดอกดกและอยู่กับต้นได้ดี ดาวเรืองชนิดนี้มีข้อเสียก็คือเมล็ดจะลีบ ไม่สามารถนำมาเพาะให้เป้นต้นใหม่ได้จึงเรียกว่า ดาวเรืองล่อ เช่นเดียวกับการผสมม้ากับลา มีลูกออกมาเรียกว่า ล่อ ซึ่งเป็นหมัน จึงทำให้เมล็ดมีราคาแพงมาก และการปลูกดาวเรืองด้วยเมล็ดชนิดนี้ จึงควรใช้เมล็ดเป็นปริมาณ 2 เท่าของจำนวนที่ต้องการ เนื่องเมล็ดมรเปอร์เซ็นต์ความงอกต่ำ
ดาวเรืองลุกผสมที่นิยมปลูกมีอยู่หลายพันธุ์ คือ พันธุ์นักเก็ต (Nugget) ไฟร์เวิร์ก (Fireworks) เรด เซเว่น สตาร์(Red Sevenstar) และโชว์โบ๊ต (Showboat)
พันธุ์ที่เหมาะสมสำหรับในประเทศไทย
   1. พันธุ์ซอฟเวอร์เรน ดอกสีเหลือง กลีบดอกซ้อนกันแน่น สวยงาม ดอกมีขนาดประมาณ 10 ซ.ม
   2. พันธุ์ทอรีดอร์ ดอกสีส้ม ขนาดประมาณ 8.5-10 ซ.ม
   3. พันธุ์ดับเบิล อีเกิล ดอกสีเหลือง ขนาดประมาณ 8.5 ซ.ม และมีก้านดอกแข็ง
   4. พันธุ์ดาวเรืองเกษตร เป็นดาวเรืองที่มหาวิทยลับเกษตรศาสตร์ นำเข้ามาทดลองปลูกและคัดเลือกพันธุ์ที่โครงการเกษตรที่สูง และได้คัดเลือกพันธุ์ไว้ได้ 2 พันธุ์ คือ พันธุ์สีทองเบอร์ 1 พันธุ์สีทองเบอร์ 4 เป็นพันธุ์ที่มีดอกสีเหลืองขึ้นได้ดีในสภาพของประเทศไทย และให้ผลลิตสูงพอสมควร
การขยายพันธุ์ดาวเรือง
   1. การเพาะเมล็ด เป็นวิธีการที่นิยมปฏิบัติกันและผลผลิตดีกว่าวิธีอื่น โดยนำเมล็ดดาวเรืองมาเพาะในกระบะหรือแปลงเพาะ
การเพาะเมล็ดในกระบะ กระบะที่จะใช้เพาะอาจเป็นกระบะไม้หรือกระบะพลาสติกก็ได้ วัสดุเพาะประกอบด้วยขุยมะพร้าว ทราย ขี้เถ้าแกลบ ปุ๋ยคอก ในอัตราส่วน 1:1:1:1
   การเพาะเมล็ดในแปลง แปลงที่จะใช้เพาะเมล็ดดาวเรือง ควรเป็นดินร่วนซุยและค่อนข้างละเอียด ขุดแปลงกลับหน้าดินตากไว้ประมาณ 1 สัปดาห์เพื่อฆ่าเชื้อโรคและแมลง จากนั้นนำปุ๋ยคอก(มูลโค มูลเป็ด มูลไก่ เป็นต้น ) มาผสมและคลุกเคล้าให้เข้ากับดิน ย่อยดินให้ละเอียดแล้วปรับหน้าแปลงให้เรียบ
การเพาะเมล็ดทั้งการเพาะในกระบะและในแปลง มีวิธีการปฏิบัติดังนี้
      1. ทำร่องบนวัสดุเพาะในกระบะหรือบนแปลงให้ลึกประมาณ 5 เซนติเมตร และให้แต่ละร่องห่างกันประมาณ 5 ซ.ม
      2. หยอดเมล็ดดาวเรืองในร่อง ห่างกันประมาณ 3-5 ซ.ม แล้วกลบร่องเพื่อกลบเมล็ดดาวเรือง
      3. ให้ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ เศษฟาง หรือหญ้าแห้ง คลุมกระบะเพาะ เพื่อป้องกันความเสียหายเนื่องจากฝนชะแต่ถ้าเป็นฤดูหนาวก็ควรคลุมพลาสติกเช่นกัน เพื่อเพิ่มความร้อนให้กับกระบะหรือแปลงเพาะ จะทำให้เมล็ดงอกได้ดีขึ้น หลังจากเพาะได้ประมาณ 3-5 วัน เมล็ดจะงอก และอีกประมาณ 10-12 วัน จึงย้ายต้นกล้าไปปลูกได้
   2. การปักชำ เป็นวิธีการขยายพันธุ์ที่สามารถทำได้อีกวิธีหนึ่ง แต่ไม่ค่อยนิยมมากนัก เนื่องจากได้จำนวนน้อยและให้ผลผลิตต่ำกว่า ดอกมีขนาดเล็กกว่า สาเหตุที่ทำกันเพาะเป็นผลพลอยได้จากการเด็ดยอดทิ้ง ยอดที่เด็ดทิ้งจะมีความยาว 1-2 นิ้ว แล้วนำไปปักชำที่ใช้คือขี้เถ้าแกลบเพราะเก็บความชื้นได้ดีหลังจากเตรียมแปลงหรือถุงหักชำแล้ว นำยอดดาวเรืองมาปักชำ หากควบคลุมความชื้นได้ดี ยอดดาวเรืองจะออกรากภายใน 3-4 วัน และถ้ามีการใช้ฮอร์โมนเร่งรากจะทำให้ดาวเรืองออกรากได้ดียิ่งขึ้นจากนั้นนำไปใว้ให้ถูกแดดอีกประมาณ 3-4 วัน จึงสามารถย้ายไปปลูกยังแปลงปลูกได้
การปลูกดาวเรือง
   การปลูกดาวเรืองเป็นขึ้นตอนแต่การเตรียมแปลงปลูก การย้ายกล้ามาปลูกในแปลง รวมถึงการปฏิบัติดูแล ขั้นตอนในการปฏิบัติดูแลมีดังนี้
   1. การเตรียมแปลงปลูก
ดินที่ที่จะใช้ปลูกดาวเรืองควรเป็นดินที่ระบายน้ำได้ดี เก็บรักษาความชื้นได้สูง และมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างประมาณ 6-5-7.5 ในขณะที่เตรียมดินนั้น ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปด้วย เพื่อเมธาตุอาหารและปรับโครงสร้างให้ดินโปร่ง ควรขุดพลิกหน้าดินไว้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อทำลายเชื้อโรคและแมลงศัตรูพืช แปลงควรมีขนาดกว้างประมาณ 1 เมตร ความยาวตามความเหมาะสมของพื้นที่ จากนั้นจึงย่อยดินให้ละเอียดและปรับหน้าแปลงให้เรียบ แล้วจึงปลูกดาวเรืองโดยให้แต่ละแถวห่างกัน 30 ซ.ม และระยะระหว่างต้นห่างกัน 30 ซ.ม เช่นกัน ถ้าพื้นที่ปลูกเป็นแปลงขนาดใหญ่ ให้เว้นทางเดินระหว่างแปลงประมาณ 80 ซ.ม แต่ถ้าเป็นที่ลุ่มและยกร่องปลูกก็ไม่ต้องเว้นทางเดินไว้ เพียงแต่เว้นขอบแปลงริมร่องน้ำไว้เล็กน้อยเพื่อใช้เป็นทางเดิน
   2. วิธีการปลูก
      1) การเตรียมหลุมปลูก ขุดหลุมในแปลงโดยให้หลุมห่างกัน 30 ซ.ม และแต่ละแถวห่างกัน 30 ซ.ม รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยซูเปอร์ฟอสเฟตหรือปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตราหลุมละ1 ช้อนชา แล้วเกลี่ยดินกลบปุ๋ยเพื่อป้องกันไม่ให้รากดาวเรืองสัมผัสปุ๋ยโดยตรง
      2) การย้ายกล้า ควรย้ายกล้าดาวเรืองในตอนเย็น ก่อนย้ายกล้ารดน้ำล่างหน้า 1 วัน หรือรดน้ำตอนเช้าแล้วย้ายกล้าตอนเย็น และควรใช้ช้อนปลูกขุดต้นกล้า เพื่อให้ดินติดรากต้นกล้ามาด้วย ต้นกล้าจะได้ไม่โทรมและตั้งตัวได้เร็ว
      3) การปลูกต้นกล้า ปลูกต้นกล้าหลุมละต้น โดยฝังต้นกล้าลงในหลุมให้โคนต้นอยู่ระดับปากหลุมและกลบดินให้เสมอใบเลี้ยง จากนั้นจึงรีบรดน้ำให้ชุ่มตลอดเวลา
   3.การปฏิบัติดูแลรักษา
      1) การรดน้ำ ในช่างแรกคือตั้งแต่เริ่มปลูกถึงอายุ 7 วัน ควรรดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็นหลังจากนั้นรดน้ำวันละครั้งในตอนเช้าก็พอ และในช่วงที่ดอกเริ่มบานจะต้องระวังอย่าให้น้ำถูกดอกดาวเรือง เพราะจะทำให้ดอกเสียหายและถูกเชื้อโรคเข้าทำลายได้ง่าย
      2) การใส่ปุ๋ย เมื่อดาวเรืองมีอายุ 15 และ 25 วัน ควรใส่ปุ๋ย สูตร 15-15-15 อัตรา 1 ช้อนชาต่อหลุม และเมื่อดาวเรืองมีอายุ 35 และ 45 วัน ควรใส่ปุ๋ยสูตร15-24-12 อัตรา 1 ช้อนชาต่อหลุม เช่นกัน การใส่ปุ๋ยควรใส่ให้ห่างโคนต้นประมาณ 6 นิ้ว โดยฝังลงในดินประมาณครึ่งนิ้ว จากนั้นควรพรวนดินรอบ ๆ โคนต้นและกลบโคนต้นไว้ การใส่ปุ๋ยทุกครั้งจะต้องรดน้ำให้โชกเสมอ
      3) การปลิดยอด นิยมเรียกว่า การเด็ดตุ้ม หรือการแต่งตุ้ม ทำเพื่อให้ดาวเรืองแตกพุ่มและจะทำให้ดอกดาวเรืองมีขนาดใหญ่ การปลิดยอดนี้ควรทำเมื่อดาวเรืองมีอายุ 21-25 วัน ซึ่งเป็นระยะที่ดาวเรืองมีใบจริงขนาดใหญ่ประมาณ 4 คู่ และส่วนยอดมีใบเล็ก ๆ ประมาณ 1-2 คู่ วิธีการปลิดยอดทำได้โดยใช้มือซ้ายจับใบคู่บนสุดที่ต้องการเหลือไว้แล้วใช้มือขวาดึงส่วนยอดลงทางด้านข้าง เพื่อให้ยอดหลุดออกมา ไม่ควรเด็ดยอด เพราะจะทำให้ส่วนตาของยอดเหลือติดอยู่ ซึ่งจะเจริญเป็นดอกในภายหลัง ทำให้ดอกไม่เป็นไปตามกำหนด คือดอกบานไม่พร้อมกันและมีขนาดเล็ก ปกติดาวเรืองต้นหนึ่งควรไว้ดอกประมาณ 8 ดอก จึงจะได้ดอกที่มีคุณภาพ
      4) การปลิดตาข้าง หลังจากการปลิดตายอดประมาณ 1 สัปดาห์ ตาข้างจะเริ่มแตกขึ้นใหม่นั้น มียอดที่ยอดและมีตาข้างเจริญออกมาหรือยัง เมื่อดอกที่ยอดและมีตาข้างเจริญออกมาหรือยัง เมื่อดอกที่ยอดมีขนาดประมาณเท่าเมล็ดข้าวโพด ให้ปลิดตาข้างออกให้หมด เพื่อไม่ให้ตาข้างเจริญเป็นดอกต่อไป ซึ่งจะทำให้ดอกที่ยอดมีขนาดใหญ่ ก้านดอกยาว และมีขนาดสม่ำเสมอ
   4. การตัดดอก
ก่อนตัดดอกดาวเรืองเพื่อนำไปจำหน่ายประมาณ 2-3 วัน ควรใช้น้ำตาลทรายจำนวน15 ลิตร ฉีดพ่นใบดาวเรืองทั้งด้านบนและด้านล่าง จะทำให้ก้านดอกแข็งแรงขึ้น จากนั้นจึงทยอยตัดดอก อายุของดาวเรืองที่สามารถตัดดอกขายได้คือประมาณ 55-65 วัน หรือให้สังเกตจากดอกที่ยังมีกลีบดอกตรงกลางเป็นสีเขียวอยู่ได้นานกว่าดอกที่บานทั้งหมด ในการตัดดอกนั้นควรตัดให้ชิดโคนกิ่งให้มากที่สุด จะทำให้ก้านดอกที่ติดมามีขนาดยาว
ศัตรูที่สำคัญของดาวเรือง
โรค
โรคที่สำคัญและพบบ่อย ๆ คือ
   1. โรคเหี่ยว เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อราไฟทอปทอรา (Phytoptora) มักเกิดกับดาวเรืองที่ดอกกำลังเริ่มทยอยบาน ระยะแรกมีอาการคล้ายกับดาวเรืองขาดน้ำ กล่าวคือ อาการเหี่ยวจะแสดงในตอนกลางวันส่วนกลางคืนอาการจะปกติ หลังจากนั้นประมาณ 3 -4 วัน ดาวเรืองก็จะเหี่ยวทั้งด้นและตายไปในที่สุด
การป้องกันกำจัด ใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดเชื้อรา เช่น แมนโคเซ็ป ฉีดพ่นสลับกับคาร์เบนดาซิมประมาณสัปดาห์ละครั้ง และถ้าพบมากต้นที่เป็นโรคและตายในแปลงต้องรีบกำจัดทิ้ง
   2. โรคราแป้ง เกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่งลักษณะอาการ คือจะเห็นสปอร์ของเชื้อราเป็นฝุ่นสีขาว ๆ ตามใบของดาวเรือง ทำให้ใบหยิก การเจริญเติบโตชะงัก ถ้าเป็นมากอาจทำให้ต้นตายในที่สุด
การป้องกันกำจัด โดยการพ่นด้วยสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น แมนโคเซ็ป ไดแทน-เอ็ม 45 ประมาณสัปดาห์ละครั้ง
   3. โรคดอกไหม้ เกิดเชื้อราเข้าทำลายดอกดาวเรือง ทำให้ดอกเป็นสีน้ำตาลจนไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้
การป้องกันกำจัด ควรฉีดพ่นด้วยสารเคมีแมนโคเซ็ปหรือดาโคนิล โดยฉีดพ่นให้ทั่วทั้งแปลง
แมลง
      1. เพลี้ยไฟ เข้าทำลายโดยดูดกินน้ำเลี้ยงจากยอดอ่อนและใบอ่อน จะเห็นมีรอยขีดตามใบหรือกลีบเลี้ยงของดอก เพลี้ยไฟจะระบาดมากในช่างฤดูร้อน
การป้องกันกำจัด ใช้สารเทมมิค เอ จี (Temic A.G.) ฝังรอบ ๆ โคนต้น โดยฝังให้ห่างโคนต้นประมาณ 1 ฝ่ามือ หรือฉีดพ่นด้วยสารโตกุไธออนสัปดาห์ละครั้ง
      2. หนอนกระทู้หอม เป็นหนอนของผีเสื้อกลางคืน จะเข้าทำลายในขณะที่ดอกดาวเรืองเริ่มบานหนอนจะกัดกินดอกดาวเรือง ทำให้ดอกแหว่งเสียหาย
การป้องกันกำจัด ฉีดพ่นด้วยสารเคมีกำจัดแมลง เช่น แลนเนท,แคสเคต หรือใช้เชื้อไวรัสทำลายแมลงพวกเอ็น.พี.วี (NPV) ฉีดพ่นในแปลงที่มีหนอนกระทู้หอมระบาด
การใช้ประโยชน์
ดาวเรืองเป็นไม้ดอกที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากชนิดหนึ่ง นอกจากจะมีความสำคัญทางเศรษฐกิจแล้ว ยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น ๆ ได้อีกด้วย การนำดาวเรืองไปใช้ประโยชน์สรุปได้ดังนี้
   1.ปลูกประดับเพื่อความสวยงาม
ดาวเรืองเป็นไม้ดอกที่มีความสวยงาม กลีบดอกสีเหลืองเรียงอัดกันแน่น และมีอายุการใช้งานนาน ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับปลูกเพื่อประดับอาคารบ้านเรือนและสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเพลิดเพลินตา สบายใจ
   2.ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์ในการป้องกันแมลง
เนื่องจากดาวเรืองเป็นสารที่มีกลิ่นเหม็น (ฉุน)แมลงไม่ชอบ จึงสามารถใช้เป็นเกราะป้องกันแมลงให้แก่พืชอื่น ๆ ด้วย นอกจากนี้รากของดาวเรืองยังมีสารชนิดหนึ่งที่ช่วยลดปริมาณไส้เดือนฝอยในดินได้
   3.ปลูกเพื่อจำหน่าย
     3.1 ใช้ทำพวงมาลัย ปัจจุบันนิยมนำดอกดาวเรืองมาร้อยพวงมาลัยกันมาก ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยไหว้พระ หรือพวงมาลัยสำหรับคล้องคอในงานพิธีต่าง ๆ การตัดดอกดาวเรืองสำหรับใช้ประโยชน์ในด้านนี้จะต้องให้มีก้านดอกสั้น ๆ หรือให้เหลือเฉพาะดอก
     3.2 ใช้ปักแจกัน เนื่องจากดาวเรืองเป็นไม้ดอกที่ลักษณะกลมเรียงตัวกันแน่นเป็นระเบียบ และมีสีสันสวยงาม จึงมีคนนิยมนำมาปักแจกันมาก ไม่ว่าจะเป็นแจกันตั้งตามโต๊ะรับแขกตามหิ้งพระ หรือแจกันประกอบโต๊ะหมู่บูชา การตัดดอกดาวเรืองเพื่อนำมาปักแจกันนี้ควรตัดให้มีก้านดอกยาวประมาณ 18-20 นิ้ว มัดดอกดาวเรืองเป็นกำ ๆ แล้วใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อเพื่อให้ดอกดาวเรืองคงความสดอยู่ได้นาน ๆ
     3.3 การปลูกลงกระถางหรือถุงเพื่อประดับอาคารสถานที่ ปัจจุบันมีการนำกระถางหรือถุงดาวเรืองมาประดับอาคารสถานที่กันมากขึ้น เพาะสามารถใช้ประดับไว้เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นงานพิธีต่าง ๆ เช่น งานนิทรรศการ งานพระราชทานปริญญาบัตร หรือแม้แต่งานพิธีตามอาคารบ้านเรือน การปลูกดาวเรืองเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านนี้ ก็เหมือนกับการปลูกดาวเรืองโดยทั่วไป เพียงแต่เป็นการปลูกลงในกระถางหรือถุง แทนที่จะปลูกลงในแปลง พอดอกดาวเรืองเริ่มบาน ก็นำไปใช้ประโยชน์หรือจำหน่ายได้
     3.4 จำหน่ายให้กับโรงงานผลิตอาหารสัตว์ เนื่องจากดาวเรืองเป็นพืชที่สารแซธโธฟิล (Xanthophyll) สูง จึงสามารถนำไปเป็นส่วนผสมอากหารสัตว์ได้ดี โดยเฉพาะอาหารของของไก่ไข่ จะทำให้ไข่แดงมีสีแดงสดใสน่ากินยิ่งขึ้น
ต้นทุนการผลิต ผลตอบแทนและการตลาด
   1. ต้นทุนการผลิต การปลูกดาวเรืองในแปลงปลูกโดยทั่วไปต้นทุนการผลิตส่วนใหญ่ประกอบด้วยค่าเมล็ดพันธุ์(เมล็ดละประมาณ 60 สตางค์ 1 บาท ) ปุ๋ย สารเคมี และแรงงาน โดยเฉลี่ยต้นทุนในการผลิตดาวเรืองประมาณไร่ละ 19,120 บาท แต่ถ้าเป็นการปลูกดาวเรืองในถุงพลาสติกหรือปลูกในกระถาง ต้นทุนจะแตกต่างกันไปตามวัสดุที่ใช้ปลูก โดยเฉลี่ยแล้วต้นทุนการผลิตประมาณกระถางละ 5-8 บาท
   2. ผลตอบแทนและราคาจำหน่าย การปลูกดาวเรืองในแปลง พื้นที่ 1 ไร่ จะเก็บผลผลิตได้ประมาณ 37,258 ดอก ราคาโดยเฉลี่ยประมาณดอกละ 1 บาท ดังนั้นผลตอบแทนในการปลูกดาวเรืองประมาณไร่ละ 37,258 บาท
   3. ตลาดและแหล่งรับซื้อ แหล่งรับซื้อดาวเรืองที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพ ฯ คือ ตลาดปากคลองตลาด ส่วนตลาดอื่น ๆ เช่น สวนจตุจักร นิยมรับซื้อดาวเรืองที่ปลูกในกระถางหรือถุงพลาสติก นอกจากนี้ยังมีตลาดอื่น ๆ อีก เช่น ตลาดเทเวศร์ ลาดพร้าว สะพานควาย บางเขน และตามศูนย์การค้าหรือซุปเปอร์มาร์เก็ต
หมายเหตุ ข้อมูลจาก http://www.doae.go.th/library/html/detail/dawrueng/dawrueng.html  ขอขอบคุณด้วยครับ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2801 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2552, 10:30:15 »

สวัสดีค่ะเก๊าและพัช บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
เก๊า(24)
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,069

« ตอบ #2802 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2552, 12:09:34 »

สวัสดี ดร.เอ่  แม่เลี้ยง เพื่อนๆทุกคนครับ  เริ่มเข้าฤดูหนาวดอกไม้เริ่มออกดอกส่งสีสันแข่งกันแล้วครับ อย่างพวกต้นแพงพวย เด๋วนี้เขาพัฒนาพันธุ์ได้หลากหลายสีครับ  มาชมกันครับ











      บันทึกการเข้า
dtoy
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,076

« ตอบ #2803 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2552, 14:42:05 »

ดอกไม้ไทยในความทรงจำสมัยเด็กๆ
เวลาเดินไปโรงเรียนดอกพังพวยขึ้นสลอนข้างทางเดิน
ตอนนั้นไม่เคยคิดใส่ใจเลยนะ เพราะผ่านทุกวันจำเจ
แต่ตอนนี้พินิจดูอีกที  ดูดีเป็นมากเลย กลีบเรียบง่ายแต่สวยงาม
ขอบคุณนะคะเก๊า
      บันทึกการเข้า

Live Your Dream   
เก๊า(24)
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,069

« ตอบ #2804 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2552, 13:09:01 »

ขอบคุณ ต๋อย ที่แวะมาชมดอกแพงพวย  และสวัสดีแม่เลี้ยงด้วยครับ   มีเพื่อนๆผมหลายคนชอบไม้ใบด่าง  ไม่ชอบไม้ดอก  ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นเช่นนั้นแต่ลองมาดูอีกทีไม้ใบด่างก็ดูเข้าท่าดีเหมือนกัน ดังตัวอย่างนี้ครับ
                           ต้นไทรด่าง

                           ต้นเล็บครุฑด่าง

                        ต้นหนวดปลาหมึกด่าง
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2805 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2552, 13:28:22 »

สวัสดีค่ะเก๊าและพัช  บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
jum2524
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,077

« ตอบ #2806 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2552, 15:22:47 »

อ้างถึง
ข้อความของ dtoy เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2552, 14:42:05
ดอกไม้ไทยในความทรงจำสมัยเด็กๆ
เวลาเดินไปโรงเรียนดอกพังพวยขึ้นสลอนข้างทางเดิน
ตอนนั้นไม่เคยคิดใส่ใจเลยนะ เพราะผ่านทุกวันจำเจ
แต่ตอนนี้พินิจดูอีกที  ดูดีเป็นมากเลย กลีบเรียบง่ายแต่สวยงาม
ขอบคุณนะคะเก๊า


...สวยงามแบบเรียบง่ายอย่างที่ต๋อยว่า  แถม!!..ทนอีกต่างหากค่ะ

...ขอบคุณลุงเก๊าที่มีภาพสวยๆและข้อมูลดีๆมีสาระมาฝากค่ะ
      บันทึกการเข้า
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #2807 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2552, 18:15:38 »

 ปิ๊งๆ สวัสดีค่ะ อาจารย์เก๊า  ขอบคุณสำหรับไม้ดอกไม้ใบสวย ๆ ที่นำมาฝากค่ะ

กลับจากอินเดียถึงเมืองไทยเมื่อดึกวันที่ 10 นี้ค่ะ  วันที่ 11 ตรงกับวันพุธก็เลยถือโอกาสระหว่างรอเที่ยวบิน  ไปเที่ยวจตุจักรมา
ต้นไม้เยอะอย่างที่แจงเล่าไว้ค่ะ

สำหรับรูปอินเดียขอเวลาเพิ่มอีกหน่อยนะคะ  ช่วงนี้ต้องรีบเคลียร์งานค้างก่อน
ระหว่างนี้ก็ขอเชิญเพิ่อนร่วมอนุโมทนาบุญไปพลาง  ทริปนี้ไปสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง  บ้านนางสุชาดา
มหาวิทยาลัยนาลันทา  และ ล่องแม่น้ำคงคา
พักวัดไทย  กินข้าวัด  เข้าห้องน้ำใหญ่ที่สุดในโลก
ทำบุญทุกวันทั้งที่วัด  บนรถ(เดินทางนานมาก 200 กม.ประมาณ 6 ชม. บางวันต้องนั่งรถเกือบ 400 กม.)
และที่สังเวชฯ   :  ทอดผ้าป่า  เลี้ยงภัตตาหารพระ สวดมนต์  ทำสมาธิ
ไม่สะดวกสบายเหมือนบ้านเรา แต่ปิติและจิตใจมีกำลังดีค่ะ

อยากให้เพื่อน ๆ ที่ยังไม่เคยไป  ได้หาโอกาสไปค่ะ
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #2808 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2552, 18:29:10 »

อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2552, 18:15:38
ปิ๊งๆ สวัสดีค่ะ อาจารย์เก๊า  ขอบคุณสำหรับไม้ดอกไม้ใบสวย ๆ ที่นำมาฝากค่ะ

กลับจากอินเดียถึงเมืองไทยเมื่อดึกวันที่ 10 นี้ค่ะ  วันที่ 11 ตรงกับวันพุธก็เลยถือโอกาสระหว่างรอเที่ยวบิน  ไปเที่ยวจตุจักรมา
ต้นไม้เยอะอย่างที่แจงเล่าไว้ค่ะ

สำหรับรูปอินเดียขอเวลาเพิ่มอีกหน่อยนะคะ  ช่วงนี้ต้องรีบเคลียร์งานค้างก่อน
ระหว่างนี้ก็ขอเชิญเพิ่อนร่วมอนุโมทนาบุญไปพลาง  ทริปนี้ไปสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง  บ้านนางสุชาดา
มหาวิทยาลัยนาลันทา  และ ล่องแม่น้ำคงคา
พักวัดไทย  กินข้าวัด  เข้าห้องน้ำใหญ่ที่สุดในโลก
ทำบุญทุกวันทั้งที่วัด  บนรถ(เดินทางนานมาก 200 กม.ประมาณ 6 ชม. บางวันต้องนั่งรถเกือบ 400 กม.)
และที่สังเวชฯ   :  ทอดผ้าป่า  เลี้ยงภัตตาหารพระ สวดมนต์  ทำสมาธิ
ไม่สะดวกสบายเหมือนบ้านเรา แต่ปิติและจิตใจมีกำลังดีค่ะ

อยากให้เพื่อน ๆ ที่ยังไม่เคยไป  ได้หาโอกาสไปค่ะ
โมทนา สาธุ
ที่อินเดีย จารจรวุ่ยวายมาก ทั้งรถ คน วัว เกวียน เต็มถนนไปหมด แต่เขาวิ่งช้า ใช้แตรกันมาก ชั่วโมงเดินทางด้วยรถได้ 50 กม.ก็เร็วแล้ว คนถึงนิยมรถไฟ
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #2809 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2552, 18:35:47 »

อ้างถึง
ข้อความของ patooman24 เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2552, 18:29:10
โมทนา สาธุ
ที่อินเดีย จารจรวุ่ยวายมาก ทั้งรถ คน วัว เกวียน เต็มถนนไปหมด แต่เขาวิ่งช้า ใช้แตรกันมาก ชั่วโมงเดินทางด้วยรถได้ 50 กม.ก็เร็วแล้ว คนถึงนิยมรถไฟ

[/quote]
ถูกต้องแล้วค่ะท่านทู  เต็มถนนแบบไม่ธรรมดาหร็อก  เขาไขว้เลนไปมาด้วย
แต่ก็ไม่ใช้อารมณ์ใส่กัน  แตรก็ไม่ใช่ ไล่หรือด่าว่ากัน  แค่สื่อสารและเตือนกัน หรือขอทางกัน
พวกเราบางคนรับไม่ได้ก็ ชวนหงุดหงิด

นอกจากนี้  ผิวจราจรก็พาคนนั่งกระเด้งกระดอนไปตลอดเส้นทาง 

อ้อ!   เมืองที่ไปยังต้องอาศัยเครื่องปั่นไฟอยู่เลย  ไฟดับเป็นช่วง ๆ

      บันทึกการเข้า
เก๊า(24)
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,069

« ตอบ #2810 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2552, 01:49:12 »

ตื่นมา  อนุโมทนาบุญกับแม่เลี้ยง กลางดึกเลยครับ  ดึกๆเน็ตวิ่งฉิวดีจริงๆ    แม่เลี้ยงสะสางงานก่อนเถอะครับว่างๆค่อยแสดงภาพผมจะคอยชมนะครับ   ต้อนรับแม่เลี้ยงและเป็นพุทธบูชาด้วยภาพนี้ครับ

      บันทึกการเข้า
เก๊า(24)
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,069

« ตอบ #2811 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2552, 02:38:32 »

วันนี้ขอปลูกต้น ถั่วอาบูดาบี ครับ



      บันทึกการเข้า
Uncle Na
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2524-2201
คณะ: นิเทศ
กระทู้: 4,957

« ตอบ #2812 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2552, 07:02:47 »

อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2552, 18:35:47
อ้างถึง
ข้อความของ patooman24 เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2552, 18:29:10
โมทนา สาธุ
ที่อินเดีย จารจรวุ่ยวายมาก ทั้งรถ คน วัว เกวียน เต็มถนนไปหมด แต่เขาวิ่งช้า ใช้แตรกันมาก ชั่วโมงเดินทางด้วยรถได้ 50 กม.ก็เร็วแล้ว คนถึงนิยมรถไฟ

ถูกต้องแล้วค่ะท่านทู  เต็มถนนแบบไม่ธรรมดาหร็อก  เขาไขว้เลนไปมาด้วย
แต่ก็ไม่ใช้อารมณ์ใส่กัน  แตรก็ไม่ใช่ ไล่หรือด่าว่ากัน  แค่สื่อสารและเตือนกัน หรือขอทางกัน
พวกเราบางคนรับไม่ได้ก็ ชวนหงุดหงิด

นอกจากนี้  ผิวจราจรก็พาคนนั่งกระเด้งกระดอนไปตลอดเส้นทาง 

อ้อ!   เมืองที่ไปยังต้องอาศัยเครื่องปั่นไฟอยู่เลย  ไฟดับเป็นช่วง ๆ


[/quote]

- นับเป็นวาสนา และบุญเก่าที่สั่งสมมาจึงได้ไปเยี่ยงนี้
      บันทึกการเข้า

จิตใจที่จุดประกายแล้ว คือทรัพยากรที่ทรงพลังที่สุดบนพิภพ เหนือพิภพ และใต้พิภพ/จิตวิญญาณมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้/ โดย เอพีเจ อับดุล กาลัม/สุวิทย์ วิบูลเศรษฐ์  แปล
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2813 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2552, 08:34:39 »

อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2552, 18:15:38
ปิ๊งๆ สวัสดีค่ะ อาจารย์เก๊า  ขอบคุณสำหรับไม้ดอกไม้ใบสวย ๆ ที่นำมาฝากค่ะ

กลับจากอินเดียถึงเมืองไทยเมื่อดึกวันที่ 10 นี้ค่ะ  วันที่ 11 ตรงกับวันพุธก็เลยถือโอกาสระหว่างรอเที่ยวบิน  ไปเที่ยวจตุจักรมา
ต้นไม้เยอะอย่างที่แจงเล่าไว้ค่ะ

สำหรับรูปอินเดียขอเวลาเพิ่มอีกหน่อยนะคะ  ช่วงนี้ต้องรีบเคลียร์งานค้างก่อน
ระหว่างนี้ก็ขอเชิญเพิ่อนร่วมอนุโมทนาบุญไปพลาง  ทริปนี้ไปสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง  บ้านนางสุชาดา
มหาวิทยาลัยนาลันทา  และ ล่องแม่น้ำคงคา
พักวัดไทย  กินข้าวัด  เข้าห้องน้ำใหญ่ที่สุดในโลก
ทำบุญทุกวันทั้งที่วัด  บนรถ(เดินทางนานมาก 200 กม.ประมาณ 6 ชม. บางวันต้องนั่งรถเกือบ 400 กม.)
และที่สังเวชฯ   :  ทอดผ้าป่า  เลี้ยงภัตตาหารพระ สวดมนต์  ทำสมาธิ
ไม่สะดวกสบายเหมือนบ้านเรา แต่ปิติและจิตใจมีกำลังดีค่ะ

อยากให้เพื่อน ๆ ที่ยังไม่เคยไป  ได้หาโอกาสไปค่ะ


รอชมภาพนะคะพัช
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2814 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2552, 08:37:01 »

สวัสดีค่ะเก๊าและพัช บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
jum2524
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,077

« ตอบ #2815 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2552, 09:25:43 »

อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 13 พฤศจิกายน 2552, 08:34:39
อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2552, 18:15:38
ปิ๊งๆ สวัสดีค่ะ อาจารย์เก๊า  ขอบคุณสำหรับไม้ดอกไม้ใบสวย ๆ ที่นำมาฝากค่ะ

กลับจากอินเดียถึงเมืองไทยเมื่อดึกวันที่ 10 นี้ค่ะ  วันที่ 11 ตรงกับวันพุธก็เลยถือโอกาสระหว่างรอเที่ยวบิน  ไปเที่ยวจตุจักรมา
ต้นไม้เยอะอย่างที่แจงเล่าไว้ค่ะ

สำหรับรูปอินเดียขอเวลาเพิ่มอีกหน่อยนะคะ  ช่วงนี้ต้องรีบเคลียร์งานค้างก่อน
ระหว่างนี้ก็ขอเชิญเพิ่อนร่วมอนุโมทนาบุญไปพลาง  ทริปนี้ไปสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง  บ้านนางสุชาดา
มหาวิทยาลัยนาลันทา  และ ล่องแม่น้ำคงคา
พักวัดไทย  กินข้าวัด  เข้าห้องน้ำใหญ่ที่สุดในโลก
ทำบุญทุกวันทั้งที่วัด  บนรถ(เดินทางนานมาก 200 กม.ประมาณ 6 ชม. บางวันต้องนั่งรถเกือบ 400 กม.)
และที่สังเวชฯ   :  ทอดผ้าป่า  เลี้ยงภัตตาหารพระ สวดมนต์  ทำสมาธิ
ไม่สะดวกสบายเหมือนบ้านเรา แต่ปิติและจิตใจมีกำลังดีค่ะ

อยากให้เพื่อน ๆ ที่ยังไม่เคยไป  ได้หาโอกาสไปค่ะ

รอชมภาพนะคะพัช

รอชมภาพเช่นกันจ้ะ...
      บันทึกการเข้า
แจง-24
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 10,028

« ตอบ #2816 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2552, 20:55:11 »

มีคนบอกว่า ถ้าได้ไปจาริกแสวงบุญถึงสังเวชนียสถานที่อินเดีย
เห็นสภาพความทุกข์ยากของคนที่นั่น แล้วจะเข้าใจว่าทำไมเจ้าชายสิทธัตถะถึงออกบวช
กลับมาจะเป็นคนดีขึ้น อดทนมากขึ้น ให้อภัยผู้อื่นได้มากขึ้น และเสียสละมากขื้น

แม่เลี้ยงเป็นชาวพุทธที่มีคุณสมบัติเหล่านี้อยู่ครบแล้ว
ยิ่งไปแสวงบุญกลับมา คงเจริญยิ่งขึ้นไปอีก
ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
      บันทึกการเข้า

   อยู่อย่างต่ำ กระทำอย่างสูง
แจง-24
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 10,028

« ตอบ #2817 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2552, 20:57:12 »

อ้างถึง
ข้อความของ เก๊า(24) เมื่อ 13 พฤศจิกายน 2552, 02:38:32
วันนี้ขอปลูกต้นไม้ที่ ป้าแจง แนะนำครับ   กันภัยมหิดล



ต้นกันภัยมหิดล
ชื่อวิทยาศาสตร์: Afgekia mahidoliae Burtt et Chermsir.
ค้นพบครั้งแรกที่ประเทศไทยโดย  นายเกษม จันทรประสงค์
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ประทานพระราชวินิจฉัยชี้ขาดให้ต้นกันภัยมหิดล เป็นต้นไม้สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 ด้วยเหตุว่า เป็นต้นไม้ที่พบในประเทศไทย ปลูกง่าย นามเป็นมงคลและพ้องกับชื่อมหาวิทยาลัย ถึงแม้จะเป็นไม้เถาแต่ก็มีลักษณะสวยงาม สามารถจัดแต่งเป็นทรงพุ่มได้หลายแบบ อายุยืน โดยเมื่อเถาแห้งไปก็สามารถงอกขึ้นใหม่ได้ ซึ่งความเป็นไม้เถาแสดงถึงความเจริญก้าวหน้าและความสามารถปรับตัวให้พัฒนาไปตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างดี(ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)


ท่านเก๊า...รูปดอกกันภัยฯ ที่แจงเห็นในหนังสือ
มันไม่เหมือนกับของท่านเก๊าเฮะ
ไว้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี้ จะไปค้นภาพมาถามนะคะ
      บันทึกการเข้า

   อยู่อย่างต่ำ กระทำอย่างสูง
แจง-24
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 10,028

« ตอบ #2818 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2552, 21:01:34 »

อ้างถึง
ข้อความของ เก๊า(24) เมื่อ 13 พฤศจิกายน 2552, 01:49:12
ตื่นมา  อนุโมทนาบุญกับแม่เลี้ยง กลางดึกเลยครับ  ดึกๆเน็ตวิ่งฉิวดีจริงๆ    แม่เลี้ยงสะสางงานก่อนเถอะครับว่างๆค่อยแสดงภาพผมจะคอยชมนะครับ   ต้อนรับแม่เลี้ยงและเป็นพุทธบูชาด้วยภาพนี้ครับ



ลั่นทมช่อนี้ ถ่ายภาพได้สวยแจ่มจริงๆเลยค่ะท่านเก๊า
กลีบดอกดูนุ่มนวลมากๆ สีก็สวย ...ชอบมากค่ะ
      บันทึกการเข้า

   อยู่อย่างต่ำ กระทำอย่างสูง
ตี้ถาปัด
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2524
คณะ: สถาปัตยกรรมศาสตร์
กระทู้: 10,337

« ตอบ #2819 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2552, 22:45:37 »

มาขออนุโมทนาบุญโตยเน่อ แม่เลี้ยง
      บันทึกการเข้า

2437041
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2820 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2552, 11:00:23 »

สวัสดีค่ะเก๊าและพัช บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
wut_24
มือใหม่หัดเมาท์
*


วรวุฒิ 24
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 60

« ตอบ #2821 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2552, 14:05:56 »

สวัสดี ลุงเก๊า
      บันทึกการเข้า

.. ผมรักซีมะโด่ง ผมรักจุฬา ..
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2822 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2552, 14:16:47 »

สวัสดีค่ะเก๊าและพัช บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
เก๊า(24)
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,069

« ตอบ #2823 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2552, 14:39:17 »

-สวัสดี ท่านวุฒิ   ดร.เอ๋   แม่เลี้ยง   ป้าแจง และเพื่อนๆทุกๆคนครับ
-ท่านวุฒิมางานคืนสู่เหย้าป่าว?   เห็นนายอำเภอช้างบอกว่าจะมาแน่นอน  แล้วเจอกันครับ
-วันนี้ได้มอร์นิ่งกลอรี่มาอีกสีนึง ส้มแดง สวยดีเหมือนกัน  นำมาฝากทุกๆคนครับ


      บันทึกการเข้า
SC (ก้าน 24)
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 981

« ตอบ #2824 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2552, 15:51:31 »

อ้างถึง
ข้อความของ เก๊า(24) เมื่อ 15 พฤศจิกายน 2552, 15:38:40
เฮ้ย!!!!!นายก้านทำไมป่วยเยอะขนาดนั้น  ไปหาหมอหรือยัง    ขอให้หายป่วยไวๆเลยนะเพื่อนให้ทันวันงานด้วยนะ

สวัสดีนายเก๊า
ขอบใจนะ ตอนนี้ก็ยังต้องทานยาอยู่ ยังมีฐานะเป็นคนป่วย ไม่ได้อยู่ในฐานะพักฟื้น 18 กับ 23 ยังต้องไปโรงพยาบาลตามนัด เฮ้อ...


 บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า

My Website <== คลิกเพื่อชม MV โดยไม่มีโฆษณาคั่น คลิกเล่นแล้ว คลิกขยายให้เต็มจอ อย่าคลิก YouTube
  หน้า: 1 ... 111 112 [113] 114 115 ... 204   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><