ẅẅẅ เชิญคุยกับลุงณะ:Cmadong ยุคฟื้นฟู2524ถึงยุค(วัย)ทอง ปัจจุบัน ẅẅẅ

[ตี้ถาปัด]

ดึกดึ๋ย......ไปสองวันแล้ว ลุงณะยังไม่กลับมาเลย สงสัยโดนงับไปแล้ว หุ หุ

[แจง-24]

สงสัยเมื่อวานขับบ่าววีบริการไม่ถูกใจ ผบ.
ท่านอาจจะใช้ให้ขาวผ่องงับสั่งสอนก็เป็นได้

[ตี้ถาปัด]

ฟังนำเสียงของลุงณะตอนโทรมาก็ดูสุภาพมากเกินปกติ
คงเป็นแบบที่ป้าแจงว่าแหงๆ

[Uncle Na]

เหอๆ ช่วงนี้เหนื่อยง่ายครับลุงตี้  น้าแจง  กลับบ้านแล้วต้องพักเลย

วันวิสาขบูชา ไปทำบุญ โยมนำของไปถวายที่อาสนะเอง จนพระไม่มีที่นั่ง เจ้าหน้าที่ของวัดต้องประกาศให้ญาติโยมนำไปถวายในที่ที่จัดให้ จัดระเบียบใหม่  พระจึงมีที่นั่งและที่ฉัน

[Uncle Na]

มารู้จักวันวิสาขบูชากันครับ     


หลักธรรมในวันวิสาขบูชา

ดอกบัวจากสวนทอ. ดอกบัวเป็นสัญญลักษณ์อย่างหนึ่งของพุทธศาสนา


วันวิสาขบูชา เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของพระพุทธเจ้าถึง 3 เหตุการณ์ คือ การประสูติ การตรัสรู้ และการปรินิพพาน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเหตุการณ์เหล่านั้น คติธรรมหลักคือไตรลักษณ์ หรืออนิจจลักษณะ อันได้แก่ความเป็นธรรมดาของโลก 3 ประการ คือ อนิจจัง ความไม่เที่ยง ทุกขัง ความเป็นทุกข์คือตั้งอยู่ในสภาพเดิมมิได้ และอนัตตา ความที่สังขารทั้งหลายไม่สามารถบังคับบัญชาให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้ (เช่น บังคับไม่ให้แก่ไม่ได้ บังคับไม่ให้ตายไม่ได้) ซึ่งทุกสรรพสิ่งในโลก ล้วนตกอยู่ในสภาพ 3 ประการนี้ แม้พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นพระบรมศาสดาของโลก ก็ยังต้องทรงตกอยู่ในกฏเหล่านี้ ไม่มีใครสามารถพ้นไปได้
สำหรับหลักธรรมคติเทียบเคียงกับเหตุการณ์ทั้ง 3 ที่สามารถนำมาประพฤติปฏิบัติได้ 3 อย่าง คือ[48]

ความกตัญญู
หลักคติธรรมอุปมาที่ได้จากเหตุการณ์ในวันวิสาขบูชา ทั้ง 3 เหตุการณ์ คือ ความกตัญญู, อริยสัจ 4, และ สติ
ในเหตุการณ์วันประสูติ สามารถยกหลักธรรมมาเทียบเคียงได้ คือ "หลักความกตัญญู" เพราะในพระพุทธประวัติ แม้พระนางสิริมหามายา ผู้เป็นพระราชมารดาของเจ้าชายสิทธัตถะจะสิ้นพระชนม์ไปหลังที่เจ้าชายประสูติได้เพียง 7 วัน แต่เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสรู้แล้ว ก็ได้เสด็จไปโปรดพระพุทธมารดาบนดาวดึงสเทวโลก ถึงแม้พระเจ้าสุทโธทนะ ผู้เป็นพระราชบิดา พระพุทธองค์ก็เสด็จไปโปรดถึงพระราชวังที่ประทับ จนพระเจ้าสุทโธทนะประชวรหนักใกล้สวรรคต พระพุทธองค์ก็ได้เสด็จเข้าไปโปรดจนพระราชบิดาได้บรรลุสำเร็จเป็นพระอรหันต์และนิพพานในพระราชวังในวันนั้นเอง
ซึ่งในเรื่องความกตัญญูต่อบิดามารดา และผู้มีอุปการะก่อนนั้น พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้หลายพระสูตรด้วยกัน เช่นใน หลักทิศ 6 เป็นต้น ซึ่งความกตัญญูนั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะกับบุคคลเท่านั้น แต่รวมไปแม้กระทั่งต้นไม้ที่ให้ร่มเงาด้วย ดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า
   
"บุคคลนั่งหรือนอนที่ร่มเงาต้นไม้ใด ไม่ควรหักกิ่งต้นไม้นั้น ผู้ประทุษร้ายมิตร เป็นคนไม่ดีทราม"

— 'พระพุทธพจน์จาก — พระไตรปิฏก ขุททกนิกาย ชาดก. ๒๘/๒๖ '
ความกตัญญู จึงนับได้ว่าเป็นหลักสำคัญในพระพุทธศาสนาอย่างหนึ่ง มีตัวอย่างหลายเรื่องในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาที่กล่าวว่าพระพุทธองค์ทรงยกย่องผู้มีความกตัญญูต่อบิดามารดา เช่น เรื่องพระภิกษุเลี้ยงบิดามารดาในมหานิบาต[49] เป็นต้น ซึ่งทำให้พระพุทธองค์ตรัสว่า
   
"นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา" แปลว่า: "ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี"

— 'พระพุทธพจน์จาก — พระไตรปิฏก อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต "ปุตตสูตร" '
กล่าวโดยสรุป เหตุการณ์ประสูตินี้เป็นเครื่องเตือนให้พุทธศาสนิกชนระลึกถึงความกตัญญูกตเวที ที่ทุกคนควรมีในตนไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตาม

อริยสัจ 4
ในเหตุการณ์วันตรัสรู้ สามารถยกหลักธรรมมาเทียบเคียงได้ คือ "อริยสัจ 4" อันเป็นหลักธรรมในการแก้ปัญหาชีวิตที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ คือ
   
"ทุกข์" ความไม่สบายกายไม่สบายใจ สภาวะที่ทนได้ยากทั้งหลาย (ปัญหา)
"สมุทัย" ต้นเหตุของความทุกข์ คือกิเลสตัณหา (ต้นเหตุของปัญหา)
"นิโรธ" จุดหมายที่จะดับทุกข์ คือนิพพาน (วางเป้าหมาย)
"มรรค" แนวทางในการปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ (ลงมือแก้ไข)

— พระพุทธพจน์จาก — พระไตรปิฏก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ๑๙/๕๒๘/๑๖๖๔

ความไม่ประมาท
ในเหตุการณ์วันปรินิพพาน พระพุทธองค์ทรงตรัสปัจฉิมโอวาทไว้บทหนึ่ง อันเป็นยอดของคำสอนในพระพุทธศาสนาที่ทุกคนควรนำมาปฏิบัติ คือ การมีสติอยู่ทุกเมื่อ ไม่ให้ความทุกข์ร้อนใจอันเกิดจากอำนาจกิเลสเข้าครอบงำ กล่าวคือ ความไม่ประมาทในกาลทุกเมื่อ โดยพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า
   
"...อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ..."
แปลว่า: "พวกเธอทั้งหลาย จงยังประโยชน์ตนและท่าน ให้ถึงพร้อมด้วย ความไม่ประมาท เถิด"

— 'สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. มหาปรินิพฺพานสุตฺต มหา. ที. ๑๐/๑๔๙/๑๑๗'

ที่มา : จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

[แจง-24]

ภาพดอกบัวสวยมากค่ะ ลุงณะ

[Uncle Na]

		อ้างถึง			ข้อความของ แจง-24 เมื่อ 05 มิถุนายน 2555, 20:37:38
	ภาพดอกบัวสวยมากค่ะ ลุงณะ

ขอบคุณครับน้า

[Uncle Na]

ช่วงนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการประสานและส่งข่าวให้แก่คณะศึกษาดูงานTIBF2012  เครื่องมือที่สำคัญคือ e-journal  ครับ

 

[ตี้ถาปัด]

ลุงณะจะไปเที่ยวอีกแล้วเหรอ เดินสายบ่อยนะลุง ดีจังได้เที่ยวได้ทำงานด้วย

[Uncle Na]

		อ้างถึง			ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 10 มิถุนายน 2555, 09:59:25
	ลุงณะจะไปเที่ยวอีกแล้วเหรอ เดินสายบ่อยนะลุง ดีจังได้เที่ยวได้ทำงานด้วย

ลุงตี้ ลุงไปทำงาน...ทำงาน..หากบอกไปเที่ยวเดี๋ยวโดนนายเหล่..  
 
ก็พยายามทำตัวให้กลืนๆ ระหว่างส่วนตัวกับงาน เพราะมีเวลาจำกัด  เหนื่อย แต่เอาอยู่ ครับ    ...ช่วงที่ผ่านมาเปิดมี ตัวหนังสือ 53 ปีกับการบิน  ซึ่งมีเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ของคนๆ หนึ่งที่มีความฝันและสานฝันได้น่าสนใจมาก  อยากให้น่้้องๆ ได้อ่าน เพราะจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ จริงๆ ...เพราะความดีของหนังสือเล่มนี้ ก็มีสื่อจากที่ต่างๆ นำไปขยายผลให้  ลุงตี้หรือน้องนิสิตหอพักอยากอ่านก็เชิญ

ที่มุมหอพักรักการอ่าน

 อาคารพุดซ้อนชั้น 2 ได้เลย  ส่วนพี่ๆ ที่อยู่ห่างออกไป ก็หาซื้อหนังสือเล่มนี้ได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป  ตัวอย่างข่าวที่ลงสืบเนื่องจากการเปิดตัวหนังสือเล่มนี้  

[Uncle Na]

หน้าแรกผู้จัดการ Online | หน้าแรก Celeb Online | lifestyle & travel | hot on shelf !  
53 ปี กับการบิน...ชีวิตบนรันเวย์ของ "กัปตันสฤษฎิ์พร ภิบาลกุล "
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มิถุนายน 2555 21:52 น.  

แฟ้มภาพสพจ.

  
ความฝันในวัยเยาว์ของเด็กๆ อาจเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสหรือตามกาลเวลาที่ผันผ่าน หากแต่ความฝันอันแน่วแน่ของ ด.ช.สฤษฎิ์พร ภิบาลกุล ในวัย 12 ขวบเศษๆ เมื่อเกือบ 70 ปีที่แล้วนั้นไม่เคยผันเปลี่ยน เพราะเพียงแรกเห็นเครื่องบินของกองทัพไทยบินผ่านบ้านที่ จ.พิจิตรทุกวัน ก็เกิดหลงรักในเครื่องบิน จนเกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะเป็นนักบินตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยไม่รู้เลยสักนิดว่าเส้นทางสู่การเป็นนักบินนั้นไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ หากแต่ต้องแลกมาด้วยความยากลำบากที่สุ่มเสี่ยงต่อชีวิตทุกขณะที่อยู่บนเครื่องบิน
 
 เรื่องราวการต่อสู่กับอุปสรรคนานัปการจนได้เป็นนักบินในวัยไม่ถึง 20 ปี ถูกถ่ายทอดผ่านตัวอักษร สู่สายตานักอ่านในหนังสือ “53 ปี กับการบิน” จากปลายปากกาของ กัปตันสฤษฎิ์พร ภิบาลกุล ผู้อุทิศตนทั้งชีวิตให้กับการบิน
หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวอัตชีวประวัติของ กัปตันสฤษฎิ์พร ภิบาลกุล กัปตันโบอิ้ง 747 คนที่ 5 ของประเทศไทย รวมถึงการเป็นครูการบินของกัปตันเครื่องบินในประเทศของสายกายบินชั้นนำ อาทิ การบินไทย, บางกอกแอร์เวย์ , แอร์เอเชีย บุคคลที่มีชีวิตมหัศจรรย์โลดโผนคนหนึ่งของประเทศไทย ผ่านการบินกับเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์มาแล้ว 25 แบบ ตั้งแต่เล็กสุด ถึง B747 มีเวลาบินรวมกว่า 24,000 ชั่วโมง

เนื้อหาในเล่ม ถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตที่น่าสนใจของชีวิตนักบินในยุคแรกๆ ของไทย ที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรค ตั้งแต่เรื่องการศึกษาต่อในวิชาการบินที่ในสมัยก่อนยังไม่มีวิชาแนะแนวการศึกษาต่อในสาขาต่างๆ ต้องขวนขวายด้วยตนเองจนสอบเข้าโรงเรียนการบินได้สำเร็จ

หลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนการบินก็ได้เข้ารับใช้ชาติในฐานะนักบินทหาร และครูการบินที่โรงเรียนการบิน จ.นครราชสีมา แต่ชีวิตก็ผกผันต้องไปเป็นนักบินรับจ้างซีไอเอ ที่ต้องบินเสี่ยงอันตรายจาก สงครามที่ไม่เปิดเผยในประเทศลาวเป็นเวลาถึง8 ปีเต็ม ซึ่งภูมิประเทศของลาวเต็มไปด้วยหุบเขา การบินต้องใช้สนามบินที่มีระยะทางขึ้น-ลงสั้น ซึ่งทางอเมริกาผู้จ้างจะคัดเลือกแต่นักบินที่มีฝีมือดีเยี่ยมเท่านั้น ที่จะทำการบินในภูมิประเทศแบบนี้ได้ ถึงขนาดมีนักบินท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าบินในลาวได้ก็สามารถบินไปได้ทั่วโลก”

ชีวิตนักบินมีอันต้องผกผันอีกครั้ง จากนักบินบ้านนอกที่บินแต่เครื่องบินรบ และเฮลิคอปเตอร์ กลายมาเป็นนักบินโบอิ้ง 747 ของสายการบินแอร์สยาม 4 ปี แต่สายการบินก็มีอันต้องปิดตัวลงเพราะเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อปี พ.ศ. 2520 จึงต้องหันเหชีวิตไปเป็นนักบินให้กับสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ 2 ปี แต่ก็มีเหตุที่ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติงานต่อได้ เพราะรับไม่ได้กับการเลือกปฏิบัติของชาวต่างชาติที่มีต่อคนไทย จึงตัดสินใจลาออกกลับเมืองไทย และไม่เคยกลับไปแตะเครื่องบินพาณิชย์โบอิ้ง 747 อีกเลย หลังจากนั้นจึงผันตัวเองไปรับจ้างบินทำฝนหลวงให้กระทรวงเกษตร และเป็นนักบินผู้บุกเบิกให้กับบริษัทสหกลแอร์ ซึ่งปัจจุบันคือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์

ปัจจุบัน กัปตันสฤษฎิ์พร เป็นบรรณาธิการของนิตยสารแทงโก นิตยสารรายเดือนที่ออกเผยแพร่ความรู้ทางด้านการบินให้แก่สมาชิกและผู้อ่านทั่วไป และเป็นกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์และพัฒนาอากาศยานไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ นอกจากนี้ยังเป็นที่ปรึกษาและสอนการบินของโครงการโรงเรียนการบินจำลอง ซึ่งเป็นโครงการที่นำซอฟต์แวร์เครื่องบินจำลอง Flight Simulator ไปสอนยังโรงเรียนในชนบททั่วประเทศ เช่น โรงเรียนการบินบ้านหนองลาดควาย อำเภอเรณูนคร จ.นครพนม เป็นต้น

 ติดตามเรื่องราวของบุคคลที่ชีวิตมหัศจรรย์ โลดโผนที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย ตลอดระยะเวลา 53 ปี ในหนังสือ “53 ปี กับการบิน” ได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ทุกสาขา และร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2255-4433 หรือ www.chulabook.com
      
 Text by : ASTV ผู้จัดการรายวัน: สังคม-สตรี

[kumpolcomcai]

แวะมาเยี่ยมครับ
ผมเข้ามาอ่านบ่อย แต่ไม่ได้ทักทายครับ ครั้งนี้ถือว่าเป็นปฐมฤกษ์
จาก.....หมอตุ่น ซีมะโด่ง 2525 ประชาสัมพันธ์สมาคมครับ
และผมขอเรียนเชิญพี่ เป็นอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ของสมาคมซีมะโด่ง ตามที่เคยคุยกันครับ

[Uncle Na]

		อ้างถึง			ข้อความของ kumpolcomcai เมื่อ 12 มิถุนายน 2555, 09:39:02
	แวะมาเยี่ยมครับ ผมเข้ามาอ่านบ่อย แต่ไม่ได้ทักทายครับ ครั้งนี้ถือว่าเป็นปฐมฤกษ์ จาก.....หมอตุ่น ซีมะโด่ง 2525 ประชาสัมพันธ์สมาคมครับ และผมขอเรียนเชิญพี่ เป็นอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ของสมาคมซีมะโด่ง ตามที่เคยคุยกันครับ

อุ้ย..น้องหมอตุ่น ขอบคุณที่ให้เครดิตลุงครับ  ดังที่แจ้งให้ทราบว่าลุงกิจกรรมเยอะมาก  เป็นตัวจริงไม่ได้  แต่หากไปช่วยเป็นครั้งคราว พอได้  ดังที่ลุงปฏิบัติต่อรุ่น 24 ของตัวเอง  คือไม่เป็นตัวจริง หากกลุ่มไม่สะดวกแล้วมอบหมายให้ลุงแทนครั้งคราว และจัดเวลาได้พอดี  ลุงจะไปแทนได้   แต่หากครั้งไหนไม่สะดวกก็ไม่ไป

คือไปช่วยน้องหมอตุ่นได้  แต่ไม่ขอเป็นตัวหลัก และไม่ต้องมีชื่อก็ได้ อย่างนี้ก็ยินดีครับ
 

[Uncle Na]

วันนี้ไปเรียน Top Cream ของมหาวิทยาลัยกลับมา 2 ทุ่มแล้ว ต้องเคลียร์เอกสารที่โต๊ะอีกนิดนึง จึุงจะกลับ

แต่ขอทำหน้าที่โพสต์สิ่งดีๆ ในกระทู้นิดนึง  ...หลักสูตรดีมากๆ วันนี้ฟังท่านอธิการบรรยาย  จากนั้นต่อด้วยทีม รศ.จินตนา และทีมวิทยากรคุณภาพจากคณะบัญชีฯ มาสรุปหลักสูตร และวิธีเรียนให้จบให้ฟังครับ  มีสไลด์ของท่านอธิการดีๆ มาฝากเพื่อนๆ และแฟนคลับ..







 
 

[ทราย 16]

		อ้างถึง			ข้อความของ Uncle Na เมื่อ 12 มิถุนายน 2555, 19:49:40
	อ้างถึง ข้อความของ kumpolcomcai เมื่อ 12 มิถุนายน 2555, 09:39:02 แวะมาเยี่ยมครับ ผมเข้ามาอ่านบ่อย แต่ไม่ได้ทักทายครับ ครั้งนี้ถือว่าเป็นปฐมฤกษ์ จาก.....หมอตุ่น ซีมะโด่ง 2525 ประชาสัมพันธ์สมาคมครับ และผมขอเรียนเชิญพี่ เป็นอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ของสมาคมซีมะโด่ง ตามที่เคยคุยกันครับ อุ้ย..น้องหมอตุ่น ขอบคุณที่ให้เครดิตลุงครับ  ดังที่แจ้งให้ทราบว่าลุงกิจกรรมเยอะมาก  เป็นตัวจริงไม่ได้  แต่หากไปช่วยเป็นครั้งคราว พอได้  ดังที่ลุงปฏิบัติต่อรุ่น 24 ของตัวเอง  คือไม่เป็นตัวจริง หากกลุ่มไม่สะดวกแล้วมอบหมายให้ลุงแทนครั้งคราว และจัดเวลาได้พอดี  ลุงจะไปแทนได้   แต่หากครั้งไหนไม่สะดวกก็ไม่ไป คือไปช่วยน้องหมอตุ่นได้  แต่ไม่ขอเป็นตัวหลัก และไม่ต้องมีชื่อก็ได้ อย่างนี้ก็ยินดีครับ

ลุงณะเป็นประเภทปิดทองใต้จักกะแร้พระค่ะ

[Uncle Na]

ขอบพระคุณครับอาจารย์ทรายที่มาช่วยตีความ  งานที่หอลุงขอเเป็นแค่ลูกมือนิรนาม หรือไม่อยู่ในชื่อหลัก เพราะต้องเทเวลาให้กับงานอีกด้าน   หากไปให้ความหวังที่ไม่สามารถ จะทำให้งานส่วนรวมของน้องหมอตุ่นเสียหายได้  เอ..ป่านนี้ยังไม่มารับทราบคำตอบ...งานไม่เสีย..แต่ขวัญเสียไปแล้ว เหอ  ๆ

แต่หากเรียกตัวไปร่วมประชุมและไปใช้แรงงานที่ลุงจัดสรรเวลาและทำได้  จะรีบไปทันทีแม้ไม่ต้องมีชื่อ  เช่นที่เคยทำมาเสมอ  ก็หอซีมะโด่งคือบ้านของลุงเหมือนกันนี่นา

วันนี้มีบ้านสวยๆ จากหมูบ้านฝรั่งเศส ประเทศเกาหลี มาฝากพี่ีทราย น้ำอ้อย ลุงตี้ น้าแจง น้องหมอตุ่น และแฟนๆ คิดว่าบ้านแวนโก๊ะนี้ มัณฑณากรจากจุฬาฯ ไปทาสีให้.. วันนี้คิวเต็มทั้งวัน ช่วงบ่ายถึง 19.00 น. ลุงขอจำแลงกายเป็นนักเรียน Top Cream
 

 
    

[Uncle Na]

สวัสดีครับพี่ทราย ลุงตี้ น้าแจง แม่้อ้อยและแฟนๆ วันนี้มีไสลด์ดีๆ ของท่านนายกสภาฯมาฝาก เกี่ยวกับภาวะคุกคามจากภายนอก 3 ปี ข้างหน้า   เจอแน่ๆ ครับ

เสรี 5 ด้าน ในกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ


8 สาขาอาชีพที่เปิดเสรี  แปลว่าอนาคตลูกของเราต้องเจอคู่แข่งที่เป็นวิศวะ หมอ พยาบาล...การท่องเที่ยว จากกลุ่มอาเซียนแน่ๆ  และ +3  +6
พร้อมกันไหมครับ...อาชีพทำหนังสือของลุง ยังไม่ระบุ  แต่ยังไม่วางใจ


 

[Uncle Na]

รับรู้แล้วเครียด  ลุงพาคลายเครียด  ไปกินก๋วยเตี๋ยว ราเมงที่ Food Center สิงคโปร์ดีกว่า ทำหน้าตาใกล้เคียงที่เมืองไทย แต่ไม่อร่อยเท่า..
 

 

[Kaimook]

		อ้างถึง			ข้อความของ Uncle Na เมื่อ 15 มิถุนายน 2555, 20:07:21
	รับรู้แล้วเครียด  ลุงพาคลายเครียด  ไปกินก๋วยเตี๋ยว ราเมงที่ Food Center สิงคโปร์ดีกว่า ทำหน้าตาใกล้เคียงที่เมืองไทย แต่ไม่อร่อยเท่า..

มาทานก๋วยเตี๋ยวคลายเครียดด้วยจ่ะ   ลูกเราจะสู้เขาไหวไหมเนี่ยยยยยย

[Kaimook]

		อ้างถึง			ข้อความของ Uncle Na เมื่อ 15 มิถุนายน 2555, 20:00:11
	สวัสดีครับพี่ทราย ลุงตี้ น้าแจง แม่้อ้อยและแฟนๆ วันนี้มีไสลด์ดีๆ ของท่านนายกสภาฯมาฝาก เกี่ยวกับภาวะคุกคามจากภายนอก 3 ปี ข้างหน้า   เจอแน่ๆ ครับ เสรี 5 ด้าน ในกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ 8 สาขาอาชีพที่เปิดเสรี  แปลว่าอนาคตลูกของเราต้องเจอคู่แข่งที่เป็นวิศวะ หมอ พยาบาล...การท่องเที่ยว จากกลุ่มอาเซียนแน่ๆ  และ +3  +6 พร้อมกันไหมครับ...อาชีพทำหนังสือของลุง ยังไม่ระบุ  แต่ยังไม่วางใจ

ขอบคุณลุงณะค่ะที่นำเสนอเรื่องดีๆมาฝากเพื่อนๆจ้า

[แจง-24]

คู่แข่งที่น่ากลัวของทั้ง 8 อาชีพ คงเป็นสิงคโปร์กับเวียตนาม...

มันสมองกับฝีมือ แจงว่าเด็กไทยสู้เขาได้สบายมาก
แต่น่าจะแพ้กันก็ตรงความอึด(หนักเอาเบาสู้)นะคะ ลุงณะ

[Uncle Na]

		อ้างถึง			ข้อความของ แจง-24 เมื่อ 17 มิถุนายน 2555, 11:55:07
	คู่แข่งที่น่ากลัวของทั้ง 8 อาชีพ คงเป็นสิงคโปร์กับเวียตนาม... มันสมองกับฝีมือ แจงว่าเด็กไทยสู้เขาได้สบายมาก แต่น่าจะแพ้กันก็ตรงความอึด(หนักเอาเบาสู้)นะคะ ลุงณะ

รู้แล้วเราจะรู้วิธีสู้ กับคู่แข่งอย่างมีภูมินะครับน้า ..

วันนี้ลุงมีความก้าวหน้าของ สพจ.มาอวด  เป็นการพัฒนา ให้แก่อาจารย์และผู้อ่านชาวจุฬาฯ  และวงการ ด้วยบริการจากหัวใจของหน่วยงานเล็กๆ ในจุฬาฯ แต่มีหัวใจบริการของคนจุฬาฯ อย่างเต็มเปี่ยม..นั้นคือ โครงการนำร่อง ตำราใน Tablet ของสพจ.



น้องที่พัฒนาเป็นชาวหอ กำลังสาธิตวิธีเปิด e-book ให้แก่ลุงณะ จะได้ไปพูดต่อได้..


 

[ตี้ถาปัด]

ลุงณะทำไง มาสอนด้วยดิ

[ทราย 16]

		อ้างถึง			ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 19 มิถุนายน 2555, 14:13:53
	ลุงณะทำไง มาสอนด้วยดิ

เอาด้วยดิ ...

[Uncle Na]

ลุงตี้ พี่ทราย ทำไม่เป็น โม้เป็น..วันหน้าไปโม้ เหอๆๆ