คำให้สัมภาษณ์ของ "ฮิลลารี คลินตัน" ครับ น่าจะใช่ที่ naiamphureak ถามถึง
คมชัดลึก : "ฮิลลารี คลินตัน" ให้สัมภาษณ์พิเศษสุทธิชัย หยุ่น ชี้การเมืองไทยเผ็ดเหมือนอาหารไทย กระเซ้ามาไทย
ใส่เสื้อต้องระวังสี พร้อมป้องหุ้นส่วนอาเซียน ฟื้นสัมพันธ์หลังยุคบุชเมิน ยาหอม "โอบามา-โอบามาร์ค" มีความเหมือน
ในความต่าง เป็น 2 ผู้นำรุ่นใหม่ที่โลกต้องการ
นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ให้สัมภาษณ์พิเศษแก่สุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการอำนวยการเครือเนชั่น
และวีณารัตน์ เลาหภคกุล ในรายการชีพจรโลก ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี
ระหว่างเดินทางมาประเทศไทยเพื่อร่วมประชุมในเวทีความมั่นคงของอาเซียน โดยเธอเปรียบเปรยสถานการณ์การเมือง
ในประเทศไทยว่า การเมืองไทยเผ็ดร้อนเหมือนอาหารไทย ในการให้สัมภาษณ์อย่างเป็นกันเอง
นางคลินตันยังกล่าวกระเซ้า
การเมืองไทยที่แบ่งแยกเป็น 2 สี คือแดง-เหลือง ด้วยว่า วันนี้เธอใส่เสื้อสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ เพราะมีคนบอกว่า ไม่ควรจะใส่สี
บางสีมา อย่างไรก็ตาม นางคลินตันไม่ยอมตอบคำถามเรื่องคุกลับที่มีการเปิดโปงโดยวอชิงตัน โพสต์ว่ามีอยู่ในประเทศไทย
กล่าวเพียงว่าการทรมานนักโทษได้ยุติลงแล้ว
รัฐมนตรีต่างประเทศหญิงของสหรัฐบอกด้วยว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัก โอบามา จะเปลี่ยนแปลงนโยบายที่มีต่อชาติ
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะกลับมาให้ความสำคัญแก่ภูมิภาคนี้มากขึ้นกว่าสมัยรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ
ดับเบิลยู บุช ที่ละเลยผลประโยชน์ของสหรัฐในเอเชีย
นางคลินตัน ยังกล่าวเปรียบเทียบ "โอบามา" และ "โอบามาร์ค" 2 ผู้นำคนรุ่นใหม่นั้น มีความเหมือนและความต่าง
แต่ก็หวังว่า คนรุ่นใหม่จะเรียนรู้ข้อผิดพลาดของคนรุ่นเก่า เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นคุณพบนายกฯ อภิสิทธิ์ เมื่อวานนี้ สำเนียงแบบอังกฤษของเขาเป็นอย่างไรบ้าง การพูดคุยเป็นไปอย่างดีมาก เราพูดคุยกันในหลายๆ เรื่อง ฉันเริ่มจากการขอบคุณประเทศไทยที่เป็นพันธมิตรที่ดี
กับเรามายาวนานถึง 176 ปี เรายังพูดถึงสิ่งที่ไทย-อเมริกันทำร่วมกัน การต่อสู้ปัญหาโรคเอดส์ การกระชับความสัมพันธ์
ด้านทหาร การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ และประเด็นด้านภูมิภาค โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง การประชุมอาเซียนในครั้งนี้
เวลาคุณพูดถึงประเทศไทย ภาพลักษณ์ประเทศไทยปัจจุบันเป็นอย่างไร เป็นภาพลักษณ์ที่บวกหรือลบอย่างไร ฉันคิดว่าการที่เราเป็นพันธมิตรและมีความสัมพันธ์ที่ดีมายาวนานทำให้เรา
เข้าใจประเทศไทยในเชิงกว้าง ฉันรู้ว่า เมืองไทยเป็นเมืองแห่งรอยยิ้มและเป็นที่ที่ประชาธิปไตยกำลังเติบโต แม้
บางครั้งการเมืองไทยเผ็ดร้อนยิ่งกว่าอาหารไทยเสียอีก
เมืองไทยในสายตาคุณเป็นอย่างนี้นี่เอง ฉันรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนไทยต้องแก้ปัญหาเอง แต่ฉันเชื่อมั่นในประชาธิปไตยที่กำลังเติบโต และความมีเสถียร
ภาพของไทย
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้วันนี้คุณใส่เสื้อสีเขียวหรือเปล่า แต่ฉันว่ามันเป็นสีฟ้าเทอร์ควอยซ์มากกว่า ฉันผิดหรือเปล่า ฉันรู้ว่ามีสีบางสีที่ฉันไม่ควรใส่
มีคนบอกคุณใช่หรือไม่ มีคนบอกฉันมา แต่ไม่เป็นไร เพราะฉันอาจจะใส่สีบางสีไม่ค่อยขึ้นอยู่แล้ว
การมาเยือนเอเชียและอาเซียนครั้งนี้คุณต้องการจะบอกอะไรกับอาเซียน สิ่งที่อยากจะบอก ก็คือ ประธานาธิบดีบารัก โอบามา และฉันเองให้ความสำคัญแก่ภูมิภาคนี้อย่างมาก
เราไม่ได้มีพันธมิตรอันยาวนานอย่างประเทศไทยเท่านั้น แต่เราเชื่อว่า ทั้งภูมิภาคมีพันธสัญญาคล้ายๆ กัน
และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ฉันเลือกเดินทางมาเอเชียหลังเข้ารับตำแหน่ง และฉันก็เดินทางกลับมาอีกครั้ง
ภายใน 6 เดือน และก็มาประชุมอาเซียนที่ภูเก็ต เพราะเราอยากให้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น
ไม่ใช่แค่ระดับประเทศกับประเทศ แต่ทั้งภูมิภาค มีหลายประเด็นที่ไทยกับสหรัฐไม่สามารถที่จะแก้ปัญหา
โดยลำพังได้ เราต้องแก้ปัญหาตั้งแต่โรคติดต่อจนถึงปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ ฉันเชื่อมั่นว่า
สหรัฐจำเป็นที่จะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องในภูมิภาคนี้
อะไรคือสิ่งที่แตกต่างระหว่างนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลบุช และรัฐบาลโอบามา โดยเฉพาะนโยบายต่อเอเชีย ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลโอบามาจะแสดงให้เห็นว่า สหรัฐกลับมาสู่เอเชียแล้ว (America back in Asia)
เราเห็นความคืบหน้าในหลายๆ ด้านในเอเชีย และเราคิดว่ายังมีงานอีกเยอะที่ต้องทำ เราต้องการให้คนเอเชีย
ไม่ใช่แค่รัฐบาล รู้ว่าสหรัฐจะผูกพันกับเอเชียในระยะยาว (longhaul)
อะไรคือภัยที่ร้ายแรงที่สุดต่อสันติภาพในภูมิภาคนี้ ภัยที่ฉันคิดว่าร้ายแรงอันดับแรกๆ เลยก็คือ การสะสมอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
แน่นอนว่า เรากังวลกับปัญหานิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ และรายงานล่าสุดที่ระบุว่า เกาหลีเหนืออาจจะใกล้ชิด
กับพม่ามากขึ้น เรากังวลเกี่ยวกับการโอนถ่ายเทคโนโลยีนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือไปยังพม่า ซึ่งเราจะพูดคุย
เรื่องนี้กับรัฐมนตรีต่างประเทศทุกท่านที่ภูเก็ตแน่นอน
ใครทำให้คุณปวดหัวมากกว่ากัน คิม จอง อิล - มาห์มูด อาห์มาดิเนจาด - นายพลตัน ฉ่วย - โอซามา บิน ลาเดน
และฮูโก ชาเวซ พวกเขาทำให้ฉันปวดหัวตลอดเวลาเลย ก็คุณพูดถึงคนที่สหรัฐมองว่ามีบทบาทในทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ซึ่งฉันก็ต้องปวดหัวกับทุกๆ คนเลย
แล้วพม่าละ ถ้านางออง ซาน ซูจี ไม่ได้รับการปล่อยตัว คุณจะเห็นด้วยหรือไม่ถ้าอาเซียนจะไล่พม่าออกจากกลุ่ม
นั่นขึ้นอยู่กับอาเซียน
คุณจะกระตุ้นให้อาเซียนทำอย่างนั้นกับพม่าหรือไม่ ฉันคิดว่า นั่นก็เป็นนโยบายที่ควรจะต้องพิจารณา เพราะประเทศอื่นๆ ในอาเซียนก็มีปัญหาการเมืองเหมือนกัน
แต่เราก็ยังเห็นการเติบโตอย่างมั่นคงของประชาธิปไตยจากประเทศเหล่านั้น รวมถึงด้านสิทธิมนุษยชน และการ
พัฒนาเศรษฐกิจ แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้นในพม่า
คุณจะหยุดวิธีการของซีไอเอในการมีคุกลับ เหมือนที่มีในเมืองไทยที่ใช้วิธีทรมานผู้ต้องหาหรือเปล่า ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องในอดีต เราข้ามผ่านตรงนั้นมาแล้ว รัฐบาลของเราจะทำอะไรก็แล้วแต่ที่เปิดเผยและเป็น
ที่ยอมรับในมาตรฐานสากล
คุณทราบหรือเปล่า หรือคุณพูดไม่ได้ ที่ฉันไม่พูดเป็นเพราะฉันทำตามคำแนะนำที่ว่าไม่ควรพูดเกี่ยวกับข้อมูลข่าวกรอง การที่ฉันไม่พูดไม่ได้แปลว่า
ใช่หรือไม่ใช่ มันแปลว่าเราไม่พูดเกี่ยวกับมัน เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศไทย
รู้สึกอย่างไรที่ต้องทำงานให้อดีตคู่แข่งที่ขับเคี่ยวกันในการหาเสียง ซึ่งปัจจุบันกลายมาเป็นประธานาธิบดี เป็นหนึ่งในคำถามที่คนถามกันมาก ลองคิดดูสิเราขับเคี่ยวกันอย่างหนัก แถมยังพูดสิ่งที่อาจไม่ค่อยดีถึงกัน
แต่ในประเทศของเรา เมื่อการเลือกตั้งสิ้นสุดลง เราพยายามทำงานร่วมกันเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ
และในระบบของเรา เมื่อประธานาธิบดีขอให้คุณเข้ามาทำหน้าที่ คุณรู้สึกคุณควรทำเช่นนั้นเพื่อให้ประธานาธิบดี
ประสบความสำเร็จ และประธานาธิบดีก็ขอให้คนจากพรรครีพับลิกันมาทำงานให้ด้วย ไม่เฉพาะจากพรรคเดโมแครต
รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็เคยขับเคี่ยวกับประธานาธิบดีโอบามาช่วงหนึ่ง
ตอนฉันอยู่ในอินโดนีเซีย ถูกถามคำถามนี้มาก ฉันจึงตอบไปว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่อเมริกาเรียนรู้ตลอดหลายปีแห่งการ
ปกครองระบอบประชาธิปไตย นั่นคือประเทศชาติต้องมาก่อน การเมืองมาแล้วก็ไป คนแพ้และชนะการเลือกตั้ง
ทันทีที่การเลือกตั้งจบลง คุณอาจยังมีความเห็นด้านนโยบายไม่ตรงกัน แต่เราควรพยายามเดินหน้าไปด้วยกัน
เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ
คุณรู้ไหมว่า นายกฯ ของไทย ถูกเรียกว่าโอบามาร์ค เพราะมีความคล้ายคลึงกับโอบามา ในแง่การเป็นคนหนุ่ม
การขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนเป็นเดโมแครตทั้งคู่
คุณเห็นด้วยไหมกับการเรียกเขาว่า โอบามาร์ค
ฉันคิดว่า มันไม่ยุติธรรมที่จะเปรียบเทียบผู้นำคนหนึ่งกับอีกคนหนึ่ง ต่างคนต่างไม่เหมือนกัน แต่สำหรับคุณสมบัติ
ที่คุณพูดถึง มันเป็นยุคของผู้นำที่เป็นคนหนุ่มสาวอายุน้อยกว่าเรา พวกเขาเต็มไปด้วยพลัง ความใส่ใจ และทำงานหนัก
เห็นได้ชัดว่า สถานการณ์การเมืองแต่ละประเทศแตกต่างกันไป
ฉันรู้สึกประทับใจกับจำนวนของผู้นำซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่
ที่เพิ่มมากขึ้น ฉันหวังว่าคนรุ่นใหม่จะเรียนรู้ข้อผิดพลาดของคนรุ่นเก่า พวกเขาต้องเข้าใจว่า รัฐบาลต้องทำเพื่อประชาชน
โดยเฉพาะในระบอบประชาธิปไตย คุณต้องแสดงให้เห็นว่ามีความหวังในการเปลี่ยนแปลงที่จะช่วยเหลือผู้คน
ให้มีทรัพย์สิน สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ลูกหลานของตน หากผู้นำมีความมุ่งมั่นอย่างนั้น ก็จะมีผู้นำหลายคนที่เป็น
เหมือนประธานาธิบดีโอบามา ที่เข้าสู่วงการเมืองด้วยการต่อสู้และทำงานหนัก นั่นคือสิ่งที่เราอยากจะเห็น
อ่านจาก teenee.com หรือที่
http://tnews.teenee.com/politic/38352.html