|
บอยถาปัด
มือใหม่หัดเมาท์
ออฟไลน์
กระทู้: 56
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2551, 20:51:18 » |
|
เข้ามาอ่าน พร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม ชื่นชมยินดี ที่เพื่อนจิ้ง ลงมือซะที เป็นกำลังใจ และจะติดตามเสพตลอดไป
และหากโดนกระตุ้น แรงบันดาลใจมากๆ ก็จะตามรอย เขียนเรื่องตัวเองบ้างก็ได้ รู้สึกตัวเหมือนกันว่า ชีวิตเด็กบ้านนอก ที่ต้องมาเป็นสถาปนิกในเมืองหลวง นั้น มีทั้งฮา ตื่นเต้นหวาดเสียว และน้ำตา มากพอจะเป็นพร็อท นิยายดีๆ กะเค้าเหมือนกัน อิ อิ
ปลายปีหน้า ถ้างานมีเนื้อมีหนัง จะได้ระดมทุน ต่อยอดเพื่อผลทาง ธุระกิจต่อไป ( อย่าปฏิเสธ วิธีคิดนี้นะ เดี่ยวไม่มีเงิน ซื้อโครงการ นิคม สว ของเพื่อนตี้)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2551, 05:02:02 » |
|
เอ! เขียนเรื่องของพี่ๆ แต่ไม่ได้บอก....เนียนได้ ถามได้ ปาดได้หรือไม่ ถ้าได้ก็สวย เพราะsheมักมองอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน จะถาม จะขุด แคะแกะเกาให้อักเสบ เอ,นั่นสิวนี่หว่า นอกเรื่องอีกแร๊ะ :lol: :lol: nn.27
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตี้ถาปัด
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2551, 09:27:35 » |
|
เอาเลยเพื่อน รออ่านอยู่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
2437041
|
|
|
หนุ่ม2524
Hero Cmadong Member
ออฟไลน์
รุ่น: RCU2524
กระทู้: 1,042
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2551, 11:27:58 » |
|
รอติดตามอยู่ครับ มาลงชื่อเชียร์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jum2524
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2551, 11:40:08 » |
|
อยากเล่า อยากเขียนอะไรได้เลย..แล้วจะรอติดตามจ้ะ..ก็แหม!!..ฝี(ปาก)มือเก่งกล้าขนาดนี้..:lol::lol:
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2551, 21:00:33 » |
|
ช่วงที่พีๆยังไม่เริ่ม เราตั้งวงรัมมี่ วงส้มตำ....รอ! nn.27(เตรียมครกเสร็จ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jingjok ۩ 2524
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2551, 21:29:25 » |
|
ตั้งชื่อเรื่องซะดิบดีว่า๏】๏】๏】รูปเล่าเรื่อง【๏【๏【๏ เพราะคิดแผนไว้ในใจว่าจะเอารูปมาลงมากกว่าเรื่อง ตอนนี้กลับมีปัญหาว่าเรื่องน่ะเขียนจบแล้ว แต่ดันหารูปมาเล่าประกอบเรื่องไม่ได้ซะนี่....
แต่ไหนๆแล้ว อุตส่าห์เขียนจนจบ--จัดได้ว่ามหัศจรรย์ดีแท้
ก็ขอตัดใจลงเรื่องโดยไร้รูปก่อนแล้วกัน (ผิด"ธีม"จนได้)
เพราะรูปหาได้ง่ายกว่าเรื่อง...ขอเอารูปมาแปะทีหลังแล้วกันนะครับ......
เรื่องแรกที่จะนำเสนอ--ก็คือ หอเจ้าจอมในความจำ(ของจิ้งจก)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
2524
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2551, 21:53:38 » |
|
ดีมากค่ะ ขอไปlinkมาจากcommonroom กระทู้แนะนำนะคะ nn.27
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
iamfrommoon
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2551, 09:38:42 » |
|
พี่จิ้งจกคะ... ขอลอกเอาไปในสารซีมะโด่งได้เลยมั้ยคะเนี่ย อิอิ เนียนนนนนนนนนน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@
|
|
|
แจง-24
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2551, 10:16:53 » |
|
หอเจ้าจอมในความจำ(ของจิ้งจก)
ความสุขและความทรงจำของฉันที่มีต่อหอเจ้าจอมก็คงจะจบลงตรงนี้ และฉันก็คงมีรอยยิ้มเมื่อผ่านมาบุญครองต่อไป จะยิ้มแบบไหนก็คงแล้วแต่โปรแกรม Shuffle มันจะแว่บช่วงไหนเข้ามาในสมอง เพราะมันมีทั้งสุข เศร้า สมหวัง ครบทุกรส………….[/b]
THE END :x :x :x[/color] หลังจากฟังเพื่อนถล่มตัวมานาน ว่าเขียนเล่นได้แต่เรื่องไร้สาระ ไม่สามารถเขียนอะไรเป็นจริงเป็นจังได้ และแล้วก็ได้ประจักษ์ในอิทธฤทธิ์อันแท้จริงของเพื่อน บอกแล้ว...ว่าเพื่อนทำด้าย....ย ไม่เสียแรงที่ช่วยกันยุ นะบอยนะ...! สำหรับรูปประกอบ ขอเป็นรูปจิ้งจกผอมแห้ง กับโต้งตัวอ้วนก็ดีนะ คนอ่านจะได้ระลึกถึงความหลังกันไง เอาอีก...เอาอีก.....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
อยู่อย่างต่ำ กระทำอย่างสูง
|
|
|
|
ตี้ถาปัด
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2551, 13:32:20 » |
|
ภาพความทรงจำต่างๆได้หวลกลับมาเป็นฉากๆ ตามบทความที่จิ้งได้เล่าสู่กันฟัง อดไม่ได้ที่จะขอสอดแทรกความรู้สึกซาบซึ้ง ระคนสยองในวันแห่งอดีตที่ก้าวเข้าสู่ประตูหอ
ขออนุญาตจิ้งเสริมบางประเด็นที่เป็นประเด็นส่วนตัวด้วยนะ
วันแรกที่เข้าหอเจ้าจอม ผมเองก็เป็นกลุ่มท้ายๆทีวิ่งเข้าประตูหอเจ้าจอมจนเกือบจะไม่ได้ห้องเช่นกัน เอ๊ะ หรือว่าเป็นผมที่วิ่งแซงจิ้งเข้าไปก่อน ด้วยความเร่งรีบอันเกิดมาจาก การที่ต้องติดกิจกรรมรายงานตัวและประชุมเชียร์กับรุ่นพี่ที่คณะในเย็นนั้นเช่นกัน และก็ไม่แน่ใจเวลานัดหมายในการเข้าหอเพื่อรายงานตัวเป็นเวลากี่โมงกันแน่ และคิดไปว่าการรายงานตัวก็คงเป็นแค่เข้าไปแจ้งให้ทราบว่าผมมาแล้วนะครับเท่านั้นก็เลยใจเย็น และอีกประการนึงก็เนื่องมาจากว่าได้ไปยื่นเรื่องขอเข้าอยู่หอ แต่ไม่ได้รับการยืนยันว่าจะได้อยู่หรือไม่เพราะมีคนขอเข้าอยู่มาก ทางอาจารย์จะพิจารณาจากความจำเป็นของแต่ละคน ประกอบกับการเรียนจบมัธยมจากโรงเรียนผู้มีอันจะกินที่เชียงใหม่อาจจะเป็นปะเด็นที่อาจารย์เอามาพิจารณาว่าไม่ได้เดือนร้อนจริงถ้าจะไปอยู่หอข้างนอก ก็เลยคิดว่าอาจจะไม่ได้อยู่หอ ก็เลยไม่ค่อยได้สนใจมากนักว่าจะได้อยู่หรือป่าว ทั้งๆที่วันนั้นที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯยังไปอาศัยอยู่กับบ้านเพื่อนกรุงเทพที่ไปเรียนที่เชียงใหม่
มานึกได้อีกทีก็ตอนเย็นนั้นว่าถ้าไม่ได้อยู่หอ ก็คงจะต้องไปหาเช่าหอข้างนอก ซึ่งจะต้องฉุกละหุกและก็ไม่รู้แหล่งและราคาค่าเช่าก็น่าจะสูง สงสารพ่อแม่ที่จะต้องเดือดร้อนไปหาเงินมาให้ อีกอย่างถ้าได้อยู่หอในก็สะดวกดี เพราะไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง เสียค่ารถ ก็เลยตัดสินใจออกวิ่งจากคณะถาปัดไปยังหอเจ้าจอมเพื่อเข้ารายงานตัวในแบบกระหืดกระหอบ สงสัยในจังหวะนั้นนั่นเอง ที่เป็นไปได้ว่าคงจะวิ่งแซงจิ้งของเราอยู่แถวๆหน้าสมาคมนิสิตเก่า ประมาณนั้น แต่ก็คงไม่ใช่คนที่เดินตัดหน้าจิ้งที่หน้าประตูซะทีเดียว
ภาพที่เห็นขณะก้าวย่างพ้นประตูหอเจ้าจอมเข้าไป ก็คงจะเป็นภาพเดียวกับจิ้ง ความรู้สึกที่สัมผัสได้ก็คงไม่ต่างกันคือ มันดูมืดๆ ไม่สว่างสะอาด มันแลดูเก่าไม่สดใสทันสมัย มันแลดูหดหู่ วังเวง เหมือนมีอะไรบางอย่างแอบแฝงซ่อนเร้นในทุกซอกทุกมุม (ดูจากรูปที่พี่ผุสดี เอามาแปะไว้ให้ก็น่าจะนึกเห็นบรรยากาศออกนะครับ ขอบคุณพี่ผุสดีด้วยครับ) แต่เผอิญว่าวันนั้นเป็นวันรายงานตัว มีผู้คนมากมาย โดยเฉพาะรุ่นพี่ที่มาดูตัวเหล่าน้องๆก็เลยค่อนข้างจะคึกคักเป็นพิเศษ ซึ่งก็พอที่จะกลบเกลื่อนความรู้สึกวิเวกวังเวงได้ และด้วยความที่รู้จักพี่ตี๋ ประธานหอ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกับพี่ชายสมัยมัธยมต้นและพี่ชายก็ได้ฝากฝังกันไว้ ก็เลยทำให้การถูกพิจารณาให้เข้าอยู่หอเป็นไปด้วยความราบรื่น (จะเรียกว่าเด็กเส้นก็ว่าได้ ขอขอบคุณพี่ตี๋อีกครั้งหนึ่งครับ และต้องขออภัยที่เอาความลับเกือบ 30 ปีมาเปิดเผย)
ต้องออกไปทำธุระสักครู่แล้วจะมาเล่าต่อนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
2437041
|
|
|
หนุ่ม2524
Hero Cmadong Member
ออฟไลน์
รุ่น: RCU2524
กระทู้: 1,042
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2551, 16:44:43 » |
|
หอเจ้าจอมในความจำ(ของจิ้งจก)
ความทรงจำที่ลึกซึ้งที่มีต่อหอเจ้าจอมก็คือ”วันล้างบาป” สาเหตุก็จากเพื่อนในรุ่นไปก้าวล่วงจาบจ้วงรุ่นพี่ด้วยวาจา พวกแกทั้งรุ่นต้องร่วมรับผิดชอบ!~!! ตามขนบธรรมเนียมโบราณ…. กลางดึกสงัดของวันนั้นพวกฉันต้องเดินอ้อมไปหลังหอ ภาพเบื้องหน้าของฉันคือสระน้ำที่มีดอกบัวกลางคืนบานสวยรับแสงจันทร์ ฉับพลันก็มีคำสั่ง ลงไป ลงไป ลงไป ….
ฉันจำภาพช่วงนี้ไม่ค่อยได้รู้แต่ว่าพอคนทั้งชั้นปีเริ่มลุยลงสระเพื่อ”ล้างบาป” ดอกบัวสวยที่อยู่เบื้องหน้าก็พังพินาศจมน้ำ เพราะคนลุยลงไปราวกับควายโดนต้อน ฉันกลั้นใจลุยข้ามให้เสร็จๆ อารมณ์งงและง่วงมีมากกว่าอย่างอื่น….
มารู้ที่หลังว่าสระบัวแสนสวยนั้นเป็นที่ไหลรวมของสรรพสิ่ง จริงๆน่าจะเป็นที่”ชุบบาป”มากกว่า”ล้างบาป”เพราะบาปที่ไปชุบมานั้นล้างด้วยน้ำในห้องน้ำหอชายก็ไม่หาย ต้องโบก”คาลามาย”กันไปอีก 3 วัน ผดผื่นคันถึงหาย เอ…ถ้าฉันเผลอเอาหน้าจุ่มลงไป จะยังใสเนียนอยู่มั้ยเนี่ย ….
วันเวลาล่วงผ่าน….เมื่อไม่นานถึงมีคนบอก ตัวต้นเหตุที่- พวกแกทั้งรุ่นต้องร่วมรับผิดชอบ!~!! วันนั้นไม่ได้ร่วมกิจกรรมนี้ มันไปค้างข้างนอก ฉันเหมือนคนอกหัก เหมือนตัวเอกในละครที่โดนใส่ร้าย แต่มันช่วยอะไรได้ ทุกอย่างไม่เหลือแล้วแม้แต่ตัวหอ…….
ไม่อยากบอกเลย ว่า วันล้างบาป ผมไม่ได้อยู่หอ ไม่รู้ว่า โชคดี หรือ โชคร้าย เลยไม่ได้ร่วมชะตากรรมกับเพื่อนๆ แต่ที่แน่ๆ คิอ ผมไม่ใช่ตัวต้นเหตุ นะจะบอกให้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2551, 16:50:04 » |
|
พี่ป้อมคะ ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยเสริมบทความด้วยรูป...perfect! nn.27
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตี้ถาปัด
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2551, 16:50:31 » |
|
สิ่งหนึ่งที่ประทับใจมากๆก็คือ บรรยากาศอันเงียบสงบของหอเจ้าจอมในยามดึกดื่น จนแทบไม่น่าเชื่อว่า สถานที่นี้อยู่ใจกลางเมืองหลวงฟ้าอมรที่ข้างนอกมีรถรามากมาย
โดยเฉพาะบรรยากาศตรงลานซักและตากผ้าในแบบเปิดโล่ง ด้วยความที่ต้องไปเรียนในตอนกลางวัน และกลับมาเขียน Drawing เพื่อส่งการบ้านในตอนหัวคำกว่าจะเขียนเสร็จก็ดึกดื่น ฉะนั้นเวลาที่สะดวกต่อการซักผ้า บางครั้งก็ปาเข้าไปเที่ยงคืน บรรยากาศของการซักช่างวิเวกวังเวง จนต้องคอยเหลียวซ้ายแลขวาตลอดเวลาในขณะขยี้ผ้า ที่แน่ๆในระหว่างการซักก็จะมียุงจากบ่อล้างบาปมาคอยเป็นเพื่อนตลอดเวลา ทำให้การซักผ้าค่อนข้างจะมีรสชาดมากๆ เพราะจะต้องใช้ความเร็วในการซักเพื่อให้เสร็จให้เร็วที่สุด จริงๆแล้วยุงกัดเป็นเหตุผลรอง แต่เหตุผลหลักก็คือ.......เดาเอาเองนะ
และยิ่งเป็นวันที่มีฝนตกด้วยแล้วเหล่ากบ เขียด อึ่ง ต่างก็ส่งเสียงร้องกันระงม ประสานเสียงบูมโตกันใหญ่ เป็นบรรยากาศในแบบที่คุ้นเคยในต่างจังหวัดมากๆ เท่ากับว่ามาอยู่เมืองกรุงยังได้บรรยากาศ และอารมณืในแบบต่างจังหวัดเลยทีเดียว
เอาหละ ขอเสริมคุณจิ้งเพียงแค่นี้ก่อนนะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
2437041
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2551, 16:56:33 » |
|
แม้สมัยหลังๆ กบ เขียด อึ่ง ก็ยังส่งเสียงร้องกันระงม ประสานเสียงบูมโตกันใหญ่ มิเปลี่ยนแปลง ช่างให้บรรยากาศบ้านจริงๆ.. nn.27
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jingjok ۩ 2524
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2551, 20:20:40 » |
|
ก่อนอื่นต้องกราบขอบพระคุณพี่pusadee sittipongที่เมตตาส่งรูปมาช่วยเล่าเรื่อง เป็นภาพหอเจ้าจอมตอนเป็นหอหญิงที่ร่มรื่นงดงาม น่าจะเป็นรูปก่อนเรื่องเล่าของจิ้งจกราว 10 ปี บรรยากาศถึงห่างไกลจากท้องเรื่องเหลือเกิน...
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่าน ตามที่มาดามมุลเลอร์ไปเชียร์แขกเข้ามา
ขอบคุณแจงกับบอยที่คอยลุ้นให้เขียน--ก็ได้แค่นี้นะครับ
ขอบคุณตี้ที่ช่วยเสริมรายละเอียด--คิดออกว่าเป็นไปได้ที่ตี้จะแซงช่วงผ่านสมาคมนิสิตเก่า เพราะทีแรกก็หลงแวะมารายงานตัวที่หอหนึ่ง เพราะตอนสัมภาษณ์ก็เป็นที่นั่น ยามบอกว่าให้เดินไปตรงโน้น...(ออกมาชี้ทาง)หน้าประตูเขียนว่า"หอเจ้าจอม" ก็เลยเดินไปแบบงงๆ.....
ขอบคุณหนุ่มและiamfrommoon ที่มาเชียร์ครับ ถ้าไม่มีเรื่องจะลงจริงๆก็เอาไปเลยครับ...
ตอนนี้กำลังควานหารูป-จ้าละหวั่น ตกลงผิด"ธีม"จนได้...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
2524
|
|
|
|
หนุ่ม2524
Hero Cmadong Member
ออฟไลน์
รุ่น: RCU2524
กระทู้: 1,042
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2551, 14:26:18 » |
|
บรรยากาศของการซักช่างวิเวกวังเวง จนต้องคอยเหลียวซ้ายแลขวาตลอดเวลาในขณะขยี้ผ้า ที่แน่ๆในระหว่างการซักก็จะมียุงจากบ่อล้างบาปมาคอยเป็นเพื่อนตลอดเวลา ทำให้การซักผ้าค่อนข้างจะมีรสชาดมากๆ เพราะจะต้องใช้ความเร็วในการซักเพื่อให้เสร็จให้เร็วที่สุด จริงๆแล้วยุงกัดเป็นเหตุผลรอง แต่เหตุผลหลักก็คือ.......เดาเอาเองนะ
เอาหละ ขอเสริมคุณจิ้งเพียงแค่นี้ก่อนนะ พูดถึง ยุง หอเจ้าจอม เนี่ยมันตัวใหญ่จริงๆ ที่มันตัวใหญ่เพราะรุ่นพี่เค้าเลี้ยงไว้ ยิ่งวันไหนปลุกน้องปีหนึ่งแล้วละก้อ ยุง ยิ้มกันแก้มปริเลย แถมยุงยังมีเส้นอีก รุ่นพี่ "รู้ไม๊ นี่ยุงเจ้าพ่อ ห้ามตบ....." รุ่นน้อง ก้มหน้าให้ยุงกัดอย่างเมามันส์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jingjok ۩ 2524
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2551, 20:01:08 » |
|
ครุยกับปลา…
ตั้งชื่อเรื่องเสร็จ อดชื่นชมตัวเองไม่ได้ว่า ดูน่าสนใจ-น่าติดตาม ยังกะเรื่องรักวัยรุ่นแนวใส คล้ายๆกับคนเขียน แนวๆกั๊กกะกาวน์ หรือ กิ๊กกะไบรท์ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าไม่ใช่ นี่เป็นเรื่องแนว--เรื่องจริงอิงปาฏิหาริย์ ประมาณ”บั้งไฟพญานาค”หรือไม่ก็”มักกะนารีผล”ที่เป็นเรื่องเร้นลับ เหนือจริง อิงข่าวลือ.......
ไม่รู้ว่าสมัยนี้คำสาปที่ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นยังมีอยู่หรือเปล่า กฎศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งกว่าบัญญัติ 10 ประการ ที่เด็กนิสิตที่ยังเรียนอยู่ จะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพราะความหวาดกลัวราว”คำสาปฟาโรห์” ที่ฉันได้รับทราบมีอยู่สองอย่างคือ
ข้อแรก ห้ามใส่ชุดครุย ถ้ายังเรียนไม่จบ และข้อสองห้ามกินปลาจากสระจุฬา ข้อแรกนั้นโทษสถานเดียวที่น่าสะพึงกลัวมากสำหรับฉันคือจะเรียนไม่จบ ซึ่งเป็นอาญาหนักหนาสาหัสยิ่งในความรู้สึกของ”อนาคตอันสดใส ความหวังใหม่ของประเทศชาติ—ในพ.ศ.นั้น” (ประเทศไทยเขาก็หวังไปเรื่อยๆแหละ จนป่านนี้เด็กรุ่นนี้ก็ยังโดนคาดหวังต่อไป-เพราะไม่เคยสมหวังซะที) สำหรับข้อสองนั้น บทลงโทษจะเป็นยังไง ฉันจำไม่ได้ ว่าจะปรับหรือจำ หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะการไปจับปลามากินนั้นมันลำบากกว่าการเดินไปโรงอาหารสั่งให้ป้าโชยทำให้กินเป็นไหนๆ มันเลยเป็นเรื่องไกลตัวของฉันเป็นอันมาก แต่ก็รับและเคารพไว้ดั่งกฎศักดิ์สิทธิ์
ความเชื่อในสิ่งที่เฮ็ด และเฮ็ดในสิ่งที่เชื่อเป็นสิทธิส่วนบุคคล การ”ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”นั้น ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย และคงจะใช้ต่อไปในอนาคต การริท้าทาย”คำสาป”นั้นไม่อยู่ในหัวสมองของฉัน ซึ่งเป็นเด็กหัวอ่อนว่านอนสอนง่าย(ถ้าสอนในเรื่องที่เชื่ออยู่แล้ว ถ้าเรื่องไหนไม่เชื่อ—สอนให้ตายก็ไม่จำและไม่ยอมทำ…เด็ดขาด) ฉันเลยไม่เสี่ยงเอาตัวพิสูจน์
จนขึ้นปีสอง ก็มี”เคสสตัดดี้”มาให้พิสูจน์ เมื่อ น้องปุ๊ จากคณะสัตวแพทย์ ที่เป็นน้องชมรมอิสาน จังหวัดอุบลราชธานี (IAMFROMMOONRIVER) กล้าหาญชาญชัยใส่ครุยรับปริญญาขึ้นเวทีในการแสดงวันรับน้องที่โรงอาหารหอ ทำเอาพี่ๆช็อคตกใจ แต่ในขณะเดียวกันฉันก็ขอสารภาพว่ารอติดตาม”เคสสตัดดี้”นี้ แบบลุ้นนอกวงเงียบๆ เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าคำสาปนั้นจะศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่…..
แล้ว”ความเชื่อ”ก็ได้รับชัยชนะ คงความลึกลับในความศักดิ์สิทธิ์ต่อไป เนื่องจากปุ๊ต้องรีไทร์ไปในที่สุด จะมาจากสาเหตุใดก็ตามแต่ …ความเชื่อก็คงอยู่….และมีอิทธิพลต่อฉันซะจนตอนปีสุดท้ายที่เขาให้ถ่ายรูปบัณฑิตในชุดครุยส่งในใบขอจบ หรือส่งให้กรรมการบัณฑิตทำหนังสือรุ่น ฉันแสนจะลังเล—ก็ตอนนั้นมันยังไม่จบนี่นา(แถมมีแนวโน้มจะไม่จบอีกตะหาก) อีตากล้องที่ร้านถ่ายรูปนครอาร์ตตรงสามย่าน มันคงแอบขำที่ฉันยกมือไหว้ครุยขอขมาอยู่เป็นนานสองนานก่อนจะรีบใส่รีบถอด……
และนั่นก็คือสาเหตุที่ในวันรับปริญญารุ่นฉันที่มีสามวัน ฉันยังไม่กล้าเอามาใส่เพราะฉันรับวันสุดท้าย กล้าใส่อย่างมั่นใจก็คือวันที่รับจริงๆเท่านั้น (ขนาดจบแล้วนะ) เพื่อนที่รับก่อนสองวันแรกจะเห็นฉันน้อยคนมาก ไม่รักจริงๆไม่มาถ่ายรูปด้วยนะนั่น ….
หมายเหตุ : สมัยก่อนเขาใส่ครุยกันเป็นทางการคือวันรับจริงวันเดียว ถ่ายรูปรวมตอนเช้า เข้าหอประชุมตอนบ่าย แต่สมัยนี้เปิดโอกาสแก้ตัวสำหรับยายคนแต่งหน้าเข้มไป หรือเขียนคิ้วเบี้ยว ทาปากไม่เข้ากับแถบสีคณะ เห็นว่าเดี๋ยวนี้มีวันซ้อมแล้วถ่ายรูปหมู่กันก่อน แล้วแต่งวันรับจริงอีกวัน ค่อยคุ้มค่าเช่าครุยหน่อย สมัยฉันที่ทำสองวันแบบนี้คือมหาวิทยาลัยเอกชน-แสดงว่าไปลอกเลียนเขามา!!!
แล้วปลาจากสระน้ำจุฬาเล่า….
เรื่องนี้ไม่รักกันจริงไม่เล่าให้ฟังหรอกนะ…ขออภัยผู้ที่มีชื่ออ้างอิงถึงทุกท่านที่มีส่วน-ร่วมด้วยช่วยกัน กับปลาตัวนั้นในวันวารที่ผ่านมา….
กิจกรรมของชาวหอยุคก่อนสำหรับคู่รักวัยหวาน หอหญิง-หอชาย สมัยไม่มีโทรศัพท์มือถือ ก็คือไปดูหนัง ไปหาข้าวกินที่สามย่าน ไปเดินเล่นแล้วก็รีบกลับขึ้นหอให้ทันเวลา… อะ อะ ไม่ใช่ฉันหรอกจ้าที่มีแฟนหอหญิง บังเอิญฉันเป็นไม้กันหมา เป็นตัวแถมที่พี่หอหญิงเขาต้องให้ฉันไปด้วย..กันคนนินทา แล้วฉันก็ทำเซ่อติดกลุ่มเกาะไปด้วยทุกที่ทุกเวลา กับคู่ของรุ่นพี่คู่หนึ่งที่นึกๆดูแล้วก็สงสารพี่ผู้ชายเป็นอันมาก เพราะรู้สึกว่าขนาดวันรับปริญญาเขาไม่มีรูปคู่กันเลย มีฉันแทรกเป็นตัวเกินอยู่ทุกรูปจริงๆ ฮิฮิ (โทษทีนะพี่-แต่วันแต่งงาน ผมปล่อยให้พี่ถ่ายรูปคู่กันเต็มที่แล้วนะ )
มีเรื่องเล่าแถมว่า…ที่หอชายจะมีไก่มาขันปลุกตอนเช้าๆ(ในความรู้สึกของพวกผู้ชาย--แต่สายแล้วของผู้หญิง) ไก่ที่ว่าจะขันแปลกๆ เช่น”อ๊อด อ๊อดๆ….ตื่นละยัง”แปลว่าพี่หอหญิงมาปลุกพี่หอชายที่ชื่ออ๊อด ตะโกนเรียกกันที่หลังห้องของหอสูงสามชั้น บางพันธุ์ก็จะขัน”จือ จือ จือ” สมัยนี้คงไม่ไหว ไก่หอหญิงคงคอแตกถ้าแฟนอยู่ชั้น 14 เออ…เดี๋ยวถ้ามีโอกาสจะถามนังกระด้งว่าแถบๆฝั่งห้องมันมีไก่มาขันว่า”พี่คิด พี่คิด !!!”อ่ะเปล่า…
วันนั้นฝนตกพรำๆ ทั้งวันจนเย็นถึงหยุดตก เราสามคนกินข้าวที่โรงอาหารเสร็จก็เลยจะไปเดินเล่นในจุฬา เราเรียกกิจกรรมการเดินในจุฬาว่าไป”เดินจุฬา” สมัยนั้นห้องค่ายจะอยู่ใต้หอหนึ่ง(หอติดรั้วหน้าเตรียมอุดม) เราสามคนก็เป็นเด็กห้องค่ายประเภทวงในใกล้ชิด ก็แวะทักทาย..เห็นพี่ๆล้อมวงกันหนาแน่นเช่นเคย ในห้องนั้นมีอุปกรณ์ทำครัวครบครัน เพราะเวลาออกค่ายต้องใช้อุปกรณ์นั้นอยู่แล้ว วันดีคืนดีก็จะจัดปาร์ตี้หุงข้าวกินกัน… พี่ๆก็ถามไปไหนกัน พวกเราก็บอกว่าไป”เดินจุฬา” พวกนั้นก็แซวว่า “ไปตกปลาที่สระจุฬามาฝากด้วยนะ..”ก็คะนองปากรับคำ แถมบอก”หุงข้าวรอเลย…” แต่พวกเราก็ไปกันมือเปล่า เพราะไปเดินเล่น พี่ผู้หญิงมีถุงพลาสติกติดมือไป เพราะฝนเพิ่งหยุดตกเอาไปกันละอองฝน แต่เราบอกทุกคนว่า”จะไปใส่ปลา”
พวกเราลัดเลาะเข้าจุฬาทางประตู’ถาปัดเลียบไปทางฝั่งซ้ายของสนามหญ้าหน้าสระ คุยกันไปเรื่อยเพราะกะเดินย่อยอาหาร ฉับพลันพวกเราก็ส่งเสียงเฮฮากันลั่น เพราะเราเห็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งกำลังกระเดิ๊บ กระเดิ๊บในสนามหญ้า มันคือปลาช่อน!!!….
ถ้าคำสาปนั้นมีจริง ตอนนั้นพวกเราก็ทึกทักว่า ขณะนี้”ท่าน”คงประทานปลาช่อนตัวนี้มาให้เราโดยแท้ เพราะเราไม่ได้เอามือไปสัมผัสแตะต้องตัวมัน เพียงวางถุงพลาสติกที่จะเอาไปกันละอองฝน แล้วเต้นกรี๊ดรอบๆตัวปลามันก็ตรงเข้าไปในถุงโดยดี แบบไม่ต้องใช้เหยื่อ..มันมาเพื่อให้เรากินโดยแท้-เราสรุปกันในที่สุด ก่อนจะเปลี่ยนทิศกลับห้องค่ายทันที……
“พี่…ที่เขาห้ามน่ะห้ามตกปลาใช่มั้ย…หรือเขาห้ามกินปลา”ฉันเริ่มหาช่องโหว่ช่องว่างของกฎหมาย..ปลอบใจตัวเอง เหมือนตอนเป็นเด็กประถม ที่โรงเรียนมีป้าย”ห้ามเดินลัดสนาม” อีเด็กผีอย่างฉันก็วิ่งผ่าน บอกคุณครูว่าฉัน”วิ่ง”ไม่ได้”เดิน”ซะหน่อย แต่ก็ไม่รอดโดนไม้เรียวฟาดซะก้นลาย…
“เขาห้ามกินนะ…แต่นี่”ท่าน”ส่งมาให้เราตะหาก เราไม่ได้ไปจับมันมาซะหน่อย แถมไม่ได้สัมผัสตัวมันด้วย” เมื่อหาเหตุผลให้ตัวเองสบายใจได้ระดับหนึ่ง กิจกรรมก็ต้องดำเนินต่อไป เมื่อเราเอาอีปลาช่อนชะตาขาด ตัวนั้นกลับมาห้องค่าย
เมื่อชำแหละมันเสร็จโดยพี่ๆ มันเป็นปลาไข่เต็มพุงตัวโตมาก วันนั้นชาวค่ายหออิ่มหนำสำราญ แถมยังสนุกสนานกับวีรกรรมการจับปลาแบบไม่เสียเลือดเนื้อและเวลา ฉันตั้งชื่อเมนูอาหารวันนั้นว่า--ต้มยำไข่ปลาตายท้องกลมชะตาขาด,ทอดปลาชะตาขาด เป็นต้น
แต่ที่ชะตาเกือบขาดกันจริงๆ กลับเป็นกลุ่มที่”ร่วมด้วยช่วยกันกิน” เพราะพอเกรดออก ทุกคนก็ผงะหงาย พี่วิศวะผู้ชายต้องต่ออีกหนึ่งซัมเมอร์ถึงจะจบ พี่ผู้หญิงเกรดเทอมนั้นก็โปร-เฉลี่ยกับของเดิมที่สะสมไว้ก็พอจะรอด ท่านพี่อื่นๆก็อาการใกล้เคียง เห็นว่าบางท่านต้องไปอยู่บ้านอาจารย์เพื่อติวกันแบบเข้มข้นเพราะ”โปรต่ำ”อาการร่อแร่ ส่วนนังจิ้งจกของเรานั้นแม้ไม่สาหัสเพราะ”กินอย่างเดียว ไม่ได้แตะต้องสัมผัสตัวปลา” แต่ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตการเรียนที่สัมผัสเกรดที่เป็น 2.XX (ฉันน่ะเด็กเรียนเก่งแถวหน้าของจังหวัดนะ) จากนั้นก็สัมผัสเกรดสองต่อเนื่องจนเรียนจบ ฮิฮิ
ท่านพี่เล็ก-อมร นางสาวไทยปี 23 ของหอชาย รุ่นพี่เศรษฐศาสตร์เคยปลอบใจฉัน ตอนที่ฉันจะต้อง WITHDRAW ครั้งแรกในชีวิต หลังการบริโภคปลาช่อนชะตาขาดตัวนั้น เพราะเดินลงมาเจอฉันนั่งตบยุงใต้หอหนึ่งแก้กลุ้มเล่น มีศพยุงเป็นหลักฐานเกือบร้อยตัววางบนโต๊ะ (ตบได้..ไม่ใช่ยุงเจ้าพ่อ ยุงเจ้าพ่ออยู่หอเจ้าจอม) … “ครั้งแรกก็ลำบากใจอย่างนี้ แหละจิ้งจก…ใครๆเขาก็ทำ” พอทำแล้วก็เลยติดใจ ตัว W ในทรานสคริปต์ของฉันเลยมีเพียบ นับแต่บัดนั้นมา…..(บอกแล้วไง ฉันเป็นเด็กหัวอ่อน..ว่านอนสอนง่าย)….
เรื่องที่เล่ามา ก็เพื่อจะยืนยัน “เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ” รวมทั้ง”ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” และ”รีบหาช่องโหว่เข้าข้าง โทษจะได้เบาบาง-ลดเหลือกึ่งหนึ่ง”…
THE END :roll: :roll: :roll:
*************************************
ปัญหาเดิมอีกแล้วครับ...
ยังหารูปมาเล่าประกอบเรื่องไม่ได้
กราบอภัย"แฟนคลับ"ทุกท่าน...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
2524
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2551, 20:39:56 » |
|
Bravo! excellent! เอาอีกพี่จจ.ขูดออกมาให้หมด อย่าให้เหลือ! nn.27
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jum2524
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2551, 20:47:55 » |
|
.....แหม!!..กล่าวพาดพิงถึง "พี่คิด"เชียวนะ...อิฉันเป็นกุลสตรีก็ต้องสงวนท่าทีหน่อยสิ..(ตอนแรกๆ :lol: :lol:) จะไปตะโกนเรียกผู้ชายอย่างงั้นได้ไง???...เพียงแค่(อิฉัน..กุลสตรี)ส่ง signal ก็ได้แล้ว เพราะห้องอยู่ตรงข้ามกันกะพี่คิด... :wink: :wink:
.....แต่ที่ไม่น่าให้อภัยก็ตรงที่พาดพิงถึง "กระด้ง"(สมควรถูกประหาร!!!)...ถามจริ๊ง??...รู้หรือแกล้งไม่รู้ว่า..มีความเป็นไปเป็นมาในอดีตกาล...ล้อเล่นน่า...ไม่มีอะไรหร็อก..ทุกวันนี้ก็ยังเคยโทร.คุยกัน..แถม!!..ได้คุยกะลูกชาย คุยกะศรีภรรยาเพื่อนด้วย...
.....แต่แหม!!...คุณจิ้งเธอเล่นพูดถึง "ไก่หอชายขันตอนเช้าหรือไก่ขันที่หอชายตอนเช้า"อะไรทำนองนี้น่ะ...ทำให้คิดไปได้หลายอย่างเน้าะ... :lol: :lol: :roll: :roll: :lol: :lol:
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jingjok ۩ 2524
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2551, 20:59:02 » |
|
.....แหม!!..กล่าวพาดพิงถึง "พี่คิด"เชียวนะ...อิฉันเป็นกุลสตรีก็ต้องสงวนท่าทีหน่อยสิ..(ตอนแรกๆ :lol: :lol:) จะไปตะโกนเรียกผู้ชายอย่างงั้นได้ไง???...เพียงแค่(อิฉัน..กุลสตรี)ส่ง signal ก็ได้แล้ว เพราะห้องอยู่ตรงข้ามกันกะพี่คิด... :wink: :wink:
.....แต่ที่ไม่น่าให้อภัยก็ตรงที่พาดพิงถึง "กระด้ง"(สมควรถูกประหาร!!!)...ถามจริ๊ง??...รู้หรือแกล้งไม่รู้ว่า..มีความเป็นไปเป็นมาในอดีตกาล...ล้อเล่นน่า...ไม่มีอะไรหร็อก..ทุกวันนี้ก็ยังเคยโทร.คุยกัน..แถม!!..ได้คุยกะลูกชาย คุยกะศรีภรรยาเพื่อนด้วย...
.....แต่แหม!!...คุณจิ้งเธอเล่นพูดถึง "ไก่หอชายขันตอนเช้าหรือไก่ขันที่หอชายตอนเช้า"อะไรทำนองนี้น่ะ...ทำให้คิดไปได้หลายอย่างเน้าะ... :lol: :lol: :roll: :roll: :lol: :lol: ทำยังไงอ่ะ signal แบบกุลสตรี เอากระจกเงาสะท้อนแสงยิงเข้าห้องพี่คิด หรือขว้างก้อนหินไปที่ระเบียง :?: โถ...เรื่องกระด้งนั้น--ที่เอามาอ้างเพียงเพราะรู้ว่าอยู่ห้องปีกเดียวกับพี่หมอคิด ถ้าไก่จะมาขันเรียกก็คงพอจะได้ยิน
ไม่ใช่ยาย 2460564 นี่จะได้รู้แจ้งชัดระบุได้ว่าพี่หมอคิดอยู่ห้องไหน... ส่วนเรื่องที่เคยเล่นเป็น"โรเมโอ"กับ"จูเลียต"ตอนละครปีหนึ่งนั้น จำม่ายด้าย จำม่ายด้าย เอ๊ะ ตะหมูกฉันทำไมงอกยาวออกมา อิอิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
2524
|
|
|
|