ØØØ พี่ตี้ถาปัด2..ชวนคุย ØØØ

[ตี้ถาปัด]

		อ้างถึง			ข้อความของ patooman 64 เมื่อ 16 พฤศจิกายน 2553, 21:38:12
	เห็นไหมตัวนิดเดียว

เห็น

[ตี้ถาปัด]

 




Nazi and post-war era
During the Nazi regime (1933–1945), Heidelberg was a stronghold of the NSDAP, which was the strongest party in the elections before 1933. The NSDAP received approximately 50% of the votes in the last free elections before WWII.
Non-Aryan university staff were discriminated against, and by 1939, the University had "lost" one third of its staff due to racial and political reasons.
During the Kristallnacht on 9 November 1938, Nazis burned down synagogues at two locations in the city. The next day systematic deportation of Jews started, and 150 Jews were sent to the Dachau concentration camp. On 22 October 1940 during the "Wagner Buerckel event", 6000 local Jews, including 280 from Heidelberg, were deported to a concentration camp in France, Camp Gurs.
Between 1934 and 1935, the Reichsarbeitsdienst (State labor service) and enthusiastic University of Heidelberg students built a huge amphitheatre, called "Thingstätte", located on the Heiligenberg north of the old part of Heidelberg for Nazi (NSDAP) and SS events. A few months later, the inauguration for a huge memorial cemetery (Ehrenfriedhof) completed the second and last NSDAP project in Heidelberg. This cemetery is located on the southern side of the old part of town, a little south of the Königstuhl hilltop. During WWII and after Wehrmacht soldiers were also buried on the premises. The U.S. Army used the "Thingsstätte" for cultural and religious events starting in the late 1940s and civilian use started in the early to mid 1980s for occasional concerts and other cultural events. Today, especially the celebrations on "Hexennacht" (Witches' Night, also called Walpurgis Night), the night from 30 April to 1 May, are a regular "underground" fixture at the Thingstätte. Thousands of mostly young people spontaneously congregate there to drum, to fire breathe and to juggle. The event has gained fame throughout the region, as well as a certain notoriety due to the amount of rubbish left behind.
On 29 March 1945, the Wehrmacht left the city after destroying three arches of the old bridge, Heidelberg's treasured river crossing, as well as the other more modern bridge crossing a little further downstream. The blown up bridges proved no obstacle for the U.S. Army forces (3rd Infantry, 7th Army), which entered Heidelberg on 30 March 1945. Heidelberg was handed over without any resistance by the civilian population.
It has been theorized by some that Heidelberg escaped bombing in the Second World War because the U.S. Army wanted to use the city as a garrison after the war. In fact, as Heidelberg was neither an industrial center nor a transport hub, there was felt to be nothing worth bombing in Heidelberg. Being an old renowned university town probably contributed as well, as other such towns like Tübingen and Göttingen were spared as well. Instead, allied air raids focused extensively on the nearby industrial cities of Mannheim and Ludwigshafen.
It's more likely Heidelberg was chosen by the U.S. Army due to its excellent infrastructure, state-of-the-art Autobahn (Freeway) Heidelberg-Mannheim, connecting to the Autobahn Mannheim-Darmstadt-Frankfurt and the U.S. Army installations in Mannheim and Frankfurt. The still intact railroad infrastructure was even more important in the late 1940s and early 1950s, since most heavy loads were still shuttled by train, not by truck. Additionally, Heidelberg offered the untouched "Grossdeutschland Kaserne" Wehrmacht installation, which became the Campbell Barracks soon after.
In 1945, the University re-opened at the initiative of surgeon Karl Heinrich Bauer and philosopher Karl Jaspers.[citation needed]
On 9 December 1945, US Army General George S. Patton had a car accident in the adjacent city of Mannheim and died in the Heidelberg US Army hospital on 21 December 1945. The funeral ceremony was held at the Heidelberg-Weststadt Christ Church (Christuskirche) and he was later buried at the 3rd Army cemetery in Luxembourg.

[ตี้ถาปัด]

เอาละครับ วันนี้เห็นจะพอแค่นี้ก่อนครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาเดินเล่นในเมืองหลังอาหาร
และจะไปขึ้นชมปราสาทบนยอดเขา และมองลงมาชมวิวด้านล่างกันครับ

ต้องขออภัยที่ทำให้ชมภาพแบบขาดตอน พอดีเสียสมาธิไปเล็กน้อยครับ
คืนนี้ราตรีสวัสดิ์และหลับฝันดีนะครับ
 

[Kaimook]

 เอ๊า...มาไม่ทันลุงตี้ค่ะ...

[churaipatara]

ตี้คะ..ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ และยังรับมือกับเสียงแหย่เสียงแซวได้เป็นอย่างดี..ทำให้ขำได้แต่เช้า

และเริ่มต้นวันทำงานได้อย่างดีเชียวค่ะ..

[ตี้ถาปัด]

		อ้างถึง			ข้อความของ Kaimook เมื่อ 16 พฤศจิกายน 2553, 22:19:36
	เอ๊า...มาไม่ทันลุงตี้ค่ะ...

มาไม่ทันไม่เป็นไรจ๊ะแม่อ้อย เข้ามาดูรูปก็พอไม่ต้องชมนะ เดี๋ยวอีตาป๋าทูมันจะแขวะเอา

[ตี้ถาปัด]

		อ้างถึง			ข้อความของ churaipatara เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2553, 08:54:06
	ตี้คะ..ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ และยังรับมือกับเสียงแหย่เสียงแซวได้เป็นอย่างดี..ทำให้ขำได้แต่เช้า และเริ่มต้นวันทำงานได้อย่างดีเชียวค่ะ..

ยินดีมากเลยครับที่สามารถทำให้ขำและอารมณ์ดีแต่เช้า
จะว่าไปแล้วก็เกือบเสียศูนย์เหมือนกัน เพราะแปะรูปไม่ได้เพราะมีคนมาแหย่

[Leam]

สวัสดีครับ........

ตามมาชมต่อครับ

[Leam]

		อ้างถึง			ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2553, 10:40:04
	อ้างถึง ข้อความของ Kaimook เมื่อ 16 พฤศจิกายน 2553, 22:19:36 เอ๊า...มาไม่ทันลุงตี้ค่ะ... มาไม่ทันไม่เป็นไรจ๊ะแม่อ้อย เข้ามาดูรูปก็พอไม่ต้องชมนะ เดี๋ยวอีตาป๋าทูมันจะแขวะเอา

อีตาป๋าทู...ของน้องตี้ ปากคอเราะร้าย ช่างแขวะ ช่างเหน็บแนม จริงๆ.......เห็นด้วยๆ

[พธู ๒๕๒๔]

		อ้างถึง			ข้อความของ patooman 64 เมื่อ 16 พฤศจิกายน 2553, 21:16:55
	รูปสวย  ชอบบ้านเรือน สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยดี

แบบนี้ยังหาว่าแขวะอีก โถ่ไม่ใช่พระเอกก็อย่างงี้ ไม่ไม่กองเชียร์ มีแต่โจทก์

[ตี้ถาปัด]

		อ้างถึง			ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 16 พฤศจิกายน 2553, 21:22:36
	อ้างถึง ข้อความของ patooman 64 เมื่อ 16 พฤศจิกายน 2553, 21:16:55 รูปสวย  ชอบบ้านเรือน สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยดี เออ.. เริ่มชมเป็นแล้ว ดีมาก

Reply  นี้ไม่ได้ว่าแขวะซักกะหน่อย แต่บอกว่าเริ่มชมเป็นแล้ว ดีมาก เห็นหลักฐานไหม
แหม......ชิชะ อุเหม่ นอกจากจะแขวะ แล้วยังทำให้เขวอีก

[ตี้ถาปัด]

		อ้างถึง			ข้อความของ Leam เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2553, 13:02:36
	อ้างถึง ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2553, 10:40:04 อ้างถึง ข้อความของ Kaimook เมื่อ 16 พฤศจิกายน 2553, 22:19:36 เอ๊า...มาไม่ทันลุงตี้ค่ะ... มาไม่ทันไม่เป็นไรจ๊ะแม่อ้อย เข้ามาดูรูปก็พอไม่ต้องชมนะ เดี๋ยวอีตาป๋าทูมันจะแขวะเอา อีตาป๋าทู...ของน้องตี้ ปากคอเราะร้าย ช่างแขวะ ช่างเหน็บแนม จริงๆ.......เห็นด้วยๆ

ใช่แล้วครับพี่แหลม ผมเห็นอีตาป๋าทูไปแขวะพี่ถึงที่บ้านด้วยบ่อยๆเลยหล่ะ มีทั้งพยานและหลักฐานเพียบ มันเป็นความสามารถเฉพาะตัวในการสร้างคู่ปรับของป๋าทูครับพี่แหลม เข้าที่ไหนวงแตกที่นั่น
รู้งี้ไม่ให้รูปวาดดอกบัวไปซะก็ดี ยังนึกเสียดายอยู่เนี่ย

[khwan24]

ลุงตี้ ขอชมหน่อยนะว่าสวยมาก ทั้งนายแบบนางแบบ การพรีเซ้นต์ก็ยอดเยี่ยม

ภาพสวยสุดสุด คงไม่โดนป๋าทูแขวะอีกนะ เห็นแขวะมาเยอะแล้ว

มีแขวะๆทำให้หนังดูมีรสชาติมากขึ้นนะ จะตามดูต่อค่ะ

[maew2524]

         คุณตี้ ตามมาดูรูปด้วยคนจ้ะ คนอะไรวาดรูปก็เก่งถ่ายรูปก็เก่ง เก่งไปหมด

[พธู ๒๕๒๔]

		อ้างถึง			ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2553, 15:38:46
	อ้างถึง ข้อความของ Leam เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2553, 13:02:36 อ้างถึง ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2553, 10:40:04 อ้างถึง ข้อความของ Kaimook เมื่อ 16 พฤศจิกายน 2553, 22:19:36 เอ๊า...มาไม่ทันลุงตี้ค่ะ... มาไม่ทันไม่เป็นไรจ๊ะแม่อ้อย เข้ามาดูรูปก็พอไม่ต้องชมนะ เดี๋ยวอีตาป๋าทูมันจะแขวะเอา อีตาป๋าทู...ของน้องตี้ ปากคอเราะร้าย ช่างแขวะ ช่างเหน็บแนม จริงๆ.......เห็นด้วยๆ ใช่แล้วครับพี่แหลม ผมเห็นอีตาป๋าทูไปแขวะพี่ถึงที่บ้านด้วยบ่อยๆเลยหล่ะ มีทั้งพยานและหลักฐานเพียบ มันเป็นความสามารถเฉพาะตัวในการสร้างคู่ปรับของป๋าทูครับพี่แหลม เข้าที่ไหนวงแตกที่นั่น รู้งี้ไม่ให้รูปวาดดอกบัวไปซะก็ดี ยังนึกเสียดายอยู่เนี่ย

เห็นว่าหวง เสียดาย น่าสงสารจัง  แต่คงไม่คืนหรอก

[พธู ๒๕๒๔]

		อ้างถึง			ข้อความของ maew2524 เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2553, 17:29:28
	คุณตี้ ตามมาดูรูปด้วยคนจ้ะ คนอะไรวาดรูปก็เก่งถ่ายรูปก็เก่ง เก่งไปหมด

พวกชอบชมอีกราย

[ตี้ถาปัด]

		อ้างถึง			ข้อความของ khwan24 เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2553, 16:43:56
	ลุงตี้ ขอชมหน่อยนะว่าสวยมาก ทั้งนายแบบนางแบบ การพรีเซ้นต์ก็ยอดเยี่ยม ภาพสวยสุดสุด คงไม่โดนป๋าทูแขวะอีกนะ เห็นแขวะมาเยอะแล้ว มีแขวะๆทำให้หนังดูมีรสชาติมากขึ้นนะ จะตามดูต่อค่ะ

ขอบคุณครับขวัญ อย่าไปสนใจเสียงทูเลยครับ แขวะไปทั่วแหละ

[ตี้ถาปัด]

		อ้างถึง			ข้อความของ maew2524 เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2553, 17:29:28
	คุณตี้ ตามมาดูรูปด้วยคนจ้ะ คนอะไรวาดรูปก็เก่งถ่ายรูปก็เก่ง เก่งไปหมด

ขอบคุณครับแมว ชมกันแบบนี้เขินแย่เลย
ตามมาอย่าให้ห่างนะครับ เดี๋ยวจะโดนกัด

[ตี้ถาปัด]

		อ้างถึง			ข้อความของ patooman 64 เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2553, 18:56:51
	อ้างถึง ข้อความของ maew2524 เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2553, 17:29:28          คุณตี้ ตามมาดูรูปด้วยคนจ้ะ คนอะไรวาดรูปก็เก่งถ่ายรูปก็เก่ง เก่งไปหมด พวกชอบชมอีกราย

นั่นประไรว่าแล้วเชียว เดี๋ยวป้าแจงกะ JJ  มาก็ได้รู้กัน

[พธู ๒๕๒๔]

 

[ตี้ถาปัด]

เอาละครับ มาชมเมือง Heidelberg กันต่อนะครับ เมื่อวานก็เล่าถึงความเป็นมาของเมืองไปแล้วแต่ยังไม่หมด มาต่ออีกนิดนึงครับ



The old town
The old town (German: Altstadt), located at the southern side of the Neckar, is long and narrow and is dominated by the ruins of the Heidelberg Castle which perches 80 metres above the Neckar on the steep, wooded side of the Königstuhl (English: King's chair or throne) hill. The Karls´gate (Karlstor) is a triumphal arch in honour of the Prince Elector Karl Theodor, located at Heidelberg's very east. It was erected from 1775 until 1781 and designed by Nicolas de Pigage. The house "Zum Ritter Sankt Georg" (Knight St. George) is one of the few buildings to survive the War of Succession. Standing across from the Church of the Holy Spirit, it was built in the style of the late Renaissance. It is named after the sculpture at the top.
The "Marstall" was an arsenal of the Heidelberg Castle in which several different goods were stored. The 19th century building we see today was created in a neo-classical style. Since 1971, the "Marstall" has housed lecture halls of the university.


The old bridge is a stone bridge which was erected from 1786 to 1788. There is a medieval bridge gate on the side of the old town, originally part of its town wall. Baroque tower helmets were added as part of the erection of the stone bridge in 1788.


Romanticism of Heidelberg
Heidelberg was the center of the epoch of "Romantik" (Romanticism) in Germany. There was a famous circle of poets such as Joseph von Eichendorff, Johann Joseph von Görres, Arnim, and Clemens Brentano. A famous relic of Romanticism is the Philosophers' Walk (German: Philosophenweg), a scenic walking path on the nearby Heiligenberg, overlooking Heidelberg.
The "Romantik" epoch of German philosophy and literature, was described as a movement against classical and realistic theories of literature, an antipole to the rationality of the Age of Enlightenment. It elevated medievalism and elements of art and narrative perceived to be from the medieval period as well as folk art, nature and an epistemology based on nature, which included human activity conditioned by nature in the form of language, custom and usage.

[ตี้ถาปัด]

และก่อนที่จะไปเที่ยวชมปราสาทด้านบนเขา เราจะมาเที่ยวชมด้านล่างในเขตเมืองเก่า
ซึ่งมีแม่นำ้ Neckar และสะพาน Charles Bridge ที่มีชื่อและเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเมือง





The Neckar is a 367 km (228 mi) long river, mainly flowing through the southwestern state of Baden-Württemberg, but also a short section through Hesse in Germany. The Neckar is a major right tributary of the River Rhine. Rising in the Black Forest near Villingen-Schwenningen in the conservation area Schwenninger Moos at a height of 706 m (2,320 ft) above sea level, it passes through Rottweil, Rottenburg am Neckar, Kilchberg, Tübingen, Nürtingen, Plochingen, Esslingen, Stuttgart, Ludwigsburg, Marbach, Heilbronn and Heidelberg, before discharging into the Rhine at Mannheim (at 95 m (310 ft) above sea level).
From Plochingen to Stuttgart, the Neckar valley is densely populated and covered with industrial areas, including several well-known companies, e.g. Daimler AG, the maker of Mercedes Benz cars, and Mahle GmbH. Between Stuttgart and Lauffen, the Neckar cuts a scenic meandering and in many places steep-sided valley into fossiliferous Triassic limestones and Pleistocene travertine. Along the Neckar's valley in the Odenwald hills, many castles can be found, like Burg Hornberg and Burg Guttenberg in Haßmersheim, but also the closed Obrigheim Nuclear Power Plant and the active Neckarwestheim Nuclear Power Plant. After passing Heidelberg, the Neckar discharges on average 145 m3/s (5,100 cu ft/s) of water into the Rhine, which makes the Neckar its 4th largest tributary, and the 10th largest river in Germany.
The name Neckar was derived from Nicarus and Neccarus from Celtic Nikros, meaning wild water or wild fellow. Since about 1100, Black Forest wood was transported by timber rafting, e.g. to Holland for the use in shipyards.
During the 19th century, traditional horse-drawn boats were replaced by steam boats that used a 155 km (96 mi) long chain in the river to pull themselves upstream. The railway made it possible to transport timber to the port of Heilbronn, limiting timber rafting to the lower part of the Neckar after 1899. Thanks to the construction of 11 locks, ships up to 1500t could travel to Heilbronn in 1935.
By 1968, the last of 27 locks, at Deizisau, was completed, making the Neckar navigable for cargo ships about 200 km upstream from Mannheim up to the river port of Plochingen, where the Fils joins, and where the Neckar bends, taking a Northwestern instead of a Northeastern direction. Other important ports include Stuttgart, Heilbronn and Mannheim.
The river's course provides a popular route for cyclists, especially during the summer months. Its steep valley sides are used as vineyards, to cultivate mainly Trollinger.

[ตี้ถาปัด]

ที่ปลายสุดของสะพาน Charles' Bridge ด้านฝั่งเมืองเก่าจะเป็นซุ้มประตูเข้าเมือง
และด้านหลังซุ้มประตูนี่เอง ที่เป็นที่ตั้งของร้านอาหารไทยที่ชื่อว่า "ภูเก็ต"
อาหารไทยอร่อยใช้ได้เลยครับ มีผัดไทยด้วยนะครับ
ถ้าได้ไปเที่ยวก็แวะไปอุดหนุนด้วยนะครับ ช่วยๆคนไทยด้วยกัน
เพราะเจ้าของร้านเล่าว่า ปัจจุบัน ร้านอาหารไทยเหลือน้อยลงเพราะสู้สภาวะเศรษฐกิจต่อไปไม่ไหว
และหลายๆร้านก็เป็นร้านอาหารไทยที่เจ้าของไม่ใช่คนไทย
เพราะฉะนั้นรสชาดอาหารจะไม่อร่อยถูกปากคนไทยด้วยกัน

[ตี้ถาปัด]

นี่ไงครับร้านอาหาร ภูเก็ต หน้าตาหน้าร้านเป็นแบบนี้ครับ (รูปบนมุมซ้าย)

[ตี้ถาปัด]

และจากซุ้มประตูตรงปลายสะพานนี่เอง จะมีถนนมุ่งตรงเข้าสู่เขตเมืองเก่า
ซึ่งมีร้านรวงสองข้างทางส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหาร จนถึงปลายสุดจะเป็นโบสถ์ Church of the Holy Spirit
พร้อมลานด้านหน้าขนาดใหญ่สวยงามมากครับ ในอดีตลานด้านหน้าโบสถ์แห่งนี้คือตลาดในสมัยโบราณครับ
และรอบๆโบสถ์ ก็มีอาคารสวยงามเก่าแก่มีความสำคัญทางประวติศาสตร์มากมายครับ





เห็นปราสาทอยู่บนยอดเขานั่นไหมครับ หลังจากเดินเที่ยวชมเมืองกันในวันนี้แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาขึ้นไปชมกันครับ