ØØØ พี่ตี้ถาปัด2..ชวนคุย ØØØ

[ตี้ถาปัด]

จตุรัสดุรบาร์ดูกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยโบราญสถานใหญ่น้อยมากมายและสร้างกันในหลายยุคสมัยและมีอายุหลายร้อยปี ดูไปมาก็คล้ายๆกันไปหมด ถ้าจะเที่ยวให้ได้อรรถรสก็ต้องอ่านข้อมูลกันมาล่วงหน้า เราเดินไปมาอยู่พักใหญ่ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ในสถานที่ต่างๆที่ก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไรมั่ง กะว่าเดี๋ยวมาหาอ่านหนังสือทีหลังก็แล้วกัน

มาดามกุ้งก็พยายามที่จะเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้ฟังแต่มันก็เข้าหูซ้ายออกหูขวาจำอะไรไม่ได้เลย จนในที่สุดก้มาหยุดอยู่ที่ร้านขายของที่ระลึกเจ้าประจำของมาดามกุ้งอีกเช่นเคย

ลีลาการต่อของของมาดามกุ้งก็ยังคงเส้นคงวา รื้อของเขาออกมาเกือบหมดทั้งร้านวางเกลื่อนเต็มร้านแล้วค่อยๆเลือกเปรียบเทียบ ทำตีสนิทกับพ่อแม่และน้องสาวของเจ้าของร้านเป็นการสร้างความสัมพันธ์เพื่อขอราคาพิเศษระหว่างนั้นเผลอปล่อยให้คุณนายจิ๋มอยู่กับมาดามกุ้งโดยมี หลานทั้งสองคือ  ยืนเป็นต้นทางอยู่หน้าร้านส่วนตัวเองออกไปถ่ายรูปโดยรอบอีกครั้งหนึ่งเนื่องจากแสงแดดยามเย็นกำลังสาดมาที่กำแพงโบราณสถานดังภาพ แสงกำลังดี น่าเก็บภาพชดเชยตอนบ่ายที่แดดค่อนข้างแรง

[ตี้ถาปัด]

Basantapur Durbar also called Nau-talle Durbar was built by King Prithvi Narayan Shah in 1770. This dominant nine-storeyed Basantapur Durbar (Kathmandu Tower) was built along with three other towers named after three other ancient cities of the valley the Kirtipur tower, the Bhaktapur tower anr the Lalitpur tower.

[ตี้ถาปัด]

[ตี้ถาปัด]

หลังจากที่แต่ละฝ่ายได้ ช๊อป แชะ กันเป็นที่หนำใจแล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับบ้านเพราะเริ่มเย็นเข้ามาแล้ว ภาระกิจในวันนี้ได้เสร็จสิ้นลง

 กลับถึงบ้านจัดแจงอาบนำ้ก่อนใคร จัดเตรียมอาหารเย็นจนทุกอย่างพร้อมด้วยความร่วมมือของหลานๆ ก็ลงมือปฏิบัติการกำจัดอาหารทุกอย่างบนโต๊ะจนเกลี้ยงแถมท้ายด้วยการจิบไวน์ชนแก้วเพื่อลดอาการ sour mouth ก่อนแยกย้ายกันไปนอนด้วยความอ่อนเพลียจากการใช้พลังในการต่อราคาของจนม่อยหลับไปในที่สุดอยู่ใต้ผ้าห่มที่หนาอุ่น กับเสียงกรนในแบบเพลียสุดสุด ครืดดดดดดด
'
"
 ครืด

[Lamai]

		อ้างถึง			ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 12 มิถุนายน 2553, 09:58:47
	Basantapur Durbar also called Nau-talle Durbar was built by King Prithvi Narayan Shah in 1770. This dominant nine-storeyed Basantapur Durbar (Kathmandu Tower) was built along with three other towers named after three other ancient cities of the valley the Kirtipur tower, the Bhaktapur tower anr the Lalitpur tower.

น่าเดินเที่ยวเน๊าะ

[ตี้ถาปัด]

		อ้างถึง			ข้อความของ Lamai เมื่อ 12 มิถุนายน 2553, 10:07:42
	อ้างถึง ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 12 มิถุนายน 2553, 09:58:47 Basantapur Durbar also called Nau-talle Durbar was built by King Prithvi Narayan Shah in 1770. This dominant nine-storeyed Basantapur Durbar (Kathmandu Tower) was built along with three other towers named after three other ancient cities of the valley the Kirtipur tower, the Bhaktapur tower anr the Lalitpur tower. น่าเดินเที่ยวเน๊าะ

ตั๋วน่าจะไปแอ่วผ่อซักเตื้อ แต่ถ้าจะฮื้อดีควรไปหน้าหนาวเน่อ
วันนี้ยะก๋านก่อตั๋ว

[churaipatara]

รอชมตอนต่อไปค่ะตี้

[พัช 24]

ลุงตี้คะ  องค์ประกอบของอาคารที่เห็นในหลาย ๆ อาคาร  เหมือนลายปูนปั้นหรือแกะสลัก
 เป็นงานไม้ใช่มั้ยมันสวยมากเลยค่ะ  มันดูวิจิตรและเด่นออกมาจากตัวอาคาร  เหมือนเป็นเครื่องประดับของอาคาร
มากกว่าเป็นองค์ประกอบของอาคาร

[jum2524]

ลุงตี้ขรา...มาแอบดูของดีๆที่ลุงตี้นำเสนอ-กลับไปกลับมาหลายรอบแล้วแต่ยังไม่ได้เม้นท์  โดยเฉพาะซุปเปอร์โมเดลส่วนตัว...เจ๋งเป้งจริงๆ  ชอบๆ...ทุกๆอย่างเลยยยย...เอาอีกๆ...

[Lamai]

		อ้างถึง			ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 12 มิถุนายน 2553, 10:11:26
	อ้างถึง ข้อความของ Lamai เมื่อ 12 มิถุนายน 2553, 10:07:42 อ้างถึง ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 12 มิถุนายน 2553, 09:58:47 Basantapur Durbar also called Nau-talle Durbar was built by King Prithvi Narayan Shah in 1770. This dominant nine-storeyed Basantapur Durbar (Kathmandu Tower) was built along with three other towers named after three other ancient cities of the valley the Kirtipur tower, the Bhaktapur tower anr the Lalitpur tower. น่าเดินเที่ยวเน๊าะ ตั๋วน่าจะไปแอ่วผ่อซักเตื้อ แต่ถ้าจะฮื้อดีควรไปหน้าหนาวเน่อ วันนี้ยะก๋านก่อตั๋ว

เปิ้นกั๋วแขกเฮ้ย!!!!!!
ยะก่า.....วันพูกยังยะเล้ยยยยยย

[jum2524]

หวัดดีจ้ะละไม  แวะมาแอ่วเนปาลของลุงตี้ล่ะซี...

[ตี้ถาปัด]

		อ้างถึง			ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 12 มิถุนายน 2553, 19:49:24
	ลุงตี้คะ  องค์ประกอบของอาคารที่เห็นในหลาย ๆ อาคาร  เหมือนลายปูนปั้นหรือแกะสลัก  เป็นงานไม้ใช่มั้ยมันสวยมากเลยค่ะ  มันดูวิจิตรและเด่นออกมาจากตัวอาคาร  เหมือนเป็นเครื่องประดับของอาคาร มากกว่าเป็นองค์ประกอบของอาคาร

ใช่แล้วครับแม่เลี้ยง ทุกอย่างทำด้วยไม้ และเป็นไม้ที่มีความหนามากด้วย ลายปูนปั้นแทบจะไม่มีเลย
 ช่างสมัยนั้นฝีมือเยี่ยมจริงๆ และมีเฉพาะในอาคารสำคัญเท่านั้น บ้านชาวบ้านไม่มี

[ตี้ถาปัด]

		อ้างถึง			ข้อความของ jum2524 เมื่อ 12 มิถุนายน 2553, 22:22:10
	ลุงตี้ขรา...มาแอบดูของดีๆที่ลุงตี้นำเสนอ-กลับไปกลับมาหลายรอบแล้วแต่ยังไม่ได้เม้นท์  โดยเฉพาะซุปเปอร์โมเดลส่วนตัว...เจ๋งเป้งจริงๆ  ชอบๆ...ทุกๆอย่างเลยยยย...เอาอีกๆ...

ทำไมคุณนายต้องแอบดูของดีที่ลุงนำเสนอกลับไปกลับมาหลายรอบล่ะ งง

[ตี้ถาปัด]

		อ้างถึง			ข้อความของ Lamai เมื่อ 12 มิถุนายน 2553, 22:27:05
	อ้างถึง ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 12 มิถุนายน 2553, 10:11:26 อ้างถึง ข้อความของ Lamai เมื่อ 12 มิถุนายน 2553, 10:07:42 อ้างถึง ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 12 มิถุนายน 2553, 09:58:47 Basantapur Durbar also called Nau-talle Durbar was built by King Prithvi Narayan Shah in 1770. This dominant nine-storeyed Basantapur Durbar (Kathmandu Tower) was built along with three other towers named after three other ancient cities of the valley the Kirtipur tower, the Bhaktapur tower anr the Lalitpur tower. น่าเดินเที่ยวเน๊าะ ตั๋วน่าจะไปแอ่วผ่อซักเตื้อ แต่ถ้าจะฮื้อดีควรไปหน้าหนาวเน่อ วันนี้ยะก๋านก่อตั๋ว เปิ้นกั๋วแขกเฮ้ย!!!!!! ยะก่า.....วันพูกยังยะเล้ยยยยยย

ตั๋วจะไปกั๋วแขกยะหยัง แขกตี้เนปาลหน้าฮักบ่หน้ากั๋ว เป๋นมิตรดีกู้คน
ยะก๋านตึงวันบ่ได้พักเลย อ้ายสมหวังเปิ้นใจ้กุ้มแหมะฮากเลย คริ คริ

[ตี้ถาปัด]

วันที่สามของการเดินทาง

กิจวัตรในยามเช้ายังคงเป็นเช่นเคย เสียงนกที่มาปลุกเราในตอนเช้าก็ยังมาตรงตามเวลาเดิมเหมือนจะบอกให้รู้ว่า ถึงจะมาเที่ยวก้ไม่ควรตื่นสาย คุณลุง Gerun แกก็ยังคงกวาดใบไม้อย่างขยันขันแข็ง หน้าต่างห้องนอนที่แง้มไว้ให้อากาศถ่ายเทในตอนกลางคืนนั้น ในตอนเช้าได้นำพาความหนาวเย็นของลมหนาวแทรกผ่านเข้ามาภายใน ผ้าห่มที่อุ่นหนาถึงแม้จะช่วยลดความหนาวเย็นได้บ้าง แต่ไม่สามารถทัดทานเสียงนกและการกวาดใบไม้ของลุง...ได้

อาหารเช้าถูกจัดเตรียมโดยคุณนายจิ๋มเช่นเคย หลังเสร็จภาระกิจทุกอย่างในช่วงเช้าแล้ว มาดามกุ้งวางแผนพาพวกเราออกเดินทางไปยังเมืองบักตะปุร Bhaktapur ที่อยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันออกของกรุงกาฏมาณฑุประมาณ 13 กิโลเมตร ที่นั่นถือเป็นเมืองสำคัญและคงความสวยงามได้ดีกว่าเมืองเก่าของกรุง Kathmandu และผู้คนก็ไม่พลุกพล่านมากนักทำให้เมืองดูสงบและดูขลังมากกว่า และที่นี่ก็มีจตุรัสดุรบาร์เช่นกัน แต่จะมีขนาดใหญ่กว่า และดูสงบกว่าและรายล้อมไปด้วยเหล่าโบราณสถานที่สำคัญมากมาย เราลองมาดูกันว่ามีอะไรกันบ้าง

มาดามกุ้งขับรถพาพวกเราฝ่าด่านการจราจรที่คับคั่งของกรุงกาฐมาณฑุผ่านเส้นทางถนนที่กำลังอยู่ในระหว่างการซ่อมแซมเพื่อขยายและยกระดับ ฝุ่นควันที่เกิดจาการทำงานฟุ้งกระจายไปทั่ว รถราติดขัด บรรยากาศกของการขับแซง ปาดซ้ายขวา บีบแตร วิ่งวนเลนยังคงมีให้เห็นตลอดทาง แต่มาดามกุ้งของเราอดีตหัวหน้าวินสามล้อที่มาหาลำไพ่พิเศษที่เนปาลก็สามารถพาพวกเราบุกตลุยผ่านเส้นทางบนถนนสายดั้งเดิมจากกาฐมาณฑุผ่านสวนสนบนเนินเขาเตี้ยๆ และผ่านสิทธิโปขรี Siddha Pokhari อ่างเก็บนำ้ขนาดใหญ่ที่เพิ่งบูรณะใหม่ มาด้วยความชำนาญเส้นทางราวกับเป็นคนในพื้นที่ ....ไม่นานนักเราก็มาถึงลานจอดรถหน้าเมือง Bhaktapur  ที่เต็มไปด้วยผู้คนและร้านค้าที่รอรับนักท่องเที่ยว

[ตี้ถาปัด]

 


Bhaktapur (Nepali: भक्तपुर Bhaktapur ), also Bhadgaon or Khwopa (Nepal Bhasa: ख्वप Khwopa) is an ancient Newar town in the east corner of the Kathmandu Valley, Nepal. It is located in Bhaktapur District in the Bagmati Zone. It is the third largest city in Kathmandu valley and was once the capital of Nepal during the great Malla Kingdom until the second half of the 15th century.
Bhaktapur is listed as a World Heritage by UNESCO for its rich culture, temples, and wood, metal and stone artwork.

Bhaktapur is around 13 km east of Kathmandu and lies on the old trade route to Tibet. It occupies an area of around 119 km² at an altitude of 1,401 meters above sea-level. Bhaktapur district, in which the Bhaktapur city lies, is the smallest district of Nepal.

At the time of the 2001 Nepal census it had a population of 172.543. The male inhabitants of this city wear a special type of cap called the Bhaad-gaaule topi.

The term "Bhaktapur" (Sanskrit/Nepali: भक्तपुर) refers to "The Town Of Devotees". This Bhaktapur City is also known as "Khwopa" (Nepal Bhasa: ख्वप) or "Bhadgaon" (Nepali:भादगाँउ) or "Ancient Newari Town" through out the Kathmandu valley.

It is the home of traditional art and architecture, historical monuments and craft works, magnificent windows, pottery and weaving industries, excellent temples, beautiful ponds, rich local customs, culture, religion, festivals, musical mystic and so on. Bhaktapur is still an untouched as well as preserved ancient city, which in fact, is itself a world to explore for tourist.
From time immemorial it lay on the trade route between Tibet/China and India. This position on the main caravan route made the town rich and prosperous: eachy Mayhew, Lindsay Brown, Wanda Vivequin, Hugh Finlay">Nepal By Bradley Mayhew, Lindsay Brown, Wanda Vivequin, Hugh Finlay</ref>
Bhaktapur is a popular day-trip destination for tourists visiting Kathmandu. Lately, with more air-pollution in Kathmandu, more tourists are staying in Bhaktapur for a few days, before trekking arrangements are finished. In addition, although the Mount Everest (i.e. Sagarmatha) is breathtaking and the landscape of Lord Buddha (i.e. Founder of Peace) mysterious, tourists visiting Nepal still don't feel their sojourn complete unless they have experienced Bhaktapur, Nepal's ancient "City of Culture".
Pottery is one of the main tourist attractions in Bhaktapur besides the architecture. In Nepal the city is reknown for its yoghurt or curd Ju-Ju Dhau, traditionally sold in clay bowls.

(THE MAIN ATTRACTION OF BHAKTAPUR)
   ▪   Three Squares - Darbar Square, Taumadhi Square, and Dattatreya Square.
   ▪   Popular Places - Changu Narayan (World Heritage Site), Nagarkot, Surya Vinayak, Kamal Vinayak, Siddha Pokhari, Chonga Ganesh etc.
   ▪   Devine Miracolus Vision - Largest Shiva lingum, Golden Spout and Gate, Magnificent peacock windows, around 40 temples etc.

[ตี้ถาปัด]

Bhaktapur, literally the "City of Devotees", is renowned for its elegant art, fabulous culture, colorful festivals, traditional dances and the typical Newar lifestyle. Tourist visiting Nepal feel their visit incomplete unless they get a mesmerizing glimpse of this ancient "City of Culture".

This conch shaped historic city, Bhaktapur, spreading over an area of 6.88 square kilometers and lying at 12 km. east of Kathmandu, was founded in the 12th century by King Anand Dev Malla.

Age-old dances and festivals are still observed by the locals with the same fervour and enthusiasm as their ancestors did in the past. King Yaksha Malla (15th century) heavily fortified this city. Eight Mother Goddesses (ASTA MATRIKA) ateight geometrical corners of the city were installed for the divine protection.

In spite of continual invasions by intruders and natural calamities, the historic city still boasts of its superb art and subtle culture so vividly depicted on the remaining palaces, temples, monasteries, Biharas and other monuments.

The Hidus and the Buddhists have coexisted in harmony and drawn inspirations from each other through the ages.

Bhaktapur is predominantly comprised of the peasantry. Painting, carving, masonry, bronze-casting, jewellry, pottery, etc. are other traditional enterprises still existing.

Moniments and artistic carvings on wood, stone and metal are strewn all over the historical core of the city. Alleys and narrow and zigzagged lanes lead you to see the environment of Newar medieval settlements.

Three main squares of the city are remarkably attractive in their artistic exposition of elegant temples, dignified palace, graceful monastries and Biharas standing around these open public places and connected to one another with quaint streets.

"Were there nothing else in Nepal, save the Durbar Square of Bhatgaon (Bhaktapur), it would still be amply worth making a journey halfway round the globe to see." E. A. Powell, The Last Home of Mystery,  1929, London.

[ตี้ถาปัด]

Durbar Square
The square, the most open public place of the city, is the most outstanding cluster of exquisite temples and the royal palaces ornamented with work of arts.

Suryavinayak
Situated at the walking distance of about 2 km. to the south of the city is the holy shrine of Ganesh (the god of well-being and successful completion of work). It is another pleasant picnic spot flanked by alluring landscapes

[ตี้ถาปัด]

Bhaktapur's main square, Durbar Square, houses the 55-window Palace which was constructed by King Jitamitra Malla and was home to royalty until 1769. It is now a National Gallery. Close by is the Golden Gate which leads into Mulchok Court which is home to the Taleju Temple. This temple, like others in the main towns of the Kathmandu Valley, is dedicated to the goddess Taleju Bhawani and includes shrines to both the Taleju Bhawani and Kumari. Entrance to the temple is restricted to Hindus and the living goddess strictly cannot be photographed.
The Durbar square is surrounded by spectacular architecture and vividly showcases the skills of the Newari artists and craftsmen over several centuries. The royal palace was originally situated at Dattaraya square and was only later moved to the Durbar square location.
The Durbar square in Bhaktapur was severely damaged by an earthquake in 1934 and hence appears very spacious than the other ones located at Kathmandu and Patan.

[ตี้ถาปัด]

 

[แจง-24]

หน้าม้าแวะมารายงานตัวจ้า

ยังไม่ว่างดูละเอียดเลย
พรุ่งนี้จะมาตอกบัตรเข้างานเน้อ !!!

[ตี้ถาปัด]

		อ้างถึง			ข้อความของ แจง-24 เมื่อ 13 มิถุนายน 2553, 20:28:22
	หน้าม้าแวะมารายงานตัวจ้า ยังไม่ว่างดูละเอียดเลย พรุ่งนี้จะมาตอกบัตรเข้างานเน้อ !!!

ได้เลยหน้าม้า ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ

[Uncle Na]

		อ้างถึง			ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 10 มิถุนายน 2553, 08:37:10
	อ้างถึง ข้อความของ Uncle Na เมื่อ 09 มิถุนายน 2553, 21:13:34 - ก่อนเกษียณ ก็คุยได้ลุง.. กำลังวางโครงการอนาคตในระหว่างใกล้เกษียณ ซ้อมมือไปก่อน จะทำหนังสือท่องเที่ยวเมื่อไหร่จะไปปรึกษาลุงนะนะ ตัวหนังสือมันเล็กมากเพราะไปตั้งค่าตอนทำ Page ซะพอไป resize  ลงมาเลยเหลือเล็กนิดเดียว คงต้องใช้แว่นขยายแล้วหละ จะปรึกษาว่าถ้าจะไปพิมพ์ขาย พอจะมีคนซื้อไปอ่านหรือป่าว และลงทุนมากน้อยแค่ไหน ติดต่อโรงพิมพ์ที่ไหนดี และสุดท้าย....มีตังค์ให้ยืมมั่งป่าว (มุขตลกคาเฟ่)

เพิ่งเข้ามาตอบกระทู้ข้ามตา
กำลังมีโครงการอนาคตในระหว่างใกล้เกษียณ ซ้อมมือไปก่อน
-  ผลการซ้อมมือสวยมาก..

จะทำหนังสือท่องเที่ยวเมื่อไหร่จะไปปรึกษาลุงนะนะ
-  ยินดีครับ ข้อมูลการขายจะได้ของจริงจาก ศนจ.ประกอบ

ตัวหนังสือมันเล็กมากเพราะไปตั้งค่าตอนทำ Page ซะพอไป resize  ลงมาเลยเหลือเล็กนิดเดียว
คงต้องใช้แว่นขยายแล้วหละ
- คำบรรยายที่ปะใหม่อ่านได้ และสนุก ไม่กังวลเรื่อง Resize แล้ว ว่าแต่ว่าเหมือนต้นฉบับจะตั้งใจทำเป็นภาษาอังกฤษ ??

จะปรึกษาว่าถ้าจะไปพิมพ์ขาย พอจะมีคนซื้อไปอ่านหรือป่าว และลงทุนมากน้อยแค่ไหน
]- มีแน่ๆ แต่ต้องหาข้อมูลจริงจาก ศนจ.

 ติดต่อโรงพิมพ์ที่ไหนดี และสุดท้าย....มีตังค์ให้ยืมมั่งป่าว (มุขตลกคาเฟ่)
- โรงพิมพ์มีให้ลุงตี้เลือก   ส่วนตัง ไม่มีให้ยืมเพราะซื้อกล้องและเลนส์จนต้องกู้เงินล่วงหน้ามาใช้แล้ว...:-)
แต่ฝีมืออย่างลุงตี้เนี่ย สามารถพิมพ์โดยเงินคนอื่น ไม่ต้องกู้ให้เสียดอกสักบาท มีแต่จะได้กับได้(ค่าลิขสิทธิ์)  ถึงตอนนั้นลุงณะขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยเน้อ...คริ...คริ..

[Kaimook]

มาเที่ยวรอบดึกจ่ะ

[ตี้ถาปัด]

		อ้างถึง			ข้อความของ Kaimook เมื่อ 13 มิถุนายน 2553, 22:51:52
	มาเที่ยวรอบดึกจ่ะ

มาดึกระวังเคอร์ฟิวนะแม่อ้อย