เจษฎา
|
 |
« ตอบ #25 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2551, 15:18:43 » |
|
ตอนนี้ไม่ฟังอย่างอื่นเลยนอกจากชุดนี้  by coldplay
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
|
|
|
Nat Rattanadilok
|
 |
« ตอบ #26 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2551, 22:30:55 » |
|
ไม่รู้จัก เคยเป็นญาติกับ vivaldi ปะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
+ ยุ่งจริง +
|
|
|
เจษฎา
|
 |
« ตอบ #27 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2551, 13:51:51 » |
|
ไปเดินพันธ์ทิพย์มา ได้ boxset ของ พราย มา 6 อัลบั้ม แปดแผ่น เอามาฟังแล้วก็เออ ไอ้นี่มันบ้าดี ไล่ๆดูแล้วก็คลับคล้ายคลับคลาว่ามีเกือบทุกชุดแล้วนี่หว่า ซื้อมาทำไมอีกก็ไม่รู้ ลองเอามาขายในเนทดีกว่า อีกชุดก็เป็นของชัคกี้ธัญญรัตน์ ฟังแล้วก็เออไลน์กีตาร์มันมีเอกลักษณ์ดีแต่ไม่ค่อยป๊อบ มันก็เลยไม่ดัง
ปล.ถือว่าเป็นช่วงฟังเพลงรำลึกความหลังก็แล้วกัน ใครอยากได้ชุดไหนก็แจ้งไว้จะก็อพพี่ส่งไปให้
The song remains the same!!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
|
|
|
khesorn mueller
|
 |
« ตอบ #28 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2551, 15:38:14 » |
|
Viva La Vida ดังมาก! พี่แปะ GFG IIIตั้งแต่เปิดตัวอัลบั้มก่อนวางแผง! แปะอีกทีละกันนะคะ p.nn
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เจษฎา
|
 |
« ตอบ #29 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2551, 17:28:50 » |
|
"Now the old king is dead! Long live the king!" sensitive มากสำหรับประเทศสารขันธุ์ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
|
|
|
yai
|
 |
« ตอบ #30 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2551, 17:38:28 » |
|
เนื้อเพลงนะเจษ อย่าคิดมาก
เสียวโว้ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
akenui
|
 |
« ตอบ #31 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2551, 16:23:00 » |
|
เสียวทุกที มีลูกทุกที 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สุดจะทน ก็ต้องทน
|
|
|
newstar
Cmadong พันธุ์แท้
  
Normal Man
ออฟไลน์
รุ่น: RCU2532
คณะ: บัญชี'ถิติ
กระทู้: 2,978
|
 |
« ตอบ #32 เมื่อ: 17 พฤศจิกายน 2551, 06:53:21 » |
|
Productivity เยี่ยมไงเพื่อน ผมไปเห็นมาแล้ว หลานสาวน่ารักทั้งสองคน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
khesorn mueller
|
 |
« ตอบ #33 เมื่อ: 17 พฤศจิกายน 2551, 19:15:55 » |
|
อ่านอย่างเดียว....ก็เสียวได้คะ p.nn
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เจษฎา
|
 |
« ตอบ #34 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2551, 14:46:53 » |
|
 ความดิบที่มากับไลน์กีตาร์ที่ฟังป๊อบแบบMetallicaและเนื้อเพลงที่โดนใจ พวกเขากลับมาแล้ว หามาฟังกันซะ The slave becomes the master The slave becomes the master The slave becomes the master The slave becomes the master
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
|
|
|
|
เจษฎา
|
 |
« ตอบ #36 เมื่อ: 21 พฤศจิกายน 2551, 18:13:04 » |
|
ไม่รู้ทำไมไม่ยอมฟังแจ๊ค จอห์นสัน มาได้ฟังอีกทีก็ชุดล่าสุด -Sleep through the statics เจ๋งจนต้องไปหารายละเอียดมาดูเพิ่มเติม  |  | อ้างถึง |  | | | | |  | | Jack Johnson
Jack Johnson นักเล่นเซิร์ฟ, นักสร้างภาพยนตร์อินดี้, แต่โด่งดังจากการเป็นนักร้องนักแต่งเพลง ซึ่งประสบความสำเร็จในอาชีพตั้งแต่ออก อัลบั้มแรก Brushfire Fairytales ในปี 2001 จนถึงอัลบั้มใหม่ล่าสุดของเขา Curious George (อัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์การ์ตูน เรื่อง Curious George)
Jack Johnson เกิดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1975 ที่เกาะ Oahu มลรัฐฮาวาย, สหรัฐอเมริกา เริ่มต้นชีวิตวัยเด็กด้วยการเล่นเซิร์ฟทบอร์ดเพราะเติบโตมากับครอบครัวเซิร์ฟตัวยงไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อหรือพี่ชายทั้ง 3 คน ก็ล้วนเป็นนักเล่นเซิร์ฟทั้งหมด เขาเริ่มออกไปโต้คลื่นจริงจังในช่วงอายุ 12 ปี (ได้รับเชิญไปแข่งขันในรายการ Pipe Masters ตอนอายุ 17 ปี) หลังจากเริ่มเล่นได้ไม่ถึงเดือนก็เกิดอุบัติเหตุ ด้วยเหตุนี้ที่ทำให้หันมาฝึกซ้อมทักษะในการเล่นกีตาร์ไปพลางๆโดยได้แรงบันดาลใจจากนักดนตรีอย่าง Cat Stevens ไปจนถึง Fugazi
หลังจากจบการศึกษาทางด้านการสร้างภาพยนตร์จาก University of California of Santa Barbara ในปี 1997 Johnson ตัดสินใจพักช่วงด้วยการออกเดินทางท่องเที่ยวไปกับ Chris และ Emmett Malloy เพื่อนเก่าที่เล่นเซิร์ฟด้วยกัน ซึ่งก็เป็นเวลาที่เขาได้สร้างภาพยนตร์อินดี้เกี่ยวกับการเล่นเซิร์ฟชื่อว่า Thicker Than Water และระหว่างการถ่ายทำนั้นเอง Johnsonได้ค้นพบความสามารถในการร้องเพลงของเขาซึ่งก็ได้ลงมือทำเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้เองด้วย ในช่วงปี 1999 ภาพยนตร์และอัลบั้มเพลงอย่างไม่ป็นทางการของเขาก็ได้เป็นที่รู้จักกันในวงการชาวเซิร์ฟทั่วทุกมุมโลก
Jack Johnson เข้าสู่วงการเพลงอย่างเต็มตัวเมื่อเขาได้พบกับ Garrett Dutton (หรือที่รู้จักกันในนาม G. Love) ผู้ชักชวนให้ Jonhson มาเป็นแขกรับเชิญในเพลง “Rodeo Clowns” ในอัลบั้ม Philadelphonic ของ G. Love & Special Sauce ซึ่งออกในปี 1999 หลังจากเพลงถูกปล่อยตามคลื่นวิทยุต่างๆ ก็เริ่มทำให้เขาเป็นที่รู้จักกันกว้างขวางมากกว่าแค่วงการคนเล่นเซิร์ฟด้วยกัน แต่แทนที่เขาจะตกลงเซ็นสัญญาออกอัลบั้ม เขากลับสร้างภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ที่มีชื่อว่า The September Sessions ซึ่งได้รับรางวัล Adobe Highlight Award ในงานเทศกาลภาพยนตร์ของ ESPN ในขณะเดียวกัน ภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาก็ได้รับการยกย่องจาก นิตยาสารเซิร์ฟต่างๆว่าเป็นสุดยอดภาพยนตร์แห่งปี ท้ายที่สุด Ben Harper (นักดนตรี) และ J.P. Plunier (ผู้จัดการและโปรดิวเซอร์) ก็ได้ฟังเพลงของเขา และตกลงที่จะช่วย Johnson ทำอัลบั้มเพลง
มกราคม ปี 2001 Johnson ได้ออกอัลบั้มแรกอย่างเป็นทางการที่มีชื่อว่า Brushfire Fairytales กับค่าย Enjoy Record (ค่ายอินดี้ที่ก่อตั้งโดย Andy Factor และ Plunier) ซึ่งก็สร้างความประทับใจได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเพลง “Inaudible Melodies” ที่แสดงให้เห็นถึงปรัชญาส่วนตัวของเขาเอง “Slow down everyone/You’re moving too fast” กับเสียงคอรัสเพราะๆ และ “Flake” อัลบั้มนี้ทำให้คนทั่วอเมริกาหันมาสนใจในตัวเขา เป็นอย่างมาก ตลอดระยะเวลา 4 เดือนในการออกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วอเมริกาและออสเตรเลียที่ไปเล่นเป็น Opening Act ให้ Ben Harper เรียกได้ว่าสร้างกระแสและเรียกคนดูได้อย่างแน่นขนัด ซึ่งเพียงแค่ช่วงเวลาปีเดียวในการออกอัลบั้มก็ขายได้ 100,000 แผ่น และในปี 2003 ทำยอดขายได้ถึงระดับแพล็ตตินั่ม
พฤษภาคม ปี 2003 Jonhson ได้ออกอัลบั้มชุดที่ 2 ที่มีชื่อว่า On and On ที่ได้โปรดิวซอร์อย่าง Mario Caldato Jr (เคยทำงานกับ the Beastie Boys) และได้สมาชิกเดิมทั้งหมดจากอัลบั้มแรก โดยมี Jack Johnson (ร้องนำ, กีตาร์), Adam Topol (กลอง), Merlo Podlewski (เบส) เนื้อหาของอัลบั้มมีทั้งบัลลาดรักหวานซึ้งไปจนถึงเนื้อหาของปัญหาทางสังคมที่หนักขึ้นกว่าอัลบั้มก่อนไม่ว่าจะเป็นเรื่อง วัตถุนิยม, การทำให้เป็นอุตสาหกรรม, นักเรียนยิงกัน, วิกฤตน้ำมันรั่วกลางทะเลรวมไปถึงเรื่องของสงคราม
จากการออกอัลบั้ม On and On ทำให้ Johnson ตั้งค่ายเพลงขึ้นเองมีชื่อว่า Brushfire Records และสามารถขายอัลบั้มนี้ได้ถึง 1 ล้านแผ่นภายในเวลาเพียงแค่ 1 ปี (#3 บิลบอร์ดชาร์ท) นอกจากนี้ยังได้ศิลปินเพื่อนเก่าแก่ของเขามาร่วมค่าย อย่าง G. Love และ Donavon Frankenreiter และทางค่ายยังได้ออกอัลบั้มซาวน์ดแทร็กจากภาพยนตร์ของเขาทั้ง 2 เรื่อง Thicker Than Water และ The September Sessions ด้วย
อัลบั้มชุดที่ 3 In Between Dreams ออกมาเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2005 ซึ่งเป็นอัลบั้มที่สมาชิกทั้งหมดช่วยกันนำเอาความเป็นเพลงแนวอะคุสติกที่ร้องตามได้และเสียงเบสที่หนักแน่น มาผสานจนออกมาเป็นแนวเพลง บูลส์ และ กรู๊ฟพังก์ อัลบั้มนี้ยังคงได้โปรดิวเซอร์ และ ซาวน์ดเอ็นจิเนียร์เจ้าเก่าที่ทำให้อัลบั้มที่แล้ว และได้ Zach Gill จาก Animal Liberation Orchestra (ALO) มาช่วยเล่นเปียโน และ คีย์บอร์ดออร์แกนให้อีกด้วย
เพลงในอัลบั้มนี้เน้นความโรแมนติก อย่างเพลงดัง “Better Together” ที่เขาบรรจงแต่งให้กับ Kim ภรรยาอันเป็นที่รักของเขา (ทั้ง 2 เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่งสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่งงานกันในปี 2004 และมีลูกชายชื่อ Moe) และมีท่อนฮุกโดนใจอย่าง “It’s not always easy and sometimes life can be deceiving/But I’ll tell you one thing, it’s always better when we’re together” รวมไปถึงเพลงในจังหวะเร็วขึ้นมาหน่อย “Staple It Together”, “If I Could” ที่ได้เสียงของเครื่องดนตรีเมโลเดียนและกลองมือมาเพิ่มสีสัน และเพลงซิงเกิ้ลแรกที่ให้ความหมายน่ารักๆ อย่าง “Sitting, Waiting, Wishing,” อัลบั้ม In Between Dreams ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีและสามารถเข้าไปอยู่ในอันดับต้นๆของชาร์ทเพลงไม่ว่าจะเป็น #2 บิลบอร์ดชาร์ท และ #1 ยูเคชาร์ท
จากความสำเร็จนี้เอง Johnson จึงได้รับรางวัล Best International Newcomer จากเวที Brit Award ในปี2006 และล่าสุดกับอัลบั้ม Curious George (อัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์การ์ตูน Curious George ชื่อดัง) ซึ่งเป็นสตูดิโออัลบั้มที่ 4 ที่ทั้งร้องทั้งแต่งเพลงเองและยังได้ร่วมงานกับเพื่อนสนิทอย่าง Ben Harper, G. Love และ Matt Costa ในอัลบั้มมีเพลงเด่นๆทั้ง “We’re Going to be Friends” (คัฟเวอร์เพลงของ the White Stripes), “The 3 R’s” ที่เป็นการเอาเพลงสุดคลาสสิกอย่าง “Three is a Magic Number” มาแปลงเนื้อใหม่เพื่อพูดถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม (Reduce, Reuse and Recycle) และเพลงที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในขณะนี้ “Upside Down” ความสำเร็จของเขาและอัลบั้มนี้คงอยู่ที่การได้ครองอัลบั้ม #1 บิลบอร์ดชาร์ทและสามารถครองใจใครหลายๆ คนได้นั่นเอง | |  | |  |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
|
|
|
khesorn mueller
|
 |
« ตอบ #37 เมื่อ: 21 พฤศจิกายน 2551, 18:28:45 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
khesorn mueller
|
 |
« ตอบ #38 เมื่อ: 21 พฤศจิกายน 2551, 18:39:16 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เจษฎา
|
 |
« ตอบ #39 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2551, 11:43:03 » |
|
calories blah blah ชุดใหม่เหมาะกับอากาศเย็นๆช่วงนี้มาก แต่หาซื้อยากจัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
|
|
|
khesorn mueller
|
 |
« ตอบ #40 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2551, 23:12:20 » |
|
ชื่อวง หรือชื่ออัลบั้มคะนั่น??
p.nn
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เจษฎา
|
 |
« ตอบ #41 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2551, 18:29:30 » |
|
ชื่อวงจ้ะพี่หนิง ถามนิด....ทำไมนักบุญปีเตอร์ถึงไม่เรียกชื่อผม หมายความว่าอย่างไรครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
|
|
|
khesorn mueller
|
 |
« ตอบ #42 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2551, 18:37:32 » |
|
เพลงไหน?? เอาเท่าที่พี่รู้นะคะ:St.Peterเป็น 1ใน12ของsaintกลุ่ม Jesus Christus มีหน้าที่อะไร....เหอๆ พี่เป็นพุทธเคอะ! p.nn
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nat Rattanadilok
|
 |
« ตอบ #43 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2551, 20:18:20 » |
|
พูดเรื่องไรกัน ป๋มไม่เข้าใจ วันนี้เพิ่งจะขุด Mark Knobler มาฟัง เพลงฮิตเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
+ ยุ่งจริง +
|
|
|
Nat Rattanadilok
|
 |
« ตอบ #44 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2551, 20:21:37 » |
|
เมื่อ ถ้าจำไม่ผิด นักบุญปีเตอร์ เป็นเทพที่รออยู่ตรงประตูสวรรค์ คอยบอกว่าคุณควรจะไปอยู่ที่ใหนในสวรรค์ มั้ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
+ ยุ่งจริง +
|
|
|
เจษฎา
|
 |
« ตอบ #45 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2551, 20:55:12 » |
|
โอ.....พี่นัท แจ่มเลย นักบุญปีเตอร์ไม่เรียกชื่อผมแปลว่ายมฑูตยืนกวักมือเรียกผมอยู่อีกฝั่งนึงนั่นเอง เป็นราชาต้องเข่นฆ่าเพื่อให้ได้มาและรักษาบัลลังค์ คำพิพากษาคือไปนรก เอ้าใครอยากเป็นราชาบ้าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
|
|
|
เจษฎา
|
 |
« ตอบ #46 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2551, 20:56:23 » |
|
เสียวโว้ย
ร้องนำพี่ใหญ่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
|
|
|
yai
|
 |
« ตอบ #47 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2551, 11:24:13 » |
|
เจษ คำถามเอามาจากคำแปลเนื้อเพลงใช่ไหม
นั่งงงอยู่พัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เจษฎา
|
 |
« ตอบ #48 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2551, 13:26:41 » |
|
ใช่แล้วใหญ่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
|
|
|
|
|