wirat
|
|
« ตอบ #50 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2551, 19:50:46 » |
|
ใหญ่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แป๋ม วิดย
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 646
|
|
« ตอบ #51 เมื่อ: 01 มีนาคม 2551, 10:48:38 » |
|
เลข อะไร แป๋ม ฝัน น่ะ จะเห็นเลขเด็ดอยู่แล้วเชียว ลูกดันร้องหิวนมซะก่อน ที่หิวนมแน่ใจน๊ะ ว่าลูก กะแล้ว เพื่อนเราแต่ละคน มันไม่เคยคิดอะไรตื้นๆ เล้ย....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
akenui
|
|
« ตอบ #52 เมื่อ: 01 มีนาคม 2551, 12:38:37 » |
|
ผู้ชายทุกคนต้องกลัวเมีย ไม่งั้นเมียไม่ให้กินนม 5555 :lol:
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สุดจะทน ก็ต้องทน
|
|
|
Pae
|
|
« ตอบ #53 เมื่อ: 01 มีนาคม 2551, 12:40:19 » |
|
วันไหน เมียงอน อด อิอิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เจษฎา
|
|
« ตอบ #54 เมื่อ: 01 มีนาคม 2551, 13:38:19 » |
|
กินอย่างอื่นก็ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
|
|
|
wirat
|
|
« ตอบ #55 เมื่อ: 01 มีนาคม 2551, 19:38:34 » |
|
อะไรหล่ะเจษ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
akenui
|
|
« ตอบ #56 เมื่อ: 02 มีนาคม 2551, 14:16:07 » |
|
ยกตัวอย่างหน่อย หมอเจ็บ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สุดจะทน ก็ต้องทน
|
|
|
เจษฎา
|
|
« ตอบ #57 เมื่อ: 02 มีนาคม 2551, 14:17:28 » |
|
ทำไขสือนะ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
|
|
|
wirat
|
|
« ตอบ #58 เมื่อ: 02 มีนาคม 2551, 14:17:42 » |
|
รอจนหิวแล้วเนี่ย สงสัยต่อมุขไม่ได้แน่เลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
akenui
|
|
« ตอบ #59 เมื่อ: 02 มีนาคม 2551, 14:20:00 » |
|
ก็อยากรู้ว่า มันจะตรงกันมั้ยหนะ กินน้ำลิ้นจี่เปล่าอะ :lol: :lol: :lol:
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สุดจะทน ก็ต้องทน
|
|
|
akenui
|
|
« ตอบ #60 เมื่อ: 02 มีนาคม 2551, 14:20:40 » |
|
เฮ้ยไม่ต้องต่อมุขแล้ว กลัวติดเรท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สุดจะทน ก็ต้องทน
|
|
|
wirat
|
|
« ตอบ #61 เมื่อ: 02 มีนาคม 2551, 14:22:03 » |
|
อะไรว๊ะนุ้ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เจษฎา
|
|
« ตอบ #62 เมื่อ: 02 มีนาคม 2551, 15:12:39 » |
|
เออ ด้วย อะไรวะนุ้ย กินน้ำลิ้นจี่เป็นอาหารเช้าเหรอ ของดอยคำรึเปล่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
|
|
|
yai
|
|
« ตอบ #63 เมื่อ: 02 มีนาคม 2551, 19:33:09 » |
|
เสียวโว้ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
wirat
|
|
« ตอบ #64 เมื่อ: 02 มีนาคม 2551, 19:46:57 » |
|
อยากรู้ อยากรู้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แป๋ม วิดย
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 646
|
|
« ตอบ #65 เมื่อ: 03 มีนาคม 2551, 16:45:09 » |
|
ไปกันใหญ่แล้วเพื่อนๆ กลับมามีสาระกันเถ้อะ....เดี๋ยวสาวๆ หายหมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
wirat
|
|
« ตอบ #66 เมื่อ: 03 มีนาคม 2551, 20:55:01 » |
|
สาวๆ ก็ อยากรู้ แป๋ม เชื่อเถอะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
newstar
Cmadong พันธุ์แท้
Normal Man
ออฟไลน์
รุ่น: RCU2532
คณะ: บัญชี'ถิติ
กระทู้: 2,978
|
|
« ตอบ #67 เมื่อ: 09 มีนาคม 2551, 07:41:23 » |
|
ผมตบกระทู้ผมเข้าประเด็นก่อนนะ เดี๋ยวจะออกทะเลไปนาน
เส้นทางเศรษฐีเบอร์785ของโลก"Mark Zuckerberg" (1) ข้อมูลจาก ผู้จัดการ มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ชื่อของมาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ดูจะน่าสนใจมากขึ้นอีกเมื่อนิตยสาร Forbes จัดอันดับให้ซัคเกอร์เบิร์กเป็นเศรษฐีที่รวยอันดับ 785 ของโลก หลายคนอยากรู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใคร มาจากไหน และเส้นทางรวยล้นฟ้าด้วยวัยเพียง 23 ปีเกิดขึ้นได้อย่างไร แม้จะมีบทความมากมายเขียนไขข้อข้องใจไปแล้ว แต่ผู้จัดการไซเบอร์ ก็อดไม่ได้ที่จะรวบรวมเรื่องราวของซัคเกอร์เบิร์กมาเสนออีกครั้ง ปัจจุบัน ซัคเกอร์เบิร์กเป็นทั้งนักธุรกิจและนักเขียนโปรแกรม ดำรงตำแหน่งประธานบริหารเว็บไซต์เฟสบุ้ก Facebook.com ธุรกิจเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์มูลค่าหลายพันล้านเหรียญที่สร้างขึ้นเมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์ดเวิร์ด ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมรุ่นและเพื่อนร่วมห้องอย่าง Andrew McCollum, Dustin Moskovitz และ Chris Hughes เชื้อสายยิว-อเมริกัน ข้อมูลจากวิกิพีเดีย สาราณุกรมออนไลน์ระบุว่า Mark Elliot Zuckerberg เกิดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 1984 ปัจจุบันอายุ 23 ปี เติบโตในย่าน Dobbs Ferry รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ครอบครัวเป็นยิว-อเมริกัน เริ่มเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากนั้นเข้าศึกษาระดับมัธยมที่ Ardsley High School และจบมัธยมปลายที่ Phillips Exeter Academy ในปี 2002 ซัคเกอร์เบิร์กเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด หยุดเรียนไปกลางคัน และกลับมาลงทะเบียนเรียนอีกครั้งในปี 2006 ที่ฮาร์เวิร์ด ซัคเกอร์เบิร์กเริ่มต้นโครงการวิจัยหรือโปรเจ็กต์ชิ้นแรกกับเพื่อนร่วมห้อง Arie Hasit ชื่อของโปรเจ็กต์นี้คือ Coursematch เป็นบริการที่เปิดให้นักศึกษาสามารถดูรายชื่อเพื่อนร่วมชั้นเรียนได้ โปรเจ็กต์ต่อมาคือ Facemash.com เว็บไซต์โหวตรูปนักศึกษาฮาร์เวิร์ดว่าใครได้รับความนิยมชมชอบมากหรือน้อย แต่แล้วเมื่อโปรเจ็กต์นี้ให้บริการจริงบนโลกออนไลน์เพียง 4 ชั่วโมง มหาวิทยาลัยก็ลงดาบระงับการใช้อินเทอร์เน็ตของซัคเกอร์เบิร์ก ด้วยข้อหาว่าโปรเจ็กต์นี้ของซัคเกอร์เบิร์กละเมิดนโยบายการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ และเป็นภัยต่อระบบความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัย เขียนไม่ถึง2สัปดาห์? ซัคเกอร์เบิร์กคลอดบริการนาม Facebook จากห้องพักตัวเองในมหาวิทยาลัยด้วยฤกษ์วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2004 บางแหล่งข่าวระบุว่าซัคเกอร์เบอร์เขียนโปรแกรม FaceBook ชุดดั้งเดิมในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ คราวนี้ไม่ใช่บริการโหวตรูปหรือบริการแสดงรายชื่อเพื่อนร่วมชั้น แต่เป็นบริการที่ให้นักศึกษาสามารถโพสต์ข้อมูลของตัวเองได้เท่าที่ต้องการ แน่นอนว่าเฟสบุ้กได้รับความนิยมถล่มทลายในฮาร์เวิร์ด นักศึกษาราว 2 ใน 3 แห่ลงทะเบียนใช้งานตั้งแต่ 2 สัปดาห์แรกที่เปิดให้บริการ ต่อมาซัคเกอร์เบิร์กและเพื่อน Dustin Moskovitz เริ่มขยายบริการเฟสบุ้กไปยังสถานมหาวิทยาลัยอื่น เช่น สแตนฟอร์ด โคลัมเบีย และเยล โดยราว 4 เดือน สถานศึกษาที่ใช้บริการ Facebook มีจำนวนราว 30 แห่ง เมื่ออะไรก็ไปได้สวย ซัคเกอร์เบิร์กตกลงใจเดินทางไป Palo Alto แคลิฟอร์เนียพร้อม Moskovitz และกลุ่มเพื่อนช่วงฤดูร้อนปี 2004 ทั้งกลุ่มวางแผนกลับฮาร์เวิร์ดให้ทันฤดูใบไม้ร่วงแต่ก็เปลี่ยนใจอยู่ที่แคลิฟอร์เนียต่อไป และขาดเรียนที่ฮาร์เวิร์ดตั้งแต่นั้น ห้องเช่าถูกดัดแปลงเป็นสำนักงานชั่วคราว ช่วงฤดูร้อนนี้เองที่ทำให้ซัคเกอร์เบิร์กได้พบกับ Peter Thiel ผู้ร่วมก่อตั้งบริการชำระเงินออนไลน์ PayPal ซึ่งให้ทุนก้อนแรกมา 5 แสนเหรียญ สำนักงานเฟสบุ้กแห่งแรกจึงกำเนิดขึ้นที่ University Avenue ในตัวเมือง Palo Alto นับจากนั้นไม่กี่เดือน ปัจจุบัน เฟสบุ้กมีอาคารสำนักงานในเมือง Palo Alto จำนวน 4 อาคาร ซึ่งซัคเกอร์เบิร์กเรียกว่า "urban campus" หรืออาณาจักรวิทยาลัย ไม่ใช่เส้นทางของซัคเกอร์เบิร์กจะโรยแต่กลีบกุหลาบ ติดตามวิกฤตของซัคเกอร์เบิร์กในตอนต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
newstar
Cmadong พันธุ์แท้
Normal Man
ออฟไลน์
รุ่น: RCU2532
คณะ: บัญชี'ถิติ
กระทู้: 2,978
|
|
« ตอบ #68 เมื่อ: 09 มีนาคม 2551, 07:42:33 » |
|
เส้นทางเศรษฐีวัย 23 "Mark Zuckerberg" (จบ) โดย ผู้จัดการ มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) บทความตอนที่แล้วดูเหมือนจะสะท้อนแต่เส้นทางโรยกลีบกุหลาบของมาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) เศรษฐีวัย 23 ปีจากโลกออนไลน์ที่นิตยสาร Forbes จัดอันดับว่าร่ำรวยเป็นอันดับ 785 ของโลก จากเด็กชายในครอบครัวยิว-อเมริกันที่เริ่มเขึยนโปรแกรมตั้งแต่ประถม 6 สู่หนุ่มนักศึกษาฮาร์เวิร์ดที่พาตัวเองและผองเพื่อนปลุกปั้นโปรเจ็ค Facebook.com บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ให้เป็นธุรกิจเต็มขั้น แน่นอนว่าก่อนที่ Facebook จะทำให้ซีอีโอซัคเกอร์เบิร์กกลายเป็นเศรษฐีหนุ่มติดอันดับโลก ยังมีขวากหนามมากมายที่ซัคเกอร์เบิร์กต้องฝ่าฟันไป Facebook นั้นเป็นที่รู้จักในนามบริการออนไลน์ที่ทำให้ผู้ใช้แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนที่อยู่ในสังคมเดียวกันแบบรวดเร็วทันใจและเข้าถึง ทั้งข้อมูลแฟ้มภาพถ่ายเมื่อครั้งไปเที่ยว ภาพยนตร์ที่ชอบ และประวัติส่วนตัวทั่วไป ต่างจากเว็บไซต์ชุมชนออนไลน์อื่นตรงที่ Facebook เป็นชุมชนในโลกที่มีตัวตนอยู่จริง ใช้ชื่อ Email เดียวกันและต้องการทำความรู้จักคนอื่นๆในสังคมเดียวกัน ทั้งหมดนี้โดนใจชาวอเมริกันที่กระตือรือร้นอยากจะรู้จักคนอื่นในสังคมเดียวกันให้มากขึ้น ชาวอเมริกันที่นิยมชมชอบ Facebook มีทั้งกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย นักเรียนโรงเรียนมัธยม รวมถึงคนวัยทำงาน สถิติชุมชนที่ใช้ Facebook ล่าสุดมีจำนวนหลายหมื่นชุมชน มีทั้งชุมชนเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับสหรัฐฯ CIA ชุมชนพนักงานร้านแมคโดนัลด์ และกองกำลังนาวิกโยธินของสหรัฐฯ ที่สำคัญ Facebook ยังสนับสนุนการขายสินค้าข้ามบริษัทบนเว็บไซต์ และวางเป้าหมายว่า ผู้ใช้จะสามารถค้นหาสินค้าทุกชนิดได้จากเว็บไซต์แห่งนี้ในอนาคต วิกฤตคือโอกาส หลังจากได้ทุนก้อนแรกจาก Peter Thiel ผู้ร่วมก่อตั้งบริการชำระเงินออนไลน์ PayPal มูลค่า 5 แสนเหรียญ ผลงานหนึ่งที่โด่ดเด่นของ Facebook.com คือบริการ News Feed เริ่มให้บริการตั้งแต่เดือน 5 กันยายน 2006 ไม่ใช่รายการข่าวสารบ้านเมืองแต่เป็นรายการความเคลื่อนไหวของกลุ่มเพื่อนในเว็บไซต์ ซัคเกอร์เบิร์กตกที่นั่งลำบากเนื่องจากผู้ใช้จำนวนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับฟีเจอร์นี้ โดยผู้ใช้มองว่า News Feed ทำให้ข้อมูลส่วนตัวแพร่กระจายไปทั่วเว็บ Facebook โดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ใช้ Facebook ร่วมใจประท้วงไม่เห็นด้วยกับฟีเจอร์ News Feed ราว 700,000 คนภายในไม่ถึง 48 ชั่วโมง ร้อนถึงซัคเกอร์เบิร์กต้องเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงผู้ใช้ เพื่อขอโทษที่ละเลยการให้ความสำคัญกับการปกป้องความเป็นส่วนตัว และยืนยันว่าเจตนาในการออกแบบฟีเจอร์ News Feed คือเพื่อให้ข่าวสารข้อมูลแก่คนในชุมชนเดียวกันบน Facebook เท่านั้น เมื่อทีมวิศวกรของ Facebook ลงมือปรับปรุงความเป็นส่วนตัวของ News Feed ซัคเกอร์เบิร์กระบุว่าขณะนี้ News Feed กลายเป็นสิ่งที่ผู้ใช้นิยมไปแล้วเรียบร้อยโรงเรียน Facebook เดือนพฤศจิกายน 2007 ซัคเกอร์เบิร์กได้ฤกษ์เปิดตัวระบบโฆษณาออนไลน์ใหม่ในชื่อ Beacon เป็นระบบที่เปิดให้นักการตลาดสามารถลงโฆษณาได้ด้วยตัวเองคล้ายระบบของกูเกิล (Google) ชนวนระเบิดปะทุขึ้นอีกเมื่อระบบโฆษณา Beacon สามารถเก็บข้อมูลใช้งานเว็บไซต์ของสมาชิก Facebook ได้ ความสามารถนี้ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า Facebook กำลังจะละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อีกครั้ง ธันวาคม 2007 ซัคเกอร์เบิร์กระบุว่ากำลังดำเนินการทดสอบระบบโฆษณา Beacon อย่างจริงจัง ขออภัยในข้อผิดพลาดต่อผู้ใช้ และเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ Facebook ยังเผชิญปัญหาเดียวกับเว็บไซต์อื่นๆ คือปัญหาการฟ้องร้องว่าเป็นผลงานที่ขโมยความคิดคนอื่นมา โดยนักศึกษาฮาร์เวิร์ด 3 รายนาม Divya Narendra, Cameron Winklevoss และ Tyler Winklevoss ระบุว่าเคยว่าจ้างให้ซัคเกอร์เบิร์กเขียนโปรแกรมบนเว็บไซต์ของพวกเขานามว่า ConnectU และกล่าวหาว่าซัคเกอร์เบิร์กขโมยแนวคิด การออกแบบ แผนธุรกิจ รวมถึงซอร์สโค้ดดั้งเดิมไป คดีนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2004 ผู้ฟ้องระบุว่าร้องเรียนเพื่อความเป็นธรรม และไม่มีเจตนาให้เว็บ Facebook ต้องปิดตัวลง อย่างไรก็ตาม Facebook ตัดสินใจฟ้องกลับและการพิพากษาคดียังไม่สิ้นสุดในขณะนี้ ด้านสื่อใหญ่อย่างนิวยอร์กไทมส์ เคยแสดงความเห็นว่า ซัคเกอร์เบิร์กอาจได้แนวคิดบริการมาจากเว็บไซต์ houseSYSTEM ของคุณปู่ Aaron J. Greenspan บุคคลสำคัญของสหรัฐฯก็เป็นได้ รวยเพราะหุ้น ซัคเกอร์เบิร์กไม่ได้สร้างฐานะปึกแผ่นจากรายได้โฆษณาซึ่งเป็นรายได้หลักของเว็บ Facebook แต่มาจากการขายหุ้นบริษัทให้ไมโครซอฟท์ซึ่งทุ่มเงินกว่า 8,000 ล้านบาท ซื้อหุ้น Facebook ในสัดส่วน 1.6% จากซัคเกอร์เบิร์ก ราคานี้ไมโครซอฟท์คำนวณโดยตั้งมูลค่า Facebook ไว้สูงถึง 51,000 ล้านบาท มูลค่าเทียบเท่าบริษัทจำหน่ายสินค้าชื่อดัง GAP และโรงแรมแมริออท การตัดสินใจขายหุ้นให้ไมโครซอฟท์ เกิดขึ้นหลังจาก Facebook ปฏิเสธข้อเสนอซื้อมูลค่า 1 พันล้านเหรียญจากยาฮู (Yahoo) ครั้งนั้นทั้งตัวซัคเกอร์เบิร์กและนักลงทุนคนแรกของบริษัทอย่าง Thiel กล่าวตรงกันว่ายังไม่รีบร้อนขาย Facebook ให้แก่บริษัทยักษ์ใหญ่หรือขายหุ้นให้สาธารณชน และราคาเสนอซื้อแค่หนึ่งพันล้านเหรียญนั้นต่ำเกินไป ฐานผู้ใช้และจำนวนผู้เข้าชมที่เพิ่มขึ้นทุกวันทำให้ทั้งสองเชื่อว่ามูลค่าบริษัทสูงกว่าที่ยาฮูเสนอมาแน่นอน สิ่งที่ Facebook จะเลือกจึงเป็นการให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและทำให้บริษัทเติบโตต่อไป แต่เมื่อยักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ตัดสินใจควักเงิน 246 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 8.16 พันล้านบาท) แลกกับการครอบครองหุ้น Facebook เพียง 1.6% ทำให้ซัคเกอร์เบิร์กอดใจไม่ไหว ยอมเจียดหุ้นในมือยกให้ไมโครซอฟท์แต่โดยดี เรื่องนี้ได้รับเสียงวิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะการที่ไมโครซอฟท์ให้ราคา Facebook สูงกว่าผู้เสนอซื้อรายอื่นอย่างน่าสงสัย เพราะหากคำนวณราคาหุ้นที่ไมโครซอฟท์เสนอมา เท่ากับไมโครซอฟท์กำหนดมูลค่ารวมของ Facebook ไว้ถึง 1,500 ล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 51,000 ล้านบาท ซึ่งเซอร์เกย์ บริน ผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิลซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่เสนอตัวซื้อหุ้น Facebook ด้วยเช่นกัน ระบุว่าเป็นราคาที่เกินจริง เพราะในแต่ละปีเฟซบุ๊คทำรายได้ไม่ถึง 200 ล้านเหรียญด้วยซ้ำ อย่างไรก็ดี การซื้อขายหุ้นระหว่างไมโครซอฟท์และซัคเกอร์เบิร์กมูลค่า 246 ล้านเหรียญ และการถือหุ้นบริษัทที่ไมโครซอฟท์ตีราคาไว้สูงถึง 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในสัดส่วน 10 เปอร์เซ็นต์ ก็ทำให้นิตยสาร Forbes จัดอันดับความร่ำรวยของซัคเกอร์เบิร์กไว้ที่อันดับ 785 ของโลกไปแล้ว แม้นักวิเคราะห์จะยังสงสัยในสภาพคล่องด้านการเงินของซัคเกอร์เบิร์กอยู่ แม้จะถูกสงสัยเรื่องสภาพการเงิน แต่ซัคเกอร์เบิร์กไม่เคยถูกสงสัยเรื่องฝีไม้ลายมือ ขณะนี้ Facebook กำลังเพิ่มจำนวนวิศวกรและพนักงานบริการลูกค้าเพื่อรองรับตลาดมหาวิทยาลัยในแคนาดาและอังกฤษที่มีอัตราเติบโตเกือบ 30% ต่อเดือน และทำสถิติเป็นเว็บที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของสหรัฐฯ เชื่อแน่ว่า โลกจะจับตาเศรษฐีหนุ่มวัย 23 ปีคนนี้ต่อไปอีกนานแสนนาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yai
|
|
« ตอบ #69 เมื่อ: 09 มีนาคม 2551, 10:08:08 » |
|
ยาววะ
ตกลงไอ้ facebook รวมถึงลิงค์ที่คุณส่งมาเนี่ยะ มันเป็นแบบ hi5 ใช่ไหม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #70 เมื่อ: 09 มีนาคม 2551, 18:18:21 » |
|
ไวรัสเต็ม เลย ทำไงดีน๊า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
newstar
Cmadong พันธุ์แท้
Normal Man
ออฟไลน์
รุ่น: RCU2532
คณะ: บัญชี'ถิติ
กระทู้: 2,978
|
|
« ตอบ #71 เมื่อ: 09 มีนาคม 2551, 18:26:41 » |
|
ยาววะ
ตกลงไอ้ facebook รวมถึงลิงค์ที่คุณส่งมาเนี่ยะ มันเป็นแบบ hi5 ใช่ไหม ไม่เชิงทีเดียว แต่ก็ถือว่าใกล้เคียงกัน เดิมทีมมันจะเน้นไปที่สังคมแห่งความรู้มากกว่านะ มีพวก Code programming ต่าง ๆ มากมายเอามาแชร์กันแต่ผมยังไม่เห็นเลยว่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
akenui
|
|
« ตอบ #72 เมื่อ: 09 มีนาคม 2551, 21:43:40 » |
|
ยาวว่ะ อัดเป็นเทปได้เปล่าล่ะพ่อหนุ่มไอที
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สุดจะทน ก็ต้องทน
|
|
|
แป๋ม วิดย
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 646
|
|
« ตอบ #73 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2551, 14:07:28 » |
|
เพื่อให้ทันสมัย ทันเหตุการณ์รณรงค์ไม่ใช่มือถือขณะขับรถ
ขอเสนอ hand free รุ่นแปลกๆ
ตามมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|