ชาร์ป
|
|
« ตอบ #200 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2550, 01:18:20 » |
|
บางทีบทความที่นักเขียนเขาวิเคราะห์ ตีความเอง ก็อาจจะอธิบายได้ว่า ทำไม น้าชมพู่จึงไม่มี คุณสมบัติ http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9500000153830เรื่องการตีความ การวิเคาระห์ ถ้า ศาล ไม่ตีความจนถึงที่สุด ก็ยังเชื่อไม่ได้นัก แต่ที่น่าจะเชื่อได้ คือ การยกเอาข้อความของมาตรากฎหมายที่เกี่ยวข้องเข้ามา ให้อ่านกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
MiA_แม่แย้มเจ้าค่ะ
Full Member
ออฟไลน์
รุ่น: RCU87 (2547)
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 971
|
|
« ตอบ #201 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2550, 01:35:18 » |
|
ขอบคุณพี่ๆทุกคนเลยนะคะที่ขยันเข้ามาแสดงทัศนะและก็เอาบทความมาแปะให้อ่าน ช่วยเด็กหลังเขาอย่างแยมได้เยอะเลยค่ะ.... เพราะหนังสือพิมพ์แยมก็ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน (เพราะช่วงนี้สอบ) แล้วดันเป็นคนไม่ดูทีวีอีก.... พี่ๆหมั่นมาแสดงทัศนะกันบ่อยๆนะคะ.... แยมจะได้ออกจากกะลาได้บ้าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
My HaPpInEsS iS tO lOvE aNd To Be LoVeD iN rEtUrN.
WiSh My LoVe Be YoUr PaRaDiSe.
|
|
|
ppornson
|
|
« ตอบ #202 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2550, 15:37:57 » |
|
จริงๆต้องให้การศึกษากับประชาชนก่อนให้ประชาธิปไตยครับ..
ผมไม่ค่อยเห็นด้วยซักเท่าไหร่ เรื่องการเท่าเทียมกันของสิทธิ์ในสังคม ผมเสียภาษีปีละเท่าไหร่..ทำงานงกๆ..เรียนมากว่าจะจบ แต่บ้านเราให้คนเมาเข้าไปกาเลือกผู้แทนได้ โดยมีสิทธิ์ 1 เสียงเท่ากับผม..
บางทีมันดูเหมือนเป็นความคิดที่โหดร้ายว่าเป็นการแบ่งชั้นวรรณะ แต่พวกเรียนสูง มีความสามารถ..แมร่งงงก็ทำงาน แต่งงานช้า แถมไม่มีลูก..พวกลูกน้องผม ไม่มีเงิน กู้เงิน ขอทำเรื่องยกหนี้ ธกส. แบมือขออย่างเดียว..มันทำลูกกันเก่งอิ๋บอ๋าย...
พอยกมือทีไร..พวกมันก็ชนะ..ทีนี้พอโดนนโยบายที่ถูกใจ..ไปกันใหญ่ครับพี่น้อง..
บัณฑิตทำอะไรกันอยู่ครับ..นอกจากพิมพ์กันอยู่ตามเวปพันธุ์ทิป..
ต้องช่วยกันครับพี่น้อง เริ่มจากคนใกล้ตัว..อย่าให้กุลีครองเมืองครับ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Aj.O
|
|
« ตอบ #203 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2550, 15:59:21 » |
|
จริงๆต้องให้การศึกษากับประชาชนก่อนให้ประชาธิปไตยครับ..
ผมไม่ค่อยเห็นด้วยซักเท่าไหร่ เรื่องการเท่าเทียมกันของสิทธิ์ในสังคม ผมเสียภาษีปีละเท่าไหร่..ทำงานงกๆ..เรียนมากว่าจะจบ แต่บ้านเราให้คนเมาเข้าไปกาเลือกผู้แทนได้ โดยมีสิทธิ์ 1 เสียงเท่ากับผม..
บางทีมันดูเหมือนเป็นความคิดที่โหดร้ายว่าเป็นการแบ่งชั้นวรรณะ แต่พวกเรียนสูง มีความสามารถ..แมร่งงงก็ทำงาน แต่งงานช้า แถมไม่มีลูก..พวกลูกน้องผม ไม่มีเงิน กู้เงิน ขอทำเรื่องยกหนี้ ธกส. แบมือขออย่างเดียว..มันทำลูกกันเก่งอิ๋บอ๋าย...
พอยกมือทีไร..พวกมันก็ชนะ..ทีนี้พอโดนนโยบายที่ถูกใจ..ไปกันใหญ่ครับพี่น้อง..
บัณฑิตทำอะไรกันอยู่ครับ..นอกจากพิมพ์กันอยู่ตามเวปพันธุ์ทิป..
ต้องช่วยกันครับพี่น้อง เริ่มจากคนใกล้ตัว..อย่าให้กุลีครองเมืองครับ.. สิทธิในชีวิตด้านอื่นๆ ผมเห็นด้วยว่าทุกคนควรเท่ากัน...ยกเว้นสิทธิในการเลือกตั้ง มันมีแนวคิดนึงกล่าวว่า หากให้ที่ไหนเสียภาษีเยอะ ที่นั่นสมควรมีผู้แทนได้มาก เพราะคนเสียภาษี เค้าจะรู้ถึงสิทธิในการตรวจสอบผู้แทนไปด้วยในตัว(นอกจากสิทธิการเลือกผู้แทน) และผู้แทนจากคนกลุ่มนี้มักจะเป็นผู้แทนของกลุ่มจริงๆ ต่างกับพวกระดับล่างที่ส่วนมากสักแต่ว่าเลือกเข้าไป ผู้แทนที่มาจากคนกลุ่มนี้จึงไม่ค่อยเป็นผู้แทนของกลุ่มหรือชนชั้นเท่าไหร่ สังเกตมั้ยเวลามีการคุกคามชุมชนหรือท้องถิ่นของชนกลุ่มรากหญ้าจากนโยบายรัฐ(เช่นกรณีตัดถนนหรือสร้างโรงงานผ่านที่ดินชาวบ้าน โดยไม่ทำประชาพิจารณ์) ไม่เคยมีผู้แทนคนไหนในท้องที่นั้นๆ มาช่วยเป็นปากเป็นเสียงให้คนท้องที่เลย? :!: แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องไปจำกัดสิทธิด้านอื่นๆ เพราะถ้าเราเป็นพวกรากหญ้า เราคงไม่อยากให้คนชั้นกลางหรือชั้นสูงที่ไหนมาเอาเปรียบหรอก แบบกรณีไอ้หมาแฮม ไอ้ดวงฉลวย หรือกรณียายไฮ ฯลฯ น่ะ :roll: ขณะที่ชนชั้นรากหญ้ากลุ่มนึงกำลังมีพฤติกรรมที่ก่อปัญหา(แบบที่คุณ ppornson ว่ามา) คนรากหญ้าอีกจำนวนหนึ่งต้องเผชิญกับการถูกคุกคามวิถีชีวิต โดยกลุ่มทุนหรือกลุ่มราชการบางพวก เช่น การคุกคามแบบPassive(เช่นการโฆษณาสินค้าหรือเงินกู้เพื่อหลอกให้เขาเป็นหนี้) หรือการคุกคามแบบActive เช่นกรณีที่ภาครัฐจะไปก่อตั้งอะไรในเขตที่อยู่พวกเขา โดยที่พวกเขาไม่เห็นด้วยกับโครงการนั้นๆ :x คนกลุ่มหลังก็โดนชนชั้นนำ ด่าทอว่า ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม แล้วชนชั้นกลาง(บางพวก) ก็ไปผสมโรงด่าทอด้วย(ซึ่งมันเป็นคำกล่าวหาที่ไม่แฟร์นัก) และผมเชื่อว่ามาจากการศึกษาที่ปลูกฝังจริยธรรมแบบคับแคบเกินไป อย่าลืมว่าตามหลักกฏหมายที่พัฒนาแล้ว > ผลประโยชน์ส่วนรวม จะมาคุกคามสิทธิในปัจจัยจำเป็น(ของบุคคล) ไม่ได้ เช่น คนในเมืองมีไฟฟ้าใช้มากขึ้น แต่คนกลุ่มนึงถูกไล่ที่(เพื่อสร้างโรงไฟฟ้า)จนบ้านแตก มันก็ไม่แฟร์เหมือนกัน :? ทีนี้บางคนอาจเอากรณีที่ทหาร ตำรวจ ต้องสละชีพเพื่อชาติ หรือเพื่อสังคม มาอ้าง แต่อย่าลืมว่า เรามีสิทธิ์เลือกที่จะเป็นหรือไม่เป็นทหารตำรวจก็ได้ อาชีพแบบนี้มันอยู่ที่ใจด้วย ไม่ใช่เอาค่านิยมไปบังคับว่า ให้คนทุกคนต้องมีอุดมการณ์อย่างในอุดมคติแบบนั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
...
|
|
|
ลูกพิ้ง
|
|
« ตอบ #204 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2550, 16:39:49 » |
|
จริงๆต้องให้การศึกษากับประชาชนก่อนให้ประชาธิปไตยครับ..
.. เห็นด้วยกับเรื่องของการให้การศึกษา....คนเรา...หากมีความรู้และนำความรู้นั้น... มาใช้ประโยชน์ในทางที่ถูกต้อง...ก็จะช่วยในการพัฒนาบ้านเมืองให้ดีขึ้นมาได้....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #205 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2550, 18:15:00 » |
|
จริงๆต้องให้การศึกษากับประชาชนก่อนให้ประชาธิปไตยครับ..
read for too long just searching for this sentence! thank you ka Nong Pornson...the education is the most needed thing in democracy...how to make people dare to express out their right. p.nn
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Max
|
|
« ตอบ #206 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2550, 18:46:33 » |
|
อ่านแล้วเครียดจัง
แล้วพวกมาร์กซิส นี่ ก็ก่อมาจากระดับรากหญ้าใช่ไหม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Aj.O
|
|
« ตอบ #207 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2550, 19:16:31 » |
|
ลองอ่านนี่ดูสักนิด :wink: เป็นเวบของเพื่อนผมคนหนึ่ง เงินที่ลอยมาจากสวรรค์http://nutmaemo.spaces.live.com/?_c11_BlogPart_BlogPart=blogview&_c=BlogPart&partqs=amonth%3d5%26ayear%3d2007จะทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า คนมีการศึกษา มีรายได้ ก็ยังพยายามเอาเปรียบงบประมาณชาติ จากภาษีของชนชั้นกลางด้วยกันเองด้วย :?: เพิ่งรับสายตรงจากแดนผู้ดีของรุ่นพี่ที่สนิทชิดเชื้อคนหนึ่ง บอกข่าวว่า ในที่สุดทางผู้มีส่วนรับผิดชอบในการจัดสรรเงินทุนให้นักเรียนรัฐบาล ก็ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ความประสงค์ของบรรดานักเรียนทุนหลายคน
ยอมให้ระยะเวลาการชดใช้ทุนโดยการทำงานในภาครัฐหดลงเหลือแค่เพียงเท่าเดียว จากที่เคยกำหนดไว้สองเท่า ... ตัวอย่างเช่น ถ้าไปเรียนเมืองนอกเมืองนาด้วยทุนของรัฐบาล 4 ปี ให้กลับมาใช้ทุน 4 ปี จากเดิมที่เคยกำหนดไว้ 8 ปี ... ทั้งนี้ แหล่งข่าว กระซิบมาว่า เพื่อลดปัญหานทร. (นักเรียนทุนรัฐบาล) หนีการชดใช้ทุน ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยๆในระยะหลังๆ อีกนัยหนึ่งก็คือเพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจสำหรับนักเรียนทุน
ถามถึงปฏิกิริยาของเพื่อนนักเรียนทุนด้วยกัน แหล่งข่าวคนเดิมกล่าวว่า เต็มไปด้วยเสียงสรรเสริญ หลายคนที่คิดจะหนีทุนอยู่รอมร่อ เปิดใจด้วยความโล่งใจว่า มาตรการใหม่นี้ราวกับพระเจ้ามาโปรด
ชั่วโมงกว่าๆ ของการสนทนาประเด็นที่ร้อนฉ่าเรื่องนี้ จบลงที่ความอนาถใจของสองสาวทั้งต้นสายและปลายสาย
สำหรับตัวคนเขียนเอง เหตุผลของผู้มีส่วนรับผิดชอบ สะท้อนให้เห็นว่า จำนวนคนที่หนีทุน (โดยการชดใช้เงินแทนการทำงานในภาครัฐ) คงจะเพิ่มขึ้นมาก และคงเป็นปัญหาที่น่าหนักใจไม่น้อย จนบีบให้มาตรการนี้ต้องถูกเข็นออกมา ทั้งๆที่ภาครัฐก็คงจะไม่ค่อยเต็มใจนัก
แม้จะรู้ซึ้งดีถึงความจำเป็นเบื้องหลัง แต่ก็อดเศร้าใจแทนประชาชนผู้เสียภาษีเงินได้ให้กับสยามประเทศแห่งนี้ไม่ได้
เงินทุนปีละเป็นล้านสำหรับนักเรียนคนหนึ่ง มาจากเงินของคนไทย 60 กว่าล้านคน ซึ่งบางคนมีเงินเดือนต่ำกว่าเส้นเกณฑ์มาตรฐาน
หลายคนอาจจะเถียงว่า ก็ในเมื่อเงินเดือนต่ำกว่าเส้นมาตรฐาน แล้วทำไมต้องเสียภาษี ...อันนี้ก็อย่าลืมว่า ในโลกนี้ไม่ได้มีแต่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หากแต่มีทั้งภาษีที่ดิน ภาษีโรงเรือน ภาษีสรรพสามิตของร้านค้า ไปจนถึงราคาสินค้าก็มีการบวกภาษีอยู่ในนั้นเสร็จสรรพ
หรือก็คือ รวมเงินจากทั้งกรรมกร ชาวนา ชาวไร่ ในประเทศสารขันธ์แห่งนี้ ลงเงินคนละนิดคนละหน่อย บวกกับของชนชั้นกลางผู้มีเงินได้มากบ้างน้อยบ้าง ... เป็นจำนวนเงินที่นักเรียนทุนได้นำไปใช้
พูดอีกทีก็คือ เงินทุนที่ว่านี้ เป็นเงินที่เขาอุทิศมาให้ โดยผ่านการ “ขอ” ทุนของนักเรียนทุน แนวคิดแบบนี้อาจจะกลับกันกับของนทร.บางส่วนที่มองว่า เงินทุนเป็นเงินได้ตอบแทนมันสมองอันชาญฉลาด เพื่อใช้ในการแสวงหาโอกาสในภายภาคหน้า
การแสวงหาโอกาสไม่ใช่เรื่องผิด ...สมองจะชาญฉลาดกว่าคนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องผิด ...แต่ขอให้รู้ว่าเงินก้อนนั้นไม่ได้หล่นลงมาจากสวรรค์ชั้นฟ้า
เป็นเงินที่รัฐคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่า นทร.จะได้ศึกษาหาความรู้และประสบการณ์อย่างสุดจิตสุดใจ เพื่อนำความรู้นั้นกลับมาพัฒนาประเทศ และคำว่า “ประเทศ” นั้นก็ไม่ได้มีความหมายแคบๆเพียงแค่ว่า กลับมาทำงานในภาครัฐก็จบกัน
แต่หมายถึงการ “พัฒนา” คนรุ่นหลัง (อาจจะโดยการให้ความรู้) “พัฒนา” คุณภาพชีวิต ชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่เป็นเจ้าของหยาดเหงื่อแรงงานที่กลั่นออกมาเป็นภาษี “พัฒนา” องค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ทั้งเชิงรูปธรรมและนามธรรมกับบ้านนี้เมืองนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
...
|
|
|
|
ชาร์ป
|
|
« ตอบ #209 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2550, 10:09:33 » |
|
Democracy is from Fr. démocratie, via late L. from Gk dUmokratia, from dUmos ‘the people’ + -kratia ‘power, rule’.
Democracy = The People + Power = พลังประชาชน
ตอนแรกๆที่รู้ข่าว ก็รู้สึกแบบเดียวกับพ่อแม่พี่น้องแหละครับ เบื่อและท้อแท้มากๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็เลยนั่งคิด นั่งหาว่า ไอ้ประชาธิปไตย เนี่ย มันดีจริงๆหรือ เพราะกับสิ่งที่เกิดขึ้น วันนี้มันไม่เป็นไปอย่างที่คิด และเฝ้าหวัง แล้วไอ้คำว่า เผด็จการเนี่ย มันเลวร้ายจริงๆหรือไม่ ยิ่งคิดยิ่งค้น ผมเองกลับยิ่งเข้าใจว่า จะดีหรือชั่ว นั้น มันไม่ได้อยู่ที่ระบบ หรือวิธีการ แต่มันขึ้นอยู่กับความเหมาะสมมากกว่า ไม่ได้เป็น สัจนิรันดร์ว่าแบบไหน จะดีจะเลว เสมอไป
แต่ที่แน่ๆคือ ประชาธิปไตย คือ พลังและสิทธิของประชาชน แต่ไม่ใช่ของทุกคน เป็นของประชาชนส่วนใหญ่ นานมาแล้วที่ตัวผมเอง และเพื่อนหลายๆคน ยืนอยู่ในข้างที่เรียกว่า ส่วนใหญ่ หรือเสียงข้างมาก เราเลยไม่ค่อยรู้สึก ถึงด้านมืดของประชาธิปไตย
พอมาวันนี้สังคมไทยมีการจัดเรียงตัวซะใหม่ แล้วก็มีคนพยายามเพิ่มเส้นแดนแห่ง ความแตกต่างของคนในสังคมของเรา ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ด้วยคำว่า รากหญ้า (คาดว่า มาแทนที่คำว่าบ้านนอก นี่เอง แต่ได้ผลมากกว่า เพราะรวมถึงพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกท่านด้วย) โดยเค้ายิ่งพยายามเน้นเสมอว่า นี่คือรากหญ้า นี่คนกรุง จนวันนี้พี่น้องของเราแตกออกเป็น สองกลุ่มอย่างชัดเจน (คล้าย 16ตุลา เนอะ มีฝั่งนักศึกษา กะ ฝั่งประชาชน)
ซึ่งคนทั้งสองกลุ่มนี้ ถูกสร้างให้มี อุดมการณ์และทัศนคติในการดำเนินชีวิต ต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยสิทธิเสรีภาพทางการคิด และ ในการดำเนินชีวิต ถือเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญของคนที่เรียกตัวเองว่า คนมีการศึกษา ส่วนคนที่เรียกว่ารากหญ้านั้น ปากท้องคือ เรื่องที่สำคัญที่สุด
นานเท่าไหร่แล้วที่พ่อแม่พี่น้องในชนบท ต้องอยู่แบบอดๆอยากๆ แล้วนานเท่าไหร่แล้วที่คนที่เรียกว่า คนมีการศึกษาอยู่กันแบบสบาย มีคุณภาพชีวิตที่สูงกว่า ต้องยอมรับครับว่า นี่คือผลพวงของอมาตยธิปไตย ที่ยาวนาน พอวันนี้มีคนเห็นช่องว่าง เลยโดนเจาะเข้าอย่างจัง ต้องยอมรับครับว่าคนส่วนใหญ่ ในประเทศ กำลังลำบาก ต้องการคนมาดูแลเรื่องปากท้อง เค้าก็เลยแสดงพลังให้เห็นแล้วว่า พวกเค้าก็มีตัวตนนะ มีพลัง มีสิทธิในประเทศนี้ เหมือนกับเราทุกคน ประเทศนี้ไม่ได้เป็นของคนมีการศึกษา อย่างเดียวและที่สำคัญ คนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ คือคนจน คนรากหญ้า ไม่ใช่คนมีการศึกษา
เอาน่าลองดูซะที ว่าคนส่วนใหญ่เค้าจะเอาไงต่อ
จากเสียงส่วนน้อย
ป.ล. เมื่อวานนั่งดูข่าวBBC ท่านอดีตนายก ทักษิณ ออกมาให้สัมภาษณ์ที่อังกฤษ แล้วว่า นี่คือชัยชนะของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศไทย และบอกว่าจะกลับไทย วันวาเลนไทน์ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เรื่องพวกนี้นะครับ เถียงกันไม่จบ ผมก็ชาวอิสาน ทำนามาแต่เด็ก คนใต้ก็จน เช่นกัน ... ที่รู้สึกแย่คือ ไอ้เห้พวกนี้ ไม่ว่าฝ่ายไหน ไม่เคยเข้าใจ พื้นฐานคนไทย แต่ละภาคเลยสักนิด ไม่เคยมาศึกษา หาทางแก้ไข ถ้าในหลวงท่าน ไม่ทำโครงการพระราชดำริต่าง ๆ ป่านนี้ บ้านเมือง แย่กว่านี้เยอะ แต่ไอ้ เห้ พวกนี้ อาศัยแต่ อ้างชื่อ แล้วเรียกคะแนนเสียง ... ได้เสียงมาจากความไม่รู้ + ความกลัว + ความรัก + ความเกลียด ของคน ที่ไม่ค่อยรู้ เท่าไรนัก แล้วมากอบโกย ... ถ้าดูดี ๆ แล้ว ไอ้ประชานิยมนี้ละ ทำให้คนไทยจนลง ... หนี้สินเพิ่ม และยิ่งมีความรู้สึกแย่ ๆ อีก ... พอหนี้สินเพิ่ม แล้วไม่จ่าย ก็กลายเป็นหนี้เสีย พอหนี้เสีย ก็เอาเงินภาษีมาโปะ แล้วภาษีที่มามาจากใคร ... ผมว่า ก็รู้ ๆ กันอยู่ ดูสัดส่วนการจ่ายภาษีก็ได้ ว่า โซนไหนจ่ายภาษีเยอะ จากส่วนไหนจ่ายภาษีเยอะ ... คนที่เรียกร้อง ก็ควรเรียกร้องในสิ่งที่ควร ไม่ใช้อะไร ๆ ก็อ้างว่า ไม่เห็นหัว ไม่ช่วยเหลือ ทั้ง ๆ ที่ ไม่คิดที่จะช่วยตัวเองก่อนเลย คนที่ดูแล ก็ต้องเข้าไปศึกษาให้เข้าใจจะได้ รู้ว่าต้องให้ยาอย่างไร ..อย่างข่าวนี้นะ http://www.bangkokbiznews.com/2007/12/28/WW10_WW10_news.php?newsid=215936ถ้าจริงขึ้นมา ก็พิสูจน์ได้เลยว่า สุดท้ายไอ้พวกนี้ก็เข้ามาทางป้องกันตัวเองก่อนเลย ... ไม่คิดถึงคนที่เลือก ๆ มันมาเลย และที่ผมเป็นห่วงที่สุดคือ ภาคใต้ และการเงิน ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
wat
มือใหม่หัดเมาท์
ออฟไลน์
กระทู้: 47
|
|
« ตอบ #210 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2550, 11:47:56 » |
|
เคยอ่าน Chaos Theory ผ่านๆนะครับ ถ้านำหลักการนี้มา ประยุกต์กับการเมือง ก็น่าจะประมาณ
--- การเมืองมีระเบียบรูปแบบเก่าอิ่มตัว > สู่ความไร้ระเบียบโกลาหล(Chaos) > เปลี่ยนเป็นระเบียบการเมืองรูปแบบใหม่(ที่เป็นระเบียบ) ---
ถ้าพูดภาษาวรรณกรรมจีนก็ประมาณ
"บ้านเมืองเมื่อยามสงบ ก็เป็นศึก เมื่อเป็นศึก ก็กลับสงบ หมุนเวียนเป็นวัฏจักร"
พวกเราอาจจะอยุ่ในช่วงของ ความไร้ระเบียบโกลาหล(หรือเปล่า) ยังไงก็ต้องอดทดฝ่าฟันให้พ้นผ่าน เพื่อเข้าสู่ระเบียบใหม่ (New Order) หรือ ไร้ระเบียบจนสิ้นชาติ :shock:
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
mmwindoo_79
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 254
|
|
« ตอบ #211 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2550, 12:14:09 » |
|
นั่นเป็นประโยคแรกที่หลอกว้านจงเขียนในเรื่องสามก๊กเลย 700กว่าปีละ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นายป้อ
|
|
« ตอบ #212 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2550, 00:02:00 » |
|
:oops: ทุกสิ่งทุกอย่างเป็น...อนัตตา...
.....มีสูงสุด...รุ่งเรืองขีดสุด....ก็มีตกต่ำสุด....เหมือน...กรุงสุโขทัย....
....และกรุงศรีอยุธยา.....หรืออีกหลายๆที่......ทำใจให้สบายดีกว่า....
....ธรรมเป็นบั้นปลายของชีวิต......
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ppornson
|
|
« ตอบ #213 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2550, 11:26:42 » |
|
แจ่มมากๆเลยเพื่อน wat ไม่ได้ยินประโยคนี้มานานแล้ว..
รู้มั๊ยครับ..ว่าทำไมคนงานถึงต้องกลับไปเลือกตั้งที่บ้าน ทั้งๆที่มีการเลือกตั้งล่วงหน้าได้..
ถ้าคิดแค่รับเงินซื้อเสียง..คิดน้อยไปครับ..มันไม่คุ้มค่ารถเดินทางหรอกครับ..
ประเด็นคือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นหัวคะแนน ต้องกลับไปให้ท่านเหล่านี้เห็นหน้า ถ้าพรรคที่ท่านๆเป็นหัวคะแนนได้รับเลือก..พวกนี้ก็จะมีโอกาสกู้เงินได้..ขอทำโน้นทำนี่ได้..เนื่องจากต้องให้กำนัน ผู้ใหญ่เซ็นต์ค้ำประกัน..
ถ้าไม่โผล่ไปให้เห็นหน้า แล้วพรรคนั้นๆไม่ได้..อดครับ..กู้ก็ไม่ได้..ทำอะไรก็ไม่ได้..
ต่างจังหวัดเป็นอย่างนั้นกันจริงๆ..
แก้นที่ระบบราชการบ้านเราทั้งนั้นครับ..เช้าชามเย็นชาม..เงินแมร่งงงก็จะเอา..ปีใหม่ก็จะเอาเหล้า..งานก็ไม่ทำ..
ราชการที่ดีก็มีนะ..แต่ 7 ปีที่ผมเกี่ยวข้องกับราชการมาตลอด..ผมยังไม่เคยเจอ..
ปฏิวัติระบบราชการ..หมายถึงระบบครูด้วย..การให้การศึกษากับคนในประเทศ ไม่ใช่เอาคนที่ไม่รู้จะเรียนอะไรดีมาเป็นครู..
สมัยเรียนไม่ชอบเรียนวิชาวิทยาศาสตร์บางวิชามั๊ยครับ..ส่วนใหญ่เพราะครูในโรงเรียนสอนไม่รู้เรื่อง..แมร่งงงงจะสอนพิเศษแล้วเอาข้อสอบทีตัวเองจะออกในเทอมนั้นมาสอนเด็กเรียนพิเศษ..
แล้วมันเป็นยังไงกันละครับ..
เจ็บใจมั๊ยครับ..คนเมา..ฉีกบัตรทิ้ง..แต่มีสิทธิ์ 1 เสียงเท่าเราๆท่านๆ..
จารย์โอพูดถูก..สิทธิ์ในการใช้ชีวิตเท่ากัน..แต่สิทธิ์ในการเลือกตั้ง..ควรไม่เท่ากัน..ให้คนดีได้ปกครองประเทศ
เพราะคนดีหน้าไม่ด้านครับ..ทนแรงเสียดทานไม่ได้..พวกหน้าด้านมันอยู่กันได้ครับ..พันธุกรรมถูกออกแบบมาให้อดทนเหมือนแมลงสาบ
ถ้ามีสงครามโลก..สิ่งมีชีวิตที่จะเหลือคือแมลงสาบกับนักการเมืองเลวๆของไทยครับ..มันปรับตัวเก่ง
ตอนนี้มันยังไม่รู้กันเลย..จะเลือกฝ่ายไหนดี..เลือกทางนี้ก็ไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่ เลือกอีกทางก็อาย..ตอบชาวบ้านชาวช่องไม่ได้..มันก็อ้าง สังคมต้องการสมานฉันท์ กรูร่วมรัฐบาลดีกว่า (เกี่ยวกันตรงไหน..)
เบื่อเต็มทีครับ..ศึกนี้อีกยาวนาน..ผมเป็นส่วนหนึ่งของพลรบด้วย..ช่วยๆกันครับ เผยแพร่ความคิดแบบนี้ไปเยอะๆ..ปากต่อปาก..(ผมคุยกับคนขับแท๊กซี่หลายคนก็เห็นด้วย..)
ทำยังไงให้คนมีปัญญา มีโอกาสเลือกคนมีปัญญาเข้ามาทำงาน..
ช่วยกันเป็นพลศึกครั้งนี้กันด้วยนะครับ..ตราบใดยังไม่ตาย..คงหวังว่าจะได้เห็นนักการเมืองไทยที่ดี..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #214 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2550, 22:22:29 » |
|
Nong Aj.O, write it down here... what you feel,what you think.--- we think with you! I follow close after what next... keep running! p.nn
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Aj.O
|
|
« ตอบ #215 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2550, 17:51:00 » |
|
ระบบราชการ มันก็มีส่วนคล้ายระบบการเมืองเหมือนกันแหละครับ
คนที่ขยัน แต่ไม่สอพลอนาย ก็อยู่ลำบาก...แม้ไม่ถึงกับถูกไล่ แต่ก็เหนื่อยใจ เพราะไม่ได้มีรางวัลตอบแทนอะไร ผมคุยกับพยาบาลรุ่นพี่คนนึงในที่ทำงาน เค้าบ่นให้ผมฟังว่า มีแพทย์คนนึงที่นัดคนไข้(ในโครงการหนึ่ง)มาตรวจไม่เป็นเวลาแน่นอน แล้วเค้าต้องเสียเวลาเช็คการนัดผู้ป่วยบ่อยๆ(คนที่เขียน Order นัด เป็นแพทย์ แต่คนที่ต้องตามเคสเป็นพยาบาลที่รับผิดชอบโครงการนี้) (ปกติจะนัดเดือนละสองครั้ง โดยแยกบุคคลเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกนัดสัปดาห์ที่ 2 อีกกลุ่มนัดสัปดาห์ที่ 4 แต่แพทย์รายนี้มันนัดสะเปะสะปะ ไม่ตรงตามที่เคย) เค้าบอกว่าแจ้ง ผอ.เข้าที่ประชุมไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า :? ไอ้แพทย์รายนี้ก็ยังดันทุรังจะนัดตามใจตัวเองเหมือนเดิม ไม่สนใจว่าฝ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องจะยุ่งยากยังไง(ไม่อธิบายเหตุผลด้วย > แต่ก็เชื่อว่าเหตุผลลึกๆของมันก็คือขี้เกียจตรวจคนไข้เยอะๆในแต่ละครั้ง)
ผมเคยแนะนำเค้า(พี่พยาบาล)คนนี้ไปว่า งั้นก็ลองประชด ไม่นัดผู้ป่วยตามที่เค้าสั่งดูสักหนล่ะ! ให้รู้บ้างว่าจะเป็นไง :twisted: ใครต้องรับผิดชอบมากสุด(จริงๆแพทย์จะต้องโดนหนักสุดอยู่แล้ว ถ้ามีเรื่องฟ้องร้อง) แต่เค้า(พยาบาลคนนั้น)ก็ไม่กล้าทำ เพราะไม่อยากให้ผู้ป่วยเดือดร้อน :!: คิดดูสิครับ เราจะต้องบ้าจิตสำนึกไปถึงเมื่อไหร่! เพื่อแลกกับการโดนเอาเปรียบ!
คนตั้งใจทำงานโดนเอาเปรียบ คนหน้าด้านอย่างหนา ลอยนวล :!:
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
...
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #216 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2550, 23:06:35 » |
|
Nong Aj.O, may I see it from the sight of the patient?? how can the patient make an appointment in advance??this and that day in the future I will be sick!!so the nurse ,who responeses for this matter needs a really flexibility to arrange the best time for the best available of the docter...am I right??
The same case I met it in the clinic in Germany...and you can imagine that I won't keep my mouth!!the nurse at the counter told me"you call us today and come today,so you need to wait longer"..a silly..a bad argument to let me wait longer....I told her"can I know in advance I will be sick and get sick to make a date two weeks before???"
p.nn :twisted:
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Mr.EggMan
|
|
« ตอบ #217 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2550, 01:18:43 » |
|
ทางเดียวที่เราพอจะทำได้คือ ทำตัวเองให้ดี คิดให้ดี พูดให้ดี ทำให้ดีไว้ ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็น คนแบบทั่วไปที่เค้าเป็นกันน่ะ
แต่การเมือง ไม่ได้มีความหมายว่าไม่ดี หรือไม่ใช่อะไรที่ไม่ดีหรอกนะ เพียงแต่ การเมืองไม่ว่าจะในแวดวงไหน ก็มักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องผลประโยชน์ของมนุษย์ เรียกได้ว่า ที่ไหนมีผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก ก็จะมีการเมืองตามไปโดยปริยาย
การเมือง คือ กระบวนการและวิธีการ ที่จะได้มาและรักษาการสนับสนุนกิจกรรมที่ทำในนามสาธารณะ หรือกิจกรรมที่มีผลกระทบต่อส่วนรวม
ฮาโรลด์ ลาสเวลล์ นักทฤษฎีการเมืองคนหนึ่ง ได้นิยามการเมืองว่า เป็นการตัดสินว่า "ใครจะได้อะไร เมื่อใด และอย่างไร"
อริสโตเติล (Aristotle) ปรัชญาเมธีชาวกรีกโบราณ ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งวิชารัฐศาสตร์” ผู้กล่าวไว้ว่า มนุษย์ตามธรรมชาติเป็นสัตว์การเมืองต้องอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มหรือชุมชน อันแตกต่างไปจากสัตว์โลกอื่น ๆ ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ด้วยสัญชาตญาณเป็นหลัก หากแต่มนุษย์ นอกจากจะอยู่ด้วยสัญชาตญาณแล้ว ยังมีเป้าหมายอยู่ร่วมกันอีกด้วย ดังนั้นการอยู่ร่วมกันของมนุษย์จึงมิใช่มีชีวิตอยู่ไปเพียงวันหนึ่ง ๆ เท่านั้น หากแต่เป็นการอยู่ร่วมกันเพื่อจะให้มีชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย เราก็จะมองเห็นภาพของการเมืองในแง่หนึ่งว่าการเมืองนั้นก็คือ การอยู่ร่วมกันของมนุษย์ในชุมชนหรือสังคมเพื่อให้มีความสงบสุข
ดังพระราชดำรัสของ ในหลวงที่ว่า "การทำให้บ้านเมืองเป็นปกติสุข ต้องส่งเสริมคนดีให้ปกครองบริหารบ้านเมือง และคอยควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจและไม่ให่ก่อความเดือดร้อนวุ่นวาย"
ถ้าคนไทยทำความเข้าใจกับบทความนี้มากๆ ประเทศชาติคงไม่เป็นแบบนี้ จริงๆแล้ว การเมือง คือเรื่องของการปกครองและสร้างการบริหารคนหมู่มาก โดยไม่จำเป็นต้องมีผลประโยชน์นำหน้าเสมอไป แต่ปัจจุบันมีคนนำการเมือง มาบวกกับผลประโยชน์ แล้วเอาหลักการทางการตลาด มาใช้เป็นเครื่องแสวงหา และตักตวงผลประโยชน์ที่น่าจะเป็นของส่วนรวม มาเป็นของตน มันก็เลยทำให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ วิธีแก้ที่ดีและได้ผลที่สุดนั้น เชื่อว่าเราทุกท่านนั้นรู้และเคยได้ยินผ่านหูมาแล้วทั้งนั้น หากแต่น้อยคนนักที่จะเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงแก่น ของการเมืองดีดี ที่มนุษย์พึงจะมี
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Mouy (Again)
มือใหม่หัดเมาท์
ออฟไลน์
กระทู้: 150
|
|
« ตอบ #218 เมื่อ: 01 มกราคม 2551, 22:02:03 » |
|
โอ๊ะ... ม่ายน่าเชื่อ...ว่าน้องไข่เราก็มีสาระกะเค้าด้วย.... ว่าได้ดีครับน้องชาย....นานๆ ได้อ่านที ประทับใจหว่ะ... :wink: อาจารย์โอ...สู้ๆ.. เข้าใจระบบราชการ เพราะก็เคยไปสัมผัสมาบ้างเหมือนกัน แต่ก็ช่วยหวังว่า วันข้างหน้าจะดีกว่านี้... จากการที่มีคนพูดถึงเรื่องของจริยธรรม และคุณธรรมเพิ่มมากขึ้น ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่ใช่เป็นเพียงลม แล้วผ่านไป..... การศึกษาของบ้านเราจะพัฒนาขึ้นบ้างไหม... เพื่อที่เด็กยุคใหม่ที่กำลังเรียนอยู่จะได้รับการปลูกฝังในเรื่องที่มีประโยชน์และสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ไม่เสื่อมไปตามกระแสสังคมทุนนิยมที่เล่นในแง่ของการยั่วยุกิเลสของคน ที่กำลังจะพาไปในทางย่ำแย่ อันเนื่องจากเรายังไม่มีความพร้อม...และกำลังสงสัยว่า.... ผลงานที่เราพูดถึงกันบ่อยๆ ในเรื่องของ เศรษฐกิจพอเพียง หรือ ทางสายกลางนั้น จะหมด และจบไปพร้อมกับงานฉลองของในหลวงในปีที่ผ่านมาหรือไม่... ดังนั้น เรามาเริ่มต้นที่ตัวเรากันก่อนไหม... ร่วมกันถ่ายทอดไปยังคนรุ่นต่อไป...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
wat
มือใหม่หัดเมาท์
ออฟไลน์
กระทู้: 47
|
|
« ตอบ #219 เมื่อ: 02 มกราคม 2551, 11:07:56 » |
|
ต้องทำใจจริงๆครับ ทุกวงการย่อมมีทั้งคนดีและคนชั่วเห็นแก่ตัว ปะปนกันไป การศึกษาสูง ก็ชั่วได้!!
พวกเราในฐานะมีการศึกษาและเข้าถึงข่าวสาร อย่าอยู่เฉยนะครับ ร่วมกันขับเคลื่อนเท่าที่กำลังจะเอื้ออำนวย คอยสอดส่อง พวกนักการเมือง-ข้าราชการ ที่ปฏิบัติมิดีมิชอบ ตีแผ่ให้สังคมได้รับรู้ ควบคุมอย่าให้มีอำนาจ :shock: :shock: :shock:
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Aj.O
|
|
« ตอบ #220 เมื่อ: 02 มกราคม 2551, 12:23:49 » |
|
ดังพระราชดำรัสของ ในหลวงที่ว่า "การทำให้บ้านเมืองเป็นปกติสุข ต้องส่งเสริมคนดีให้ปกครองบริหารบ้านเมือง และคอยควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจและไม่ให่ก่อความเดือดร้อนวุ่นวาย"
ถ้าคนไทยทำความเข้าใจกับบทความนี้มากๆ ประเทศชาติคงไม่เป็นแบบนี้ จริงๆแล้ว การเมือง คือเรื่องของการปกครองและสร้างการบริหารคนหมู่มาก โดยไม่จำเป็นต้องมีผลประโยชน์นำหน้าเสมอไป แต่ปัจจุบันมีคนนำการเมือง มาบวกกับผลประโยชน์ แล้วเอาหลักการทางการตลาด มาใช้เป็นเครื่องแสวงหา และตักตวงผลประโยชน์ที่น่าจะเป็นของส่วนรวม มาเป็นของตน มันก็เลยทำให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ วิธีแก้ที่ดีและได้ผลที่สุดนั้น เชื่อว่าเราทุกท่านนั้นรู้และเคยได้ยินผ่านหูมาแล้วทั้งนั้น หากแต่น้อยคนนักที่จะเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงแก่น ของการเมืองดีดี ที่มนุษย์พึงจะมี
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน
โดยส่วนตัว ผมว่า ถ้าผมได้เลือกใครเป็นตัวแทนแล้ว... เลือกคนดีน่ะจำเป็นครับ เห็นด้วย > แต่ที่มากกว่านั้นคือ ต้องเป็นคนที่เรามีส่วนร่วมกับการตัดสินใจได้ไม่ใช่เอาใครมาเป็นผู้นำ แล้วก็ปล่อยให้ควบคุมคนอื่นแต่ฝ่ายเดียว เพราะมันอันตรายครับ ต่อให้คนนั้นจะเคยมีประวัติบริสุทธิ์แค่ไหนก็ตาม พวกดีแตก ประวัติศาสตร์มีมาเยอะแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นนายพลสตาลิน พอลพต เติ้งเสี่ยวผิง จอมพลสฤษดิ์ จอมพลถนอมฯลฯ พวกนี้เคยเป็นคนซื่อสัตย์มีอุดมการณ์(ก่อนจะมีอำนาจ)มาแล้วทั้งนั้น แต่อยู่ในอำนาจนานเกินไปโดยไม่มีกลไกสังคมควบคุม ตอนหลังเลยใช้อำนาจอย่างผิดๆบ่อย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
...
|
|
|
Max
|
|
« ตอบ #221 เมื่อ: 03 มกราคม 2551, 15:17:05 » |
|
ช่วงนี้งดกิจกรรมทางการเมืองครับ :wink:
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Aj.O
|
|
« ตอบ #222 เมื่อ: 16 มกราคม 2551, 19:09:04 » |
|
พอดีเจอบทความน่าสนใจของ อ.นิธิ เลยเอามาลง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
...
|
|
|
นายป้อ
|
|
« ตอบ #223 เมื่อ: 16 มกราคม 2551, 20:24:08 » |
|
:roll:
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #224 เมื่อ: 16 มกราคม 2551, 22:56:36 » |
|
ช่วงนี้งดกิจกรรมทางการเมืองครับ :wink: why?? pause?? p.nn
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|