วสันต์ สิทธิเขตต์ เขียนด่า ธงชัย วินิจจะกุล แสบสันต์จริงๆ :shock:
ชนิดที่ว่าพวกหัวเอียงซ้ายไม่กล้าเถียง
http://www.nocoup.org/autopage/show_page.php?h=7&s_id=42&d_id=42ว่าด้วยประชาธิปไตยแบบไร้สติ วสันต์ สิทธิเขตต์
ผมได้ติดตามอ่านข้อเขียนอันเร่าร้อนของ ดร.ธงชัย วินิจจะกูล มาหลายฉบับ ตั้งแต่มีการยึดอำนาจโดยคมช. เมื่อวันที่ 19 กันยายน เนื้อหาใจความของคุณธงชัยเวียนวนอยู่ที่ระบอบประชาธิปไตยอยู่ที่ประชาชน โดยมีประชาชนเป็นผู้ใช้สิทธิเลือกตัวแทนเข้าไปเป็นรัฐบาล เมื่อรัฐบาลกลายเป็นทรราช ประชาชนมีสิทธิที่จะต่อต้านโดยสันติวิธี ตามกระบวนการประชาธิปไตย และมุ่งโจมตีการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่าหยาบช้าป่าเถื่อน
ซ้ำยังฟาดหัวฟาดหางไปยังอีกหลายท่าน ที่แสดงท่าทีเหมือนเห็นด้วยกับการรัฐประหารครั้งนี้ ว่าเป็นพวกเชื่องโดยดุษฎี สยบยอมต่ออำนาจทหารที่ออกตัวมายึดอำนาจจากรัฐบาลโจรทักษิณ
ดร.ธงชัย ซึ่งเคยมีบทบาทในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 และปวดร้าวลึกกับอำนาจเผด็จการทหาร ผมเองได้ตื่นตัวทางการเมืองเพราะเหตุการณ์ 6 ตุลาเช่นกัน และได้ร่วมเคลื่อนไหวกับภาคประชาชนต่อสู้เรียกร้อง-ปกป้องระบอบประชาธิปไตยในบ้านเมืองนี้มาตลอดระยะเวลา 30 ปี ร่วมกิจกรรมเคลื่อนไหวต่อต้าน ขับไล่ เปิดโปงรัฐบาลโกงกินมาทุกรัฐบาล อีกทั้งเข้าร่วมกับขบวนประชาชนผู้ด้อยโอกาส ที่ลุกขึ้นต่อสู้กับอำนาจรัฐ เพื่อปกป้องสิทธิ เอกราช อธิปไตย ความยุติธรรม และสิ่งแวดล้อมในหลายๆ กรณี ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย
ผมจึงขอแสดงความคิดเห็นในฐานะคนที่มีการศึกษาน้อย และเป็นสามัญชนคนหนึ่งที่มุ่งหวังสานสร้างสังคมดีงาม ผมเชื่อว่าคุณธงชัยเป็นผู้มีการศึกษาดี มีความรู้ปราดเปรื่องยิ่ง ก็มีจิตสำนึกรักชาติรักประชาธิปไตยมากมาย และเป็นห่วงใยชาติบ้านเมือง แม้ว่าจะไปเป็นอาจารย์สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา ประสบการณ์สอนผมให้เรียนรู้โครงสร้างการเมืองประชาธิปไตยด้อยพัฒนาแบบไทยๆ ที่ประชาชนถูกกระทำให้กลายเป็นเพียงแรงงานและตลาด ซึ่งมีสิทธิเพียงเป็นคะแนนเสียง เพื่อเลือกผู้แทนเข้าไปปล้นสะดมข่มขืนประชาธิปไตยมาโดยตลอด
คุณธงชัยเองก็มิได้นิ่งนอนใจ ได้ใช้สติปัญญาความรู้ของตนเขียนงานอธิบายประวัติศาสตร์ไทยได้อย่างแหลมคมลึกซึ้ง แต่ไม่เคยแสดงบทบาทเข้าร่วมคลุกคลีวงในอย่างจริงจัง เพียงแต่นั่งชกลมอยู่ห่างๆ แบบที่เรียกว่าปัญญาชนขี้ขลาดตาขาว เฝ้าแต่เห่าหอนอยู่ข้างนอก อธิบายเป็นวรรคเป็นเวรหลังเกิดเหตุการณ์
ประมาณว่าข้ารู้ทะลุปรุโปร่งอยู่คนเดียว น่าสมเพชแท้ปัญญาชนไทย ไม่เคยได้รับรู้รสชาติของความทุกข์ยากของมวลชนคนชั้นล่าง โดยเฉพาะการประเมินว่าการต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของสื่อผู้จัดการที่ขยายแนวร่วมกว้างใหญ่กลายเป็นพันธมิตรร่วมขับไล่รัฐทรราช-ระบอบทักษิณอย่างยืดเยื้อนั้น คุณธงชัยมองว่าประชาธิปไตยต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ ประชาชน 19 ล้านเสียงที่เลือกทักษิณมาเป็นนายกฯ ทหารเอารถถังมายึดอำนาจไล่ตะเพิดโจรออกไปนั้นไม่ใช่วิถีประชาธิปไตย
ผมขอเรียนว่า บางทีการเรียนรู้มากนั้นก็ไร้ประโยชน์ หากว่าคุณไร้เดียงสาอ้างตำราบ้าบอคอแตกเอาแต่ความคิดของตน คือความถูกต้องไม่รู้กาลเทศะ
ผมเองไม่ได้เรียกร้องให้เอาทหารมาปฏิวัติรัฐประหาร หรือเรียกร้องให้ใช้มาตราเจ็ด ผมเชื่อว่าพลังประชาชนสามารถผลักดันขับไล่ทรราชให้ออกไปได้โดยสันติวิธี และผมเองก็พร้อมที่จะตาย หากวันที่ชุมนุมใหญ่ 20 กันยา เกิดความรุนแรงโดยรัฐทักษิณ แต่ดูเหมือนว่า คุณธงชัยได้จงใจละเลยหรือแกล้งหลงลืมไปว่า โครงสร้างอำนาจของระบอบทักษิณนั้นได้แผ่ขยายกลไกรัฐทมิฬเข้าบดขยี้ทำลายระบอบประชาธิปไตยไทยให้พังพินาศไปแล้วอย่างสิ้นเชิง ทำลายองค์กรประชาชนอย่างต่อเนื่องเป็นขั้นตอน รวมถึงการลอบสังหารผู้นำชุมชนไปกว่า 20 คน ไม่นับการฆ่าตัดตอนศัตรูการเมืองที่เหมารวมไปไม่น้อยในสงครามปราบปรามยาเสพติดที่มีผู้เสียชีวิต-สูญหายไปกว่า 3,000 คน การแทรกแซงรวบซื้อองค์กรอิสระ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ อัยการสูงสุด กกต. ทำให้กลายเป็นอัมพาต ไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบการทุจริตอย่างมโหฬารของรัฐทักษิณ
ตั้ง DSI เพื่อเป็นเครื่องมือกำจัดศัตรูการเมือง ใช้สรรพากรเป็นอาวุธคอยทำลายบุคคลที่ต่อต้านรัฐบาลโจรอย่างโหดเหี้ยม รวมถึงการรวบยึดสื่อ ข่มขู่แกมบังคับสื่อมวลชน ให้ปกปิดบิดเบือนมอมเมาประชาชนให้หลงใหลได้ปลื้มกับนโยบายประชานิยม
เล่นเกมการเมืองสกปรกสร้างข่าวเท็จกลบข่าวความชั่วร้ายของรัฐโจร ย้ายรัฐมนตรีทุจริตหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกครั้ง ตั้งตนเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากพรรคเดียว ดำเนินนโยบายปล้น-ขายชาติ(เซ็นสัญญา FTA โดยคนๆ เดียว คือนายกฯ ไม่ต้องผ่านสภา) หาประโยชน์โภชน์ผลมาแบ่งกันกับบรรดาพวกพ้องและญาติพี่น้องลูกเมียได้ตามอำเภอใจ ซ้ำยังวางแผนเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อโกงกินให้เต็มคราบ สร้างความเสียหายให้แผ่นดินอย่างรุนแรง
ความฉลาดเลือกใช้คนที่มีความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะอดีตฝ่ายซ้ายจิ้งจกกลุ่มหนึ่งเข้ามารับใช้อำนาจชั่วร้ายโดยใช้เงินฟาดหัวให้กลายเป็นหมารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ กระทำการกดขี่ข่มเหงมอมเมาประชาชนให้กลายเป็นสังคมขอทานรอแบมือขอเศษเงินจากผู้ปกครองทรราช เอาเงินคนจนช่วยคนจน จากโครงการหวยบนดิน แล้วรัฐโจรก็ร่วมโกงกินจากอภิมหาโปรเจค
จริงอยู่ การได้มาซึ่งอำนาจของทักษิณนั้น มีปัญญาชนอาวุโสจำนวนไม่น้อยเคลื่อนไหวสนับสนุนปกป้องกรณีซุกหุ้นครั้งแรก (2544) เพราะหลงผิดคิดไปว่า คนรวยแล้วไม่โกง ให้โอกาสเลือดใหม่เข้ามาบริหารบ้านเมืองบ้าง เนื่องจากหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ การเมืองไทยล้มลุกคลุกคลานอำนาจรัฐกลายเป็นสมบัติผลัดกันชมของฝูงนักโกงเมืองไม่กี่ตัวจริงๆ ตอนแรกทักษิณสัญญาว่าจะไม่เอาพวกยี้มาร่วมรัฐบาล แต่ไม่นานลายก็ออก เอาสมศักดิ์ เนวิน เข้ามาร่วมโจรกรรมย่ำยีประชาชนเหมือนเดิม
การเมืองไทยที่มีการแบ่งเป็นก๊ก เป็นก๊วน เพื่อต่อรองเอาเก้าอี้รัฐมนตรีเข้าไปปล้นหาแดกจนแหลกลาญก็ได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องรุนแรงยิ่งขึ้น เพราะไม่มีฝ่ายค้าน ขณะที่สื่อมวลชนไทยก็ไร้จุดยืน ไม่มีจรรยาบรรณ ทำงานตามใบสั่งผู้ลงโฆษณา เอาตัวรอดไปวันๆ ระบบเงินนิยมบริโภคเข้ามาครอบงำโพรงสมองของปัญญาชนไทยจนปัญญาอ่อนสิ้น โดยเฉพาะวิทยุและโทรทัศน์ที่เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อของรัฐโจร มุ่งมอมเมาล้างสมองล้วงกระเป๋ามวลชนให้ไร้สติ
เด็กและเยาวชนบ้าเซ็กซ์ บ้ามือถือ ติดเกมคอมพิวเตอร์ ยาเสพติด มีปัญหาอาชญากรรมเกิดขึ้นมากทบทวีคูณ และที่เลวร้ายที่สุดคือทำให้ประเทศไทยเป็นรัฐตำรวจ ใช้อำนาจกวาดล้างศัตรูการเมืองจนราบคาบ โดยขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว รื้อระบบราชการไม่ใช่เพื่อรับใช้ประชาชน แต่เพื่อสนองตอบความโลภบ้าของนายกฯ ในนามของผู้ว่าฯ CEO ที่สนองอำนาจของผู้นำเท่านั้น
ข้าราชการที่แต่เดิมก็ขี้เกียจหลังยาว โกงกินตามน้ำ วางตัวเป็นนายเหยียบหัวประชาชนกินเงินเดือนจากภาษีราษฎรก็ย่ำแย่ยิ่งกว่าเก่า เพราะต้องทำงานเพื่อนายกฯ ด้วยจิตใจหวาดหวั่น กลัวถูกสั่งย้ายกลางอากาศ ถ้าไม่รับใช้ระบอบทักษิณ หลายคนต้องเป็นบ้าฆ่าตัวตายไป
ดูเหมือนว่าคนชั้นกลางส่วนน้อยกระมังที่พอเข้าใจเรื่องสิทธิหน้าที่พลเมืองตามระบอบประชาธิปไตย สำหรับประชาชนคนส่วนใหญ่นั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะสิทธิของประชาชนมีเพียงอย่างเดียว คือไปเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่ไม่มีคนดีพอที่ตนเองจะเลือก เนื่องจากบรรดานักการเมืองไทยในทุกระดับตั้งแต่หมู่บ้านจนถึงรัฐสภานั้น ล้วนมีเบื้องหลังที่มาจากความโฉดฉลแทบทั้งสิ้น อุดมการณ์ทางการเมือง จิตสำนึกรักชาติรับใช้ประชาชนไม่เคยมี ซ้ำโครงสร้างหัวคะแนนที่วางไว้อย่างแนบแน่นกับขนบอำนาจนิยมแบบไทยๆ ยังทำงานรับใช้นักการเมืองโจรได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่ง
การซื้อสิทธิขายเสียงจากการสัญญาว่าจะให้ โฉนด,วัวล้านตัว,เงินล้าน,กองทุนยืมเรียน ทำให้ประชาชนรากหญ้า ซึ่งจนตรอกไร้หนทางหลงใหลได้ปลื้มกับรัฐบาลเทวดาโจรไปโดยปริยาย แล้วการที่คุณธงชัยและ
ชมรมคนเสื้อดำออกมาเคลื่อนไหวให้ยกเลิกกฎอัยการศึก (ทั้งๆ ที่ยังไม่มีการชำระล้างความเน่าเฟะของการเมืองไทย) และให้รีบคืนอำนาจให้ประชาชนจัดเลือกตั้งโดยเร็วนั้นมีความหมายอย่างไร
คุณจะอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างไร เมื่อปัญหาของบ้านเมืองเรา คือความโฉดฉลของนักการเมืองบวกกับความไม่รู้ของประชาชนที่ถูกกระทำให้มองเห็นว่าการเมืองเป็นเรื่องของผู้ปกครองที่มีอำนาจวาสนาเท่านั้น ทั้งๆ ที่อำนาจที่แท้จริงนั้น คือเราทุกคน-ประชาชน รัฐจะมีความหมายอะไร หากประชาชน "ต้องเลือก" ฝูงโจรกลับเข้ามาเวียนวนปล้นข่มขืนประเทศต่อไปเช่นนี้
(
แม้ว่าคมช.และรัฐบาลชั่วคราวชุดนี้ เราไม่ได้เลือก แต่ภารกิจของเขา ก็คือเข้ามาจัดการปัญหาหลักๆ ของแผ่นดิน หากเขามั่วมัวเมาบ้าอำนาจทำระยำตำบอน ผมเองก็ต้องลงมือถล่มโค่นล้มมันอย่างแน่นอน)
นี่แหละของจริงว่ะ ตอนนี้ผมเชื่อถือแกยิ่งกว่า ธงชัย วินิจจะกุล หลายเท่า(เมื่อก่อนผมเคยสนใจบทความของธงชัยอยู่มาก) เพราะคนที่เคยลุยกับการเมืองมาอย่างโชกโชนอย่างวสันต์ย่อมมีเครดิตมากกว่านักวิชาการบนหอคอยแน่ๆ :)
ปล.ตัวหนังสือสีม่วง
คนชุดดำ นั่นหมายถึงพวกของใจหมา อึ๊งภากรณ์ โดนวสันต์สวนกลับด้วยวาทะเด็ดสะใจจริงๆ :twisted: