22 พฤศจิกายน 2567, 16:15:47
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 25 26 [27] 28 29 ... 34  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: บทความการเมือง  (อ่าน 349456 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 7 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Mr.EggMan
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,826

« ตอบ #650 เมื่อ: 15 มีนาคม 2553, 15:01:06 »

 งง งง

น่าจะหาทางออกที่ดีกว่านี้ได้ ดีกว่าปล่อยให้มันเสื่อมสลายไปตามกลไก ซึ่งอาจจะใช้เวลานานและความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอีกมากมาย


แนะตั้งกก.ร่วมสร้างความเป็นธรรมแห่งชาติ
คมชัดลึก :หมอประเวศ”แนะเจรจา ตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อสร้างความเป็นธรรมแห่งชาติ ดึงทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกัน ชี้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากกว่ายุบสภา


(15มี.ค.) ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ให้สัมภาษณ์กรณีกลุ่มเสื้อแดงประกาศขีดเส้นตายให้นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกฯ ประ กาศยุบสภาภายใน 24 ชั่วโมงว่า ทางออกของบ้านเมืองที่ใหญ่กว่าการยุบสภาคือ การเจรจาร่วมกัน เพื่อร่วมกันสร้างกลไกใหม่ คือ ตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อสร้างความเป็นธรรมแห่งชาติ โดยดึงให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมโดยการเจรจาเพื่อหาจุดลงตัวใหม่ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในทุกด้าน ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองการปกครอง และด้านกฎหมาย ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติในระยะยาว
      บันทึกการเข้า

jakkreepan@hotmail.com
Love is in the A...I...R......H
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #651 เมื่อ: 15 มีนาคม 2553, 18:15:53 »

จบยากครับ ไม่น่าจะเจรจากันได้แล้ว เพราะเจรจาแล้วมันจบไม่ลง เรื่องนี้จะจบลงได้ น้าทักกี้ต้องแฮปปี้ หรือ สส.เพื่อไทยไม่เล่นด้วยกับทักกี้ทั้งหมด

การใช้ยุทธวิธีสร้างความเกลียดชัง(ซึ่งเริ่มจากทางฝั่งเหลืองก่อน) พอเริ่มมีสีเข้าไปเกี่ยวข้อง (หลักการเดียวกับการรักสถาบันของช่างกลที่ตีกันแล้วแก้กันไม่จบ) พออีกฝั่ง ตั้งเป็นสีแดง ทีนี้ก็ยาวสิครับ สีเปรียบเหมือนสถาบันที่ตนเองสังกัด และมันจะอยู่ตลอดไป เพราะไม่มีใครไปเริ่มได้ว่า เลิกสีเหลืองแล้ว เลิกสีแดงแล้ว ยุทธวิธีการสร้างความเกลียดชังดังกล่าว ทางฝั่งสีแดงก็เดินเกมส์เหมือนกับฝั่งเหลือง ความเกลียดชังฝังลึก

คนเหนือ คนอีสาน เกลียดประชาธิปัตย์แบบเข้าไส้ คนใต้และภาคกลางบางส่วน เกลียดทักกี้แบบเข้ากระดูก มันจะอารมณ์เดียวกับตอนนี้ คือไม่ว่าอีกกี่ปี สถานะความเกลียดชังแบบนี้ก็ยังอยู่

ทีนี้เราจะออกจากวังวนนี้ได้อย่างไร..

การบังคับใช้กฎหมายเป็นเรื่องสำคัญ ศาล ตำรวจ อัยการ ต้องแข็งแรงกว่านี้ ต้องดำเนินคดีแบบไม่เลือกหน้าไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนแบบเข้มข้น และรวดเร็วก่อน ดึงการเล่นนอกเกมส์ให้เข้ามาอยู่ในกรอบของกฎหมายซะก่อน

ปรับรูปแบบการเมืองข้างถนน ให้เข้ามาอยู่ในระบบ ม๊อบมีได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ปรับให้ทั้งสองฝ่าย มาตรวจสอบกันอย่างเข้มข้นเหมือน 2 พรรคใหญ่ที่อเมริกา แฉข้อมูลกันให้ละเอียด

เกลียดกันได้ แต่ต้องอยู่ในเกมส์ การอยู่ในเกมส์ได้ ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นและเสมอภาค เื่มื่ออยู่ในเกมส์ได้ ต่อให้ด่ากันยังไง เกลียดชังกันยังไง ก็ยังควบคุมได้ เมื่อเริ่มควบคุมได้ สถานการณ์หลายๆอย่างก็จะไหลตามมากันเอง

แต่ตอนนี้มันเหลือเชื่อจริงๆครับ ที่แกนนำ(ทั้งสองสี) ทำ พูด อะไรหลายๆอย่างแล้วตอนนี้ยังไม่อยู่ในคุก ถ้าเป็นเราๆท่านๆ ป่านนี้ไม่รู้ไปอยู่ไหนแล้ว..
      บันทึกการเข้า
telek78
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2538
กระทู้: 1,924

เว็บไซต์
« ตอบ #652 เมื่อ: 15 มีนาคม 2553, 20:43:09 »

ใดใดในโลกล้วนอนิจจัง
      บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #653 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553, 17:52:31 »

ยุทธวิธีเริ่มเข้ารกเข้าพง ไม่รู้จะลงกันยังไงน่ะ 3 เกลอ

พูดมาได้..คนมา 3 ล้าน..(เท่ากับคนนั่งเต็มสนามรัชมังคลา ประมาณ 50 สนาม..) บ้าไปแล้ว

เอาคลิปตัดต่ออภิสิทธิ์มาพูดอีก น้าทักกี้ก็ด้วย เค้าพิสูจน์กันไปเป็นชาิติ (รวมถึงในเว็บ pantip) พิสูจน์กันเป็นนาทีๆ ก็ยังจะเอามาพูดซ้ำอีก..ไม่มีเรื่องใหม่..

หาทางลงกันยังไงครับพี่น้อง
      บันทึกการเข้า
หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #654 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553, 18:04:50 »

ต่อจากพี่โต้ง...

วันก่อนเพิ่งมีโอกาสได้ฟังคลิปเสียงนายกจริง ๆ ระหว่างการรีดผ้าอยู่ชั้นสาม (ขณะตามข่าวการเมืองยังต้องทำงานบ้านเลย)
ปัญหาเรื่องคลิปเสียงผมว่าอยู่ที่คนฟังครับ ถ้าฟังแล้ววิเคราะห์ประเด็นของตัดต่อเสียงมีความเป็นไปได้มาก ๆ (ทั้งทีได้พิสูจน์แล้ว)

ผมว่าต่อให้มีเจตนาอย่างนั้นจริง ๆ รูปประโยคการพูดของพี่มาร์คไม่มีสะดุดเลยครับ ลื่นไหลมาก ๆ (ตัดได้ดีมากนั่นเอง) เรียกได้ว่าคนตัดต่อทำไม่เนียนเอาโครต ๆ
มาถึงคนฟังบ้าง....ต้องคิดครับ ต่อให้มีเจตนาอย่างนั้นจริง ๆ ประโยคการพูดก็ต้องไม่เป็นแบบนี้ เนื้อประโยคระดับพี่มาร์คผมว่าสร้างรูปประโยคได้ดีกว่านี้และเป็นธรรมชาติมากกว่านี้ (กรณีที่ต้องใช้กำลังสลายการชุมนุมจริง)


คนฟังเท่านั้นครับ ต้องคิดด้วย...งานนี้คนตัดต่อไม่เนียน คนฟังไม่คิด แต่พี่มาร์คเป็นแพะไปครับ...
      บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
Mr.EggMan
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,826

« ตอบ #655 เมื่อ: 17 มีนาคม 2553, 14:22:12 »

 เหอๆๆ


จ้าวฮะ ตอนนี้ จ้าวอยู่ที่ไหนฮะ

 

จ้าวฮะ เมื่อคืนผมฟังจ้าวโฟนอินให้พวกเราสู้ต่อ เพื่อจ้าว เพื่อครอบครัวจ้าว ผมรักจ้าวฮะ ผมจะสู้ต่อฮะ จ้าวบอกว่ารักพวกเราทุกๆ คน ผมซึ้งมากน้ำตาไหลเลยฮะ สงสารจ้าวจังฮะ
พวกเราทุกคนรักจ้าวฮะ จะสู้เพื่อจ้าวฮะ ไม่ว่าจ้าวจะบินอยู่จุดไหนๆ ของโลก


จ้าวฮะ ตอนนี้จ้าวอยู่ที่ไหนฮะ พวกเรา นอนกลางถนน กินตำส้ม ขี้เยี่ยวลำบากมากฮะ น้ำก็ไม่อาบ ฟันก็ไม่ได้แปรง ไปไหนมาไหน ก็ไม่ได้ แต่พวกเราก็ทนเพื่อจ้าวฮะ


จ้าวฮะ จ้าว เอาลูก เอาเมีย หนีไปอยู่ต่างประเทศนะดีแล้วฮะ เพื่อความปลอดภัยของคุณหนูๆ พวกผมมันลูกชาวไร่ ชาวนา ขนลูก ขนเมียมาสู้เพื่อจ้าว ไม่เป็นหรอกฮะ


จ้าวฮะ แกนนำ สามเกลอปราศรัยมันมากฮะ แต่ไม่รู้ว่าจะพวกเราไปไหนทำอะไรเพื่อใคร ทั้งอ้ายตู่ อ้ายเต้น อ้ายตัวอ้วนๆ พีๆ แต่ละตัว ใส่สร้อยเพชร สร้อยทอง เส้นใหย๋ๆ โตๆ รวยอู้ฟูกันทุกคนเลยฮะเจ้า


จ้าวฮะ ผมกลัวใอ้สามเกลอมันจะหลอกแดกจ้าวนะฮะ ยิ่งนานวันเห็นพวกมันยิ่งรวยขึ้นๆ แต่จ้าวของผม เห็นจนลงจนลง ทุกวัน เห็นจ้าวหน้าหมอง หน้าซีดเหมือนคนติดฝิ่น ผมยิ่งสงสารจ้าวฮะ


จ้าว ฮะ ผมมาจากสันกำแพง เมืองเจียงใหม่ บ้านเดียวกับจ้าวฮะ อ้ายเพ็ดวัด มันพาพวกผมมาฮะ มันว่ามาก่อนเอาไปห้าร้อย กินอยู่ฟรีรับอีกวันละห้าร้อย ฮะจ้าว


แต่จ้าวฮะ เพื่อนที่ผมรู้จักที่เขามาจากอุดรที่อ้ายขวัญไช มันพามา เขาบอกว่า จ้าวให้พวกมันทั้งคนละสองพันแนะ ผมได้ห้าร้อยเองฮะจ้าว ไม่รู้ว่าพวกอ้ายเพ็ด มันอม อะป่าว ฮะจ้าว ผมละงง จิงจิงฮะ


จ้าวฮะ บอกใอ้สามเกลอด้วยว่า ทีหลังตอนจ่ายตัง อย่าเล่นสองมาตรฐานนะฮะ เดี่ยวใครก็นินทาจ้าวได้ว่า สองมาตรฐานเหมือนใอ้พวกนั้นนะ


จ้าวฮะ พวกเรายึดมั่นสันติวิธีฮะ ไม่ไปตีนาย ไม่ทำร้ายใคร ถ้าใครให้ไปตีใคร ผมไม่ไปนะจ้าว ถามจิงจิง ฮะ ทันทีที่เสียงปืนดัง จ้าวจะมานำหน้าม็อบเหมือนเดิมหรือเปล่าฮะ


จ้าวฮะ ถ้ายึดสันติวิธีต้องบอกอ้ายกี้ ให้มันหยุดปลุกชาวบ้านให้ระดมน้ำมันมาเผากรุงเทพฯ  แล้ว บอกอ้ายพันลบ อ้ายจิ๋ว สองเฒ่าชะแรแก่ชราแล้วไปเลี้ยงหลานเถิดฮะ


จ้าว ต้องบอกอ้ายเสแดงไม่ให้ฝึกทหารดำ ฝึกวางระเบิด ฝึกอะหยั่งๆ ก็บ่ฮุ้ ฮะจ้าว


จ้าวฮะ ที่จ้าวบอกว่าให้พวกเราล้มพวกอำมง อำมาตย์ อารายเนี่ย ผมไม่รู้จักดอกครับ รู้จักแต่ท่านปุโรหิต ท่านโหราจารย์ในหนังจักรๆ วงศ์ ตอนเช้าในวันเสาร์ อาทิตย์ ตามช่อง 7 จะให้พวกไปล้มมันไหมฮะ เดี่ยวผมจัดให้ฮะ รับรองได้ผลฮะ


จ้าวฮะ เขียนมาซะยาว ตอนนี้สะตังค์ ผมจะหมดแล้วฮะ โดนหักหัวคิวไปหลายบาท หมดตังแล้ว ผมจะปิ๊คเลยนะจ้าว รอจ้าวจ่ายรอบใหม่ผมกับพวกจะมาแห่มรอบฮะ

 

ขอให้จ้าวรักษาตนให้อยู่รอดพ้นจาก พวกปอกฮอกนะฮะ


ทัดดาวแท้ หาทองทา


รักจ้าวฮะ


      บันทึกการเข้า

jakkreepan@hotmail.com
Love is in the A...I...R......H
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #656 เมื่อ: 17 มีนาคม 2553, 16:19:42 »

อ่านแล้วต้องออกเสียงเหมือนในละคร จะได้อารมณ์มากๆ..
      บันทึกการเข้า
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #657 เมื่อ: 17 มีนาคม 2553, 21:03:07 »

 ปิ๊งๆ  อ่านแล้วดูน่ารักดี

จาก กรุงเทพธุรกิจ ...


ก่อตั้งหน่วยมา 40 กว่าปี ก็เพิ่งจะมีปีนี้ที่ กองพันปฏิบัติการจิตวิทยา หรือสั้นๆ ง่ายๆ ว่า ปจว.ได้แจ้งเกิดในฐานะ "ผู้พลิกเกม" ...อย่างนุ่มๆ



เท้าความกันสั้นๆ วันที่กลุ่ม นปช.เดินขบวนไปที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ก็ปรากฏ "เสียงตามสาย" ออกมาต้อนรับผู้มาเยือนด้วยท่าทีที่ผิดไปจากวิสัยคนในเครื่องแบบทั่วไป


 "ชื่อของเรา หน่วยรบพิเศษ อาวุธเราไม่ใช่ปืน ไม่ใช่กระบอง แต่คือการสื่อสาร คือ คำพูดครับ" พันโท กอสิน กัมปนยุทธ์ ผู้บังคับกองพันปฏิบัติการจิตวิทยา กรมรบพิเศษที่ 2 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ให้คำจำกัดความสั้นๆ ของหน่วยที่เขาดูแล

 พ.ท.กอสิน ได้รับคำสั่งให้ลงมาปฏิบัติการที่กรุงเทพฯ ล่วงหน้าไม่ถึง 24 ชั่วโมง เขาจึงพาผู้ใต้บังคับบัญชาสิบกว่าชีวิตละจากฐานที่มั่น จ.ลพบุรี มาประจำการที่นี่ แถมมีเวลาซ้อมสคริปท์ วางบทเอาไว้เป็นกรอบกว้างๆ อยู่ 1 คืน


 "เช่น ถ้าคนมา ก็เปิดเพลงเข้ารายการ แนะนำตัวเอง กล่าวต้อนรับ  ส่วนที่เหลือไว้มาด้นสดเอาหน้าสถานการณ์"
 ตั้งแต่เช้า ผู้พันกอสิน จัดวางกำลัง เลือกมา 3-5 คนคอยทำหน้าที่ขึ้นพูด ส่วนที่เหลืออีกสิบกว่าคน คอยเป็นกองหนุนอยู่ข้างล่าง ทำหน้าที่สังเกต วิเคราะห์ รายงานบรรยากาศนาทีต่อนาที

 "เช่น คนฟังมีทัศนคติยังไง คิดยังไง ยิ้มมั๊ย หัวเราะหรือเปล่า ถ้าฝืดก็ต้องรีบเปลี่ยนมุก หรือรายงานว่าแกนนำพูดอะไร แล้วก็อาจส่งโพยมาให้โฆษกพูดเรื่องนี้ เราพูดกับเขาดีๆ ขอร้องเขา เขาก็อ่อนลง "

 จะไม่ให้อ่อนได้อย่างไร เพราะหนึ่งในโฆษกนั้น ส่งคำทักทายคนฟังเสื้อแดงด้วยเสียงหวานๆ ประมาณ "ซำบายดีบ่อ้าย มากันหลายบ่คะพี่น้อง"

 หรือไม่ก็เป็นเสียงนุ่มๆ ทุ้มๆ เช่น "เหนื่อยกันไหม   หิวกันหรือยัง ร้อนกันไหม "   "ทานข้าวกันหรือยังครับพี่น้อง มา มาทานข้าวกัน ระวังจะเป็นลม" หรือรับมุกกันไม่ต่างจากในคอนเสิร์ต เช่น "เป็นอย่างไรกันบ้าง ชูมือกันหน่อย" คนฟังชุดแดงก็สนใจ ชอบใจ โบกไม้โบกมือ

 ผู้สั่งการอยู่เบื้องหลังอย่าง พ.ท.กอสิน เล่าให้ฟังว่า ก่อนมา ปจว.ติดตามข้อมูลข่าวสารเรื่อง นี้มาตลอดอยู่แล้ว และพอรับรู้ถึงภารกิจด่วน ก็ศึกษาตัวแกนนำรวมทั้งผู้ฟังว่าส่วนใหญ่น่าจะมาจากที่ราบสูง พลทหารที่ชำนาญและพื้นถิ่นมาจากภาคอีสานจึงต้องเป็นรับบทหนักวันนั้น

 ส่วนคนที่ถนัดภาษาอื่นๆ ในหน่วย เช่น ยาวี เขมร พม่า กะเหรี่ยง ติมอร์ ซูดาน ก็ต้องรับบทรองลงไป

 "การใช้ภาษากลาง ทำให้เราเข้าไม่ถึงชาวบ้าน ต้องใช้ภาษาถิ่น เพราะหน่วยเดียวในกองทัพอย่างเรา  มีภารกิจในการสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนในทุกๆ เรื่อง" การลงมาที่กรมทหารราบที่ 11 คราวนี้ถือเป็นภารกิจพิเศษ และ สำหรับบางคน ถือเป็นครั้งแรกที่มีคนฟังจำนวนมาก และ "ตั้งป้อม" เป็นส่วนใหญ่

 "ตื่นเต้นค่ะ ใจสั่นนิดหน่อย ตื่นเต้นว่าคนฟังจะเป็นยังไง จะเขวี้ยงอะไรใส่เราหรือเปล่า" จ่าสุนทริยา กาสา โฆษกสาวประจำประตูฝั่งวัดพระศรีฯ ยิ้มๆ

 ใน ปจว.ราวๆ 800 คน มาจากหลากหลายภูมิลำเนา ทั้งจากการสอบผ่านกรมยุทธศึกษาทหารบก  , จบจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า , จบจากนายสิบทหารบก หรือ บรรจุจากกองหนุนเข้ามา ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องพิจารณาจากสื่อที่ใช้ในหน่วยด้วย

 หลักพื้นฐานที่ทหารทุกนายต้องมีเหมือนกันคือ ความรู้พื้นฐานปฏิบัติการจิตวิทยาว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง เช่น การวิเคราะห์ผู้ฟัง วิธีเลือกใช้สื่อ ไปจนถึงการประเมินผล

 โครงสร้างการทำงานคร่าวๆ ของ ปจว. เริ่มจากผู้บังคับบัญชา ฝ่ายดำเนินการ และผู้ปฏิบัติการ

 "ผู้ปฏิบัติการจะรับคำสั่งกว้างๆ จากสองหน่วยแรก แต่การลงพื้นที่จริง ก็แล้วแต่พรสวรรค์ พรแสวงกับการฝึกของแต่ละคน"

 รูปแบบการฝึกของหน่วยรบพิเศษนี้ พ.ท.กอสิน แจกแจงว่า มีทั้งฝึกพูด ฝึกจัดรายการวิทยุ ฝึกการใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์สำหรับออกแบบสื่อ ฝึกเขียนบทความ ฝึกเล่นดนตรี แกะโน๊ตดนตรี ฝึกร้องเพลง และ ฝึกการแสดง

 "มีหน่วยหนึ่งชื่อ "วงดนตรีลูกทุ่ง ปจว." เรามีทั้งเงาเสียงของ สายันต์ สัญญา  ยอดรัก สลักใจ  คาราบาว  ตั๊กแตน ชลลดา  ป๊อด โมเดิร์นด็อกด้วย พวกนี้จะไปร้องเพลง ไปแสดงในพื้นที่ต่างๆ  ตามแนวชายแดน  ถิ่นทุรกันดารที่ข่าวสารของทางราชการเข้าไม่ถึง เขาจะรู้สึกอบอุ่น  นอกจากนี้ก็มีละครเวทีเป็นซีรีส์เล็กๆ หรือ รีวิวประกอบเพลง" ส่วน ผู้พันหนุ่มเอง มี "18 ฝน" เป็นเพลงประจำตัว

 วันนั้นที่ราบ 11  หลายนายไม่มีโอกาสงัดลูกคอมาขับกล่อมเสียงแข็งกร้าวของแกนนำ เพราะขั้นตอนที่วางไว้ คลี่คลายเร็วกว่าที่คิดถึง  6 ขั้นตอน

 เดิมที พ.ท.กอสิน กับทีมวางมาตรการไว้ 7 ขั้นตอนพร้อมรับมือกลุ่มคนเสื้อแดง เริ่มตั้งแต่ 1.ชี้แจงการปฏิบัติให้ผู้ชุมนุมทราบ สร้างความเข้าใจ รวมถึงการพูด ร้องเพลง และทีเด็ดทางการสื่อสารทุกรูปแบบ 2.การแสดงกำลัง วางแถว เหมือนขู่ไว้ก่อน ให้รู้ว่าเราเอาจริง 3.ใช้โล่ห์ ดันผู้ชุมนุม 4.ใช้ปืนฉีดน้ำ 5.เครื่องแอลแรด เครื่องกระจายเสียงความถี่สูง 6.ใช้แก๊สน้ำตา แต่ไม่ใช่ชนิดที่เคยเป็นข่าว ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต  และ 7.ใช้กระบอง ทุบเพื่อให้หยุดเพื่อจับกุม แต่ไม่ใช่ทุบเพื่อให้ตาย

 ผลก็คือ ปจว.ปฏิบัติการแค่ขั้นตอนแรกเท่า นั้น ทุกอย่างก็สงบลง แต่ถือว่าพลิกความคาดหมายหรือไม่ "ผู้พัน 18 ฝน" บอกว่าไม่พลิก

 "เพราะความคาดหมายเรามีหลายทางทั้งรุนแรงและไม่รุนแรง คิดถึงทุกประเด็นไว้แล้ว เพราะถ้าพลิกสำหรับเราจริงๆ ก็คือเขาไม่มา"  แต่ พ.ท.กอสิน ก็ไม่ได้จะบอกว่าต่อไปเหตุการณ์น่าจะสงบลง และที่สำคัญ วันนั้นที่ไม่เกิดเรื่อง อาจจะไม่ใช่เพราะ ปจว. ด้วย

 "เขาเองก็อาจจะไม่อยากสร้างความรุนแรง เป้าหมายเค้าก็ไม่ได้ต้องการเข้ามาทำลายสถานที่นี้ หรือ ถ้าเป็นความโชคดี (ของเรา) ก็เพราะเราคุยกันรู้เรื่อง"

 และสมมติว่าถ้าเกิดฝ่ารั้วหนามเข้ามาจริงๆ ปจว. จะทำอย่างไร
 "ก็ต้องพูด ต่อครับ ต้องมีช่องทางให้เขาผ่อนคลาย เช่น คนที่มาปะทะ เขาพร้อมสู้อยู่แล้ว แต่ถ้าเราพูดเตือนสติ ให้คิดถึงลูกเมียที่บ้าน คือ ต้องเปลี่ยนประเด็นเป็นกล่อม หรือถ้าเขาถูกดุนหลังเข้ามา เราจะบอกว่า ชูมือเลย เดี๋ยวเราจะพาท่านไปในจุดปลอดภัย ระวังเด็ก ผู้หญิง เขาก็อาจจะชะงัก"

 
ยิง 'มุก' ปลุก 'มิตร'


 จ.ส.อ.สุรชา พระพลศรี เจ้าของตำแหน่งมือวางอันดับหนึ่งผู้รับหน้าที่โฆษกเฉพาะกิจ ด้วยความที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ผู้พันก่อสินเอ่ยไว้ ตั้งแต่น้ำเสียงนุ่มละมุน อัธยาศัยดี มีปฏิภาณไหวพริบ ที่สำคัญคือ คารมที่ทั้งคม ทั้งขยันคายมุก เรียกเสียงฮาได้เป็นระยะๆ


 "ไม่ต้องกลัวนะครับว่าทหารจะทำอันตรายด้วยอาวุธ เพราะทหารไม่มีใครติดอาวุธ หรือถ้าจะจับแก้ผ้าตรวจอาวุธ ก็จะเจอแต่อาวุธประจำตัว ไม่ใช่อาวุธประจำกาย เล็กใหญ่แล้วแต่พ่อให้มา"

 "เมื่อคืนเมียผมก็บอกให้ดูแลพวกพี่ให้ดีๆ เพราะเงินเดือนพวกผมก็มาจากภาษีพวกพี่ๆ ถ้าผมไม่ดูแลดีๆ เดี๋ยวมันไม่ให้นอนด้วย"

 เจ้าของบทพูดที่แม้ดูภายนอกจะคล้ายกับว่าถนัดแต่เรื่องปล่อยมุก แต่แท้จริงแล้ว ขณะที่ปฏิบัติงานอยู่นั้น เจ้าตัวก็มีความกังวลอยู่ลึกๆ ในใจถึงผลลัพธ์ที่จะออกมา ว่าทั้งสคริปท์ ทั้งคิวการพูดคุย รับส่งมุขที่ซักซ้อมกันมา ตลอดจนแผนต่างๆ ที่ทีมงานช่วยกันร่างไว้ จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้เรื่องจบลงด้วยดี ไม่มีเหตุร้ายแรงอย่างที่ต้องการได้หรือไม่

 แต่หากจะนับเอาความหงุดหงิดของแกนนำอย่าง วีระ มุสิกพงศ์ ที่แม้ตอนแรกจะเคลิ้มไปบ้างกับลูกอ้อนที่จ่าสุรชาเล่นนับพี่นับน้องเรียก "พี่วีระ" หน้าตาเฉย แต่เมื่อเห็นท่าไม่ดีที่นอกจากกำลังเครื่องเสียงจะเทียบไม่ได้กับเครื่อง เสียงขั้นเทพที่กองทัพทุ่มทุนซื้อมาใช้ ไหนจะยังต้องถูกเบนความสนใจไปสนุกสนานกับการรอฟังมุกฮาๆ ก็เริ่มกลับมาเสียงแข็ง แสดงท่าทีแข็งกร้าวอีกครั้ง เพื่อกระตุ้นความฮึกเหิมให้กลับมาในหมู่พี่น้องเสื้อแดง ก็น่าจะสะท้อนให้เห็นได้ว่า ปฏิบัติการนี้ได้ผลชะงัดนักในเรื่องของการเบี่ยงเบนความสนใจ และ ลดระดับความคุกรุ่นของสถานการณ์ให้คลี่คลายลง

 "เขามาร้อน เราก็ต้องเป็นน้ำ" จ.ส.อ.บุญธรรม แก่นแก้ว ดีเจจำเป็นมือวางอันดับสอง ร่วมวงเล่า ก่อนจะชี้แจงถึงการทำงานของ ปจว. ว่าไม่ได้ถูกฝึกมาแค่ให้ยิงแต่มุก เพราะภารกิจหลักคือสร้างความเป็นมิตร ให้เกิดความเข้าใจอันดี ทลายกำแพงระหว่างกัน โดยมุกตลกก็เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในอีกหลากหลายกลวิธีที่จะใช้เพื่อไปสู่ เป้าหมายเดียวกัน อย่างที่ผู้พันกอสินว่าไว้ "ต่างพื้นที่ ต่างสนามรบ ต่างวิธีการ"

 เทคนิคการทลายกำแพง ทำได้ตั้งแต่เสียงทักทายเล็กๆ น้อยๆ ที่ขยันพูด ขยันทักทายเพื่อสร้างความมิตร อาทิ "เหนื่อยไหมพี่น้อง ขอเสียงหน่อย" "ขอเสียงตีนตบหน่อยพี่น้อง"  สลับกับการเปิดเพลงลูบอารมณ์ให้เย็นลง

 นอกจากนี้ยังมีการขับกล่อมบทเพลงด้วยเงาเสียงหวานๆ ของ ตั๊กแตน ชลดา ที่ สุนทริยา กาสา เจ้าหน้าที่กองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยาที่ 1 นักร้องประจำวงดนตรีลูกทุ่ง ปจว. เลือกเอาเพลงคุ้นหูอย่าง "ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้" มาร้องให้พี่น้องเสื้อแดงฟัง ก่อนจะต่อด้วยเพลง "สยามเมืองยิ้ม" ของพุ่มพวง ดวงจันทร์ และเพื่อลดดีกรีความร้อนแรงลงอีกหนึ่งสเต็ป สุนทริยา ผู้มีชื่อเล่นว่า "เขียว" (เจ้าตัวย้ำว่าไม่ใช่เหลืองและแดง) ยังเว้าอีสานพูดคุยกับผู้ชุมนุมซึ่งส่วนใหญ่ก็เดินทางมาจากภาคอีสาน ก็เลยยิ่งทำให้ได้ใจไปเต็มๆ

 

โกรธได้ แต่ต้องเก็บ


 แม้การทำงานของ กองพันปฏิบัติการจิตวิทยา กรมรบพิเศษที่ 2 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี ในครั้งนี้จะประสบผลสำเร็จด้วยดี ทั้งยังได้รับความสนอกสนใจจากสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก โดยคล้อยหลังปฏิบัติการเพียงหนึ่งวัน ผู้พันกอสิน และ ทีมงานผู้ใต้บังคับบัญชา ก็ได้รับการติดต่อสัมภาษณ์และปรากฏเป็นข่าวบนสื่อต่างๆ มากมาย ด้วยความที่กลวิธีจัดการกับผู้ชุมนุมในลักษณะนี้เป็นเรื่องที่ทั้ง ใหม่ และ สร้างสรรค์

 โดยหากมองอย่างผิวเผิน ก็อาจคิดได้ว่า ปฏิบัติการครั้งนี้จัดอยู่ในขั้น "เพอร์เฟ็คท์" แต่แท้ที่จริงแล้ว บีฮายด์เดอะซีน นั้นไม่ได้มีแต่เสียงชื่นชม ถูกอกถูกใจ ไปกับความเป็นมิตรที่พวกเขาหยิบยื่นให้ไปเสียทั้งหมด

 เสียงก่นด่า ก็ลอยมาไม่แพ้กัน..

 เป็นพระหรือไง มาเทศน์อยู่ได้.. หยุดพูดได้แล้ว น่ารำคาญ.. ฯลฯ

 "เวลาผมทำงาน คิดอยู่เสมอว่า ที่หน้าอกเราติดป้าย ปจว. อยู่ ดังนั้นเราห้ามโกรธ เราห้ามมีอารมณ์ เพราะภารกิจของเราคือ สร้างความเป็นมิตร เขาจะด่า จะว่าเราแค่ไหน เราก็ห้ามไปเถียงกับเขา จะไม่มีการปะทะคารมกัน เพราะนั่นจะนำไปสู่งความรุนแรง แต่ถ้านอกเครื่องแบบเจอแบบนี้ก็คงจะหงุดหงิดบ้าง

 ผมเคยนั่งแท็กซี่ไปทำงาน ก็ชวนคนขับเขาคุย ถามไถ่ ว่าพี่ทำงานได้เงินเท่าไหร่ หักลบกลบหนี้ แล้วเหลือเงินพอใช้ไหม ..  พี่เหลือเงินวันละไม่ถึงร้อย พอใช้หรือ .. แต่คนขับแกตอบกลับมาว่า "ไม่เป็นไร คิดซะว่าขับให้หมามันนั่ง"

 ไอ้ผมก็เคืองมาก เลยไม่อยากคุยต่อ แกล้งหลับ แกคงเห็นผมงอน แกเลยชวนคุยบ้าง ถามว่าผมเป็นทหารเงินเดือนแค่นี้ มานั่งแท็กซี่ทำไม ผมก็เลยตอบไปว่า ไม่เป็นไร มานั่งให้หมามันขับ เท่านั้นแหละ โดนไล่ลงจากรถเลย"

 เป็นประสบการณ์ในชุดทหารที่จ่าสุรชา ยอมรับว่า คราวนั้น เขาระงับอารมณ์ไม่ได้ ซึ่งก็เป็นบทเรียนที่จำไว้ตลอดเพื่อเตือนอารมณ์ตัวเอง

 ก่อนจากลากันวันนั้น หน่วย ปจว.สิบกว่าชีวิต ฝากไปบอกพี่น้องประชาชนที่กำลังสนใจพวกเขาด้วยว่า

 "ขอให้รักทหารน้อยๆ แต่รักนานๆ นะครับ" ...แล้วก็โห่ฮิ้วกันเองเป็นการปิดมุก
.....................................


รู้จัก ปจว.

 กองพันปฏิบัติ การจิตวิทยา กรมรบพิเศษที่ 2 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ หรือ ปจว. ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2509 และมีสถานะเป็นกองพันเมื่อปี 2513


 ผู้พันกอสิน ย้อนประวัติให้ฟังว่า หน่วนนี้ตั้งขึ้นมาในยุคสงครามเย็น เป็นช่วงเวลาแห่งการต่อสู้ทางความคิดและปฏิบัติการของคอมมิวนิสต์และ ประชาธิปไตย

 "รัฐเล็งเห็นว่า ต้องมีหน่วยสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นกับประชาชนก็เลยจัดตั้งหน่วยนี้ขึ้น มา  แล้วก็ให้เครื่องมือในการสื่อ เพื่อให้เข้าถึงประชาชน เช่น เครื่องฉายหนัง แต่ก่อนเราอาจเคยเห็น  หนังขายยา  เร่ขายสินค้า  ปจว.เองก็ขายสินค้าในเรื่องของ ความมั่นคง  การสร้างความเข้าใจ  การรณรงค์ให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในนโยบายรัฐมากขึ้น"

 จนถึงวันนี้ ปจว. ยังคงเดินสายทำความเข้าใจแก่ประชาชนทั่วประเทศ ในเรื่องทั่วไป เช่น ตัดไม้ ยาเสพติด เศรษฐกิจพอเพียง ฯลฯ เน้นเลาะตะเข็บชายแดน และดินแดนที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่น ติมอร์ตะวันออก ซูดาน

      บันทึกการเข้า
Mr.EggMan
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,826

« ตอบ #658 เมื่อ: 18 มีนาคม 2553, 15:10:22 »

 ปิ๊งๆ
เป็นบทสัมภาษณ์ที่ยาวมากทีเดียว แต่อ่านแล้วจะได้อะไรๆเยอะนะครับ ในความคิดผม


วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553 เวลา 23:52:37 น.  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์


ท่ามกลางความตีบตันในการแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งครั้งใหญ่ ใครบางคน บอกว่า หากเผชิญหน้า

ยืดเยื้อ ยาวนาน ศก.ไทยอาจเสียหายนับแสนล้าน กูรูใหญ่ "นิธิ -ชัยวัฒน์" ชี้ทางออก ทักษิณ -อภิสิทธิ์-อำมาตย์ และเสื้อแดง จะอยู่ร่วมกันอย่างไร ?


       
     
   
     ประชาชาติธุรกิจ สัมภาษณ์ อาจารย์ นิธิ เอียวศรีวงศ์  เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา  หลังรัฐบาลยืนยันไม่ยุบสภา และเสื้อแดง ประกาศหลั่งเลือด ชโลมดิน
   
       @ ทางออกที่เป็นไปได้มากที่สุดมีอยู่หรือไม่
     ผมมองไม่เห็นทางออกทันทีทันใดตอนนี้ แต่ผมคิดว่านาทีนี้ การเผชิญหน้าทั้งสองฝ่ายต้องยกย่องสังคมไทยทั้งหมดเลย ในการที่เราทำให้การเผชิญหน้าครั้งนี้ยังไม่มีอะไรที่มาเฉียดใกล้กับการปะทะกันถึงนองเลือด เพราะฉะนั้น ณ จุดนี้ ผมว่าพอใจอย่างยิ่ง คราวนี้พัฒนาต่อไป ผมคิดว่าต้องเข้าใจด้วยว่า การเมืองมันไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้น
    ผมคิดว่าทั้งคุณอภิสิทธิ์ และคุณวีระ มุสิกพงศ์ เดาเกมออกตั้งแต่เมื่อวานนี้ (14 มีนาคม) แล้ว ที่คุณวีระประกาศให้รัฐบาลยุบสภา ถามว่าคุณวีระจะรู้ไหมว่า รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์จะไม่ยุบสภา ผมว่าต้องรู้ คุณวีระเขาผ่านประสบการณ์มาขนาดนั้น คุณอภิสิทธิ์รู้ไหมว่า เมื่อบอกว่าไม่ ทางฝ่ายโน้นเขาไม่กลับบ้านหรอก จะต้องทำอะไรเพิ่มขึ้นอีก ถูกไหม ?
    ผมว่าทั้งสองฝ่ายกำเอาไพ่สำคัญไว้ในมือตัวเองทั้งคู่ ทางฝ่าย นปช. เขาก็กำไพ่ไว้ว่า เขาจะต้องเดินต่อเพื่อกดดัน ทางฝ่ายคุณอภิสิทธิ์ก็รู้ว่า เมื่อฝ่ายโน้นเขาดำเนินงานมาอย่างนี้ รัฐบาลจะต้องทำยังไงต่อไป แต่ทั้งสองฝ่ายเล่นกันในเกมที่ว่า อย่าใช้ความรุนแรง ใครใช้ก่อนคนนั้นเสีย ผมถึงคิดว่าจนถึงนาทีนี้จะออกยังไง ลงท้ายที่สุดแล้วคืออะไร อาจจะต้องถามโหร แต่ผมเชื่อว่าไม่เป็นไร เพราะดูท่าทีมันดี
@ แม้ว่าจะเป็นหนังเรื่องยาว
   แม้ว่าจะเป็นหนังยาว แต่อย่าลืมนะว่า นปช.เขาต่อสู้ยาว (นาน) มากไม่ได้ เพราะบ้านเขาไม่ได้อยู่กรุงเทพฯเหมือนกับพันธมิตร และผมก็คิดว่าอันนี้เป็นไพ่ใบหนึ่งที่คุณอภิสิทธิ์คิดอยู่ในใจว่า "มึงนานไม่ได้ว่ะ"
@ ที่สุดแล้วคนเสื้อแดงอาจจะไม่ได้อะไรกลับบ้าน
ผมว่าเป็นไปได้ที่เขาอาจจะไม่ได้อะไรกลับบ้าน แต่ถ้าเขายังประคองตัวเองให้เป็นลักษณะนี้ คือไม่นำพาความรุนแรงอะไรทั้งสิ้นเนี่ย ผมเชื่อว่าที่สิ่งเขาได้ก็คือว่า เขาได้การสนับสนุนของคนกลาง ๆ เพิ่มมากขึ้น
@ อีกนานแค่ไหนที่สังคมไทยจะก้าวข้ามทักษิณไปได้
 ผมคิดว่าอย่างนี้นะ ในตอนนี้ศัตรูของทักษิณใช้ประโยชน์จากทักษิณ มิตรทักษิณก็ใช้ประโยชน์จากทักษิณ แต่ในความเป็นจริงนั้นผมคิดว่า ถ้าสังคมเริ่มสำนึกได้ว่า ทักษิณ (คำที่ผมใช้อยู่เสมอเนี่ย) ตายไปในทางการเมืองแล้ว เมื่อนั้น เนี่ยประโยชน์ซึ่งจะถูกใช้จากแกก็จะลดลง ทั้งฝ่ายศัตรูและมิตร
 @ ถ้าอาจารย์เป็นคุณอภิสิทธิ์จะทำอย่างไร
   ผมเชื่อว่าในระยะยาวแล้ว เขา (เสื้อแดง) ต้องกลับ แต่ทำอย่างไรให้เขากลับได้ โดยเขาได้บ้าง คือต้องเปิดทางลงให้เขาบ้าง คนเราอย่าไปไล่เขาจนถึงขนาดที่ว่าไม่ได้อะไรเลย ต้องเปิดทางลงบ้าง ทางลงที่ว่านี้จะเป็นอย่างไร ผมก็ยังคิดไม่ออก แต่ยกตัวอย่างเป็นต้นว่า ที่เขาเรียกร้องว่าขอให้มีการเจรจากัน ผมว่าก็เจรจาไปสิ อย่างน้อยที่สุดเขาได้เจรจาแล้วเขากลับ มันก็ยังดีกว่ากลับเฉย ๆ ใช่ไหม ผมถึงบอกให้คิดถึงทางลงของเขาบ้าง
@ กลุ่มพระไพศาล วิสาโล เสนอช่อง Peace Room อาจารย์ว่าแนวคิดนี้น่าซื้อไหม
ผมได้บอกไปแล้ว ผมยกย่องสังคมไทยหลายส่วนด้วยกัน รวมถึงส่วนที่เคลื่อนไหวด้านสันติภาพนี้ด้วย อย่างไรก็แล้วแต่ เราผ่านเหตุการณ์มาตั้งแต่ปี 2548 จนถึงตอนนี้ก็ 5 ปี โดยที่เรายังไม่ได้ปะทะกันเลือดตกยางออกแบบเต็มที่ ตายไม่กี่ศพ เจ็บกันไม่กี่ร้อย มีเรื่องน่าเสียใจเกิดขึ้นระหว่างนั้นจริง แต่อย่างน้อยที่สุดเราอยู่กันมาได้ขนาดนี้ ผมคิดว่าสังคมที่สามารถผ่านอย่างนี้ได้ มีไม่มาก (นะ) ผมว่าต้องยอมรับว่าแน่มาก เพราะฉะนั้นการออกมารักษาเกมในตอนนี้ ผมคิดว่าเป็น Peace Room หรืออะไรก็ตาม เชิญเลย เพื่อคอยรักษากติกาว่าเราจะไม่ใช้ความรุนแรง
@ อีกด้านหนึ่งถ้ามันยืดเยื้อ สิ่งที่จะได้รับผลกระทบคือเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว อาจเสียหายมหาศาล
  ก็เป็นได้ช่วงหนึ่งแน่ ๆ แต่ทีนี้ต้องคิดในแง่หนึ่งที่ว่า ถ้าประเทศไทยมันมีความเหลื่อมล้ำสูงขนาดนี้โดยไม่แก้ไข ถามว่าเศรษฐกิจไทยจะไปรอดไหม ผมว่าไม่รอดหรอก เป็นต้นว่าคุณไม่สามารถพัฒนาคนเล็ก ๆ ขึ้นมาเป็นแรงงานที่มีฝีมือจริง ๆ ได้ เพื่อจะรับกับเศรษฐกิจใหม่ แล้วประเทศไทยจะอยู่ได้อย่างไร ในลักษณะการผลิตแบบรับจ้างทำ ของแบบนี้เป็นไปไม่ได้หรอก
@ มีคนวิจารณ์ว่าคุณอภิสิทธิ์ได้ละเลยการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม จนทำให้กลุ่มเสื้อแดงเติบใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ อาจารย์เห็นด้วยกับทฤษฎีนี้ไหม
เห็นด้วยเลย แต่ทั้งนี้ต้องโทษรัฐบาลไทยทุกรัฐบาลละเลยสิ่งเหล่านี้มาโดยตลอด แม้แต่คุณทักษิณเองก็ตามแต่ ผมคิดว่าคุณทักษิณเข้าใจปัญหา แต่ก็ไม่มีกึ๋น ไม่มีความกล้าพอจะลงไปแก้จริง เพราะหลายเรื่องที่คุณทักษิณทำ ผมคิดว่าเป็นสัญลักษณ์ มันไม่ใช่ของจริง
@ อาจารย์คิดว่าตราบที่มีความเหลื่อมล้ำ มีช่องว่างระหว่างรวยจนมากอย่างนี้ ตราบนั้นคนเสื้อแดงไม่มีวันตาย
  วันหนึ่งมันอาจจะเป็นสีอื่นก็ได้ เพราะความนิยมคุณทักษิณก็อาจจะค่อย ๆ ซาลงไป แต่ปัจจุบันนี้คุณทักษิณกลายเป็นสัญลักษณ์ของคนกลุ่มนี้ ผมไม่เชื่อว่าคนเสื้อแดงหลงใหลคุณทักษิณอย่างที่เขาแสดงออก เขาใช้คุณทักษิณเป็นสัญลักษณ์ เพราะกว่าครึ่งของคำปราศรัย ถ้าคุณฟังให้ดี มันพูดถึงเรื่องความเหลื่อมล้ำ มันพูดถึงการกดขี่ พูดถึงเรื่องการไม่มีศักดิ์ศรี เขาเรียกตัวเองว่าไพร่ อย่างนี้ตลอดเวลา ซึ่งผมว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับคุณทักษิณโดยตรง เป็นเรื่องของสำนึกบางอย่างทางสังคมซึ่งมันถูกปลุกเร้าขึ้นมา คือถ้าเราไม่แก้สิ่งเหล่านี้ ประเทศเรา เศรษฐกิจเรา การท่องเที่ยวมันก็ไปไม่รอดทั้งนั้นแหละ
 
@ ปรากฏการณ์ที่คนเสื้อแดงทะลักเข้ามามากขนาดนี้ อาจารย์มีคำอธิบายไหมครับ
   จริง ๆ แล้วพลังของคนเสื้อแดงนี่แยะมาก อย่างถ้ามาแสนคน ต้องคิดไปถึงว่า พี่น้องเพื่อนฝูงที่ไม่ได้มาเข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงที่จังหวัดต่าง ๆ ด้วยซ้ำไป แต่การที่เมียบอกให้ผัวมา หรือแม่ปล่อยให้ลูกมา ผมว่ามันเรื่องใหญ่นะ มีแฝงอยู่ตั้งเท่าไร ดังนั้นผมจึงคิดว่ามันเป็นเรื่องสำนึกถึงความเหลื่อมล้ำที่ว่า สำนึกในโอกาสของตัวเองที่มันไม่มีในชีวิตแยะมาก ๆ แต่ที่น่าสังเกตคือ ผมนั่งฟังคนเชียงใหม่พูดเรื่องการบริจาคเงิน คนที่บริจาคคือคนชั้นกลางทั้งนั้น
 
@ ถ้าเกิดมีการยกระดับของการต่อสู้ บีบจนรัฐบาลอภิสิทธิ์อยู่ไม่ได้ จนต้องสลับขั้วใหม่ เป็นไปได้ไหม
  ผมว่าเป็นไปไม่ได้ ทางออกที่ดีกว่าคือยุบสภา เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าผมเพิ่งมารู้สึกเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมคิดว่าคุณอภิสิทธิ์ควรยุบสภาตั้งแต่ 4 เดือนแรก หลังจากที่ตัวเองอยู่ในอำนาจการเป็นนายกฯ เหตุผลเพราะคุณอภิสิทธิ์ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า วิถีทางที่คุณอภิสิทธิ์ได้อำนาจมานั้นเป็นวิธีการที่ไม่ชอบธรรม จะมาแก้ตัวยังไงมันก็ยังฟังไม่ขึ้นทั้งนั้น คุณไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร แล้วยังไปกอดกันให้คนเห็นอีก มันน่าเกลียดมาก ๆ ผมก็ยอมรับว่า อย่างว่าผมมันโบราณ คือถ้ากลุ่มผู้มีอำนาจบางกลุ่ม เช่น พรรคการเมือง มาถึงทางตัน จำเป็นต้องใช้วิธีพิเศษบางอย่าง ผมก็ยอมรับนะ และผมคิดว่าวิธีพิเศษที่เขาใช้ยังดีกว่าการรัฐประหาร เมื่อเป็นเช่นนี้ ภารกิจของรัฐบาลพิเศษอันนี้ก็คือสมานฉันท์ ทำยังไงให้เรากลับมาสู่ความปรองดองกันได้ ผมคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดก็คือ คุณอภิสิทธิ์ต้องยุบสภา บอกตั้งแต่วันแรกเลยว่า ผมขออยู่ประมาณ 3-6 เดือน เพื่อให้ทุกอย่างเรียบร้อย แล้วยุบสภา แล้วประชาชนตัดสินใจเองว่าจะเอายังไง ผมว่าถ้าอย่างนั้นมันจะสง่างาม มันจะสวยมาก ๆ แล้วก็จะไม่มีใครเอาขี้ไปขว้างคุณอภิสิทธิ์ โอเคตอนนั้นทุกฝ่ายก็ยอมรับ เพราะถ้ามีการเลือกตั้งมันจะต้องมีรัฐบาลอยู่ คุณอภิสิทธิ์ก็ทำหน้าที่ตรงนี้ แล้วก็จะทำให้ขาวสะอาดและดีที่สุด
 
   @ แต่อาจารย์อาจจะไม่ได้คิดในมุมนักการเมือง นักการเมืองคิดแต่จะใช้งบฯไทยเข้มแข็ง แล้วก็ใช้งบประมาณรายจ่ายอีกสัก 3-4 ปีงบประมาณ มันจะได้เสียงได้คะแนน

   แล้วมันใช้ได้ไหม ? เพราะโครงการที่เสนอไปมันยังไม่ผ่านเลย รมว.คลังบอกว่าไอ้งบประมาณที่ตั้ง ๆ กันไว้ มันเบิกน้อยเกินไป ขนาดออกมาตั้งหลายเดือน 2.5 แสนล้าน ตกลงมันได้ประโยชน์อะไรมา ผมยังมองไม่เห็น โดยวิธีนั้น ปชป.เองจะได้คะแนนเสียงพอสมควร คืออาจจะไม่ได้ 240 อย่างที่เขาว่า แต่มันก็มากขึ้นจำนวนหนึ่ง

   ทีนี้ปัญหาที่สำคัญคืออย่างนี้ เมื่อวานผมได้ยินนักรัฐศาสตร์คนหนึ่งพูดในทีวีว่า การเลือกตั้งไม่แก้ปัญหา เพราะว่ามันคงมีการทุจริตคดโกงในการเลือกตั้ง และได้รัฐบาลที่คนไม่ยอมรับ ผมว่านี่เป็นประเด็นสำคัญ คือคุณอยากจะอยู่ในประชาธิปไตย แต่ไม่ยอมรับการเลือกตั้งมันเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้นเรามี กกต. เรามีตำรวจ เรามีศาล ถ้าคุณเชื่อว่าทุจริต คุณก็ต้องจับเขาฟ้อง เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ไม่ใช่บอกว่าด้วยเหตุดังนั้น เราจึงไม่ควรมีการเลือกตั้ง
    ผมคิดว่าหัวใจสำคัญที่สุดที่เราต้องยอมรับเวลานี้ คือคุณต้องยอมรับผลการเลือกตั้ง แม้เป็นผลที่คุณไม่พอใจก็ตามแต่ ปัญหาอยู่ที่ว่าเสียงส่วนน้อยที่แพ้ โอกาสที่จะเปล่งแสงในสังคมเทียบกับเสียงที่ชนะหรือเปล่า นี่ต่างหากที่เป็นหัวใจที่สำคัญกว่า ไม่ใช่สำคัญว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล สมัยคุณทักษิณ ผมว่าสิ่งที่อันตรายยิ่งที่คุณทักษิณทำ คือคุณทักษิณพยายามที่จะทำให้เสียงส่วนน้อยไม่มีเสียงเลย ตรงนี้ที่น่ากลัวและเราต้องสู้ แต่ไม่ใช่ให้เราสู้ด้วยรัฐประหาร ต้องสู้กับคุณทักษิณด้วยเรื่องอย่างนี้ วันหนึ่งเราอาจจะชนะคุณทักษิณในการเลือกตั้งได้ แต่ต้องยอมรับผลการเลือกตั้งก่อนไม่ว่าจะพอใจหรือไม่
@ คนกรุงเทพฯก็ต้องอดทนกับการที่พรรคเพื่อไทยจะได้รับเลือกเข้ามา แล้วก็ต้องอดทนกับการมีรัฐมนตรีหน้าตาบ้านนอก
   คือผมไม่อยากใช้คำว่าคนกรุงเทพฯนะ คือมันมีการสำรวจว่าการชุมนุมของเสื้อแดงในกรุงเทพฯหลายครั้งหลายหน จำนวนมากของคนที่เข้าร่วมชุมนุมคือคนกรุงเทพฯ ฉะนั้นผมจึงไม่อยากให้เราแบ่งแยกเสื้อแดงกับอื่น ๆ ว่าเป็นคนกรุงเทพฯกับคนต่างจังหวัด คนเมืองกับคนชนบท ผมว่ามันไม่ใช่
@ อาจารย์เอนก เหล่าธรรมทัศน์ เคยพูดถึงทฤษฎี 2 นคราประชาธิปไตย ที่ว่าคนต่างจังหวัดเลือกรัฐบาลมา คนกรุงเทพฯก็ล้ม แต่รอบนี้ดูจะเป็นคนต่างจังหวัดที่จะมาล้มรัฐบาลของคนกรุงเทพฯ เห็นด้วยไหม
   ผมคิดว่าในช่วงหนึ่ง คุณอาจจะอธิบายอย่างนั้นได้ในการเมืองไทย แต่ผมว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผมว่ามันเปลี่ยนแล้ว ผมคิดว่าคนต่างจังหวัด หรือชนบทไทย มันเปลี่ยนไปเยอะ จนคนเหล่านั้นไม่ยอมที่จะปล่อยให้กลุ่มชนชั้นนำเป็นผู้กำหนดชะตากรรมของรัฐบาลแต่เพียงฝ่ายเดียว คือสมัยหนึ่งใช่ อย่างคนกรุงเทพฯเองสามารถจะยี้ใครก็ได้ แล้วนายกฯจะไม่กล้าตั้งไอ้ยี้นี่ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี แต่ในช่วง 10 ปีหลัง เสียงของคนกรุงเทพฯมันลดลง อย่างคุณทักษิณนี่ แกตั้งรัฐมนตรียี้เป็นว่าเล่นเลย ผมเลยคิดว่าคงอธิบายอย่างนั้นไม่ได้แล้ว เพราะว่าส่วนแบ่งของเสียงมันต้องมาแชร์กันมากขึ้น
@ อาจารย์ติดตามการเมืองจากกรุงเทพฯรู้สึกยังไง เครียดไหม
ไม่เลย คือผมเดาว่าทั้งสองฝ่ายรู้เกมกันตั้งแต่ต้นแล้ว คืออย่าได้เป็นฝ่ายเริ่มต้นความรุนแรงก่อน
@ ในฐานะผู้บริโภคสื่อ แล้วสื่อที่รายงานข่าวในช่วงนี้มาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม อาจารย์รู้สึกอย่างไร
    โอ้โห ผมว่ามันเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากเลย คือสื่อไทยไม่มีกึ๋นด้วย หลังยาวด้วยทั้ง 2 อย่าง คือในช่วงอย่างนี้ เมื่อก่อนหน้าที่เสื้อแดงจะลงมาถึงกรุงเทพฯ รัฐบาลก็รู้อยู่ว่ามันเป็นวิกฤตการณ์ใหญ่อันหนึ่ง ยุทธวิธีของรัฐบาลคือสร้างความกลัว โดยการปล่อยข่าวลือเองก็มี เช่น มีเงินแพร่เข้ามากี่ร้อยล้านบาท แล้วต่อมาธนาคารชาติก็บอกว่าไม่มีมา คือคุณเป็นบุคคลสาธารณะฝ่ายบริหาร คุณพูดอะไรที่โกหกเนี่ย คุณทำลายความชอบธรรมในการอยู่ในตำแหน่งของคุณ เพราะโกหกนี่มันทำให้เราตรวจสอบไม่ได้ สิทธิการโกหกจึงเป็นอนันตริยกรรมเลย คุณโกหกไม่ได้ในระบอบประชาธิปไตย เพราะว่าถ้าคุณโกหก ผมตรวจสอบคุณไม่ได้ทันที แล้วรัฐบาลใช้วิธีนี้ ระเบิด 40 จุดบ้าง 108 พันประการที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
   คำถามคือว่า สื่อรับสิ่งเหล่านี้มาแพร่ต่อโดยไม่เคยเช็กอะไรเลยได้อย่างไร แม้แต่ถามรองนายกฯว่า ไอ้ระเบิด 40 จุดนี่เอามาจากไหน มีความน่าเชื่อถือได้กี่เปอร์เซ็นต์ เช่นนี้คุณสร้างความกลัวให้เกิดขึ้นในสังคม ในภาวะที่มันเกิดความขัดแย้งที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันนะครับ ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าความกลัว เพราะความกลัวมันจะทำให้สองฝ่ายหันเข้าหาความรุนแรงทันที
    นั่นคือเหตุผลว่าทำไมอองซานซูจีสอนอยู่เสมอว่า ความกลัวเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด แต่ถ้าไม่กลัว อย่างน้อยที่สุด ฝ่ายที่จะใช้ความรุนแรงจะเป็นฝ่ายรัฐบาลทหาร ถึงแม้รัฐบาลจะงี่เง่ายังไง ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้วที่ทุกรัฐบาลมักจะงี่เง่าทุกรัฐบาล แต่เราต้องมีสื่อที่มีปัญญา ถ้าเรามีสื่อที่ไม่มีกึ๋นด้วย แล้วก็ยังขี้เกียจถึงขนาดนี้ด้วย ผมว่าบ้านเมืองพังยับเยิน
------------------------------------------------------
 

    เช้าวันเดียวกัน   ศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์  ประธานคณะทำงานยุทธศาสตร์ สันติวิธี คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ "เช้าข่าวข้น" ทางช่อง 9 อสมท มีสาระสำคัญน่าสนใจ   ซึ่ง ประชาชาติธุรกิจ  ถอดเทปโ ดยละเอียดมานำเสนอดังนี้ 

     
 @ ในฐานะนักสันติวิธี อาจารย์คิดอย่างไรกับสังคมไทยวันนี้
     โจทย์สังคมไทยยากขึ้นทุกวันและซับซ้อนขึ้น เวลาผมไปที่ไหนก็พยายามอธิบายว่า ผมคิดว่าสังคมไทยเห็นขัดกันใน 3 เรื่อง 1.คือเรื่องเป้าหมายของสังคมไทยว่า อยากได้สังคมการเมืองแบบไหน พวกหนึ่งก็อยากได้รัฐบาลที่เข้มแข็ง อีกพวกหนึ่งก็อยากได้รัฐบาลที่ควบคุมได้
     หรือพวกหนึ่งเชื่อว่า การเลือกตั้งเป็นคำตอบเบ็ดเสร็จ อีกพวกหนึ่งก็บอกว่า การเลือกตั้งเป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตยที่อาจไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด อีกเรื่องที่สำคัญคือ คิดว่าใครเป็นคนไทยในสังคมปัจจุบันก็ยุ่งแล้ว หมายความว่า บางคนดูเหมือนสีนี้ แต่ก็ไม่ใช่ ไม่ใช่สีนั้นแต่ก็ดูเหมือนใช่ พอยุ่งแบบนี้ จะแก้ความขัดแย้งอะไรก็ลำบากขึ้นและซับซ้อน
 
@ แสดงว่าสถานการณ์ทุกวันนี้เป็นเรื่องปกติที่เราต้องเจอ
       ครับ แต่เราต้องยอมรับความเป็นจริงก่อนว่า สังคมไทยได้เปลี่ยนไปแล้ว สิ่งที่หยุดไม่ได้ในความเห็นผมก็คือ...เวลา 

@  มีคนพยายามบอกว่า วิธีที่น่าจะดีที่สุดก็คือ การเจรจาพุดคุย วันนี้สังคมไทยเลยการเจรจาไปแล้วหรือยัง 
        ถ้าเราดูความขัดแย้งทั่วโลก ไม่ว่าความขัดแย้งไหน ความขัดแย้งทางชนชาติ ความขัดแย้งทางเผ่าพันธุ์ ขัดแย้งทางศาสนา ซึ่งผมเคยเก็บตัวเลขในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ตายเป็นล้านๆ คนจากทุกแห่ง แต่ที่สุดก็นั่งลงคุยกัน ไม่มีที่ไหนถึงที่สุดแล้วไม่นั่งลงคุยกัน แม้แต่สงครามโลกก็ตาม   

@ แล้วการนั่งคุยกันจะต้องเป็นอย่างไร แบบไหน
       อันหนึ่งที่เราแน่ใจก็คือว่า มันมีประวัติศาสตร์ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นคนก็มักบอกว่า ต้องตายเสียก่อนถึงจะนั่งคุยกัน แต่คำถามของคนที่สนใจสันติวิธีก็ถามว่า ทำไมต้องรอให้ตายด้วย บทเรียนพวกนี้มีอยู่แล้ว ทำไมจะหาวิธีเลี้ยวบ้างไม่ได้หรือ   เช่น พูดเรื่องความขัดแย้งเรื่องสีเหลือง สีแดง ที่เป็นอยู่ในสังคมไทย เราก็เก็บตัวเลขตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2550 ถึงเดือนเมษายน 2552 ประมาณ 22 เดือน พบว่ามีสีเหลืองบาดเจ็บประมาณ 650 คน สีแดงประมาณ 230 คน ตำรวจอีกกว่า 126 คน ตาย 8 คน ซึ่งเยอะนะ   
      แต่ขณะเดียวกันหากดูจากความขัดแย้งขนาดใหญ่ บาดเจ็บและตายจำนวนขนาดนี้ถือว่าน่าสนใจมาก สำหรับผมตายคนเดียวก็สำคัญ (นะ) แต่ดูสเกลการต่อสู้  ในความขัดแย้งของสังคมไทย ตาย 8 คน ถือว่าน่าสนใจ

@ อาจารย์เป็นห่วงการชุมนุมและการเคลื่อนพลของเสื้อแดงมั้ยครับ
          ถามว่า ห่วง ควรห่วง (ครับ) แต่ไม่ควรวิตกจริต ห่วงหมายความว่า มีเงื่อนไข มีความจำเป็นหลายอย่าง แต่เท่าที่ฟังมาฝ่ายเสื้อแดงก็ประกาศตลอดเวลาว่า อยากจะใช้สันติวิธี รัฐบาลโดยท่านนายกฯก็พูดว่าใช้สันติวิธี ผมเองก็เชื่อท่านนายกฯว่า ท่านไม่อยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้ 
           สำรวจประชามติที่ไหนก็เหมือนกันหมดว่า ประชาชนส่วนใหญ่ไม่อยากได้ความรุนแรง แปลว่าอะไร แปลว่าสังคมไทยส่วนใหญ่ไม่อยากได้ความรุนแรง   ฉะนั้นความรุนแรงจะเกิดมั้ย เป็นไปได้ เพราะมีบางส่วนในสังคมนี้ไม่ว่าจากไหนก็ตามแต่ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ 

@ แล้วเราจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความรุนแรง
           มีตัวอย่างการต่อสู้กันในไอร์แลนด์เหนือในช่วงปลายทศวรรษที่ 60 มีความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ได้ฆ่ากันนะ แต่ 3-4 ปีหลังจากนั้น ตาย 400-500 คน ผมก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเหตุเดียวที่สำคัญเวลาขัดแย้งกันก็คือ เสียงส่วนน้อยซึ่งอยากเห็นความรุนแรงกลายเป็นเสียงหลัก ซึ่งเมื่อไหร่เสียงส่วนน้อยกลายเป็นเสียงหลัก ยุ่งเลย ฉะนั้นนี่คือสิ่งที่น่าสนใจ แต่เราก็เห็นว่าเสียงส่วนใหญ่ขณะนี้ไม่ต้องการความรุนแรง เสียงส่วนน้อยมีมั้ย... มี ฉะนั้นโจทย์ของสังคมไทยคือ ต้องพยายามไม่ให้เสียงส่วนน้อยกลายมาเป็นเสียงหลัก ไม่ว่าจะภาครัฐบาลหรือผู้ชุมนุม 

@ ขณะนี้เสียงส่วนน้อยจะกลายเป็นเสียงหลักหรือเปล่าครับ
       ผมบอกว่ามันมีโอกาส แต่ขณะเดียวกันสังคมไทยก็มีทรัพยากรทางความคิด มีความรู้เยอะแยะที่จะกันไม่ให้มันเป็น

@ มีวิธีไหนบ้างไหมที่จะไม่ให้เสียงส่วนน้อยขึ้นมาเป็นเสียงหลัก
       เสียงส่วนน้อยจะกลายเป็นเสียงหลัก เมื่อคนเหล่านั้นบอกว่า วิธีการปกติไม่ทำงานแล้ว ไม่มีใครฟัง พาไปไหนไม่รอด ก็จะมีคนพวกนี้อยู่ ทำยังไงไม่ให้เสียงเหล่านี้กลายเป็นกระแสหลัก อันนี้ก็เป็นปัญหาสำคัญ ซึ่งก็ต้องมองให้เห็นความเป็นจริงและความหลากหลายต่าง ๆ

@ ในฐานะที่อาจารย์ทำงานเรื่องสันติวิธี ทุกวันนี้ปวดหัวมั้ยครับ
        เฮ้อ...ปวดหัวครับ (หัวเราะ) แต่เราก็พยายามนำเสนองานของเรา

@  ดูเหมือนว่าคนคิดแบบอาจารย์จะถูกมองข้ามไปมั้ยครับ
             มันขึ้นอยู่กับว่าเรามีข้อเสนออะไรที่น่าสนใจ ผมคิดว่าขณะนี้มีคนเสนอเรื่องสำคัญ ๆ หลายเรื่อง เช่น สิ่งที่อาจารย์โคทม (อารียา) พยายามเสนอ โดยแนะนำให้มีช่องทางการสื่อสาร เรียกว่าการจัดระบบงานระหว่างฝ่ายชุมนุมกับรัฐบาล แต่ไม่ใช่มานั่งคุยกันว่าจะยุบสภาหรือไม่ นั่นคนละเรื่อง เพราะเป็นประเด็นทางการเมือง แต่มาคุยกันว่ากระบวนการจัดการชุมนุมจะทำอย่างไร ที่จะให้เป็นไปในทางสันติมากที่สุด 
           บทเรียนทุกแห่งในโลก เวลาเกิดความรุนแรง มันเกิดขึ้นเพราะการชุมนุมไม่มีการจัดองค์กรที่ดีและไม่มีวินัย ยกตัวอย่างถ้าชุมนุมกินเหล้ากัน ความรุนแรงมีโอกาสเกิด คือบางทีเวลาชุมนุม เวลามันระเบิดจะระเบิดจากเหตุเล็ก เช่น ไปชุมนุมไม่ได้ ถูดเบียด อยากจะทำอย่างนี้แต่ทำไม่ได้ โดยไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายห้ามไป ห้ามอยู่อย่างไร 

@  การคุยกันระหว่างคุณกอร์ปศักดิ์กับหมอเหวงมาถูกทางมั้ยครับ
         ผมคิดว่าสำคัญ แต่ว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าทั้ง 2 ฝ่ายเห็นความสำคัญมั้ย ซึ่งผมอยากเห็นว่ามันทำไปได้มากขึ้น

@ ใครจะเป็นคนกลางในการเจรจาความขัดแย้ง
         ตรงนี้น่าสนใจ เพราะบางครั้งเราคิดว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับผู้ชุมนุม แต่ผมคิดว่าในส่วนรัฐบาลและท่านนายกฯเอง ความสำคัญคือต้องตระหนักว่า  ท่านไม่ใช่คู่ขัดแย้ง นายกรัฐมนตรีเป็นนายกฯของประเทศไทย หน้าที่ก็คือแก้ความขัดแย้งนี้ แต่ถ้าเมื่อไหร่รัฐบาลไปคิดว่าตัวเองเป็นคู่ขัดแย้งก็จะทำอะไรไม่ได้เยอะ

@ อย่างไรที่บอกว่านายกฯไม่ใช่คู่ขัดแย้ง
           ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราบอกว่า โอกาสที่จะเกิดความรุนแรงเกิดจากการจัดการชุมนุมที่ไม่ดี ถ้าช่วยเขาให้มีการจัดการชุมนุมให้ดีขึ้น โดยการทำร่วมกัน  หรือเป็นไปได้มั้ยว่า มีการตรวจตราร่วมกันระหว่างการ์ดเสื้อแดงและเจ้าหน้าที่หรือโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะก่อนหน้านี้ต่างฝ่ายต่างก็ดูกันคนละช่อง 

@ อะไรคือสาเหตุที่อาจารย์คิดว่าไม่สามารถจะเจรจากันได้ 
       ติดมากที่สุดคืออคติของมนุษย์ อย่างเราเป็นคนกรุงเทพฯ บางทีเวลาเรามองคนเสื้อแดง เราก็มองว่าเป็นคนจากที่อื่นเข้ามา มองว่าถูกหลอกมา ถูกจ้างมา ฉะนั้นเงื่อนไขของสันติวิธีคือ เราจะทำอย่างไรจะต้องไม่มีความเกลียดชังอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่ดูถูกดูแคลนเขา เขาคิดต่างได้ ฉะนั้นเงื่อนไขของระบบนี้อันหนึ่งก็คือ ต้องทนกันได้ สมมุติว่าผมกับคุณไม่ต้องรักกัน แต่ผมต้องทนคุณให้ได้ 
        ฉะนั้นคิดใหม่ก็ได้ว่า เหมือนอยู่คอนโดมิเนียม คือคุณก็อยู่ห้องคุณ ผมก็อยู่ห้องผม แต่อยู่ตึกเดียวกัน ฉะนั้นผมไม่ต้องชอบหน้าคุณก็ได้ แต่มันมีกิจกรรมบางอย่างที่เราต้องอยู่ด้วยกัน อยู่กันอย่างมีอารยะ โดยที่ไม่ต้องมีใครย้ายไปจากคอนโดฯ เช่น คุณก็อย่าเปิดเพลงดังเกินไป อย่าทำกับข้าวที่เหม็นเกินไป 

@ สื่อมวลชนจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน 
       สื่อมวลชนก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ก็มีค่าย มีสี แต่ความน่ากลัวของเราตอนนี้ก็คือ คนที่ดูช่องไหนก็ดูช่องนั้น แล้วก็ไม่ได้หันไปดูช่องอื่น ฟรีทีวีเป็นส่วนประกอบ แต่ที่เหลือ ที่น่าสนใจคือ ทำอย่างไรที่สื่อจะรายงานให้เห็นภาพความเป็นจริงซึ่งสลับซับซ้อน ไม่จำเป็นต้องมองหรือบอกว่า มาแล้วอันตรายแน่ อีกเรื่องผมว่าคนกรุงเทพฯก็น่าสนใจ (นะ) เขาอยู่กับความขัดแย้งมาพอสมควร วันก่อนพาหลานไปกินก๋วยเตี๋ยวที่บางลำพู ถามว่า ช่วงชุมนุมจะเปิดร้านมั้ย เขาก็บอกว่า เปิด เขาบอกว่า ไม่เป็นไร ก็ลองดู เพราะอยู่มานานแล้ว รู้ว่าจะต้องเปิดตอนไหน ปิดตอนไหน (หัวเราะ) ซึ่งเขารู้วิธีที่จะปรับตัว คนกรุงเทพฯเขาเรียนรู้ และสังคมไทยก็เรียนรู้ด้วย

@ อาจารย์กำลังจะบอกให้คนไทยปรับตัวใช่มั้ยครับ
        ความเป็นจริงวันนี้ เราอยู่ใต้ความกลัว ความกลัวเป็นอคติ กลัวมากเกินไป  แต่ขณะเดียวกันผมคิดว่าเราจำเป็นต้องรอบคอบ กลัวทำให้มองไม่เห็นอะไร และมีอคติ แต่รอบคอบทำให้มีสติ ผมว่านี่สำคัญ
        ล่าสุดผมทำแผ่นพับรณรงค์เรื่อง "13 ความลับสันติวิธี" ผมอยากเน้น 3 หลักการคือ 1.ต้องไม่มีความเกลียดชัง 2.ใช้เพื่อเป้าหมายที่เป็นธรรม 3.ต้องยอมรับความทุกข์ทรมานเสียเอง ขณะเดียวกันข้อจำกัดคือ 1.สันติวิธีขึ้นอยู่กับการเตรียมตัว 2.ใช้สันติวิธีแล้วไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีความรุนแรง และ 3.ใช้สันติวิธีแล้วอาจไม่ประสบความสำเร็จก็ได้ 
      บันทึกการเข้า

jakkreepan@hotmail.com
Love is in the A...I...R......H
gamo
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 621

« ตอบ #659 เมื่อ: 19 มีนาคม 2553, 11:28:28 »

ยาวจัง ขี้เกียจอ่าน 55555
      บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #660 เมื่อ: 22 มีนาคม 2553, 08:07:54 »

บทสรุปของยุคสีเหลือง สีแดงเนี่ย
ผมว่า มันคงต้องเป็นการฮั้ว ทางเมืองครั้งยิ่งใหญ่

ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ปิดประตูห้อง
ตกลงเรื่องค่าใช้จ่าย ผลประโยชน์ ให้ลงตัว จัดสรรโควต้าให้เรียบร้อย

ถ้าทำได้ น่าจะดีไปอีกซัก 10 ปี

แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็คงต้องยอมรับว่า นี่เป็นยุคของการแบ่งสี
ต้องรอให้ผุ้นำ มันแก่เฒ่า น่าผุ เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา
เข้าสู่ยุคใหม่ (ที่ซึงจะเป็นแบบไหนก็ไม่มีใครรู้)

แบบอื่น คิดไม่ออกแล้วล่ะ ว่าจะจบยังไง
      บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #661 เมื่อ: 22 มีนาคม 2553, 12:38:46 »

ถ้าเจอถามแบบนี้มั่งล่ะ จะแก้ให้ยังไง

ถาม   เป็นสีอะไรครับ..
ตอบ   อ๋อ สีเหลืองครับ เป็นพันธมิตรเต็มขั้น ออกไปชุมนุมกับเค้าตลอด
ถาม    แล้วที่ยึดสนามบิน ยึดทำเนียบล่ะ
ตอบ   อันนั้นก็ผิดล่ะครับ ผมเองก็ไม่เห็นด้วย แต่มันโกงจริงๆ ต้องออกไปไล่
ถาม   แล้วทุกวันนี้เป็นสีอะไรครับ..
ตอบ   อ๋อ..ก็ยังเป็นสีเหลือง ดู ASTV ทุกวัน..

กับอีกอัน

ถาม   เป็นสีอะไรครับ
ตอบ   อ๋อ..สีแดงเต็มขั้น บ้านเมืองสองมาตรฐาน ความยุติธรรมไม่มี สีเหลืองทำอะไรก็ไม่ผิด
ถาม   แ้ล้วทักษิณผิดมั๊ย ตอนเม.ษ ป่วนบ้านเมืองนั้นผิดมั๊ย
ตอบ   ก็ผิด ทักษิณก็ผิด ตอนที่เผารถเมล์ก็ผิด
ถาม   แล้วตอนนี้เป็นสีอะไร
ตอบ   สีแดงสิ ไล่มันขนาดนี้ยังไม่ยุบสภา ต้องเลือกตั้งเริ่มต้นใหม่ คืนอำนาจให้ประชาชน บ้านเมืองไม่ยุติธรรม


ผมว่า 2 ตรรกะนี้เหมือนกันเป๊ะ..ทีนี้เราจะไปกันยังไง ถ้าไม่เริ่มจาก การบังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรม

(อันนี้ผมไม่ได้คิดเอาเองนะ เคยฟังคนมาพูดในรายการวิทยุ และจากการพูดคุยกับคนรอบๆตัว เค้าคิดแบบนี้กันจริงๆ)
      บันทึกการเข้า
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #662 เมื่อ: 22 มีนาคม 2553, 15:04:09 »

เทียบกันอีกแบบ...
1) เหลืองยึดสนามบิน ยังไม่โดนลงโทษ อันนี้จริงครับ...ถามว่ายุติธรรมมั้ย?...ตอบยาก แล้วแต่มุมมอง
แต่สองมาตรฐานมั้ย? > ไม่ใช่แน่นอนครับ เพราะตอนที่แดงล้มประชุมอาเซียน(ซึ่งเป็นความผิดระดับเดียวกัน) ก็ยังไม่มีใคร(ในฝ่ายแดง)โดนลงโทษเช่นกัน...มาตรฐานเดียวกันครับ

2) แต่กรณีที่ไอ้เหลี่ยมโดนยึดทรัพย์ เพราะใช้อำนาจที่มีไปหาผลประโยชน์เข้าตัว อันนั้นต่างกรรมต่างวาระ...กับเหลืองยึดสนามบิน หรือแดงล้มอาเซียนครับ...เทียบกันไม่ได้! จะมาหาว่าตุลาการสองมาตรฐาน โดยเอาคดีที่ไอ้เหลี่ยมโดนยึดทรัพย์มาเทียบไม่ได้

แล้วที่พวกตุ๊ดตู่ มันปราศรัยว่าทักกี้ทำอะไรก็ผิด? ถ้าเป็นงั้นจริง > ศาลคงยึดทรัพย์มันหมดแล้วสิครับ ไม่เหลือให้มันเอามาเลี้ยงลิ่วล้อต่อได้หรอก

เพิ่มเติม พอดีไปเจอเวบลิงค์ข้างล่างพวกนี้...ผมคลิกอ่านแล้วโคตรเกลียดมันจริงๆครับ
นึกไม่ถึงว่าคนเรามันจะ ต.แหร ใส่ร้ายอย่างหน้าด้านๆ ได้ถึงขนาดนี้


http://74.125.153.132/search?q=cache:Ps5zuzCGObMJ:www.norporchorusa2.com/+norporchorusa2.com&cd=1&hl=en&ct=clnk&gl=th
      บันทึกการเข้า

...
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #663 เมื่อ: 22 มีนาคม 2553, 15:45:07 »

ส่วนตัวผมว่าศาลไม่ได้ 2 มาตรฐานครับ แต่ผมเองมองว่า กระบวนการก่อนเข้าสู่ศาลนี่ล่ะ ที่ไม่ได้เดินเครื่องอย่างจริงจัง ใครเข้ามามีอำนาจ ก็สั่งเบรคไว้ก่อน

สีเหลืองเดินเกมส์ถูกทุกเรื่องหรือไม่ (คงไม่มีใครกล้าพูดว่า ทำดีแล้วทุกเรื่อง ทำชอบแล้วทุกเรื่องนะ..)
สีแดงทำถูกต้องทุกประเด็นหรือไม่ (อันนี้น่าจะยิ่งหนักเข้าไปใหญ่)

ดังนั้น เรื่องที่ไม่ถูกต้อง (ส่วนเรื่องไหนเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ผมว่ายึด"หลักการ" เป็นหลัก หายใจลึกๆก่อนตอบ ผมว่าเราทุกคนรู้ครับ ว่าเรื่องไหนควรเรื่องไหนไม่ควร) ก็ต้องดำเนินคดีให้เสมอภาคกันครับ (แ่ต่ก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องยึดทรัพย์ เพราะตัดสินไปแล้ว และผมก็ัฟัง อ่านคำตัดสิน ถึงแม้จะทะแม่งๆบางเรื่อง เช่นการยึดมูลค่าเพิ่มของหุ้นทั้งหมด แต่โดยหลักใหญ่ใจความแล้ว ทักกี้ก็ยังซุกหุ้นภาค 2 จริงๆ)
      บันทึกการเข้า
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #664 เมื่อ: 22 มีนาคม 2553, 16:36:34 »

เกมอำนาจ ...

ตอนนี้ผมสนใจสถานการณ์ภัยแล้งมากกว่า ... อันนี้ล่ะชีวิตของแท้

      บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #665 เมื่อ: 23 มีนาคม 2553, 17:08:30 »

ใน pantip ราชดำเนิน นี่เสื้อแดงจากใจจริงหรือว่ารับจ้างโพสต์น่ะ อ่านดูแล้ว ตรรกะ หลายๆอย่างก็รับไม่ค่อยได้
      บันทึกการเข้า
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #666 เมื่อ: 23 มีนาคม 2553, 19:11:00 »

ห้องลากดำนา โดนสมุนแดงยึดไปตั้งแต่สองปีก่อนแล้วครับ
พวกเหลือง พวกขาว หรือแม้แต่พวกส้ม ฯลฯ โดนอัปเปหิออกจากห้องนั้นเกือบหมดแล้ว ถ้าวิจารณ์ทักขี้เข้าสัก 3-4 กระทู้เมื่อไหร่ โดนยึดอมยิ้มเลยนะครับ...แต่ถ้าด่า ปชป.ด่าพันธมิตร หรือแม้แต่ด่าศาล กี่ทีกี่ที ก็ได้ ไม่โดนแบนครับ :]

จนกลายเป็นห้องที่ชาว pantip ห้องอื่นๆ เค้าขยะแขยงมากเลยนะนั่น...
เพราะช่วงหนึ่งเมื่อปี 51 พวกสมาชิกในห้องลากดำนา เคยมาตั้งกระทู้ด่า ตั้ว ศรันญู ในห้องเฉลิมไทย จนชาวเฉลิมไทยเอือมระอา(เพราะผิดประเด็นของห้องนั้น)

นี่คือหลักฐานจะจะ  ทีมงานพันทิปลากดำนา ถ่ายรูปร่วมกับ พณฯ สามเกลอหัวหน่าว ในงานมีตติ้ง  เอิ่มม
      บันทึกการเข้า

...
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #667 เมื่อ: 24 มีนาคม 2553, 15:35:21 »

รูปนี้น่ะเคยเห็นแล้ว ไม่ได้เล่น pantip หรอก เพิ่งรู้ว่ามันมีการไล่ออกจากบอร์ดได้ด้วย ถึงว่าทำไมมันถึงยึดได้
      บันทึกการเข้า
gamo
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 621

« ตอบ #668 เมื่อ: 25 มีนาคม 2553, 15:09:05 »

link ที่ จารย์โอลงไว้ รูปมันโดนแบนไปแล้ว
      บันทึกการเข้า
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #669 เมื่อ: 27 มีนาคม 2553, 22:46:08 »

โอ้ววว...ถึงพวกริบบิ้นขาว ผู้รักสันติ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ทุกท่านครับ
Red Buffaloes มันแอบเอาสโลแกน เอาโลโก้ของพวกท่านไปหากินซะแล้ว
สันดานเฮี้ยจริงๆ ต้องเจอรื้อป้ายแบบนี้ครับ...
gek

      บันทึกการเข้า

...
หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #670 เมื่อ: 28 มีนาคม 2553, 13:08:20 »

ร้านอาหารแถวบ้าน...แดงเถือกเลยคับ....
      บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
telek78
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2538
กระทู้: 1,924

เว็บไซต์
« ตอบ #671 เมื่อ: 28 มีนาคม 2553, 13:16:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ หลิม 81 เมื่อ 28 มีนาคม 2553, 13:08:20
ร้านอาหารแถวบ้าน...แดงเถือกเลยคับ....

ขายข้าวหมูแดงเหรอ
      บันทึกการเข้า
หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #672 เมื่อ: 28 มีนาคม 2553, 19:01:15 »

อ้างถึง
ข้อความของ ตี๋เล็ก กฤษดา เมื่อ 28 มีนาคม 2553, 13:16:19
อ้างถึง
ข้อความของ หลิม 81 เมื่อ 28 มีนาคม 2553, 13:08:20
ร้านอาหารแถวบ้าน...แดงเถือกเลยคับ....

ขายข้าวหมูแดงเหรอ

เย็นตาโฟ..
      บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #673 เมื่อ: 28 มีนาคม 2553, 20:19:44 »

เจรจาจบแล้วไม่คืบหน้าพรุ่งนี้ว่ากันใหม่ห้าโมงเย็น
      บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #674 เมื่อ: 29 มีนาคม 2553, 00:11:26 »

นั่งอ่าน ข่าวที่เค้าถอดคำพูดของ ทักษิณ  ...  ต้องบอกว่า ไม่แปลกใจเลยที่คนเสื้อแดง ชอบฟัง และเชื่อได้สนิทใจ ...

ทั้งปากหวาน  ทั้งตะล่อมเก่ง  ...  

คนแบบนี้น่ากลัว และ อันตราย ...
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 25 26 [27] 28 29 ... 34  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><