22 พฤศจิกายน 2567, 04:15:38
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ดวงทิพย์ พา Watson Pongwarapa 14 เที่ยว Mountain View  (อ่าน 17497 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ดวงทิพย์ สิงห์ดำ24
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 383

« เมื่อ: 02 กันยายน 2558, 12:25:48 »

เนื่องจาก Watson Pongwarapa 14 ได้ไปเยี่ยมลูกสาวและลูกเขยที่เมือง Cupertino : a city in north central California, west of San Jose, part of the Silicon Valley complex; population 53,637 (est. 2008) เป็นเมืองที่มีสำนักงานใหญ่ของApple ตั้งอยู่ ลูกสาวและลูกเขยได้พาไปเที่ยวหลากหลายสถานที่ แล้วเอารูปไปลงในFacebook เป็นช่วงที่ดวงทิพย์ 14 ก็ไปเยี่ยมลูกชาย ลูกสะไภ้ และหลานชายอายุ 22 เดือน ที่เมืองMountain View : a city in north central California, near the southern end of San Francisco Bay, part of the Silicon Valley complex; population 71,348 (est. 2008) เป็นเมืองที่มีสำนักงานใหญ่ของGoogle ตั้งอยู่ ทั้งสองเมืองนี้ตั้งอยู่ไม่ห่างไกลกัน(ใช้เวลาขับรถประมาณ 15 นาที) ดวงทิพย์ จึงเข้าFacebook ชวนให้Watsonไปเที่ยวเมืองMountain View ซึ่งWatson ไม่ขัดข้องและไม่ปฏิเสธ ได้พาลูกสาวและลูกเขยมาเคาะประตูบ้านในวันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม 2558 เวลา 11.30 น.
ดวงทิพย์ทำหน้าที่พาชมเมืิองMountain View
-เริ่มตันด้วยการพาไปเดินชมตลาด ที่ Mountain View Sunday Farmers' Market เป็นตลาดนัดแผงลอยเฉพาะกิจมีเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น ตั้งอยู่ข้างสถานีรถไฟ Mountain View Transit Center เจ้าของสวน พ่อค้า แม่ขาย จะเอาสินค้า ส่วนใหญ่จะเป็นผักสด ผลไม้ตามฤดูกาล และมีอย่างอื่นบ้าง เช่น เนื้อสัตว์ เนื้อปลา เป็นต้น มาขายในช่วงเวลาประมาณ 9.00 -13.00 น.
(ที่กล่าวข้างต้นถึงสถานีรถไฟ Mountain View Transit Center นั้น จะเป็นสถานีให้บริการผู้โดยสารอำนวยความสะดวกมีให้ทั้ง Light Rail,Caltrain,Bus,Shuttle เมืองนี้มีระบบคมนาคมขนส่งที่ดีค่ะ)
-หลังจากนั้นพาไปเดินชมเมืองที่ถนนสายหลักของเมืองนี้ชื่อCastro Street เป็นศูนย์กลางเมืองและเป็นย่านธุรกิจการค้า สองฟากฝั่งจะเป็นตึกแถว ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารจากทั่วทุกมุมโลก เช่น อาหารจีน ไทย(มี 3 ร้าน) ญี่ปุ่น เอเชีย มงโกเลียน เม็กซิกัน มอรอคโค เมดิเตอร์เรเนียน นอกจากนั้นก็มี บริษัท ธนาคาร ห้างร้านจำหน่ายสินค้าประเภท หนังสือ เสื้อผ้า รองเท้า แว่นตา เป็นต้น ทั้งสองฟากฝั่งของถนนปลูกต้นไม้เพื่อให้ร่มเงาและความสวยงาม เช่น ต้น Crepe Myrtle เคยถามแล้วมีคนบอกว่าเป็นต้นไม้มาจากภาคใต้ของUSA มี 3 สี คือ ขาว ชมภู และแดง แต่ที่นี่ปลูกสีชมภู กำลังออกดอกเต็มไปทั้งต้น ดูแล้วสวยงาม ต้น Sycamore เป็นต้นไม้สูงแผ่กิ่งก้านสาขาแตกใบ(คล้ายใบเมเปิล) มีผลสีเขียว (ขนาดประมาณพุทราไทย กลม กลวง มีหนามแหลม) ห้อยต่องแต่ง ให้ร่มเงาไปตลอดสาย
---ร้านแรกที่เราแวะเข้าชมเป็นห้องแถว1คูหาบ้านเลขที่175 ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ชื่อ The Jehning Family Lock Museum เจ้าของร้านเป็นชายสูงวัยอายุ 86 ปี บอกว่าทุกคนในบ้านนี้มีอาชีพรับทำลูกกุญแจ ในพิพิธภัณฑ์ตึกแถวนี้จะโชว์; ขวดโหล เก็บลูกกุญแจจำนวนมากที่เคยทำไว้สมัยยังประกอบอาชีพอยู่ กุญแจและลูกกุญแจหลายชนิดหลายขนาดทั้งที่เป็นของในประเทศและต่างประเทศ(ไม่มีของไทย) ลูกบิดประตู ตู้เซฟสมัยก่อนที่ใช้เก็บสมบัติมีค่า มีอยู่หลายตู้ ล้วนเป็นตู้เซฟขนาดใหญ่โตมโหฬาร หนัก ต้องใช้แรงเปิดมาก บางตู้เปิดออกมาแล้วมีลวดลายแกะสลักสวยงามอยู่ด้านใน ลงชื่อผู้เข้าเยี่ยมชม หยอดเงินใส่โหลบำรุงพิพิธภัณฑ์แล้วรับกุญแจพลาสติกติดชื่อร้านเป็นที่ระลึกคนละ 1 ดอก
---ร้านที่ 2 พวกเราแวะเข้าไปในร้านไอศครีมอิตาเลียนชื่อร้าน gelato classico ซื้อแล้วจะนั่งทานในร้านก็ได้ แต่พวกเราเอาออกมานั่งทานที่โต๊ะนอกร้านริมทางเดิน ร้านนี้ได้รับการโหวต เป็น Voted Best Ice Cream ติดต่อกันมานานมากกว่าสิบปี นับตั้งแต่ ปี 2001 จนถึงปี 2015 เป็นร้านไอศครีมที่มีคนเข้าคิวยาวมากๆๆๆๆ ที่แปลกใจเองก็คือ....เคยเห็นเป็นประจำเวลากลางคืนอากาศเย็นคนก็ยังเข้าคิวยาวเพื่อทานของเย็นๆๆ
---ร้านที่ 3 พวกเราแวะเข้าไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อร้าน Niji Sushi รับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ลูกสาวและลูกเขยขอแยกตัวไปก่อน บอกว่าจะมารับคุณพ่อกลับเวลา 19.00 น.
---เหลือเราสองคน เราพาเดินผ่าน Mountain View Center For The Performing Arts เป็นโรงสำหรับแสดง คอนเสิร์ต ดนตรี ละครเพลง บัลเล่ต์ ราคาตั๋วแล้วแต่วัยเรื่องและรอบ แล้วเดินเข้าชมสวน Pioneer Memorial Park ซึ่งอยู่ติดกัน เป็นสวนหย่อมขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กอยู่กลางเมือง เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นปอดกลางเมือง ที่เมืองนี้จะมีสวนหย่อมกระจัดกระจายอยู่ใกล้ชุมชนทั่วไป
---ต่อด้วยการแวะเข้าห้องสมุด Mountain View Public Library ที่อยู่ติดกันกับสวนนั่นเอง เป็นห้องสมุดครบเครื่องสำหรับทุกวัย  มี 2 ชั้น ชั้นล่างมีพื้นที่เป็นส่วนแบ่งสำหรับเด็กเล็ก พาขึ้นไปชมชั้นบน ณ.ที่ห้องหนึ่งมีเก้าอี้ที่นั่งใหญ่โตเหมือนในห้องรับแขกของโรงแรม เนื่องจาก Watson ยังไม่หายจากอาการ jet lag จึงของีบหลับสัก 1 ชั่วโมง เราก็แอบไปงีบหลับเหมือนกันในอีกห้องหนึ่ง แต่เอาเข้าจริงหลับได้คนละ 45 นาที
---ออกจากห้องสมุด Watson บอกว่าชอบทานไอศครีม เราก็ชอบด้วย จึงกลับไปกินไอติมที่ร้านเดิมอีก คราวนี้กินคนละ 2 ถ้วยเลย จะได้หมดเรื่องไอติมไป
---หลังจากนั้นก็พากันไปนั่งรถMountain View Community Shuttle เป็นรถบริการรับส่งฟรี วิ่งวนรอบเมือง เป็นรถของบริษัท Google และGoogleเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยจ้างพนักงานขับรถยนต์จากบริษัท WeDriveU มี 2 เส้นทางคือ เส้นทางสีเทา (วิ่งตามเข็มนาฬิกา) และ เส้นทางสีแดง (วิ่งทวนเข็มนาฬิกา) รถออกทุก 30 นาที หนึ่งรอบใช้เวลา 1 ชั่วโมง วันทำงานบริการ 10.00 น.-18.00 น. วันสุดสัปดาห์เพิ่มรอบเย็นอีก 2 รอบ วันนักขัตฤกษ์เริ่มเที่ยงถึงสองทุ่ม ช่วงที่เราไปถึงต้นสายที่  Mountain View Transit Center มีรถสายสีเทามาจอดพอดี เราไม่เลือกอยู่แล้ว คันไหนมาก่อนก็ขึ้นคันนั้นค่ะ เริ่มนั่งที่ต้นสายสี่โมงเย็นกลับมาถึงห้าโมงเย็น
---สุดท้ายด้วยการพาไปเดินที่ Stevens Creek Trail  เป็นสวนขนาดใหญ่ มีห้วยลำรางสำหรับระบายน้ำหลากในฤดูฝน
 (ขณะนี้ไม่มีน้ำ) เป็นที่อาศัยของสัตว์บางประเภท เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกาย ช่วงเย็นหลังเลิกงาน คนจะมาออกกำลังกายด้วยการเดิน วิ่ง และขี่จักรยาน ด้วยเวลาจำกัดใกล้จะถึงเวลาที่ลูกสาวและลูกเขยจะมารับกลับบ้าน จึงเยี่ยมชมได้เพียงเล็กน้อย
และแล้วก็ถึงเวลา1ทุ่มที่ลูกสาวและลูกเขยมารับกลับบ้าน เราจึงต้อง say goodbye กล่าวลาจากกันค่ะ

               
      บันทึกการเข้า
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><