25 พฤศจิกายน 2567, 19:34:59
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ระวังมะเร็งปากมดลูก  (อ่าน 31916 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jimsy
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195

« เมื่อ: 20 ธันวาคม 2550, 15:09:22 »

 มีเพื่อนส่งมาให้อ่านเลยนำมาฝากค่ะ...เพื่อจะได้ระวังกันซักนิด


Subject: FW: มะเร็งปากมดลูก
Date: Fri, 16 Nov 2007 12:05:16 +0700
From: Urai@state.gov


 
ท่านทราบไหมว่า ผู้หญิงไทยป่วยและเสียชีวิตด้วยมะเร็งชนิดใดมากที่สุด ? จากสถิติทางการแพทย์ระบุไว้ว่า โรคมะเร็งที่ผู้หญิงไทยเป็นมากที่สุดคือ มะเร็งปากมดลูก ในเวลา 24 ชั่วโมง ผู้หญิงไทยไปเสียชีวิตด้วยมะเร็งปากมดลูกถึง 9 คน ในขณะที่ทั่วโลกทุก ๆ 2 นาที ผู้หญิง 1 คน จะเสียชีวิตด้วยมะเร็งปากมดลูกนี้ ในแต่ละปีจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ 2.7 แสนคน ในปี 2545 มีการสำรวจ พบว่า...มีผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ 5 แสนคนทั่วโลก สำหรับในไทยมีถึง 6,000 ราย นี่เป็นการยืนยันว่า มะเร็งปากมดลูกเกิดได้กับสตรีทั่วโลก โดยไม่เลือก อายุ วัฒนธรรม การศึกษา

นายแพทย์ฉันทวัฒน์ เชนะกุล เล่าไว้ในเดลินิวส์ว่า ต้นเหตุของมะเร็งปากมดลูก พบว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เกิดจากไวรัสตัวหนึ่งที่ชื่อว่า " เอชพีวี " (Human Papilloma Virus) นอกจากนี้ไวรัสตัวนี้ยังก่อให้เกิดโรคติดเชื้อสารพัดทั้งในคนและสัตว์ เช่น หูดตามผิวหนัง หูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ หรือแม้แต่ก้อนติ่งเนื้อในหลอดเส้นเสียง ฯลฯ " เซลล์ปากมดลูกของผู้หญิง " จะมีการแบ่งตัวตลอดเวลา พอไวรัสตัวนี้เข้าไปปุ๊บ ก็ไปทำให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์ที่ผิดปกติขึ้น ซึ่งการแบ่งตัวของเซลล์ที่ผิดปกติจะพัฒนาไปเป็นมะเร็งได้ แต่ในผู้ชายไม่มีจุดที่ว่านี้ เพราะส่วนที่ปกคลุมอวัยวะเพศชายทั้งหมดเป็นเซลล์ชนิดเดียวกันหมด เหมือนผิวหนังของคนเรา ไม่มีส่วนที่เป็นเซลล์เปลี่ยนแปลง ผู้ชายจึงได้เปรียบ แม้มีไวรัสตัวนี้อยู่ในตัว แต่ไม่มีโรค ไม่มีอาการอะไร การตรวจหาในผู้ชายจึงยากนัก

นายแพทย์วิสิทธิ์ สุภัครพงษ์กุล สูตินรีแพทย์ จากโรงพยาบาลราชวิถี ให้สัมภาษณ์ไว้ในกรุงเทพธุรกิจว่า เชื้อไวรัส เอชพีวีพบได้ในที่ทั่ว ๆ ไป สามารถติดต่อได้ง่าย ๆ และติดเชื้อได้ซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง เชื้อนี้อาจจะหายได้เองภายใน 3 ปี แต่ถ้าติดเชื้อแบบเรื้อรังจนอาจฝังตัวอยู่ในเซลล์ของปากมดลูก ก็จะพัฒนาไปสู่การเป็นมะเร็งปากมดลูกได้

ผู้หญิงหลายคนเข้าใจว่า...โรคมะเร็งปากมดลูกจะติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์เท่านั้น หรือบางคนก็เข้าใจว่าเกิดจากกรรมพันธุ์ หลายคนดูพ่อแม่พี่น้องตัวเองไม่มีใครเป็น จึงทำให้ผู้หญิงขาดการระมัดระวังตัว ตอนนี้จึงต้องมาทำความเข้าใจกับผู้หญิงให้ถูกต้อง ว่า ...มะเร็งปากมดลูก นอกจากการมีเพศสัมพันธ์แล้ว แม้ไม่มีการสอดใส่ เพียงแค่สัมผัสของผิวหนังที่บริเวณอวัยวะเพศ ก็สามารถติดเชื้อได้แล้ว นายแพทย์วิสิทธิ์ ได้ยกตัวอย่างเรื่องขากางเกงของผู้หญิงที่ชอบใส่ยาว ๆ ลากพื้น หากเข้าห้องน้ำหรือส้วมสาธารณะขากางเกงนั้นอาจจะลากเอาเชื้อ " เอชพีวี " ติดมากับขากางเกงด้วย และหากเอามือไปจับต้องขากางเกง แล้วนำไปจับผ้าเช็ดตัว กางเกงชั้นใน หรือสิ่งอื่น ๆ ที่ต้องไปสัมผัสกับอวัยวะเพศ ก็เสี่ยงที่จะติดเชื้อเอชพีวีได้    
 
เมื่อคุณหมอออกมาเตือนกันเช่นนี้ ผู้หญิงจึงจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวในการเข้าห้องน้ำห้องส้วมเพิ่มมากขึ้น

- เริ่มตั้งแต่สำรวจความสะอาดของส้วมก่อนว่าเป็นเช่นไร ? สะอาดไหม ? พื้นแห้งไหม
- หากส้วมไหนสกปรก เปียกชื้นก็ต้องระมัดระวังให้ดี ไม่จำเป็นก็ไม่ควรเข้า
- แต่หากสุดจะทน ก่อนเข้าก็ต้องพับขากางเกงให้เรียบร้อยก่อนเข้าเพื่อป้องกันไม่ให้เปียกชื้น
- ราดน้ำให้สะอาดก่อนนั่งส้วมทุกครั้ง หากเป็นโถชักโครกก็ควรจะใช้กระดาษทิชชูเช็ดฐานที่นั่งให้แห้งก่อนนั่ง
- เมื่อเสร็จกิจก่อนจะล้างอวัยวะเพศหรือก้นควรล้างมือด้วยน้ำสะอาดก่อนแล้วจึงล้างอวัยวะเพศด้วยน้ำสบู่หากในห้องน้ำนั้นมีพร้อมแต่ถ้าไม่มีก็ควรล้างน้ำเปล่าหลาย ๆครั้งจนแน่ใจว่าสะอาด
- ใช้กระดาษซับอวัยวะให้แห้งก่อนใส่กางเกงใน
- ก่อนละจากส้วมต้องไม่ลืมราดน้าให้สะอาด ปราศจากกลิ่น สี และมูลของเรา เพื่อแสดงความรับผิดชอบที่ดีต่อสังคม และเป็นการเอื้ออาทรให้คนอื่นได้ใช้ด้วย
- เปิดประตูออกจากส้วมมาแล้วก็ยังต้องไม่ลืมล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดอีกครั้ง ต้องไม่ลืมล้างลูกบิดก๊อกน้ำก่อนล้างมือทุกครั้งนะเพราะที่ตรงนั้นเต็มไปด้วยเชื้อโรค
- หลังล้างมือเสร็จควรเช็ดมือให้แห้งด้วยทิชชู หรือผ้าเช็ดหน้า ไม่ควรสัมผัสอะไรอีก แต่ถ้าต้องสัมผัสลูกบิดประตูอีกครั้งขอแนะนำว่า ใช้กระดาษทิชชูเป็นตัวช่วยในการเปิดลูกบิด มือเราจะได้ไม่ต้องกลับไปสัมผัสเชื้อโรคอีก
- อีกอย่างที่อยากจะฝาก แม้ไม่ใช่ห้องน้ำสาธารณะที่บ้านเราเองก็ควรจะมีพฤติกรรมอย่างที่แนะนำมาข้างต้น โดยเฉพาะพื้นห้องน้ำห้องส้วมควรเช็ดให้แห้งอย่าให้เปียกชื้นเพราะนอกจากช่วยป้องกันโรคแล้ว ยังช่วยป้องกันอุบัติเหตุด้วย
 
 ดูแล้วเหมือนเป็นเรื่องยาก แต่หากคุณผู้หญิงทำให้เป็นนิสัย พกทิชชูเป็นประจำ ล้างมือทุกครั้ง ใส่ใจเพียงนิดเดียวมะเร็งร้ายก็ห่างไกลแล้วล่ะ  
 
บันทึกการเข้า
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #1 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2552, 11:22:38 »

     

          .....เห็นข่าว ให้ สุภาพสตรี อายุต่ำกว่า  25  ปี  สามารถฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ครับ 

               น่าจะ  3  เข็ม    0 - 1 - 6  เดือน  ครับ.....
      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #2 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2552, 09:45:03 »



วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นของมะเร็งชนิด ต่างๆ

อาการของ การเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย

1. มะเร็งปากมดลูก อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ

ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณอาการเจ็บปวดและ

มีเลือดออกหลังจากมีเพศ สัมพันธ์

หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูด นื้อเยื่อ

จากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ ได้

2. มะเร็งในมดลูก อาการ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือ

บางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่อง ท้อง

3. มะเร็งรังไข่ อาการ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอก่อน หรือ

การมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศ สัมพันธ์

มีปัญหา เกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย

น้ำหนักลดและมีอาการปวดหลัง

4. มะเร็งในเม็ดเลือด ( ลูคีเมีย) อาการเหนื่อยง่ายและ

มีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว หรือ

มีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและ

มักจะเกิดร่วมกับอาหาร ปวด ตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกาย

บางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวม

ที่ด้านซ้ายของ ช่องท้อง

5. มะเร็ง ปอด อาการ มักมีอาการไอบ่อย ๆ มีเลือดออกและ

มีเสมหะปนมากับน้ำลายน้?หนักลดอย่าง ฮวบฮาบ เจ็บ หน้าอก

และหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วย

ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

6. มะเร็ง ตับ อาการ ปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดตาและ

ผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ ชัด

7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ

8. มะเร็ง สมอง อาการ ปวดศีรษะนาน ๆ และมักมีอาการอื่น

ร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า

และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ

อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ การเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วน

ของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและเป็น อัมพาตชั่วคราว

ควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัว

ที่มีอาการ เหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย

9. มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก หรือทีลิ้นเป็น

เวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษา หรือ

เป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอม

ที่ใส่ไว้ประจำหรือ เป็นเวลานาน

10.. มะเร็งในลำคอ   อาการ เสียงแหบพร่าไปทันที มีก้อนบวม

ในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก หรือมีการขยายตัว

ของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึก ได้

11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว

อาเจียนออกมาเป็นเลือดท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย บ่อย รู้สึก

เหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะ

รับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ

12. มะเร็งทรวงอก อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหล

ออกมาจากหัวนมบวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนา ขึ้นมีก้อนบวม

จนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิด ขึ้น

ที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวัง

เพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อ

บริเวณทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น

เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำ

ใต้ผิวหนังที่เรียกว่า

ซีสต์ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจน

เสียก่อนว่าคืออะไรกัน แน่

13. มะเร็งลำไส้ อาการ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการ

ปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติ

มีเลือดออกปนมากับอุจจาระ

**** ซึ่ง มีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือ

ถ้าใช้กระดาษทิช ชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสดนั่นคืออาการของ

ริดสีดวงทวารแต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำนั่น คือ

อาการของโรคมะเร็งในลำไส้
 
14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือ

ใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้ เกิดอาการติดเชื้อในบาง

ส่วนของร่างกายมะเร็งผิวหนัง อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพอง

ที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจนไฝ หรือ

หูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง ขนาด

นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ เรียกว่า

เมลาโนมา ( Melanoma ) คือ เนื้อ งอกที่ประกอบด้วยเซลล์

ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝ

มากกว่า 50 เม็ดทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติ

ถึงท่าน ผู้โชคดี ได้อ่านบทความนี้

ขอให้ท่านนำเรื่องนี้ไปบอกต่อเป็นวิทยาทาน ท่านจะโชคดี

มีความสุขตลอดกาล  
  
และขออย่าได้เก็บไว้ เป็นส่วนตัวโดยเด็ดขาด

จาก narongsak.com

หมายเหตุ ในอนาคต ทุกคนจะมีแพทย์ประจำครอบครัว



มีสถานที่ทำงานที่สถานีอนามัยเดิม พัฒนาเป็น ศูนย์แพทย์ชุมชน และ

จะพัฒนาเป็น ร.พ.ส่งเสริมสุขภาพตำบล ในที่สุด

เมื่อมีความผิดปกติ ให้รีบไปปรึกษา ทันที

จะตรวจวินิจฉัย และ ให้การดูแลได้ ถ้าเกินความสามารถ

จะได้รับการส่งต่อไปพบแพทย์ที่เหมาะสม

เป็นบริการของรัฐไม่เสียค่าบริการ

ตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550

มาตรา ๕๑ บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับบริการ

ทางสาธารณสุขที่เหมาะสมและได้มาตรฐาน และ

ผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลจากสถานบริการ

สาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการบริการสาธารณสุขจากรัฐ

ซึ่งต้องเป็นไปอย่างทั่วถึง และ มีประสิทธิภาพ


บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตราย

จากรัฐอย่างเหมาะสมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและทันต่อเหตุการณ์

ตามเวบ รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550

http://www.ryt9.com/s/lwai/336299/

และ ตามคำขวัญ ของแพทย์ประจำครอบครัวที่ว่า

"ดูแลแต่แรก แทรกทุกเรื่อง อย่างต่อเนื่องผสมผสาน

ดูแลใกล้บ้านประสานส่งต่อ"


 bye bye bye bye bye bye
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
อ้อย17
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,908

« ตอบ #3 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2552, 20:01:32 »

ในอนาคตอีกนานไหมหมอสำเริง
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #4 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2552, 10:56:26 »

อ้างถึง
ข้อความของ อ้อย17 เมื่อ 27 มิถุนายน 2552, 20:01:32

ในอนาคตอีกนานไหมหมอสำเริง


ยกข้อความ คุณอ้อย 17 มาขยายว่า ในอนาคตอีกนานไหมหมอสำเริง

ในอนาคต คงหมายถึง

1.การที่ทุกคนจะมีแพทย์ประจำครอบครัว ไว้เป็นแพทย์ที่ปรึกษาประจำตัว

2.การที่แพทย์ประจำตัวตามข้อ 1.มีสถานที่ทำงาน ให้บริการที่มีคุณภาพ

เข้าถึงบริการได้ง่าย ใกล้บ้าน ใกล้ใจ เพื่อไม่ต้องเดินทางมา ร.พ.

ทำให้ ร.พ.ลดความแออัด ไม่ต้องสร้าง ร.พ.ใหญ่ขึ้น แต่ไปใหญ่ขึ้น

ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน คือ

ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล ในอนาคต

ร.พ.อำเภอจะเป็นสถานที่รับส่งต่อ จิ๋วแต่แจ๋ว ดูแลเฉพาะคนไข้

ที่จำเป็นเท่านั้นที่มา ได้แก่

คนไข้อุบัติเหตุ หรือ ฉุกเฉิน และ คนไข้ที่ถือใบส่งตัวจากแพทย์

ประจำครอบครัวที่ออกไปตรวจที่สถานพยาบาลใกล้บ้านส่งมา

เพื่อตรวจเลือด หรือ นอน ร.พ.เท่านั้น ซึ่งมีน้อยมาก

เพียงจัดให้มีคิวแพทย์อยู่ให้บริการเพียงคนเดียวดูแลได้


อีกนานไหมหมอสำเริง ขึ้นอยู่กับ ประชาชนเอง

ถ้าต้องการ และ เรียกร้องให้มีก็จะเกิดขึ้นเร็ว

โดยประชาชน ต้องยอมรับการใช้บริการกับแพทย์ประจำ

ครอบครัวก่อนไม่เลือกแพทย์ และ สถานพยาบาลเอง

ใช้บริการสถานพยาบาลที่ระบุสิทธิให้รักษาใกล้บ้าน

ไม่ช๊อปปิ้งแพทย์ และ สถานพยาบาล ซึ่งเป็นทัศนคติผิด

ที่ฝังรากลึกมานาน

เนื่องจากคนไข้ที่ป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มป่วย แพทย์ประจำครอบครัว

หรือ แพทย์ทั่วไป เรียนแพทย์จบ 6 ปีสอบได้

ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม จากแพทยสภา

ปีหนึ่งมีแพทย์จบใหม่ประมาณ 1,500 คน

สามารถดูแลรักษาได้เป็นส่วนใหญ่

ถ้าจัดให้มาแทนแพทย์เฉพาะทางที่มาอยู่ ร.พ.อำเภอ

สาขาละ 1 คน ซึ่งมีคนไข้ต้องการพบแพทย์เฉพาะทางน้อยมาก

ไม่สามารถตั้งแผนกให้ตรวจได้

ต้องช่วยดูแลคนไข้ทุกแผนก ทำให้แพทย์ทุกคนเครียด

ทำงานไม่ตรงสาขา

และ คนไข้ก็เครียดต้องลองรักษากับแพทย์เฉพาะทาง

เพียงคนเดียวนั้นก่อน

ถ้าอาการไม่ดีขึ้น จึงจะส่งต่อ พบแพทย์เฉพาะทางที่

ร.พ.จังหวัด หรือ ร.พ.ศูนย์ ซึ่งเมื่อได้รับการส่งต่อ

มักอาการหนักมาก หรือ สายเกินไปที่จะรักษาแล้ว so sad

จึงควรปรับปรุง ให้ ร.พ.อำเภอมีแพทย์จบใหม่ หรือ แพทย์ทั่วไป หรือ

แพทย์ประจำครอบครัว เท่านั้น ไม่ควรมีแพทย์เฉพาะทาง

โดยแพทย์ทั่วไป หรือ แพทย์ประจำครอบครัวนี้ต้อง

ทำงาน 2 สถานที่ คือ

1.ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน คือ สถานีอนามัย ซึ่งจะพัฒนาเป็น

ศูนย์แพทย์ชุมชน ซึ่งจะพัฒนาเป็น

ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล  

ออกตรวจคนไข้นอก นอก ร.พ.หลังดู

คนไข้ในพื้นที่ ที่มานอนป่วยใน ร.พ. ช่วงเช้า และ

2.ที่ ร.พ.อำเภอ เมื่อคนไข้ป่วยไม่มากแพทย์ทั่วไป

สามารถดูแลได้ให้มานอน แล้วแพทย์คนเดิมนั้น

กลับมาดูแลต่อ เมื่อดูคนไข้นอก นอก ร.พ.

แล้วเที่ยงกลับมา เพื่อดูคนไข้ต่อ เช่น

ดูแล็ปที่สั่งตรวจตอนเช้า ฯลฯ

เป็นการทำตามอุดมการณ์แพทย์ประจำครอบครัว ที่ว่า

ดูแลแต่แรก แทรกทุกเรื่อง อย่างต่อเนื่องผสมผสาน

ดูแลใกล้บ้าน และ ประสานส่งต่อ


ส่วนแพทย์เฉพาะทางให้กลับไป ร.พ.จังหวัด หรือ ร.พ.ศูนย์

ในแผนกที่เรียนมาเพื่อคอยรับส่งต่อจาก ร.พ.อำเภอ

ที่เกินความสามารถ ส่งต่อมาให้รักษา

ซึ่งเมื่อได้รับการส่งต่อจะได้พบแพทย์ที่ถูกสาขา

และ ใช้สิทธิรักษาได้

และ ที่สำคัญทำให้ ร.พ.จังหวัด หรือ ร.พ.ศูนย์ ได้

แพทย์เฉพาะทางเพิ่มขึ้นทันที

ไม่ต้องให้แพทย์จบใหม่ ต้องไปเรียนเฉพาะทาง

ทำให้แพทย์ขาดไปมากขึ้น


จะเกิดขึ้นได้ ยากมาก เหมือนการย้ายภูเขา ท่าน ศ.น.พ.ประเวศ วะสี ราษฏร/แพทย์อาวุโส

ได้แนะนำให้ใช้ สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา มาใช้

เมื่อมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงยาก ๆ  


สามเหลี่ยม มี 3 ด้าน  คือ

ด้านที่ 1 ให้ความรู้ ผมได้แสดงตัวอย่างโดยให้ความรู้กับพวกเราทาง

เวบบอร์ดซีมะโด่ง นี้ เรื่อง ยกบริการปฐมภูมิออกนอก ร.พ.แล้ว ที่

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3201.0.html

ด้านที่ 2 การรวมตัวกันของผู้มีความรู้ช่วยกันผลักดันให้เกิดเปลี่ยนแปลง

มีตัวอย่าง คุณอ้อย 17 เพื่อนร่วมรุ่นหอซีมะโด่งเริ่มสนใจ

อยากให้เกิดขึ้นโดยถามว่า

 ในอนาคตนานไหมหมอสำเริง แล้ว

ด้านที่ 3.การออกระเบียบ หรือ กฏหมาย บังคับให้เปลี่ยนไปตามความรู้

นอกจาก ผมโพสท์ในเวบบอร์ดซีมะโด่ง นี้แล้ว ผมยังแสดงตัวอย่าง

ติดต่อชาวหอรหัส 16



นำเสนอ พณฯท่าน ร.ม.ต.ว่าการกระทรวงสาธารณสุข ท่านวิทยา แก้วภราดัย

ผู้คุมนโยบายกระทรวง สามารถทำให้เกิดการปฏิบัติได้เร็วขึ้น

ท่านจบนิติศาสตร์จุฬาฯ รหัส 16

ผมได้ส่งข้อความส่วนตัว ในเวบซีมะโด่ง เรียนพี่เจี๊ยบ 16 และ

พี่เหยง 16 ให้เป็นธุระติดต่อกับ ชาวหอฯ รหัส 16 ที่เรียนนิติ

เพื่อนเรียนร่วมรุ่น ให้นำเรียนให้พณฯท่าน ร.ม.ต.วิทยา

ได้อ่าน และ พิจารณา ถ้าท่านเห็นด้วยอนาคต ที่คุณอ้อย 17

ถาม จะไม่ไกลเกินจริง

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

เมื่อจะใช้จริงต้องทำสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา

ในระดับประเทศ เหมือนที่ผมแสดงตัวอย่างที่เวบของพวกเรา

หมายเหตุ วันที่ 1 กรกฏาคม 2552 นี้ ศูนย์แพทย์ตำบลเขาหินซ้อนที่

ผมรับผิดชอบได้รับการยกฐานะเป็น ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล

มีผมเป็นแพทย์ประจำครอบครัว ออกให้บริการปฐมภูมิใกล้บ้านแล้ว

เป็น ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบลนำร่องให้เป็นที่ดูงานของที่อื่นๆได้

เหมือนประเทศเจริญแล้ว เช่น ประเทศอังกฤษ และ ฟินแลนด์ ตาม

ที่อดีตเลขาธิการแพทยสภา น.พ.พินิจ กุลวณิชย์ ไปดูงานมาที่เวบ

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=samrotri&month=11-2006&date=16&group=1&gblog=4


 win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
SC (ก้าน 24)
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 981

« ตอบ #5 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2552, 19:15:23 »

ผมเคยอ่านหนังสือที่เขียนโดยชาวญี่ปุ่นนานมาแล้ว ท่านว่า

" สามารถหนึ่งของการเกิดมะเร็งปากมดลูก เกี่ยวเนื่องด้วยสารชนิดหนึ่งที่มีอยุ่ในอุจจาระเปียกที่มีอยู่ตรงส่วนคอหยักของอวัยวะเพศชาย ชาวยิวมีสถิติผู้หญิงเป็นมะเร็งปากมดลูกน้อยที่สุดในโลกเนื่องจากประเพณีศาสนาที่ต้องขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศตั้งแต่เด็ก จึงทำความสะอาดได้ง่าย ส่วนยุโรปและอเมริกาสถิติมากที่สุด อันเนื่องจากอากาศหนาวเย็ยฃน และไม่ค่อยได้อาบน้ำ ทำให้ไม่ค่อยได้ทำความสะอาดอวัยวะเพศ... "

จริงหรือไม่ครับพี่หมอ?


  งง งง
      บันทึกการเข้า

My Website <== คลิกเพื่อชม MV โดยไม่มีโฆษณาคั่น คลิกเล่นแล้ว คลิกขยายให้เต็มจอ อย่าคลิก YouTube
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #6 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2552, 18:23:05 »

อ้างถึง
ข้อความของ SC Vow เมื่อ 11 ตุลาคม 2552, 19:15:23
ผมเคยอ่านหนังสือที่เขียนโดยชาวญี่ปุ่นนานมาแล้ว ท่านว่า
" สาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็งปากมดลูก เกี่ยวเนื่องด้วยสารชนิดหนึ่งที่มีอยุ่ในอุจจาระเปียกที่มีอยู่ตรงส่วนคอหยักของอวัยวะเพศชาย ชาวยิวมีสถิติผู้หญิงเป็นมะเร็งปากมดลูกน้อยที่สุดในโลกเนื่องจากประเพณีศาสนาที่ต้องขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศตั้งแต่เด็ก จึงทำความสะอาดได้ง่าย ส่วนยุโรปและอเมริกาสถิติมากที่สุด อันเนื่องจากอากาศหนาวเย็ยฃน และไม่ค่อยได้อาบน้ำ ทำให้ไม่ค่อยได้ทำความสะอาดอวัยวะเพศ... "

จริงหรือไม่ครับพี่หมอ?


งง งง

จริงตามที่เข้าใจครับ


 
         นอกจากการขลิบหน้งหุ้มปลายเพื่อทำความสะอาดไม่ให้มีขี้เปียกสะสมที่ปลายอวัยวะเพศชาย ลดการเกิดมะเร็งปากมดลูกแล้ว การคุมกำเนิดด้วย ถุงยางอนามัย ทำให้ลดการสัมผัสกับ ขี้เปียกของเพศชาย (Smegma)โดยไม่ต้องขลิบหน้ง ลดการเกิดมะเร็งปากมดลูกลดลงได้เช่นกัน
         แต่ค่านิยมคนไทยไม่นิยมใช้คุมกำเนิดกัน เพราะ เข้าใจผิดว่า ถุงยางนั้นมีไว้สำหรับหญิงอาชีพพิเศษ จึงไม่ใช้กันไปทานยาคุม หรือ ฉีดยาคุม ซึ่งมีผลต่อตับ ต่อการสะสมไขมัน ต่อการเจริญอาหารทำให้น้ำหนักขึ้น ฯลฯ

         การใช้ถุงยาง จึงได้ประโยชน์ทั้งคุมกำเนิด ที่ไม่ต้องรับยาเข้าสู่ร่างกาย เพียงใช้ถุงยางกันไม่ให้น้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูกเท่านั้น และ ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกได้อีกด้วย

 gek gek gek


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #7 เมื่อ: 31 มีนาคม 2553, 11:26:44 »


                                          

                  น้ำชากลายเป็นเครื่องดื่มมิตรของสตรี ป้องกันมะเร็งรังไข่

         สตรีควรจะดื่มชาไม่ว่าชาเขียวหรือชาดำเอาไว้ประจำ วันละ 1–2 ถ้วย จะช่วยลดอัตราเสี่ยงการเป็นมะเร็งของรังไข่ลงได้ ตั้งครึ่งหรือมากกว่านั้น

         นักวิจัยมหาวิทยาลัยแห่งวอชิงตัน ของสหรัฐฯ สังเกตพบจากการศึกษากับผู้หญิง 2,000 คน ว่า สามารถหนีห่างโรคมะเร็งรังไข่ได้ตั้งร้อยละ 54 ชั่วการดื่มชาเขียวประจำวันละ 1-2 ถ้วย

         ขณะที่สถาบันการแพทย์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ก็ศึกษาพบว่า สตรีที่ดื่มชาดำวันละอย่างต่ำ 2 ถ้วย จะลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งรังไข่ ลงได้เกือบร้อยละ 50

         การศึกษาทั้งสองแห่ง ได้ ยืนยันสรรพคุณของชาดำและชา เขียวในการป้องกันมะเร็ง นอกจากที่เคยสังเกตพบว่า ช่วยบำรุงหัวใจ สมองและลดปริมาณไขมันเลวในเลือดลงได้.

         ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยรัฐ วันพุธ ที่ 31 มีนาคม 2553

         http://www.thairath.co.th/content/life/73844

         ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

         คนจีน และ ญี่ปุ่น มีอายุยืน นักวิจัย วิจัยหาสาเหตุ พบว่า เนื่องจากการดื่มชา แทนน้ำ ทำให้ไม่ป่วยง่าย ๆ เพราะ พบว่าในน้ำชามีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งทำให้เซลล์ต่างๆ เสียหาย เป็นสาเหตุ ของโรคต่าง ๆ

         ผม ดื่มชาซองยี่ฮ้อหนึ่ง นำมาใส่น้ำเย็นธรรมดา คนอื่นๆ ใช้น้ำร้อน แต่ผมว่า การใช้น้ำร้อนจะทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในช่องปาก และ หลอดอาหาร เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่พบว่า คนจีน และ ญี่ปุ่น เป็นเนื้องอกทางเดินอาหารกันมากกว่าชาติอื่นจากดื่มชาร้อน ๆ
 
          รักนะ รักนะ รักนะ

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

ขอนแนะนำ ชาซอง มีคุณภาพ และ ไม่แพง ผมใช้อยู่ 100 ซอง 165 บาท ซองละไม่ถึง 2 บาท

                    ลิปตันผู้นำเครื่องดื่มประเภทชาระดับโลก

          เมื่อพูดถึงชาคุณภาพชั้นดีที่ให้ความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า คุณจะนึกถึงชาลิปตัน

                    
          
         ลิปตันถือเป็นตราสินค้าผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่ยี่ห้อหนึ่งในโลก ทั้งนี้เนื่องมาจาก ภาพลักษณ์ความเป็นผู้เชี่ยวชาญเครื่องดื่มที่ผลิตจากชาคุณภาพชั้นดี อันได้แก่ ชาประเภทชาใบ ชาฝรั่งประเภทถุง ชาพร้อมดื่ม และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพประเภทอื่นๆ ที่เป็นทางเลือกที่มีคุณภาพให้กับผู้บริโภค

                   หัวใจของตราสินค้าลิปตัน

         คือ พลังธรรมชาติแห่งชีวิตที่มอบให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งเป็นผลเนื่องมาจาก 3 องค์ประกอบหลัก

1.ผลิตภัณฑ์ชาลิปตัน ซึ่งเป็นชาธรรมชาติแท้ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีจากแหล่งต้นกำเนิดชา เพื่อประสบการณ์การดื่มอันสมบูรณ์แบบของผู้บริโภค

2.คุณประโยชน์ของชาลิปตันคุณภาพที่ให้ความสดชื่น และ

3.ส่งเสริมสุขภาพอันดี

         กล่าวได้ว่า ไม่มีอะไรเทียบได้กับชาสักถ้วยที่ให้ทั้งรสชาติกลมกล่อม กำลังดี และคุณสมบัติสารต่อต้านอนุมูลอิสระของชาที่ส่งผลดีต่อการทำงานของหัวใจ และชลอความแก่

         ทัศนคติในแง่บวกที่ลิปตันต้องการสื่อสารให้ผู้บริโภคมองโลกในแง่ดีผ่านการดื่มด่ำชาลิปตัน เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตไปอย่างมีความสุข            

                   จุดเด่นลิปตัน

         ชาลิปตันเป็นชาที่เป็นที่นิยมสูงสุดยี่ห้อหนึ่งของโลก ลิปตันเป็นผู้นำทางการตลาดในกลุ่มสินค้าประเภทชา โดยมีส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกสูงกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ ถึง 3 เท่า มีจำหน่ายในกว่า 110 ประเทศทั่วโลก โดยเป็นตราสินค้าที่เป็นที่นิยมอย่างมากในทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ ตะวันออกกลาง และเอเชีย รวมถึง ประเทศไทย
            
                   เครื่องดื่มที่ให้มากกว่าความสดชื่น

         ลิปตันเป็นตราสินค้าตัวแทนของผลิตภัณฑ์ชาคุณภาพ โดยคุณสมบัติของชาลิปตัน นอกจากจะทำให้ร่างกายและจิตใจมีความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ยังช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้อีกมากมาย อาทิเช่น

         โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง อีกทั้งยังช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าและความเครียดต่างๆ ในแต่ละวัน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากความสมดุลย์ของส่วนประกอบต่างๆ ในผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นสารทีนีน คาเฟอีน และ สารต่อต้านอนุมูลอิสระ คุณสมบัติเหล่านี้เองที่ทำให้ชาลิปตันแตกต่างจากเครื่องดื่มอื่นๆ ในตลาด เช่น กาแฟ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ หรือแม้กระทั่งน้ำเปล่า

         โดยผลิตภัณฑ์หลักที่เราทำการตลาดและจัดจำหน่าย คือ ชาลิปตันฉลากเหลือง ซึ่งเป็นชาคุณภาพมาตรฐานที่คัดสรรมาอย่างดี ทำจากใบชาแท้จากธรรมชาติ 100% ทั้งนี้การออกแบบถุงชาเป็นรูปแบบเฉพาะพิเศษ ที่ทำให้น้ำร้อนผ่านสู่ใบชาได้สะดวกเต็มที่ จึงให้กลิ่นหอมกรุ่นจากใบชาแท้ และรสชาติที่เข้มข้น รับรองมาตรฐานโดยสูตรอินเตอร์แนลชั่นนัล เบลน ที่ให้รสชาติที่ได้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก

         สินค้าในกลุ่ม
 
ชาผงซองฉลากสีเหลือง ขนาดบรรจุ 100 ซอง  
ชาผงซองฉลากสีเหลือง ขนาดบรรจุ 50 ซอง  
ชาผงซองฉลากสีเหลือง ขนาดบรรจุ 25 ซอง  

         นำมาจาก http://www.unilever.co.th/brands/foodbrands/lipton.aspx

         นำมาโพสต์ จากประสบการณ์ ที่ใช้ดื่มมานานกว่า 1 ปี แล้ว ได้ผลจริง ทำงานได้ไม่ง่วง สะดวกเวลาใช้ ไม่ต้องแติมน้ำตาล คอฟฟี่เมต เพียงใช้น้ำเปล่า 1 แก้ว จะร้อน หรือ น้ำดื่มธรรมดา ชาก็ละลายออกได้ ไม่จำเป็นต้องไปซื้อ ชา หรือ กาแฟ ราคาแพง มาทาน ทานชาซอง นี้แทน ดื่มแล้วสดชื่น ไม่มีแคลอรี่ ไม่อ้วน ต้านมะเร็ง รังไข่ ในสุภาพสตรีได้ด้วยจากงานวิจัย

                            gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #8 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2553, 15:30:30 »


ขอขอบคุณเวบแคนนอท วันอังคารที่ 29 มิถุนายน 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://cannot.info/feed/ข่าววิทยาการ/งานบ้านป้องกันมะเร็ง%20ทำครัว%20ซักรีดเสื้อผ้า%20%20สกัดเนื้อร้ายได้ถึง%201%20ใน%203



งานบ้านป้องกันมะเร็ง ทำครัว ซักรีดเสื้อผ้า สกัดเนื้อร้ายได้ถึง 1 ใน 3

ผู้หญิงที่หมั่นทำงานบ้านจะพลอยได้ประโยชน์ ช่วยป้องกันโรคมะเร็งเต้านมได้ แถมการกวาดถู และ
ทำงานบ้าน ยังให้ผลดีกว่าการออกกำลังเสียด้วย

การศึกษาวิจัยด้วยงบอุดหนุนของสำนักวิจัยโรคมะเร็งของอังกฤษ พบว่า
แม่บ้านตามชาติในยุโรป 9 ชาติ เรือนไม่ต่ำกว่า 200,000 คน จะหมดเวลาไปกับงานบ้าน
ตั้งแต่ทำครัว ทำความสะอาด และซักรีดเสื้อผ้า อาทิตย์ละสัก 16-17 ชม.

งานบ้านยังช่วยปกป้องจากโรคร้ายได้มากกว่าการเล่นกีฬาเสียอีก ถ้าหากเป็นสตรีวัยมีบุตร
จะป้องกันโรคได้มากถึงร้อยละ 30 และกับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ก็จะป้องกันได้ร้อยละ 20



พวกผู้เชี่ยวชาญรู้มานานแล้วว่า การออกกำลังช่วยป้องกันโรคมะเร็งทรวงอก
อาจจะเนื่องมาจากการปรับเปลี่ยนของฮอร์โมนและการเผาผลาญอาหาร แต่ยังไม่ค่อยกระจ่างนักว่า
การออกกำลังอย่างไหนถึงจะช่วยป้องกันโรคร้ายได้มากที่สุด


ดร.เวสลี่ วอกเกอร์ แห่งสถานวิจัยโรคมะเร็ง กล่าวว่า
"เรารู้กันแล้วว่า ผู้หญิงที่รักษาน้ำหนักตัวปกติเอาไว้ได้ จะช่วยป้องกันโรคมะเร็ง แต่ในการศึกษาครั้งนี้
แสดงว่า การออกกำลังก็ช่วยได้เช่นกัน แม้แต่ของง่ายๆ และไม่ได้แพงอะไรเลย เช่น
การทำงานบ้านก็ยังช่วยได้".


 รักนะ รักนะ รักนะ

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

ประโยชน์จากการทำงานบ้านเป็นแม่ศรีเรือน ให้ครอบครัวแล้วยังได้ประโยชน์อีกด้วย

 เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ
 
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #9 เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2553, 17:24:46 »


Fw: แพทย์จีนเจ๋ง! ใช้ไอเย็น รักษาโรคมะเร็ง‏
From: Charoenchai Taitilanunt (charoenchai.t@thaiairways.com)
Sent:Friday, July 09, 2010 3:48:08 PM
To: You รักนะ

Subject: แพทย์จีนเจ๋ง! ใช้ไอเย็น รักษาโรคมะเร็ง
 
โรคมะเร็ง ถือเป็นมหันตภัยร้ายที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกไปมากมายในแต่ละปี และหากมะเร็งลุกลาม
ไปถึงขั้นสุดท้าย ย่อมหมดหนทางรักษา หนำซ้ำการรักษามะเร็งยังก่อให้เกิดผลข้างเคียง
จึงทำให้ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยได้รับความทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก 



แต่ล่าสุด ได้เกิดเรื่องที่น่ายินดีขึ้นในวงการแพทย์ เมื่อนายแพทย์ชาวจีน ได้ค้นพบหนทางรักษา
โรคมะเร็งแนวใหม่ ที่ไม่มีผลข้างเคียงเหมือนการฉายแสง หรือทำคีโม และยังช่วยให้เซลล์มะเร็ง
สลายไปโดยผู้ป่วยไม่ต้องรับความทุกข์ทรมานอีกต่อไป


โดยคณะแพทย์ ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลฟูด้า (FUDA) ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มี
ชื่อเสียงในการรักษาโรคมะเร็ง จากมณฑลกวางเจา สาธารณรัฐประชาชนจีน
นำโดย ศ.นพ.สวี่ เค่อเฉิง ผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาล ได้เปิดเผยถึง

แนวทางการรักษาโรคมะเร็งแบบจีน ว่า ปกติแล้ว การรักษามะเร็งจะใช้วิธีการผ่าตัด การทำคีโม และ
การฉายแสงเป็นหลักซึ่งวิธีเหล่านี้มีผลข้างเคียงและคนไข้บางรายไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดได้
ดังนั้นการรักษาด้วยวิธีการเหล่านี้จึงไม่มั่นใจว่า จะทำให้หายขาดได้ 

ด้วยเหตุนี้ จึงได้มีการคิดค้นวิธีการรักษาโรคมะเร็งแนวใหม่ขึ้นมา คือ

ใช้วิธี "ไอเย็นสลับไอร้อน" โดยจะฉีดไอเย็น คือ "ก๊าซซีเรียม" เข้าไปยังเนื้อร้าย เพื่อให้ความเย็น
เข้าไปหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง

จากนั้นจะฉีด"ก๊าซอาร์กอน"ที่ให้ความร้อนสูงไปสลายก้อนเนื้อเซลล์มะเร็งจะทำให้เซลล์มะเร็งฝ่อลง


และผู้ป่วยสามารถหายจากอาการได้ หลังจากนั้นจะนำเลือดของผู้ป่วยมาบ่มเพาะประมาณ 5-6 วัน
แล้วฉีดกลับเข้าไปในร่างกายของผู้ป่วยอีกครั้ง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน   

สำหรับวิธีการที่ว่ามานี้ไม่เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย จึงได้รับการยอมรับในวงกว้างในหลายประเทศ
ทั่วโลก ไม่ใช่เพียงจีนและประเทศในเอเชียเท่านั้น

ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีผู้ให้ความสนใจทั่วโลกติดต่อเข้ารับการรักษาจากทางโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก
รวมทั้งคนไทยก็เช่นกัน

ซึ่งเมื่อ 7 ปีก่อนหน้านี้ มีเศรษฐีชาวไทยวัย 80 ปีที่ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้เข้ามารักษา หลังจากที่รักษา
ด้วยวิธีเดิมแล้วแพทย์ระบุว่าไม่สามารถรักษาหายได้

แต่การรักษามะเร็งวิธีใหม่กลับใช้ได้ผล เพราะทุกวันนี้เศรษฐีคนนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่อย่างเป็นปกติ และ
ไม่เพียงแค่เศรษฐีคนนี้เท่านั้น ก็ยังมีคนไทยอีกประมาณ 50 ราย ติดต่อขอรักษาโรคมะเร็งแนวใหม่
จากทางโรงพยาบาล  นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยทั่วโลกเข้ามารับการรักษาแล้วอีกกว่า 6 พันรายเลยทีเดียว
ซึ่งก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจเพราะปัจจุบันเซลล์มะเร็งของผู้ป่วยเหล่านี้ได้ฝ่อและสลายไปหมดแล้วเช่นกัน

ถือเป็นข่าวดีสำหรับวงการแพทย์และคนทั่วโลกจริง ๆ

 เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #10 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2553, 16:08:09 »


ขอขอบคุณเวบสนุกดอทคอม วันจันทร์ 30 ส.ค. 53 ที่สนับสนุนเนื้อหา
http://news.sanook.com/962763-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94-%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%88.html

                                  

                                เครื่องตรวจจับ 'มะเร็ง' ด้วยลมหายใจ

        สำนักข่าวต่างประเทศ (30 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่านักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ กำลังใช้เทคโนโลยีเครื่องตรวจโรคมะเร็งด้วยจมูกเทียมประดิษฐ์โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวยิว เรื่องราวดังกล่าวได้ถูกตีแผ่ในวารสารวิชาการ 'โรคมะเร็งแห่งอังกฤษ'

        เครื่องตรวจวัดมะเร็งนี้ใช้อนุภาคนาโนของทอง ตรวจจับสารประกอบอินทรีย์ที่เป็นสาระเหยในปริมาณ 2-3 ส่วนในพันล้าน ตัวเครื่องสามารถเตือนโรคล่วงหน้าได้ก่อนที่โรคจะปรากฏบนแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ ซึ่งตามปกติแล้วเมื่อมะเร็งเติบโตขึ้น พื้นผิวของเซลล์จะปล่อยกลิ่นทางเคมีออกมา นักวิจัยจึงพบว่าเครื่องสามารถตรวจจับสารเคมีเหล่านั้นจากลมหายใจ และสามารถตรวจรู้ว่าเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ หรือมะเร็งต่อมลูกหมากได้ สามารถใช้ได้กับผู้ป่วยทุกเพศ ทุกวัย

        ด้าน ศ.อัลราฮัม คูเตน แห่งสถาบันเทคโนโลยีของอิสราเอล เป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องตรวจดังกล่าว เปิดเผยว่าการศึกษาครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าจมูกอิเล็กทรอนิกส์ สามารถจับพบความแตกต่างของลมหายใจของคนปกติกับคนไข้โรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ ได้ เมื่อใดที่เราสามารยืนยันผลการขั้นต้นในการศึกษาขนาดใหญ่ขึ้นได้ มันจะเป็นเครื่องมือง่าย ๆ ที่ใช้วินิจฉัยโรคมะเร็งในระยะต้นได้

           ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

       นักวิทยาศาสตร์สังเกตุว่า สุนัขสามารถจะบอกสิ่งผิดปรกติกับเจ้านายที่เป็นมะเร็งได้
จากได้กลิ่นของมะเร็งที่ออกมาจากร่างกายที่ผิดปรกติ  

       จึงนำความรู้นี้มาสร้างจมูกเทียมที่สามารถตรวจรับกลิ่นได้ไวเหมือนหรือดีกว่าสุนัข
ทำให้สามารถค้นพบกลิ่นของมะเร็งได้ ในระยะเริ่มแรก สามารถรักษามะเร็งให้หายขาดได้
เพราะ พบมะเร็งก่อนที่จะเป็นก้อนให้เห็นได้นั่นเอง


          เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><