26 พฤศจิกายน 2567, 03:52:58
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 20 21 [22] 23 24 ... 27  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ตามครูไปเที่ยวอีก  (อ่าน 286226 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #525 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2558, 13:32:46 »

มาที่หลวงพ่อมงคลบพิตร



เลยเวลาห้าโมงเย็น. วิหารนี้ปิดแล้ว



      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #526 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2558, 16:12:10 »

จึงเดินชมพระราชวังหลวงเดิมที่อยู่ติดกัน ยังคงมีแนวกำแพง


      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #527 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2558, 18:07:02 »

ภายในกำแพงมีวัด..วัดพระศรีสรรเพชญ์

วัดพระศรีสรรเพชญ์ เดิมในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ใช้เป็นที่ประทับ ต่อมาสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงสร้างพระราชมณเฑียรขึ้นใหม่ทางตอนเหนือ แล้วจึงโปรดฯให้ยกเป็นเขตพุทธาวาส เพื่อประกอบพิธีสำคัญต่าง ๆ ของบ้านเมือง จึงเป็นวัดในเขตพระราชวังที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา แตกต่างกับวัดมหาธาตุสุโขทัย ที่มีพระสงฆ์จำพรรษา ทั้งวัดมหาธาตุ สุโขทัย,วัดพระศรีสรรเพชญ์ อยุธยา และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ต่างก็ถูกสถาปนาขึ้นในมูลเหตุการสร้างวัดเดียวกันนั่นคือ "สร้างเพื่อเป็นวัดประจำพระราชวัง"

ต่อมาในปี พ.ศ. 2035 รัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระสถูปเจดีย์องค์ตะวันออก เพื่อบรรจุพระอัฐิของพระราชบิดา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ และพระสถูปเจดีย์องค์กลางเพื่อบรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 ผู้เป็นพระเชษฐา

หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2042 พระองค์โปรดให้สร้างพระวิหารหลวงขึ้น

ในปีต่อมา พ.ศ. 2043 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงสร้างพระวิหาร ทรงหล่อพระพุทธรูป ยืนสูง 8 วา (ประมาณ 16 เมตร) หุ้มด้วยทองคำหนัก 286 ชั่ง (ประมาณ 171 กิโลกรัม) ประดิษฐานไว้ในวิหาร ถวายพระนามว่า พระศรีสรรเพชญดาญาณ ซึ่งภายหลังเมื่อเสียกรุง พ.ศ. 2310 พม่าได้เผาลอกทองคำไปหมด และองค์พระพังยับเยิน รัชกาลที่ 1 จึงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายมาประดิษฐานวัดพระเชตุพน และ บรรจุชิ้นส่วนซึ่งบูรณะไม่ได้เหล่านั้นไว้ในเจดีย์องค์ใหญ่ที่สร้างขึ้นแล้วพระราชทานชื่อเจดีย์ว่า เจดีย์ศรีสรรเพชญดาญาณ เจดีย์องค์ที่ 3 ถัดมาจากด้านทิศตะวันตกเป็น เจดีย์บรรจุพระอัฐิ ของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ซึ่งสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4(พระหน่อพุทธางกูร) พระราชโอรสได้โปรดให้สร้างขึ้น เจดีย์ทั้งสามองค์นี้เป็นเจดีย์แบบลังกา

ในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรมพระองค์โปรดเกล้าฯให้สร้าง พระที่นั่งจอมทอง ตั้งอยู่ใกล้ๆ กำแพงทางด้านติดกับ วิหารพระมงคลบพิตร เพื่อให้เป็นสถานที่ให้พระสงฆ์บอกเล่าหนังสือพระสงฆ์

ราวรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ มีการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดหลวงแห่งนี้เป็นครั้งแรก

 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระยาโบราณราชธานินทร์ สมุหเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่าได้ดำเนิน การขุดสมบัติจากกรุภายในเจดีย์ พบพระพุทธรูป เครื่องทอง มากมาย และในสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้มีการบูรณะวัดนี้จนมีสภาพที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #528 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2558, 18:17:38 »



      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #529 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2558, 18:22:05 »

เจดีย์สามองค์










      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #530 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2558, 18:29:43 »

มาถึงแล้วแน่นอนครับ




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #531 เมื่อ: 20 กุมภาพันธ์ 2558, 07:57:19 »

กลับล่ะ

ผ่านวัดพระรามและเงาพระปรางค์ของวัด




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #532 เมื่อ: 20 กุมภาพันธ์ 2558, 14:22:05 »

หมายเหตุ  ภาพชุด"เที่ยวกรุงเก่า" นี้ถ่ายจากแท๊ปเล็ต ภาพไม่คมชัดครับ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #533 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2558, 15:10:13 »

กล้องที่เป็นเพื่อนเที่ยวไม่สามารถถ่ายได้แล้ว

ถูกน้ำตอนไปน้ำตกหัวยขมิ้น ครั้งที่ไปอุทยานประวัติศาสตร์สงครามเก้าทัพที่กาญจนบุรี

ไปตกกระจกร้าว  ครั้งที่ไปอำเภอปาย

แต่ยังใช้งานได้

ครั้งล่าสุดถอดแบตฯมาชาร์ตไม่ได้

ได้เขามาจากโลตัสโคราช ครั้งที่ไปอุทยานประวัติศาตร์พิมาย เมื่อสามปีก่อน

วันนี้...เขาไปแล้วครับ..... bye bye
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #534 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2558, 14:50:01 »

จึงถ่ายภาพ"เที่ยวกรุงเก่า" ไม่คมชัด.....คงได้ไปอีก
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #535 เมื่อ: 01 มีนาคม 2558, 18:02:03 »

พบซากเรือโบราณ บริเวณป้อมเพชร

เมื่อเวลา15.00 น.วันที่ 1 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีการกู้ซากเรือสำเภาโบราณ ขึ้นจากใต้แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณปากคลองในไก่ ต.หอรัตนชัย อ.พระนครศรีอยุธยา เชื่อว่าเป็นซากเรือสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้เดินทางไปตรวจสอบพบว่า บริเวณที่พบเรือนั้นอยู่กลางลำน้ำเจ้าพระยา เป็นขนาดเล็ก 2 ลำกำลังช่วยกันลากซากเรือ เข้าฝั่งบริเวณใกล้โรงสูบน้ำ คลองมะขามเรียงก่อนจะใช้เชือกมัดทุ่นถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร 50 ใบ ช่วยพยุงซากเรือกดังกล่าว และบางส่วนได้ทำการถอนหมุดหรือตะปูตอกไม้ขนาดใหญ่ออก

จากการสอบถาม นายนิรุต ม่วงงาม อายุ 33 ปี หนึ่งในกลุ่มนักปะดาน้ำ งมของเก่าชุมชนกุฎีทอง ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา ที่ร่วมในปฏิบัติการกู้ซากเรือโบราณ ทราบว่า ในช่วงนี้การงมของเก่าจากแม่น้ำค่อนข้างลำบาก ไม่ค่อยมีของให้พบเหมือนเมื่อก่อน จึงได้หันมาดำน้ำหาซากเรือเก่า ที่จมโดยเฉพาะบริเวณปากคลองในไก่ และบริเวณป้อมเพชรเป็นจุดที่มีเรือสำเภาและเรือสินค้าต่างชาติสมัยกรุงศรีอยุธยามาจอดและจมลงจำนวนมาก

 โดยลำที่พบนี้จมอยู่ในแม่น้ำลึกกว่า 15 เมตร ใช้วิธีกู้ด้วยการใช้ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร 50ใบ ผูกตามส่วนต่างๆ แล้วอัดลมเข้าไปจนลอยขึ้นทั้งลำโดยเรือดังกล่าวมีขนาดยาวไม่น้อยกว่า30 เมตร สูงไม่น้อยกว่า 8 เมตร แต่เท่าที่พบด้านข้างเรือผุพังไปเกือบทั้งหมดเหลือความสูงประมาณ 2เมตรเศษเท่านั้น ส่วนที่พบคือ กระดูกงูด้านข้างของเรือที่ยังยึดกาบเรือบางส่วน โดยมีเหล็กหมุดขนาดใหญ่ยึดอยู่ และจากการที่เคยพบเรือลักษณะดังกล่าวมาแล้ว เชื่อว่าเป็นกลุ่มเรือสินค้าจีนที่เป็นเรือลำเลียงสินค้าเพื่อส่งผ่านเข้าคลองในไก่ ซึ่งเป็นคลองโบราณเข้าสู่กรุงศรีอยุธยา โดยเรือลำนี้น่าจะจมลงเอง ซึ่งหลังจากที่พบแล้วก็จะลากไปยัง อ.บางปะอิน เพื่อทำการชำแหละนำไม้ไปขายเป็นไม้เก่าต่อไป..

ข่าวเดลินิวส์  ๑ มีนาคม ๒๕๕๘




ภาพต่อมา ภาพแรกจากข่าว ภาพที่สองและสามสังเกตถังประปา ที่ถ่ายเมือไปที่ป้อมเพชรสองอาทิตย์ก่อน










      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #536 เมื่อ: 02 มีนาคม 2558, 07:41:57 »

สวัสดีน้องเริง

เข้าเว็ปวันนี้เอง
ขอบคุณมากที่เฝ้าติดตาม
ยังไม่ได้อ่านตั้งแต่หน้า 17 เลย
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #537 เมื่อ: 04 มีนาคม 2558, 15:09:33 »

ไปแวะชมวังพญาไท

 





      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #538 เมื่อ: 04 มีนาคม 2558, 19:31:45 »










      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #539 เมื่อ: 04 มีนาคม 2558, 19:37:10 »









      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #540 เมื่อ: 04 มีนาคม 2558, 19:54:17 »

อดีต



ปัจจุบัน

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #541 เมื่อ: 04 มีนาคม 2558, 20:03:18 »

งาม





      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #542 เมื่อ: 04 มีนาคม 2558, 20:08:48 »

กำลังบูรณะ




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #543 เมื่อ: 05 มีนาคม 2558, 08:14:49 »

ภาพเก่า




กลับออกมาแล้ว....มองผ่านรั้วเข้าไป

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #544 เมื่อ: 07 มีนาคม 2558, 06:33:13 »

ห้องนี้ปิดทำการชั่วคราวครับ win
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #545 เมื่อ: 10 มีนาคม 2558, 10:31:45 »



ชั่วเวลาเพียงครึ่งวัน ข่าวการจารกรรมโบราณวัตถุที่ห้องพิพิธภัณฑ์จีน ภายในพระราชวังฟองเตนโบล ประเทศฝรั่งเศส ก็ดังข้ามทวีป เป็นที่โจษจันสนั่นเมืองไทย

เป็นเพราะหนึ่งในโบราณวัตถุที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยในเช้าวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา พร้อมกับสิ่งของล้ำค่าอื่นๆ รวม 20 ชิ้น คือ "พระมหามกุฎ" ที่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่งให้จัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะ 2 องค์ เพื่อเป็นเครื่องมงคลราชบรรณาการส่งไปพระราชทานแก่ พระราชินีนาถวิกตอเรีย แห่งสหราชอาณาจักร และ พระเจ้านโปเลียนที่ 3 แห่งฝรั่งเศส

นับเป็นครั้งแรกที่มีการพระราชทานเครื่องมงคลราชบรรณาการเป็น "พระมหามงกุฎ" สัญลักษณ์แทนพระองค์

"พระมหามงกุฎ" ทั้ง 2 องค์ จำลองจากพระมหาพิชัยมงกุฎ แต่มีขนาดเล็กกว่า คือสูงราว 51 เซนติเมตร (พระมหาพิชัยมงกุฎสูง 66 เซนติเมตร หนัก 7.3 กิโลกรัม) ตัวมงกุฎทำขึ้นด้วยทองคำแท้ ประดับด้วยอัญมณี ประกอบด้วย เพชร 233 เม็ด ทับทิม 2,298 เม็ด มรกต 46 เม็ด และไข่มุกอีก 9 เม็ด

นอกจากความเสียดาย มองในแง่บวกเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นโอกาสให้คนไทยได้ทบทวนประวัติศาสตร์ไทยในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของยุคล่าอาณานิคมกันอีกครั้ง

 ชุด การเมือง "นอกพงศาวดาร" รัชกาลที่ 4 : KING MONGKUT หยุดยุโรปยึดสยาม และพระจอมเกล้ารู้เท่าทันตะวันตก "มิตรภาพอาบยาพิษ" เขียนโดย ไกรฤกษ์ นานา นักวิชาการประวัติศาสตร์ไทย หยิบเอาเรื่องน่ารู้ในรัชสมัยรัชกาลที่ 4 ที่ไม่มีบันทึกไว้ในตำราประวัติศาสตร์มาเขียนเล่าอย่างน่าสนใจ

หนึ่งในนั้นคือ กำเนิด "มิวเซียมสยาม" ในพระราชวังฟองเตนโบล ที่นี่เป็น "กรุสมบัติ" ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ ให้ส่งเครื่องมงคลราชบรรณาการชั้นสูง รวมมูลค่ามหาศาลมูลค่าหลายแสนฟรังค์-เมื่อ 154 ปีก่อน บรรจุในหีบห่อขนาดใหญ่ 48 หีบ ลงเรือรบที่ฝรั่งเศสส่งมารับ พร้อมกับคณะทูตชุดใหญ่ที่สุดรวมได้ 27 คน ฝ่าคลื่นลมรอนแรมมาทางคลองสุเอชที่เพิ่งขุดเสร็จใหม่ เข้ามายังทวีปยุโรป สิ่งของมีค่าเหล่านั้นผ่านพ้นวิกฤตการณ์สงครามกลางเมืองและสงครามโลกหลายครั้งมาได้ ในขณะที่พระราชวังอันประเมินค่ามิได้ของฝรั่งเศสหลายแห่งถูกเผาผลาญวอดวายไปในกองเพลิง แต่กรุสมบัติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รอดปลอดภัยมาจนทุกวันนี้ เพราะเก็บซ่อนอยู่ในพระราชวังเก่าๆ แห่งหนึ่งในต่างจังหวัด


                       


พงศาวดารฝรั่งเศสกล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า...

"27 มิถุนายน ค.ศ.1861 ราชทูตพิเศษจากคิงมงกุฎได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่ฟองเตนโบล บรรณาการจากสยามประกอบด้วยพระบรมรูปของคิงมงกุฎและเครื่องราชูปโภคหลายสิบชิ้นที่เป็นของใช้ส่วนพระองค์จริงๆฯลฯในเดือนเดียวกันนั้นยูเจนีโปรดให้จัดแสดงของขวัญในห้องพระเจ้าหลุยส์ที่13 ขึ้นเป็นครั้งแรกที่วังจักรพรรดินี ทรงยินดีกับของมีค่าเหล่านี้ ถึงกับมีพระราชเสาวนีย์ให้นายช่างชื่ออเล็กซี พากกา ออกแบบดัดแปลงส่วนหนึ่งของพระตำหนักด้านหลัง งานเริ่มทันทีกลางปี ค.ศ.1862 แล้วเสร็จในวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ.1863

วันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ.1863 ตู้ขนส่งพัสดุภัณฑ์ขนาดยักษ์จำนวน 15 ตู้ ถูกลำเลียงทางรถไฟมายังฟองเตนโบล จ่าหน้าถึงจักรพรรดินี เครื่องตกแต่งทั้งหมดถูกนำเข้าติดตั้งโดยการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยพระองค์เอง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามพระราชเสาวนีย์ตามลักษณะแบบแผนของชาวตะวันออกไกลทุกกระเบียดนิ้ว ตั้งแต่ปี 1863 เป็นต้นมา นโปเลียนที่ 3 พร้อมทั้งพระมเหสีมักจะใช้เวลาพักผ่อนพระอิริยาบถเป็นประจำในพื้นที่ส่วนนี้ของพิพิธภัณฑ์ จนเรียกกันติดปากว่า "ซาลองยูเจนี" จนตลอดรัชกาล"
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #546 เมื่อ: 10 มีนาคม 2558, 10:34:44 »



ส่วนสภาพภายในห้องพิพิธภัณฑ์จีนเป็นอย่างไร ?

ไกรฤกษ์ ซึ่งเดินทางตามรอยพงศาวดารฉบับนี้ เล่าไว้ในหนังสือ KING MONGKUT หยุดยุโรปยึดสยาม ไกรฤกษ์ เมื่อ 12 ปีก่อน ว่า

"...พบ เสลี่ยง องค์งามวางอยู่บนพระแท่นสูงเด่น มีกระจกปิดกั้นไว้เป็นสัดส่วน พระโธรน ภายใต้ พระกลด องค์มหึมากางออกอย่างสง่าผ่าเผย อานม้า และ สายบังเหียน หลวง งาช้าง ไทย พระกลดเดินลายปักดิ้นเงินดิ้นทองหลายองค์ พัดยศ ปักลายไทย คทา มีพุ่ม พระแสงของ้าว ที่มีใบมีดคมกริบ นอกนั้นยังมีเครื่องประดับพระราชอิสริยยศ เช่น สายรัดพระองค์ ฝังอัญมณี จี้มรกต ประดับเพชร แหวน ฝังเพชรและมรกต ดาบ ฝักถม ตลับ และเครื่องทองคำลงยา จัดแสดงอยู่ในตู้ต่างๆ หลายใบ นอกจากนั้นยังมี ภาพวาดพระแก้วมรกต ทรงเครื่องสามฤดูบนผืนผ้า



และที่ล้ำค่าที่สุดคือ พระมหามงกุฎสยาม สัญลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นเครื่องหมายตัวแทนของพระองค์ ล้วนเป็นของขวัญที่นโปเลียนที่ 3 และยูเจนีพึงพอพระทัย...."  มติชน 9 มีค.

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #547 เมื่อ: 10 มีนาคม 2558, 17:09:18 »

ไปท่าน้ำปากเกร็ด



ที่เคยเป็นท่าเรือข้ามฟาก วันนี้เป็นลานพักผ่อน ขายอาหาร

เมื่อมีสะพานพระรามสี่ ข้ามไปอีกฝั่ง




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #548 เมื่อ: 10 มีนาคม 2558, 18:06:45 »

ริมน้ำยังมีร้านค้าดั้งเดิม...ของทึ่ขายยังเหมือนเดิมที่ขายมาหลายสิบปี








      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #549 เมื่อ: 10 มีนาคม 2558, 18:34:18 »

ท่าเรือที่จะไปเกาะเกร็ด และทีาเรืออื่นๆก่อนทีจะมีสะพานพระรามสี่ ตรงนึ้เป็นร้านค้าที่มีคนผ่านไปและมาทั้งวัน







ด้านซ้ายคือเกาะเกร็ด. เห็นวัดปรมัยฯที่มึเจดีย์เอียง

      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 20 21 [22] 23 24 ... 27  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><