ตามครูไปเที่ยว

[เริง2520]

บ่ายไปร้านก๋วยเตี๋ยวหมู ริมน้ำเจ้าพระยาที่วัดศาลเจ้า ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี  ไม่ได้มีแต่ก๋วยเตี๋ยวแต่มีร้านค้าอื่นอื่นอีก สี่สิบร้าน ซื้อกลับได้อีก






ชื่อเสียงเลื่องลือจนสมเด็จพระเทพรัตน์ฯเสด็จฯ

[เริง2520]

ใกล้กัน มีร้านก๋วยเตี๋ยวเรือนไม้ ริมเจ้าพระยาเช่นกันที่เปิดประตูรับลม ทั้งสี่ห้อง



ประตูอีกสองห้องที่ปิด สวยด้วย



นั่งดึ่มกาแฟเย็น รับลมเย็นๆ

[เริง2520]

หลังจากนั้น เหมือนเคย.....  เดินชมวัดสองวัดที่อยู่ติดกัน คือวัดมะขามและวัดศาลเจ้า

วัดมะขาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เคยเสด็จฯพร้อมสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ

[เหยง 16]

มาตามชมแล้ว
เสียดายที่ตัวหนังสือแกะสลักปิดทองเล็ก จนอ่านไม่ออก
น้องเริงมีรายละเอียดของข้อความนั้นหรือไม่??

[เริง2520]

ไม่มีเลย แผ่นหลังๆจะบอกการปลงพระศพชนนีท่าน

[เริง2520]

วัดมะขามตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตะวันออก ได้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พุทธศักราช ๒๑๗๐ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา  โดยชาวมอญที่อพยพ เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ของพระมหากษัตริย์ไทย เมื่อได้ตั้งหลักปักฐานมั่นคงแล้ว โดยอุปนิสัย รักสงบ ยึดมั่นในระเบียบประเพณี และนับถือพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด จึงได้รวมตัวกันบูรณะวัดขึ้นมา เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ประการกุศลต่างๆ สืบต่อกันมา โดยสถานที่สร้างนั้นสันนิฐานว่าจะมีต้นมะขามขี้นอยู่มาก หรือจะมีต้นมะขามใหญ่ บ้างก็่ว่าเป็นชื่อบ้านเดิมมาจากเมืองมอญ จึงตั้งชื่อวัดว่า “วัดมะขาม”  ส่วนอีกวัดที่อยู่เยื้องกันฝั่งตรงข้ามคือวัดมะขามใต้ หรือรู้จักกันในนามวัดชินวราราม พระอารามหลวง

เสาหงส์แสดงสัญลักษณ์มอญ

[เริง2520]

อาคารทรงสมัยก่อน มีเพียงวิหารพระนอน พื้นกระเบื้องเป็นแบบใหม่เลียนแบบกระเบื้องเก่า
โปรดสังเกตหม้อน้ำ จะเป็นทรงหม้อน้ำดินแบบเดียวกับมอญเกาะเกร็ด

[เริง2520]

ชมรอบๆ

[เริง2520]

ภายใน



เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเป็นการส่วนพระองค์ เมื่อวันที่ ๔ กรกฏาคม ๒๕๑๗ พระองค์ทรงสนพระทัยในวิหารเก๋งจีนมากซึ่งยังไม่ได้บูรณะเช่นวันนี้ แต่เมื่อทรงทราบว่าได้ถูกโจรกรรมหลายครั้ง ทางวัดจึงได้ปิดประตูอย่างมั่นคงแข็งแรงและยากกับการเปิดปิด ทำให้พระองค์ไม่เสด็จฯเข้า

[เหยง 16]

โจรกับวัดเป็นของคู่กัน

หนีคดี ก็หนีไปบวช จนคดีหมดอายุความ (หากมีวาสนาจะไม่ติดคุก)

แต่ก็มีเช่นกันที่บวชไปเหลือเวลาอีกเพียงเดือนเดียวก็ถูกจับสึกไปติดคุก

ไม่มีจะกิน ก็ไปหาเศษข้าวที่วัด พระเณรไม่แบ่งปันให้ ก็ขโมยแจกัน โกฎิทองเหลืองใส่กระดูก ไปขาย

แปลกที่ร้านรับซื้อของเก่า รู้ว่าเป็นของขโมยก็ยังซื้อ อีกทั้งมาตรวัดน้ำ ก็ซื้อเช่นกัน

นอกจากไม่ติดคุกฐานรับซื้อของโจรแล้วยังร่ำรวยอีกต่างหาก

ไม่รู้ว่าชาติก่อน เป็นเจ้ากรรมนายเวรของวัดทั้งหลายมาหรือเปล่า ??

[เริง2520]

ครับ เป็นคู่กัน แบบไม่ดีและแบบดี

[เริง2520]

รั้วติดกับวัดมะขามคือวัดศาลเจ้า ที่คนรู้จักตลาดริมน้ำกัน  

พระอุโบสถงามมาก (งามอีกแล้ว ฮึ ฮึ) บันทึกภาพมาทุกมุม

[เริง2520]

[เริง2520]

และเลยข้ามสะพานปทุมธานี เห็นไกลๆในภาพ ไปอีกฝั่งเป็นตัวเมืองที่อยู่ริมน้ำเช่นกัน

[Dtoy16]

          น้องเริงทำให้พี่อยากมีไทม์แมชชีนจัง     เห็นวัดสวยงาม สถานที่น่าทึ่ง ผู้คนเก็บงานต่างๆเอาไว้ให้เราชม
          พี่จะได้เปลี่ยนอาชีพเป็นไกด์ ไปที่นั้นที่นี่  ครานี่ได้แต่เปิดเวปดูไปก่อน
                                        ปอ ลอ  พี่ชอบภาพโอเลี้ยงครึี่งแก้ว แถมแม่น้ำกว้าง นั่นจัง
                                        มันได้อารมณ์เย็นๆ ดับกระหาย หายเหนื่อยเลย

[เริง2520]

ครับ พี่ต้อย
แบ่งภาพกันชม

ครั้งนี้ชอบภาพนี้  

[เริง2520]

บรรยากาศงานประเพณีแห่เทียนทางน้ำ ที่คลองลาดชะโด อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อ 11 กรกฎาคม 2557 / ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์

[เริง2520]

ฝั่งในเมืองนี้ มีการสร้างเมืองปทุมธานีโดยสร้างที่ทำการต่างๆ

ในสมัยรัชการที่ ๖ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ ช่วงที่มีการย้ายที่ทำการเมืองปทุมธานีครั้งที่ ๗ จากบ้านโคกชะพลู มายังบริเวณตำบลบางปรอก อำเภอเมืองปทุมธานี ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยพระยาโบราณราชนินท์ (พร เดชะคุปต์) สมุหเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่า ขณะนั้นมาเป็นผู้บัญชาการ การก่อสร้างเมืองปทุมธานีครั้งนี้มีการก่อสร้างอาคารขึ้นใหม่หลายหลัง ที่ยังคงอยู่มีศาลและศาลากลาง

ศาล






ศาลจังหวัดปทุมธานี (หลังเก่า)เป็นอาคารแบบตะวันตก ผสมผสานกับลักษณะดั้งเดิมของไทย โดยตัวอาคารมีขนาดกะทัดรัดชั้นเดียว ก่ออิฐถือปูน แปลนอาคารรูปตัว Tหลังคาทรงจั่วมุงกระเบื้องมีหน้าบันซ้อน ๒ ชั้นตรงด้านหน้า ส่วนด้านหลังอาคารมีมุขยื่นเป็นปีก ๒ ข้าง หน้าบันเป็นปูนทำลวดลายเลียนแบบเครื่องมุงไม้ฝาปะกน มีครุฑประดับส่วนหน้า หน้าต่างประตูเป็นบานไม้เปิดคู่ ตัวอาคารยกพื้นสูงขึ้นประมาณ ๕๐ เซนติเมตร ก่อผนังปิดใต้ถุนโดยรอบ อาคารส่วนหน้าซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นระเบียงโดยรอบ มีราวลูกกรงปูนปั้นเป็นแบบลูกมะหวด บันไดขึ้นลงเป็นบันไดทึบทำด้วยไม้

[เริง2520]

ศาลากลาง















ศาลากลางจังหวัดปทุมธานี(หลังเก่า) เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ได้รับอิทธิพลศิลปะตะวันตก พื้นล่างยกสูงราว ๑ เมตร ก่อผนังปิดใต้ถุนโดยรอบ ด้านหน้ามีมุขกลางซ้อนกัน ๒ ชั้น มีปีกยื่นออกมาทั้ง ๒ ข้าง ด้านหลังมุขเป็นตัวอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้าของมุขและอาคารมีลูกกรงปูนปั้นเป็นแบบลูกมะหวดประดับขอบหน้าบันของมุขทำเป็นรูปโค้งประดับขอบด้วยลวดลายปูนปั้นแบบยุโรป ตรงกลางหน้าบันมีครุฑเป็นสัญลักษณ์ หลังคามุงกระเบื้องซีเมนต์ ตรงปีกหน้ามุขและระเบียงอาคารทั้ง ๒ ข้าง ระดับช่องลมประดับด้วยไม้ฉลุลาย ช่องลมช่องระบายอากาศเหนือประตูหน้าต่างเป็นไม้ฉลุลายเช่นกัน ประตูหน้าต่างเป็นบานไม้เปิดคู่

[เริง2520]

ที่ว่าการอำเภอเมืองปทุมธานี สร้างต่อมาติดกับศาลากลางจังหวัดปทุมธานี






ส่วนสถานีตำรวจและที่ทำการไปรษณีย์สร้างต่อมาเช่นกันแต่ได้ทุบทิ้งสร้างใหม่บนที่เดิม


ที่จังหวัดราชบุรียังคงมีสถานีตำรวจหลังเก่า... เขารักษาไว้ ของใหม่สร้างด้านหน้า

[เริง2520]

และซื้อกาแฟเย็น (เจ้าเก่า) ใส่กระติกกลับบ้าน ..ทราบว่ากาแฟร้านนี้ไปไกลถึงพระตำหนักจักรีบงกชเลยทีเดียว

[เริง2520]

ครั้งหน้า ไปล่องเรือตามลำน้ำเจ้าพระยา กันครับ

[เริง2520]

ไปโดยเรือด่วนเจ้าพระยา..( ก่อนที่จะขอขึ้นราคาอีกสองบาท ) โดยเริ่มจากท่าน้ำนนทบุรีถึงท่าน้ำสาทรที่สะพานตากสิน ผ่านสถานที่สำคัญในอดีตหลายๆแห่ง

[เริง2520]

ที่พักริมเจ้าพระยา อากาศดีเชียว



สะพานพระรามหก



เป็นสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาสะพานแรกของประเทศไทย สะพานสร้างเสร็จในเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2469 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่าสะพานพระราม 6 ซึ่งหมายถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 และโปรดเกล้าฯ ประกอบพิธีเปิดสะพานให้ขบวนรถไฟเดินผ่านข้ามเป็นปฐมฤกษ์ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2469

[เริง2520]

สะพานพระราม ๘ และสวนหลวงพระราม ๘






สวนหลวงพระราม 8 มีขนาดพื้นที่ประมาณ 35 ไร่ ความยาว 500 เมตร อยู่บริเวณใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งทิศตะวันตก จัดเป็นที่ ๆ ที่มีบรรยากาศและทิวทัศน์งดงาม สามารถมองเห็นสิ่งก่อสร้างสำคัญทางประวัติศาสตร์ของกรุงรัตนโกสินทร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้หลายแห่ง

ในวันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2555 เวลา 17.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และสวนหลวงพระราม 8 อย่างเป็นทางการ