23 พฤศจิกายน 2567, 07:05:36
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 121 122 [123] 124 125 ... 131   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ตามครูไปเที่ยว  (อ่าน 923412 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 9 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3050 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2557, 10:45:28 »

ชาวธนบุรีเคยมีเหตุการณ์ประหลาดอันเกี่ยวเนื่องกับสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เมื่อหลายสิบปีก่อนตรงกับพุทธศักราช 2498 ครั้งนั้นมีการแยกการปกครองของกรุงเทพฯ ออกเป็น 2 ส่วน แบ่งเป็นเทศบาลนครกรุงเทพฯ และเทศบาลนครธนบุรี ทำให้ความเจริญทั้งหลายหลั่งไหลไปอยู่ที่เทศบาลนครกรุงเทพฯหมด ส่วนเทศบาลนครธนบุรีหรือกรุงธนบุรีเดิมนั้นห่างไกลความเจริญไปทุกขณะ น้ำก็ไม่ไหล ไฟก็ไม่มี ถนนหนทางคับแคบ สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนชาวธนบุรี เสียงร่ำร้องคงกึกก้องไปถึงพระองค์ท่าน วันหนึ่งจึงเกิดปาฏิหาริย์ดวงพระวิญญาณเสด็จมาที่วัดอินทาราม

วันนั้นคือ วันที่ 12 กรกฎาคม 2498 เวลา 08.00 น. เล่ากันมาว่า ขณะที่แม่ชีเหรียญคนดูแลวิหารน้อย เอากุญแจมาเปิดวิหารตามปกติเพื่อให้คนมาสักการบูชาดวงพระวิญญาณพระเจ้าตากสินฯ เมื่อแม่ชีปัดกวาดเช็ดถูเสร็จก็กลับออกไป จากนั้นเวลาประมาณเก้าโมงเศษ ก็มีหญิงแปลกหน้าวัยกลางคนสวมเสื้อผ้าชุดแดงทั้งชุดเดินเข้ามาในวิหารน้อย เมื่อมาถึงก็ก้มลงกราบที่หน้าพระแท่นบรรทม จากนั้นก็ก้าวขึ้นไปนั่งหลับตาทำสมาธิเป็นเวลานาน ทำให้สตรีที่เห็นเหตุการณ์ผู้หนึ่งไม่พอใจ ตรงเข้าไปต่อว่าที่หญิงชุดแดงทำตัวไม่เหมาะสม แต่พอหญิงคนนั้นได้เห็นแววตาและใบหน้าของหญิงในชุดแดงจังๆก็ถึงกับเข่าอ่อน ต้องทรุดลงนั่งกราบอยู่ตรงนั้น เธอเล่าว่ามองเห็นใบหน้าของคนโบราณไว้หนวดยาวเฟื้อยซ้อนอยู่กับใบหน้าหญิงชุดแดงคนนั้น และยังตวาดเธอดังลั่นว่า "มึงบังอาจมาก ก็ที่ของกูเคยประทับ กูจะขึ้นมามิได้รึ มึงจงรู้เถิดว่า กูพระเจ้ากรุงธนบุรีได้มาอาศัยร่างของอีคนนี้ มาพบปะกับพวกมึง เพราะวันหนึ่งๆ พวกมึงพากันร่ำร้องถึงความเดือดร้อนจนกูอยู่ไม่เป็นสุข กูจึงต้องมาพบพวกมึง"
วันนั้นที่วัดอินทารามผู้คนไม่รู้มาจากแห่งหนตำบลไหนพากันแห่มาดูพระเจ้าตากสินฯที่วิหารน้อยกันเนืองแน่น จนการจราจรที่หน้าวัดติดขัด เพราะบ้างก็มาขอพร มากราบ และมาขอหวย บางคนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ดีก็มาถาม จนสุดท้ายตำรวจต้องมาพาหญิงชุดแดงไปสอบสวนที่โรงพัก ปรากฏความจริงว่า หญิงชุดแดงนั้นชื่อ นางเพี้ยน ลิ้มลาย อายุ 35 ปี ขายยาเส้นอยู่ใกล้วัดอินทาราม สติไม่ดี อ่านและเขียนหนังสือไม่เป็น ไม่เคยมีความรู้ในประวัติศาสตร์มาก่อน และยังไม่รู้ตัวด้วยว่าเข้ามาในวิหารน้อยได้ยังไง แถมยังพูดจาฉะฉาน ตอบคำถามในเรื่องประวัติศาสตร์ได้เป็นอย่างดีและถูกต้อง

สรุปว่าชาวบ้านฝั่งธนบุรีต่างเชื่อสนิทใจว่าเป็นเพราะดวงพระวิญญาณฯ เสด็จผ่านร่าง และที่ทรงเลือกหญิงสติไม่ดีก็เพื่อให้คนแน่ใจว่าเป็นพระองค์มาจริงๆ ไม่ได้เป็นการแกล้งทำ ลูกหลานไทยทุกคนมีแผ่นดินอาศัยอยู่จนทุกวันนี้ก็เพราะพระบารมีของพระองค์ท่าน ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ในฐานะผู้เขียนได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นก็เพื่อให้คนไทยได้เข้าใจประวัติศาสตร์ในความเป็นจริงอีกแง่มุมหนึ่ง และเพื่อเป็นการระลึกถึงพระองค์ท่าน "สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" ของเราชาวไทยตลอดกาลนาน...  ที่มา:นิตยสารหญิงไทย ฉบับที่ 759 ปีที่ 31 ปักษ์หลัง เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2550


      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #3051 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2557, 13:33:59 »

                   น้องเริง ช่างหาเรื่องราวมาชวนอ่านดีนะค่ะ ขอบคุณที่นำข้อมูลน้ำตกร้อนคลองท่อม
                   มาให้ดูอีกทั้งที่อ่านมาไปมาแล้ว ก็ยังชวนอ่าน  อย่างตลาดพลูช่วงบีทีเอสเปิดเส้นทาง
                   ก็เคยเดินผ่าน(เพราะเข้าthe Mall)จูงใจ    งวดหน้าไปกทม.ต้องไปสักการะสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
                   ที่วัดอินทารามให้ได้ 
      บันทึกการเข้า

เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3052 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2557, 14:23:06 »

ครับ

 มีต่ออีกหนึ่งตอน วัดอีกแน่นอน ๕ ๕ ก็หมดชุด ชมวัดที่คลองบางกอกใหญ่ นี้แล้ว
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3053 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2557, 21:59:02 »

มาระยองวันนี้ถึงวันศุกร์ที่ ๔ กค. และต่อที่จันทบุรี  ๒ วัน น่าจะมีเรื่องเล่ามาอ่านและภาพถ่ายมาชมด้วยกันครับ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3054 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2557, 22:05:01 »

ครับ พี่ต้อย

วัดอินทารามน่าสนใจมาก เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่ดีพื้นที่หนึ่งครับ

แต่ผมเสียดายว่าพระอุโบสถไม่สวยเท่าวัดราชคฤห์และวัดจันทาราม  มีช่อฟ้าแล้ว
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3055 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2557, 16:48:07 »

Eenmaal ร้านอาหารคอนเซ็ปต์แปลกกลางกรุงอัมสเตอร์ดัม ต้อนรับเฉพาะลูกค้าที่มาคนเดียว นั่งคนเดียว กินคนเดียวเท่านั้น มาเป็นกรุ๊ปเชิญกลับไปเถอะจ้ะ !



          คำพูดที่ว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมนั้นจริงจนไม่อาจเถียงใด ๆ ได้ เราต้องการมีกลุ่มก้อนก๊วนแก๊งที่มีรสนิยมชอบพอคล้าย ๆ กัน ถ้าไม่ออกไปแฮงก์เอาท์ด้วยกัน ก็คงจะต้องสื่อสารกันผ่านสื่อโดยวิธีใดวิธีหนึ่ง แต่ระยะหลัง ๆ มานี้ มนุษย์อย่างเรา ๆ เริ่มจะเข้าสังคมมากเกินไปจนลืมให้เวลาอยู่กับตัวเองและกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ตรงหน้าแล้วหรือเปล่า ขนาดเข้าร้านอาหารกินข้าวก็ยังตั้งหน้าตั้งตาเม้าท์จนลืมที่จะละเลียดลิ้มชิมรสชาติที่แท้จริงของอาหารที่ตักเข้าปากแต่ละคำเสียสนิท จริงไหม ?

          ด้วยความคิดที่ว่านี้ล่ะ จึงเป็นที่มาของร้านอาหารที่ชื่อว่า Eenmaal กลางกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ด้วยคอนเซ็ปต์ชัดเจนคือ ยินดีต้อนรับเฉพาะลูกค้าที่มาทานอาหารคนเดียวเท่านั้น มาเป็นกรุ๊ปไม่เวลคัมนะ จะบอกให้ !!

          ร้านนี้นอกจากจะเหมาะกับลูกค้าผู้ต้องการความสันโดษแล้ว ก็ยังเหมาะกับผู้ที่เข้าสังคมไม่เก่ง ประเภทที่นั่งโต๊ะอาหารใหญ่ ๆ แล้วคุยตามใครไม่ทัน ตลอดจนเหมาะกับคนที่อยากหาเวลาหลบหนีจากการเข้าสังคมอันแสนวุ่นวายมาใช้เวลาอยู่กับตัวเองสักชั่วครู่ อย่างน้อยสักหนึ่งมื้ออาหารก็ยังดี

          บรรยากาศภายในร้านที่ตกแต่งสไตล์ลอฟต์นั้นเงียบกริบไร้เสียงคนคุยกัน มีเพียงเสียงส้อมกับมีดกระทบกันบางเป็นครั้งคราวเท่านั้นเอง กิจกรรมของแต่ละคนคือใส่ใจกับเมนูอาหารตรงหน้า บางรายอาจมีหนังสือหรือนิตยสารดี ๆ สักเล่มเป็นเพื่อนร่วมรับประทาน แต่หากหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใช้ล่ะก็ ผิดกติกาของทางร้านนะจ๊ะ.. ฉะนั้นใครที่คิดว่า ถ้าควงเพื่อนตัวเป็น ๆ เข้าร้านไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นไร มาคุยกันโซเชียลแทนก็ได้ คงต้องคิดใหม่แล้วล่ะ
         
      บันทึกการเข้า
Pooh20
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2520
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 63

« ตอบ #3056 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2557, 17:48:05 »

เริง...

ตามอ่านและตามดูภาพมาตลอด...ชอบๆ...จุดประกาย...ทำให้อยากไปดูสถานที่จริง...
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3057 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2557, 19:40:22 »

ปุ๊
  
พวกเราจะมีกิจกรรมให้อ.กมล รอดคล้าย กันไหม..อยากยินดีกับเขาและเจอเพื่อนๆ

ขอบใจมากที่มาชมภาพครับ
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #3058 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2557, 15:43:44 »

              น้องเริง เดินทางถึงระยอง จันท์แล้วน่ะค่ะ ทุเรียน เงาะคงออกมากมาย
                          มีโอกาสไปแถวเสม็ดจวน มีร้านอาหารชื่อคุณต้อย ของสด
                          และไม่แพง ยิ่งบอกว่ารู้จากครูไข่(เพื่อนพี่ต้อย)รับรองเขาจะพิเศษให้ค่ะ
      บันทึกการเข้า

เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3059 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2557, 20:00:09 »

เกาะเสม็ดคงเป็นครั้งหน้า ..พี่ต้อย

จำไว้เป็นข้อมูลไว้ ได้ใช้แน่ๆเลย
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3060 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2557, 22:14:11 »

เที่ยวเมืองเก่าระยอง


















ตึกแรกของระยองนี้เป็นของทายาทที่เป็นภรรยาของนายประเสริฐ สมะลาภา อดีตปลัดกรุงเทพฯ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3061 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2557, 22:26:08 »









ร้านค้านี้มีพื้นที่สำหรับชักรอกสินค้าขี้นลง และพื้นเป็นกระเบื้องโบราณ เคยเห็นที่ร้านค้าข้างวังหลวงที่หลวงพระบางด้วย
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3062 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2557, 22:39:16 »









ร้านค้าและเคยเป็นร้านขายยาสมุนไพร
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3063 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2557, 22:46:35 »






ตึกเดียวกันแต่เวลาห่างกัน ๕๘ ปี และที่มาของเจ้าของตึก



ทางลงแม่น้ำระยองฝั่งตรงข้าม ย่านการค้าแรกๆ





      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3064 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2557, 22:52:21 »















บ้านที่วันนี้เป็นพิพิธภัณฑ์เมืองระยอง
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3065 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2557, 23:01:44 »













      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3066 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2557, 23:10:30 »

นั่งพักและเติมพลังก่อน..มีต่อนะครับ




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3067 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2557, 06:37:59 »

บ้านเก่าทัวไป




















      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3068 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2557, 06:48:36 »

ตู้









ตู้สองชั้นวางซ้อนกัน มองไม่รู้



ตู้สองชั้น แยกชั้นล่าง และชั้นบน





      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3069 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2557, 07:18:14 »

เก่าจริง










      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3070 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2557, 07:46:47 »

ห้างบี.กริมแอนโก ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2421 ตระกูลลิงค์ไม่ได้บริหารในยุคเริ่มต้น แต่เป็นชาวยุโรป 2 คน คือเบิร์นฮาร์ด กริม เภสัชกรชาวเยอรมัน กับเออร์วิน มิลเลอร์ พ่อค้าชาวออสเตรีย ได้ร่วมก่อตั้งขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้กับโรงแรมโอเรียนเต็ล

และที่มาของชื่อบริษัทได้ใช้ชื่อผู้ก่อตั้ง เบิร์นฮาร์ด กริม (บี กริม) มาจนถึงทุกวันนี้ไม่เปลี่ยนแปลง

ห้างบี.กริม เริ่มจากเปิดร้านขายยาชื่อ สยามดิสเปนซารี่ เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ชาวต่างชาติเริ่มเข้ามาค้าขายในประเทศไทย เพราะในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ปรับปรุงบ้านเมืองให้ศิวิไลซ์เพื่อให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาและพัฒนาระบบการศึกษา



เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติจากเยอรมนีและอังกฤษเข้ามาพัฒนาบริการต่างๆ เช่น ให้ชาวเยอรมันมาเป็นที่ปรึกษาด้าน ไปรษณีย์ และดูแลระบบการรักษาโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ในตอนนั้นไม่มีร้านผลิตยา จึงทำให้ห้างบี.กริมเห็นโอกาสเปิดร้านผสมยา

ร้านขายยาสยามดิสเปนซารี่ไม่ได้จำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไปเท่านั้น แต่รัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ ให้ร้านเป็นผู้จัดยาตำรับตะวันตกสำหรับราชสำนัก

นอกเหนือจากธุรกิจร้านขายยา ห้างบี.กริมยังเริ่มได้รับ สัมปทานด้านโทรเลขที่เกาะสีชัง หลังจากที่รัชกาลที่ 5 เสด็จเยือนประเทศเยอรมนีครั้งที่ 2 เพื่อดูระบบบริการโทรเลข

ในช่วงเวลานั้น บี.กริมยังได้รับหน้าที่ขุดคลองย่านรังสิต ในกรุงเทพมหานคร เพราะยังขาดระบบสาธารณูปโภค และระหว่างทำการขุดคลอง บี.กริมได้สร้างวัดมูลจินดารามขึ้นมาเพื่อให้คนงานมีโอกาสได้กราบไหว้   หมายเหตุ  จะมีรายละเอียดตามมา



      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3071 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2557, 07:48:56 »

ห้างบี.กริมยังได้ขยายกิจการเพิ่มเติมนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเพื่อมาจำหน่ายเช่น ขวดยา นาฬิกา กระบี่ แว่นตา โคมไฟ

 

เตียง หรือแม้แต่กระเบื้องที่ใช้สร้างวัดพระแก้วมรกตและวัดอรุณฯ ซึ่งสินค้าทั้งหมดแม้จะไม่ได้ผลิตโดยบี.กริม แต่สินค้าทุกชิ้นต้องติดแบรนด์บี.กริม ไม่เว้นแม้แต่นาฬิกาโรเล็กซ์ยี่ห้อดัง

อะดอล์ฟ ลิงค์ เภสัชกรชาวเยอรมัน เป็นผู้บริหารจากตระกูลลิงค์คนแรกที่เข้ามาร่วมงานในห้าง บี.กริม ใน พ.ศ.2446 เข้ามาร่วมทุนและได้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการในภายหลัง ต่อมาในปี 2457 อะดอล์ฟ ลิงค์ได้ซื้อกิจการทั้งหมดและเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว

ธุรกิจของห้าง บี.กริมเจริญรุดหน้าไปอย่างมากในรัชสมัยพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่จำเป็นต้องปิดกิจการชั่วคราวใน พ.ศ. 2460 เพราะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้กิจการของบี.กริม ถูกยึดทรัพย์ทั้งหมด เพราะผู้ประกอบการเป็นชาวเยอรมัน และอะดอล์ฟ ลิงค์ ต้องไปติดคุกที่ประเทศอินเดีย

เมื่อสงครามสงบลง อะดอล์ฟ ลิงค์ ใช้เวลา 11 ปี เปิดห้าง ใหม่อีกครั้ง โดยมีพระบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุรังษีอนุญาตให้สร้างสำนักงานใหม่ ณ ถนนมหาไชย และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีทรงพระราชดำเนินเปิดห้างใหม่ใน พ.ศ.2471 และในปี 2475 ได้รับพระราชทานตราตั้งพระครุฑพ่าห์ติดอาคาร เพื่อเป็นเครื่องหมายว่าเป็นบริษัทที่ได้รับพระบรมราชานุญาตและเฮอร์เบิร์ต ลิงค์ บุตรชายคนโตของอะดอลฟ์ เริ่มเข้ามาร่วมงานใน บี.กริมด้วยวัย 22 ปี

เฮอร์เบิร์ต ลิงค์ เป็นผู้บริหารรุ่น 2 ของตระกูลลิงค์ เขาเริ่มฝึกงานในตำแหน่งเสมียนและเรียนรู้งานทุกแผนกจนสามารถบริหารกิจการแทนบิดาได้และอะดอล์ฟ ลิงค์เดินทางกลับประเทศ เยอรมนี พร้อมกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล โปรดฯ แต่งตั้งให้เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์แห่งราชอาณาจักรไทย ประจำเมืองฮัมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี ใน พ.ศ.2482



หลังจากนั้นจนถึงปัจจุบัน

การกลับมาของบี.กริม เริ่มขยายกิจการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ รับเหมาติดตั้งอุปกรณ์สถานีวิทยุ สร้างโรงงานทำรองเท้า โรงงานกระดาษ และโรงงานผลิตหน้ากากป้หลังปี 2540 บี.กริมเริ่มรุกธุรกิจพลังงานมากขึ้น เล็งเห็นโอกาสความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทุกภาคส่วน รัฐ เอกชนและครัวเรือน บริษัทจึงกำหนดบทบาทของตนเองให้เป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก หรือเรียกว่า Small Power Producer: SPP เป็นผู้ผลิตโรงงานไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมโคเจนเนอเรชั่น ใช้ก๊าซ ธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง มีกำลังการผลิต 120-150 MW

บี.กริมมีโรงไฟฟ้า 4 แห่ง อยู่ในโรงงานอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี โรงงานอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง และประเทศเวียดนาม

ปัจจุบันบี.กริม.มีโครงการสร้างโรงงานไฟฟ้าใหม่เพิ่มอีก 13 แห่ง อยู่ระหว่างทยอยสร้างจะแล้วเสร็จโครงการสุดท้ายปี 2562

จากจุดเริ่มต้นธุรกิจร้านขายยา ขยายออกไปสู่อุตสาหกรรม คมนาคม อสังหาริมทรัพย์ สุขภาพ เครื่องปรับอากาศ และธุรกิจ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง แต่ธุรกิจดาวรุ่งที่จะนำพาให้กลุ่มบี.กริมเติบโตยั่งยืนคือกลุ่มธุรกิจพลังงาน เพราะในอีก 4-5 ปีข้างหน้า ธุรกิจพลังงานจะมีรายได้ถึง 3 หมื่นล้านบาท ในขณะที่บริษัทคาดหมายไว้ว่าทั้งกลุ่มมีรายได้ 4 หมื่นล้านบาท

“เราหนีไม่พ้น คนต้องการไฟฟ้า ยกเว้นค่าแก๊สเหลือศูนย์บาท


      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3072 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2557, 08:00:10 »

และเดินกลับผ่านไปรษณีย์ ที่ให้บริการแฟนบอลโลกนอกสถานที่และนอกเวลาทำการ



ภาพที่ชอบของครั้งนี้

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3073 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2557, 09:39:04 »

มีแถม ..เพิ่มเติมวัดมูลจินดาราม

ประวัติเดิม เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2439 ร.ศ.115 ค.ศ.1896 จ.ศ.1258 ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม 1 ค่ำเดือน 4 มีพระปฏิบัติราชประสงค์ (นามมูลเลอร์ ชาวเยอรมัน) กับนางจีน ผู้เป็นภรรยา ขออนุญาตสร้างพระอาราม เพื่อเป็นที่พำนักอาศัยของพระภิกษุสามเณร และอนุญาตสร้างวัดได้เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2439 ร.ศ. 1896 จ.ศ.1258 ตรงกับวันศุกร์ แรม 2 ค่ำเดือน 4 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 10 กรกฏาคม พ.ศ. 2442 เขตวิสุงคามสีมา กว้าง 14 เมตร ยาว 22 เมตร ในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

    อนึ่งค่าก่อสร้างวัดมูลจินดารามในครั้งนั้น สิ้นเงินค่าก่อสร้างเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 24,850.00 บาท (สองหมื่นสี่พันแปดร้อยสี่สิบบาท) และยังได้สร้างเพิ่มเติมอีก โดยมีท่านพระครูธัญญเขตเขมากร อดีตเจ้าคณะจังหวัดธัญบุรี วัดเขียนเขต เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างสถานที่ต่าง ๆ ตั้งแต่ พ.ศ. 2440 – 2448 รวมเป็นจำนวนเงิน 5,640 บาท (ห้าพันหกร้อยสี่สิบาท) 16 อัฐ รวมค่าก่อสร้างวัดนี้ทั้งสิ้น 30,480.00 บาท 16 อัฐ (สามหมื่นสี่ร้อยแปดสิบบาทสิบหกอัฐ)

    ครั้นต่อมาเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2445 ร.ศ. 121 ค.ศ. 1902 จ.ศ. 1264 พระปฏิบัติราชประสงค์ได้ทำหนังสือขอถวายพระอารามหลวง เมื่อเวลาที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จะเสด็จพระราชดำเนินเปิดเมืองธัญญบุรี พระองค์มีกระแสรับสั่งว่า การที่จะถวายรับเป็นวัดหลวงนั้น เป็นที่เกี่ยวข้องด้วยการบำรุง เช่น ต้องให้นิตยภัตรและกฐิน เป็นต้น วัดหลวงมีมากแล้วรัฐบาลไม่อยากให้รับ

    ต่อมาเมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2445 ร.ศ. 121 ค.ศ. 1902 จ.ศ. 1264 ตรงกับวันศุกร์ แรม 1 ค่ำเดือน 4 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดเมืองธัญญบุรี โดยทรงเครื่องแบบทหารเต็มยศ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช (คือรัชกาลที่ 6) และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จโดยรถพระที่นั่งจากวังสวนดุสิตถึงสถานีรถไฟสามเสน ประทับรถพระที่นั่ง โดยมีรถไฟใช้ฝีจักรจูงรถพระที่นั่งออกจากสถานีรถไฟสามเสน เวลา 1 โมงเช้า ถึงสถานีรถไฟรังสิต เวลา 2 โมงเช้า ณ ที่นั้นมีพ่อค้าประชาชน ทั้งเมืองปทุมธานี เมืองธัญญบุรี และจังหวัดใกล้เคียง อาทิเช่น เมืองนครนายก ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพฯ มาคอยรับเสด็จกันมากมาย จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินโดยเรือพระที่นั่งชื่อ “สมจิตรหวัง“ โดยมีเรือกลไฟลากจูงถึงเมืองธัญบุรีเมื่อเวลา 4 โมงเช้า เมื่อเรือพระที่นั่งเทียบท่าเมืองธัญบุรีแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ พระราชดำเนินไปประทับ ณ ห้องเจริญพระพุทธมนต์ ทรงจุดธูปเทียน บูชาพระรัตนตรัยและทรงศีล พอได้เวลา 5 โมงเช้า ได้พระฤกษ์แล้วทรงประกอบพิธีชักเชือกเปิดแพรคลุมป้ายชื่อเมือง เสร็จจากพระราชพิธีเปิดเมืองธัญญบุรีแล้ว เวลาบ่าย พระองค์ได้หยุดเรือพระที่นั่งที่หน้าสะพานฉนวนหน้าวัดมูลจินดาราม พระปฏิบัติราชประสงค์ ได้ลงมารับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเข้าประทับในอุโบสถ พระราชาคณะ ฐานานุกรม เปรียญ เจ้าอธิการ อันดับคณะรามัญ ได้กระทำสังฆกรรมผูกพัทธสีมา พระองค์เสด็จบำเพ็ญพระราชกุศลปิดทองลูกนิมิต กับทั้งเป็นองค์ประธานตัดลูกนิมิตด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง ซึ่งในสมัยนั้นพระเจ้าอยู่หัวจะไปทรงจัดทำเกี่ยวกับเรื่องวัดก็เฉพาะอารามหลวงเท่านั้น

                                  

    สำหรับนามวัดนั้น พระปฏิบัติราชประสงค์ ได้กราบบังคมขอพระราชทานนามวัดต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ก็ได้พระราชทานนามวัดว่า “วัดมูลจินดาราม” โดยมีพระประสงค์ให้สอดคล้องกับท่านผู้มีจิตศรัทธาสร้างวัดคือ นายมูลเลอร์ (พระปฏิบัติราชประสงค์) และนางจีน ตั้งแต่นั้นมา

    อนึ่ง ก่อนที่พระองค์จะเสด็จพระราชดำเนินกลับได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 400 บาท (ในสมัยนั้น) เพื่อช่วยในการก่อสร้างและปฏิสังขรณ์อีกด้วย
   
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3074 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2557, 15:28:50 »

ตู้ใบนี้เป็นสองชั้น คล้ายกับที่บ้านจันทบุรีมาก มาจากแหล่งทำเดียวกันมั้ง ยายซื้อไว้ครับ หากยายยังอยู่ ปีนี้ยายอายุ ๑๒๕ ปี

ที่ระยอง



ที่จันทบุรี

      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 121 122 [123] 124 125 ... 131   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><