23 พฤศจิกายน 2567, 06:28:00
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 112 113 [114] 115 116 ... 131   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ตามครูไปเที่ยว  (อ่าน 923137 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 42 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2825 เมื่อ: 01 พฤษภาคม 2557, 19:48:23 »

หัวหิน ในวันที่ ๕ พค. ๒๕๕๗

                                  

นายณรงค์ฤทธิ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รองเลขาธิการพระราชวังฝ่ายที่ประทับ  เป็นประธานในพิธีบวงสรวงเครื่องประกอบในพระราชพิธีฉัตรมงคลประจำปี 2557 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สำนักพระราชวัง เชิญพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร พร้อมด้วยเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ไปประดิษฐาน ณ ท้องพระโรง ศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในการพระราชพิธีฉัตรมงคล วันที่ 5 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นวันที่ระลึกในโอกาสทรงประกอบพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์ ตามโบราณขัตติยราชประเพณี เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 และพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการ "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" โดยทรงปกครองบ้านเมืองด้วยทศพิธราชธรรม เพื่อความสงบสุขร่มเย็นของราษฎร ดังพระราชกรณียกิจที่สะท้อนผ่านมาจวบจนปัจจุบัน

                                                                                          -----------------------------------

ประจวบคีรีขันธ์ - ผู้ว่าฯ ประจวบฯ เรียกประชุมด่วนเตรียมงานพระราชพิธี หลังสำนักพระราชวังแจ้งหมายกำหนดการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกมหาสมาคมวันฉัตรมงคล ณ ท้องพระโรง ศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวลหัวหิน      

       วันนี้ (24 เม.ย.) ที่ห้องประชุมนเรศดำริห์ สำนักงานเทศบาลเมืองหัวหิน นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมเตรียมจัดงานพระราชพิธีวันฉัตรมงคล วันที่ 5 พฤษภาคม 2557 นี้ โดยมี น.ส.ณุวรรณา อนันตกิจไพศาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์, นายสิริวุฒิ เหมทัต รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.อ.ชมพล อามระดิษ รองผู้บัญชการมณฑลทหารราบที่ 15 พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ทองงามตระกูล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ นางไพริน กองพันธุ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน ผู้อำนวยการท่าอากาศยานหัวหิน วิทยาลัยการอาชีพวังไกลกังวล สำนักงานโยธาและผังเมืองจังหวัด ฯลฯ เข้าร่วมประชุม      

       นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ล่าสุด นายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ได้เชิญส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมหารือ พร้อมกับแจ้งให้ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานพระราชพิธีวันฉัตรมงคล 5 พฤษภาคม 2557 โดยใช้ศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล เป็นสถานที่จัดงาน ซึ่งงานพระราชพิธีวันฉัตรมงคล จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 3-4 พฤษภาคม 2557 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นผู้แทนพระองค์จัดที่พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง      

       ส่วนงานพระราชพิธีวันฉัตรมงคล 5 พฤษภาคม 2557 นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จฯ ออกมหาสมาคม ณ ท้องพระโรง ศาลาราชประชาสมาคม โดยประทับรถยนต์พระที่นั่งจากพระตำหนักเปี่ยมสุข ทางประตูเสด็จฯ วังไกลกังวล เข้าสู่ถนนเพชรเกษม เลี้ยวขวาเข้าซอยหัวหิน 35 ด้านข้างสำนักงานวังไกลกังวล ไปยังท้องพระโรงศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล เพื่อให้พสกนิกรชาวไทย และชาวประจวบคีรีขันธ์ ได้เฝ้ารับเสด็จฯ และชื่นชมพระบารมีตามเส้นทางเสด็จดังกล่าว เหมือนเช่นที่ทรงเสด็จออกมหาสมาคม 5 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา    

       ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันฉัตรมงคลดังกล่าว เชื่อมั่นว่าพสกนิกรจากทั่วสารทิศจะเดินทางมาเฝ้ารับเสด็จ และชื่นชมพระบารมีจำนวนหลายหมื่นคนจนเต็มแน่นเส้นทางเสด็จ เหมือนกับวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งในส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้รับมอบหมายจากสำนักพระราชวัง ให้จัดเตรียมความพร้อมเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน ระบบไฟประดับหน้าวังไกลกังวล การปรับปรุงภูมิทัศน์ สถานที่จอดรถ อาหาร น้ำดื่ม จุดพยาบาล และการเตรียมการด้านการจราจร      

       “ในปีนี้จึงถือเป็นปีมหามงคลอีกวาระหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จฯ ออกมหาสมาคม ณ ท้องพระโรง ศาลาราชประชาสมาคม จึงขอเชิญชวนประชาชนทุกหมู่เหล่าเฝ้ารับเสด็จโดยพร้อมเพรียงกัน”
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2826 เมื่อ: 02 พฤษภาคม 2557, 09:58:04 »



กลุ่มผู้ขับขี่รถ จยย.จันทบุรี รวมกลุ่มทำความสะอาดโบราณสถานวัดพลับบางกะจะ สถานที่ที่ "สมเด็จพระเจ้าตากสิน" มาตั้งกองรวมไพร่พล ชี้เป็นจิตอาสา เป็นแบบอย่างที่ดีให้คนรุ่นใหม่...

เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 57 ที่วัดพลับบางกะจะ ต.บางกะจะ อ.เมือง จ.จันทบุรี ชมรมดีเจเยาวชนจังหวัดจันทบุรี และเครือข่ายเด็กจันท์พันธุ์ใหม่ ที่ประกอบด้วย กลุ่มรถจักรยานยนต์มินิไบค์และกลุ่มรถคลาสสิก ตลอดจนเครือข่ายอีกกว่า 10 กลุ่ม จำนวนกว่า 50 คัน ได้ร่วมกันออกทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ทำความสะอาดโบราณสถานเก่าแก่และสำคัญของ จ.จันทบุรี

นอกจากนี้ ยังมี พระสุธีปริยัตตาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอแหลมสิงห์และเจ้าอาวาสวัดพลับบางกะจะ นางเจตนา กีรติโภฌานันท์ ประธานสตรีอาสาพัฒนาอำเภอเมืองจันทบุรี และนายวีรภัทร กีรติโภฌานันท์ รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหว้ด (อบจ.) จันทบุรี ตลอดจนคณะกรรมการวัด ร่วมทำกิจกรรมในครั้งนี้

นายเอกภพ จันทร์ทิพย์ ปธ.ชมรมดีเจเยาวชน จ.จันทบุรี กล่าวว่า เยาวชนหลายกลุ่มได้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมการทำความสะอาดโบราณสถานที่สำคัญ คือ วัดพลับบางกะจะ วัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงคู่กับจังหวัดจันทบุรี ทั้งยังเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เสด็จฯ มาทรงตั้งกองรวบรวมไพร่พล ก่อนที่จะกอบกู้เอกราชด้วย

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อฝึกให้เยาวชนมีใจที่เป็นจิตอาสา ใช้เวลาว่างบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม ทำกิจกรรมทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมด้วยการทำความสะอาดวัด สร้างประโยชน์แก่ชุมชนส่วนรวม เป็นการสร้างจิตสำนึกที่ดี และยังเป็นแบบอย่างให้แก่พุทธศาสนิกชนคนรุ่นหลังได้ปฏิบัติตาม และมีใจที่เป็นจิตอาสาต่อไปด้วย   ข่าวไทยรัฐ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2827 เมื่อ: 02 พฤษภาคม 2557, 10:05:36 »

วัดพลับ

          


         

  วัดพลับ หมู่ 1 บ้านบางกะจะ ต.บางกะจะ อ.เมืองจันทบุรี  เป็นวัดเก่าแก่ของเมืองจันทบุรี สร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ. 2300  มีชื่อเดิมว่าวัดสุวรรณติมพรุธาราม  แปลว่าอารามที่มีผลมะพลับทอง  แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่าวัดพลับ    

 กองทัพของพระเจ้าตากสินได้แวะพักที่วัดนี้ก่อนเข้าตีเมืองจันทบุรี   พระองค์และแม่ทัพนายกองได้รับการประพรมน้ำพระพุทธมนต์และรับถวายพระยอดธง   ต่อมามีชื่อเสียงโด่งดังจนมีคำพูดในหมู่นักเลงพระว่า   พระยอดธงดีต้องพระยอดธงวัดพลับบางกะจะ    

 น้ำพระพุทธมนต์ที่ประกอบพิธีที่วัดพลับ   ถือว่าเป็นน้ำพระพุทธมนต์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์  ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรีทุกพระองค์   จะต้องประกอบด้วยน้ำพระพุทธมนต์จากวัดพลับนี้ด้วย  โดยนำน้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ถ้ำพระนารายณ์ ต.คลองนารายณ์  อ.เมืองจันทบุรี  และจากสระเเก้ว ที่วัดสระเเก้ว  ต.พลอยแหวน  อ.ท่าใหม่  มารวมกันทำพิธีสวด   ปลุกเสกน้ำพระพุทธมนต์เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน  
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2828 เมื่อ: 03 พฤษภาคม 2557, 05:44:42 »

บ้านบางกะจะ ชุมชนเก่า

ความสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกเหตุการณ์หนึ่งของบางกะจะ คือ เมื่อ พ.ศ.2377 บางกะจะเคยเป็น "เมืองจันทบุรี"มาก่อน

เมื่อปี พ.ศ. 2377 ในรัชสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้า ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ ซึงขณะนั้นดำรงยศเป็นเจ้าพระยาพระคลัง เป็นแม่กองไปอำนวยการก่อสร้าง “เมืองจันทบุรี” ใหม่ที่บ้านเนินวง โดยสร้างป้อมปราการตามหลักยุทธศาสตร์ พื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม กว้าง 14 เส้น ยาว 15 เส้น วัดโดยรอบได้ 65 เส้น 8 วา มีประตูเชิงเทินรอบหอรบด้านละ 2 ประตู มีชื่อเรียกทุกประตู อาทิ ประตูทำเนียบ ประตูบางกะจะ ประตูช้าง ประตูอุโมงค์ มีการขุดคูเมืองกว้าง 5-6 วา รอบกำแพงเมือง มาถมเป็นฐานบนกำแพงมีใบเสมา เรียงรายปืนใหม่ไว้เป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการโจมตีของญวน ภายในเมืองมีคลังอาวุธ ศาลหลักเมือง และวัดโยธานิมิต ซึ่งรื้อถอนแล้ว ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์พาณิชย์นาวี และสำนักงานโบราณคดีใต้น้ำ เป็นที่รวบรวมและรักษาโบราณวัตถุที่นำขึ้นมาจากเรือสำเภาโบราณที่จมอยู่ใต้ทะเลอ่าวไทย ซึ่งมีมากกว่า 10,000 ชิ้น

     ในปี พ.ศ. 2419 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จประพาสบางกะจะ พระองค์ได้มีพระราชนิพนธ์ถึงเมื่อครั้งเสด็จประพาสจันทบุรี โดยมีใจความบางตอนดังนี้

      ณ วันอาทิตย์ แรม 1 ค่ำ เดือน 2 ปีชวด อัฐศก จุลศักราช 1238 ไว้ว่า “..เวลา 2 โมงครึ่ง เลี้ยวแหลมมาเห็นเขาพลอยแหวนสนัดทีเดียว.... 3 โมง 15 นิมิต มาเห็นเรือกระมุท ซึ่งท่านกรมเจ้าท่าจอดอยู่ที่ท่าเสาธง ที่ริมฝั่งมีเสาหงส์อยู่ข้างซ้ายมือ ต่อมานั้นมีโรงเรียน ประมาณ 20-30 หลัง เรือเราจอดที่ตระพานหน้าพลับพลา เห็นพระยาจันทบุรีมาคอยรับอยู่ เราขึ้นนั่งบนพลับพลา....เราขึ้นม้าพิรุณรัศมิออกเดินทาตามทาง หลานขึ้นม้าถือดาบเรามาด้วย เป็นเป็นโรงจีน เป็นร้านขายของทั้งสองข้าง มากหลายสิบโรง แต่เห็นเป็นฝาปูนอยู่โรงหนึ่ง ทางคดไปคดมา 3 ทบ 4 ทบ จึงหมดโรง แต่เราเห็นคนที่ยืนตามโรงนั้นเป็นจีนแทบทั้งนั้น ไม่ใคร่เห็นมีไทย เว้นแต่ผู้หญิง เมื่อต่อมานั้นเป็นเนิน ต้องขึ้นทางสูงเหมือนขึ้นเขาหน่อยหนึ่ง เมื่อถึงที่ราบเราเห็นตึกจริงๆ เป็นเก๋งจีน ศาลเจ้าอยู่ 2 หลัง มีโรงงิ้ว และโรงใกล้เคียงหลายโรง อยู่ข้างขวามือ...”
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2829 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2557, 04:07:49 »

ไปหัวหิน  ในวันหยุด













      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2830 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2557, 04:17:50 »













      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2831 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2557, 04:28:39 »













ตลาดฉัตรไชย



ตลาดฉัตรไชยตั้งอยู่ภายใต้สถาปัตยกรรมหลังคารูปโค้ง ที่สร้างขึ้นใน ปีพ.ศ.2469 โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้ซึมซับบรรยากาศของหัวหินในยุคแรกๆ ซึ่งเคยเป็นเมืองตากอากาศของเจ้านายชั้นสูงในสมัยก่อน พร้อมๆกับตื่นตาอาหารคาวหวานรสเด็ดมากมายที่น่าลิ้มลองไปทุกอย่าง
       สถาปัตยกรรมหลังคารูปโค้งของตลาดฉัตร์ไชยนั้นมีความหมาย หลังคาถูกออกแบบให้มีหลังคาเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลมต่อเนื่องกัน 7 โค้ง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ ว่าได้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เป็นงานคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งอาคาร ทำให้ตลาดฉัตรไชยมีความหมาย ในแง่มุมประวัติศาสตร์คู่กับเมืองหัวหินมาอย่างยาวนาน
       ทั้งตัวอาคาร และแผงขายสินค้าเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ตัวตลาดโล่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก และจัดว่าเป็นตลาดที่ถูกสุขลักษณะที่สุดของประเทศไทยในขณะนั้น ชื่อตลาดฉัตร์ไชยนี้มาจากพระนามเดิมของพระองค์ คือพระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากรนั่นเอง ต่อมาตลาดฉัตร์ไชยและโรงแรมรถไฟ หรือโฮเต็ลหัวหิน (ปัจจุบันคือเซนทารา)กลายเป็นสัญลักษณ์ของชายทะเลหัวหิน
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2832 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2557, 04:10:03 »

หัวหิน เมื่อ ๔ พค.










      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2833 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2557, 04:17:35 »













      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2834 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2557, 11:26:30 »

หัวหิน  เมื่อ ๕ พค. วันฉัตรมงคล










      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2835 เมื่อ: 08 พฤษภาคม 2557, 04:37:25 »
















      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2836 เมื่อ: 09 พฤษภาคม 2557, 10:39:29 »

ที่หัวหิน

ตลาดฉัตรไชย และในหลวงเคยเสด็จฯที่นี่

ก่อน







ปัจจุบัน



      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2837 เมื่อ: 09 พฤษภาคม 2557, 10:46:47 »

ชายหาด

ก่อน




ปัจจุบัน

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2838 เมื่อ: 09 พฤษภาคม 2557, 10:52:52 »

โรงแรมรถไฟ

ก่อน



ปัจจุบัน

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2839 เมื่อ: 09 พฤษภาคม 2557, 10:54:12 »

บ้านจักรพงษ์

ที่ดินแปลงที่อยู่ตรงหมู่หินชายทะเล เป็นของสมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ซึ่งทรงสร้างตำหนักใหญ่ขึ้นถึงสองครั้ง ครั้งแรกคือตำหนักขาว ครั้งหลังคือตำหนักเทาและเรือนเล็กอีกหลายหลัง ซึ่งก็คือบ้านจักรพงษ์ในเวลาต่อมา ปัจจุบันคือโรงแรมเมเลีย ซึ่งได้เปลี่ยนผู้ดำเนินการเป็นโรงแรมฮิลตัน
 
โรงแรมฮิลตัน



และต่อมา พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ซึ่งมีพระตำหนักประทับแรม (บ้านจักรพงษ์) อยู่ที่อำเภอหัวหิน ได้เสด็จมาประทับแรม ณ พระตำหนักนี้เป็นประจำ ได้ทรงเห็นว่า เขตอำเภอหัวหินไม่มีห้องสมุดส่วนรวมที่จะให้ประชาชน ได้อ่านหนังสือและรวบรวมเอกสารตลอดจนหนังสือต่าง ๆ ไว้ให้ค้นคว้าหาความรู้  จึงได้มีรับสั่งให้นายอำเภอหัวหินและนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหัวหิน จัดหาที่ดินก่อสร้างห้องสมุดประชาชน โดยพระราชทานเงินส่วนพระองค์จำนวน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) มอบให้นายฟื้น กระแสสินธุ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหัวหิน ก่อสร้างห้องสมุดประชาชน ณ ที่ดินสาธารณะริม ถนนแนบเคหาสน์ ตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน โดยนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหัวหินรับไปดำเนินการปลูกสร้างเป็นอาคารไม้ชั้นเดียว ยาว 20.20 เมตร กว้าง 6 เมตร มีมุขด้านหน้ายาว 5 เมตร ภายในเป็นห้องโถง สำหรับเป็นที่อ่านหนังสือและจัดวางตู้หนังสือต่าง ๆ มีห้องสำหรับเก็บพัสดุ ๑ ห้อง และมีห้องน้ำ ภายในอาคาร ติดตั้งไฟฟ้า พื้นเทคอนกรีต อาคารทาสีตลอดทั้งถมดิน และทำรั้วเสร็จเรียบร้อย   ครั้นเมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ จึงได้กระทำพิธีเปิดโดยพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ทรงเป็นองค์ประธาน และให้ชื่อว่า “ห้องสมุดประชาชนอำเภอหัวหิน (จุลจักรพงษ์บุญนิธิ)” เมื่อได้เปิดให้บริการแก่ประชาชนแล้ว พระองค์ทรงพระราชทานหนังสือต่าง ๆ ที่พระองค์ได้พระราชนิพนธ์จำนวนมากให้กับห้องสมุดและให้อยู่ในความอุปถัมภ์ของมูลนิธิ “จุลจักรพงษ์บุญนิธิ”

ห้องสมุดประชาชนอำเภอหัวหิน

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2840 เมื่อ: 09 พฤษภาคม 2557, 13:37:01 »

วันพืชมงคล ๙ พค. ๒๕๕๗



แรกนาขวัญ (อังกฤษ: Ploughing Ceremony; เขมร: បុណ្យច្រត់ព្រះនង្គ័ល; พม่า:  Mingala Ledaw หรือ  Lehtun Mingala) เป็นชื่อพิธีกรรมที่ทำขึ้นในหน้านาเพื่อประเดิมการทำนา

ในประเทศไทย การแรกนาขวัญซึ่งกระทำโดยราชสำนักนั้นประกอบด้วยพิธีสองอย่างตามลำดับ คือ ๑ พระราชพิธีพืชมงคล เป็นพิธีพุทธซึ่งตั้งขึ้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ

และ ๒ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพิธีพราหมณ์ซึ่งกระทำสืบเนื่องมาแต่สมัยสุโขทัย

 ปัจจุบัน เรียกวันแรกนาขวัญว่า วันพืชมงคล ซึ่งจัดไม่ตรงกันทุกปีสุดแต่สำนักพระราชวังจะกำหนด โดยประกอบพิธีทั้งสอง ณ ท้องสนามหลวง ทั้งยังกำหนดให้วันพืชมงคลเป็นวันเกษตรกรไทย เพื่อระลึกถึงความสำคัญของเกษตรกรรมในเศรษฐกิจไทย และให้เป็นวันหยุดราชการด้วย

๑ พระราชพิธีพืชมงคล

เป็นพิธีทางพุทธศาสนา มีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ เป็นพิธีสงฆ์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎทรงกำหนดให้มีขึ้นเป็นครั้งแรก เป็นพิธีทำขวัญเมล็ดพืชพันธุ์ต่าง ๆ เช่น ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเหนียว ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ถั่ว งา เผือก มัน เป็นต้น ฯลฯ มีจุดมุ่งหมายที่จะให้เมล็ดพันธุ์เหล่านั้น ปราศจากโรคภัยและให้อุดมสมบูรณ์เจริญงอกงามดี

๒ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ

เป็นพิธีทางศาสนาพราหมณ์ เป็นพิธีพราหมณ์มีมาแต่โบราณ เป็นพิธีเริ่มต้นการไถนาเพื่อหว่านเมล็ดข้าว มีจุดมุ่งหมายที่จะให้เป็นอาณัติสัญญาณว่า บัดนี้ฤดูกาลแห่งการทำนาและเพาะปลูกได้เริ่มขึ้นแล้ว

 พระราชพิธีทั้งสองนี้ ได้กระทำเต็มรูปแบบมาเรื่อย ๆ จนถึงปี พ.ศ. 2479 ได้เว้นไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ด้วยสถานการณ์โลกและบ้านเมืองอยู่ในภาวะที่ไม่สมควรจะจัดงานใด ๆ จึงว่างเว้นไป 10 ปี

ต่อมาทางราชการพิจารณาเห็นว่าประเทศไทย เป็นประเทศกสิกรรม โดยเฉพาะทำนาควรจะได้ฟื้นฟู ประเพณีเก่าอันเป็นมงคลแก่การเพาะปลูก ดังนั้น ใน พ.ศ. 2490 จึงกำหนดให้มีพิธีพีชมงคลขึ้นอีก แต่มีแค่พระราชพิธีพืชมงคลเท่านั้น (พิธีเต็มรูปแบบว่างเว้นไปถึง 23 ปี)

 และเมื่อปี พ.ศ. 2503 จึงจัดให้มีราชพิธีจรดพระนาคัลแรกนาขวัญร่วมกับพิธีพืชมงคลนับแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2841 เมื่อ: 09 พฤษภาคม 2557, 19:47:05 »



ชาวนาปทุมฯ ถือฤกษ์วันพืชมงคล หว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวลงแปลงนา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 9 พ.ค.57 ชาวนาจังหวัดปทุมธานี ถือฤกษ์วันพืชมงคลเป็นวันเริ่มต้นในการปลูกผลผลิต โดย นายสำเนียง บุญนะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบึงบอน และนายเทียน คล้ายนุช กรรมการบริหารธรณีสงฆ์ และชาวบ้านในระแวงใกล้เคียง เข้าร่วมพิธีแรกนาขวัญ ในวันพืชมงคล ณ ลานนาวัดอัยยิการาม หมู่ที่ 2 ต.บึงบอน อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี โดยงานในวันนี้ทำเหมือน พิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ที่สนามหลวง มีพิธีทางพุทธศาสนา มีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ทำขวัญเมล็ดพืชพันธุ์ต่างๆ เช่น ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเหนียว ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ถั่ว งา เผือก มัน เพื่อที่จะให้เมล็ดพันธุ์เหล่านั้น ปราศจากโรคภัยและให้อุดมสมบูรณ์เจริญงอกงามดี เพื่อเป็นสิริมงคลต่อนาข้าวของเกษตรกร

ในงานนี้ ยังมีนางเล็ก พุ่มพวง คุณยาย อายุ 95 ปี มาเป็นผู้มอบพันธ์ข้าวปลูก หาบข้าว และทำการหว่านพันธ์ข้าวปลูกให้ลูกให้หลานเพื่อเป็นศิริมงคล ในวันวันพืชมงคลในวันนี้ด้วยสร้างความประทับใจให้ชาวบ้าน

ด้านนายนายสำเนียง เปิดเผยว่า หลังจากฝนตกเมื่อวันก่อนและชลประทานได้ปล่อยน้ำให้เกษตรกร จึงได้สูบน้ำขึ้นในแปลงข้าว พร้อมนำรถไถตีเทือกไถนารอการทำนาครั้งต่อไป และในวันนี้เป็นวันพืชมงคล ถือเป็นวันมหามงคลของเกษตรกรชาวไทย ที่ยึดถือปฏิบัติกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และยึดเอาเป็นฤกษ์ดีตามความเชื่อว่าเป็นวันดีของการเริ่มต้นเพาะปลูก หากเริ่มทำนาในวันพืชมงคลแล้ว ก็จะได้ผลผลิตดี มีกำไรตามที่ต้องการต่อไป

ส่วนประชาชนชาวบึงบอน ได้นำเมล็ดพันธุ์ข้าวที่อยู่ในกระสอบขนลงจากรถ แล้วไปนำวางลายตามคันนาแล้วเติมลงในเครื่องสำหรับหว่านข้าว แล้วนำไปพ่นหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวลงในแปลงนา กว่า 30 ไร่ ของตนเอง หลังเมื่อวานที่ผ่านมาไปปรับพื้นที่สำหรับเพราะปลูกไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และเชื่อว่าวันพืชมงคล เป็นฤกษ์ดีในการเพาะปลูก จึงนำเมล็ดพันธุ์ข้าวหว่านลงในแปลงนาในวันพืชมงคลนี้
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #2842 เมื่อ: 09 พฤษภาคม 2557, 20:38:27 »

       สวัสดีค่ะน้องเริง  มาสมัครเป็นแฟนกระทู้ด้วยคน เชื่อมโยงเรื่องปัจจุบันอดีตดีจัง
      บันทึกการเข้า

เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2843 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2557, 06:17:52 »

สวัสดี พี่ต้อย

ครับผม ขอบคุณมากๆ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2844 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2557, 06:26:55 »

ผู้พระราชทานเงินสร้างห้องสมุดประชาชนอำเภอหัวหิน

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พระนามเต็ม พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์
พระอิสริยยศ พระเจ้าวรวงศ์เธอ
ฐานันดรศักดิ์ พระองค์เจ้า
ราชวงศ์ ราชวงศ์จักรี
ข้อมูลส่วนพระองค์
ประสูติ 28 มีนาคม พ.ศ. 2450
สิ้นพระชนม์ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2506
พระชนก จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
พระชนนี หม่อมคัทริน ณ พิศณุโลก
พระชายา หม่อมเอลิสะเบธ จักรพงษ์ ณ อยุธยา
พระโอรส/ธิดา หม่อมราชวงศ์นริศรา จักรพงษ์

พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ หรือ พระองค์จุล (28 มีนาคม พ.ศ. 2450 - 10 ธันวาคม พ.ศ. 2506)[1] พระโอรสพระองค์เดียวในจอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ กับ หม่อมคัทริน ณ พิศณุโลก (นามเดิมคือ คัทริน เดสนิตสกี) ชาวรัสเซีย ทรงสมรสกับหม่อมเอลิสะเบธ จักรพงษ์ ณ อยุธยา เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2481 มีธิดาคือ หม่อมราชวงศ์นริศรา จักรพงษ์

พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ทรงรับการศึกษาที่โรงเรียนราชินี จนพระชันษาครบ 13 เสด็จไปทรงศึกษาที่ประเทศอังกฤษ ศึกษาที่โรงเรียนแฮร์โรว์เมื่อ พ.ศ. 2466 ถึงปี พ.ศ. 2470 จนเข้าศึกษาระดับอุดมศึกษา ที่วิทยาลัยตรินิตี้ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ด้านประวัติศาสตร์ ทรงได้รับปริญญาตรี (B.A. เกียรตินิยม) เมื่อปี พ.ศ. 2473 และ ปริญญาโท (M.A. เกียรตินิยม)

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 ที่เริ่มเข้าการแข่งขันรถแข่ง จนถึงปี 2482 เป็นเวลา 5 ปี ที่ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช เข้าแข่งขันความเร็วทั้งหมด 68 ครั้ง ชนะเลิศ 20 ครั้ง ได้ที่สอง 14 ครั้ง และที่สาม 5 ครั้ง และยังเข้าการแข่งขันระดับนานาชาติอีกหลายครั้ง ถือเป็นคนเอเชียคนเดียวที่เข้าทีมต่างประเทศซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นนักแข่งรถอาชีพ โดยพระองค์จุลฯ ทรงทำหน้าที่เป็นผู้จัดการคอกหนูขาวนี้นานเกือบ 8 ปี

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ทรงสนพระทัยในงานประพันธ์และประวัติศาสตร์ ทรงนิพนธ์หนังสือไว้ 13 เล่ม โดยเล่มที่สำคัญที่สุดคือ เกิดวังปารุสก์, เจ้าชีวิต, ดาราทอง, ไทยชนะ


            


              


      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2845 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2557, 06:50:30 »

พระราชทานหนังสือที่ทรงนิพนธ์ให้ห้องสมุดนี้ (ภาพบางส่วน)

     
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2846 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2557, 10:38:46 »

เนื่องจากพระะองค์ท่านมี "แม่" เป็นหญิงต่างชาติ

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ พระโอรสพระองค์เดียวในจอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถกับหม่อมคัทริน ณ พิศณุโลก (นามเดิมคือ Cathrine Desniksky) ชาวรัสเซีย (ยูเครนในปัจจุบัน) ประสูติเมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2450 เมื่อเวลา 23.58 น. ที่ห้องแดงภายในวังปารุสกวัน ถือเป็นบุคคลเดียวที่ถือกำเนิดบนตำหนักวังปารุสก
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2847 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2557, 10:51:56 »

เมื่อรู้ข่าวว่าพระนัดดาประสูติ สมเด็จพระศรีพัชรินทราฯ ที่แต่เดิมเคยกริ้วในพระโอรสมาก่อน ก็ทรงตื่นเต้นและหายกริ้ว รีบเสด็จมาทอดพระเนตร เอาพระทัยใส่ทั้งการจัดห้องหับ การดูแลเรื่องต่าง ๆ มีพิธีการทำขวัญเดือนตามธรรมเนียมโบราณ โดยคุณยายของเจ้าฟ้าจักรพงษ์ฯ คือ ท้าววนิดาพิจาริณี (เหม สุจริตกุล)

เมื่อแรกประสูติทรงมีฐานันดรศักดิ์เป็นหม่อมเจ้า สมเด็จพระศรีพัชรินทราฯ พระราชทานพระนามว่า "พงษ์จักร"[3] ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระนามใหม่ว่า "จุลจักรพงษ์" โดยเป็นการเอาอย่างพระนามของทูลหม่อมปู่ คือ จุลจอมเกล้า ทั้งยังเป็นการล้อพระนามพระบิดา คือ เล็ก ไปในขณะเดียวกั
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2848 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2557, 10:59:33 »

พระองค์นี้ได้นำความปลาบปลื้มปีติยินดีให้กับสมเด็จพระบรมราชินีนารถยิ่งนัก อันเนื่องมาแต่ ทรงพระเมตตาที่มิได้ทรงได้รับพระอิสริยยศเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าดังที่ควรจะเป็น จึงใคร่จะพระราชทาน ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ก็ทรงจัดพระราชทานให้เป็นพิเศษเทียบเท่ากับสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอแทบทุกประการ ด้วยทรงห่วงใยที่หม่อมคัทรินที่มีเชื้อชาติยุโรป จะไม่สามารถอบรมฝึกฝนจริตมารยาทของพระโอรส ให้เข้ากับระเบียบแบบแผนเจ้านายตามพระราชประเพณีไทยได้ด
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2849 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2557, 11:01:26 »

ถึงแม้ว่าทูลกระหม่อมปู่ (รัชกาลที่ 5) แม้จะไม่ทรงรับพระนัดดาองค์ใหม่เป็นหลานอย่างเปิดเผย แต่ในที่สุดก็ได้โปรดให้พระนัดดาเข้าเฝ้าในปี พ.ศ. 2453 ที่พระราชวังพญาไท เมื่อพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์อายุครบ 2 ขวบ พระองค์ก็ทรงเล่าให้สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี ถึงพระนัดดาไว้ว่า "วันนี้ฉันได้พบกับหลานชายของเธอ ดูน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนพ่อ ฉันรู้สึกรักและหลงใหลคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสายเลือดเชื้อไขของฉันเอง" และรับสั่งต่อด้วยถ้อยคำที่แฝงความรู้สึกโล่งพระทัยว่า "และไม่มีเค้าว่า มีเชื้อสายฝรั่งติดมาด้วยเลย"[6] ภายหลังรัชกาลที่ 5 ได้สวรรคตในปี 2453 ได้ค้นพบหลักฐานจากการบันทึกของหม่อมเจ้าทิพย์รัตน์ประภา เทวกุล ที่ท่านหญิงเคยรับใช้ฉลองพระเดชพระคุณสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถในพระบรมมหาราชวัง ทรงมีรับสั่งกับท่านหญิงว่า "สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงกำลังโปรดตาหนู เสียดายที่มาด่วนสวรรคตไปเร็ว"[7] ส่วนรัชกาลที่ 6 ทรงพระเมตตารักท่านหนู ถ้าจะใคร่สันนิษฐาน โปรดเพียงใดจะเห็นได้ในประกาศเมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระยศขึ้นเป็นพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 112 113 [114] 115 116 ... 131   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><