เริง2520
|
|
« ตอบ #2775 เมื่อ: 30 มีนาคม 2557, 14:41:09 » |
|
ปั๊มอังกฤษไม่ขายเบียร์ให้ลุงวัย 58 เพราะไม่มีบัตรยืนยันว่าอายุเกิน 18ปั๊มอังกฤษไม่ขายเบียร์ให้ลุงวัย 58 เพราะไม่มีบัตรยืนยันว่าอายุเกิน 18 ขณะที่ลุงสุดโมโหที่ปั๊มไม่ขายเบียร์ให้ ประกาศแบน จะไม่มาใช้บริการอีก
วันที่ 26 มีนาคม 2557 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ มีรายงานว่า คุณลุงรายหนึ่งจากแรดสตอก โซเมอร์เซต ประเทศอังกฤษ ถึงกับหัวเสียสุด ๆ เมื่อเขาที่หวังจะหาซื้อเบียร์มาดื่มให้ชื่นใจหลังเลิกงาน กลับถูกพนักงานร้านสะดวกซื้อในปั๊มเอซโซ่ปฏิเสธไม่ยอมขายเบียร์ให้ เพียงเพราะคุณลุงรายนี้ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีอายุอยู่ในเกณฑ์ที่ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แม้ว่าเขาเองก็มีสภาพร่างกายที่ดูยังไง๊ ยังไงก็เกิน 50 ปีแล้วก็ตาม
โดยคุณลุง พรินเตอร์ ฟิลิป ลูอิส วัย 58 ปี ที่มีทั้งหนวดเคราและผมสีดอกเลา เผยว่า ผมก็คงจะเข้าใจได้หากว่าผมมีอายุใกล้ ๆ 25 ปีหรือหน้าเด็กประมาณนั้น แต่ผมจะ 59 ในเดือนมิถุนายนนี้แล้ว และผมก็ไม่ได้พกใบขับขี่มา ผมมาใช้บริการปั๊มน้ำมันแห่งนี้บ่อยมาก แต่จากนี้ผมจะไม่มาใช้บริการปั๊มนี้่แล้ว
ขณะที่ผู้จัดการปั๊มได้ออกมาขออภัยนายลูอิสต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และยอมรับว่าพนักงานประจำร้านนั้นมีความเคร่งครัดมากเกินไป ในการนำนโยบายการขายแอลกอฮอล์มาใช้ พร้อมกับที่โฆษกของปั๊มออกมาเผยว่า เราต้องขออภัยต่อคุณลูอิส สำหรับความผิดพลาดหรือความไม่สะดวกใด ๆ อันเกิดขึ้นระหว่างที่แวะเข้ามาใช้บริการในปั๊ม ทางเรามีความเข้มงวดในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเป็นที่ชัดเจนว่าพนักงานได้นำนโยบายไปใช้อย่างมากเกินไปในครั้งนี้ อย่างไรก็ดี เราได้อบรมพนักงานแล้ว และจะติดต่อไปยังคุณลูอิสเพื่อมอบของกำนัลเล็ก ๆ น้อย ๆ แทนความปารถนาดีจากเราต่อไป
|
|
|
|
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์
รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692
|
|
« ตอบ #2776 เมื่อ: 31 มีนาคม 2557, 21:20:11 » |
|
น้องเริง มีคนข้างๆพี่นี่เขาเคยภูมิใจมาแล้วว่าโดนขอดูบัตรดูวันเกิด เขานึกว่าเพราะหน้าเด็ก คนขายเลยต้องดูให้แน่ใจ ถ้าเอารูปลุงนี่ให้เขาดู เขาคงหมดใจไปเยอะ
|
ติ๋ม จันทร์ฉาย
|
|
|
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์
คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927
|
|
« ตอบ #2777 เมื่อ: 01 เมษายน 2557, 12:50:12 » |
|
ตามอ่านครับพี่เริง ยังคงเข้มข้น ทั้งรูปและเนื้อหาสาระ ขอบคุณครับ
|
“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้ อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #2778 เมื่อ: 01 เมษายน 2557, 21:48:27 » |
|
ครับผม.... ทั้งพี่ติ๋มและหนุน ๒๑
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #2779 เมื่อ: 02 เมษายน 2557, 19:34:51 » |
|
เมื่อวันที่2 เม.ย. พล.อ.ท.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงเหตุระเบิดที่ลาดปลาเค้าว่าคาดว่าเป็นระเบิดที่หลงเหลือจากสงครามมหาเอเชียบูรพา เมื่อปี 2487 ซึ่งพันธมิตรได้นำเครื่องบินมาทิ้งระเบิดในพื้นที่กทม. และฝั่งธนบุรีจำนวนมาก
ทำให้ดับ 7 ศพ คาโกดังของเก่าย่านลาดปลาเค้า ชี้เก็บระเบิดได้ แต่คิดว่าเป็นเศษเหล็ก พอส่งขายตัดแยกเลยตูมระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
ก่อนหน้านี้ได้พบระเบิดน้ำหนัก 500 ปอนด์ บริเวณชุมทางรถไฟบางซื่อสายสีแดงซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดกองทัพอากาศหรืออีโอดี เข้าพิสูจน์ทราบ และได้นำไปทำลายที่กองบิน 2 ลพบุรีแล้วอย่างไรก็ตามอยากเตือนประชาชนหากพบระเบิดหรือวัตถุคล้ายระเบิดให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าสัมผัสหรือแตะต้อง และให้ถอยห่างวัตถุดังกล่าวรวมถึงรีบแจ้งอีโอดีให้ทำการเก็บกู้โดยเร็วที่สุดทั้งนี้แม้ระเบิดจะเสื่อมสภาพแต่วงจรภายในระเบิดยังมีความสมบูรณ์ ดังนั้นจึงมีโอกาสเกิดระเบิดขึ้นได้ทุกเมื่อ. จากข่าวเดลินิวส์
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #2780 เมื่อ: 02 เมษายน 2557, 21:14:16 » |
|
น้องเริง
ยังติดตามห้องนี้อยู่ แต่ช่วงนี้พี่ขอพักสายตาจากอาการหวัดสักพักนึ่งก่อน
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #2781 เมื่อ: 02 เมษายน 2557, 21:40:03 » |
|
ขอให้หายไข้โดยเร็วครับ
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #2782 เมื่อ: 04 เมษายน 2557, 15:14:08 » |
|
4 ย่านประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯ มีโอกาสพบ‘ระเบิด’ได้อีก เตือนขุดเจาะพรุนทั้งกรุงเทพฯต้องระมัดระวัง
นายเกรียงพล พัฒนรัฐ ผู้อำนวยการสำนักผังเมือง กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า จุดที่มีโอกาสขุดพบลูกระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯคงต้องมองจากประวัติศาสตร์ ซึ่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ในภูมิภาคนี้ที่มีประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องในสงครามมหาเอเชียบูรพานั้นในช่วงราว พ.ศ. 2480 ซึ่งพื้นที่ที่เป็นฐานที่ตั้งของกองทัพญี่ปุ่นในประเทศ ไทยจะเป็นจุดเป้าหมายในการทิ้งระเบิดโจมตีจากฝ่ายสัมพันธมิตร โดยจุดหลักที่ปรากฏตามประวัติ ศาสตร์ฝั่งพระนครคือ 1. บริเวณวัดเลียบ เชิงสะพานสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ซึ่งเป็นสถานีผลิตไฟฟ้าที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ฝ่ายตรงข้ามจะโจมตีและ 2. ย่านสถานีรถไฟหัวลำโพง ที่เป็นจุดสร้างหลุมหลบภัยในช่วงสงคราม ย่านที่ 3. คือในด้านฝั่งธนบุรี ที่บริเวณสถานีรถไฟบางกอกน้อย โรงพยาบาลศิริราช ที่กองทัพญี่ปุ่นใช้เป็นฐานที่มั่นสำคัญในการขนยุทธปัจจัยไปจังหวัดกาญจนบุรีและเป็นแหล่งบัญชาการสงครามในภูมิภาคนี้ เพื่อโจมตีพม่า มาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งบริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่ถูกโจมตีอย่างหนัก และ ย่านที่ 4. คือบริเวณใกล้เคียงสะพานพระราม 6 ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้มีการขุดพบวัตถุระเบิดที่สถานีรถไฟบางซื่อ ซึ่งคาดว่าจะเป็นระเบิดที่ถูกโจมตีในช่วงสงครามโลกเช่นกัน เนื่องจากสะพานพระราม 6 ซึ่งเป็นสะพานรถไฟในส่วนของทางรถไฟสายเก่าเช่นกัน ทั้งนี้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ในกรุงเทพฯ ที่เกิดขึ้นก่อนสมัยสงครามโลก จะมีสะพานพุทธฯ และสะพานพระราม 6 ที่เป็นเป้าหมายสำคัญ
นายเกรียงพล กล่าวต่อว่า อาวุธระเบิดที่ค้นพบจะเป็นลูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรที่ทิ้งลงมาจากเครื่องบินรบ ซึ่งพื้นดินของกรุงเทพฯ ในยุคสมัยนั้นส่วนใหญ่คือสภาพของเรือกสวนไร่นา และเป็นดินอ่อน ซึ่งระเบิดแต่ละลูกมีน้ำหนักมากถึงกว่า 200 กิโลกรัม ประกอบกับความแรงที่ทิ้งลงมาจากอากาศในระดับที่สูงมากหากลูกระเบิดที่ตกถึงพื้นที่แต่ไม่ระเบิดจมลงไปในพื้นดิน ซึ่งระเบิดนั้นแม้จะจมอยู่นานก็ยังมีโอกาสเกิดระเบิดได้ แม้จะเวลานานกว่าครึ่งศตวรรษ ซึ่งแม้แต่ในประเทศยุโรปอย่างที่เบอร์ลินเยอรมัน ก็ยังมีการค้นพบระเบิดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในบ้านเมืองที่เคยเกิดสงครามนั้นก็มีโอกาสที่จะพบลูกระเบิดที่หลงเหลืออยู่ได้ ข่าวจากเดลินิวส์
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #2783 เมื่อ: 05 เมษายน 2557, 12:36:42 » |
|
หญิงจีนใส่ชุดแต่งงานทุกวัน ตลอด 10 ปี หลังพบรักแท้หญิงจีนใส่ชุดแต่งงานทุกวันตลอด 10 ปี หลังพบรักแท้และความสุขที่แท้จริง แม้ก่อนหน้านี้จะเผชิญชะตากรรมสุดเศร้าถูกบังคับแต่งงานและถูกใช้แรงงานเยี่ยงทาส
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2557 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ รายงานว่า เซียงจวินเฟิง หญิงวัย 47 ปีจากมณฑลซานตงของจีน ใส่ชุดแต่งงานทุกวันตลอด 10 ปีหลังจากผ่านเคราะห์กรรมครั้งใหญ่ในชีวิตจนได้พบรักแท้ในที่สุด
รายงานระบุว่า เซียงจวินเฟิงถูกลักพาตัวจากบ้านเกิดขณะที่เธออายุเพียง 18 ปี และถูกขายให้กับผู้ชายรายหนึ่งในเมืองหลินอี้ มณฑลซานตง ซึ่งที่นั่นเธอถูกบังคับให้เธอแต่งงานกับชายแก่คราวพ่อและถูกกักขังให้ทำงานเยี่ยมทาสนานถึง 15 ปี แต่ในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าหลบหนีออกมาได้สำเร็จ
จากนั้นเธอได้ไปอยู่ที่หมู่บ้านหลิวเจียจวงในเมืองจี้โม่ โดยได้รับความช่วยเหลือจากหญิงท้องถิ่น ซึ่งต่อมาเซียงจวินเฟิงก็ได้พบรักกับน้องชายของหญิงที่่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ และแต่งงานกันในปี 2004 โดยเธอได้ซื้อชุดแต่งงาน 1 ชุดและตัดเองอีก 3 ชุดสำหรับใส่ทุก ๆ วันใน 4 ฤดู
ทั้งนี้ เซียงจวินเฟิง เผยว่า ชีวิตของเธอก่อนหน้านี้รู้จักแต่ความรุนแรงและการถูกทารุณกรรม เธอจึงได้หลีกหนีจากผู้ชายทั้งหมด จนได้มาพบกับสามี ชายซึ่งดูแลและปฏิบัติกับเธอเป็นอย่างดี ดังนั้นในงานแต่งงานเป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุดในชีวิตและไม่อยากให้มันจบลง เธอจึงตัดสินใจสวมชุดแต่งงานทุกวันซึ่งมันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเธอไปแล้ว และเธอก็ไม่แคร์ด้วยว่าผู้คนจะมองเธออย่างไร เพราะเธอมีสามีที่เข้าใจและรักเธอ จากข่าวกระปุก
|
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #2785 เมื่อ: 06 เมษายน 2557, 06:41:26 » |
|
ในงานวิจัยของนิสิตโครงการปริญญาเอก กาญจนาภิเษก (คปก.) คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่า สารสกัดจาก “ผักติ้ว” สามารถนำไปใช้ในการยับยั้งกลิ่นหืนในอาหารได้ โดยเอายอดอ่อนของ “ผักติ้ว” ที่คนอีสานนิยมรับประทานเป็นผักเคียงกับลาบ ก้อย และแหนมเนืองเวียดนาม ไปเข้ากระบวนการสกัดผสมกับ “เอทานอล” และขั้นตอนอีกหลายขั้นตอนจะได้สารจาก “ผักติ้ว” ชื่อ “คอลโรจินิกแอซิก” นำไปใช้เป็นสารสกัดธรรมชาติป้องกันกลิ่นหืนของอาหารดีมาก
นอกจากนั้น การทดลองสารที่พบจาก “ผักติ้ว” ยังมีฤทธิ์ต้านมะเร็งตับได้ และ ไม่ทำลายเซลล์ปกติด้วย แต่งานวิจัยยังไม่เสร็จสิ้นพอที่จะนำเอาไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์ จึงสรุปเพียงว่า “ผักติ้ว” เมื่อรับประทานแล้วจะมีสารในการยับยั้ง “เซลล์มะเร็งตับ” ได้ ซึ่งในการทดลองยังได้นำเอาใบของ “ผักติ้ว” ไปเลี้ยงกับเซลล์มะเร็งเม็ดเลือด เซลล์ไต และ เซลล์มะเร็งเต้านม เชื่อว่าอนาคตอันใกล้ ถ้าผลการทดลองออกมาสามารถใช้รักษาโรคที่ทดลองได้ จะเป็นผลดีกับผู้ป่วยอย่างมหาศาล
ผักติ้ว หรือ ติ้ว CRATOXYLUM FORMOSUM-PRUNIFLORUM อยู่ในวงศ์ CLUSIACEAE เป็นไม้ยืนต้น สูง 8-15 เมตร ลำต้นมียางสีเหลือง ใบออกตรงกันข้าม รูปรีแกมรูปไข่กลับ ปลายแหลม โคนเกือบมน รสฝาดปนเปรี้ยว เมื่อใบแก่เป็นสีเขียวสด
มีสรรพคุณเฉพาะทางสมุนไพร ยอดอ่อน (มีขายตามแผงจำหน่ายพืชผักพื้นบ้านทั่วไป) นิยมรับประทานเป็นผักเคียงกับ ลาบ ก้อย น้ำตก แหนมเนืองเวียดนาม ตามที่กล่าว ข้างต้น ส่วนภาคใต้รับประทานกับขนมจีนใต้รสชาติ อร่อยมาก
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #2786 เมื่อ: 06 เมษายน 2557, 17:56:35 » |
|
อร่อยเลย หนุ่มอินเดียชอบกินดิน กรวด อิฐ เผยขาดไม่ได้ สำหรับคนปกติแค่เคี้ยวอาหารไปเจอกรวดเล็ก ๆ สักก้อนก็ฟันแทบสึกแล้ว แต่สำหรับนายภาคีรัปปา หุณะกันตี หนุ่มอินเดียวัย 30 ปี จากรัฐกรณาฏกะทางตอนใต้ของประเทศ แต่กรวดก้อนเดียวน่ะเรื่องจิ๊บ ๆ เพราะเขาน่ะกินทั้งกรวด ทั้งดิน ทั้งก้อนอิฐ และไม่ใช่กินน้อย ๆ ด้วยนะ วันหนึ่งกินตั้ง 3 กิโลกรัมเลยเชียวล่ะ !
วันที่ 2 เมษายน 2557 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ เผยพฤติกรรมการกินอาหารอันพิลึกพิลั่นของนายภาคีรัปปา ที่เริ่มกินกรวด กินดิน และก้อนอิฐ มาตั้งแต่อายุเพียง 10 ขวบ และยังคงกินมาจนถึงทุกวันนี้ โดยแต่ละวันเขาแทะอิฐอย่างน้อยหนึ่งก้อน รวมกับกินดินกินกรวดแกล้มด้วยก็ตกราววันละ 3 กิโลกรัมเลยทีเดียว แต่น่าแปลกใจที่ฟันของหนุ่มรายนี้ยังแข็งแรงอยู่ดีครบทุกซี่
ทั้งมารดาและเพื่อนของภาคีรัปปา เคยทั้งขอร้องทั้งอ้อนวอนเขาให้เลิก หรือลดพฤติกรรมกินกรวดกินดินลงบ้าง แต่ภาคีรัปปาก็ไม่เคยทำได้ เขาบอกว่าในวันหนึ่งเขาขาดข้าวได้ แต่ขาดกรวดขาดดินไม่ได้เลย ต่อให้เอาไก่ทอดมาแลกก็ไม่ยอม และการกินกรวดดินแบบนี้มาตลอด 20 ปี ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อสุขภาพของเขาเลย แถมภาคีรัปปายังแอบเผยเคล็ดลับการกินกรวด ดิน หรือก้อนอิฐให้อร่อย ต้องมีน้ำเปล่าด้วยสักแก้วจะได้ไม่ฝืดคอ หยึย.. ใครจะไปทำตามเนี่ย จากข่าวกระปุก
|
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #2788 เมื่อ: 07 เมษายน 2557, 18:04:08 » |
|
บางส่วนของการให้ความสำคัญของวันสงกรานต์ของรัฐนี้
สมาคมสยามเกดะห์-ปะลิสที่พยายามต่อสู้เพื่อคงไว้ซึ่งภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยในมาเลเซีย มีการเปิดโรงเรียนสอนภาษาไทยและมีการสอนให้รักชาติไทย รักศาสนาพุทธเทิดทูลพระมหากษัตริย์ไทยองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีการยกธงชาติไทยควบคู่กับธงชาติมาเลเซีย แต่จะไม่มีขบวนการที่เคลื่อนไหวนอกระบบหรือวิธีการที่รุนแรง
การดำเนินกิจกรรมของสมาคมชาวพุทธเชื้อสายไทยในตอนเหนือประเทศมาเลเซียนั้นไม่เพียงดำเนินการทางด้านวัฒนธรรมอย่างเดียวแต่พยายามรวมกลุ่มเพื่อมีอำนาจางการเมืองด้วยเช่นกัน เช่นข้อเรียกร้องที่เป็นประเด็นสำคัญๆ และนำเสนอผ่านสมาคมไทยกลันตัน และสมาคมสยามมาเลเซียมายังรัฐบาลก็คือ การขอมีสิทธิเป็นบุมีปุตรา การขอมีพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุด (การขอมีพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดให้เป็นที่สักการะของชาวพุทธจากทั่วโลก ก็ถือเป็นประเด็นสำคัญ ปัจจุบันนี้ ประเทศมามาเลเซียมีพระพุทธรูปทรงนั่งที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลกรองจากพระพุทธรูปทรงนั่งของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งพระพุทธรูปทรงนั่งในประเทศมาเลเซียจะประดิษฐานอยู่ที่วัดมัชฌิมาราม หมู่บ้านตือรือโบะ (Tereboh) อำเภอตุมปัต (Tumpat) รัฐกลันตัน (Kelantan) ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศมาเลเซียจากฝั่งอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ก็จะพบเห็น พระพุทธรูปดังกล่าวทางด้านซ้ายมือห่างจากเปิงกาลันกุโบร์ (Pengkalan Kubor) ริมฝั่งแม่น้ำตรงกันข้ามอำเภอตากใบประมาณ 5 - 8 กิโลเมตร) ให้เป็นที่สักการบูชาของชาวพุทธจากทั่วโลก การขอแก้ไขให้มีการระบุชื่อของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวไทยในแบบฟอร์มการขอเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐ การขอประกาศวัฒนธรรมไทยเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมแห่งชาติ การขอประกาศวันสงกรานต์เป็นวันหยุดราชการ การขอมีสิทธิในกองทุนช่วยเหลือด้านการศึกษาและด้านการประกอบทางธุรกิจ ตลอดจนการขอมีสิทธิเป็นสมาชิกของพรรคอัมโน (UMNO)
การขอประกาศวัฒนธรรมไทยเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมแห่งชาติ และการขอประกาศวันสงกรานต์เป็นวันหยุดราชการ ทั้งสองประเด็นดังกล่าวถือว่าสำคัญ เพราะการที่ไม่ได้แสดงออกซึ่งวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ในชาตินั้น ส่อให้เห็นว่า วัฒนธรรมของชาวพุทธเชื้อสายไทยกำลังถูกกลืนจากกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มใหญ่ --รัฐบาลมาเลเซียจึงประกาศให้วัฒนธรรมการละเล่นกลองยาว การฟ้อนรำไทย และประเพณีวันสงกรานต์เป็นวัฒนธรรมแห่งชาติ--
|
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #2790 เมื่อ: 13 เมษายน 2557, 17:45:03 » |
|
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #2791 เมื่อ: 13 เมษายน 2557, 17:51:55 » |
|
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #2792 เมื่อ: 13 เมษายน 2557, 18:09:02 » |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #2797 เมื่อ: 16 เมษายน 2557, 07:44:06 » |
|
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #2798 เมื่อ: 16 เมษายน 2557, 15:54:43 » |
|
สงกรานต์ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สงกรานต์ (อังกฤษ: Water Festival ถอดเป็นอักษรละติน: Songkran; เขมร: សង្រ្កាន្ត; ลาว: ສົງການ; จีน: 泼水节)
สงกรานต์ตามคตินิยมโบราณ นิยมสรงน้ำพระและผู้อาวุโสอันเป็นการแสดงความเคารพและความกตัญญู เพื่อความเป็นสิริมงคล
สงกรานต์เป็นประเพณีของประเทศไทย ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไตแถบเวียดนามและมณฑลยูนนานของจีน ศรีลังกาและทางตะวันออกของประเทศอินเดีย เป็นความเชื่อของไทยและบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #2799 เมื่อ: 16 เมษายน 2557, 18:49:43 » |
|
สงกรานต์ที่ลาวทางการลาวได้ออกข้อกำหนดการเล่นน้ำสงกรานต์อย่างเข้มงวด โดยมีทั้งการห้ามหลีกเลี่ยงการใช้น้ำสกปรก ห้ามสาดน้ำใส่คนบนรถ หรือ คนขับมอเตอร์ไซค์ บนท้องถนน ห้ามกระทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อผู้หญิง วัยรุ่นหนุ่มสาวต้องแต่งกายเรียบร้อยในการสรงน้ำพระ
|
|
|
|
|