26 พฤศจิกายน 2567, 17:44:31
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 83 84 [85] 86 87 ... 131   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ตามครูไปเที่ยว  (อ่าน 926049 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Angy20
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2520
คณะ: บัญชี
กระทู้: 252

« ตอบ #2100 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2556, 13:36:49 »

เริง
     เราขอที่อยู่เริงด้วยจะออกใบเสร็จ  ที่บริจาครินน้ำใจ ส่งมาที่ e-mail เราก้ได้ atchara.cha@bbl.co.th จ๊ะ 
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #2101 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2556, 18:27:45 »


สวัสดียามเย็นครับ... พี่เริง..พี่เหยง..พี่อ๋าง..พี่หนุน และพี่น้องทุกท่าน

ตู้เก่าได้ใจจริงๆ.. ชอบๆ
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #2102 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2556, 18:29:34 »

อ้างถึง
ข้อความของ เริง2520 เมื่อ 08 ตุลาคม 2556, 12:41:46
ทั้งสามบ้านรู้จักกับยาย แม่และเห็นผมตั้งแต่เกิด จึงถ่ายภาพได้อย่างละเอียด ทุกมุมของบ้าน

ภาพทั้งหมดเป็นวิถีชีวิต ไม่มีการตกแต่ง บางชิ้นไม่ใช้แล้วเช่นกระจก

บางภาพอาจไม่สวยงาม เพราะเดินเข้าไปและถ่ายเลยครับ

ยังมีอีกประมาณห้าหลังครับ หากสนใจ ขอเป็นคราหน้าเนาะ


ขอรอชมนะครับ... ขอบคุณล่วงหน้าครับ พี่เริง
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2103 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2556, 08:52:34 »

ครับ แหลม

บ้านแรกตู้มีมากกว่านี้ หลานๆขนไปบ้างแล้ว เหลือตู้ใหญ่สองใบเท่านั้น (คงขนไม่ได้)

ส่วนบ้านที่สาม นำตู้จัดกั้นเป็นห้องและไว้ของเต็ม ถ่ายมาแต่ไม่ได้ลงภาพ คงไม่สวย

ส่วนบ้านที่เหลือเป็นบ้านลูกสาวของพี่สาวยาย  เป็นบ้านที่ขายยาโบราณ มีอุปกรณ์บดยา ตู้ขายยาโบราณด้วย

อีกบ้าน หน้าบ้านเป็นแบบโบราณเหลือหลังเดียวของชุมชนนี้ เป็นบ้านน้องสาวของยาย หากท่านอยู่ก็อายุประมาณ ๑๒๕ ปี

ส่วนบ้านอื่นๆเคยเป็นโรงทำกระเบื้อง เป็นของลูกสาวพี่ชายก๋ง ( ตา ) และค้าขายทั่วไปครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2104 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2556, 09:59:54 »

อ้างถึง
ข้อความของ เริง2520 เมื่อ 08 ตุลาคม 2556, 12:41:46
ทั้งสามบ้านรู้จักกับยาย แม่และเห็นผมตั้งแต่เกิด จึงถ่ายภาพได้อย่างละเอียด ทุกมุมของบ้าน

ภาพทั้งหมดเป็นวิถีชีวิต ไม่มีการตกแต่ง บางชิ้นไม่ใช้แล้วเช่นกระจก

บางภาพอาจไม่สวยงาม เพราะเดินเข้าไปและถ่ายเลยครับ

ยังมีอีกประมาณห้าหลังครับ หากสนใจ ขอเป็นคราหน้าเนาะ


พี่ยังอยากเห็นห้องใต้ดินอยู่ครับ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2105 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2556, 10:30:32 »



พี่เหยง

จะขอให้พี่สาวในภาพพาไปและภ่ายภาพห้องใต้ดินครับ แต่ไม่น่ามีอะไรแล้ว หลานๆน่าจะขนของเก่าไปหมดแล้ว

วันที่ไปถ่ายภาพ พี่เขาชวนขึ้นไประเบียงชั้นบนที่เป็นไม้เยอะๆด้วย หากถ่ายภาพลงมาน่าจะสวยงามเป็นแน่

รถเมล์พิธีกรจากรายการตลาดสดสนามเป้าเคยขึ้นไปแล้วนะนี่
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2106 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2556, 12:39:39 »

ทรงพระเจริญ




ชาวเน็ตร่วมแชร์ภาพในหลวงทอดพระเนตรรุ้งกินน้ำที่วังไกลกังวล
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2107 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2556, 09:18:57 »

วังไกลกังวลและหัวหิน  
โดย ฉัตรบงกช ศรีวัฒนสาร



      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2108 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2556, 09:21:17 »

ความเฟื่องฟูของหัวหินเริ่มขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวังไกลกังวลขึ้นในปี พ.ศ.  ๒๔๖๙ วังไกลกังวล เป็นวังส่วนพระองค์ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชทานแด่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี

โดยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จากพระคลังข้างที่  อยู่ห่างจากหาดหัวหินไปทางทิศเหนือประมาณ ๓ กิโลเมตร หม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากร เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ  พระตำหนักต่าง ๆ ในวังไกลกังวล ได้แก่ พระตำหนักเปี่ยมสุข พระตำหนักปลุกเกษม ตำหนักเอิบเปรมและตำหนักเอมปรีดิ์    

โดยมีวิศวกรชาวต่างประเทศเป็นผู้เดินทางไปควบคุมการก่อสร้างทุกเดือนโดยพักที่โรงแรมรถไฟดังปรากฏหลักฐานค่าใช้จ่ายประกอบด้วย “ค่าที่พัก ๔ บาท น้ำชาเช้า ๕๐ สตางค์ อาหารเช้า ๑ บาท ๗๕ สตางค์ อาหารกลางวัน ๒ บาท ๗๕ สตางค์ อาหารเย็น ๓ บาท” (กรรณิการ์ ตันประเสริฐ : เรื่องเดิม : ๑๗ ) เรื่องเดิมคือ หนังสือจดหมายเหตุวังไกลกังวล


      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2109 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2556, 09:28:03 »

รัชกาลที่ ๗  ทรงเรียก วังไกลกังวล ว่า สวนไกลกังวล และไม่ปรากฏหลักฐานเรื่องการยกวังไกลกังวลเป็นพระราชวังในหนังสือราชกิจจานุเบกษา จึงเรียกวังแห่งนี้ว่าวังไกลกังวลมาโดยตลอด อย่างไรก็ดี การขาดแคลนน้ำในหัวหินเป็นปัญหาสำคัญ โดยปกติน้ำดื่มน้ำใช้ในวังไกลกังวลนำมาจากจังหวัดเพชรบุรีหรือปราณบุรี ทำให้มีหลักฐานว่าค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำดื่มน้ำใช้ในการประทับแรมที่หัวหินสูงยิ่งกว่าค่าใช้จ่ายเรื่องไฟฟ้า (กรรณิการ์  ตันประเสริฐ : เรื่องเดิม: ๓๑) การสร้างวังไกลกังวลแม้จะก่อให้เกิดความภาคภูมิใจแก่ชาวท้องถิ่นเป็นอันมาก แต่ก็อาจสร้างความไม่พอใจแก่คนบางกลุ่ม จึงมีผู้ร้ายชุกชุมรบกวนการก่อสร้าง แม้จะมีการจ้างแขกยามเฝ้าทรัพย์สินเป็นเงินเดือนละ ๓๕ บาท

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2110 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2556, 09:33:11 »

เจ้านายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับหัวหินขณะสร้างวังไกลกังวล คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน (พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร ต้นราชสกุลฉัตรชัย) สร้างตลาดฉัตร์ไชยบนที่ดินพระคลังข้างที่ โดยทรงออกแบบให้มีหลังคารูปโค้งครึ่งวงกลมต่อเนื่องกัน ๗ โค้ง หมายถึงสร้างขึ้นในรัชกาลที่ ๗  ทั้งตัวอาคารและแผงขายสินค้ามีลักษณะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ตัวตลาดโล่ง  อากาศถ่ายเทสะดวก และถูกสุขลักษณะที่สุดในขณะนั้น



ชื่อตลาดนำมาจากพระนามเดิมของพระองค์  การสร้างตลาดฉัตร์ไชยทำให้หัวหินเจริญเติบโตขึ้นเป็นสถานตากอากาศหรูหราและมีชื่อเสียงที่สุด  แต่มีสิ่งที่น่าแปลกประการหนึ่งคือ ข้อมูลจากเชื้อพระวงศ์ท่านหนึ่งเล่าว่า กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธินไม่ทรงมีที่ดินในหัวหินเลยแม้แต่น้อย สิ่งนี้อาจ สะท้อนให้เห็นว่าทรงปฎิบัติราชการด้วยหลักธรรมาภิบาลและไม่ทรงมีผลประโยชน์ทับซ้อนใด ๆ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2111 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2556, 09:36:26 »



พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ แปรพระราชฐานมายังหัวหินอยู่เนือง ๆ  เอกสารทางการรัชกาลที่ ๗ ระบุว่า ใน พ.ศ. ๒๔๗๑ ชาวพระนครและชาวต่างชาติเดินทางไปเที่ยวหัวหินถึงราว ๑๐,๐๐๐ คน  ปีถัดมา (พ.ศ. ๒๔๗๒ ) ชาวพระนครและชาวต่างชาติเดินทางไปเที่ยวหัวหินเพิ่มขึ้นเป็น ๓๐,๐๐๐ คน (กรรณิการ์ ตันประเสริฐ : เรื่องเดิม: ๕)
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2112 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2556, 09:38:09 »

หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕  กระแสต่อต้านเจ้ารุนแรงมาก หม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล ทรงเล่าว่า

“...หัวหินกลายเป็นที่ชุมนุมชนทุกชั้น มีตั้งแต่คณะรัฐมนตรีใหม่และพระยามโนฯ นายกรัฐมนตรี พระยาศรีวิศาลวาจาและนายประยูร ภมรมนตรี ออกไปอยู่ตามหัวเมือง พวกทหารโดยมากไม่มีงานทำ ในหลวงจึงทรงพระดำริจะจับจองที่ว่างทางหลังเขา แบ่งเป็นผืน ๆ ให้พวกเหล่านี้ปลูกปอ และจะทรงลงทุนทำโรงงานทำกระสอบข้าวเล็ก ๆ ขึ้นในแถวนั้น โปรดให้กรมพระกำแพงฯ ไปติดต่อกับทางบริษัทในเมือง Manila ยังไม่ทันเป็นผลสำเร็จในหลวงก็ถูกกล่าวหาว่าทำทางไว้จะหนีไปเมืองพม่า

พวกผู้ดีสมัยใหม่ก็ enjoy ไปตากอากาศที่หัวหิน จนถึงมีรถไฟพิเศษลดราคาสำหรับให้คนไปเที่ยวแน่น ๆ ในวัน weekend และพวกเราที่ถูกเตะออกไปใหม่ ๆ  ก็เป็นตัวแมลงสำหรับคนเหล่านี้ไปเดินผ่านดูด้วยความเยาะเย้ยต่าง ๆ บางคนก็ยังรู้จัก บางคนก็แกล้งไม่รู้จัก คำว่า “เสรีภาพ” “เสมอภาค” “ภราดรภาพ” เป็นสิ่งที่มึนเมาอย่างน่าสะพรึงกลัว ครั้งหนึ่งหม่อมเจ้าทองเติม ทองแถม ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขึ้นรถไฟนั่งมาทางกรุงเทพฯ มีชายคนหนึ่งเข้าไปนั่งข้าง ๆ แล้วเหยียดตีนไปที่หัวเข่าและหัวเราะพูดว่า “ไหนลองเหยียดตีนใส่เจ้าดูสักที” พี่ทองเติม (our cousin) ตอบว่า ‘ได้ แต่อย่าให้ถูกตัวฉันก็แล้วกัน ถ้าถูกจะตบหน้าให้ดูว่าเขาปราบกิริยาชั่วกันอย่างไร’ ชายผู้นั้นก็เลยทำหน้าแหย ๆ แล้วลุก ๆ ไป...” (ม.จ.พูนพิศมัย  ดิศกุล : ๒๕๔๖ : ๖๘-๖๙)
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2113 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2556, 09:40:56 »

หม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุลเล่าว่า กระแสต่อต้านเจ้าทำให้หัวหินมีคนแปลกหน้าซึ่งตอนหลังทรงสืบได้ว่าเป็นพวกนักเรียนกฎหมายเดินเล่นทุกหนทุกแห่ง พลอยทำให้ราษฎรในหัวหินแบ่งออกเป็น ๒ พวก คือ

“...พวกผู้ใหญ่ยังมาหาเจ้าและคอยบอกเหตุการณ์แต่พวกหนุ่ม ๆ เปลี่ยนกิริยาเป็นแบบเสรีภาพเที่ยวเดินตรวจดูทั้งทางหน้าบ้านหลังบ้านตามสบาย ถ้าเห็นพวกสาว ๆ ก็ทำท่าทางจะเกี้ยวไปทุกหนทุกแห่ง...” (ม.จ.พูนพิศมัย ดิศกุล : เรื่องเดิม: ๗๕)

หม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุลบันทึกถึงพฤติกรรมจาบจ้วงของกลุ่มต่อต้านเจ้าว่า

“เย็นวันหนึ่งในหลวงทรงพระดำเนินเล่นตามชายหาดทางโฮเต็ล ราษฎรหาบของกินขายจำได้ก็วางหาบลงนั่งถวายบังคม ในหลวงตรัสทักว่า ‘ขายอะไร?’ ยายคนนั้นดีใจพนมมือทูลตอบ พอเสด็จเลยไปนิดเดียวก็มีชายหนุ่ม ๒ คนแวะเข้าไปขู่ถามยายคนขายของนั้นว่า ‘หน้ายาวขึ้นไหมที่ในหลวงพูดด้วยน่ะ ?’ ยายคนนั้นตอบว่า ‘ธุระอะไรของมึง’ วันรุ่งขึ้นแกก็มาเล่าให้เราฟังว่า มันแต่งตัวกางเกงสั้นใส่เสื้อขาว มีผ้าเช็ดหน้าเหลืองโผล่ที่กระเป๋าเสื้อทั้ง ๒ คนและยังมีพวกใส่หมวก beret สีน้ำเงินอีกพวกหนึ่งที่รู้กันดีว่าเป็นพวกเกลียดเจ้า...” (ม.จ.พูนพิศมัย  ดิศกุล : เรื่องเดิม : ๗๕)


อ้างอิงจากเล่มนี้

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2114 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2556, 09:43:00 »

ในสมัย จอมพล ป.พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี (พ.ศ. ๒๔๘๑ - ๒๔๘๗) รัฐบาลพยายามปรับปรุงสังคมไทยให้มีวัฒนธรรมทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ เช่น มีการออกรัฐนิยม ซึ่งประกอบไปด้วยการปลูกฝังวัฒนธรรมทั้งด้านภาษา การแต่งกาย  ทรงผม  กิริยา มารยาทและอื่น ๆ  ทำให้ผู้หญิงต้องแต่งกายด้วยกระโปรงกับเสื้อเข้าชุดกัน สวมหมวก เลิกนุ่งผ้าโจงกระเบนกับผ้าคาดอก ผู้ชายใส่เสื้อนอกเสื้อในครบชุด สวมหมวกและเปิดหมวกโค้งคำนับทักทายผู้ใหญ่เห็นชินตาที่โรงแรมรถไฟหัวหิน



ผู้มีฐานะและคนชั้นสูงนิยมเดินทางไปพักผ่อนตามชายทะเล แม้แต่หม่อมเจ้าพจน์ปรีชา พระเอกในนิยายรักอมตะเรื่อง “ปริศนา” ของ ว.ณ. ประมวลมารค (พระวรวงศ์เธอ  พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต) ก็ทรงมีตำหนัก “มโนรมณ์” ที่หัวหิน  ครอบครัวของปริศนาไปพักบังกะโลของกรมรถไฟหลวง ความรักของ “ท่านชายพจน์กับปริศนา” ท่ามกลางฟองคลื่นและหาดทรายสีขาวละเอียดโดยมีเสียงเพลง “หัวหินสิ้นมนต์รัก” กังวานก้องห้องเต้นรำของโรงแรมรถไฟ (เพลง “หัวหินสิ้นมนต์รัก” แต่งโดยไสล ไกรเลิศ บันทึกเสียงครั้งแรกพ.ศ. ๒๕๐๔  ขับร้องโดยสุเทพ วงศ์กำแหง)


      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2115 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2556, 09:45:17 »

หญิงสาวที่ไปหัวหินมักนุ่งกางเกงขาสั้น ชุดว่ายน้ำ แต่งหน้า ทาปากและแก้มสีแดงชาด ทำผมหยิกเป็นลอน จนมีชายหนุ่มมาเกี้ยวพาราสีและตกหลุมรัก จึงมักได้ยินคำถามว่า สุภาพสตรีคนนั้นคนนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใคร มีชาติตระกูลเป็นอย่างไรเพราะหนุ่มสาวที่จะไปเดินเล่นที่ชายหาดหัวหินได้ต้องว่าจัดเป็นคนมีชาติตระกูล  โรงแรมรถไฟซึ่งมีราคาค่อนข้างแพง คือ ค่าที่พักและค่าอาหารรวมวันละ ๓๐ บาท ขณะนั้นข้าราชการระดับเจ้าพระยามีเงินเดือน ๆ ละ ๒,๐๐๐ บาท ส่วนข้าราชการผู้น้อยมีเงินเดือนเพียงเดือน ๆ ละ ๕๐ บาท

ช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ (พ.ศ.๒๔๘๔ -๒๔๘๘) หัวหินมีบรรยากาศซบเซาเป็นช่วงสั้น ๆ เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเลย แต่เจ้านายและคหบดีซึ่งมีที่พักถาวรต่างพากันมาหลบพักที่หัวหินเป็นแรมปี หลังสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ ๒ ได้ไม่นาน หัวหินกลับได้รับความนิยมอีกครั้งเรียกว่า “ยุคคลั่งไคล้หัวหิน Hua Hin Fever” (ระหว่างพ.ศ.๒๔๙๐ –๒๔๙๒ ) ชาวกรุงเทพฯในวงสังคมทันสมัยต่างพากันไปพักที่บ้านตากอากาศของครอบครัวหรือที่โรงแรมรถไฟ




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2116 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2556, 09:47:10 »

ช่วงนี้เริ่มมีการสร้างโรงแรมและตึกแถวรองรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทำให้มีการสร้างโรงแรมหน้าตลาดฉัตร์ไชย เป็นต้น นิยายเรื่อง พล นิกร กิมหงวน ตอน มนต์รักที่หัวหินของ ป. อินทรปาลิต กล่าวถึงค่านิยมสมัยนั้นว่า

"...ส่วนประเภทมีสตางค์หน่อย พอนึกจะไปตากอากาศ ก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง แล้วขึ้นรถไฟตรงไปหัวหินทีเดียว  ไปถึงที่นั่นหาโรงแรมถูก ๆ พักเล่นข้างแกงตามตลาด เดินย่ำต๊อกวางมาดชายทะเลทุกเช้าเย็น แต่งตัวให้ภูมิฐานหน่อย อยู่ที่หัวหินสักหนึ่งอาทิตย์พอผิวเนื้อถูกแดดดำคล้ำก็กลับกรุงเทพฯ พบหน้าใคร ๆ ก็คุยอวดว่า ไปตากอากาศที่หัวหินกลับมา โรงแรมรถไฟที่นั่นสบายมาก สนามกอล์ฟงดงาม อาหารแพงหน่อย เพื่อนฝูงไม่รู้ความจริงก็เลยนับถือ เรื่องมันเป็นอย่างนี้จริง ๆ ครับ ไม่ใช่ผมมดเท็จพูด ในวงสังคม ถ้าหากใครคนใดคนหนึ่งพูดว่า เขาไปหัวหินกลับมา ก็รู้สึกว่าเป็นของโก้เก๋เหลือเกิน.."  พ.ศ.๒๔๙๓ ผู้ที่มีรถยนต์ก็สามารถไปเที่ยวหัวหินได้อย่างเป็นส่วนตัว


      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2117 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2556, 09:48:50 »

ทางหลวงหมายเลข๔ ถนนเพชรเกษมสร้างเสร็จแล้ว แต่รถยนต์ยังมีราคาแพงทำให้คนรวยยังเป็นผู้นำของการไปเที่ยวหัวหินและนำวัฒนธรรมการเดินเล่นยามเช้า (Morning walk) ไปด้วย ดังนั้นทุกเช้าจะเห็นนักท่องเที่ยวตากอากาศเดินทักทายคนรู้จักตามชายหาด แล้วก็ไปหาโจ๊ก หรือกาแฟและไข่ลวกรับประทาน  กลายเป็นกิจวัตรยอดนิยมที่ส่งผลให้ “ร้านกาแฟเจ๊กเปี๊ยะ” ขายดี (สุกัญญา  ไชยภาษี : ๒๕๕๑ :๑๐)



พาหนะที่ใช้ทั่วไปในหัวหิน คือ รถสามล้อถีบ ซึ่งก่อนหน้านั้นแม้แต่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งเสด็จฯทรงตรวจงานการสร้าง “สวนไกลกังวล” ก็ยังทรงประทับอย่างผ่อนคลายพระอิริยาบถบนรถสามล้อแบบที่เรียกในปัจจุบันว่า “รถซาเล้ง”




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2118 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2556, 09:59:02 »




ความซบเซาของหัวหินเกิดขึ้นหลังการประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๐๔ -  ๒๕๐๙ ) ทำให้มีการตัดถนนทั่วประเทศ  นักท่องเที่ยวเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวกันมากขึ้น ประกอบกับมีสถานที่พักตากอากาศแห่งใหม่เกิดขึ้น เช่น สถานตากอากาศบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ชายหาดบางแสนและพัทยา จังหวัดชลบุรี และการสร้างถนนสุขุมวิทจากกรุงเทพฯ ถึงจังหวัดตราด  ผู้คนจึงเดินทางไปเที่ยวทางตะวันออกของอ่าวไทยกันมาก  เป็นเหตุให้หัวหินเงียบเหงาลง โรงแรมรถไฟประสบภาวะขาดทุนต้องให้เอกชนเข้ามาบริหารกิจการ ทำให้สถานตากอากาศหัวหิน-ชะอำเสื่อมความนิยมลงไปกว่ายี่สิบปี



จวบจนปัจจุบัน หัวหินกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งจากความโดดเด่นทางด้านประวัติศาสตร์และกลิ่นอายของอดีตที่ผสมผสานกับบรรยากาศการท่องเที่ยวสมัยใหม่ อาทิ การจัดเทศกาลแจ๊สเฟสติวัล (Jazz Festival) การสร้างร้านอาหารเพลินวานเพื่อเลียนแบบวิถีวัฒนธรรม
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2119 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2556, 20:19:24 »



วัตถุโบราณบ้านเชียง 76 ชิ้น

"บัวแก้ว" นำวัตถุโบราณบ้านเชียง 76 ชิ้นที่ได้รับมอบจาก 5 ชาวอเมริกัน นำกลับคืนประเทศไทย มีอธิบดีกรมศิลปากรเป็นผู้รับมอบ ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นของจริงทั้งหมด

เผยก่อนหน้านี้คนในต้นตระกูล 5 ชาวมะกัน เข้ามาอยู่ประเทศไทย แล้วนำกลับประเทศไปด้วย พอตอนหลังคนในครอบครัวเห็นว่า เป็นสมบัติของคนไทย จึงประสานส่งคืนให้ อธิบดีกรมศิลปากร เตรียมนำจัดแสดงให้ผู้ที่สนใจได้รับชม 

การขอบริจาคโบราณวัตถุบ้านเชียงทั้งหมด นำกลับคืนสู่ประเทศไทย เริ่มทยอยคืนมาตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งการส่งมอบลักษณะนี้มีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น และอังกฤษ ซึ่งล็อตนี้เป็นล็อตใหญ่ที่มีจำนวนมากถึง 76 ชิ้น

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2120 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2556, 07:56:03 »

เลิกซะแล้ว ร้านอาหารเปิดโล่ง อากาศเย็นสบาย เพิ่งไปได้สองครั้ง น่าจะมีผู้ดำเนินการต่อ

SmokeHouse บ้านรมควัน เขาใหญ่ ปิดกิจการ เหตุขัดแย้งผลประโยชน์



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2121 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2556, 15:39:02 »

เริง


เคลียร์เสร็จ ต้องมีผู้ถือหุ่นใหม่ที่ใจคอเดียวกัน
จากนั้นคงจะเริ่มดำเนินกิจการใหม่
จุดนั้นถือว่ามีต้นทุนที่นักท่องเที่ยวรู้จักดีแล้ว
ทิ้งร้างไปเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
จริงๆแล้ว เคยไป แต่คนเต็มเลยต้องไปใช้บริหารที่อื่น
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2122 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2556, 08:33:07 »

มีไปบางลำภู น่าจะมีภาพมาชมกัน
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2123 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2556, 17:22:18 »

หลังทำภารกิจ ผ่านร้านนี้ แวะสักหน่อย




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #2124 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2556, 17:26:54 »

เพิ่งทราบว่าเป็นที่นิยม


   
       ถ้าใครได้ผ่านไปแถวเทเวศร์ คงจะคุ้นเคยกับร้านขายข้าวเหนียวมูนชื่อคล้ายๆ กันกับร้าน ก.พานิช ซึ่งก็ไม่ต้องแปลกใจเพราะเจ้าของร้านคือ รัชนี เฉียบฉลาด นั้นเป็นลูกสาวคนเล็กของ นายกาบ-และสารภี เฉียบฉลาด เจ้าของ "ร้าน ก.พานิช" นั่นเอง
      
       โดยหลังจากที่คุณแม่สารภีเสียชีวิต รัชนีได้มาเปิดเป็นร้านของตัวเอง โดยใช้ชื่อร้าน"ลูกสาว ก.พานิช" ซึ่งจนถึงปัจจุบันร้านนี้เปิดมาได้กว่า 30 ปีแล้ว
      
       เมื่อเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขแท้ๆ ของแม่สารภี และเป็นลูกมือช่วยทำข้าวเหนียวมูนมาตั้งแต่ยังเล็ก เรื่องรสมือจึงไม่ต้องห่วงว่าจะผิดเพี้ยนไปจาก ร้าน ก. พานิช เพราะใช้สูตรเด็ดเคล็ดลับที่เหมือนกัน ปริมาณของส่วนผสมต่างๆ ก็ชั่งตวงเท่ากันเป็นมาตรฐาน รวมถึงข้าวเหนียวที่ใช้ ก็ต้องเป็น ข้าวเหนียวเขี้ยวงู จากเชียงราย ซึ่งเป็นของที่ดีที่สุดเช่นกัน เพียงแต่มะพร้าวที่ใช้ทำกะทินั้น จะต้องเน้นที่ความสดใหม่ จึงมีเจ้าประจำที่อยู่ใกล้ๆ ถ้าหากจะใช้เมื่อไหร่ก็เรียกได้ทันที

      
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 83 84 [85] 86 87 ... 131   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><