26 พฤศจิกายน 2567, 11:36:03
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 78 79 [80] 81 82 ... 131   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ตามครูไปเที่ยว  (อ่าน 925547 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 32 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1975 เมื่อ: 20 กันยายน 2556, 17:45:04 »




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1976 เมื่อ: 20 กันยายน 2556, 17:51:06 »

เข้ามาด้านใน ..สวยสุด..แต่ขาดการดูแล













      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1977 เมื่อ: 20 กันยายน 2556, 18:06:12 »




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1978 เมื่อ: 20 กันยายน 2556, 18:16:07 »

ธรรมาสน์และแท่นพิธีกรรม







      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1979 เมื่อ: 20 กันยายน 2556, 18:22:45 »

เรือนหอที่ "คอยท่า"


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1980 เมื่อ: 20 กันยายน 2556, 20:07:07 »

จากสิงห์ที่แกะจากหินทราย วางไว้ตามจุดทางเข้า เพื่อปกป้องสิ่งชั่วร้าย

กลายมาเป็นไก่โต้ง แบบตามยุค-ตามสมัย ในปัจจุบัน


      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1981 เมื่อ: 21 กันยายน 2556, 07:23:24 »

มีแถม..ที่นั่งรถ รถได้แวะที่วัดธรรมิกราช เพิ่งมาเดือนก่อนจึงถ่ายภาพนิดหน่อย




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1982 เมื่อ: 21 กันยายน 2556, 07:32:51 »

วิหารหลวง..ที่เสด็จฯมาทรงธรรม















      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1983 เมื่อ: 21 กันยายน 2556, 08:24:29 »

เริง


เห็นเขาเตรียมป้องกันวัดชัยฯ จากน้ำที่เริ่มเอ่อล้นขึ้นมาแล้วหรือยัง ??




19800 win
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1984 เมื่อ: 21 กันยายน 2556, 08:44:54 »



เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 20 ก.ย. 2556 นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ออกตรวจสถานการณ์แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมี เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา กำลังช่วยกันเร่งยกบังเกอร์ สูงกว่า 1.5 เมตร เพื่อเตรียมการป้องกันน้ำท่วมเข้าเขตโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา

 นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีการเตรียมการป้องกันและสั่งให้ทุกหน่วยงานราชการเร่งตรวจสอบพื้นที่ถูกน้ำท่วมและพื้นที่เสี่ยงที่จะถูกน้ำท่วม โดยในวันนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ในการเร่งยกบังเกอร์ป้องกันน้ำท่วมโบราณสถานที่มีความสูงกว่า 2.2 เมตร รวมระยะทางยาวกว่า 300 เมตร โดยในวันที่ 8 ต.ค.นี้ คณะจากยูเนสโกจะเดินทางมาที่จ.พระนครศรีอยุธยา ในเรื่องการเตรียมการป้องกันน้ำท่วม ซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดและกรมศิลปากรได้ป้องกันวัดสำคัญเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากเฉลี่ยแล้วระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 60-80 ซม. ซึ่งขณะนี้ห่วงช่วงรอยต่อช่วงแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เก็บกักน้ำ 40 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าตุลาคมน่าจะเต็มความจุ 100 เปอร์เซ็นต์

 ส่วนการบรรเทาระดับน้ำเบื้องต้นให้กับเกษตรกรชาว อ.บางบาล เสนา และผักไห่ ได้ผันน้ำบางส่วนเข้าทุ่งแล้วใน 3 อำเภอ แต่ยังไม่สามารถที่จะเข้าเต็มพื้นที่ได้ เนื่องจากต้องเผื่อการรับน้ำไหลหลากในเดือนตุลาคม โดยเตรียมเสนอรัฐบาลผ่านรองนายกรัฐมนตรี ด้วยการดำเนินการโครงการปล่อยน้ำเข้านาปล่อยปลาเข้าทุ่ง ทำนาสองครั้งต่อปี โดยทางจังหวัดเตรียมการฝึกอาชีพระหว่างผันน้ำเข้าทุ่งให้กับประชาชนด้วย

 ขณะเดียวกันก็เกิดการทรุดตัวของถนนคันกั้นน้ำเจ้าพระยา ถนนคลองสวนพลู บ้านกรดบ้านหว้า อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นเส้นทางขนานทางรถไฟ โดยเป็นถนนที่ใช้งบประมาณ 50 ล้านในการป้องกันน้ำท่วม ซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดได้ประสานกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด เร่งเข้าไปดูแลซ่อมแซมแล้ว
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1985 เมื่อ: 21 กันยายน 2556, 11:52:44 »

ผจว.วิทยา ผิวผ่อง เป็นรัฐศาสตร์จุฬาฯ เคยเป็น ผวจ.กำแพงเพชร, สกลนคร มาก่อน
เป็น รอง ผวจ.นครสวรรค์ และมีบ้านอยู่ที่นครสวรรค์ครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1986 เมื่อ: 21 กันยายน 2556, 11:52:51 »

ฝนเริ่มลดปริมาณและพื้นที่ที่ตกลงจากเมื่อวานนี้ แต่ในทะเลคลื่นสูง ลมยังแรงเช่นเดิม
ส่วนพื้นที่ในประเทศไทยที่จะรับอิทธิพลจากพายุไต้ฝุ่น"อูยางิ" ลดพื้นที่ลงไปจากเมื่อวานนี้เช่นกัน




พยากรณ์อากาศ ประจำวันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2556
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"คลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน"

ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 21 กันยายน 2556

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะ 2-3 วันนี้
อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “อุซางิ” (USAGI) ซึ่งเป็นพายุอีกลูกหนึ่งทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศฟิลิปปินส์
เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย จะเข้าใกล้ตอนใต้ของเกาะไต้หวัน และเข้าสู่ประเทศจีนตอนใต้ประมาณวันที่ 23 กันยายน 2556 สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปเกาะไต้หวัน ฮ่องกง และมณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมาก
บริเวณจังหวัดตาก กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมาก
บริเวณจังหวัดชัยภูมิ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา

อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-30 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 

ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์
อุทัยธานี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-30 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมาก
บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-45 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-45 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร 

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆมาก โอกาสมีฝนตก ร้อยละ 70
อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1987 เมื่อ: 21 กันยายน 2556, 11:59:32 »

รองผู้ว่าฯนครสวรรค์ และท่านดร. เป็นศิษย์เก่า กศน.
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1988 เมื่อ: 21 กันยายน 2556, 12:06:14 »

อ้างถึง
ข้อความของ เริง2520 เมื่อ 21 กันยายน 2556, 11:59:32
รองผู้ว่าฯนครสวรรค์ และท่านดร. เป็นศิษย์เก่า กศน.
คนไหน ??
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1989 เมื่อ: 21 กันยายน 2556, 14:17:52 »

มีชื่ออำนวย หรือยงยุทธไหมครับ

รวมทั้งดร.ปรีชา เรืองจันทร์ (ท่านบอกเอง)

และทองมา วิจิตรพงษ์พันธ์ แห่งพฤกษา อีกคน
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1990 เมื่อ: 21 กันยายน 2556, 15:13:04 »



เรื่องจริงจากสาวโรงงานคนหนึ่ง ไม่มีเงินเรียนต่อชั้นมัธยม แต่ด้วยความที่่เป็นคนรักการอ่านตั้งแต่เด็ก และความมานะพยายาม พลิกชีวิตจนกลายมาเป็นท่านผู้พิพากษาได้อย่างไร
 
กว่าจะมาเป็นผู้พิพากษา.โดย ธรรมมะกับกฎหมาย เมื่อ 17 ธันวาคม 2012 เวลา 10:50 น. ·.ชีวิตคือการเดินทางที่แสนไกล บางครั้งเมื่อฉันมองย้อนกลับไปก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าฉันเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ชีวิตของฉันเริ่มต้นที่หมู่บ้านเล็กๆบนภูเขาแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคอีสานตอนบน ตั้งแต่เด็ก ทุกคนมองว่าฉันเป็นเด็กขี้อาย ไม่กล้าสู้หน้าคนแปลกหน้า ติดยาย เวลาไปไหนมาไหน ยายจะตามไปด้วยตลอดเวลา ในช่วงวัยเรียนประถม ฉันชอบอ่านหนังสือมาก ในขณะที่เพื่อนๆ ไปวิ่งเล่นกัน ฉันก็จะอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดของโรงเรียน โรงเรียนของฉันเป็นโรงเรียนเล็กๆ ในชนบทห่างไกล ไม่ค่อยมีหนังสือให้อ่าน ดังนั้น ฉันจึงอ่านหนังสือในโรงเรียน ทุกเล่ม เล่มละหลายๆรอบ
 
.............................................................

เมื่อฉันจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ พ่อแม่บอกว่าไม่มีเงินส่งฉันเรียนในชั้นมัธยมศึกษา ประกอบคนในหมู่บ้านของฉันก็ไม่มีใครเรียนต่อกัน ดังนั้น ฉันจึงต้องหยุดเรียนและออกมาช่วยพ่อแม่ทำไร่ทำนา แต่ด้วยความที่ฉันถูกเลี้ยงมาแบบทะนุถนอม ยายไม่เคยปล่อยให้ฉันทำงานบ้านเอง ฉันจึงโตมาแบบทำอะไรไม่เป็นสัก อย่าง ทำกับข้าวไม่เป็น ทำไร่ทำนาก็ไม่ไหว จนคนรอบข้าง มองฉันแล้วส่ายหน้า พร้อมกับพูดว่า ถ้าฉันไม่มีพ่อแม่ ยาย แล้ว ชีวิตฉันจะอยู่ได้อย่างไร ตอนนั้นฉันอายุสิบเอ็ดขวบ ฉันมีความคิดว่า ฉันไม่ชอบการทำไร่ทำนา เพราะมันเหนื่อย ฉันอยากเรียนหนังสือสูงๆ ทำงานดี ส่งเงินให้พ่อแม่ ฉันจึงขวนขวายที่จะเรียนการศึกษานอกโรงเรียน ฉันจึงขอพ่อไปเรียนการศึกษานอกโรงเรียน พ่อก็อนุญาต แต่แม่มีข้อแม้ว่า ฉันจะไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ประจำปี ไม่ได้สร้อยคอทองคำใส่ เหมือนกับเพื่อนๆ ในหมู่บ้าน ฉันก็ตกลง
 
ต่อมาฉันจึงได้ไปเรียนการศึกษานอกโรงเรียน ที่จังหวัดข้างเคียง อยู่ห่างจากหมู่บ้านของฉันประมาณ สามสิบกิโลเมตร ฉันต้องเดินจากหมู่บ้านประมาณสามกิโลเมตร เพื่อขึ้นรถเมล์ไปเรียนทุกวันอาทิตย์ ยาย เป็นห่วงฉันมาก จึงเดินตามมาส่งฉันทุกอาทิตย์ และรอฉันอยู่ที่ปากทางเข้าหมู่บ้านจนกระทั่งฉันกลับมาในตอนเย็น ภาพที่คนแถวนั้นเห็นจนชินตา คือ จะมียายหลานคู่หนึ่ง เดินขึ้นเขาลงเขา ทุกวันอาทิตย์ ตอนเช้า และตอนเย็น
 
ฉันใช้เวลา สองปี จึงเรียนได้วุฒิเทียบเท่า ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ สาม ขณะนั้น ฉันอายุ สิบห้าปีพอดี ฉันจึงขอพ่อแม่ เข้ากรุงเทพเพื่อหางานทำและหาที่เรียนต่อ พ่ออนุญาต และแม่มีข้อแม้ว่า ฉันต้องส่งเงินให้แม่ทุกเดือน เพราะถ้าฉันไปก็ไม่ใครช่วยพ่อแม่ทำไร่ทำนา หลังจากนั้น ฉันและเพื่อนในหมู่บ้านอีกหลายคนก็ไปหางานที่สำนักจัดหางานประจำอำเภอ ฉันและเพื่อนถูกส่งไปทำงานที่โรงงานปลาทูน่ากระป๋องในจังหวัด นครปฐม ฉันและเพื่อน ทำงานวันแรก ก็คลื่นไส้ เป็นลม เพราะเหม็นปลาทูน่า มีหลายคนที่ทำงานไม่ไหว และลาออกในวันรุ่งขึ้น ส่วนฉันคิดว่าฉันทนได้ เพราะเป้าหมายของฉันคือการได้เรียนต่อ ฉันคิดว่าที่นี่เหมาะกับฉันเพราะ ฉันทำงานเข้ากะกลางคืน ในเวลากลางวันฉันก็จะสามารถไปเรียนต่อได้ตามความฝัน และฉันเห็นพนักงานที่โรงงานนี้ ก็เรียนต่อที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนกันหลายคน ฉันประทับใจกับคำพูดของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล ที่บอกว่า “อย่าคิดว่างานที่ทำเป็นงานที่ต่ำต้อย งานทุกอย่างมีคุณค่าในตัวเอง” ซึ่งฉันก็เห็นด้วยและคิดว่าฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการทำงานนี้ เป็นต้นว่า การฝึกความอดทน ไม่ย่อท้อต่อการทำงานหนัก ซึ่งเป็นพื้นฐานทำให้จิตใจเข้มแข็ง สามารถฝันฝ่าอุปสรรคต่างๆไปได้ ฉัน ทำงานอยู่ได้หนึ่งเดือน ทางโรงงานประสบปัญหาขาดทุนและเลิกจ้างพนักงานใหม่ ฉันจึงต้องออกจากงาน และย้ายไปทำงานโรงงานทอผ้า อีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงกัน ทำงานอยู่ได้หกเดือน ฉันก็ยังมองไม่เห็นหนทางที่จะได้เรียนต่อ ฉันจึงตัดสินใจกลับไปตั้งหลักที่บ้าน อยู่บ้านได้สักพัก ฉันก็ชวนเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ไปหางานที่อำเภอ เราสัญญากันว่า จะไปหางานทำด้วยกันและหาที่เรียนด้วยกัน จากนั้น ฉันและเพื่อนถูกส่งไปทำงานที่โรง งานผลไม้กระป๋อง ทำงานได้สักระยะ เพื่อนของฉันบอกว่า เค้าทนลำบากไม่ไหวแล้ว อยากจะกลับบ้าน ตัวฉันยังไม่อยากกลับบ้าน แต่ไม่มีเพื่อนอยู่ด้วย ฉันก็กลัว จึงต้องตามเพื่อนกลับบ้าน พอกลับไปอยู่บ้านสักพัก ฉันก็หาเพื่อคนใหม่ เพื่อไปหางานทำด้วยกันอีกครั้ง ฉันและเพื่อนอีกสี่คน ไปหางานที่สำนักจัดหางานประจำอำเภอ และถูกส่งกลับไปทำงานที่โรงงานปลากระป๋องในจังหวัดนครปฐม ที่เดียวกับที่ฉันเคยไปครั้งแรก ขณะนั้นกิจการดีขึ้นแล้ว ฉันรู้สึกดีใจมากและคิดว่าคราวนี้คงได้เรียนต่อสมใจซะที หลังจากทำงานได้สักระยะ ฉันก็สมัครเรียนการศึกษานอกโรงเรียนใกล้ๆกับที่ทำงาน แต่แล้วฉันก็ประสบปัญหาเดิมๆ นั่นคือ เพื่อนที่มาจากหมู่บ้านเดียวกัน เค้าอยากจะกลับบ้านอีกแล้ว ฉันจึงตัดสินใจที่จะไม่ตามเพื่อนกลับบ้าน และนั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันต้องอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า โดยไม่มีคนจากหมู่บ้านเดียวกัน อยู่ด้วย และแล้วฉันก็ผ่านมันไปได้ ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ท้อแท้ สิ่งที่ฉันยังจำได้ติดใจ คือ มีอยู่วันหนึ่ง ฉันเดินเข้าไปขออนุญาตหัวหน้างาน ขอเลิกงาน ห้าโมง เย็นโดยไม่ทำโอทีต่อถึง สองทุ่ม เพราะวันรุ่งขึ้นฉันต้องไปสอบ คำตอบที่ฉันได้รับคือ หน้าตาบึ้งตึงของหัวหน้างานพร้อมกับคำพูดเสียงแข็งว่า ไม่ได้ งานก็คืองาน วันนั้นฉันจึงต้องทำงานถึงสองทุ่ม และไปสอบในตอนเช้า โดยมีเวลาอ่านหนังสือเพียงน้อย นิด แต่ในที่สุด ฉันก็ได้วุฒิ ม. ๖ มาครอบครอง ซึ่งในเวลานั้น ฉันไม่รู้ว่าจะเอาวุฒิ ม. ๖ ไปทำงานอะไร หรือเรียนอะไร มีแต่คนรอบข้างที่บอกฉันว่า ขนาดคนที่เรียนในระบบโรงเรียน ยังตกงาน ยังไม่สามารถเรียนให้จบมหาวิทยาลัยได้เลย แล้วเด็กบ้านนอก จบกศน อย่างฉัน จะไปทำอะไรได้ ตอนนั้น ฉันเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจ จึงตัดสินใจกลับไปตั้งหลักที่บ้านอีกครั้ง
 
พอกลับไปบ้านสักพัก ความอยากเรียนต่อของฉันก็เร่งรัดให้ฉันเข้ามากรุงเทพอีกครั้งเพื่อหางานทำและหาที่เรียน คราวนี้ฉันมาทำงานก่อสร้าง พร้อมกับคนในหมู่บ้าน โดยมีแม่ตามมาทำงานด้วย ฉันทำงานก่อสร้างอยู่ได้เจ็ดวัน ก็เหน็ดเหนื่อยมากๆ จึงออกไปสมัครงานโรงงานอีกครั้ง และได้ทำงานโรงงานทำชิ้นส่วนอิเล็กทรอนนิกส์แห่งหนึ่ง ในจังหวัดสมุทรปราการ เมื่อได้งานแล้วฉันก็ส่งแม่กลับบ้านนอก ฉันชอบที่นี่มาก งานสบาย สวัสดิการดี กว่าโรงงานที่ฉันเคยทำเยอะ ฉัน ตั้งใจว่า จะสมัครเรียนรามคณะรัฐศาสตร์ เพราะมีคนบอกว่า จบ กศน. อย่างฉัน เรียนได้แค่รัฐศาสตร์รามเท่านั้น ฉันทำงานที่นี่ได้สี่เดือน และกำลังจะสมัครเรียนราม แต่อนิจจา โรงงานที่ฉันทำงานอยู่ มีนโยบายไม่รับพนักงานประจำ คือจะจ้างพนักงานแค่สี่เดือนแล้วเลิกจ้าง จากนั้นก็รับสมัครพนักงานใหม่ ฉันจึงถูกเลิกจ้างด้วยประการฉะนี้ เมื่อตกงาน ฉันจึงต้องพักเรื่องการสมัครเรียนต่อไว้ก่อน
 
ต่อมาฉันได้งานใหม่ ที่โรงงานทำเครื่องแฟกซ์ แถว อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่นี่ เงินเดือนไม่ได้เท่าที่เดิม แต่ก็วันหยุดเยอะดี ต่อมาฉันก็วางแผนจะสมัครเรียนรามอีกครั้ง ตอนนั้นฉันคิดว่า ฉันคงเรียนสาขารัฐศาสตร์ไม่ได้ เพราะ วิชาพื้นฐานเยอะมาก และฉันไม่ได้เรียนมัธยมในระบบโรงเรียน คงตามเพื่อนไม่ทัน ส่วนคณะนิติศาสตร์ วิชาพื้นฐานน้อยดี วิชาหลักก็ไม่มีสอนในชั้นมัธยม มาเริ่มต้นพร้อมกัน ฉันคงพอเรียนได้
 
ปีแรก ฉันก็ลงทะเบียนเรียน ตามวันเวลาว่าง เพื่อจะได้ลางานให้น้อยที่สุด บางครั้งฉันลงทะเบียนเรียนสองวิชาที่สอบวันเดียวกัน ผลคือ ตอนเช้าสอบรามหนึ่ง ตอนบ่ายสอบรามสอง ตอนดึก ก็ไปทำงาน ผลสอบในปีหนึ่งเป็นที่น่าพอใจ ฉันสอบผ่านเป็นส่วนใหญ่ พอเริ่มปีสอง วิชาเรียนเริ่มยากขึ้น ฉันคิดการการทำงานโรงงานหนักเกินไป และไม่เหมาะแก่การเรียน ฉันตัดสินใจ ลาออกจากงานโรงงาน มา ทำงานร้านเซเว่น ใกล้กับมหาวิทยาลัย ช่วงไหนที่เข้ากะดึกและกะบ่าย ฉันก็จะหาโอกาสไปนั่งฟังคำบรรยาย ขณะนั้นฉันยังไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว ฉันจึงตัดสินใจ เข้าไปฝึกอบรมการพูดที่ศูนย์พัฒนาการพูดรามคำแหง ที่นี่ฉันมีเพื่อนมากมายและไม่อยากจะทำงานอีกต่อไป ประกอบกับช่วงนั้นมีโครงการกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา ฉันจึงตัดสินใจ ลาออกจากงานและกู้เงินเรียน
 
ฉันใช้เวลาสามปีก็จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี จากนั้นก็ไปเรียนต่อที่เนติฯ อีกหนึ่งปี ก็จบเนติฯ ช่วงที่เรียนรามและเรียนเนติฯ ฉันไม่มีเงินซื้อหนังสือข้างนอกมาอ่าน ฉันจึงใช้วิธียืมหนังสือจากห้องสมุดมาอ่าน เมื่อยืมมาแล้วก็ต้องอ่านให้จบ ทำโน๊ตย่อไว้เพื่อทบทวนเพราะไม่ใช่หนังสือของเรา ตลอดเวลาสามปีที่รามและหนึ่งปีที่เนติ ฉันอ่านหนังสือในห้องสมุดแทบทุกเล่ม ตอนนั้นฉันสงสารตัวเองมากที่ไม่มีเงินซื้อหนังสือมาอ่าน แต่พอมองย้อนกลับไป พบว่า นั่นคือข้อดีอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ฉันมีความตั้งใจ อ่านหนังสือให้ได้เยอะ ๆเร็วๆ ฉับพบว่า หลังจากที่ฉันมีเงินซื้อหนังสือแล้ว ความขยันอ่านหนังสือหายไปเพราะคิดว่า หนังสือเป็นของเรา จะอ่านเมื่อไหร่ก็ได้ สุดท้าย ฉันมีหนังสือเต็มห้องแต่ยังอ่านไม่ครบทุกเล่ม ในช่วงสองปีที่ราม และหนึ่งปีที่เนติฯ เป็นครั้งแรกที่ฉันมีโอกาสได้ฟังคำบรรยายที่มีอาจารย์สอนแทนการอ่านหนังสือ ในขณะที่คนอื่นคิดว่าการนั่งเรียนเป็นเร่ืองน่าเบื่อ อ่านหนังสืออย่างเดียวดีกว่าเร็วดี แต่สำหรับฉันแล้วรู้สึกว่าเป็นเร่ืองโชคดีมากที่มีโอกาสได้รับทั้งความรู้และประสบการณ์โดยตรงจากผู้สอน บางครั้งอาจารย์ไม่ได้ถ่ายทอดเฉพาะความรู้เท่านั้น แต่ยังถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆที่ท่านเคยประสบการณ์ มาให้เราด้วย ดังนั้น ฉันจึงตั้งใจเรียน เกี่ยวทั้งความรู้และประสบการณ์ที่มีคุณค่าของท่าอาจารย์ มาปรับใช้ในการเรียนและการดำเนินชีวิตประจำวัน
 
หลังจากจบปริญญาตรีฉันเคว้งคว้างอยู่สักพัก หางานทำไม่ได้ ฉันไม่ค่อยชินกับการเรียนอย่างเดียวโดยไม่ได้ทำงาน ฉันสัญญากับตัวเองว่าถ้าหางานทำได้แล้วฉันจะตั้งใจทำงานอย่างดีที่สุด ต่อมา ฉัน สอบเข้าบรรจุเป็นข้าราชการที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ปีแรกที่ทำงานที่นี่ฉันมีความสุขมากๆ ฉันประทับใจกับการอบรมพนักงานใหม่ซึ่งให้ข้อคิดกับฉันว่า อะไรก็ตามถ้าเราทำถูกวิธีมันจะไม่เหนื่อย และประสบความสำเร็จได้ง่าย ถ้าเราทำอะไรแล้วเหนื่อยและไม่ได้ผล แสดงว่าเราทำผิดวิธีเราต้องหาวิธีการใหม่ ฉันก็ได้ใช้หลักการข้อนี้ มาปรับใช้กับการเตรียมตัวสอบผู้พิพากษา เพื่อนๆที่บรรจุพร้อมกันบอกว่างานที่นี่เหนื่อย หนัก เครียด แต่ในความรู้สึกของฉันคือ สบายกว่างานโรงงานที่ฉันทำตั้งเยอะ
 
ในการเตรียมตัวสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา บางครั้งเมื่อฉันเห็นคนที่อ่านหนังสือสอบอย่างเดียวฉันก็นึกอิจฉาอยากเป็นแบบนั้นบ้างแต่ทำไม่ได้เพราะมีภาระครอบครัวมากมาย มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ฉันลาพักผ่อนและไปนั่งอ่านหนังสือสามวันเต็ม ทั้งวันโดยไม่พัก ฉันอ่านจูริส จบไปสองสามเล่ม และฉันรู้สึกว่าความรู้เต็มหัวจนหนักอึ้งดพราะสมองซึมซับไม่ทัน ฉันเห็นหนังสือแล้วรู้สึกเวียนหัว อ่านหนังสือไม่ได้ไปอีกสองอาทิตย์ เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ฉันเรียนรู้ว่า การศึกษาหาความรู้ ไม่ใช่การนำข้อมูลจำนวนมหาศาลมายัดใส่สมองภายในครั้งเดียว ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี แต่เป็นการค่อยซึมซับความรู้ทีละน้อยและฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ จุดสำคัญอยู่ที่ความต่อเนื่อง ถ้าเราอ่านหนังสือแค่วันละสองชั่วโมงแต่สามารถจนจำและนำไปปรับใช้ได้ มันจะเป็นความเข้าใจที่นานเท่าไหร่ก็จะไม่ลืม ถ้าเราทำได้ต่อเน่ืองทุกวัน ความรู้ที่มีจะค่อยๆเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เราไม่ต้องเหนี่อยฟรี นับแต่นั้นฉันจึงคิด เป็นความโชคดีของฉันที่ได้ ทำงานและเรียนด้วยมาโดยตลอด มันทำให้ฉันมีทั้งความรู้และประสบการณ์ที่นำมาใช้ด้วยกันได้อย่างลงตัว แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันพลาดไปก็คือ ฉันประมาทไปหน่อย ตอนที่ยังอายุไม่ครบที่จะสอบผู้พิพากษา ฉันก็ไม่ค่อยได้เตรียมตัว มัวแต่สนุกกับงาน สนุกเพื่อนใหม่ สถานที่แปลกใหม่ และคิดว่าอายุไม่ครบก็ยังไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากมาย พอฉันมีคุณสมบัติครบที่จะสอบผู้พิพากษาได้ และเริ่มเตรียมตัวอย่างจริงจังก็รู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านมา คิดว่าเราน่าจะเตรียมตัวก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้ว และนั่นทำให้ฉันสอบผู้พิพากษาครั้งแรกไม่ผ่าน แต่ก็ยังดีที่ฉันยังสามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเองได้เร็ว และสามารถแก้ไขได้ จนทำให้สอบผ่านได้อย่างเฉียดฉิวในการสอบครั้งที่สอง
 
นับจากวันที่ฉันสอบผ่านได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา จนถึงวันนี้ เป็นเวลาแปดปีเศษ หลายครั้งที่มองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกว่า แทบไม่น่าเชื่อว่าเด็กบนดอยคนหนึ่งจะมายืนจุดนี้ได้ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันมีวันนี้ได้ คือความรักแบบไม่มีเงื่อนไขของคนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ยาย น้องสาว แม้พวกเค้าจะไม่เข้าใจว่าฉันจะเรียนไปทำไมเยอะแยะมากมาย รู้แต่ว่าฉันอยากเรียนก็สนับสนุนทุกทางเท่าที่จะทำได้ ในขณะที่คนในหมู่บ้านมีแนวคิดว่าการเรียนหนังสือไม่มีประโยชน์เสียเวลาทำมาหากินและมีตัวอย่างของคนในหมู่บ้านที่ไปเรียนจบมาแล้วก็แต่งงานเลี้ยงลูกโดยไม่ได้ประกอบอาชีพตามที่เรียนมาเลย ดังนั้น พวกเค้าจึงไม่คิดที่จะส่งลูกหลานเรียนต่อ ตอนนั้นฉันชวนเพื่อนไปเรียนต่อด้วยกัน แต่พ่อแม่ของเพื่อนไม่อนุญาต และซื้อเครื่องเสียงให้เป็นการปลอบใจโดยให้เหตุผลว่า เครื่องเสียงฟังได้ทั้งครอบครัว แต่การเรียนต่อ คนในครอบครัวไม่ได้ประโยชน์อะไรด้วย ส่วนพ่อของฉันอยากให้ฉันเรียนอยู่แล้วแต่ไม่มีเงินส่งเรียน เมื่อฉันขอไปเรียน กศน. พ่อก็อนุญาต ส่วนแม่และยายแม้จะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่เคยห้าม มีแต่ช่วยสนับสนุนทุกทาง ยายมารับส่งทุกครั้งที่ไปเรียน ตอนที่ฉันเข้ามาทำงานกรุงเทพ แม่และยายก็ยอมแม้ว่าจะคิดถึงและเป็นห่วงฉันมากแค่ไหน คนข้างบ้านบอกว่าแม่ฉันจิตใจเข้มแข็งมากๆ ที่ยอมให้ลูก อายุไม่ถึงยี่สิบปีมาอยู่กรุงเทพเพียงลำพัง ฉันคิดว่าที่แม่ยอมเพราะแม่เชื่อว่าฉันดูแลตัวเองได้ดี และฉันสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้ครอบครัวผิดหวัง ส่วนน้องสาวคนเดียวของฉัน ฉันรักเค้ามาก และเค้าก็รักฉันมากเช่นเดียวกัน ในขณะทำงานฉันส่งเงินกลับบ้านเพื่อให้น้องสาวได้เรียนต่อ ซึ่งเค้าก็ไม่เคยทำให้ฉันผิดหวัง เค้าเรียนดี ตั้งใจเรียน มาโดยตลอด โดยที่ฉันไม่ต้องแนะนำสั่งสอน น้องเดินมาในทางเดียวกันกับที่ฉันเดิน ฉันดีใจที่สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้น้องได้ บางทีฉันก็รู้สึกว่าน้องสาวของฉันอาจจะรู้สึกกดดัน ที่ใครก็ชื่นชมฉันและคาดหวังว่าน้องจะทำได้เหมือนฉัน ฉันอยากจะบอกน้องสาวว่าถึงแม้วันนี้น้องจะทำไม่ได้เท่าพี่ เพราะมีเหตุปัจจัยที่ต่างกัน ฉัน ก็รักและภูมิใจในตัวเค้ามากและดีใจที่ได้เกิดมาเป็นพี่น้องกัน อะไรที่พี่จะช่วยให้น้องประสบความสำเร็จได้พี่ก็พร้อมจะทำ อย่างเช่น การเปิดเพจธรรมมะกับกฎหมาย เพื่อแนะนำการเรียนกฎหมาย พี่เขียนเพจนี้ขึ้นมาก็เพราะคิดว่าเพจนี้จะเป็นประโยชน์กับน้องของพี่และคนอื่นๆ
 

.....................................

เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าฉันมาจากครอบครัวที่ยากจน แต่วันนี้ฉันรู้แล้วว่าครอบครัวของฉันเป็นครอบครัวที่อบอุ่น สมบูรณ์ที่สุด ตั้งแต่เล็กจนโตฉันไม่เคยเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันเลย เงินทุกบาทที่หามาได้ พ่อจะให้แม่เก็บทั้งหมด หากพ่อเอาเงินไปใช้ พ่อจะกลับมาบอกแม่ว่าใช้อะไรไปบ้าง ที่เหลือจะคืนแม่ทั้งหมด พ่อไม่เคยซื้อเสื้อผ้าใส่เอง แม่ซื้อเสื้อผ้าแบบไหนให้ก็ใส่แบบนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ พ่อแม่ทำงานหนักเพื่อมาเลี้ยงดูครอบครัว ยายเลี้ยงดูฉันอย่างดี ตอนเด็กฉันไม่เคยถูกตีเพราะมียายคอยปกป้องอยู่เสมอ ญาติพี่น้องทุกคนรักกันและคอยช่วยเหลือกันอยู่เสมอ สิ่งเหล่านี้ทำให้ฉันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความรักในหัวใจ ที่พร้อมจะเดินตามความฝันของตัวเอง และแบ่งปันความรักให้แก่คนรอบข้าง ทำให้ฉันเรียนรู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะให้แก่คนที่เรารักได้คือ การให้เค้าได้เป็นตัวเอง ได้ทำในส่ิงที่รักและอยากมีความสุขที่จะทำ และนี่คือสิ่งที่ฉันได้จากครอบครัวของฉัน
 
...............................

สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ทำให้ฉันเดินมาถึงตรงนี้ได้ นั้น คือ ฉันมีเป้าหมายชัดเจน และหาวิธีการเดินไปสู่จุดหมายนั้น ฉันไม่เคยยอมแพ้ ทุกครั้งที่ทุกอย่างไม่เป็นไปดังหวัง ฉันก็จะบอกกับตัวเองว่า มันต้องมีวิธีการอื่นที่ให้เราเดินไปสู่ความสำเร็จได้ ทุกเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมาไม่ว่าดีหรือร้ายก็สามารถเป็นครูสอนเราได้ สิ่งที่ดีเราก็ดูไว้ทุกเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมาไม่ว่าดีหรือร้ายก็สามารถเป็นครูสอนเราได้ สิ่งที่ดีเราก็ดูไว้เป็นตัวอย่างที่ควรทำตาม สิ่งที่ไม่ดีเราก็ดูไว้เป็นตัวอย่างที่ไม่ควรทำตาม คนเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้และเติบโตขึ้น คนเราไม่รู้หรอกว่า ทำกรรมอะไรไว้จึงได้ตัวตนแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่ถึงวันนี้ วันที่เรายังมีลมหายใจอยู่กับปัจจุบันขณะ เราสามารถเลือกได้ว่าจะเดินไปตามเส้นทางที่กรรมเก่าขีดเส้นไว้ หรือเลือกที่จะสำรวจข้อบกพร่องตัวเอง เลือกแก้ไขนิสัยเสียๆ ของตัวเอง และเลือกแก้ไขในส่ิงที่ผิด เลือกหาวิธีการที่เหมาะกับตัวเอง หาตัวเองให้เจอ แทนการเลือกโทษโชคชะตาฟ้าดิน พ่อแม่ คนรอบข้าง 


หมายเหตุ มีเทปจากรายการเจาะใจ ๒๐ นาที
      บันทึกการเข้า
nok15
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 529

« ตอบ #1991 เมื่อ: 21 กันยายน 2556, 15:25:25 »

อ้างถึง
ข้อความของ เริง2520 เมื่อ 17 กรกฎาคม 2556, 14:15:21
ข่าวจากเดลินิวส์

มะเขือพวง มีประโยชน์มากๆอย่างไม่น่าเชื่อ



คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้วิจัยเรื่องสรรพคุณ ของมะเขือพวงพบว่า  มีฤทธิ์ช่วยลดอนุมูลอิสระ  ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ของผู้ป่วยเบาหวาน   มีเส้นใยที่ช่วยดูดซับไขมันส่วนเกินได้ดี นอกจากนี้มะเขือพวงยังมีสรรพคุณตามตำราแพทย์แผนโบราณหลายประการ  เช่น  ช่วยเจริญอาหาร  ช่วยระบบขับถ่าย บำรุงธาตุ  ขับเสมหะ แก้ไอ ช่วยให้โลหิตหมุนเวียนได้ดี  แก้ปวด  ฟกซ้ำ  ปวดกระเพาะ แก้อาการฝีบวมหนอง  อาการบวม  อักเสบ  ขับปัสสาวะ  ทั้งนี้  จากการศึกษาวิจัย  ทำให้พบว่ามะเขือพวงมีสารจำพวก “ไฟโตนิวเทียนท์” ที่จะช่วยร่างกาย ในสภาวะขาดสารอาหาร ให้สามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติมีกลุ่มสาร “ทอร์โวไซด์” ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้ และกระตุ้นให้ตับนำคอเลสเตอรอลในเลือดไปใช้ได้มากขึ้น  รวมทั้งยับยั้งการดูดซึมกลับของคอเลสเตอรอลในลำไส้  จึงอาจช่วยป้องกันโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้อีกทางหนึ่งมีสาร “ซาโปนิน”  มีฤทธิ์ขับเสมหะเป็นพืชที่มีเส้นใยมาก เมื่อเทียบกับผักพื้นบ้านของไทยทั้งหมด โดยมีเส้นใยมากกว่ามะเขือยาว 3 เท่า และมากกว่ามะเขือเปราะถึง  65 เท่า  เส้นใยในมะเขือพวง  มีชื่อเรียกว่า “เพกติน”  ซึ่งเป็นสารที่ละลายน้ำได้
สารนี้จะสามารถเปลี่ยนเป็นวุ้นไปเคลือบที่ผิวของลำไส้  ทำให้ลำไส้ดูดซึมแป้งและน้ำตาลที่ย่อยแล้วได้ช้าลง จึงเป็นการช่วยไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเร็วเกินไป  ทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้.


 


   ขอบคุณค่ะ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1992 เมื่อ: 21 กันยายน 2556, 17:24:43 »

ภาพเก่า เมือร้อยปีก่อน










      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1993 เมื่อ: 21 กันยายน 2556, 21:28:00 »

ฝนหยุด เดินไปดูกล้วยไข่และหม่อน

ใกล้จะตัดได้แล้ว เพิ่งจะมีเครือแรกของกอ..จากกำแพงเพชร





หม่อน ตัดกิ่่งแล้วจะมีผลทุกครั้งเลย


      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1994 เมื่อ: 21 กันยายน 2556, 21:30:16 »

ขอบคุณมากครับ  ที่พี่nok 15 ติดตามชม

ชมเรื่อยๆต่อไปนะครับ  มีพาเที่ยวมาเลเซียเดือนหน้าและอังกฤษเดือนถัดไป


ท่านเกรียงเดช เข็มทอง ว่าที่ผู้ว่าฯจันทบุรี รุ่นเดียว ๑๕ กับพี่ไหม


ซีมะโด่งเตรียมเฮ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1995 เมื่อ: 22 กันยายน 2556, 18:09:16 »

พี่เหยง

ข่าวล่าสุด


เมื่อวันที่ 22 กันยายน วัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา โบราณสถานสำคัญอันเป็นมรดกโลก ระดับน้ำเจ้าพระยา หน้าวัดไชยวัฒนาราม สูงขึ้นมากว่า 15 เซนติเมตร เข้าถึงแนวบังเกอร์ที่ตั้ง ระยะทาง 165 เมตร 138 แผ่น ขนาดของบังเกอร์กว้างแผ่นละ 1.20 เมตร และสูง 1.90 เมตร ด้านข้าง เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ต้องเร่งทำแนวคันดิน โดยการเอาดินมาปั้นเป็นคันกั้นน้ำชั่วคราว สูงกว่า 3 เมตรล้อมรอบ ป้องกันน้ำทะลักซ้ำรอย ปี 2554


ค่ำวันที่ ๑๗ กย.




      บันทึกการเข้า
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #1996 เมื่อ: 22 กันยายน 2556, 20:47:38 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 21 กันยายน 2556, 11:52:44
ผจว.วิทยา ผิวผ่อง เป็นรัฐศาสตร์จุฬาฯ เคยเป็น ผวจ.กำแพงเพชร, สกลนคร มาก่อน
เป็น รอง ผวจ.นครสวรรค์ และมีบ้านอยู่ที่นครสวรรค์ครับ
   สวัสดี ครับ น้องเริง ไม่แวะ ไปดูวัดมเหยงคณ์ ที่กำลังก่อสร้างด้วย อยู่ติดตลาดนํ้า อโยธยา ครับ
     ผจว. วิทยา ผิวผ่อง......เพื่อนพีปี๊ดเอง เรียนรร.โชติรวี ด้วยกันมา 7 ปี แล้วพี่แยกไปเรียน รร.ชาย .....วัดรอยตีนกันมาตลอด เขาอยากเล่นฟุตบอลได้ เหมือนพี่ปี๊ด ซี้ปึก (แต่ห่างกันมานาน) สมัยเด็กๆ รวมทีมเดียวกันไปเตะ บอลกิน สตังค์กัน
 ตามหัวเมือง (วันหยุด) ครับ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1997 เมื่อ: 22 กันยายน 2556, 20:53:20 »

ครับผม

เขาไปกันเป็นกลุ่มด้วยรถรางของททท.

และวัดเชิงท่า วัดธรรมิกราฃก็เป็นกลุ่ม

ส่วนวัดสุวรรณดาราฯ ใกล้ที่พักผมเดินไปเช้าและพักกลางวัน


คราหน้าไปเองไม่พลาดแน่พี่
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1998 เมื่อ: 23 กันยายน 2556, 07:33:08 »

เกาะฮ่องกงรอดตัวไปอย่างเฉียดฉิว เมื่อพายุไต้ฝุ่น"อูซางิ" พัดขึ้นเหนือเกาะฮ่องกงไปเล็กน้อยและเข้าสู่ประเทศจีน
เวียตนามก็รอดตัวไปเช่นกัน
พายุโซนร้อนลูกใหม่ "ปลาบึก หรือ ปาบึก" พัดไปสู่เกาะญี่ปุ่น
ส่วนประเทศไทย ภาคใต้ทั้งสองฝั่งฝนมากขึ้น คลื่นสูง ลมแรง ชาวเรือต้องระวัง
เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้




พยากรณ์อากาศ ประจำวันจันทร์ที่ 23 กันยายน 2556
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"คลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน"

ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 23 กันยายน 2556

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กที่มีความยาวน้อยกว่า 10 เมตร หรือ 5 วา ควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 23-25 กันยายน 2556
อนึ่ง เมื่อเวลา 04.00 น.วันนี้ (23 ก.ย. 56) พายุโซนร้อน “อุซางิ” (USAGI) มีศูนย์กลางอยู่บริเวณมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน กำลังเคลื่อนตัวไปทางมณฑลกวางสี คาดว่าพายุนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำในระยะต่อไป สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปมณฑลกวางตุ้ง และมณฑลกวางสี ประเทศจีน รวมทั้งเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง ส่วนพายุโซนร้อน “ปาบึก” (PABUK) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกจะเคลื่อนที่ไปทางประเทศญี่ปุ่น โดยไม่เคลื่อนมาทางประเทศไทย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.
 
ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด
น่าน อุตรดิตถ์ ตาก พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร ยโสธร
อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี และกาญจนบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา

อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆมาก โอกาสมีฝนตก ร้อยละ 70 ส่วนมากในช่วงบ่ายถึงค่ำ
โดยกลุ่มฝนจะเคลื่อนจากทางด้านตะวันตกไปทางตะวันออก

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
 
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1999 เมื่อ: 24 กันยายน 2556, 09:52:27 »

วันนี้ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก กทม.และปริมณฑล ภาตใต้ทั้งสองฝั่ง ฝนมาก คลื่นสูง ลมแรง
เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
พรุ่งนี้ 25-27 กันยายน มีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน ภาคอีสาน ฝนจะมากขึ้น
ส่วน"อูซางิ" หรือ"กระต่ายน้อย" แปรสภาพเป็นดีเปรสชั่น และหย่อมความกดอากาสต่ำ และจะสลายตัวไปในที่สุด
ส่วน"ปลาบึก" จะพัดผ่านทิศตะวันออกของเกาะญี่ปุ่นขึ้นไปทางเหนือ



 
พยากรณ์อากาศ ประจำวันอังคารที่ 24 กันยายน 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้บริเวณภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กที่มีความยาวน้อยกว่า 10 เมตร หรือ 5 วา ควรงดออกจากฝั่งในวันนี้ ไว้ด้วย
ส่วนในช่วงวันที่ 25-27 กันยายน 2556 ร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง
อนึ่ง พายุดีเปรสชัน “อุซางิ” (USAGI) บริเวณมณฑลกวางสี ประเทศจีน ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว ส่วนพายุโซนร้อน “ปาบึก” (PABUK) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกจะเคลื่อนตัวไปทางประเทศญี่ปุ่น โดยไม่เคลื่อนมาทางประเทศไทย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา
น่าน ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
  
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองคาย
บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.  

ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดราชบุรี และกาญจนบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.  

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดนครนายก จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร  

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร  

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา

อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร  

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆมาก โอกาสมีฝนตก ร้อยละ 70
โดยกลุ่มฝนจะเคลื่อนจากทางด้านตะวันตกไปทางตะวันออก

อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.  
 
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 78 79 [80] 81 82 ... 131   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><