เริง2520
|
|
« ตอบ #3050 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2557, 10:45:28 » |
|
ชาวธนบุรีเคยมีเหตุการณ์ประหลาดอันเกี่ยวเนื่องกับสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เมื่อหลายสิบปีก่อนตรงกับพุทธศักราช 2498 ครั้งนั้นมีการแยกการปกครองของกรุงเทพฯ ออกเป็น 2 ส่วน แบ่งเป็นเทศบาลนครกรุงเทพฯ และเทศบาลนครธนบุรี ทำให้ความเจริญทั้งหลายหลั่งไหลไปอยู่ที่เทศบาลนครกรุงเทพฯหมด ส่วนเทศบาลนครธนบุรีหรือกรุงธนบุรีเดิมนั้นห่างไกลความเจริญไปทุกขณะ น้ำก็ไม่ไหล ไฟก็ไม่มี ถนนหนทางคับแคบ สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนชาวธนบุรี เสียงร่ำร้องคงกึกก้องไปถึงพระองค์ท่าน วันหนึ่งจึงเกิดปาฏิหาริย์ดวงพระวิญญาณเสด็จมาที่วัดอินทาราม
วันนั้นคือ วันที่ 12 กรกฎาคม 2498 เวลา 08.00 น. เล่ากันมาว่า ขณะที่แม่ชีเหรียญคนดูแลวิหารน้อย เอากุญแจมาเปิดวิหารตามปกติเพื่อให้คนมาสักการบูชาดวงพระวิญญาณพระเจ้าตากสินฯ เมื่อแม่ชีปัดกวาดเช็ดถูเสร็จก็กลับออกไป จากนั้นเวลาประมาณเก้าโมงเศษ ก็มีหญิงแปลกหน้าวัยกลางคนสวมเสื้อผ้าชุดแดงทั้งชุดเดินเข้ามาในวิหารน้อย เมื่อมาถึงก็ก้มลงกราบที่หน้าพระแท่นบรรทม จากนั้นก็ก้าวขึ้นไปนั่งหลับตาทำสมาธิเป็นเวลานาน ทำให้สตรีที่เห็นเหตุการณ์ผู้หนึ่งไม่พอใจ ตรงเข้าไปต่อว่าที่หญิงชุดแดงทำตัวไม่เหมาะสม แต่พอหญิงคนนั้นได้เห็นแววตาและใบหน้าของหญิงในชุดแดงจังๆก็ถึงกับเข่าอ่อน ต้องทรุดลงนั่งกราบอยู่ตรงนั้น เธอเล่าว่ามองเห็นใบหน้าของคนโบราณไว้หนวดยาวเฟื้อยซ้อนอยู่กับใบหน้าหญิงชุดแดงคนนั้น และยังตวาดเธอดังลั่นว่า "มึงบังอาจมาก ก็ที่ของกูเคยประทับ กูจะขึ้นมามิได้รึ มึงจงรู้เถิดว่า กูพระเจ้ากรุงธนบุรีได้มาอาศัยร่างของอีคนนี้ มาพบปะกับพวกมึง เพราะวันหนึ่งๆ พวกมึงพากันร่ำร้องถึงความเดือดร้อนจนกูอยู่ไม่เป็นสุข กูจึงต้องมาพบพวกมึง" วันนั้นที่วัดอินทารามผู้คนไม่รู้มาจากแห่งหนตำบลไหนพากันแห่มาดูพระเจ้าตากสินฯที่วิหารน้อยกันเนืองแน่น จนการจราจรที่หน้าวัดติดขัด เพราะบ้างก็มาขอพร มากราบ และมาขอหวย บางคนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ดีก็มาถาม จนสุดท้ายตำรวจต้องมาพาหญิงชุดแดงไปสอบสวนที่โรงพัก ปรากฏความจริงว่า หญิงชุดแดงนั้นชื่อ นางเพี้ยน ลิ้มลาย อายุ 35 ปี ขายยาเส้นอยู่ใกล้วัดอินทาราม สติไม่ดี อ่านและเขียนหนังสือไม่เป็น ไม่เคยมีความรู้ในประวัติศาสตร์มาก่อน และยังไม่รู้ตัวด้วยว่าเข้ามาในวิหารน้อยได้ยังไง แถมยังพูดจาฉะฉาน ตอบคำถามในเรื่องประวัติศาสตร์ได้เป็นอย่างดีและถูกต้อง
สรุปว่าชาวบ้านฝั่งธนบุรีต่างเชื่อสนิทใจว่าเป็นเพราะดวงพระวิญญาณฯ เสด็จผ่านร่าง และที่ทรงเลือกหญิงสติไม่ดีก็เพื่อให้คนแน่ใจว่าเป็นพระองค์มาจริงๆ ไม่ได้เป็นการแกล้งทำ ลูกหลานไทยทุกคนมีแผ่นดินอาศัยอยู่จนทุกวันนี้ก็เพราะพระบารมีของพระองค์ท่าน ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ในฐานะผู้เขียนได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นก็เพื่อให้คนไทยได้เข้าใจประวัติศาสตร์ในความเป็นจริงอีกแง่มุมหนึ่ง และเพื่อเป็นการระลึกถึงพระองค์ท่าน "สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" ของเราชาวไทยตลอดกาลนาน... ที่มา:นิตยสารหญิงไทย ฉบับที่ 759 ปีที่ 31 ปักษ์หลัง เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2550
|
|
|
|
Dtoy16
Hero Cmadong Member
ออฟไลน์
รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424
|
|
« ตอบ #3051 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2557, 13:33:59 » |
|
น้องเริง ช่างหาเรื่องราวมาชวนอ่านดีนะค่ะ ขอบคุณที่นำข้อมูลน้ำตกร้อนคลองท่อม มาให้ดูอีกทั้งที่อ่านมาไปมาแล้ว ก็ยังชวนอ่าน อย่างตลาดพลูช่วงบีทีเอสเปิดเส้นทาง ก็เคยเดินผ่าน(เพราะเข้าthe Mall)จูงใจ งวดหน้าไปกทม.ต้องไปสักการะสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ที่วัดอินทารามให้ได้
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3052 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2557, 14:23:06 » |
|
ครับ
มีต่ออีกหนึ่งตอน วัดอีกแน่นอน ๕ ๕ ก็หมดชุด ชมวัดที่คลองบางกอกใหญ่ นี้แล้ว
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3053 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2557, 21:59:02 » |
|
มาระยองวันนี้ถึงวันศุกร์ที่ ๔ กค. และต่อที่จันทบุรี ๒ วัน น่าจะมีเรื่องเล่ามาอ่านและภาพถ่ายมาชมด้วยกันครับ
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3054 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2557, 22:05:01 » |
|
ครับ พี่ต้อย
วัดอินทารามน่าสนใจมาก เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่ดีพื้นที่หนึ่งครับ
แต่ผมเสียดายว่าพระอุโบสถไม่สวยเท่าวัดราชคฤห์และวัดจันทาราม มีช่อฟ้าแล้ว
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3055 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2557, 16:48:07 » |
|
Eenmaal ร้านอาหารคอนเซ็ปต์แปลกกลางกรุงอัมสเตอร์ดัม ต้อนรับเฉพาะลูกค้าที่มาคนเดียว นั่งคนเดียว กินคนเดียวเท่านั้น มาเป็นกรุ๊ปเชิญกลับไปเถอะจ้ะ !
คำพูดที่ว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมนั้นจริงจนไม่อาจเถียงใด ๆ ได้ เราต้องการมีกลุ่มก้อนก๊วนแก๊งที่มีรสนิยมชอบพอคล้าย ๆ กัน ถ้าไม่ออกไปแฮงก์เอาท์ด้วยกัน ก็คงจะต้องสื่อสารกันผ่านสื่อโดยวิธีใดวิธีหนึ่ง แต่ระยะหลัง ๆ มานี้ มนุษย์อย่างเรา ๆ เริ่มจะเข้าสังคมมากเกินไปจนลืมให้เวลาอยู่กับตัวเองและกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ตรงหน้าแล้วหรือเปล่า ขนาดเข้าร้านอาหารกินข้าวก็ยังตั้งหน้าตั้งตาเม้าท์จนลืมที่จะละเลียดลิ้มชิมรสชาติที่แท้จริงของอาหารที่ตักเข้าปากแต่ละคำเสียสนิท จริงไหม ?
ด้วยความคิดที่ว่านี้ล่ะ จึงเป็นที่มาของร้านอาหารที่ชื่อว่า Eenmaal กลางกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ด้วยคอนเซ็ปต์ชัดเจนคือ ยินดีต้อนรับเฉพาะลูกค้าที่มาทานอาหารคนเดียวเท่านั้น มาเป็นกรุ๊ปไม่เวลคัมนะ จะบอกให้ !!
ร้านนี้นอกจากจะเหมาะกับลูกค้าผู้ต้องการความสันโดษแล้ว ก็ยังเหมาะกับผู้ที่เข้าสังคมไม่เก่ง ประเภทที่นั่งโต๊ะอาหารใหญ่ ๆ แล้วคุยตามใครไม่ทัน ตลอดจนเหมาะกับคนที่อยากหาเวลาหลบหนีจากการเข้าสังคมอันแสนวุ่นวายมาใช้เวลาอยู่กับตัวเองสักชั่วครู่ อย่างน้อยสักหนึ่งมื้ออาหารก็ยังดี
บรรยากาศภายในร้านที่ตกแต่งสไตล์ลอฟต์นั้นเงียบกริบไร้เสียงคนคุยกัน มีเพียงเสียงส้อมกับมีดกระทบกันบางเป็นครั้งคราวเท่านั้นเอง กิจกรรมของแต่ละคนคือใส่ใจกับเมนูอาหารตรงหน้า บางรายอาจมีหนังสือหรือนิตยสารดี ๆ สักเล่มเป็นเพื่อนร่วมรับประทาน แต่หากหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใช้ล่ะก็ ผิดกติกาของทางร้านนะจ๊ะ.. ฉะนั้นใครที่คิดว่า ถ้าควงเพื่อนตัวเป็น ๆ เข้าร้านไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นไร มาคุยกันโซเชียลแทนก็ได้ คงต้องคิดใหม่แล้วล่ะ
|
|
|
|
Pooh20
มือใหม่หัดเมาท์
ออฟไลน์
รุ่น: 2520
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 63
|
|
« ตอบ #3056 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2557, 17:48:05 » |
|
เริง...
ตามอ่านและตามดูภาพมาตลอด...ชอบๆ...จุดประกาย...ทำให้อยากไปดูสถานที่จริง...
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3057 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2557, 19:40:22 » |
|
ปุ๊ พวกเราจะมีกิจกรรมให้อ.กมล รอดคล้าย กันไหม..อยากยินดีกับเขาและเจอเพื่อนๆ
ขอบใจมากที่มาชมภาพครับ
|
|
|
|
Dtoy16
Hero Cmadong Member
ออฟไลน์
รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424
|
|
« ตอบ #3058 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2557, 15:43:44 » |
|
น้องเริง เดินทางถึงระยอง จันท์แล้วน่ะค่ะ ทุเรียน เงาะคงออกมากมาย มีโอกาสไปแถวเสม็ดจวน มีร้านอาหารชื่อคุณต้อย ของสด และไม่แพง ยิ่งบอกว่ารู้จากครูไข่(เพื่อนพี่ต้อย)รับรองเขาจะพิเศษให้ค่ะ
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3059 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2557, 20:00:09 » |
|
เกาะเสม็ดคงเป็นครั้งหน้า ..พี่ต้อย
จำไว้เป็นข้อมูลไว้ ได้ใช้แน่ๆเลย
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3065 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2557, 23:01:44 » |
|
|
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3067 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2557, 06:37:59 » |
|
|
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3069 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2557, 07:18:14 » |
|
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3070 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2557, 07:46:47 » |
|
ห้างบี.กริมแอนโก ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2421 ตระกูลลิงค์ไม่ได้บริหารในยุคเริ่มต้น แต่เป็นชาวยุโรป 2 คน คือเบิร์นฮาร์ด กริม เภสัชกรชาวเยอรมัน กับเออร์วิน มิลเลอร์ พ่อค้าชาวออสเตรีย ได้ร่วมก่อตั้งขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้กับโรงแรมโอเรียนเต็ล
และที่มาของชื่อบริษัทได้ใช้ชื่อผู้ก่อตั้ง เบิร์นฮาร์ด กริม (บี กริม) มาจนถึงทุกวันนี้ไม่เปลี่ยนแปลง
ห้างบี.กริม เริ่มจากเปิดร้านขายยาชื่อ สยามดิสเปนซารี่ เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ชาวต่างชาติเริ่มเข้ามาค้าขายในประเทศไทย เพราะในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ปรับปรุงบ้านเมืองให้ศิวิไลซ์เพื่อให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาและพัฒนาระบบการศึกษา
เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติจากเยอรมนีและอังกฤษเข้ามาพัฒนาบริการต่างๆ เช่น ให้ชาวเยอรมันมาเป็นที่ปรึกษาด้าน ไปรษณีย์ และดูแลระบบการรักษาโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ในตอนนั้นไม่มีร้านผลิตยา จึงทำให้ห้างบี.กริมเห็นโอกาสเปิดร้านผสมยา
ร้านขายยาสยามดิสเปนซารี่ไม่ได้จำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไปเท่านั้น แต่รัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ ให้ร้านเป็นผู้จัดยาตำรับตะวันตกสำหรับราชสำนัก
นอกเหนือจากธุรกิจร้านขายยา ห้างบี.กริมยังเริ่มได้รับ สัมปทานด้านโทรเลขที่เกาะสีชัง หลังจากที่รัชกาลที่ 5 เสด็จเยือนประเทศเยอรมนีครั้งที่ 2 เพื่อดูระบบบริการโทรเลข
ในช่วงเวลานั้น บี.กริมยังได้รับหน้าที่ขุดคลองย่านรังสิต ในกรุงเทพมหานคร เพราะยังขาดระบบสาธารณูปโภค และระหว่างทำการขุดคลอง บี.กริมได้สร้างวัดมูลจินดารามขึ้นมาเพื่อให้คนงานมีโอกาสได้กราบไหว้ หมายเหตุ จะมีรายละเอียดตามมา
|
|
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3073 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2557, 09:39:04 » |
|
มีแถม ..เพิ่มเติมวัดมูลจินดาราม
ประวัติเดิม เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2439 ร.ศ.115 ค.ศ.1896 จ.ศ.1258 ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม 1 ค่ำเดือน 4 มีพระปฏิบัติราชประสงค์ (นามมูลเลอร์ ชาวเยอรมัน) กับนางจีน ผู้เป็นภรรยา ขออนุญาตสร้างพระอาราม เพื่อเป็นที่พำนักอาศัยของพระภิกษุสามเณร และอนุญาตสร้างวัดได้เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2439 ร.ศ. 1896 จ.ศ.1258 ตรงกับวันศุกร์ แรม 2 ค่ำเดือน 4 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 10 กรกฏาคม พ.ศ. 2442 เขตวิสุงคามสีมา กว้าง 14 เมตร ยาว 22 เมตร ในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
อนึ่งค่าก่อสร้างวัดมูลจินดารามในครั้งนั้น สิ้นเงินค่าก่อสร้างเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 24,850.00 บาท (สองหมื่นสี่พันแปดร้อยสี่สิบบาท) และยังได้สร้างเพิ่มเติมอีก โดยมีท่านพระครูธัญญเขตเขมากร อดีตเจ้าคณะจังหวัดธัญบุรี วัดเขียนเขต เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างสถานที่ต่าง ๆ ตั้งแต่ พ.ศ. 2440 – 2448 รวมเป็นจำนวนเงิน 5,640 บาท (ห้าพันหกร้อยสี่สิบาท) 16 อัฐ รวมค่าก่อสร้างวัดนี้ทั้งสิ้น 30,480.00 บาท 16 อัฐ (สามหมื่นสี่ร้อยแปดสิบบาทสิบหกอัฐ)
ครั้นต่อมาเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2445 ร.ศ. 121 ค.ศ. 1902 จ.ศ. 1264 พระปฏิบัติราชประสงค์ได้ทำหนังสือขอถวายพระอารามหลวง เมื่อเวลาที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จะเสด็จพระราชดำเนินเปิดเมืองธัญญบุรี พระองค์มีกระแสรับสั่งว่า การที่จะถวายรับเป็นวัดหลวงนั้น เป็นที่เกี่ยวข้องด้วยการบำรุง เช่น ต้องให้นิตยภัตรและกฐิน เป็นต้น วัดหลวงมีมากแล้วรัฐบาลไม่อยากให้รับ
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2445 ร.ศ. 121 ค.ศ. 1902 จ.ศ. 1264 ตรงกับวันศุกร์ แรม 1 ค่ำเดือน 4 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดเมืองธัญญบุรี โดยทรงเครื่องแบบทหารเต็มยศ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช (คือรัชกาลที่ 6) และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จโดยรถพระที่นั่งจากวังสวนดุสิตถึงสถานีรถไฟสามเสน ประทับรถพระที่นั่ง โดยมีรถไฟใช้ฝีจักรจูงรถพระที่นั่งออกจากสถานีรถไฟสามเสน เวลา 1 โมงเช้า ถึงสถานีรถไฟรังสิต เวลา 2 โมงเช้า ณ ที่นั้นมีพ่อค้าประชาชน ทั้งเมืองปทุมธานี เมืองธัญญบุรี และจังหวัดใกล้เคียง อาทิเช่น เมืองนครนายก ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพฯ มาคอยรับเสด็จกันมากมาย จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินโดยเรือพระที่นั่งชื่อ “สมจิตรหวัง“ โดยมีเรือกลไฟลากจูงถึงเมืองธัญบุรีเมื่อเวลา 4 โมงเช้า เมื่อเรือพระที่นั่งเทียบท่าเมืองธัญบุรีแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ พระราชดำเนินไปประทับ ณ ห้องเจริญพระพุทธมนต์ ทรงจุดธูปเทียน บูชาพระรัตนตรัยและทรงศีล พอได้เวลา 5 โมงเช้า ได้พระฤกษ์แล้วทรงประกอบพิธีชักเชือกเปิดแพรคลุมป้ายชื่อเมือง เสร็จจากพระราชพิธีเปิดเมืองธัญญบุรีแล้ว เวลาบ่าย พระองค์ได้หยุดเรือพระที่นั่งที่หน้าสะพานฉนวนหน้าวัดมูลจินดาราม พระปฏิบัติราชประสงค์ ได้ลงมารับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเข้าประทับในอุโบสถ พระราชาคณะ ฐานานุกรม เปรียญ เจ้าอธิการ อันดับคณะรามัญ ได้กระทำสังฆกรรมผูกพัทธสีมา พระองค์เสด็จบำเพ็ญพระราชกุศลปิดทองลูกนิมิต กับทั้งเป็นองค์ประธานตัดลูกนิมิตด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง ซึ่งในสมัยนั้นพระเจ้าอยู่หัวจะไปทรงจัดทำเกี่ยวกับเรื่องวัดก็เฉพาะอารามหลวงเท่านั้น
สำหรับนามวัดนั้น พระปฏิบัติราชประสงค์ ได้กราบบังคมขอพระราชทานนามวัดต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ก็ได้พระราชทานนามวัดว่า “วัดมูลจินดาราม” โดยมีพระประสงค์ให้สอดคล้องกับท่านผู้มีจิตศรัทธาสร้างวัดคือ นายมูลเลอร์ (พระปฏิบัติราชประสงค์) และนางจีน ตั้งแต่นั้นมา
อนึ่ง ก่อนที่พระองค์จะเสด็จพระราชดำเนินกลับได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 400 บาท (ในสมัยนั้น) เพื่อช่วยในการก่อสร้างและปฏิสังขรณ์อีกด้วย
|
|
|
|
|
|