ทหารอเมริกันเสียชีวิตในสงครามไหนมากกว่า เพราะอะไร

[yai]

มีคำถามมาให้เพื่อน ๆ ร่วมตอบ สนุก ๆ มีสาระด้วย เอามาจากที่เข้าอบรมอาทิตย์นี้
พอดีโพสต์ในหัวข้อ"ขี้หมูรา ขี้หมาแห้ง มีอะไรมาอ่านกัน"
แต่กลัวเพื่อน ๆ จะไม่ได้เข้าไปอ่านเลยตั้งหัวข้อใหม่เพื่อเรียกร้องความสนใจ

เนื้อหาเกี่ยวกับ ทหารอเมริกัน กับ สงครามสองสงครามใหญ่ คือ
สงครามเวียดนาม กับ สงครามเกาหลี
เพื่อน ๆ คิดว่า
(1) สงครามไหนที่ทหารอเมริกัน เสียชีวิตมากกว่ากัน
(2) สงครามไหนที่มีจำนวนค่ายกักกันมากกว่ากัน
มีรางวัลอยู่ในคำตอบ

เพื่อนนุ้ยกับป้อม ตอบมาแล้ว คือเวียดนามทั้งสองข้อ ก็ถูก แต่ไม่หมด
ยังไง บอกเหตุผลด้วยนะว่าทำไมตอบอย่างนั้น

[akenui]

ที่ผมตอบเวียดนาม เพราะว่า ยุทธวิธีการรบที่เอาชนะ ด้วยคำว่า มากกว่า เช่น อาวุธร้ายแรงกว่า
กำลังมากกว่า ทหารอเมริกันมาตามคำสั้ง  แต่ เวียดนามเขารบด้วยความรักชาติ ต่อสู้ในดินแดนประเทศตัวเอง จึงสู้ด้วยกำลังก็แพ้ ต้องอาศัย ความฉลาดในการรบ


//เสือนุ้ย//

[Nat Rattanadilok]

เวียดนาม
เพราะสภาพอากาศและความชื้น เป็นเหตุให้มีการติดเชื้อเขตร้อน มากกว่าในเกาหลี


ถ้ามึงไม่ให้ ตัวเลือก จะตอบว่า สงครามบนเกาะ อิโวจิม่า แล้วเชียว

[yai]

เฉลยแล้วกัน
ข้อ (1) เกาหลี
ข้อ (2) เวียดนาม

สาเหตุที่ข้อหนึ่งตอบเกาหลีเพราะ เวลาที่พวกเกาหลีเหนือจับเชลยอเมริกันได้
ก็จะปฎิบัติกับเชลยตามสนธิสัญญาเจนีวา แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนคือ
เขาจะเล่นสงครามจิตวิทยา เช่น จะบอกกับทหารคนหนึ่งว่าถ้ามาบอกความลับ
ของกลุ่ม ก็จะได้รางวัล หรือบางทีก็แกล้งให้ เพื่อให้เพื่อน ๆ สงสัย แตกคอกัน ,
เวลามีจดหมายจากที่อเมริกามา ก็จะเปิดอ่านก่อน ถ้าเป็นข่าวดีก็จะไม่ให้
ถ้าเป็นข่าวร้ายเช่น เมียมีแฟนใหม่ ลูกไม่สบาย พ่อแม่ป่วย บ้านโดนยึด เจ้าหนี้ทวงหนี้
(อันนี้คิดเอง สำหรับไอ้ณัฐ) ก็จะส่งให้ทหารอเมริกัน ให้รู้ พยายามทำให้เชลย
มีความรู้สึกสิ้นหวัง ท้อแท้ แบบว่า ไม่มีใครในโลก เพื่อนก็เชื่อไม่ได้ ครอบครัว
ก็แย่แล้ว ทหารมันก็จะตายง่ายขึ้น แบบว่า ไม่อึดนะ แล้วมันก็ไม่มีใครไปด่าเกาหลีเหนือ
ได้ว่าปฎิบัติต่อเชลยไม่ดี (ไม่มีใครรู้หรอก)

ส่วนข้อสอง มันก็จะบอกว่า ถึงสงครามเวียดนามจะมีค่ายกักกันเยอะ (แบบในหนังเลย)
แต่แบบว่าก็ได้แต่ทรมานได้แต่ร่างกาย (แต่ใจด้านชา ประมาณนั้น) ไม่ได้มีสงครามจิตวิทยา (อาจจะมี แต่ไม่มากเท่าที่เกาหลี)

ข้อมูลนี้เป็นงานจริงมาจากการวิจัยของใครสักคน แต่งเป็นหนังสือด้วย
(อ.ทีสอนบอกแต่จำไม่ได้แล้ว) มันให้แง่คิด เรื่องพลังความคิดที่สร้างสรรค์
หรือ positive thinking

คนเราถ้าคิดสิ่งที่ดี ๆ มันจะมีพลังในการก้าวไปข้างหน้าหรือทำอะไรได้หลายอย่าง
ถ้าลองคิดในสิ่งที่ไม่ดี มันก็จะห่อเหี่ยว โลกมันไม่สดใส กูอยู่เฉย ๆ ดีกว่า อะไรประมาณนั้น

วันนี้ขอให้เพื่อน ๆ ลองทำดู ถ้าทำอยู่แล้วก็ทำต่อไป ให้มากขึ้นยิ่งดี
หรือถ้าไม่ก็ให้ลองหัดดู ของอย่างนี้ต้องหัดด้วย จะได้เป็นนิสัยไปเลย

ยาวไปหน่อย แต่หวังว่าคงมีสาระ

[wirat]

ใหญ่,ไม่เห็นด้วย  ยังไงผมว่าสาวเวียดนามสวยกว่าสาวเกาหลี และบินแค่ ชม.เดียวถีง  อืมแล้วมันเกี่ยวกันไหมเนี่ย

ป้อม

[yai]

ถ้าคุณเป็นทหารอเมริกัน โดนจับในค่ายกักกัน
คิดอย่างนี้ ก็ถือว่า positive thinking
ก็โอเค

[wirat]

ใหญ่ ,Positive ตรงไหนวะ ขนาดผมโดนเมียกักบริเวณ ผมยังNegative เลย

ป้อม

[yai]

ก็คิดว่า เมียเขาเป็นห่วง ไม่อยากให้ไปสถานที่อโคจร ประหยัดตังค์ด้วย
ได้ใช้เวลาทำสวน ปลูกต้นไม้ ดอกไม้ มีเรื่องราวมาคุยกับเพื่อน ๆ
แล้วยังช่วยเรื่องโลกร้อนด้วย จะได้สบายใจ

แต่สุดยอดต้องให้เมีย positive thinking กับเราด้วย
จะได้ให้เราไปไหนต่อไหนได้ไง  :lol:

[wirat]

ใหญ่  เมีย พวกเรา เน้นนะ พวกเรา มันคงจะ Positive กับ Background พวกเราหรอก

คิดถึง พี่เป้ พี่นัฐ พี่เจษ พี่พร ด้วย

ป้อม

[yai]

เหลือแต่พี่ณัฐนี่แหละ
ที่ยังไม่มีเมีย ให้ถามเรื่อง positive thinking

[wirat]

ใหญ่ ผมไม่แน่ใจวะว่า พี่นัฐโสดจริงเปล่า

ป้อม