22 พฤศจิกายน 2567, 18:46:09
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 3 4 [5]  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: มีพาดหัวข่าวมาให้อ่าน  (อ่าน 69416 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
veekung
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,361

« ตอบ #100 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2550, 10:03:32 »

ปุ้ยแล้วข้อ 27 กับ 79 ล่ะ
บันทึกการเข้า

quot;อยากทำได้ให้ถามหญิงต่ำหูก อยากทำถูกให้ถามเด็กเลี้ยงควาย คนหลายคนกินน้ำบ่อเดียว เดินทางเดียวไม่ซ้ำรอยกัน" หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
<img src="[url]http://images.veejang.multiply.com/badge/U2FsdGVkX1.NpQZsTXem61w2P0GWCkA-bbo-041zLltmdDT.VkgnNuJu42GDLoxDzp2qkya
ป.ปลา
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,100

เว็บไซต์
« ตอบ #101 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2550, 16:32:56 »

อ้างจาก: "veekung"
ปุ้ยแล้วข้อ 27 กับ 79 ล่ะ



นั่นสิ ทำไมหายไป
 :roll:
บันทึกการเข้า
party
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,875

« ตอบ #102 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2550, 16:39:24 »

อ้างจาก: "ป.ปลา (Miss)"
อ้างจาก: "veekung"
ปุ้ยแล้วข้อ 27 กับ 79 ล่ะ



นั่นสิ ทำไมหายไป
 :roll:


ช่ายอยากรู้ด้วย เพื่อนเราforword มาก้อหายเหมือนกันเลย เป็นข้อความแรกจากPUIที่เราอ่านตั้งแต่บรรทัดแรกยันบรรทัดสุดท้าย

ใครมีเรื่องอะไรดีๆ เกี่ยวกับในหลวงเอามาลงอีกบ้างนะคะ อยากอ่านคะ :lol:
บันทึกการเข้า

http://happinessparty.multiply.com/
<embed src=\\\"http://images.multiply.com/multiply/horizontal-headshot-badge.swf\\\" type=\\\"application/x-shockwave-flash\\\" wmode=\\\"transparent\\\" FLASHVARS=\\\"user_id=happinessparty&enc=U2FsdGVkX1.XgxV7rEZX6q1u2Jyr2y9bKY8Amx,Hc,GTybsHCwE8.8sOCJWnoHQj
เอ๋อ
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,793

« ตอบ #103 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2550, 19:36:10 »

เขาเว้นไว้ให้เติมเองรึเปล่าอ่ะ

แบบว่า เรื่องของในหลวงที่ประทับใจคนไทยมีมากมาย
ทุกเรื่องราวประทับใจทั้งนั้น เลยให้เติมเอง ตามแต่ที่เคยประสบพบเจอ


...ว่าไปนู่น...
บันทึกการเข้า

ไม่สวย แต่ Self !

ขวัญใจคนใหม่ น้องจางกึนซอก...

PUI
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 45

« ตอบ #104 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2550, 20:10:00 »

ล้ำลึก สมเป็น อักษรศาสตร์ ชาติจุฬาฯ
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #105 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2550, 20:13:32 »

Hi Nong Pui,what is your plan for murder your boss this week??
p.nn
บันทึกการเข้า


PUI
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 45

« ตอบ #106 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2550, 07:21:19 »

This month he has changed himself to specially take care me and my team, unbelievable, it might be cause from Global Warming. For that plan i think i will temporary extend it jaa.
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #107 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2550, 16:07:38 »

Be alert! and look at him through the eyes...these kind of boss is not the one to trust..herr,herr
p. :twisted:
บันทึกการเข้า


por-sim
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,123

« ตอบ #108 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2550, 22:37:20 »

รักในหลวง ห่วงลูกหลาน ร่วมกัน...กลับบ้านนอกไปเยี่ยมพ่อแม่ตอนปีใหม่
บันทึกการเข้า
ป.ปลา
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,100

เว็บไซต์
« ตอบ #109 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2550, 22:11:34 »

ชั้นกลับไม่ได้อ่ะซิ่ม ทีสิส จะทับตัวตาย  :cry:
บันทึกการเข้า
Tritti_83
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,481

เว็บไซต์
« ตอบ #110 เมื่อ: 20 กุมภาพันธ์ 2551, 15:15:09 »

ขออนุญาตนำ forward mail มาให้เพื่อนๆอ่านกันถึงสาเหตุที่ทำไมเราจำเป็นต้องใส่ใจการเมืองไทยไว้บ้างทั้งๆที่ส่วนตัวเราเองเบื่อมากๆ ทั้งนี้ไม่รุ้ว่าข้อมูลนี้ถูกต้องมากน้อยเพียงใดหากผิดพลาดประการใด ผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย .... :oops:


เงินเดือนของที่ปรึกษาและเลขานุการรัฐมนตรี และตำแหน่งข้าราชการการเมืองอื่นๆ

จากการตรวจสอบ  เลขานุการรัฐมนตรี ได้รับเงินเดือน 38,490 บาท เงินเพิ่ม 7,500 บาท รวมเป็น 45,990 บาท

ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี ได้เงินเดือน 34,640 บาท เงินเพิ่ม 6,750 รวมเป็น 41,390 บาท

ส่วน ที่ปรึกษารัฐมนตรี ได้เงินเดือน 41,630 บาท เงินเพิ่ม 14,500 บาท รวมเป็น 56,130 บาท

กล่าวกันว่า จริงๆ แล้ว ผลประโยชน์ที่มากกว่าตัวเงินมีมากมายหลายประการ เช่น การได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตลอด 4 ปี รวมถึงการพิมพ์นามบัตร ที่ปรึกษารัฐมนตรี หรือผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี เป็นต้น

เหลียวมาดูสิทธิประโยชน์และค่าตอบแทนฝ่ายนิติบัญญัติ มีรายงานว่า ในการสัมมนา เรื่อง บทบาทและหน้าที่ของ ส.ส. เมื่อวันจันทร์ที่ 11 ก.พ. ซึ่งมี ส.ส.ใหม่เข้าร่วมอย่างหนาตา ที่ประชุมมีการซักถามเรื่องสิทธิประโยชน์และค่าตอบแทนของ ส.ส.ในหลายประเด็น โดยมีนางศุภมาส น้อยจันทร์ รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร คอยชี้แจงตอบข้อสงสัย

เริ่มจากค่าตอบแทน ปัจจุบัน ส.ส.ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 62,000 บาท และได้เงินเพิ่ม 42,330 บาท รวมเป็นเงิน 104,330 บาท โดยสิทธิที่จะได้รับเงินประจำตำแหน่ง เริ่มตั้งแต่วันปฏิญาณตนเข้ารับหน้าที่

ประธานสภาผู้แทนฯ ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 65,920 บาท และได้เงินเพิ่ม 50,000 บาท รวม 115,920 บาท รองประธาน 2 คน ได้รับเงินประจำตำแหน่งคนละ 63,860 บาท เงินเพิ่ม 42,500 บาท รวม 106,360 บาท

ผู้นำฝ่ายค้าน ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 63,860 บาท เงินเพิ่ม 42,500 บาท รวม 106,360 บาท

นอกจากนี้ สมาชิกแต่ละคนสามารถตั้งผู้ช่วยดำเนินงานได้จำนวน 5 คน ได้รับอัตราค่าตอบแทน 10,000 บาทต่อคน-ต่อเดือน อีกทั้ง ส.ส.ยังสามารถตั้งผู้เชี่ยวชาญประจำตัวได้ จำนวน 1 คน โดยมีค่าตอบแทน 20,000/เดือน

ดังนั้น ค่าใช้จ่ายสำหรับ ส.ส.1 คน ตกเดือนละ 174,330 บาท รวม 480 คน เป็นเงินเดือนละ 83,678,400 บาท หรือปีละ 1,004,140,800 บาท

รวมถึงมีเงินประกันสุขภาพให้ ส.ส.ปีละ 20,000 บาท/ปี ในส่วนการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่นั้น ส.ส.จะได้สิทธิที่ได้รับใบเบิกทางเริ่ม ตั้งแต่วันปฏิญาณตน โดยสามารถเดินทางไปปฏิบัติราชการโดย

1.เครื่องบิน

2.รถไฟ มีผู้ติดตามได้ 1 คน

3.รถยนต์ (บ.ข.ส.) มีผู้ติดตามได้ 1 คน

หลังฟังคำชี้แจงเสร็จ มี ส.ส.จากพรรคต่างๆ ลุกขึ้นสอบถามถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับเพิ่มเติม โดยเฉพาะ ส.ส.จากพรรคพลังประชาชน ซึ่งนำโดยนายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง ส.ส.ชัยนาท ที่ได้เรียกร้องให้มีการเพิ่มจำนวนผู้ช่วย ส.ส.ให้มากกว่า 5 คน และเพิ่มผู้เชี่ยวชาญส่วนตัวมากกว่า 1 คน รวมทั้งขอให้มีการจัด "คนขับรถประจำตำแหน่ง" ให้ ส.ส.แต่ละคนด้วย

แต่รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฎรตอบว่า หลักเกณฑ์ที่ทางสำนักเลขาฯได้ชี้แจงต่อสมาชิก เป็นหลักเกณฑ์ที่ยึดถือปฏิบัติมาเป็นเวลานาน และเห็นว่ามีความเพียงพอ หากสมาชิกหลายคนเห็นว่าอยากจะให้มีการปรับปรุง ก็ควรจะเสนอในกรรมาธิการยกร่างระเบียบการประชุมและข้อปฏิบัติในสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส.พรรคพลังประชาชนยังเดินหน้าสอบถามถึงสิทธิประโยชน์ของตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อน แม้กระทั่งเรื่องค่ารถยนต์ที่จะเดินทางไปสนามบินในจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงค่าน้ำมันในภารกิจต่างๆ

นายชัยวัฒน์ถามว่า ค่ารถในวันเดินทางมาปฏิญาณตนสามารถเบิกจ่ายได้หรือไม่ ซึ่งนางศุภมาสปฏิเสธว่าไม่สามารถเบิกได้ เพราะเงินเดือนที่จ่ายไปนั้นได้เหมารวมค่าที่พัก ไปแล้ว

สิทธิประโยชน์อีกประการคือ การได้รับแจกคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ซึ่งนางศุภมาสได้ชี้แจงว่า คอมพิวเตอร์ที่ ส.ส.ชุดที่แล้วได้รับคืนมาเพียง บางส่วน แต่ยังมีอีกหลายสิบเครื่องที่ ส.ส.ยังไม่ได้คืน โดยทางสำนักเลขาฯได้ทำจดหมายทวงไปหลายรอบแล้ว แต่ ส.ส.เหล่านั้นก็ยังนิ่งเฉย ขณะที่อีกหลายสิบเครื่องพัง ทำให้เกิดปัญหาในการเบิกจ่าย ดังนั้น จึงต้องสั่งซื้อใหม่ทั้งหมด

สำหรับความคืบหน้าในการจัดหาคอมพิวเตอร์ให้กับ ส.ส.ใหม่ล่าสุด สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้จัดทำร่างขอบเขตทีโออาร์ (TOR) เพื่อจัดหาคอมพิวเตอร์พกพาจำนวน 480 เครื่องให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ โดยกำหนด ให้บริษัทที่ประมูลงานได้จะต้องจัดส่งเครื่องคอมพิวเตอร์ให้สำนักเลขาฯภายใน 30 วัน

ทั้งนี้ งบประมาณในการจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาครั้งนี้ใช้ไปทั้งหมด 25,300,000 บาท

รวมสิทธิประโยชน์ ค่าตอบแทน และอัฐบริขารของท่านผู้ทรงเกียรติ 480 คน รวมถึง ผู้ช่วย ส.ส.และผู้เชี่ยวชาญรวม 2,880 คนแล้ว

คาดว่า ต้นทุนของ ฯพณฯ จะสูงมากกว่า 1,500 ล้านต่อปี

คำถามที่คาใจผู้เสียภาษี ก็คือ ฯพณฯ ทำงานคุ้มค่าเงินเดือนหรือไม่ ?
 :x
บันทึกการเข้า
Tritti_83
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,481

เว็บไซต์
« ตอบ #111 เมื่อ: 03 มีนาคม 2551, 10:30:34 »

ขอไว้ร่วมอาลัยแก่การจากไปของ
ร.ต.อ. ธรณิศ  ศรีสุข

ร้อยตำรวจเอกธรณิศ ศรีสุข

ปลายปี 2550 ไฟใต้ยังคงลุกโชนอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนด้ามขวาน ถึงแม้จะดูเหมือนว่ากำลังเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองจะปฏิบัติการเชิงรุกอย่างได้ผล สามารถปิดล้อมตรวจค้นจับกุมทั้งแกนนำฝ่ายตรงข้ามกับแนวร่วมและสามารถยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ได้เป็นจำนวนมากก็ตาม

แต่ความรุนแรงของเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้บริสุทธิ์และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยังคงปรากฏให้เห็น เพราะกลุ่มโจรใต้อาศัยความชำนาญภูมิประเทศและการเป็น "เจ้าของพื้นที่' เป็นกลยุทธหลักและข้อได้เปรียบในการก่อเหตุร้ายอย่างไม่เลิกรา

ด้วยเหตุนี้ปฏิบัติการอย่างทุ่มเทของทหารตำรวจในพื้นที่ภาคใต้จึงยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นที่มาของเรื่องราวดุจดังตำนานแห่ง "วีรชนคนกล้า' ของชาติอันเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าแผ่นดินไทยยังคงมีผู้ที่พร้อมจะสละทุกสิ่งแม้กระทั่งชีวิตเพื่อปกป้องบ้านเมืองและน้อมเกล้า ฯ ถวายเป็นราชพลี

เช้าวันเสาร์ที่ 29 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ผู้คนในกรุงเทพและในอีกหลาย ๆ จังหวัดได้พักผ่อนหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากหน้าที่การงานมาตลอดทั้งสัปดาห์


ผู้กองแคน (คนที่สองจากขวา) ขณะลาดตระเวนบนถนน

แต่ที่จังหวัดยะลาบนเส้นทางสายบันนังสตา - เขื่อนบางลาง "ชุดเคลื่อนที่เร็ว' จำนวน 12 นาย ซึ่งเป็นกำลังจากกองร้อยรบพิเศษที่ 1 กองกำกับการสนับสนุนทางอากาศตำรวจตระเวนชายแดนหรือที่รู้จักกันในนาม "พลร่ม ตชด.' แห่งค่ายนเรศวร หัวหิน ได้ออกปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนในพื้นที่ต้องสงสัยเพื่อรักษาความปลอดภัยหลังได้เบาะแสว่ากลุ่มโจรใต้วางแผนที่จะดักซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่และประชาชนที่จะใช้เส้นทางดังกล่าว

เมื่อชุดเคลื่อนที่เร็วทั้ง 12 นาย ไปถึง "เนินนวรัตน์' ซึ่งภูมิประเทศสองข้างทางเป็นเนินสูงปกคลุมไปด้วยป่ารกทึบเอื้ออำนวยต่อการวางกำลังรอคอยเป้าหมายที่จะผ่านเข้ามาใน "พื้นที่สังหาร' ที่กำหนดไว้

ร้อยตำรวจเอกหนุ่มวัยสามสิบ ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดเจ้าของร่างล่ำสันรู้สึกผิดปกติและสำเนียกได้ถึงความเงียบเชียบที่แตกต่างจากทุกครั้ง มันเป็นเสมือนสิ่งบอกเหตุว่ามี "อะไรบางอย่าง' ที่เป็นอันตรายรอคอยอยู่เบื้องหน้า

"ผู้กองแคน' ของลูกน้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาโดยตลอดจึงสั่งหยุดเคลื่อนที่เพื่อปฏิบัติตามยุทธวิธีและขั้นตอนของการรบนอกแบบ นั่นคือการใช้ "ส่วนล่วงหน้า' เดินเท้าเข้าตรวจสอบในบริเวณต้องสงสัย

ด้วยความองอาจและหัวใจแกล้วกล้าของนายตำรวจนักรบที่มีจิตวิญญาณความเป็น "ผู้นำ' อย่างเต็มเปี่ยม ผู้กองแคนอดีตนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานรุ่น 54 จึงทำหน้าที่ "ส่วนล่วงหน้า' ด้วยตนเองเหมือนเช่นทุกครั้งที่ออกปฏิบัติภารกิจซึ่งเขาจะต้องก้าวเท้านำหน้า พลร่ม ตชด. ที่อยู่ในทีมโดยไม่หวั่นไหวพรั่นพรึงต่ออันตรายใด ๆ



ผู้กองแคน (ขวาสุด) กับทีมพลร่ม ตชด.

อาวุธอัตโนมัติที่อยู่บนมือของร้อยตำรวจเอกแห่งตระกูล "ศรีสุข' กระชับแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยประกายมุ่งมั่นมองกวาดไปยังแนวป่าบนเนินสองข้างทางอย่างระแวดระวัง

นิ้วที่แตะอยู่บนไกปืนพร้อมที่จะเหนี่ยวยิงสาดกระสุนเข้าใส่บริเวณต้องสงสัยหากว่าเสียงปืนของฝ่ายตรงข้ามดังขึ้น

ไม่ไกลจากตำแหน่งที่ผู้กองหนุ่มแห่งค่ายนเรศวรกำลังเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ กลุ่มโจรใต้ไม่ต่ำกว่า 20 คน พร้อมอาวุธกำลังเล็งศูนย์เข้าใส่เป้าหมายของพวกมัน

กาลีแผ่นดินเหล่านั้นรู้จักหน้าค่าตาและชื่อเสียงของ "ผู้กองแคน' ในฐานะหัวหน้าชุด ตชด. แห่งฐานปฏิบัติการเขื่อนบางลาง ซึ่งเป็นนักรบจู่โจมที่มีผลงานยอดเยี่ยมมาโดยตลอด ทั้งในด้านยุทธการและการเข้าถึงมวลชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี จนทำให้ชาวบ้านหันมาให้ความร่วมมือกับทางการมากขึ้น

การปรากฏตัวของผู้กองแดนในเช้าวันปะทะจึงเป็นเสมือนการปรากฏของ "เป้าหมาย' ที่มีค่ามากที่สุดสำหรับการซุ่มโจมตี โจรใต้กลุ่มนั้นจึงหันปากกระบอกเล็งเข้าหาร่างของนายตำรวจหนุ่มเป็นจุดเดียว เพื่อที่จะระดมปืนเด็ดชีพคนเป็น "หัวหน้าชุด' ให้ได้เป็นลำดับแรก

แล้วในบัดดลนั้นกัมปนาทการยิงก็แผดสนั่นหวั่นไหวพร้อม ๆ กับวิถีกระสุนแดงวาบพุ่งลงมาเป็นห่าฝน

วินาทีแรกที่เสียงปืนดังขึ้น ร้อยตำรวจเอกหนุ่มก็โผนเข้าหาที่กำบังด้วยสัญชาติญาณพร้อมกับร้องตะโกนสั่งให้ลูกทีมทำการยิงตอบโต้ ก่อนที่ร่างของเขาจะล้มร่วงลงบนเนินมรณะ

การปะทะดำเนินไปอย่างดุเดือดนานกว่า 20 นาที และกำลังอีกชุดหนึ่งภายใต้การนำของ "ผู้กองช้าง' หรือร้อยตำรวจเอกสมรัฐ อาวรณ์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดปะทะได้รีบเดินทางมาช่วยก่อนที่เสียงปืนจะสงบลง เมื่อฝ่ายตรงข้ามล่าถอยออกไป



นาทีชีวิตผู้กองแคนหลังการปะทะ

"ผู้กองถูกยิง ! วิทยุไปที่บ้านภักดี ขอ ฮ. มารับด่วน !'

รองหัวหน้าชุดร้องตะโกนเสียงหลงในทันทีที่มองเห็นร่างของร้อยตำรวจเอกหนุ่มแดงฉานไปด้วยเลือด มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ลำคอ บอกให้รู้ว่าผู้นำของชุดเคลื่อนที่เร็วต้องคมกระสุนได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการเป็นตายเท่ากัน.. !

ภายในห้องประชุมกองบังคับการสนับสนุนทางอากาศค่าย "นเรศวร' อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตอนสายวันเดียวกัน

นายตำรวจพลร่มชั้นสัญญาบัตรกำลังประชุมอยู่กับผู้บังคับการเพื่อเตรียมการเคลื่อนย้ายกำลังไปสับเปลี่ยนหน้าที่กับหน่วยที่อยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามวงรอบทุก 6 เดือน

ทุกคนต่างมีขวัญกำลังใจดีเยี่ยมและกระหายที่จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่อันตรายด้วยความมุ่งมั่น เพราะเท่าที่ผ่านมา "ชุดเคลื่อนที่เร็ว' ซึ่งเป็นหน่วยพลร่มจาก ตชด. ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมและไม่เคยสูญเสียกำลังพล

แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของผู้การก็ดังขึ้นขัดจังหวะการประชุม สายตาทุกคู่จ้องมองไปยังผู้บังคับบัญชาซึ่งมียศสูงสุดในที่นั้น ก่อนที่ทุกคนจะเห็นสีหน้าและแววตาซึ่งเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

"ชุดลาดตระเวนของเราถูกซุ่มโจมตีที่ยะลา'

ผู้บังคับการพลร่มพยายามบังคับเสียงอย่างคนที่ข่มความรู้สึกขณะที่กล่าวถ้อยคำซึ่งไม่ต่างอะไรกับสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางหัวใจของทุกคนที่ได้ยิน

"ไอ้แคนตาย.. เมื่อสองชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง'


ผู้กองแคนใน พท.ภาคใต้

นายตำรวจหนุ่มผู้พลีชีพเพื่อชาติกลางสมรภูมิแดนใต้ในเช้าวันนั้นก็คือร้อยตำรวจเอก "ธรณิศ ศรีสุข' รองผู้บังคับการกองร้อยรบพิเศษที่ 1 กองกำกับการสนับสนุนทางอากาศตำรวจตระเวนชายแดนผู้เป็นแบบฉบับของ "ชายชาตินักรบ'ซึ่ง สมควรได้รับการยกย่องในฐานะวีรบุรุษของชาติผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์อันสูงส่งตราบจนลมหายใจของชีวิต

ร้อยตำรวจเอกธรณิศฯ หรือผู้กองแคน เกิดเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2520 ที่จังหวัดขอนแก่น เป็นบุตรชายของรองศาสตรจารย์ด็อกเตอร์เกรียงศักดิ์ ศรีสุข อดีตคณบดีคณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยน้ำบาดาล ภาควิชาเทคโนโลยีธรณี ส่วนมารดาคือ รองศาสตราจารย์ทันตแพทย์หญิงนิธิภาวี อดีตคณบดีคณะทันตแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ชีวิตในวัยเด็กของร้อยตำรวจเอกธรณิศเติบโตที่จังหวัดขอนแก่นพร้อมกับน้องชายเพียงคนเดียวคือนายแพทย์ธราธิป โดยบิดามารดาตั้งชื่อเล่นให้เขาว่า "แคน' ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ของแผ่นดินอีสาน แคนเริ่มต้นการศึกษาที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่นจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนจะติดตามบิดาไปศึกษาต่อที่ประเทศแคนนาดาเมื่อปี 2533

เมื่อกลับมาเมืองไทยจึงเข้ารับการศึกษาต่อที่โรงเรียนขอนแก่นวิทยาจนกระทั่งถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จึงไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเมื่อปี 2538 โดยเลือกเหล่าตำรวจด้วยความใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็น ตชด. เพื่อรับใช้ชาติและปกป้องคุ้มครองพี่น้องประชาชนซึ่งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล

รองศาสตรจารย์ด็อกเตอร์เกรียงศักดิ์ ซึ่งเดินทางมากรุงเทพเพื่อร่วมงาน "วันตำรวจ' และบันทึกเทปรายการ "เจาะใจ' ระหว่างวันที่ 13-14 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้เล่าถึงเรื่องราวบางตอนของบุตรชายให้ผู้เขียนฟังว่า

"สมัยนั้นนักเรียนวัยรุ่นในขอนแก่นจะรู้จักแคนมาก แคนเป็นคนรักเพื่อน ชอบการต่อสู้ผจญภัย เคยแอบไปชกมวยชิงรางวัลตามหมู่บ้านมา 2-3 ครั้ง จนหมอแจงซึ่งเป็นคุณแม่ตกใจ

"ต่อมาแคนไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร โดยเลือกเหล่าตำรวจและสอบได้เป็นที่หนึ่งในส่วนของตำรวจทำให้ทุกคนในครอบครัวภูมิใจในตัวแคนมาก ระหว่างที่เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 38 แคน ซึ่งมีคะแนนสอบยอดเยี่ยมได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายตอน 4 ทำหน้าที่นักเรียนปกครองบังคับบัญชาดูแลรุ่นน้องและเพื่อน ๆ และเมื่อขึ้นเหล่าเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 54 แคนก็ได้เป็นนักเรียนบังคับบัญชา เป็นนักกีฬาหลายประเภท เป็นหัวหน้าชมรมยูโด นักแม่นปืน นักมวย ฯลฯ





เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ เขาเป็นที่รู้จักของรุ่นน้อง ๆ และรุ่นพี่ ๆ ในฐานะนักเรียนนายร้อยตำรวจที่เรียนเก่ง มีอุดมการณ์ และได้คะแนนสอบตอนเรียนจบในลำดับต้น ๆ ซึ่งมีสิทธิที่จะเลือกรับราชการที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นโรงพักในท้องที่ "เกรด A' การเป็น "นายเวร' หรือนายตำรวจติดตามผู้บังคับบัญชาระดับสูง หรือแม้กระทั่งการลาไปศึกษาต่อต่างประเทศ

แต่สิ่งที่แคนเลือกกลับกลายเป็นการหันหลังให้สิ่งเหล่านั้นอย่างคนมีอุดมการณ์ แรงกล้า เขาเลือกที่จะละทิ้งชีวิตแสงสีความศิวิไลซ์หรูหราแบบ "สุขนิยม' ทั้งที่สามารถกระทำได้แล้วมุ่งหน้าไปสู่การใช้ชีวิตกลางป่าของลำเนาไพรในฐานะ "ตำรวจตระเวนชายแดน'

แม้จะรู้อยู่แล้วชีวิตของ ตชด. หมายถึงชีวิตที่ต้องนอนกลางดินกินกลางทรายแวดล้อมไปด้วยความยากลำบาก แต่สิ่งเหล่านั้นคือความเป็นไปที่จะทำให้ "ฝัน' ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์หนุ่มในอันที่จะเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่นเป็นความจริง

"แคนพูดอยู่เสมอว่าถ้าเขาไม่ทำหน้าที่นี้แล้วใครจะทำ ถ้าคนหนุ่มทุกคนเอาแต่คิดถึงความสุขสบายโดยไม่เสียสละตนเองแล้ว ประเทศชาติจะมีใครที่ไหนคอยปกป้อง

รองศาสตรจารย์ด็อกเตอร์เกรียงศักดิ์กล่าวถึงอุดมการณ์ความมุ่งมั่นของบุตรชายผู้จากไป

"แคนจึงเลือกที่จะเป็น ตชด. และทำการฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อให้ตนเองเป็น ตชด. ที่เก่งกล้ามีขีดความสามารถครบถ้วนพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด'



แม้จะมีชีวิตราชการค่อนข้างสั้นและต้องออกปฏิบัติราชการสนามครั้งละ 6 เดือนมาโดยตลอด

แต่นายตำรวจ "ไฟแรง' อย่างแคนก็ใช้เวลาในช่วงสับเปลี่ยนกำลังสมัครเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรพิเศษต่าง ๆ มากมาย อาทิ หลักสูตรการทำลายวัตถุระเบิดหลักสูตรการต่อต้านการก่อการร้าย หลักสูตรกระโดดร่มแบบกระตุกเอง

นอกจากนี้ ยังเข้ารับการฝึกหลักสูตรการรบพิเศษของนาวิกโยธินหรือที่รู้จักกันในนาม "รีคอน' ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นการฝึกที่เข้มข้นยากลำบากไม่น้อยไปกว่าหลักสูตร "นักทำลายใต้น้ำจู่โจม' หรือมนุษย์กบ

แคนได้เข้ารับการฝึก "มหาหิน' ของทหารนาวิกโยธินในปลายปี 2548 และเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรเพียงหนึ่งเดียวที่ผ่านหลักสูตรนั้นท่ามกลางสายตาชื่นชมของบรรดาครูฝึกและเพื่อนร่วมรุ่นรีคอน 36 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนาวิกโยธินที่ต่างพากันนับถือในความเป็น "นายตำรวจใจเพชร' ผู้มีความเข้มแข็งอดทนเป็นเลิศจนสามารถฝ่าฟันการฝึกจู่โจมและลาดตระเวนรบสะเทินน้ำสะเทินบกไปได้อย่างน่ายกย่อง


ผู้กองแคนเมื่อครั้งฝึกรบพิเศษนาวิกโยธิน

รองศาสตรจารย์ด็อกเตอร์เกรียงศักดิ์ เล่าต่อไปอีกว่า

"แคนเป็นคนเสียสละ นึกถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตัวรักลูกน้องและเพื่อนร่วมงานมาก เขาเคยมาขอยืมเงินพ่อก้อนหนึ่งเพื่อนำไปเป็นกองกลางไว้ใช้จ่ายในทีมของเขา แคนบอกว่าลูกน้องของเขาเงินเดือนน้อยและมีครอบครัวต้องดูแล บางครั้งการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงหรือเงินสวัสดิการต่าง ๆ อาจจะล่าช้าตามขั้นตอนของทางราชการ แคนก็จะให้ลูกทีมใช้เงินกองกลางส่วนนี้สำรองไปก่อน

"หรือแม้แต่รถยนต์ที่พ่อซื้อให้ แคนก็นำไปใช้ที่ภาคใต้เพื่อให้เป็นรถใช้สอยสำหรับการปฏิบัติงานของหน่วยโดยไม่ถือว่าเป็นของส่วนตัว แคนเคยมาขอเงินพ่อบอกว่าจะนำไปให้รุ่นพี่กับเพื่อนร่วมงานยืมซื้อปืนพกเป็นอาวุธส่วนตัวเพิ่มเติมไว้ปฏิบัติงาน พ่อก็ให้ไป

แคนทำทุกอย่างเพื่อคนอื่นมาโดยตลอดและมีความสุขที่จะทำเช่นนั้นเสมอมา สิ่งเดียวที่แคนไม่เคยทำก็คือการบอกกล่าวให้คนอื่นรู้ว่า แคนมาจากครอบครัวที่เพียบพร้อมสมบูรณ์ในทุก ๆ ด้าน'

ผู้เป็นบิดากล่าวด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความอาลัย


ผู้กองแคนใน พท.ภาคใต้

"แคนทำตัวสมรรถนะกินง่ายอยู่ง่าย ไม่มีทรัพย์สมบัติส่วนตัวมากมาย หลังจากแคนเสียชีวิต พ่อไปเก็บของจากที่พักของแคนปรากฏว่าแคนมีของใช้จำเป็นเพียง 2-3 กล่องเท่านั้น'

หลังจากสำเร็จการศึกษาเข้ารับพระราชทานกระบี่จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2544 ร้อยตำรวจตรีธรณิศได้เลือกที่จะรับราชการในกองกำกับการสนับสนุนทางอากาศตำรวจตระเวนชายแดนในตำแหน่งผู้บังคับหมวด จากนั้นในปีรุ่งขึ้นก็เดินทางไปปฏิบัติราชการในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และอยู่ที่นั่นเรื่อยมา

เรือเอกเกรียงไกร แสงอุทัย อดีตหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษนาวิกโยธิน ซึ่งเคยปฏิบัติงานในพื้นที่นราธิวาสเล่าถึง "เพื่อนร่วมงานต่างเหล่า' ว่า

"ผู้กองแคนเป็นคนที่มีอุดมการณ์แรงกล้า เราพบกันครั้งแรกเมื่อปี 45 แคนลงมาภาคใต้ทั้งที่ยังไม่มีคำสั่งเป็นทางการ แต่เขาก็เดินทางลงมาล่วงหน้า ตอนนั้นเป็นช่วงแรกที่พลร่ม ตชด. จากหัวหินเริ่มเข้ามาทำงานในพื้นที่สีแดง ผมเตือนเขาว่า ยังไม่มีคำสั่งรองรับอย่าเพิ่งออกทำงาน แต่แคนบอกว่าไม่เป็นไร เขาอยากทำให้ภาคใต้สงบ

เรือเอกเกรียงไกร ซึ่งเคยเป็นครูฝึกหลักสูตร "รีคอน' เล่าต่อไปว่า

"ทีม ตชด. ของแคนหลอมรวมกับชุดปฏิบัติการพิเศษนาวิกโยธินได้เป็นอย่างดี แคนมีความสามารถในการใช้ปืนสั้นอย่างยอดเยี่ยมและเชี่ยวชาญการรบในเมือง เพราะเคยผ่านหลักสูตรต่อต้านการก่อการร้าย

แคนจึงช่วยฝึกทีมของนาวิกโยธินให้มีความชำนาญการใช้ปืนพกเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันแคนก็ขอให้นาวิกโยธินซึ่งเชี่ยวชาญการรบนอกแบบ ฝึกทบทวนการลาดตระเวนการเคลื่อนที่ในป่าแถบนั้น ซึ่งเรามีความชำนาญมากกว่า เพราะอยู่ในพื้นที่มาก่อน แคนขอให้ทหารนาวิกโยธินพาขึ้นเขาทุกลูกเพราะต้องการทำความรู้จักและจดจำลักษณะภูมิประเทศเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานครั้งต่อ ๆ ไป

ผู้กองแคนกับทีมพลร่ม ตชด.

ผู้กองแคนมีความผูกพันกับนาวิกโยธินอย่างแนบแน่น เคยออกปฏิบัติภารกิจร่วมกันหลายครั้ง กินข้าวด้วยกัน ทั้งในที่ตั้งปกติและในป่า บางครั้งเราจัดเป็นทีมผสมระหว่าง ตชด. กับนาวิกโยธิน แคนจะเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหาร นย. อย่างองอาจจนได้ใจของทุกคนที่อยู่ในทีม

เรือเอกเกรียงไกรรำลึกถึงความทรงจำเกี่ยวกับวีรบุรุษ ตชด. ต่อไปว่า

"ผู้กองแคนเป็นนายตำรวจที่กล้าหาญมาก มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จโดยไม่คำนึงถึงอันตรายใด ๆ ครั้งหนึ่งเขาวางแผนที่จะแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่อันตรายตามลำพังในเวลากลางคืนและนัดหมายให้ทีมสนับสนุนไปรอที่จุดนัดพบซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบ 5 กิโลเมตร แต่ผมห้ามเอาไว้ เพราะผู้กองแคนพูดภาษา ยาวีไม่ได้ มันจึงเสี่ยงเกินไปที่จะเข้าไปหาข่าวความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามในยามวิกาลเช่นนั้น พวกเราซึ่งเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษนาวิกโยธินทุกคนรักนับถือในน้ำใจผู้กองแคนและรู้สึกเหมือนกับว่าเขาเป็นพี่น้อง
ร่วมตายอย่างแท้จริงคนหนึ่ง'

แม้จะเหนื่อยยากตรากตรำ แต่ผู้กองแคนยังคงมีชีวิตส่วนตัวเช่นปุถุชนทั่วไป โดยทุกครั้งที่ได้พัก นายตำรวจหนุ่มจะเดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่ขอนแก่นและกราบคารวะครูอาจารย์ ท่ามกลางความรู้สึกชื่นชมระคนห่วงใยของทุกคนที่ได้รู้จักและเคยเห็น "ผู้กองแคน' มาตั้งแต่ครั้งที่เขาเป็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่วิ่งเล่นอยู่ในรั้ว มอ.ดินแดง ร่วมกับเพื่อนรุ่นเดียวกันซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของคณาจารย์มหาวิทยาลัยซึ่งรู้จักคุ้นเคยกับบิดามารดา

"แคนมักจะถูกตั้งคำถามจากหลาย ๆ คนอยู่เสมอว่า เมื่อไหร่จะขึ้นมาจากภาคใต้ แต่คำตอบที่ทุกคนได้รับเหมือน ๆ กัน ก็คือ ยังไม่ถึงเวลา เพราะแคนต้องการสานต่อภารกิจให้ลุล่วงจนกว่าประชาชนในพื้นที่จะใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย'

รองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์เกรียงศักดิ์ ผู้เป็นบิดาเล่าด้วยสีหน้าและแววตาอันสงบนิ่งอย่างคนที่ปลงใจในความเป็นไปที่เกิดขึ้นตามสัจธรรมแห่งชีวิต

"ก่อนเสียชีวิต ผู้บังคับบัญชาของแคนถามว่า ครบวงรอบ 6 เดือนครั้งหน้า แคนจะกลับมาอยู่ที่ค่ายนเรศวร หรือเปล่า แคนตอบว่า ขออยู่ในพื้นที่อย่างเดิม เพราะเป็นห่วงชาวบ้าน อยากทำงานต่อ'



"หมอนัตตี้ภรรยาของแคน ซึ่งกำลังเรียนต่อด้านทันตกรรมที่ฮ่องกง เคยขอร้องแคนเรื่องการไปทำงานภาคใต้ แคนตอบว่า นัตตี้มีความฝันในเรื่องการเรียน แคนก็มีความฝันในเรื่องของการทำให้ภาคใต้สงบสุข ถ้ามีคนขอให้ให้นัตตี้หยุดเรียน ล้มเลิกความฝัน นัตตี้ก็คงทำไม่ได้ เหมือน ๆ กับแคนที่ไม่อาจเลิกราการไขว่คว้าความฝันของตนเอง แคนฝันที่จะทำให้ภาคใต้สงบและแคนก็อยากทำให้ฝันนั้นเป็นจริงให้ได้'

"ถึงแม้วันนี้แคนจะจากไปแล้ว แต่ผมเชื่อว่าเขาคงรับรู้ว่าความฝันของเขาจะไม่มีวันตาย เพราะ พี่ ๆ เพื่อน ๆ ทั้งที่เป็นตำรวจพลร่มและทหารทุกเหล่าทัพจะช่วยกันสานต่อภารกิจเพื่อให้ฝันของแคนเป็นจริงให้ได้'

คำกล่าวของรองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์เกรียงศักดิ์ผู้เป็นบิดาคงจะไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยไปจากความเป็นจริง เพราะการเสียชีวิตของร้อยตำรวจเอกธรณิศได้กลายเป็นแบบอย่างของวีรบุรุษผู้เสียสละและเป็นสิ่งที่ปลุกเร้ากระตุ้นขวัญกำลังใจและความมุ่งมั่นของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลร่ม ตชด. จากค่ายนเรศวรในอันที่จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอย่างกล้าหาญเช่นเดียวกับที่ "ผู้กองแคน' ได้แสดงตัวอย่างไว้ให้ประจักษ์


ผู้กองแคนสอนการใช้อาวุธให้ชาวบ้าน

กลอนบทหนึ่งที่นักเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานรุ่น 54 มอบให้แก่แคน นับเป็นสิ่งที่ฉายชัดถึงความเป็นตัวตนของนายตำรวจผู้เสียสละได้เป็นอย่างดี กลอนบทนั้นมีความว่า...

กูนี้เกิดมาเพื่อชาติ ราชบังลังก์
มึงจงฟัง ความแน่วแน่ ของกูไว้
แม้นกูตาย พวกกูอยู่ สู้ต่อไป
อย่าได้ให้ พวกจัญไร มายึดครอง
กูนี้คือ สามพราน รุ่นห้าสี่
พวกกูมี เรื่องราว ให้เล่าขาน
ชื่อของแคน ยังอยู่ อีกยาวนาน
เป็นตำนาน ผู้กล้า... เลือดทาดิน

เพื่อเป็นอนุสรณ์ และรำลึกถึงบุตรชายผู้จากไป อีกทั้งยังเป็นการให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

รองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์เกรียงศักดิ์ ได้จัดตั้งกองทุน ร.ต.อ.ธรณิศ โดยผู้มีจิตศรัทธาสามารถดูรายละเอียดได้จากเวปไซด์. Thoranit

รองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์เกรียงศักดิ์ยอมรับว่า เมื่อแรกที่ได้รับทราบข่าวร้าย ความรู้สึกโศกเศร้าอาลัยอาวรณ์ได้ถาโถมเข้ามาท่วมท้นหัวใจ เช่นเดียวกับคนทั่วไปซึ่งอยู่ในฐานะพ่อที่ต้องสูญเสียลูกชายอย่างกะทันหัน

แต่เมื่อได้รับรู้ถึงเกียรติยศได้สัมผัสด้วยตนเองถึงเกียรติภูมิอันยิ่งใหญ่ที่ทุกฝ่ายมอบให้แก่ร้อยตำรวจเอกธรณิศในพิธีศพ หัวใจอันแตกสลายของคนเป็นพ่อก็กลับฟื้นคืนมาได้

"มันเหมือนกับว่าผมกำลังอยู่ในความฝันมึนงงไปหมด เฝ้าแต่ถามตัวเอง นี่ผมมางานของใคร.. ใช่พิธีศพของแคนแน่หรือ ทำไมทุกอย่างจึงยิ่งใหญ่ล้นหลามถึงเพียงนี้'

"แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนารถ ซึ่งได้เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานเพลิงศพร้อยตำรวจเอกธรณิศด้วยพระองค์เอง ณ วัดสว่างสุทธารา จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม'



รองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์เกรียงศักดิ์กล่าว
"ตอนที่มีการกราบบังคมทูลถวายรายงานประวัติของผู้เสียชีวิต พระองค์ได้ประทับยืนเป็นการพระราชทานเกียรติยศให้แก่ร้อยตำรวจเอกธรณิศเป็นครั้งสุดท้าย ทำให้ผู้ร่วมพิธีทั้งหมดลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงความคารวะไว้อาลัยแด่ผู้จากไป
นอกจากนี้ยังทรงรับสั่งตอนที่โปรดเกล้า ฯ ให้ผมเข้าเฝ้าว่า ที่มาก็เพราะว่าแคนสมควรได้รับเกียรติยศนี้ และยังทรงรับสั่งด้วยว่า

"ประเทศชาติต้องการผู้เสียสละอย่างแคน ทรงขอบใจที่ผมกับหมอแจง คุณแม่ของแคนที่ที่เลี้ยงลูกให้เป็นคนดีได้ถึงขนาดนี้'

วันนี้...ไม่มีผู้กองแคนซึ่งเป็นที่รักของทุก ๆ คนอีกต่อไป ฉากชีวิตซึ่งเปี่ยมไปด้วยเกียรติภูมิอันยิ่งใหญ่ของนายตำรวจหนุ่มดำเนินมาจนถึงบทสุดท้าย พร้อม ๆ กับการก้าวล่วงหน้าไปยังอีกภพหนึ่ง อันเป็นภพที่ไม่มีใครเลี่ยงพ้น

และสำหรับสมาชิกในครอบครัวของตระกูล "ศรีสุข' ทุกคนคงจะมีรอยยิ้มระคนน้ำตาเมื่อนึกถึงภาพของหมอแจง ผู้เป็นมารดา ขณะที่โอบกระชับการมาถึงของบุตรชาย พร้อมกับถ้อยคำที่กลั่นมาจากหัวใจว่า

แคนลูกรัก...แม่ภูมิใจในตัวลูกมาก

แม่ดีใจเหลือเกินที่เราได้พบกันอีกครั้งในดินแดนนิรันดร์แห่งนี้



เป็นอีกครั้งที่เอาเรื่องราวของผู้กองมาเผยแผร่ เราไม่ได้รู้จักผู้กองเป็นการส่วนตัวแต่รู้สึกประทับใจในหัวใจรักชาติที่ยิ่งใหญ่ของผู้กอง เสียสละได้ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต
จนเกิดคำถามกับตัวเองว่า "วันนี้เราทำอะไรเพื่อชาติแล้วหรือยัง" แต่ละสิ่งที่เราทำมันน้อยนิดมากเมื่อเทียบกับความรักชาติที่ผู้กองและครอบครัวได้ทำและเสียสละ

จึงได้ตั้งใจว่าจะช่วยเผยแผร่สิ่งต่างๆที่ผู้กองได้ทำให้คนอื่นๆได้รับรู้ ให้มากที่สุด
อยากทำให้ทุกคนรู้ว่า "พระเอกไม่ได้มีแต่ในนิยาย"
บันทึกการเข้า
por-sim
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,123

« ตอบ #112 เมื่อ: 03 มีนาคม 2551, 15:47:14 »

ไม่ได้อ่านอ่ะ ยาวมาก ทำรายงานเสร็จก่อน จะกลับมาใหม่
บันทึกการเข้า
Tritti_83
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,481

เว็บไซต์
« ตอบ #113 เมื่อ: 07 มีนาคม 2551, 10:28:51 »

บทความดีๆที่ผมได้รับมาจาก forward mail เลยเอามาแบ่งปันครับ
 Tongue  Tongue

แม่ กู สอน

เพื่อน ๆ บอกผมว่า
ทำไมมึงดูหน้าตาไม่ค่อยฉลาด แต่เรียนเก่งจังวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้ขยันแล้วก็ตั้งใจเรียน

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมพอมึงมีตังค์ มึงชอบเอาไปทำบุญ แจกเด็ก เลี้ยงพระวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้รู้จักแบ่งปันคนอื่น ถึงเราจะมีตังค์น้อย แต่ก็มีคนอื่นที่เขาลำบากกว่าเรา

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมมึงชอบเล่นกีฬา เล่นเป็นหลายอย่าง แล้วไม่เคยเห็นมึงป่วยนอนโรงพยาบาลเลยวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้กูออกกำลังกาย จะได้แข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ป่วยง่าย ๆ เพราะเรามีตังค์น้อย เจ็บ
ป่วยจะลำบาก

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมมึงอารมณ์ดี ไม่เครียด ไม่โกรธใครบ้างเลยหรือไงวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้เป็นคนอารมณ์ดี ทำให้คนที่อยู่ใกล้เรามีความสุข แล้วจะสบายใจกันทุกคน

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมมึงพูดกับคนอื่น ดูสุภาพ อ่อนน้อม ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นลุงแก่ ๆ เป็นเด็กเสริฟอาหาร
หรือแม้แต่ขอทานที่มึงให้เศษตังค์แล้วเขาอวยพรให้มึง ทำไมมึงต้องขอบคุณขอทานวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้พูดดี ๆ กับทุกคน ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เราพูดดี ๆ กับเขา เขาก็จะได้พูดดี ๆ กับ
เรา

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมพี่ ๆ น้อง ๆ มึงตั้งหลายคน ทำไมรักใคร่กันดี ไม่เคยทะเลาะกันเลยวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้พี่น้องรักกันทุกคน เพราะหมากับแมวที่อยู่บ้านเดียวกัน มันยังรักกันได้
ทำไมพี่น้องกัน จะรักกันไม่ได้

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมมึงถึงรักชาติ รักแผ่นดิน รักในหลวง มากมายนักวะ
ผมบอกเพื่อนว่า
แม่กูสอน ให้กูสำนึกถึงบุญคุณของแผ่นดิน บุญคุณของพระมหากษัติรย์ ทุกพระองค์
แม่กูสอน ให้กูรู้จักคำว่า จงรักภักดี ตั้งแต่กูยังไม่รู้ความหมาย จนทุกวันนี้ กูรู้แล้วว่า
คำว่า จงรักภักดี นั้น ยิ่งใหญ่เพียงใด

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมแม่มึงถึงสอนอะไรมึงมากมายจังเลยวะ
ผมบอกเพื่อนว่า
ที่กูเป็นกูอยู่จนทุกวันนี้ ก็เพราะ " แม่กูสอน"
แม่กูสอนอะไร กูทำตามแม่กูสอนทุกอย่าง
มีอย่างเดียวที่แม่กูไม่ได้สอน แต่กูทำ แล้วกูทำมาตั้งแต่เด็กแล้ว
แม่กูไม่ได้สอนให้รักแม่ แต่......กูรักแม่ว่ะ


ใครไม่รัก..................แต่กูรัก
บันทึกการเข้า
nuchon
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 419

« ตอบ #114 เมื่อ: 08 มีนาคม 2551, 10:42:19 »

ดีจัง  :wink:  
บันทึกการเข้า
เอ๋อ
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,793

« ตอบ #115 เมื่อ: 08 มีนาคม 2551, 14:33:08 »

แง  :cry:

อ่านแล้วจะร้องไห้กับเรื่องคุณทหารตำรวจภาคใต้
เวลาข่าวออกทีไร เราจะร้องไห้ทุกที
อยากจะส่งอีพวกไร้ประโยชน์ที่ทำตัวหนักแผ่นดินไปสู้กับโจรใต้ดูบ้าง
จะได้ทำตัวเป็นประโยชน์กับสังคม

นี่รวมนักการเมืองบางคนด้วยนะ หึ!!
บันทึกการเข้า

ไม่สวย แต่ Self !

ขวัญใจคนใหม่ น้องจางกึนซอก...

หล้า
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,681

« ตอบ #116 เมื่อ: 10 มีนาคม 2551, 09:28:37 »

แวะมาฟังยายเอ๋อบ่น :lol:
บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 3 4 [5]  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><