เป็นคำถามที่โดนใจจริงๆ แต่คงไม่มีใครตอบได้หรอกอ่ะ
เอามาจากข่าวสดรายวัน วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2552
วิทยาการของโลกก้าวหน้าไปมาก เมื่อ 50 ปีที่แล้ว คงไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนใดคิดว่า เราจะโคลนนิ่งแกะดอลลี่ได้
ซึ่งถ้าเทคนิคนี้ก้าวหน้าต่อไปเรื่อยๆ เราอาจจะโคลนนิ่งสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ให้กลับมาอยู่บนโลกอีกครั้ง
นิตยสารนิวไซเอินทิสต์ ทำการสำรวจความคิดเห็นของนักวิทยาศาสตร์ว่า สัตว์ใดที่พวกเขาเหล่านั้นต้องการโคลนนิ่งให้มามีชีวิตเหมือนอย่างในอดีต
แต่การสำรวจนี้ไม่รวม "ไดโนเสาร์" เพราะสัตว์ที่จะโคลนนิ่งได้ต้องมีสัตว์สายพันธุ์ใกล้เคียงมาอุ้มบุญ และให้ไข่
สำหรับสัตว์โบราณนี้คือ
1."ช้างแมมมอธ (Mammuthus armeniacus)" อาศัยอยู่บนโลกมาตั้งแต่ 4.8 ล้านปีก่อน และสูญพันธุ์ไปเมื่อ 13,000-60,000 ปี
เคยอาศัยอยู่แถบอเมริกาเหนือและยูเรเซีย น้ำหนักราว 6-8 ตัน แต่ถ้าเป็นตัวผู้ตัวใหญ่ๆ อาจหนักถึง 12 ตัน ปีที่
แล้วนักวิทยาศาสตร์ทำการถอดรหัสพันธุกรรมแมมมอธได้ และสัตว์ปัจจุบันที่อาจอุ้มบุญลูกแมมมอธแทนคือช้าง
2."เซเบอร์ทูธไทเกอร์ (Smilodon fatalis)" หรือ "เสือเขี้ยวดาบ" สูญพันธุ์ไปจากโลกเมื่อ 10,000 ปีก่อน
สัตว์ที่อุ้มบุญและให้ไข่ได้น่าจะเป็น "แอฟริกันไลอ้อน" ดีเอ็นเอที่รักษาไว้อยู่ที่ระดับ 3/5 ความเหมาะสมในการอุ้มบุญ 3/5 หรือเหมาะสมพอประมาณ
3."มนุษย์นีแอนเดอร์ทัล (Homo neanderthalensis)" สูญพันธุ์ไปเมื่อ 25,000 ปีก่อน มนุษย์ปัจจุบันอุ้มบุญและให้ไข่ได้
ดีเอ็นเอที่รักษาไว้ได้อยู่ที่ระดับ 1/5 ความเหมาะสมในการอุ้มบุญ 5/5 อย่างไรก็ตาม การโคลนนิ่งเป็นไปไม่ได้ทางจริยธรรม
แม้ว่าก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์โซเวียตอาจจะเคยทดลองผสมมนุษย์ไฮบริดที่เป็นลูกครึ่งระหว่าง มนุษย์และลิงไม่มีหางมาแล้ว
4."ชอร์ตเฟซแบร์ (Arctodus simus)" หรือ "หมีหน้าสั้น" สูญพันธุ์เมื่อประมาณ 11,000 ปี มันสูงกว่าหมีขั้วโลกเมื่อยืนเทียบกันถึง 1 ใน 3
น้ำหนักราว 1,000 กิโลกรัม ดีเอ็นเอรักษาไว้ได้อยู่ที่ 3/5 ถ้าให้หมีอเมริกันมาอุ้มบุญ ความเหมาะสมอยู่ที่ 2/5 เพราะหมีอเมริกันตัวเล็กกว่ามาก
การอุ้มบุญจึงไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ สัตว์ 2 สายพันธุ์นี้ แยกออกจากกันเมื่อประมาณ 5 ล้านปีที่แล้ว
5."เสือทัสมาเนีย (Thylacinus cynocephalus)" สูญพันธุ์ไปเมื่อค.ศ. 1936 หรือประมาณ 70 ปีก่อน ตัวสุดท้ายของโลกที่ตายชื่อ "เบนจามิน"
อยู่ที่สวนสัตว์เมืองโฮบาร์ต บนเกาะทัสมาเนีย ประเทศออสเตรเลีย ดีเอ็นเอสามารถรักษาไว้ได้ถึง 4/5 สัตว์ที่อุ้มบุญได้น่าจะเป็นทัสมาเนียเดวิล
ความเหมาะสมอยู่แค่ 1/5 เนื่องจากสายพันธุ์ยังห่างกันไกล
6."กลิปโทดอน (Doedicurus clavicaudatus)" เป็นตัวอมาดิลโลที่มีขนาดพอๆ กับรถโฟล์กเต่า สูญพันธุ์ไปจากโลกราว 11,000 ปี
ครั้งหนึ่งเคยอาศัยอยู่แถบอเมริกาใต้ ระดับดีเอ็นเอที่รักษาไว้ได้คือ 2/5 สัตว์ที่อุ้มบุญน่าจะเป็นอมาดิลโล แต่ความเหมาะสมมีเพียง 1/5
เพราะอมาดิลโลยักษ์ซึ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาอมา ดิลโลชนิดเดียวกัน ยังมีน้ำหนักแค่ 30 กิโล กรัม เมื่อเปรียบเทียบกับไซซ์รถเต่าแล้ว ถือว่ายังห่างกันไกล
7."วูลลี่ ไรโนเซอรัส (Coelodonta antiquitatis)" หรือ "แรดขน" สูญพันธุ์ไปราว 10,000 ปี ลำตัวยาวประมาณ 3.7 เมตร นอยาว 1 เมตร
เคยอยู่แถวยุโรปเหนือและไซบีเรีย ดีเอ็นเอรักษาไว้ได้อยู่ที่ระดับ 4/5 สัตว์ที่อุ้มบุญได้คือแรดปัจจุบัน ความเหมาะสมอยู่ที่ 5/5
8."โดโด้ (Raphus cucullatus)" เป็นญาติของนกพิราบและนกนางนวล สูญพันธุ์ไปเมื่อ ค.ศ. 1690 สูงประมาณ 1 เมตร น้ำหนัก 20 กิโลกรัม
เคยอยู่แถบมอริเชียสหรือมหาสมุทรอินเดีย ระดับที่รักษาดีเอ็นเอไว้ได้คือ 1/5 เมื่อ 6 ปีที่แล้ว นักพันธุกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด
ได้รับอนุญาตจากพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติของอังกฤษ ให้ทำการผ่าตัดและศึกษากระดูกท่อนขาของโดโด้ สำหรับสัตว์อุ้มบุญนั้นน่าจะเป็นนกพิราบ
ระดับความเหมาะสมอยู่ที่ 3/5
9."ไจแอนต์กราวด์สล็อธ (Megatherium americanum)" หรือ "หมีสล็อธดินยักษ์" สูญพันธุ์ไปราว 8,000 ปี ระดับดีเอ็นเอที่รักษาไว้ได้คือ 2/5
"หมีสล็อธดินยักษ์" เมื่อยืนแล้วจะสูงประมาณ 6 เมตร น้ำหนัก 4 ตัน ดีเอ็นเอที่พบส่วนมากมาจากขน เคยอาศัยอยู่แถบอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้
สัตว์ที่น่าจะอุ้มบุญได้คือ "หมีสล็อธต้นไม้ 3 เท้า" แต่เนื่องจากขนาดไม่เหมาะสมกันอย่างยิ่ง ระดับความเหมาะสมในการอุ้มบุญจึงต่ำไปด้วย คืออยู่ที่ 1/5
10."โมอา (Dinornis robustus)" เป็นนกมีลักษณะคล้ายกับนกกระจอกเทศ พบดีเอ็นเอมากในนิวซีแลนด์ ถ้ายืนมันจะสูงประมาณ 3.6 เมตร
สูญพันธุ์ไปเมื่อราว ค.ศ. 1500 คาดว่าถูกล่าโดยชาวเมารี ความเหมาะสมที่นกกระจอกเทศจะอุ้มบุญคือ 2/5
11." ไอริชเอลก์ (Megaloceros giganteus)" มีลักษณะคล้ายกวาง สูญพันธุ์ไปเมื่อ 7,700 ปี ระดับดีเอ็นเอที่รักษาไว้ได้อยู่ที่ 3/5
เคยอาศัยอยู่ที่ยุโรปสัตว์ที่น่าอุ้มบุญได้คือกวาง แต่ความเหมาะสมอยู่แค่ 2/5 เพราะขนาดต่างกัน