25 พฤศจิกายน 2567, 20:55:53
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 21 22 [23] 24 25 ... 29  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม  (อ่าน 582748 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #550 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2553, 09:08:40 »

Bangkok’s 12th International Festival of Dance & Music 2010

ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

พรชัย - นิติ 16 ... ส่งมา

เป็นโอกาสดีสำหรับผู้ที่สนใจจะไปฟังเพลง และชมการแสดงนานาชาติ  ซึ่งจัดให้มาให้ชมกันถึงที่  ไม่ต้องไปตีตั๋วชมกันถึงเมืองนอกเมืองนานะคะ

          วัน เวลา                 รายการ                   บัตรราคา / บาท

เดือนกันยายน 2553

เสาร์ 11 กย. 19.30 น.   Prince Igor, opera    4,000 / 3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,000

อาทิตย์ 12 กย. 19.30 น.   Symphony Concert, conducted by Theodor Currenzis   2,500 / 2,000 / 1,600 / 1,200 / 600

จันทร์ 13 กย. 19.30 น.   La Boheme, opera   4,000 / 3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,000

พุธ 15 กย. 19.30 น.   La Bayadere, ballet   3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,300 / 600

พฤหัส 16 กย. 19.30 น.   Serenade/Whispers in the Dark/Who Cares ?   3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,300 / 600

ศุกร์ 17 กย. 14.30 น.   Cinderella, ballet   3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,300 / 600

เสาร์ 18 กย. 19.30 น.   Cinderella, ballet   3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,300 / 600

อาทิตย์ 19 กย. 19.30 น.   Sangre Flamenco   2,500 / 2,000 / 1,600 / 1,200 / 600

พุธ 22 กย. 19.30 น.   Swan Lake by Zurich Ballet   2,500 / 2,000 / 1,800 / 1,200 / 600

พฤหัส 23 กย. 19.30 น.   Swan Lake by Zurich Ballet   2,500 / 2,000 / 1,800 / 1,200 / 600

เสาร์ 25 กย. 14.30 น.   A Christmas Carol by Northern Ballet Theatre   3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,300 / 600

อาทิตย์ 26 กย. 19.30 น.   A Christmas Carol by Northern Ballet Theatre   3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,300 / 600

อังคาร 28 กย. 19.30 น.   Fiesta the Night Away King of Salsa   2,500 / 2,000 / 1,600 / 1,200 / 600

พุธ 29 กย. 19.30 น.   Fiesta the Night Away King of Salsa   2,500 / 2,000 / 1,600 / 1,200 / 600


เดือนตุลาคม 2553

เสาร์ 9 ตค. 19.30 น.   Fruit of the Earth/Flock/Cherche, Trouve, Perdu/Trama   2,000 / 1,600 / 1,300 / 1,100 / 600

อังคาร 12 ตค. 19.30 น.   Tango Feeling    2,500 / 2,000 / 1,600 / 1,200 / 600

ศุกร์ 15 ตค. 19.30 น.   Swedish Jazz Kings   1,500 / 1,200 / 1,000 / 800 / 400

อาทิตย์ 17 ตค. 19.30 น.   Dance, Ritu Samhara   1,500 / 1,200 / 1,000 / 800 / 400

พุธ 20 ตค. 19.30 น.   Carmina Burana by Daejeon Philhamonic Choir   1,500 / 1,200 / 1,000 / 800 / 400

ศุกร์ 22 ตค. 14.30 น.   Whereabouts Unknown/Bella Figura   3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,300 / 600

เสาร์ 23 ตค. 19.30 น.   Whereabouts Unknown/Bella Figura   3,000 / 2,200 / 1,700 / 1,300 / 600

อาทิตย์ 24 ตค. 19.30 น.   Zubin Mehta & Israel Philhamonic Orchestra
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #551 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2553, 01:53:02 »

พี่แก้ว กรุณาไปเสาะแสวหาตัวอย่างของการแสดงในเทศกาลนี้มาเรียกน้ำย่อย ไว้ที่กระทู้ฟังเพลงเก่าจากภาพยนตร์และละคร  เจี๊ยบขอนุญาต " ชุบมือเปิบ " มาไว้ตรงนี้ด้วยค่ะ

โปรแกรม " เทศกาลแสดงดนตรี และการแสดงนานาชาติ ครั้งที่ 12 "  ที่จะจัดแสดงในปีนี้ เท่าที่ดูโปรแกรมมีรายการที่น่าสนใจที่จะขอนำมาแปะเป็นนํ้าจิ้มตัวอย่าง 2-3 โปรแกรม คือ

         1) อุปรากร เรื่อง prince Igor  ประพันธ์โดยคีตกวีชาวรัสเซีย Alexander Borodin ในปี คศ. 1869  เรื่องละครดัดแปลงมาจากตำนานในประวัติศาสตร์ในช่วง คศ.1185  ที่เป็นเรื่องราวของชนเผ่าสล๊าฟตะวันออกต่อสู้ปกป้องแผ่นดินจากการรุกรานของชนเผ่าชาว Polovtsian  เป็นละครร้องตลอดทั้งเรื่อง แต่ที่เป็นเพลง Highlight ของเรื่องนี้คือบทเพลงชื่อ  Polovtsian Dance

        
                <a href="http://www.youtube.com/watch?v=t8C8frqCKKg" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=t8C8frqCKKg</a>


               ต่อมาได้มีการนำทำนองของเพลงนี้มาใส่เนื้อร้องเป็นเพลงที่เราได้ยินคุ้นเคยกันชื่อ  Stranger in Paradise เป็นเพลงประกอบในละครเวทีที่บอร์ดเวย์เรื่อง Kismet

               <a href="http://www.youtube.com/watch?v=PZN42w0S4HI" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=PZN42w0S4HI</a>


          2) บทเพลงชุด Carmina Burana  เป็นบทเพลงที่เรียบเรียงมาจากบทกวีโบราณ ( ภาษาลาติน )  ประพันธ์ทำนองบทเพลงโดยคีตกวีชาวเยอรมัน Carl Orff   บทเพลง Carmina Burana ที่นำมาแสดงมีหลายบทแต่ที่เป็น Highlight  เป็นที่รู้จักกันคือบทเพลงชื่อ  O' Fortuna

                <a href="http://www.youtube.com/watch?v=7HMQOX3h7ZI" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=7HMQOX3h7ZI</a>


               เพลงบทนี้เป็นที่นิยมนำมาเป็นเพลงประกอบในภาพยนต์เรื่องต่างๆ, ภาพยนต์สารคดี, ภาพยนต์โฆษณา ฯลฯ

                <a href="http://www.youtube.com/watch?v=timwAIQOPZk" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=timwAIQOPZk</a>

    
          3)  ตัวอย่างเพลงในอุปรากรเรื่อง La  Boheme  บทที่เป็น  Highlight จะนำมาแปะให้ฟังต่อไป
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #552 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2553, 11:40:31 »

40 เศรษฐีพันล้านมะกันให้คำมั่น บริจาคทรัพย์ครึ่งหนึ่งเพื่อการกุศล

วณิชย์ - วิศวะ 16 ... ส่งมา
 
        อภิมหาเศรษฐีพันล้านเหรียญของสหรัฐอเมริกาจำนวนหลายสิบราย ประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (4 ส.ค. ) ว่าจะบริจาคอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของทรัพย์ศฤงคารของพวกตนให้แก่การกุศล  ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการรณรงค์ในชื่อว่า The Giving Pledge ( คำมั่นสัญญาที่จะบริจาค ) ของสองบุรุษผู้รุ่มรวยที่สุดของโลก คือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ กับบิล เกตต์  ในการนี้ หากประเมินตามตัวเลขของนิตยสารฟอร์บส์สินทรัพย์ที่จะถูกเทไปสู่หน่วยงานสังคมสงเคราะห์ต่างๆ ว่าน่าจะไม่น้อยกว่า 150,000 ล้านดอลลาร์


บิล เกตส์ ( ซ้าย ) และ วอเรน บัฟเฟตต์ ... 2 อภิมหาเศรษฐีพันล้านเหรียญของสหรัฐอเมริกา
      
       กลุ่มผู้ร่วมมหกรรมการบริจาค The Giving Pledge ครั้งประวัติศาสตร์นี้ ประกอบด้วย 40 อภิมหาเศรษฐีระดับร่ำรวยเกินพันล้านดอลลาร์ของสหรัฐฯ จากบรรดา 70-80 เศรษฐีระดับนี้ของประเทศที่คาดว่าจะสนใจ หรือเทียบเป็นสัดส่วนเท่ากับประมาณ 20% ของลิสต์รายชื่อมหาเศรษฐีพันล้านทั้งสิ้น 403 รายทั่วสหรัฐฯ ตามการสำรวจ และจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์บส์
      
       ทั้งนี้ ในกลุ่มผู้เข้าร่วมแล้วมีคนชื่อคุ้นหูมากมาย อาทิ ไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีแห่งนครนิวยอร์ก, เท็ด เทอร์เนอร์ กับแบร์รี ดิลเลอร์ สองเจ้าพ่อด้านสื่อมวลชน, แลร์รี่ เอลลิสัน ผู้ร่วมก่อตั้งออราเคิล, จอร์จ ลูคัส ผู้สร้างภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จในระดับสูงอย่าง “ สตาร์ วอร์ ” และ ที. บูน พิคเกนส์ เจ้าพ่อด้านอุตสาหกรรมพลังงาน
      
       การรณรงค์ดังกล่าวเป็นการเชื้อเชิญบรรดามหาเศรษฐีพันล้านในสหรัฐฯ ให้ร่วมบริจาค อย่างน้อยสักครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินแก่การกุศล  โดยอาจทำกันในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ได้  หรือให้การบริจาคหลังสิ้นใจแล้วก็ได้  และในการนี้ ผู้รณรงค์ขอให้ผู้เข้าร่วมได้ประกาศเจตนารมย์ออกสู่สาธารณะในรูปของหนังสือชี้แจงเบื้องหลังการตัดสินใจ
      
       กิจกรรม The Giving Pledge นี้ไม่ได้ขอรับเงิน  อีกทั้งไม่ได้ไปบอกมหาเศรษฐีเหล่านี้ว่าให้บริจาคเงินกันอย่างไร  แต่เป็นการขอให้ประกาศคำมั่นสัญญาที่จะมอบทรัพย์สินแก่การกุศลเท่านั้น  วอร์เรน บัฟเฟตต์ อธิบายแนวคิดของกิจกรรมไว้อย่างนั้น
      
       ที่ผ่านมา เจตนารมณ์ของการบริจาคของมหาเศรษฐีเหล่านี้ กระจายไปในประเด็นดีๆ ที่สร้างสรรค์สังคมอย่างมากมาย อาทิ ไปในเรื่องของการวิจัยด้านพันธุกรรม และโรคมะเร็ง  ไปจนถึงเรื่องของการศึกษา การควบคุมอาวุธปืน  ห้องสมุด  และศิลปะ
      
       บัฟเฟตต์ย้ำด้วยว่า กิจกรรมตรงนี้มิได้มุ่งหวังจะหาช่องทางหักลดภาษี  โดยบัฟเฟตต์บอกว่าเท่าที่สนทนากับบรรดามหาเศรษฐีพันล้าน  ไม่มีสักรายที่ยกประเด็นเรื่องผลประโยชน์จากการหักลดภาษีเลย
      
       “ ถ้าใครมีสิทธิ์จะไปลดภาษีได้  ก็ทำกันไป  แต่ผมเชื่อว่าแรงจูงใจเรื่องนี้มันไปไกลเกินกว่าเรื่องภาษีครับ ”  บัฟเฟตต์ผู้ได้รับการจัดอันดับความร่ำรวยไว้ที่หมายเลข 3 ของโลก กล่าวไว้อย่างนั้น
      
       สำหรับแผนงานข้างหน้า บัฟเฟตต์และเกตส์เตรียมจะเดินทางไปเชิญชวนมหาเศรษฐีพันล้านในจีน และอินเดียให้เข้าร่วมโครงการด้วยกัน  ในเวลาเดียวกันก็ยังเดินสายนัดหารือสนทนากับเพื่อนมหาเศรษฐีพันล้านอเมริกันอย่างต่อเนื่อง
      
       รายชื่อมหาเศรษฐีพันล้าน และจดหมายแสดงเจตจำนงค์การบริจาคทั้งหมด ติดตามดูได้ที่ www.thegivingpledge.org
 
http://givingpledge.org/#warren_buffett

จาก  http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000108723
 
 
ความคิดเห็นที่ 15 +1      
 
 รอวันที่นักธุรกิจคนไทยจะประกาศแบบนี้บ้าง  ขอแค่ 6 คน จาก 40 คนที่รวยที่สุดของเมืองไทย

1. นายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าพ่อกระทิงแดง
2. นายเจริญ สิริวัฒนภักดี เบียร์ช้าง
3. นายธนินทร์ เจียรวนนท์ เครือซีพี
4. นายวิชัย มาลีนนท์ BEC & ช่อง 3
5. นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ บริษัทไทยซัมมิท
6. นายประยุทธ มหากิจศิริ เนสกาแฟ

อ้างอิงจาก นิตยสารฟอร์ป   http://www.forbes.com/2007/07/12/biz_07thailand_Thailands-Richest_land.html

40 The Richest Thais

Chaleo Yoovidhya
Charoen Sirivadhanabhakdi
Dhanin Chearavanont & family
Vichai Maleenont & family
Somporn Juangroongruangkit & family
Prayudh Mahagitsiri & family
Sunsurn Jurangkool & family
Vanich Chaiyawan & family
Sasithorn Ratanarak & family
William Heinecke
Anant Asavabhokin
Nis**ta Shah
Wanida Chirathivat & family
Thaksin Shinawatra
Praneetsilpa Vacharaphol
Thongma Vijitpongpun
Prasert Prasarttong-Osoth
Niti Osathanugrah
Yinglak Vacharaphol
Saravut Vacharaphol
Vichai Raksriaksorn
Vicha Poolvaraluck
Boonchai Bencharongkul
Surat Osathanugrah & family
Vanchai Chirathivat & family
Premchai Karnasuta
Vikrom Kromadit
Anek Sithiprasasana
Chamnong Bhirombhakdi & family
Wit Viriyaprapaikit & family
Kraisorn Chansiri & family
Surang Prempree
Chalerm Yoovidhya
Nijaporn Charanachitta
Porndee Lee-Issaranukul & family
Suthichai Chirathivat
Suthikiati Chirathivat
Nantha Chinthammit & family
Suchitra Mongkolkiti
Kamol Vongkusolkit

ชาตินี้จะได้ยินไหม  
 
http://www.youtube.com/watch?v=aXr5jDGwcvE&feature=related
 

We Are the World lyrics

Artist : Michael Jackson Lyrics

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=aXr5jDGwcvE" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=aXr5jDGwcvE</a>

There comes a time
When we head a certain call
When the world must come together as one
There are people dying
And it's time to lend a hand to life
The greatest gift of all

We can't go on
Pretneding day by day
That someone, somewhere will soon make a change
We are all a part of
God's great big family
And the truth, you know love is all we need

[Chorus]
We are the world
We are the children
We are the ones who make a brighter day
So let's start giving
There's a choice we're making
We're saving our own lives
It's true we'll make a better day
Just you and me

Send them your heart
So they'll know that someone cares
And their lives will be stronger and free
As God has shown us by turning stone to bread
So we all must lend a helping hand

[Chorus]
We are the world
We are the children
We are the ones who make a brighter day
So let's start giving
There's a choice we're making
We're saving our own lives
It's true we'll make a better day
Just you and me

When you're down and out
There seems no hope at all
But if you just believe
There's no way we can fall
Well, well, well, well, let us realize
That a change will only come
When we stand together as one

[Chorus]
We are the world
We are the children
We are the ones who make a brighter day
So let's start giving
There's a choice we're making
We're saving our own lives
It's true we'll make a better day
Just you and me
      บันทึกการเข้า
ภาณุ ปาตานี
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,254

« ตอบ #553 เมื่อ: 12 สิงหาคม 2553, 20:43:52 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 02 สิงหาคม 2553, 08:08:53
YA เกิดเดือนพฤศจิกายน เหรอครับ ? ... แล้ว " คนราศรีพิจิก " ที่แซวหมอดูอยู่เนี่ย  คิดว่าคำทำนายนี้แม่นซักกี่เปอร์เซ็นต์คะ ?

ใช่ครับพี่เจี๊ยบ

Scorpion แมงป่อง ผยองเดช

ส่วนคำทำนาย ... ถ้าไม่ใช่  ก็ใกล้เคียงครับพี่  บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #554 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2553, 09:09:03 »




บิลเกตต์ เป็นผู้ริเริ่มกล่าวว่า ทุนนิยม จะต้อง ปรับปรุงให้เข้ากับสังคม จากทำเพื่อส่วนตัว
เป็น ทุนนิยมเชิงสร้างสรรค์ ที่ต้องทำเพื่อส่วนรวมด้วย เพื่อจะอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างเป็นสุข

  หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #555 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2553, 01:00:04 »

ป้ายวงกลม ฝังชิพ RFID ตามรถหายได้ ! ! !

กิตติกรณ์ - วิศวะ 16 ... ส่งมา‏

ฮือฮาป้ายภาษีรุ่นใหม่ฝังชิพ " RFID Chip " ตามรถหายได้-จ่ายเพิ่มอีก 120 บาท เริ่มใช้ ส.ค.นี้ อีกส่วนจะเป็นสติกเกอร์ " SMART PASS " สำหรับติดบริเวณโคมไฟหน้ารถ ...



21 ก.ค. นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมได้พัฒนาเครื่องหมายการเสียภาษีรถยนต์ ( ป้ายวงกลม ) รูปแบบใหม่ Radio Frequency Identification ( RFID ) เป็นทางเลือกใหม่ให้กับเจ้าของรถยนต์  รวมถึงผู้ประกอบการขนส่งสินค้า ธุรกิจรถเช่า ธุรกิจประกันภัยรถยนต์ สามารถตรวจสอบและติดตามความเคลื่อนไหวของรถ

ทั้งนี้ โครงการนี้ไม่ได้บังคับ แต่ให้ทำตามสมัครใจ โดยผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ เมื่อชำระภาษีรถยนต์ประจำปีจะเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก 120 บาท จะได้รับเครื่องหมายการเสียภาษีรถยนต์  ซึ่งภายในจะบรรจุ RFID Chip เป็นข้อมูลเกี่ยวกับรถทั้งหมด สำหรับติดไว้ที่กระจกหน้ารถ  อีกส่วนจะเป็นสติกเกอร์ หรือ SMART PASS ซึ่งมี RFID บรรจุไว้เช่นกัน สำหรับติดบริเวณโคมไฟหน้ารถ

สำหรับการทำงานของระบบ RFID นั้น จะมี Transceiver ซึ่งเป็นเครื่องอ่านที่เชื่อมต่อด้วยระบบคลื่นวิทยุ  มีทั้งการรับ และส่งสัญญาณวิทยุ สำหรับตรวจสอบ และติดตามรถยนต์ที่ใช้ระบบ RFID ระยะความเร็วรถไม่เกิน 200 กม.ต่อ ชม.  โดยจะมีการติดตั้งเครื่องอ่านสัญญาณตามจุดต่างๆ บนถนนสายหลัก  เบื้องต้นกำหนดอย่างน้อย 450 จุดทั่วประเทศ  กรณีพบรถที่มีปัญหา เช่น รถที่ถูกโจรกรรม หรือรถที่สวมทะเบียนวิ่งผ่านจะมีระบบแจ้งเตือนให้ทราบทันที  เพื่อความสะดวกต่อการตรวจสอบ และติดตามรถสะดวกรวดเร็วขึ้น  โดยจะเริ่มให้บริการที่กรมการขนส่งทางบก วันที่ 11 ส.ค.นี้เป็นต้นไป  และจะขยายให้ครอบคลุมพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ภายในเดือน ก.ย. 2553  สำหรับการชำระภาษีรถยนต์แบบเดิมยังให้บริการตามปกติ

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวกรมได้เชิญชวนเอกชนมาลงทุน  มีเอกชนยื่นข้อเสนอ 3 ราย  ปรากฏว่าบริษัท กลกร จำกัด เสนอเงื่อนไขดีที่สุด ระยะเวลาดำเนินการ 10 ปี
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #556 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2553, 01:23:07 »

ที่ปิดปากถุงขนม ที่หม่ำไม่หมด ... เจ๋งจริง คิดได้ไง

กิตติกรณ์ - วิศวะ 16 ... ส่งมา‏

เชื่อว่าทุกคนต้องมีประสบการณ์ที่ฉีกถุงขนมแล้วกินไม่หมด  พวกเราจะเก็บขนมที่เหลืออย่างไร  ให้ขนมยังคงกรุบกรอบ  ไม่ชื้น  มดไม่ขึ้น จนถึงเวลากินครั้งหน้า ? ... แต่ก่อนฉันจะเก็บในขวดสูญญากาศ  หรือขวดฝาเกลียว  หรือไม่ก็เอาคลิปหนีบ  แต่รู้สึกว่าจะไม่เวอร์ก  สู้สิ่งที่ประดิษฐ์เองอันนี้ไม่ได้  ข้อสำคัญไม่ต้องจ่ายตังค์ซึ้อด้วย

แค่เอากรรไกรตัดหัวขวดเพ็ทออก ตามรูป


แล้วรวบปากถุงสอดขึ้นทางด้านล่างของหัวขวด  คลี่ปากถุงแบะออกโดยรอบ
หมุนจุกปิด  แค่นี้ก็เสร็จแล้ว


เพราะเกลียวจุกขวดป้องกันน้ำไหลออกได้  ย่อมจะแน่นหนากว่าคลิปหนีบที่มีขายตามท้องตลาด
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #557 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2553, 02:29:42 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jiab16 เมื่อ 22 สิงหาคม 2553, 01:23:07
ที่ปิดปากถุงขนม ที่หม่ำไม่หมด ... เจ๋งจริง คิดได้ไง

กิตติกรณ์ - วิศวะ 16 ... ส่งมา‏

เชื่อว่าทุกคนต้องมีประสบการณ์ที่ฉีกถุงขนมแล้วกินไม่หมด  พวกเราจะเก็บขนมที่เหลืออย่างไร  ให้ขนมยังคงกรุบกรอบ  ไม่ชื้น  มดไม่ขึ้น จนถึงเวลากินครั้งหน้า ? ... แต่ก่อนฉันจะเก็บในขวดสูญญากาศ  หรือขวดฝาเกลียว  หรือไม่ก็เอาคลิปหนีบ  แต่รู้สึกว่าจะไม่เวอร์ก  สู้สิ่งที่ประดิษฐ์เองอันนี้ไม่ได้  ข้อสำคัญไม่ต้องจ่ายตังค์ซึ้อด้วย

แค่เอากรรไกรตัดหัวขวดเพ็ทออก ตามรูป


แล้วรวบปากถุงสอดขึ้นทางด้านล่างของหัวขวด  คลี่ปากถุงแบะออกโดยรอบ
หมุนจุกปิด  แค่นี้ก็เสร็จแล้ว


เพราะเกลียวจุกขวดป้องกันน้ำไหลออกได้  ย่อมจะแน่นหนากว่าคลิปหนีบที่มีขายตามท้องตลาด
ยืนยันว่าดี และได้ผลโดยเฉพาะข้าวสาร ใช้ได้ดีมาก
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #558 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2553, 14:11:00 »

ป๋าทู ... ถุงข้าวสารเป็นพลาสติกอย่างหนา นี่นา  จุกขวดน้ำจะบิดเกลียวได้แน่นเหรอครับ ?  พี่ว่าไปซื้อถังพลาสติกแบบมีฝาปิดล็อค แน่นหนา มาใส่ข้าวสารดีกว่า ม้าง ง ง ง ง !  ... หนูไม่กัดถุงจนรั่ว ก่อนจะได้ตักข้าวมาหุงครั้งหน้า รื้อ ?   หนู ( ตัวเท่าแมว ) ยิ่งยกทัพบุกถล่ม กทม. อยู่ด้วย

ป.ล. ขอขอบคุณ " ท่านผู้ตรวจฯ กล้ามใหญ่ " อีกครั้ง  ที่ช่วยพี่หิ้วกระเช้ากาแฟมาส่งถึงที่รถ เมื่อคืนวันพุธ ที่มีเสวนาน่ะ 
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #559 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2553, 14:27:06 »

บังเอิญของผมเป็นข้าวสารถุงเล็ก ไม่หนาครับ
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #560 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2553, 12:26:30 »

รู้เบอร์โทรศัพท์เรา ได้ไง ?‏

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา


      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #561 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2553, 21:28:13 »

OLYMPIC Tower 2016‏

พูลศรี - ครุ 16 ... ส่งมาจากเกาะ Saipan



This vertical structure will be placed in Cotonduba Island.  It will be both a observation Tower , and a welcome sign for the visitors arriving by air and by Sea at Rio de Janeiro, where the Olympic Games 2016 will take place.

The project is from Zurique, and utilizes solar energy during the day with its solo Power panels, to pump the sea water as seen in the model. The movement of the water will be also utilized to turn the turbines. And produce the power to work the system at night time.



In the Solo City Tower is the Cafe anfiteatre, auditórium, shops etc. E lifts will take the visitors to the top, where the view will be fantastic, and bungee jumping will have a special platform.







      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #562 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2553, 20:20:57 »

จันทร์ 2 ดวง ในวันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2553 Don't forget to watch !

นุชน้อย - อักษร 16 ... ส่งมา



27 สิงหาคม 2553 ... วันที่โลกรอคอย

Planet Mars will be the brightest in the night sky starting in August. It will look as large as the full moon to the naked eye. This will cultivate on Aug. 27 when Mars comes within 34.65M miles off earth. Be sure to watch the sky on Aug. 27 12:30 am. It will look like the earth has 2 moons. The next time Mars may come this close is in 2287. Share this with your friends as NO ONE ALIVE TODAY will ever see it again.

ดาวอังคารจะสว่างที่สุดในตอนกลางคืน  เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม  มันจะโตเท่ากับจันทร์เต็มดวง เมื่อมองด้วยสายตาเปล่า  มันจะโตเต็มที่ในวันที่ 27 สิงหาคม 2553  เมื่อดาวอังคารจะอยู่ห่างจากโลกเพียง 34.65 ไมล์  อย่าลืมชมท้องฟ้าในคืนวันที่ 27 สิงหาคม 2553  เวลาเที่ยงคืนครึ่ง  มันจะดูเหมือนโลกมีดวงจันทร์สองดวง

ครั้งต่อไปที่ดาวอังคารจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้ก็ปาเข้าไปปี ค.ศ. 2287 โน่น  ( เอา 543 บวกเข้าไป ก็จะได้เท่ากับ พ.ศ. 2830 ... อีกอีก 277 ปีข้างหน้า ) คงไม่มีใครที่มีชีวิตอยู่ในวันนี้จะได้เห็นมันอีก ... ถ้า พลาด ดู ล่ะ ก็ ... แม้ !  เซี้ย ดาย จัง
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #563 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2553, 22:33:53 »

หมอนอัจฉริยะ จดจำสรีระของต้นคอผู้ใช้ได้ ด้วยหลอดกาแฟ ! ! !

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

ถ่ายรูปแล้วเมื่อย / ทำงาน เล่นคอมพ์. มาเหนื่อยล้า / นอนไม่หลับ / โรคภูมิแพ้  เราแก้ได้จ้ะง่ายๆ แต่มันไฮเทค ! !

ผมมีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ เมื่อยคอเป็นประจำครับ ไปเดินหาซื้อหมอนที่เหมาะกับตัวก็ไม่ค่อยได้ที่ถูกใจ  มีครั้งนึงไปดูที่ห้าง เจอหมอนอัจฉริยะ ( ตลกจัง เกิดเป็นหมอนยังฉลาดได้ด้วยแฮะ )  อ่านดูทำจากยางพิเศษที่ใช้กับเบาะนักบินอวกาศนาซ่า ลองนอนดู อืมก็ดีนะ คือมันยุบนุ่ม แต่ไม่คืนตัวในทันใด  ทำให้รับข้อต่อของกระดูกได้พอดีกับสรีระ  แต่แม่เจ้า ราคามันใบละสามพันกว่า ซื้อไม่ลงจริงๆ ครับ

จนกระทั่งน้องสาวกลับมาจากญี่ปุ่นเล่าให้ฟังว่า  ที่นั่นเค้ามีหมอนที่ทำจากหลอดกาแฟ  เอามาหั่นๆ นอนสบายมากๆ เลย  อืม ... น่าสนสิงานนี้ ไม่ยากนี่นา  บ้านเราหลอดเยอะแยะ  ปัญหาคือใครละจะตัด เรื่องนี้ไม่ยาก ถ้าเราตั้งใจ



หลอดที่ใช้แนะนำ หลอดสี เพราะจะแข็งแรงทนทาน คืนตัวได้ดีกว่าหลอดใสราคาถูก  หลอดสีซื้อได้ที่แมคโครครับ  ยกห่อมาเลย  แล้วก็ตัดครับ  ดูหนัง ดูละคร ดูข่าว ก็นั่งตัด จะมีด หรือ กรรไกร ก็ว่ากันไป ยาวซัก 1 เซนติเมตรก็พอ  แล้วหาปลอกหมอน เลือกที่มีซิปรูดปิด เผื่อเติม เผื่อเอาออก ถ้ามันสูงไป



เสร็จแล้วครับ  ใบใหญ่  นอนกันสองคนเลย ( เทียบขนาดกับ PDA )



นี่เป็นอีกใบ  ใบเล็กลง  หนุนได้คนนึงสบายๆ



ใบแบบนี้ทำให้คุณพ่อตาใบนึง  ท่านติดใจมากๆ  ไปที่ไหนก็ต้องเอาไปด้วย  เพราะนอนหนุนสบายหัวดี

หลักการทำงาน ก็คือ หลอดกาแฟเมื่อมันรวมตัวกันมากๆ  จะกลายเป็นช่องว่างอากาศอย่างดี  เมื่อถูกกดทับ จะยุบตัว และไม่มีการพองกลับในทันใด  เวลาเรานอนแล้วขยับ  จะรู้เลยว่ามันพอดีกับต้นคอ  คล้ายๆ กับการปั้มป์กุญแจบนก้อนดินน้ำมัน  มันจะทิ้งร่องรอยกระดูกไว้  แถมไม่มีใยนุ่นให้เป็นที่อาศัยของไรฝุ่น  อาการภูมิแพ้ของผมจึงดีขึ้นไปด้วยครับ

( รำพึง ) ... เอ !  จะใช้หลักการเดียวกับ bean bag ที่ภายในบรรจุเม็ดโฟม  เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เอาไว้ใช้นั่งเล่น นอนเล่น รึเปล่า ? ... แต่หมอนนี่ น่าจะหนุนนอนดีกว่าบรรจุด้วยเม็ดโฟมนะ  เพราะหลอดกาแฟมีช่องกลวงตรงกลางด้วย ... คนโพสต์ขี้สงสัย อีกแระ !


      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #564 เมื่อ: 01 กันยายน 2553, 00:30:51 »

อันดับประเทศไทย ... ในอันดับโลก ! !

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

•  อาหารไทยเป็นอาหารยอดนิยม ติด 1 ใน 5 ของโลก  ร่วมกับ อาหารฝรั่งเศส อิตาเลียน ญี่ปุ่น จีน
ทั่วโลกมีร้านอาหารไทย 6,000 แห่ง อยู่ในสหรัฐ 3,000 แห่ง  มีลูกค้าเข้ามารับประทานเฉลี่ยนวันละ 3 ล้านคน ( ปี 2545 )

•  คนไทยมีสถิติดื่มสุราสูงสุดเป็นอันดับ 5 ของโลก ( ปี 2546 )

•  ไทยเป็นผู้ส่งออกใหญ่ที่สุดอันดับที่ 4 ของโลก ในการส่งออกรถยนต์ไปยังสิงคโปร์ ( ปี 2546 )

•  ไทยติดอันดับละเมิดลิขสิทธิ์ 1 ใน 10 ของโลก  มูลค่าตลาดสูงกว่า 1,600 ล้านบาท  เป็นอันดับ 3 ในเอเชียรองจากจีน และไต้หวัน ( ปี 2546 )

•  ไทยเป็นชาติที่ร่ำรวยที่สุด  อันดับ 32 ของโลก  จากการจัดอันดับของธนาคารโลก
ส่วนอันดับ 1-10 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี จีน สเปน แคนาดา และอินเดีย ( ปี 2547 )

•  ไทย ติดอันดับประเทศน่าลงทุนติดอันดับที่ 20 ของโลก จากทั้งหมด 155 อันดับ  ถือเป็นประเทศที่มีผลงานที่ดีที่สุดประเทศหนึ่ง  แซงหน้ามาเลเซีย และเกาหลีใต้  ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 21 และไต้หวันที่อันดับ 35 ( ปี 2548 )

•  ไทยติดอันดับอันดับ 5 ของโลก ในการแพร่เว็บลามก ( ปี 2549 )  

•  กรุงเทพมหานครได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยว อยากเดินทางมามากที่สุดในทวีปเอเชีย  และเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากฟลอเรนซ์ และโรม  ในขณะที่เชียงใหม่ อยู่อันดับที่ 5 ( ปี 2549 )

•  สนามบินของไทยมีผู้ใช้บริการมากที่สุด อันดับ 11 ของโลก ( ยังไม่นับตอนสุวรรณภูมิเปิด ) ( ปี 2549 )

•  ไทยถูกจัดอันดับเป็นประเทศที่มีความสุขอันดับที่ 44 ของโลก  ในเอเชียนั้น  ฟิลิปปินส์อันดับที่ 23  อินโดนีเซียอันดับที่ 31  จีนอันดับที่ 32  ไทยอันดับที่ 44  มาเลเซียอันดับที่ 66  อินเดียอันดับที่ 64  ฮ่องกงอันดับที่ 89 ( ปี 2549 )

•  วัยรุ่นไทยติดอันดับ 1 ของโลก ในการเล่นเว็บแคมฟร็อก  โดยห้องแชตสุดฮิต อันดับ 1-60 เป็นห้องของคนไทย 55 ห้อง ( ปี 2550 )

• ปตท. เป็นบริษัทไทยแห่งเดียวที่ติดอันดับในกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ 500 อันดับแรกของโลก  จากผลการสำรวจประจำปี 2007 เป็นอันดับที่ 41 ในเอเชีย  และเฉพาะในภาคธุรกิจการกลั่นปิโตรเลียม ปตท.อยู่ในอันดับที่ 22 ของโลก ( ปี 2550 )

• ผู้บริหารระดับสูงของไทย ติดอันดับมีรายได้เฉลี่ยสูงสุดอันที่ 8 ของโลก  ในรายชื่ออันดับอำนาจการซื้อผู้บริหาร
 
อันดับ 1 ซาอุดิอาระเบีย
อันดับ 2 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
อันดับ 3 ฮ่องกง
อันดับ 4 รัสเซีย
อันดับ 5 ตุรกี
อันดับ 6 เม็กซิโก
อันดับ 7 ยูเครน
อันดับ 8 ไทย
อันดับ 9 สิงคโปร์   ( ปี 2550 )

•  ประเทศไทยจัดเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับที่ 19 ของโลก  มีจำนวนประมาณ 63 ล้านคน

•  ในการแข่งขัน ชีววิทยาโอลิมปิก 2550  เด็กไทยคว้ารางวัลคะแนนสูงสุด อันดับ 1 ของโลก ( ปี 2550 )

•  ประเทศไทยเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวที่สำคัญของโลก  สามารถผลิตข้าวได้ประมาณ 27 ล้านตัน  จัดเป็นอันดับ 6 ของโลก  มีการส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลก  มูลค่า 1 แสนล้านบาท  แบ่งเป็นข้าวสารร้อยละ 97  และผลิตภัณฑ์จากข้าวร้อยละ 7  แต่ถึงแม้ประเทศไทยจะส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของโลก  แต่ไม่มีอำนาจในการกำหนดราคาข้าวในตลาดโลกเลย ( ปี 2550 )

•  ประเทศไทยติดอันดับประเทศที่ใช้จักรยานยนต์มากเป็นอันดับ 3 ของโลก  เฉลี่ย 3 คน ต่อ 1 คัน ( ปี 2550 )

•  มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง  จ.เชียงราย  เป็นมหาวิทยาลัยที่สวยที่สุด อันดับ 2 ของโลก ( ปี 2550 )

•  ไทยจับปลาได้เป็นอันดับ 9 ของโลก

• รายชื่อมหาวิทยาลัยไทยที่ติดอันดับ 1 ใน 3,000 ของโลก

อันดับที่
 
505  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
577  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
721  สถาบันเทคโนโลยีเอเซีย ( เอไอที )
861  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
894  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
896  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
909  มหาวิทยาลัยมหิดล
1009 มหาวิทยาลัยขอนแก่น
1195 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
1419 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
1460 สถาบันทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารฯ
1735 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
1801 มหาวิทยาลัยรามคำแหง
1811 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ
2068 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
2109 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
2125 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
2180 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
2181 มหาวิทยาลัยบูรพา
2196 มหาวิยาลัยศิลปากร
2204 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
2374 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
2602 มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
2635 มหาวิทยาลัยรังสิต
2922 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร

•  จริงๆ ประเทศไทยก็มีนัก HACKER สุดยอด อันดับ 3 ของโลกด้วยนะ ( แต่ว่าถูกจับไปแล้ว )

•  ไทยมีพิพิทธภัณฑ์มากเป็นอันดับ 2 ของโลก

•  ทางยกระดับ บางนา-ตราด เป็นทางด่วนยกระดับที่ยาวที่สุดในโลก

•  ไทยมีดัชนีการพัฒนามนุษย์อยู่ที่อันดับที่ 63 ของโลก ( ปี 2549 )

•  ไทยมีจํานวนผู้ป่วยโรคเอดส์มากเป็นอันดับที่ 21 ของโลก ( ปี 2549 )

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #565 เมื่อ: 03 กันยายน 2553, 10:43:51 »

สัปปะรดที่กินได้ โดยไม่ต้องปอกเปลือก

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา


 
“ สัปปะรด พันธุ์เพชรบุรี "
  
พาเพื่อนๆ ไปชิมสัปปะรดสายพันธุ์ใหม่



ราคาลูกละ 100 บาท  มีมาขายให้เห็นไม่มาก  ถึงขนาดต้องแย่งกันซื้อนะคะ  ดูเหมือนว่าสัปปะรดพันธุ์เพชรบุรีมีราคาสูง  แต่แม่ค้าผลไม้หลายรายบอกว่าไม่แพง


 
สัปปะรด พันธุ์เพชรบุรีมีต้นตระกูลอยู่ที่ใต้หวัน  ภายใต้สายพันธุ์เดิมชื่อ " Tainan 41 "  ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรีได้นำจุกของมันมาเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อขยายพันธ์



สัปปะรดสายพันธุ์ใหม่ “ เพชรบุรี ” นั้น  มีไฮไลท์เด่นคือไม่ต้องปอกเปลือก  สามารถแกะผล หรือที่เรียกว่าตากินได้เป็นชิ้นๆ เหมือนน้อยหน่าหรือขนุน  รสดชาติดีจริงๆ


  
หน้าตาของสับปะรดพันธุ์เพชรบุรีเหมือนสับปะรดทั่วไป  ขนาดใหญ่สุดหนักประมาณอยู่ที่ 1 กิโลกรม  ดีไซน์สับประรดเพชรบุรีจะเป็นทรงเจดีย์ คือป่องตรงก้น  ส่วนด้านหัวจะมีขนาดลีบเรียวลงไป  ลักษณะของตาค่อนข้างใหญ่ และโปน  ทำให้ดึงออกมารับประทานทีละตาได้สะดวก



มือใหม่หัดแกะค่อนข้างลำบากนิดหนึ่ง  เราจะเจาะนำร่องเพื่อให้ได้พื้นที่โล่งๆ กันก่อน  จากนั้นจึงทยอยฉีกทีละตามารับประทาน  ลูกแรกเราเจาะตรงกลางลูกเลย  แต่ลูกนี้เรานำมาตัดจุกออกไปก่อน  ซึ่งจะทำให้ปาดไปโดนตาสับปะรดติดไปด้วย



ถ้าที่เปลือกมีสีส้ม หรือออกเหลืองแปลว่าสุกแล้ว  จะมีรสหวานจัด หรือหวานมากๆ  ส่วนหัวจะมีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย  กลิ่นหอมแรงตามคำโฆษณาไว้เลย


 
แกนสับปะรดทั่วไปมักจะมีรสจืด  ยิ่งตรงกลางสุดๆ จะจืดสนิทเลย  แต่แกนสับปะรดพันธุ์เพชรบุรีสุดยอดมาก  เมื่อแกะตาวนไปทีละชั้นจะเหลือแกนโผล่อยู่ตรงกลาง  รสชาติอร่อย สุดยอดเลย
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #566 เมื่อ: 06 กันยายน 2553, 00:26:10 »

15 เรื่องจริง เกี่ยวกับญี่ปุ่น
 
ประภาพรรณ - ครุ 16 ... ส่งมา

1. ที่ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะถนนจะโล่งแค่ไหน หรือจะเป็นตอนดึกที่ถนนว่างไม่มีรถซักคันแค่ไหน  คนญี่ปุ่นจะไม่ข้ามถนนเลย  แต่จะเดินไปจนเจอทางม้าลาย และรอไฟเขียวให้คนข้าม ถึงจะข้าม ( เป็นระเบียบสุดยอดเลย )
 

2. การให้บริการลูกค้าในญี่ปุ่น เน้นเรื่อง Service Mind เป็นอย่างมาก  หากไปญี่ปุ่นแล้วมีโอกาสไปห้างสรรพสินค้าหรือตามร้านต่างๆ ก็จะได้รับการบริการเหมือนเป็นพระเจ้าเลยล่ะ  หลังจากซื้อของเสร็จ  พนักงานจะคอยยืนส่งลูกค้าไปจนลับสายตา  เพราะถือว่าหากลูกค้ามองกลับมาแล้วไม่เจอพนักงาน จะถือว่าเสียมารยาท


3. คนญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายต่อปีที่สูง  หนึ่งในวิธียอดนิยมคือ  การกระโดดให้รถไฟทับตาย  แต่รู้มั้ยว่าถ้าหากกระโดดให้รถไฟทับตาย  พ่อแม่ญาติพี่น้องจะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนที่แพงมหาศาล  เพราะถือว่าทำความเดือดร้อนให้กับบริษัทรถไฟที่ต้องหยุดวิ่ง  เพื่อทำความสะอาดรางและรถไฟ  และต้องสูญเสียรายได้ ( จะตายทั้งที  ก็อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนนะ  ทางที่ดีอย่าตายดีกว่า )  


4. ห้ามฟังเพลงจากหูฟังในขณะที่ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์หรือจักรยาน  เพราะทำให้สมรรถภาพการขับขี่ลดลง  ถ้าตำรวจพบจะถูกปรับ

 
5. รวมถึงการซ้อนจักรยาน  ถึงจักรยานจะมีเบาะให้ซ้อน ก็ห้ามซ้อน เพราะตำรวจอาจเรียกได้  เบาะซ้อนมีไว้วางของ  ยกเว้นเด็กเล็กที่ซ้อนได้ แต่ต้องนั่งเบาะพิเศษของเด็ก ( หนุ่มสาว อดซ้อนสวีทกันเลยล่ะสิ )

 
6.ที่ญี่ปุ่นไม่มีหมาจรจัด  มีแต่แมวจรจัด  ซึ่งก็มีน้อยมากๆ  เพราะหมาจรจัด หรือที่ถูกทอดทิ้ง  จะถูกเทศบาลจับไปหมด  ได้ยินว่าถูกเอาไปฆ่าด้วย สงสารน้องหมาอ่ะ

 
7. ถ้าลืมของไว้ที่ร้านอาหารหรือข้างทาง  ไม่ต้องกลัวว่าจะหาย  สองวันผ่านไปมันจะยังคงอยู่ที่เดิม ( หรือทางร้านจะเก็บไว้ให้ )  เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าไปญี่ปุ่นแล้วเห็นมีหมวก ผ้าพันคอ กระเป๋า แขวนตามต้นไม้  เพราะคนที่เก็บได้เขาจะนำมาแขวนไว้ใกล้ๆ กับที่มีคนทำตก  เพื่อให้เจ้าของกลับมาตามหาเจอ ( ที่ไทย  สองวินาทีหายเรียบ 5555 )


8. ของแฮนด์เมดที่ญี่ปุ่น ราคาแพงมาก ก ก ก ก ก ก ก  คนจะยกย่อง และฮือฮามาก  ถ้าคุณทำของแฮนด์เมดได้ เพราะถือว่ามีฝีมือสุดยอด

 
9. คนท้องจะมี Tag จากโรงพยาบาลให้พกติดตัวไว้ตลอดเวลาทุกครั้งที่ออกจากบ้าน  เพื่อที่คนอื่นจะได้รู้ว่าคนนี้ท้อง และจะได้บริการให้เป็นพิเศษ  เช่น  ลุกให้นั่งบนรถไฟใต้ดิน ( เพราะบางคนก็อ้วนไง )


10. ห้องพักตามอพาร์ทเมนท์ คอนโด และโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่น  จะไม่มีห้องหมายเลข 4  เพราะถือว่าเป็นตัวเลขอัปมงคล  เนื่องจากอ่านออกเสียงพ้องกับคำที่แปลว่า ตาย
 
 
11. ร้านอาหารที่ญี่ปุ่น  ไม่อนุญาตให้นำอาหารหรือเครื่องดื่มจากร้านอื่นมาทานในร้าน  แม้กระทั่งน้ำเปล่าจาก 7-11

 
12.  7-11 หรือร้านสะดวกซื้ออื่นๆ มีห้องน้ำให้เข้าฟรี ( ดีจัง)

 
13. เวลาทิ้งขยะที่เป็นขวดกล่องน้ำหรือนม  จะต้องล้างขวดหรือกล่องนั้นให้สะอาดก่อนแล้วค่อยทิ้ง  เพราะหากทิ้งลงไปทั้งอย่างนั้น  ของข้างในอาจบูดเน่าและส่งกลิ่นเหม็น ( สุดยอดๆ )

 
14. สามารถยืนอ่านหนังสือโป๊ หรือการ์ตูนโป๊ได้แจ่มๆ  ไม่มีใครมองด้วยสายตาแปลกประหลาด ( 555555 จะดีเหรอ ) โอ้..... ในฝันเลย

 
15. ผู้ชายญี่ปุ่นแทบทุกคน ชอบกันคิ้ว  เพราะผู้ชายที่นี่รักสวยรักงามไม่แพ้ผู้หญิง  ถ้าไปทำผมในร้านเสริมสวย  ช่างทำผมจะถามแน่นอน  ว่าจะกันคิ้วเพิ่มด้วยมั้ย

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #567 เมื่อ: 13 กันยายน 2553, 00:38:02 »

" @ "  สัญลักษณ์นี้มีที่มา

พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร์ 07 ... ส่งมา

เรย์ ทอมลินสัน วิศวกรคอมพิวเตอร์ได้รับการบันทึกว่า เป็นบุคคลแรกที่นำ @ มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของชื่ออีเมล ในปี 1971 เพียงเพราะเขาต้องการหาสัญลักษณ์บางอย่างบนแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์  ซึ่งแน่ใจว่าจะไม่มีปรากฏในชื่อของใครคนใดคนหนึ่ง

โดยหลังจากนั้นมา การใช้ @ ( arroba ) ในชื่ออีเมล เพื่อบอกสังกัดอีเมลของผู้ใช้ ก็กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

ทว่า หากจะถามถึงที่มาของ @ ก่อน ที่จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอีเมลนั้น ไม่ปรากฏเป็นที่แน่ชัดว่า ใครเป็นคนแรกที่นำมาใช้  เนื่องจากมีหลากหลายทฤษฎีอธิบายเอาไว้แตกต่างกันออกไป

ทฤษฎีแรกนั้นสันนิษฐานว่า @ ปรากฏให้เห็นเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกในยุคกลางของยุโรป  ซึ่งในสมัยนั้นคนยุโรปจะชอบเขียนตัวหนังสือแบบลากหางของตัวอักษรขึ้นหรือลงยาวๆ  ซึ่งตัว @ มาจาก a นั่นเอง

ขณะที่ อีกทฤษฎีหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไประบุว่า @ มาจากคำว่า ' ad ' ซึ่งเป็นคำบุพบทในภาษาลาติน หมายถึง " ที่ " ในทำนองเดียวกัน ก็มีอีกแนวคิดที่คล้ายๆ กันอธิบายว่า @ เป็นตัวย่อของ ' ana ' ( ava )  คำบุพบทในภาษากรีก ซึ่งมีหมายความว่า ในอัตรา ... ( ตามด้วยคำบอกจำนวน ) โดยมีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในเชิงการพาณิชย์

แต่จากการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ของ จิออร์จิโอ สตาบิล ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์จากโรม  มีการเสนอแนวคิดใหม่เกี่ยวกับที่มาของ @ โดยเขาอ้างว่าสัญลักษณ์ดังกล่าว  เคยมีร่องรอยปรากฏให้เห็นตั้งแต่สมัยเรอเนสซองซ์ของอิตาลี ในเอกสารการค้าแห่งเวนิส  ซึ่งลงนามโดย ฟรานเซสโก ลาปี เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 1536  เนื้อหาในเอกสารดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับสัญญาการซื้อขายไวน์  โดย @ ที่ปรากฏในเอกสารนี้มีความหมายว่า โถ หรือ เหยือก  ซึ่งใช้เป็นภาชนะบรรจุไวน์ในสมัยนั้น  อาทิเช่น  @ of wine หมายถึง ไวน์ 1 เหยือก เป็นต้น

สัญลักษณ์ @ ที่พบว่ามีการใช้อย่างแพร่หลายในตะวันตก  มีที่มาจาก à ซึ่งเป็นบุพบทในภาษาฝรั่งเศส หมายถึง " ที่ "  ทว่าเมื่อนำมาใช้ในเชิงการค้าจะหมายถึง " ราคาชิ้นละ... "  ตัวอย่างเช่น 2 books@ 10 F. หมายถึง หนังสือ 2 เล่ม ราคาเล่มละ 10 ฟรัง เป็นต้น

ทั้งนี้ ถึงแม้จะมีหลากหลายทฤษฎีที่อธิบายที่มาที่ไปของการใช ้ @ มาตั้งแต่อดีตแล้ว  แต่การใช้สัญลักษณ์ดังกล่าวเพิ่งจะได้รับความนิยมสุดๆ ในแวดวงคอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบันนี่เอง
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #568 เมื่อ: 13 กันยายน 2553, 23:07:47 »

ปลายนิ้วทั้งห้า บอกดวงชะตา และอุปนิสัย

นุชน้อย - อักษร 16 ... ส่งมา

อืม !  อ่านแล้วแม้น แม่น แฮะ !

ผู้ชายให้ดูที่มือซ้าย  ผู้หญิงให้ดูที่มือขวา - เรียงลำดับจากนิ้วโป้ง  ชี้  กลาง  นาง  และก้อย นะคะ





      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #569 เมื่อ: 17 กันยายน 2553, 20:37:26 »

An Apple Red as a Rose, Through and Through

July 19, 2010 at 11:04AM by Eric Steinman

จาก  :  http://www.delish.com/food/grocery-products/an-apple-red-as-a-rose-through?gt1=47001


For years, maybe centuries, the red apple has stood as the emblem of everything from goodness to sin. The red apple is a stand in for desire as well as the nickname for New York City ( OK, it is the "Big Apple" but everyone knows it is a decidedly red apple and no Granny Smith ) . Now comes news from the UK ( by way of Switzerland ) that apple breeder Markus Kobelt has lovingly developed a red-skinned and red-fleshed apple called the Redlove Era.

Unlike the white flesh you may have grown accustomed to, the Redlove Era has a sort of reddish-pink marbled flesh ( with a bit of white flesh thrown in for the sake of contrast ) and as a result ( maybe not a direct result ) the Redlove Era ( an alleged cross-pollination of Royal Gala and Braeburn apples ) has a higher antioxidant content ( there still exists a bit of mystery around this particular variety ). Another key selling point for this red apple is that the flesh purportedly doesn't go brown after being sliced and left out in the open. Also, the Redlove Era is supposedly sweet, tangy and amazingly delicious.

The sad news is that, while UK shoppers can look forward to biting the Redlove in the coming months, we Americans, hungry for red flesh, may have to wait a year or longer for the import. For those of you that are enormously curious ( or impatient ) and just can't wait for a taste, you could order a sapling and possibly grow your own.

Redlove Era apples are being marketed by Suttons in the UK, and will hopefully make their U.S. debut in the coming year.

หลังจากเจ้าของกระทู้ได้นำข่าวนี้จาก MSN Today มาเล่าสู่กันฟังไว้ในกระทู้นี้ ตั้งแต่เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ( เมื่อ 19 กรกฎาคม 53 )  ระยะนี้จึงได้มีข่าวของ " Redlove Aple " version ภาษาไทยมา-วนเวียนอยู่ใน internet บ้านเรา  และวันนี้เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ส่งมาให้อ่านด้วยค่ะ  เค้าว่าไงบ้าง ? ...

Redlove apple

เรดเลิฟ แอ็ปเปิ้ล เป็นผลไม้สายพันธุ์ใหม่ ที่จะถูกนำออกมาจำหน่ายในอังกฤษเร็วๆ นี้  เนื้อภายในของแอ็ปเปิ้ลจะมีสีแดงเหมือนแตงโม

 

เรดเลิฟ แอ็ปเปิ้ล เป็นผลงานการค้นคว้าวิจัยของนักพฤกษศาสตร์ ( Botanist ) ชาวสวีดีสที่ชื่อ Markus Kobert  เกิดจากการถ่ายละอองแบบผสมข้ามพันธ์ ( Cross-pollinated ) ระหว่าง แอ็ปเปิ้ล กับ ผลไม้ปริศนา ( ปิดเป็นความลับ เพื่อผูกขาดสายพันธุ์ไว้แต่เพียงผู้เดียว )
 
การศึกษาวิจัยแอ็ปเปิ้ลสายพันธุ์ใหม่นี้  ใช้เวลากว่า 20 ปี กว่าจะได้แอ็ปเปิ้ลที่มีเนื้อสีแดงดุจ ' แตงโม '  แต่มีรสชาติคล้ายผล ' เบอรี่ '  แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ( Antioxidant ) ในปริมาณที่สูง  เรดเลิฟ แอ็ปเปิ้ล มีจุดเด่นคือ ยังคงมีสีแดงสด แม้จะผ่านการปรุงอาหาร โดยจะไม่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล  จึงเหมาะที่จะนำไปทำสลัด  เพราะมีสีสันที่สวยงาม
 
ประเทศอังกฤษได้นำเข้าเมล็ดพันธุ์ และต้นอ่อนมาปลูกมากกว่า 1,500 ต้น  วางแผนไว้ว่าจะมีผลิตผล เรดเลิฟ แอ็ปเปิ้ล จำหน่ายในอังกฤษได้อีกใน 2-3 ปีข้างหน้า  ผลไม้ชนิดใหม่นี้ได้ชื่อว่าเป็น ' แอ็ปเปิ้ลที่อร่อยที่สุดในโลก '  ทั้งหอม หวาน เข้มเข้นด้วยรสชาติแบบเบอรี่  ไม่ว่าจะกินสด หรือนำไปปรุงเป็นอาหาร  และไม่ต้องกังวลเรื่องเป็นผลไม้ GMO  เนื่องจากการผสมพันธุ์ จะใช้วิธีทางธรรมชาติเท่านั้น  ไม่มีการใช้เทคโนโลยี่ตัดแต่งพันธุ์ใดๆ ทั้งสิ้น  จึงปลอดภัย
 
เรดเลิฟ แอ็ปเปิ้ล มี 2 สายพันธุ์  โดยสายพันธุ์ Era จะออกผลตั้งแต่เดือนกันยายน ถึงช่วงคริสต์มาส  และสายพันธุ์ Sirena ที่จะออกผลตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน ถึงเดือนตุลาคม  ราคาขายต้นอ่อนของ เรดเลิฟ แอ็ปเปิ้ล ราคาต้นละ 1,300 บาท ( 25 ปอนด์ ) เชียวนะ
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #570 เมื่อ: 24 กันยายน 2553, 12:26:46 »

รวมคนดัง ไว้ในภาพเดียว

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา

นึกออกมั้ย  มีใครบ้างเอ่ย ?





รูปกว้างใหญ่ไพศาล ซะจนต้อง crop แบ่งออกเป็น 2 รูป ... ช่วยจินตนาการเอารูปมาต่อกัน เป็นแบบ panorama หน่อยนะพี่น้อง ...

นับซิ  เรียกชื่อได้ถูกต้องกี่คน ?

*

*

*

*

*

*

เฉลยล่ะนะ !





001 Aristotle
002 Cui Jian
003 Vladimir Lenin
004 Bill Gates
005 Pele
006 Kublai Khan
007 Adolf Hitler
008 Audrey Hepburn
009 Ludwig van Beethoven
010 Benito Mussolini
011 Saddam Hussein
012 Charlie Chaplin
013 Henry Ford
014 Lei Feng
015 Rudyard Kipling
016 Mike Tyson
017 Vladimir Putin
018 Sigmund Hillary
019 Burrhus Skinner
020 General Custer
021 Deng Xiaoping
022 Chiang Kai-shek
023 Sun Yat Sen
024 Merriwether Lewis
025 Ramses II
026 Lin Biao
027 Bill Clinton
028 Christopher Colombus
029 Charles de Gaulle
030 Margaret Thatcher
031 Bruce Lee
032 John Sousa
033 Franklin Roosevelt
034 Winston Churchill
035 Henri Matisse
036 Lu Xun
037 Ernest Hemingway
038 Queen Elizabeth II
039 Shirley Temple
040 Leo Tolstoy
041 Albert Einstein
042 Sun Tzu
043 Stalin
044 Galileo Galilei
045 Karl Marx
046 Friedrich Nietzsche
047 pablo Picasso
048 Elvis Presley
049: Indiana Jones
050: William Shakespeare
051: Mozart
053: Gengis Khan
054: Napoleon
055 marc Anthony
056 Deng Xiaoping
057 Abraham Lincoln
058 Mao Zidong
059 Chi Guevara
060 Fidel Castro
061 Marlon Brando
062 Yasser Arafat
063 Julius Caesar
064 Johann Wolfgang
065 Mozi
066 Marylin Monroe
067 Moses
068 Confucius
069 Mahatma Gandhi
070 Benjamin Franklin
071 Claude Monnet
072 Vincent van Gogh
073 Dwight Eisenhower
074 Marcel Duchamp
075 Gustave Courbet
076 Michael Jordan
077 Salvador Dali
078 George Peck
079 Luciano Pavarati
080 Empress Dowager Cixi
081 Ariel Sharon
082 George Bush
083 Osama bin Laden
084 Liu Xiang
085 Prince Charles
086 Kofi Annan
087 Hideki Tojo
088 Michaelangelo
089 Guan Yu
090 Plato
091 Qin Shihuang
092 St. Peter
093 Jet Li< BR>094 Isaac Newton
095 Otto von Bismarck
096 Mikhail Gorbachev
097 Deng Xiaoping
098 Mother Theresa
099 Ferdinand Marcos
100 Yul Brynner
101 Dante Alighieri
102 Kim Jong Il
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #571 เมื่อ: 27 กันยายน 2553, 01:36:22 »

40 เศรษฐี รวยที่สุดในประเทศไทย ( ปี 2553 )

พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร์ 07 ... ส่งมา
และจาก :  http://www.forbes.com/2010/09/01/thailands-richest-dhanin-wealth-thailands-rich-10_lander.html


รูปภาพประกอบจาก :  http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:QN94BEh1dv4J:dek-d.com/board/view.php%3Fid%3D1735069+%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2+2553&cd=5&hl=th&ct=clnk&gl=th  และจาก Google จ้า

ฟอร์บส์จัดอันดับ 40 เศรษฐี รวยที่สุด ในประเทศไทย " ธนินท์ เจียรวนนท์ " รวยสุด  มีทรัพย์สินกว่า 2.17 แสนล้านบาท " ทักษิณ " ยังไม่หลุดโผ  อยู่อันดับ 23
 
ฟอร์บส์ บริษัทจัดอันดับชื่อดังของโลก จัดอันดับ " บุคคลที่รวยที่สุดของไทย 40 อันดับ " ในปี 2553
ดังนี้

1. ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ และประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ( ซีพี ) มูลค่ารวมทรัพย์สิน 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ กว่า 217,000 ล้านบาท



2. เฉลียว อยู่วิทยา หรือ " โกเหลียว " เจ้าของเครื่องดื่มชูกำลัง กระทิงแดง หรือ เรดบูล มูลค่ารวมทรัพย์สิน 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ราว 130,000 ล้านบาท



3. เจริญ สิริวัฒนภักดี ผู้ก่อตั้งบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ เจ้าของธุรกิจวิสกี้และเบียร์ ( เหล้าแม่โขง , เบียร์ช้างฯลฯ ) มูลค่ารวมทรัพย์สิน 4,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



4. ครอบครัว " จิราธิวัฒน์ " เจ้าของกิจการหลายอย่าง ตั้งแต่ธุรกิจค้าปลีก เครือข่าย เซ็นทรัล กรุ๊ป มูลค่ารวมทรัพย์สิน 2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



5. กฤตย์ รัตนรักษ์ ประธาน และ ซีอีโอ ของบริษัท บางกอก บรอดคาสติ้ง แอนด์ ทีวี ( บีบีทีวี ) โดยมีทรัพย์สินรวมถึงหุ้นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา และปูนซิเมนต์นครหลวง มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



6. Aloke Lohia Chief Executive Officer บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด ( มหาชน ) และอาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 20 ปี มูลค่า รวมทรัพย์สิน 1,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( นายอาลก โลเฮีย )



7. จำนงค์ ภิรมย์ภักดี ประธานบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ ( เบียร์สิงห์ , ลีโอเบียร์ ) มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



8. ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์ เจ้าของกิจการพฤกษาเรียลเอสเตท บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ อันดับ 2 ของประเทศ มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



9. วิชัย มาลีนนท์ เจ้าของกิจการ บีอีซีเวิลด์ และไทยทีวีสี ช่อง 3 มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



10. อิสระ วงศ์กุศลกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทมิตรผล ( น้ำตาลมิตรผล ) มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



11. คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล ภรรยา นายกำพล วัชรพล เจ้าของหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หนังสือพิมพ์หัวสีใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ร่วมมูลค่าทรัพย์สิน 1,050 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



12. นายวาณิช ไชยวรรณ และครอบครัว เจ้าของกิจการไทยประกันชีวิต



13. นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ( BTS )



14. นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเครือบริษัท ไทยซัมมิต ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ถือหุ้นส่วนหนึ่งอยู่ใน เนชั่น มัลติมีเดีย



15. นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ กรรมการผู้จัดการบีบีทีวี ( ช่อง7 )



16. นายประยุทธ มหากิจศิริ เจ้าของกิจการเหล็กกล้า ไทยน็อกซ์ สแตนเลส



17. นายอนันต์ อัศวโภคิน ผู้ก่อตั้งบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮาส์



18. นายไกรสร จันศิริ ประธานและผู้ก่อตั้ง ไทย ยูเนียน ฟรอซเซน กิจการทูน่ากระป๋อง ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก


19. วิลเลียม อี. ไฮเนคกี้ และครอบครัว เจ้าของกิจการ ไมเนอร์ คอร์ป., ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ทำธุรกิจ อาทิ เอสปรี และธุรกิจภัตตาคาร , สปา , โรงแรม  มากกว่า 800 แห่งในหลายประเทศ



20. นายสรรเสริญ จุฬางกูร ผู้ก่อตั้งบริษัท สามมิตรมอเตอร์ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์



21. นายบุญชัย เบญจรงคกุล และครอบครัวผู้ก่อตั้ง บริษัทโทรคมนาคม ดีแทค



22. คุณหญิงประภา และนายวิทย์ วิริยะประไพกิจ ผู้บริหาร สหวิริยา สตีล อินดัสตรี้



23. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี Thaksin Shinawatra ทรัพย์สิน 390 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



24. นิชิต้า ชาห์ สาวโสด เจ้าของกิจการพรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด ( มหาชน ) ที่สืบทอดจากบิดา



25. นายวรวิทย์ วีรบวรพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด ( มหาชน )



26. นายจำรูญ ชินธรรมมิตร์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด ( มหาชน )



27. น.พ.ประเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้ก่อตั้งสายการบิน บางกอก แอร์เวย์ส



28. นางนิจพร จารนะจิตต์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในอิตาเลียน-ไทย พี่สาวของ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานโรงแรมโอเรียนเต็ล และมีหุ้นส่วนตัวอยู่ในเครือโรงแรมอมารี


29. นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้บริหารสูงสุดของ บริษัทรับเหมาก่อสร้าง อิตาเลียน-ไทย



30. นายนิธิ โอสถานุเคราะห์ ได้รับตกทอดหุ้น บริษัท โอสถสภามา 25% มีเงินลงทุนอยู่ใน ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล



31. นายรุ่งโรจน์ แสงศาสตรา ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไดนาสตี้ เซรามิค จำกัด ( มหาชน  )



32. นายเฉลิม อยู่วิทยา ( ลูกชาย นายเฉียว อยู่วิทยา ) เป็นผู้บริหาร บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด



33. นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด ( มหาชน )



34. นายวิโรจน์ ธนาลงกรณ์ เจ้าของธุรกิจเสื้อผ้า โดยเฉพาะ ชุดชั้นใน ซาบีน่า



35. นายวิชัย รักศรีอักษร ผู้ก่อตั้งบริษัท คิง เพาเวอร์ ดำเนินกิจการร้านค้าปลอดภาษี



36. นางพรดี ลี้อิสระนุกูล สืบทอดกิจการในเครือกลุ่มบริษัทสิทธิผล จากนายวิทยา ผู้เป็นสามี มีหุ้นอยู่ในสิทธิผลมอเตอร์,ไทย สแตนเลย์ อีเลคทริค และบริษัทร่วมทุน อินูเอะ รับเบอร์



37. นายวิชา พูลวรลักษ์ เจ้าของกิจการ เมเจอร์ ซีนีเพลกซ์ เครือข่ายธุรกิจโรงภาพยนตร์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ



38. นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ เจ้าของกิจการบริษัทก่อสร้าง ช.การช่าง



39. นายเพชร ( นักร้อง และนักดนตรี เจ้าของผลงานเพลง " เพียงชายคนนี้ .. ไม่ใช่ผู้วิเศษ " ที่โด่งดังเมื่อปี พ.ศ. 2530 ) และนายรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ซึ่งทั้งสองเข้ารับช่วงการบริหารบริษัทในเครือโอสถสภา และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ



40. นายพงษ์ศักดิ์ วิทยากร ผู้ก่อตั้ง โรงพยาบาลกรุงเทพ
      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #572 เมื่อ: 28 กันยายน 2553, 12:25:16 »

ทำอย่างไรให้ Flash Drive ปลอดไวรัส

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา‏

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #573 เมื่อ: 29 กันยายน 2553, 11:29:51 »

ทำไมถึงเรียกว่า " ร้อนตับแตก‏ "

เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา‏



ตับจากที่ใช้มุงหลังคา : สิ่งที่เปรียบเทียบ " ร้อนตับแตก "

         คำว่า " ร้อนตับแตก " นี้  ไม่ได้หมายถึง ตับที่เป็นอวัยวะ เครื่องในของเรานะ  แต่มันหมายถึง ใบจาก ที่เราใช้มุงหลังคาบ้าน  ซึ่งเมื่อเวลาตอนที่มันโดนแดดจัดๆ  ร้อน จนร้อนมากๆ  ใบจากที่ถูกเย็บเรียงติดๆ กัน ( เรียกว่าเป็น ตับ ) มันจะแตก  หรือโก่งตัว เบียดกันระหว่างใบในตับ  จนเกิดเสียงดังเปรี๊ยะๆ ( อันนี้คาดว่าน่าจะเป็นใบจากที่ใบหนามากๆ  หรือแก่จัด และแห้งมากๆ )
 
         จนคนสมัยโบราณเอามาเป็น indicator ว่า  ถ้าวันไหนได้ยิน หรือรู้ได้ว่า " ตับจาก " ที่มุงหลังคาบ้าน แตก เมื่อไหร่  วันนั้นเราจะถือว่าร้อนมากๆ  ร้อนจน " ตับแตก "  และไม่ใช่  " ร้อนตับแลบ " นะเออ  !

      บันทึกการเข้า
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #574 เมื่อ: 03 ตุลาคม 2553, 22:53:50 »

ตำลาว … เด้อค่ะเด้อ !

Poomping Praison ... ส่งมา

พาไปล้วงลึกที่มาของ ' ตำลาว ' อาหารสุดหย่อย  ยิ่งใส่ปลาร้า โอ๊ย !  แซ่บหลาย  นอกจากไปชิมร้านตำลาวขนานแท้แล้ว  ยังพาไปเข้าครัวร้านตำแหลกของดาราสาวที่คุณคิดถึง  พร้อมนางเอก-นางร้ายที่ปรารถนาจะมาเล่าว่าทำไมชอบปลาร้ากันนัก



" แซบอีหลี แซบนัวหลาย " วลีสั้นๆ นี้ได้กลายเป็นวลีฮิตติดปากเหล่านักชิมทั้งหลายไปแล้ว  โดยเฉพาะเมื่อได้ลิ้มรสอาหารอีสานรสจัดอย่าง “ ตำลาว ” ส้มตำลาวของอีสาน ขนานแท้นั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำปลาร้า และปูนาดองเท่านั้น  ไม่ใส่น้ำตาลทรายโดยเด็ดขาด  เพราะยิ่งใส่ก็จะทำให้กลิ่นเหม็นคาวของน้ำปลาร้าโชยออกมาได้  นอกจากนี้ยังเพิ่มรสเปรี้ยว และความกลมกล่อมด้วยผักผลไม้พื้นบ้านนานาชนิด  ทั้งมะกอกป่า มะนาว และมะเขือเหลือง

ตำลาวจะแซบ แสบ นัวขนาดไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับ ' รสมือคนตำ ' เป็นสำคัญ

ร้านน้ำตกสีดา ส้มตำลาวกาฬสินธุ์



“ ขายส้มตำอยู่ที่นี่มาเกือบ 40 ปีแล้ว  แรก ๆขายส้มตำอย่างเดียวจานละไม่กี่บาท  จนปัจจุบันนี้ตำลาวจานละ 25 บาท ” คุณป้าสีดา กำแหงพล อายุ 68 ปี เจ้าของร้านน้ำตกสีดา  บอกเล่าผ่านเมโทรไลฟ์

ส้มตำลาว รวมถึงอาหารประเภทอื่น  ดัดแปลง และปรับปรุงสูตรเพื่อให้ถูกปากคนกรุงเทพฯ  มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร - ตำลาวที่ใส่กุ้งแห้งตัวโตๆ และใช้ ' ปูแสมเค็ม' แทน ปูนา
“ ปูแสมเค็มอร่อย และมีเนื้อมากกว่าปูนา  และที่ใส่กุ้งแห้งตัวโตๆ ด้วยนั้น  ก็เพื่อความน่ากินมากขึ้น ”
“ ปลาร้าของที่นี่จะใช้ปลาร้าภาคกลาง ที่เน้นปลาร้าตัวโตๆ  ไม่เค็มจนเกินไปเหมือนปลาร้าที่นำมาจากอีสาน  แล้วจึงนำมาต้ม และปรุงรสตามสูตรเฉพาะของร้าน ”



อาหารแนะนำอื่น - น้ำตกหมู เนื้อรสจัดจ้านถึงเครื่อง , ไก่ย่าง, ปลาดุกย่าง เนื้อนุ่มๆ , ซุปหน่อไม้ที่ใช้หน่อไม้สด , ต้มแซบหมู เนื้อ , ลาบวุ้นเส้น , น้ำตกปลาดุกฟู



ชื่อร้าน ร้านน้ำตกสีดา
ที่ตั้ง บริเวณตลาดนัด วังหลัง
เปิดบริการ 10.00 - 13.00 น.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0-2412-7180



ครกไม้ ไทยลาว ... ของผู้คนสองฝั่งโขง



“ ซำได้เมื่อยามเล้า กินข้าวอยู่เฮือน ” หมายความว่า “ ถ้ามาที่นี่แล้วเหมือนกับได้กลับไปกินข้าวที่บ้านเกิด ”
ร้านครกไม้ไทยลาวเน้นบรรยากาศอีสานเมืองอุบลฯ ที่เรียบง่าย  ปลอดโปร่งเย็นสบายด้วยลมธรรมชาติ
“ ส้มตำลาวของทางร้านมีรสชาติที่จัดจ้านเผ็ด เค็มนำ เป็นรสชาติแบบคนอีสานแท้ๆ  ปลาร้าส่งตรงมาจากเมืองอุบลฯ  ปลาร้าที่ร้านนี้จะต้มสุกเพื่อสุขอนามัยของคนกิน  อาหารของที่นี่ไม่ใส่ผงชูรสเลย  แต่จะชูรส และกลิ่นด้วยน้ำปลาร้าที่ปรุงรสแล้ว ตามสูตรเฉพาะของร้าน  และน้ำปลาดี  เส้นมะละกอดิบ  ใช้มีดสับเป็นเส้น  ความสดกรอบของมะละกอ ” สุชาติ ผาธรรม เจ้าของร้านครกไม้ไทยลาวบอกเล่าผ่านเมโทรไลฟ์



อุปกรณ์หลัก ครกไม้

“ ครกไม้เป็นวัฒนธรรมร่วมของการทำกับข้าวของผู้คนสองฝั่งโขง  เพราะชาวอีสาน และชาวลาวฝั่งซ้าย  จะทำกับข้าวอะไรก็ตามจะต้องใช้ครกเป็นอุปกรณ์สำคัญ  ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของชื่อร้านครกไม้ไทยลาวในวันนี้ ”
ร้านครกไม้ไทยลาวเปิดบริการมากว่า 10 ปีแล้ว  มีอาหารอีสานสไตล์เมืองอุบลฯ นานาชนิด  อาทิ  ไก่อบกะละมัง ( หนังกรอบเนื้อนุ่ม ) เข้าได้ดีกับตำลาว , ลาบ น้ำตก หมู เนื้อ , ปลาเนื้ออ่อนนึ่งจิ้ม

ชื่อร้าน ครกไม้ไทยลาว
ที่ตั้ง เลขที่ 6/257 หมู่ 1 ซอยลาดปลาเค้า 24 แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230
เปิดบริการ เวลา 11.00-23.00 น.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2570-6234-5



ตำแหลก ส้มตำรสแซบ
เปิ้ล วีนัส มีวรรณ์




ร้าน “ ตำแหลก ” เกิดจากความชื่นชอบในรสชาติของส้มตำ  กลิ่นมะนาว กลิ่น กระเทียม น้ำปลา ปูเค็ม ปลาร้า เสียงครกทักทายปลายสากของเจ้าของร้าน...เปิ้ล วีนัส มีวรรณ์  หากดูในมิติของนักชิม และนักทดลอง  วีนัสถือว่าหาตัวจับยากในมิติของผู้ประกอบการ  เธอก็ไม่ได้ขาดหรือพร่องที่จะรับผิดชอบลูกค้าในด้านความสะอาด และใช้วัตถุดิบอย่างดี

ตำส้มตำขายเหมือนกับทำกินเอง  เรียกง่ายๆ ว่าตำแหลกใจป้ำว่างั้นเถอะ  วัตถุดิบที่นี่คุณภาพดี  ซื้อมาแบบวันต่อวัน  ถั่วก็คั่วเอง  ตำปูม้าต้องเผ็ดมากกว่าตำไทย  เอาความเผ็ดกับความเปรี้ยวไปลดกลิ่นปูม้าดอง ( ที่ดองเองกับมือ )  เพราะบางคนอาจจะไม่มั่นใจ  เกรงว่าจะเหม็นคาว



ร้านนี้ครก 5 ใบ - ใบแรก สำหรับยำหอยดอง ปูม้า  ใบที่สองสำหรับปูจืด  ใบที่สามสำหรับตำมั่วมะกอกใส่กะปิ  ใบที่สี่สำหรับตำปลาร้า  และใบที่ห้าสำหรับตำไทย ตำผลไม้
ก่อนลงสาก หนึ่ง. ใช้มะละกอดำเนินฯ  สอง. ตำไทย เส้นขูด , ตำลาวเส้นสับ  สาม.ตำลาวใช้ครกหิน , ตำผลไม้ต้องใช้ครกไม้  สี่. แต่ละครกจะมีวิธีลงสากไม่เหมือนกัน  เพื่อให้เส้นมันกรอบ และไม่แหลกจนเกินไป

เคล็ดลับความอร่อย

มะละกอ - ต้องดำเนินสะดวกเท่านั้น  แช่เย็นธรรมดา “ ถ้าเป็นมะละกอที่อื่นจะตีกลับเลยไม่อร่อย  เส้นเหนียว ”
ปลาร้า - ปลาร้าแดง กับปลาร้าดำผสมกัน  สูตรอยู่ที่การต้ม  ซึ่งจะใส่พวกใบหม่อน และเครื่องเคียงอื่นๆ ลงไปผสมผสาน  ซึ่งรับประกันความอร่อยแซบ และแปลกแน่นอน

ไม่หวงสูตร

“ บางทีลูกค้ามาสั่งตำผลไม้ไปแช่เย็นเพื่อกินตอนเช้า  เปิ้ลบอกว่า พี่ เดี๋ยวเปิ้ลสอนให้  ดูนะว่าเปิ้ลใส่อะไรบ้าง  แต่เขาก็กลับมาอีก  เขาบอกว่า ไม่ได้รสอย่างที่เปิ้ลทำให้กินที่ร้าน  เปิ้ลสอนหมด  เปิ้ลไม่หวง  นิตยสารต่างๆ มาขอสูตรส้มตำ  เปิ้ลก็ให้หมด  แม้แต่วิธีดองปูม้าบอกหมดเลย ”
ส้มตำมากกว่า 20 เมนู  และยังมีอาหารแนะนำอย่างอื่นที่หลากหลาย  อาทิ  ไก่ทอดสมุนไพร , ยำปลาดุกฟู , ตำมะม่วงปลากรอบ , ลาบเป็นคั่วสมุนไพร , แกงหน่อไม้เปรี้ยวไก่บ้าน , ต้มแซบกระดูกหมูอ่อน , ปลาทอดสมุนไพร , ปลาแรดแดดเดียว , ปลากะพงผัดฉ่า ฯลฯ

ชื่อร้าน ร้านตำแหลก
ที่ตั้ง ปากซอยรามคำแหง 120 ถ.สุขาภิบาล 3 กรุงเทพฯ 10240
เปิดบริการเวลา 11.00 น. - 21.30 น. ( หยุดทุกวันพุธที่ 2 และ 4 ของเดือน )
สอบถามรายละเอียด โทร. 0-2728 – 1190 - 1
หมายเหตุ  มื้อเที่ยงและเสาร์ - อาทิตย์  กรุณาโทร. จองโต๊ะก่อนล่วงหน้า


ของแท้ ! ! จับสากมือซ้าย

ไม่เชื่อก็ต้องนิดนึงนะ  เปิ้ล วีนัส มีวรรณ์ เกิดวันพุธ  ราศีกันย์  จึงใช้สีเขียวเป็นสีหลัก  เป็นสีของมะลอกอดิบด้วย  แล้ววงกลมสีแดง  ก็เป็นสีของพริก
จับสากมือซ้าย - เป็นเคล็ดว่า ใช้มือขวาตำจนเมื่อย  เพราะขายดี  จึงต้องเปลี่ยนมาใช้มือซ้ายแทน ! ?
เปรียบตัวเองเป็นส่วนผสมส้มตำ - พริก คือ ความแสบและเผ็ดร้อน

นางเอก VS ปลาร้า
อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ




เมื่อก่อนเธอไม่กินปลาร้า  จนมาเปิดร้านอาหารอีสานก็เลยต้องลองลิ้มความอร่อย  จนติดอกติดใจ  จนถึงวันนี้  เป็นเวลาสักปีกว่าๆ มานี่เอง  “ อั้มกินส้มตำรสจัดมาก  ใส่พริกทีละ10 เม็ด  ชอบกินน้ำปลาร้า  อั้มไม่ได้เลือกร้านไหน  เฉพาะ ร้านรถเข็น  หาบเร่  ตามกองถ่ายกินได้หมด  นี่ก็เพิ่งกินส้มตำปลาร้าที่สยามฯ ไป 3 จานรวด  อั้มก็ตำเป็นนะทำอร่อยด้วย  แต่คนที่ไม่กินเผ็ดจะกินของอั้มไม่ได้  เพราะอั้มตำทีใส่ปลาร้า พร้อมขยุ้มพริกเป็นกำมือ ”

เคล็บลับหลังอาหารกลิ่นแรง  ลูกอมดับกลิ่นปาก และพยายามพูดให้น้อยที่สุด

นางร้าย VS ปลาร้า
เปิ้ล ไอรีณ ศรีแก้ว



 
“ ส้มตำเป็นอาหารบิวตี้สำหรับเปิ้ล  เพราะเวลาจะลดน้ำหนักทีไร  จะนึกถึงและเดือดร้อนส้มตำเป็นอันดับแรกทุกทีเลย  แคลลอรีต่ำ ไม่มีเนื้อสัตว์ และได้แคลเซียมจากปลาร้าสูงที่สุด ( ข้อมูลโภชนาการด้านปลาร้าที่เปิ้ล ไอรีณ บอกนี้  โปรดใช้วิจารณญาณ  ห้ามอ่านเกินวันละ 2 รอบเพราะจะอาจทำให้เข้าใจผิดได้ ) ”
ส้มตำแบบว่าปลาร้าใส่ปู  และใส่น้ำตาลหวานๆ ไม่รับค่ะ
“ ต้องถึงพริกถึงขิงจริงๆ  แบบที่ชาวอีสานเขากิน  ถึงจะได้รู้ถึงรสชาติ  และคำว่า แซบหลาย ใส่พริกสัก 20 เม็ด  ตามด้วยปู และปลาร้าเป็นต่อนโตๆ ด้วย สำคัญที่สุด ”
ร้านประจำของเปิ้ล ไอรีณ  คือ ร้านตำลาวของสามีกิ๊ก-สุวัจนี (ไ ชยมุสิก ) อยู่ตรงซอยลาดพร้าว 35
“ รสชาติที่โดดเด่นของร้านนี้ก็คือ  ส้มตำที่มีรสชาติอีสานดั้งเดิม  ปลาร้าใส่ต่อนโตๆ  กินแกล้มกับสเต๊กปลาบึกร้อนฉ่า และพวกอาหารแปลกๆ  กุ้งเต้นกินทั้งๆ ที่ไม่ตาย  ร้านส้มตำแถวข้างทาง  เปิ้ลก็กินนะ  ร้านประจำอยู่แถวทาวน์อินทาวน์  ซึ่งมันจะปิดดึกมาก ประมาณเที่ยงคืนตีหนึ่ง”

ขั้นตอนตำลาวให้อร่อย



วิธีทำตำลาวให้แซบนัว นั้น

1. มะละกอจะต้องนำมาสับโดยใช้มีดเท่านั้น  ห้ามใช้เครื่องขูดโดยเด็ดขาด  เพราะจะได้เส้นมะละกอที่เล็กบางเกินไป

2. พืชผักรวมถึงเครื่องปรุงทุกอย่าง จะต้องสดใหม่

3. ขั้นตอนของการตำ  เริ่มด้วยการตำพริกขี้หนูสดกับกระเทียมให้แหลกละเอียดในครก  เพื่อให้ได้รสเผ็ดจัดจ้าน

4. เติมพืชผักที่ให้รสเปรี้ยว คือมะเขือเทศ  มะกอกป่าทั้งเปลือก  ที่ให้รสชาติเปรี้ยวอมหวาน  มะนาวทั้งเปลือกที่ช่วยให้มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน  ทีสำคัญจะลืมไม่ได้เลยในส้มตำลาว  นั่นคือมะเขือเหลือง  รสขื่นของมะเขือจะช่วยลดความเค็มของปลาร้า  ทำให้รสชาติของตำลาวกลมกล่อมขึ้น

5. การปรุงรส  เริ่มด้วยใส่น้ำปลาร้าต้มสุกที่ปรุงรสเรียบร้อยแล้ว  ตามด้วยน้ำปลาดี ตามปริมาณชอบใจ

6. ตำลาวจะให้ถึงเครื่อง  ต้องห้ามใส่น้ำตาลโดยเด็ดขาด  เพราะจะเป็นตัวกระตุ้นให้ปลาร้าเกิดกลิ่นที่รุนแรงยิ่งขึ้น

7. คลุกเคล้าให้เข้ากันชิมรสตามชอบ  ต้องเผ็ด เปรี้ยว และเค็มนำ  จากนั้นจึงใส่เส้นมะละกอ  ถั่วฝักยาวหั่น  และปูนาดองต้มสุก  ตำคลุกเคล้าให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จพิธี

หมายเหตุ - รสชาติดั้งเดิมของตำลาวจะเน้นเผ็ด เค็ม ไม่เปรี้ยวมาก  มีน้ำขลุกขลิกจากน้ำปลาร้า และพืชผักต่างๆ

รู้ไหมตำลาว 1 จาน  มีประโยชน์อะไรบ้าง ?



ตำลาว 1 จาน  มีพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยามากมาย  โดยเฉพาะ

มะละกอ  ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลัก  มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงน้ำนมสำหรับสตรีหลังคลอด  ขับพยาธิ  แก้บิด  แก้เลือดออกตามไรฟัน  ริดสีดวงทวาร  ทั้งช่วยย่อยอาหาร  ขับน้ำดี และน้ำเหลือง

มะเขือเทศ  ช่วยระบาย  อุดมด้วยวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ

มะกอกป่า  แก้ธาตุพิการ  ทำให้ชุ่มคอ  พริกขี้หนูรสเผ็ดร้อนช่วยขับลม และเจริญอาหาร

กระเทียม  ช่วยขับลมในลำไส้  ลดน้ำตาลในเลือด

มะนาว  ช่วยฟอกโลหิต  แก้ไอ

ผักแกล้มทั้งหลาย อาทิ กะหล่ำปลี ผักบุ้ง กระถิน ถั่วฝักยาว  มีคุณสมบัติทางยาที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหาร  ทั้งยังเป็นยาระบายอ่อนๆ

ถ้าปลาที่นำมาทำปลาแดกนั้น  หากมีตัวโตๆ หรือค่อนข้างโต  จะต้องสับให้เป็นชิ้นๆ ก่อน  เพื่อให้ความเค็มแทรกซึมเนื้อปลาได้อย่างทั่วถึง

ระยะเวลาที่เหมาะสมในการหมักปลาแดกนั้น ประมาณ 8 -12 เดือน  จึงจะสามารถนำออกมารับประทานได้  หากเร็วเกินไปปลาแดกจะมีกลิ่นคาว  หากหมักต่ออีกนานๆ  ปลาแดกจะมีสีแดงๆ  เมื่อเปิดไหจะส่งกลิ่นหอม  แต่ถ้าใส่เกลือไม่พอกลิ่นของปลาแดกจะแปลกไปเป็นอีกกลิ่นหนึ่ง  คนที่ไม่คุ้นเคยอาจจะบอกว่าเหม็นคาว  แต่คนอีสานจะเรียกปลาแดกชนิดนี้ว่า “ ปลาแดกต่วง ” จะเหมาะมากกับการนำไปปรุงรสส้มตำ  หรือรับประทานกับเส้นขนมจีน  แต่ไม่เหมาะกับการนำไปรับประทานหรือปรุงอาหารอย่างอื่น

ปลาแดกต่วง ถือว่าเป็นปลาแดกคุณภาพต่ำ  ประโยชน์ใช้สอยน้อย  ไม่นิยมซื้อขายแลกเปลี่ยน หรือเป็นของฝาก  อีกทั้งราคามูลค่าก็ต่ำด้วย  ปลาแดกสามารถเก็บไว้ได้นานตลอดทั้งปี  แต่คนอีสานโดยมากจะนำไปรับประทาน  ปรุงอาหาร หรือนำมาขายจนหมด  เมื่อมีปลาแดกรุ่นใหม่เข้ามาแทนที่  ปลาแดกที่มีอายุข้ามปีจึงเป็นสิ่งที่มีราคาแพง และหาได้ยาก

“ ปลาแดก ”
 


คำว่า “ แดก ” ในภาษาอีสาน หรือภาษาลาวเป็นคำกิริยาที่แสดงอาการ มีความหมายถึงการดัน  การยัดสิ่งหนึ่งเข้าไปในภาชนะ หรือสิ่งของอีกสิ่งหนึ่ง เมื่อคำว่า “ แดก ” มารวมกับคำว่า “ ปลา ” จึงหมายถึงว่า การดัน หรือยัดปลาเข้าไปในไห

“ แดก ” มาจากคำว่า “ แหลก ” คือปลาที่นำมาทำปลาแดกนี้ จะเป็นปลาเล็ก ปลาน้อย  หรือปลาชิ้นใหญ่ ก็จะนำมาสับหรือตำให้ “ แหลก ” เพื่อให้เกลือซึมซับเข้าเนื้อปลาได้อย่างทั่วถึง

ส่วนประกอบหลักของการทำปลาแดกนั้น  มี 3 อย่างด้วยกันคือ ปลา , รำข้าว หรือข้าวคั่ว และเกลือสินเธาว์

ชนิดของปลาแดก

1.ปลาแดกปลาใหญ่  คือปลาแดกอย่างดี ใช้ปลาตัวใหญ่  หมัก 1 ปีขึ้นไป  สนนราคาจะอยู่ที่ 200-300 บาทต่อ 1 กิโลกรัม  แหล่งผลิตคืออุบลราชธานีกับกาฬสินธุ์

2.ปลาแดกผสม  ทำมาจากปลาหลายๆ ชนิดรวมกัน  หมัก 8 - 12 เดือน  สนนราคาจะรองลงมาหน่อย  ชาวบ้านทั่วไปจะทำไว้เพื่อรับประทานเองในครอบครัว

3.ปลาแดกปลาน้อย  ทำจากปลาตัวเล็กตัวน้อย  รวมทั้งกุ้งฝอย  ใช้เวลาหมักน้อยที่สุดไม่เกิน 1-2 เดือน  รสชาติของปลาร้าชนิดนี้จะออกเปรี้ยว  ชาวอีสานเรียก “ ส้มปลาน้อย ”

4.ปลาแดกต่วง  คือปลาแดกที่ใส่เกลือน้อยๆ ในตอนหมัก  มีกลิ่นแรง  เป็นสิ่งที่โปรดปรานสำหรับบางคน

5.ปลาแดกอึ่ง  ทำมาจากอึ่งอ่าง  เป็นปลาแดกอีกประเภทหนึ่งซึ่งหากินยากที่สุด  พบเฉพาะในท้องถิ่นที่อึ่งอ่างชุกชุมเท่านั้น
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 21 22 [23] 24 25 ... 29  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><