khesorn mueller
|
|
« ตอบ #425 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2552, 08:22:50 » |
|
แม่นอะไรเช่นนี้คะ. โอ้ววว.....
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #426 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2552, 19:00:23 » |
|
คนวันจันทร์ บอก แล้วว่าดวงจันทร์ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ไง มืดกับสว่างแต่ไม่ใช่ว่าคนเกิดวันจันทร์จะมีนิสัยไม่ดีด้านมืดนะจ๊ะ แต่กลับตรงกันข้ามในบางด้านโดดเด่น คนที่เกิดวันจันทร์ เป็นคนที่ไม่ใจร้อนเหมือนคนวันอาทิตย์แต่ออกแนวโลเลไปมากว่า จะตัดสินใจอะไรได้สักอย่าง ตัดสินใจไม่ค่อยเก่งเดี๋ยวเอาเดี๋ยวไม่เอา ไม่คอยเชื่อมั่นในตัวเอง มองโลกในแง่ดี มักถูกหลอกได้ง่าย ๆ และบ่อย ๆ ก็บอกแล้วไงว่าดวงจันทร์มักเกี่ยวข้องกับน้ำขึ้นน้ำลงและอารมณ์ของมนุษย์ คน เกิดวันจันทร์จึงเอาแน่ไม่ค่อยได้เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เจ้าอารมณ์ขี้เกรงใจ น้อยใจเอาแต่ใจ แสนงอน ขี้อิจฉา ใจอ่อน บอบบางไม่แข็งแรงเหมือนคนวันอาทิตย์ แต่การพูดจามักไพเราะเป็นที่น่าฟัง ไม่ชอบความรุนแรง มีความอ่อนโยนมากกว่า มีเสน่ห์น่ารักในตัว อย่างเห็นได้ชัด มีจิตใจไวต่อความรัก เจ้าชู้ มินิสัยคล้ายเด็กอยู่ในตัว คือ อยากรู้อยากเห็นอยากได้โน่นได้นี่ พอได้รู้ได้เห็นแล้วก็เบื่ออยากเล่นอย่างอื่น ๆ หรือมองหาของใหม่ แล้วก็เป็นคนสนุกสนานแจ่มใสร่าเริง อารมณ์ดี รักสนุก รักธรรมชาติ รักสวยรักงาม ร้องเพลงเก่ง โรแมนติก
หน้าที่การงาน มักจะทำงาน อะไรที่นุ่มนวล เช่น พยาบาล หรืออาชีพที่เกี่ยวข้องกับน้ำ หรือธาตุเหลวต่าง ๆ หรือทำงานใกล้หรือในสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับน้ำเป็นส่วนใหญ่ หรือ เกี่ยวข้องกับสาธารณะชน เพราะมีเสน่ห์ดึงดูด สีที่เกี่ยวข้อง สีขาว นวล สีครีม สีเหลือง สีไข่มุก สุขภาพ โรคที่เกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง โรคที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน้าอก เต้านม และหลัง
เหมือนผมเลยพี่เจี๊ยบ
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #427 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2552, 20:00:02 » |
|
พี่เกิดวันจันทร์เรอะพี่ตุ๋ย?
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #428 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2552, 19:59:51 » |
|
ครับผม ผมเกิดวันจันทร์ ครับน้องหนุงหนิง
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #429 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2552, 20:14:26 » |
|
ศุกร์ปากหวาน-อังคารรับเอา.. ว้า,ม่ายสมพงศ์! (แต่อย่าห่วงคะ...แควนหนิงพฤหัส ก็เห็นอยู่กันได้นิ)
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #430 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2552, 10:41:01 » |
|
อันดับประเทศไทย ... ในอันดับโลก ! !
มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา
-อาหารไทยเป็นอาหารยอดนิยม ติด 1 ใน 5 ของโลก ร่วมกับ อาหารฝรั่งเศส อิตาเลียน ญี่ปุ่น จีน ทั่วโลกมีร้านอาหารไทย 6,000 แห่ง อยู่ในสหรัฐ 3,000 แห่ง มีลูกค้าเข้ามารับประทานเฉลี่ยนวันละ 3 ล้านคน ( 2545 )
- คนไทยมีสถิติดื่มสุราสูงสุดเป็นอันดับ 5 ของโลก ( 2546 )
- ไทยเป็นผู้ส่งออกใหญ่ที่สุดอันดับที่ 4 ของโลก ในการส่งออกรถยนต์ไปยังสิงคโปร์ ( 2546 )
- ไทยติดอันดับละเมิดลิขสิทธิ์ 1 ใน 10 ของโลก มูลค่าตลาดสูงกว่า 1,600 ล้านบาท เป็นอันดับ 3 ในเอเชียรองจากจีน และไต้หวัน ( 2546 )
- ไทยเป็นชาติที่ร่ำรวยที่สุด อันดับ 32 ของโลก จากการจัดอันดับของธนานคารโลก ส่วนอันดับ 1-10 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี จีน สเปน แคนาดา และอินเดีย ( 2547 )
- ไทย ติดอันดับประเทศน่าลงทุนติดอันดับที่ 20 ของโลก จากทั้งหมด 155 อันดับ ถือเป็นประเทศที่มีผลงานที่ดีที่สุดประเทศหนึ่ง แซงหน้ามาเลเซียและเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 21 และไต้หวันที่อันดับ 35 ( 2548 )
- ไทยติดอันดับอันดับ 5 ของโลก ในการเผยแพร่เว็บลามก ( 2549 )
- กรุงเทพ มหานครได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวอยากเดินทางมามากที่สุดในทวีปเอเชีย และเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากฟลอเรนซ์ และโรม ในขณะที่เชียงใหม่ อยู่อันดับที่ 5 ( 2549 )
- สนามบินของไทยมีผู้ใช้บริการมากที่สุด เป็นอันดับ 11 ของโลก ( ยังไม่นับตอนสุวรรณภูมิเปิด ) ( 2549 )
- ไทยถูกจัดอันดับเป็นประเทศที่มีความสุขที่ 44 ของโลก ในเอเชียนั้น ฟิลิปปินส์อันดับที่ 23 อินโดนีเซียอันดับที่ 31 จีนอันดับที่ 32 ไทยอันดับที่ 44 มาเลเซียอันดับที่ 66 อินเดียอันดับที่ 64 ฮ่องกงอันดับที่ 89 ( 2549 )
- วัยรุ่นไทยติดอันดับ 1 ของโลกในการเล่นเว็บแคมฟร็อก โดยห้องแชตสุดฮิต อันดับ 1-60 เป็นห้องของคนไทย 55 ห้อง ( 2550 )
- ปตท. เป็นบริษัทไทยแห่งเดียวที่ติดอันดับในกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ 500 อันดับแรกของโลก จากผลการสำรวจประจำปี 2007 เป็นอันดับที่ 41 ในเอเชีย และเฉพาะในภาคธุรกิจการกลั่นปิโตรเลียม ปตท.อยู่ในอันดับที่ 22 ของโลก ( 2550 )
- ผู้บริหารระดับสูงของไทย ติดอันดับมีรายได้เฉลี่ยสูงสุดอันที่ 8 ของโลก ในรายชื่ออันดับอำนาจการซื้อผู้บริหาร
อันดับ 1. ซาอุดิอาระเบีย อันดับ 2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อันดับ 3. ฮ่องกง อันดับ 4. รัสเซีย อันดับ 5. ตุรกี อันดับ 6. เม็กซิโก อันดับ 7. ยูเครน อันดับ 8. ไทย อันดับ 9. สิงคโปร์ ( 2550 )
- ประเทศไทยจัดเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับที่ 19 ของโลก คือมีจำนวนประมาณ 63 ล้านคน
- ในการแข่งขันชีววิทยาโอลิมปิก 2550 เด็กไทยคว้ารางวัล คะแนนสูงสุด อันดับ 1 ของโลก ( 2550 )
- ประเทศไทยเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวที่สำคัญของโลก สามารถผลิตข้าวได้ประมาณ 27 ล้านตัน จัดเป็นอันดับ 6 ของโลก มีการส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลก มูลค่า 1 แสนล้านบาท แบ่งเป็นข้าวสารร้อยละ 97 และผลิตภัณฑ์จากข้าวร้อยละ 7 แต่ถึงแม้ประเทศไทยจะส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่ไม่มีอำนาจในการกำหนดราคาข้าวในตลาดโลกเลย ( 2550 )
- ไทยติดอันดับประเทศที่ใช้จักรยานยนต์มากเป็นอันดับ 3 ของโลก เฉลี่ย 3 คน ต่อ 1 คัน ( 2550 )
- มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เป็นมหาวิทยาลัยที่สวยที่สุด เป็นอันดับ 2 ของโลก ( 2550 )
- ไทยจับปลาได้เป็นอันดับ 9 ของโลก
-รายชื่อมหาวิทยาลัยไทยที่ติดอันดับ 1 ใน 3,000 ของโลก อันดับที่ 505 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 577 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 721 สถาบันเทคโนโลยีเอเซีย ( เอไอที ) 861 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 894 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 896 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 909 มหาวิทยาลัยมหิดล 1009 มหาวิทยาลัยขอนแก่น 1195 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ 1419 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า 1460 สถาบันทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารฯ 1735 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี 1801 มหาวิทยาลัยรามคำแหง 1811 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ 2068 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 2109 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ 2125 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 2180 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 2181 มหาวิทยาลัยบูรพา 2196 มหาวิยาลัยศิลปากร 2204 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 2374 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต 2602 มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ 2635 มหาวิทยาลัยรังสิต 2922 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
- จริงๆ ประเทศไทยก็มีนัก HACKER สุดยอด อันดับ 3 ของโลกด้วยนะ ( แต่ว่าถูกจับไปแล้ว )
- ไทยมีพิพิธภัณฑ์มากเป็นอันดับ 2 ของโลก
- ทางยกระดับ บางนา-ตราด เป็นทางด่วนยกระดับที่ยาวที่สุดในโลก
- ไทยมีดัชนีการพัฒนามนุษย์อยู่ที่อันดับที่ 63 ของโลก ( 2549 )
- ไทยมีจํานวนผู้ป่วยโรคเอดส์มากเป็นอันดับที่ 21 ของโลก ( 2549 )
|
|
|
|
Aj.O
|
|
« ตอบ #431 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2552, 18:09:58 » |
|
ใช้เป็นไฟฉายก็ได้ครับ...เช่นกรณีส่องหาของที่ตกหล่นในที่มืด แต่ไม่รกมาก มือถือบางรุ่น ไฟจากหน้าปัดสว่างมากพอจะใช้ส่องของในที่มืดได้ครับ
|
...
|
|
|
Aj.O
|
|
« ตอบ #432 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2552, 18:11:49 » |
|
ใกล้เคียงครับ ราวๆ 75 % (ผมก็เกิดวันจันทร์ครับ)
|
...
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #433 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2552, 20:00:51 » |
|
โห,น้องโอ ไปขุดมาจากไหนเนี่ย? ตั้งกะปี 2550
|
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #435 เมื่อ: 07 ธันวาคม 2552, 17:58:47 » |
|
หนิงจะเลิกดื่มกาแฟเอาน่ะสิคะ พี่หมอ.
|
|
|
|
jamsai
Full Member
ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์
กระทู้: 416
|
|
« ตอบ #436 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2552, 14:21:41 » |
|
ฟังไว้ ฟังไว้ นะคะ เหตุใด คนญี่ปุ่นจึงไม่ดื่มชาเขียวแช่เย็นอย่างเด็ดขาด เรื่องจริงที่คนไทยไม่รุ้............... ชาเขียว เป็นชาที่คนญี่ปุ่นรู้จักกันมานานกว่า 100 ปี ในขณะที่คนไทยเพิ่งรู้จัก กันไม่เกิน 10 ปีมานี้เอง คนญี่ปุ่นนิยมดื่มชาเขียวร้อนร้อนกัน
เพราะได้พิสูจน์ แล้วว่าชาเขียวร้อนมีคุณสมบัติลดอนุมูลอิสระที่เป็นพิษในร่างกายคนเราให้ขับออก มาทางอุจจาระ และขับไขมันส่วนเกินออกมาทางปัสสาวะและอุจจาระ ชาเขียวชึ่งทำให้ร่างกายสามารถขับพิษ และลดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย อันเป็นคุณสมบัติเฉพาะของชาเขียวร้อน ที่คนญี่ปุ่นนิยมดื่มกันตั้งแต่เด็กจนแก่ แต่.... คนไทย นิยมดื่มชาเขียวแช่เย็น ซึ่งคนไทยส่วนมากไม่เคยรู้จักคุณสมบัติที่แท้จริง ของชาเขียวเลย ทำให้คนญี่ปุ่นรุ้สึกขบขันในใจแถมหัวเราะเยาะในใจว่าในอนาคตอันใกล้นี้ คนไทยจะมีร่างกายที่อ่อนแอกว่าคนญี่ปุ่น เพราะอะไรงั้นหรือ...เพราะว่า ชาเขียวที่มีคุณอนันต์นั้น ย่อมมีโทษมหันต์เช่นกัน เพราะชาเขียว จะมีประโยชน์ ต่อร่างกายในขณะที่ร้อนอยู่เท่านั้น ในทางกลับกันหากดื่มชาเขียวตอนที่เย็น แล้วกลับทำให้เกิดโทษต่อร่างกาย กล่าวคือ การดื่มชาเขียวแช่เย็น นอกจากไม่ช่วย ในการลดอนุมูลอิสระสารพิษออกจากร่างกายได้แล้วยังก่อให้เกิดการเกาะตัวแน่นของ สารพิษดังกล่าวอันเป็นสาเหตุของมะเร็ง นอกจากนี้ ชาเขียวเย็นยังส่งผลให้ไขมันใน ร่างกายก่อตัว มากขึ้นตามผนังหลอดเลือด และอุดตันตามผนังลำไส้ ทำให้เกิดโรคร้าย ตามมา อาทิเช่น หลอดเลือดหัวใจอุดตัน มะเร็งลำไส้ เส้นเลือดตีบ ฯลฯ เหล่านี้ เป็นต้น เรายังมีการทดสอบให้เห็นอย่างง่าย ๆและชัดเจนเกี่ยวกับอันตรายที่กล่าว มาเบื้องต้นนี้ให้ท่านเห็นได้ด้วยตนเอง โดยการนำชาเขียวแช่เย็น ยิ่งเย็นยิ่ง เห็นชัด นำมาเทลงในชามก๊วยเตี๊ยว จะพบว่าหลังจากเทชาเขียวแช่เย็นลงไปได้ครู่ เดียว จะมีคราบไขมันลอยเห็นเป็นคราบบนน้ำซุป หรือเกาะเป็นคราบที่ชามก๊วยเตี๊ยว ทันที แล้วร่างกายท่านล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อดื่มชาเขียวแช่เย็นเข้า ไป...........สยองไหมละ ดังนั้นคนญี่ปุ่นจึงไม่ดื่มชาเขียวเย็น
|
ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #437 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2552, 02:00:01 » |
|
อาจารย์แจ่มใส ขา ... ดีใจจังที่ได้พี่น่ารักๆ มาร่วมแบ่งปันความรู้สู่กันฟัง เพิ่มขึ้นอีกคนนึงค่ะ ...
ครั้งแรกที่อ่านเรื่องนี้ ในใจก็คิดหาสารพัดเหตุผลมาโต้แย้งข้อความทั้ง 5 paragraph นี่ ... ยังไงๆ ครูวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่ชื่อ " เจี๊ยบ " ก็ยังไม่ยอมปักใจเชื่อ คิดหาทางจะพิสูจน์ความจริงยังไงดีน้อ ... จา mail ไปถามเภสัชกรเหยง " คุณหลวงรอบรู้ " ประจำรุ่น 16 ดี หรือจาถาม Dr.Masatoshi-ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง " ลดโลกร้อน " หรือจาถาม Dr.Iwata-อดีตศาสตราจารย์ทางเคมี ที่ ม.ช. ดีน้อ แล้วชาวญี่ปุ่นที่เรารู้จักเนี่ย เค้าก็คงจะตอบเราในฐานะผู้บริโภคชาเขียวเท่านั้น คงจะไม่มีเวลาไปค้นคว้าเรื่อง " ชาเขียวร้อน-เย็น " มาให้เราแหงเลย
นึกขึ้นได้ ถามอาจารย์ Google ก่อนดีกว่า ... โป๊ะเช๊ะ ! เจอข้อเขียนข้างบนนี้ เผยแพร่ในปี พ.ศ.2548 ซึ่งต่อมาคุณหมอบรรจบ และคุณสง่าได้ลงข้อเขียนอธิบายไว้ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เมื่อกลางปี 2550 ไว้ ความว่า ... ช่วงหลายปีที่ผ่านมา “ชาเขียว ” กลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยม เพราะการโหมโฆษณายกย่องสรรพคุณแสนวิเศษว่าเป็นน้ำมหัศจรรย์ดีเลิศ ช่วยยับยั้งป้องกันสารพัดโรค ไม่ว่าจะเป็นมะเร็ง หัวใจ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล แม้กระทั่งป้องกันฟันผุ จนชาเขียวถูกนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์อีกมากมายหลายชนิดทั้งเค้กชาเขียว ยาสีฟัน ไม่เว้นแม้กระทั่ง ... ผ้าอนามัย
ความจริงที่หลายคนยังไม่รู้คือ การดื่มชาเขียวอาจไม่ได้ช่วยให้เกิดประโยชน์อะไรต่อร่างกายเลยหากดื่มไม่ถูกต้อง ไม่ถูกวิธี นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ธรรมชาติบำบัด ผู้อำนวยการศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี และสง่า ดามาพงศ์ นักโภชนาการและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข จะช่วยแนะนำและไขข้อข้องใจในการดื่มชาเขียวให้กระจ่างยิ่งขึ้น
นพ.บรรจบอธิบายว่า ทราบกันดีว่าชาเขียวมีสารแคซิทิน ( catecihns ) ซึ่งเป็นสารแทนนิน ( tannin ) ชนิดหนึ่งในชาเขียว มีฤทธิ์เป็นสารต้านการเกิดมะเร็ง แต่สารดังกล่าวไม่ได้มีเฉพาะในชาเขียวเท่านั้น ชาแดง ชาอังกฤษ ก็มีสารนี้เหมือนกัน แต่การที่ชาเขียวโด่งดังมาก เป็นเพราะในช่วงปี 2540 กองทุนวิจัยมะเร็งโลก สหรัฐอเมริกา ได้มีการรวบรวมงานวิจัยกว่า 4,000 ชิ้น เกี่ยวกับอาหารที่สามารถป้องกันมะเร็ง ซึ่งมีรายงานวิจัยจำนวนมากที่ระบุว่าชาเขียวป้องกันมะเร็งได้
อย่างไรก็ตาม จริงๆ แล้วการกินชาเขียวให้ได้สารต้านอนุมูลอิสระ จะต้องชงชาเขียวเข้มข้นแบบญี่ปุ่น และต้องดื่มชาเขียวอย่างน้อยวันละ 20 แก้ว เป็นประจำทุกวัน จึงจะสามารถป้องกันมะเร็งได้ ซึ่งในทางปฏิบัติอาจทำได้ยาก
นพ.บรรจบบอกต่อว่า การดื่มชาเขียวในปัจจุบัน เป็นการฉวยโอกาสทางการค้า เป็นการสร้างกระแสความนิยมในวัยรุ่นให้ดื่มเครื่องดื่มชาเขียวบรรจุขวด ซึ่งเกิดประโยชน์น้อย เพราะน้ำชาเขียวที่ดื่มกันนั้น เป็นชาเขียวเจือจางที่ร้ายกว่านั้นคือ การปรุงรสแต่งกลิ่นใส่น้ำตาล แทนที่จะได้ประโยชน์ อาจทำให้เกิดโรคอ้วน ดื่มมากๆ อาจทำให้สมาธิสั้น ประโยชน์จึงได้แค่เพียงชื่นใจ และดับกระหายเท่านั้น
ขณะที่สง่า ดามาพงศ์ นักโภชนาการและโฆษกกระทรวงสาธารณสุขให้ความรู้ว่า ในญี่ปุ่นและจีนมีการดื่มชาเขียวมานานนับพันๆ ปี มีพิธีชงชาที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เรียกว่าดื่มกันแทนน้ำ แต่ชาของญี่ปุ่นเป็นน้ำชาเข้มข้น ที่ดื่มกันร้อนๆ หลังมื้ออาหาร ทำให้คนญี่ปุ่นสุขภาพแข็งแรง มะเร็งบางชนิดไม่เกิดขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากสารโพลีฟีนอลที่มีอยู่ในยอดใบชาเขียว ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็ง
“ แต่คนไทยฟังไม่ได้ศัพท์ จับบางประโยคมาแล้วกินตาม แถมกินร้อนก็ไม่ได้ เพราะประเทศไทยอากาศร้อน แล้วก็ต้องใส่น้ำตาลเพิ่มรสชาติให้อร่อยถูกใจ กินกันทั้งบ้านทั้งเมือง โดยที่ไม่รู้ว่ามีคุณสมบัติตามที่มีการกล่าวอ้างจริงหรือไม่ ซึ่งจากการวิเคราะห์หาคุณประโยชน์แล้วก็พบว่า ชาเขียวมีค่าเท่ากับการดื่มน้ำเปล่า และไม่มีสารอาหารวิตามินแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ถือเป็นน้ำเปล่าที่มีราคาแพงด้วยซ้ำ ”
อาจารย์สง่าบอกอีกว่า ที่น่าเป็นห่วงคือ กาเฟอีนในขวดชาเขียว ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีการประกาศควบคุมกาเฟอีนในชาเขียวพร้อมดื่มจะสามารถมีกาเฟอีนได้ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อ 1 ขวด แต่ในท้องตลาดที่มีการสำรวจกลับพบว่า มีกาเฟอีนเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดมากถึง 65% ขณะที่ร่างกายของคนเราสามารถรับกาเฟอีนได้ไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อวัน แต่กาเฟอีนมีอยู่ในเครื่องดื่มหลายประเภททั้งชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มน้ำอัดลม ดังนั้น ถ้าได้รับกาเฟอีนเกินที่ร่างกายรับได้ ก็อาจทำให้เกิดหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
อย่างในรายที่เกิดเป็นข่าวก่อนหน้านี้ นอกจากจะมีผลต่อการทำงานของหัวใจ และไตแล้ว ยังมีผลต่อโรคกระเพาะอักเสบ ซึ่งในส่วนประกอบของชาเขียวนอกจากจะมีกาเฟอีนแล้ว ก็มักจะผสมน้ำตาลหรือน้ำผึ้งที่ให้ความหวานสูง เทียบได้กับการดื่มน้ำอัดลมที่เป็นสาเหตุให้เกิดไขมันสะสมเป็นโรคอ้วนได้ ดังนั้นการบริโภคชาเขียวเพื่อมุ่งหวังประโยชน์ด้านสุขภาพ ควรตระหนักในเรื่องปริมาณกาเฟอีน และน้ำตาลมากที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยที่สะพัดทั่วอินเทอร์เน็ตซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ คือ การที่ระบุว่า การดื่มชาเขียวเย็นไม่เกิดประโยชน์แล้วกลับทำให้เกิดโทษต่อร่างกาย กล่าวคือการดื่มชาเขียวแช่เย็น ก่อให้เกิดการเกาะตัวแน่นของสารพิษที่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง นอกจากนี้ชาเขียวเย็นยังส่งผลให้ไขมันใน ร่างกายก่อตัวมากขึ้นตามผนังหลอดเลือด และอุดตันตามผนังลำไส้ ทำให้เกิดโรคร้ายตามมา เช่น หลอดเลือดหัวใจอุดตัน มะเร็งลำไส้ เส้นเลือดตีบ ฯลฯ นั้น
นักโภชนาการ กระทรวงสาธารณสุข บอกว่า การดื่มชาเขียวเย็นแล้วจะทำให้เกิดพิษภัยต่างๆ นานา ที่กล่าวมานั้น ขณะนี้ไม่มีหลักฐานการวิจัยยืนยัน หรือแม้แต่การดื่มชาเขียวร้อน แม้ว่ายอดใบชาจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ป้องกันการเกิดมะเร็งได้จริง แต่ก็ไม่มีผลวิจัยที่ชัดเจนว่าการดื่มชาเขียวในคนจะช่วยยับยั้งการเกิดมะเร็งได้
ขณะที่นพ.บรรจบ เสริมว่า ดังนั้นไม่ว่าจะดื่มชาเขียวร้อน หรือเย็นก็ไม่ต่างกัน เนื่องจากวิธีการดื่มของคนไทยเป็นวิธีที่ไม่ทำให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควร ไม่ใช่ดื่มแล้วจะเป็นมะเร็งหรือก่อโรคนั้นโรคนี้ อย่าเชื่อข่าวลือ หรือข่าวทางอินเทอร์เน็ตที่ไม่มีที่มาที่ไปมากเกินไป ควรจะใช้วิจารณญาณ ซึ่งผู้บริโภคสมัยนี้ควรจะศึกษาข้อมูลความรู้มากๆ เพราะกระแสโฆษณา หรือข่าวลืออาจทำให้ไขว้เขวได้เหมือนกัน
“ ดังนั้น หากมีเงิน แล้วอยากกิน ก็กินไปไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าต้องการดื่มเพื่อสุขภาพ แค่น้ำเปล่าก็เพียงพอแล้ว หรืออยากให้มีรสชาติก็แนะให้ดื่มชาสมุนไพรไทยๆ ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระ ไม่ต้องเห่อของต่างชาติ ซึ่งในการรักษาด้วยธรรมชาติบำบัด มักจะให้ข้อมูล และศึกษาสรรพคุณของสมุนไพรแต่ละชนิด ว่าดีต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง แล้วเลือกดื่ม เช่น ถ้ามีปัญญาทางเดินปัสสาวะอักเสบ ซึ่งผู้หญิงที่ชอบอั้นปัสสาวะเป็นกันมากให้ดื่มชาหญ้าหนวดแมว หรือถ้านอนไม่หลับก็ลองดื่มชาชุมเห็ดไทย หากความดันเลือดสูง ให้ดื่มชาตะไคร้ใบเนียม และหากอาหารไม่ย่อย ชาตะไคร้ก็จะได้ผลดี ที่สำคัญคือ ความเข้มข้นของน้ำ และไม่ควรเติมน้ำตาลจนหวานเกินไป "
ที่มา...หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2550
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #438 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2552, 02:11:23 » |
|
และที่แน่นอน นอนแน่ ยิ่งกว่าแช่แป้ง " ชาเขียวเย็น " ได้เนรมิตรทรัพย์สินมหาศาลให้นักธุรกิจไทย กลายมาเป็นเจ้าของโครงการ resort หรู แสนสวย สไตล์โมร็อคโค ที่ปราณบุรี ... ดูรูปแล้วอยากไปดื่มด่ำบรรยากาศของประเทศเล็กๆ แต่หรู ในยุโรป ซัก 2-3 คืน อ่ะค่ะ ... อยากไปดู อยากไปพัก อยากไปจังเล้ย ...
http://www.marketatnation.com/Gallery/ShowGallery.aspx?ID=2612
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #439 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2552, 03:30:22 » |
|
เปิดทำเนียบอาหาร " แพงที่สุดในโลก "เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา1. เครื่องเทศแพงที่สุดในโลก - แซฟฟรอน
แซฟฟรอน เป็นเครื่องเทศที่ได้มาจากเกสรตัวเมีย ( สีแดงอมส้ม ) ของดอกแซฟฟรอน โครคัส ซึ่งแต่ละดอกจะมีเพียง 3 เกสรเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การที่จะผลิตแซฟฟรอนแห้งให้ได้น้ำหนักเพียง 1 ปอนด์ ( 0.45 ก..ก. ) จะต้องใช้ดอกแซฟฟรอน โครคัส มากถึง 50,000-75,000 ดอก หรือปริมาณมากเท่ากับ 1 สนามฟุตบอลเลยทีเดียว
ดอกโครคัส พบได้ในหลายพื้นที่ทั่วโลก อาทิ ประเทศสเปน กรีซ อิหร่าน อินเดีย โมร็อกโก เป็นต้น แต่ประเทศที่ผลิตเครื่องเทศแซฟฟรอนได้มากที่สุดในโลกก็คือ อิหร่าน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 94 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณการผลิตทั่วโลก
ประเทศที่นิยมใช้แซฟฟรอนเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารได้แก่ อิหร่าน และประเทศอาหรับอื่นๆ รวมถึงประเทศในแถบเอเชียกลาง อินเดีย ตุรกี ยุโรป ฯลฯ
ราคาขายส่งและขายปลีกของเครื่องเทศชนิดนี้อยู่ที่ระหว่าง 500-5,000 เหรียญสหรัฐต่อหนึ่งปอนด์ (ราว 17,000-170,000 บาท/0.45 ก.ก) หรือ 1,100-11,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. (ราว 37,400 - 374,000 บาท/ก.ก.)
2. ถั่วแพงที่สุดในโลก - แมคคาเดเมีย
ถั่วที่มีราคาแพงที่สุดในโลก คือ ถั่วแมคคาเดเมีย ถั่วชนิดนี้จะให้ผลผลิตต่อเมื่อมีอายุตั้งแต่ 7-10 ปีขึ้นไป ซึ่งการปลูก ให้ได้ผลผลิตที่ดีนั้นจะต้องหมั่นคอยดูแลใส่ปุ๋ย และปลูกในที่ๆ มีฝนตกชุก
ถั่วชนิดนี้เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน โดยมีถิ่นกำเนิดที่ประเทศออสเตรเลียมากถึง 7 สายพันธุ์ ที่นิว คาเลโดเนีย 1 สายพันธุ์ และ ที่เมืองสุลาเวสี ประเทศอินโดนีเซีย อีก 1 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่มีความสำคัญ และมีมูลค่าในเชิงการค้ามากที่สุดมีเพียง 2 สายพันธุ์ คือ Macadamia integrifolia และ Macadamia tetraphylla ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในรัฐนิวเซาธ์ เวลส์ และควีนสแลนด์ ของประเทศออสเตรเลีย
ไร่แมคคาเดเมียที่ปลูกขึ้นเพื่อการค้าเป็นครั้งแรก เกิดขึ้นในช่วงต้นของยุคปี ค.ศ. 1880 (พ.ศ. 2423) ในรัฐนิวเซาธ์ เวลส์ ของประเทศออสเตรเลีย อีก 2 ปีต่อมาได้มีการนำเข้าเมล็ดพันธุ์แมคคาเดเมียจากออสเตรเลียไปทดลองปลูกที่ฮาวาย นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1920 (พ.ศ. 2463) เป็นต้นมาจึงเริ่มมีการปลูกแมคคาเดเมียในเชิงการค้าที่ฮาวาย
นอกจาก ออสเตรเลีย และฮาวายแล้ว ยังมีประเทศอื่นๆ ที่ปลูกแมคคาเดเมียเป็นพืชเศรษฐกิจอีก ได้แก่แอฟริกาใต้ บราซิล สหรัฐอเมริกา (แคลิฟอร์เนีย ) คอสตา ริก้า อิสราเอล เคนย่า โบลิเวีย นิวซีแลนด์ และมาลาวี โดยมีออสเตรเลียเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก
สำหรับราคาขายของถั่วชนิดนี้จะอยู่ที่มากกว่า 30 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. ( มากกว่า 1 พันบาท / ก.ก.)
3. ไข่ปลาคาเวียร์แพงที่สุดในโลก - เบลูก้า คาเวียร์
ไข่ปลาคาเวียร์แพงที่สุดในโลก ไม่ได้มีสีดำอย่างที่หลายท่านคุ้นเคย แต่เป็นชนิดที่มีสีเทาอ่อนๆ ไล่ลงมาจนเกือบขาว ตามอายุของปลา ยิ่งปลาอายุมากไข่ก็จะมีสีอ่อนลง และมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ
ไข่ปลาคาเวียร์อัลมาส ( ภาษาเปอร์เซี่ยนแปลว่า " เพชร " ) ที่ได้มาจากปลา " เบลูก้า สเตอเจี้ยน " อายุหนึ่งร้อยปีขึ้นไป ถือเป็นไข่ปลาคาเวียร์ที่หายากที่สุด และมีราคาแพงที่สุด โดยมีราคาสูงถึงเกือบ 25,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. ( ประมาณ 850,000 บาท/ก.ก. ) ในขณะที่ราคาเฉลี่ยของเบลูก้า คาเวียร์ โดยทั่วไปในปัจจุบันจะอยู่ที่ 7,000-10,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. (ราว 2.38 -3.4 แสนบาท/ก.ก.)
ปลา " เบลูก้า สเตอเจี้ยน " มีถิ่นอาศัยอยู่ในทะเลแคสเปียน ซึ่งเป็นทะเลปิดที่อยู่ระหว่างทวีปเอเชียกับทวีปยุโรป อันเป็นพรมแดน ของประเทศรัสเซีย อาเซอร์ไบจาน อิหร่าน เติร์กเมนิสถาน และประเทศคาซัคสถาน บางครั้งอาจพบปลาดังกล่าวอาศัยอยู่ ในแถบทะเลดำ นานๆ ครั้งจึงโผล่ให้เห็นในทะเลอาเดรียติก ปลาชนิดนี้จะถือว่าโตเต็มที่พร้อมให้ผลผลิต ( ไข่ ) เมื่อมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป
4. เห็ดแพงที่สุดในโลก - ทรัฟเฟิลขาว
เห็ดที่มีราคาแพงที่สุดในโลกคือ เห็ดทรัฟเฟิลขาว ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในแถบ Langhe แห่งแคว้นปีเอมอนเต ทางตอนเหนือของ ประเทศอิตาลี ในอดีตคนเก็บเห็ดทรัฟเฟิลจะใช้ " หมู " อู๊ดๆ ช่วยดมกลิ่นค้นหา แต่ระยะหลังๆ มักนิยมใช้สุนัขมากกว่า เพราะสุนัขจะไม่กินเห็ดเหมือนหมู เห็ดชนิดนี้มีราคาขายสูงถึง 1,700 - 3,800 ยูโร ต่อ 1 ก.ก. ( ราว 82,000 - 183,502 บาท/ก.ก )
เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เห็ดทรัฟเฟิลสีขาว น้ำหนัก 1.08 กก. จากอิตาลี ถูกนายสแตนลีย์ โฮ มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจคาสิโนในมาเก๊า ประมูลไปในราคาสูงถึง 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.8 ล้านบาท แต่สถิติเห็ดทรัฟเฟิลขาวราคาสูงสุดที่มีการบันทึกไว้ คือ 330,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 11 ล้านบาท ซึ่งนายสแตนลีย์ โฮ เจ้าเก่า เป็นผู้ชนะประมูลเมื่อปี ค.ศ.2007
5. มันฝรั่งแพงที่สุดในโลก - La Bonnotte
มันฝรั่งราคาแพงที่สุดในโลก คือ “ La Bonnotte ” ปลูกได้เฉพาะบนเกาะนีวร์มูทีเยของประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น แถมปีหนึ่งๆ ยังเก็บเกี่ยวได้เพียง 10 วัน ทั้งยังบอบบางมากเสียจนต้องใช้มือถอน และให้ผลผลิตเพียงปีละ 20,000 ก.ก. ด้วยเหตุนี้ มันฝรั่งที่ว่าจึงมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละกว่า 2.3 หมื่นบาทเลยทีเดียว
6. เนื้อแพงที่สุดในโลก - เนื้อที่มาจากวัววากิว ( Wagyu ) ประเทศญี่ปุ่น
เนื้อแพงที่สุดในโลก คือ เนื้อที่มาจากวัววากิว ( Wagyu ) ประเทศญี่ปุ่น วัววากิวถือเป็นวัวพื้นเมืองที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน ชาวญี่ปุ่นจะเลี้ยงดูวัวเหล่านี้อย่างดีเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการให้หญ้าพันธุ์ดี ธัญพีช ฟาร์มบางแห่งถึงขนาดมีการนวดผ่อนคลาย กล้ามเนื้อให้วัว หรือไม่ก็ผสมสาเก หรือเบียร์ ลงไปในอาหาร
เนื้อวัวหลายชนิดที่คนรักเนื้อในบ้านเรารู้จักกันดีอย่างเช่น เนื้อโกเบ และมัตสึซากะ ฯลฯ ก็มาจากวัววากิวเช่นกัน แต่สาเหตุที่เรียกชื่อต่างกันเป็นเพราะว่าเลี้ยงกันคนละเมือง ( เนื้อโกเบ มาจากฟาร์มในเมืองโกเบ ส่วนเนื้อมัตสึซากะมาจากฟาร์มในเมืองมัตสึซากะ เป็นต้น )
เนื้อจากวัววากิวมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และไขมันต่ำ รสชาติอร่อย นุ่มลิ้น ราวกับละลายในปาก จึงมีราคาสูงมาก - ที่ยุโรป เนื้อจากวัววากิวน้ำหนักประมาณ 200 กรัม มีราคาขายสูงกว่า 34,000 บาท
7. แซนด์วิชแพงที่สุดในโลก - คลับแซนด์วิช " von Essen Platinum "
นี่คือโฉมหน้าแซนด์วิช " แพงที่สุดในโลก " ฝีมือนายเจมส์ พาร์คินสัน หัวหน้าเชฟของโรงแรมหรู " von Essen " ในเมืองเบิร์กเชียร์ ประเทศอังกฤษ หลังจากสังเกตุส่วนผสมของแซนด์วิชในโรงแรมหรูห้าดาวทั่วโลกที่เขาได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียน เขาจึงคิดรวบรวม ส่วนผสมที่ดีที่สุดของแซนด์วิชในแต่ละโรงแรมมาไว้ในอันเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้ “von Essen Platinum Club Sandwich” ของเขาจึงกลายเป็นคลับแซนด์วิชแพงที่สุดในโลก ซึ่งมีทั้งหมด 3 ชั้น ประกอบด้วยส่วนผสมหลักคือ เนื้อไก่อย่างดี (พันธุ์ poulet de Bresse ของฝรั่งเศส) แฮม Iberian ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแฮมหายาก คุณภาพเยี่ยมจากประเทศสเปน เห็ดทรัฟเฟิลขาวและมะเขือเทศจากประเทศอิตาลี ไข่นกกระทาต้มสุก และขนมปังที่ผลิตจากแป้งชนิดพิเศษ
แซนด์วิช " von Essen Platinum " ของเชฟพาร์คินสัน จำหน่ายในราคาอันละ 100 ปอนด์ หรือกว่า 5.5 พันบาท ถ้าใครอยากลองทานว่าจะเด็ดสักแค่ไหน ก็ไปพิสูจน์ได้ที่ภัตตาคาร " Cliveden’s Waldo " ของโรงแรม " von Essen "
8. พิซซ่าแพงที่สุดในโลก - พิซซ่า Luis XIII
พิซซ่าที่แพงสุดในโลก คือ พิซซ่า "Louis XIII" ฝีมือเชฟหนุ่มชาวอิตาลีที่ชื่อ " เรนาโต้ วิโอล่า "
พิซซ่า "Louis XIII" มีขนาด 8 นิ้ว ก่อนทำต้องใช้เวลาในการเตรียมแป้งเป็นเวลานานถึง 72 ช.ม. ขณะที่ท็อปปิ้งหรือหน้าพิซซ่า ล้วนมาจากส่วนผสมคุณภาพเยี่ยม อาทิ ชีส mozzarella di bufala ไข่ปลาคาเวียร์ 3 ชนิด กุ้งล็อบสเตอร์จาก Cilento ( ในอิตาลี ) และประเทศนอร์เวย์ โรยหน้าด้วยเกลือสีชมพูที่มาจากแม่น้ำ Murray ในประเทศออสเตรเลีย ฯลฯ
" เรนาโต้ วิโอล่า "
พิซซ่าแพงสุดในโลก " Louis XIII " จำหน่ายในราคาอันละ 8,300 ยูโร หรือเกือบ 4 แสนบาท ( ราคานี้รวมค่าตัวเชฟและผู้ช่วยอีก 2 คน ที่จะหอบข้าวของและอุปกรณ์ต่างๆ ไปทำพิซซ่าถึงบ้านลูกค้า )
9. ออมเล็ตแพงที่สุดในโลก - ออมเล็ตของภัตตาคาร Le Parker Meridien ในกรุงนิวยอร์ค
" ออมเล็ต " หรือไข่คน แพงที่สุดในโลกหารับประทานได้ที่ภัตตาคาร " Le Parker Meridien " ในกรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา
ที่นั่นเขาขายออมเล็ต (ภาพบน) จานละ 1,000 เหรียญ หรือประมาณ 34,000 บาท ประกอบด้วยส่วนผสมหลัก ได้แก่ ไข่ปลาคาเวียร์ ( sevruga) น้ำหนัก 10 ออนซ์ กุ้งล็อบสเตอร์ทั้งตัว และไข่อีก 6 ฟอง เป็นต้น ( เขาว่าถ้านำส่วนผสมทั้งหมด มาทำเองที่บ้าน ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ราวๆ 700 เหรียญ หรือประมาณ 23,800 บาท )
10. ขนมหวานแพงที่สุดในโลก - ไอศครีม ซันเด ของร้าน Serendipity 3 ในแมนฮัตตัน
ไอศครีมช็อคโกแลตซันเดย์ถ้วยนี้ได้รับการจดบันทึกลงในกินเนสบุ้ค ออฟ เวิล์ด เรคคอร์ด ว่าเป็น " ขนมหวานแพงที่สุดในโลก " มีจำหน่ายที่ร้าน Serendipity 3 ในแมนฮัตตัน กลางกรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ด้วยสนนราคาถ้วยละ 25,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 850,000 บาท “ Frrrozen Haute Chocolate ” คือ ชื่อของช็อคโกแลต ซันเดย์แพงระยับถ้วยนี้ ส่วนสาเหตุที่มีราคาแพงเนื่องมาจากไอศครีมมีส่วนผสมของโกโก้พันธุ์ดี และหายากมากๆ จำนวน 28 ผล ( ในจำนวนนี้มีอยู่ 14 ผลที่เป็นโกโก้ชนิดแพงที่สุด ) และทองคำ 23 เค ชนิดทานได้ น้ำหนัก 5 กรัม
ไอศครีมดังกล่าวจะถูกบรรจุลงในถ้วยทองคำ ที่มีแผ่นทองคำชนิดทานได้รองอยู่ภายในถ้วย นอกจากนี้บริเวณฐานของถ้วยไอศครีมยังตกแต่งด้วยสร้อยทอง 18 เค พร้อมกับเพชรแท้สีขาวอีก 1 กะรัต
เท่านั้นยังไม่พอ ไอศรีมถ้วยนี้ยังถูกแต่งหน้าด้วยวิปครีม โรยทับอีกชั้นด้วยทองคำ ประดับด้วยช็อคโกแลต " La Madeline au Truffle " จากร้าน Knipschildt Chocolatier ที่ขายในราคาปอนด์ละ 2,500 เหรียญ ( 85,000 บาท/0.45 กก. )
สำหรับช้อนทองที่เห็นในภาพว่า ประดับด้วยเพชรสีขาว และสีช็อคโกแลต ลูกค้าสามารถนำกลับไปดูเล่นที่บ้านได้ ... แต่ถ้วยและสร้อยทองคล้องเพชร 1 กะรัต ห้ามเอาไป ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ออกจากร้านแน่นอน
Oh ! man ! ตาโตเท่าไข่ห่าน กลืนน้ำลายดังเอื๊อก ... " ไม่อร่อยล่ะ น่า ดู "
|
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #441 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2552, 17:45:33 » |
|
พี่เจี๊ยบ, หนิงขอขอบคุณพี่ในนามเวบบอร์ด ที่มีเรื่องดีๆมาให้พวกเราทึ่งได้ตลอดปี. ขอให้ปี 2553 คงรูปแบบเดิมที่ทุกคนคุ้นเคย ไว้นะคะพี่....
ขอสวัสดีปีใหม่ 2553แด่พี่และพี่ๆผู้ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #442 เมื่อ: 01 มกราคม 2553, 22:52:27 » |
|
จ้า หนุงหนิง ขอบคุณสำหรับ " คำขอบคุณ " นะคะ ... มาชนแก้วกันหน่อย Cheer !
|
|
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #445 เมื่อ: 06 มกราคม 2553, 19:17:28 » |
|
พี่หมอสำเริง,
สวัสดีปีเสือคะ.
ถามว่า:ปลดกระจก,ปลดsafety belt,เปิดประตู ตอนรถกำลัง"ลอย"ยังไม่จม...จะง่ายกว่ามั้ยคะ?
nn.
|
|
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #448 เมื่อ: 07 มกราคม 2553, 07:41:51 » |
|
ทายนิสัยจากเส้นก๋วยเตี๋ยว ที่คุณชอบจาก marketatnation.comบางคนกินเส้น บางคนไม่กินเส้น แต่วันนี้เรามาลอบทายใจคนกินเส้นกันดู ว่าคุณชอบกินเส้นอะไรกันเอ่ย ? เส้นใหญ่
ถ้าคุณชอบทานก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ คุณเป็นคนหนักแน่น ทำอะไรทำจริง แบบไม่ดีไม่ได้ไม่เลิก เป็นคนอ่อนไหว อะไรที่มากระทบกับความรู้สึกจะครุ่นคิด วิเคราะห์หาที่มา และบางครั้งทำให้เครียด ไม่ค่อยพูด เงียบขรึม ตรึกตรอง ทบทวน รักเพื่อน รักสัตว์ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และยังชอบแก้ปัญหาให้คนอื่นอีกด้วย
เส้นเล็ก
ถ้าคุณชอบทานก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก คุณเป็นคนรวยอารมณ์ขัน เพื่อนฝูงมากมาย มีมุขฮาตลกๆ ให้คนรอบข้างได้ขำเสมอ เป็นศูยน์รวมของเพื่อน ไม่ชอบคิดเล็กคิดน้อย และแม้มีปัญหาเข้ามาในชีวิตคุณก็ยังยิ้มเสมอ แต่ค่อนข้างขาดความเชื่อมั่นในตัวเองในบางครั้ง ไม่กล้าชนปัญหา แต่ยิ้มกับปัญหา ค่อนข้างเจ้าช ู้เสน่ห์แรงพอตัว รักเพื่อนมากบางครั้งอาจลืมคนใกล้ตัวไปบ้าง
เสันหมี่ ( ขาว )
ถ้าคุณชอบทานก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่ คุณเป็นคนเก็บตัว แต่เรียนเก่งชะมัด ใฝ่รู้ รักการอ่าน ชอบค้นคว้าชนิดหนอนหนังสือเลยทีเดียว ร้านหนังสือตามห้างมักได้เงินจากคุณอย่างสม่ำเสมอ โรเเมนติกอยู่คู่กับคุณ คุณเป็นคนปราณีตกับแฟน เอาใจใส่ทุกเรื่อง ทุกรายละเอียด แต่แฟนของคุณอย่าลืมวันเกิดเชียว คุณจะงอนไปเลย แฟนคุณกว่าจะเดาอาการคุณออก คุณก็งอนเรื่องใหม่ซะแล้ว
เส้นบะหมี่
ถ้าคุณชอบทานก๋วยเตี๋ยวเส้นบะหมี่ คุณเป็นคนที่ชอบโลดโผนผจญภัย ท่องเที่ยวไปทุกที่ แต่จะมักไม่ค่อยโรแมนติก หากมีแฟน แฟนของคุณจะต้องเข้าใจคุณเป็นอย่างมาก คุณมักมุ่งไปข้างหน้า ไม่มองข้างหลัง มีความฝัน ค้นหา ท้าทาย แต่ไม่ชอบวางแผนชีวิต คุณเป็นคนรักของครอบครัวและเพื่อนฝูง อีกทั้งคุณยังเป็นคนใจดี
เส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ( หรือเส้นมาม่า )
ถ้าคุณชอบทานก๋วยเตี๋ยวเส้นบะหมี่กี่งสำเร็จนี้ คุณเป็นคนถือตัวชะมัด ไม่ชอบง้อใคร ไม่ชอบขอใคร พึ่งพาตนเอง ไม่มีใครรู้สถานะที่แท้จริงของคุณหรอก ชอบและรักเสียงเพลง ละเมียดละมัยพอประมาณ เป็นคนฟุ่มเฟือย แต่ทำงานเก่ง การเรียนไม่เท่าไหร่ กิจกรรมเด่น แต่ออกจะเจ้าอารมณ์ บางครั้งพาลไม่มีเหตุผลเอาดื้อๆ
เส้นขนมจีน ( ข้าวปุ้น )
ถ้าคุณชอบทานเส้นขนมจีน เขาว่าคุณเป็นคนขี้เหนียว แต่คุณบอกเพื่อนว่าคุณถูกสอนให้รู้จักใช้เงิน คุณไม่ชอบซื้อของพร่ำเพรื่อ แต่ชอบซื้อของดี แพงไม่ว่า ถ้าถูกใจคุณคุณสามารถเททั้งกระเป๋าแบบไม่สนใจใคร คุณขี้รำคาญคน แต่ชอบช่วยเหลือสังคม อาชีพ ส.ส. น่าจะเหมาะกับคุณ คุณเป็นคนช่างเลือกแฟนต้องดูดีเสมอ ถ้าไฮโซยิ่งดี มีสีหน่อยคุณจะภูมิใจมาก คุยทั้งวันไม่หยุด
เส้นสปาร์เก็ตตี้
ถ้าคุณชอบทานเส้นสปาร์เก็ตตี้ คุณเป็นคนดุ น่าจะเป็นครูปกครอง หรือเป็นตำรวจสายปราบปราม ทำงานด้านกฎหมายยิ่งดีใหญ่ ใครอย่ามาเอาเปรียบคุณเชียว คุณเอาเรื่องไม่เลิก แต่คุณไม่ชอบก้าวก่ายใคร ไม่ชอบการเมือง ส่วนตัวคุณเป็นคนโอบอ้อม อารี แต่ไม่แสดงออก เวลาน้ำท่วมไฟใหม้ที่ไหนไปดูซิ มีของที่คุณนำไปบริจาคเพียบ แต่คุณไม่ติดชื่อของคุณไปด้วยหรอก
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #449 เมื่อ: 07 มกราคม 2553, 07:51:15 » |
|
คุณจะยืนอยู่ตรงไหน ในรูปถ่ายที่ถ่ายกับเพื่อนคุณ จาก marketatnation.com
1 2 3 4 5
ตำแหน่งที่คุณยืน สื่อถึง บทบาทของคุณในกลุ่มเพื่อน ตำแหน่งที่ 1,5 สื่อถึง คุณเป็นคนที่ปรับตัวเข้ากับคนอื่นๆ หรือสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี และยังเก็บความรู้สึกได้ดี ในสายตาของเพื่อนๆ คุณเป็นคนใจดี ไม่ค่อยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ตำแหน่งที่ 2 สื่อถึง คุณมีความเป็นตัวของตัวเองสูง สนุกสนานร่าเริง และมักจะนำเรื่องสนุกสนานมาให้เพื่อนๆ เสมอ ตำแหน่งที่ 3 สื่อถึง คุณเป็นคนสร้างเสียงหัวเราะ และบางครั้งจะเป็นคนคอยปลอบใจ หรือให้กำลังใจเพื่อนๆ ในกลุ่ม ตำแหน่งที่ 4 สื่อถึง คุณเป็นคนที่คอยให้ความช่วยเหลือเพื่อนๆ เสมอ และยังสามารถช่วยแก้ปัญหาให้เพื่อนๆ ได้ในทุกๆ เรื่อง
|
|
|
|
|