khesorn mueller
|
|
« ตอบ #625 เมื่อ: 17 มีนาคม 2554, 11:48:56 » |
|
earthquakeไม่ค่อยน่ากลัวคะพี่เจี๊ยบ พอมาเห็นภาพหลังearthquake ก็Tsunamiน่ะสิ! พัดบ้านเป็นหลังๆล้มกำแพงสูง10เมตร เมื่อคืนชมภาพเมือง Taroแล้ว.. สยองจนเดี๋ยวนี้
|
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #627 เมื่อ: 20 มีนาคม 2554, 00:03:01 » |
|
มาตราริกเตอร์
จาก http://rss.pointthailand.com/rss/view.asp?nid=7392 มาตราริกเตอร์ ( Richter magnitude scale ) เป็นมาตรที่ใช้กำหนดขนาดความรุนแรงของแผ่นดินไหว เสนอขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1935 โดยนักวิทยาแผ่นดินไหวสองคน คือ เบโน กูเทนเบิร์ก ( Beno Gutenbrg ) และชาลส์ ฟรานซิส ริกเตอร์ ( Charles Francis Richter ) เดิมนั้นมีการกำหนดมาตรานี้เพื่อใช้วัดขนาดของแผ่นดินไหวในท้องถิ่นทางใต้ของแคลิฟอร์เนียในสหรัฐอเมริกา ที่บันทึกได้ด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า เครื่องวัดความไหวสะเทือน ( seismograph ) แผ่นดินไหวที่มีขนาดน้อยที่สุดในเวลานั้น ถือเป็นค่าใกล้เคียงศูนย์ มาตราดังกล่าวแบ่งเป็นระดับ โดยทุกๆ 1 ริกเตอร์ที่เพิ่มขึ้น แสดงว่าแผ่นดินไหวแรงขึ้น 10 เท่า มาตราริกเตอร์ไม่มีขีดจำกัดว่ามีค่าสูงสุดเท่าใด แต่โดยทั่วไปกำหนดไว้ในช่วง 0 - 9 ภายหลังเมื่อเครื่องวัดความไหวสะเทือนมีความละเอียดมากขึ้น สามารถวัดขนาดของแผ่นดินไหวได้ละเอียด ทั้งในระดับที่ต่ำกว่า 0 ( สำหรับค่าที่ได้น้อยกว่า 0 ถือเป็นค่าติดลบ ) และที่สูงกว่า 9
ตารางมาตราริกเตอร์
ตัวเลขริกเตอร์ จัดอยู่ในระดับ ผลกระทบ อัตราการเกิดทั่วโลก 1.9 ลงไป ไม่รู้สึก ( Micro ) ไม่มี 8,000 ครั้ง / วัน 2.0-2.9 เบามาก ( Minor ) คนทั่วไปมักไม่รู้สึก แต่ก็สามารถรู้สึกได้บ้าง และตรวจจับได้ง่าย 1,000 ครั้ง / วัน 3.0-3.9 เบามาก ( Minor) คนส่วนใหญ่รู้สึกได้ และบางครั้งสามารถสร้างความเสียหายได้บ้าง 49,000 ครั้ง / ปี 4.0-4.9 เบา ( Light ) ข้าวของในบ้านสั่นไหวชัดเจน สามารถสร้างความเสียหายได้ปานกลาง 6,200 ครั้ง / ปี 5.0-5.9 ปานกลาง (Moderate) สร้างความเสียหายยับเยินกับสิ่งก่อสร้างที่ไม่มั่นคง แต่ไม่มีปัญหากับสิ่งก่อสร้างที่มั่นคง 800 ครั้ง/ปี 6.0-6.9 แรง ( Strong ) สร้างความเสียหายที่ค่อนข้างรุนแรงได้ในรัศมีประมาณ 80 กิโลเมตร 120 ครั้ง / ปี 7.0-7.9 รุนแรง ( Major ) สามารถสร้างความเสียหายรุนแรงในบริเวณกว้างกว่า 18 ครั้ง / ปี 8.0-8.9 รุนแรงมาก ( Great ) สร้างความเสียหายรุนแรงได้ในรัศมีเป็นร้อยกิโลเมตร 1 ครั้ง / ปี 9.0-9.9 รุนแรงมาก ( Great ) " ล้างผลาญ '' ทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมีเป็นพันกิโลเมตร 1 ครั้ง / 20 ปี 10.0 ขึ้นไป ทำลายล้าง ( Epic ) ไม่เคยเกิด จึงไม่มีบันทึกความเสียหายไว้ 0
ที่มา : วิกิพีเดีย
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #628 เมื่อ: 22 มีนาคม 2554, 11:07:39 » |
|
เตรียมตัวอย่างไรเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ?เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา ระหว่างเกิดแผ่นดินไหว
1. อย่า ตื่นตกใจ พยายามควบคุมสติอยู่อย่างสงบ ถ้าท่านอยู่ในบ้านก็ให้อยู่ในบ้าน ถ้าท่านอยู่นอกบ้านก็ให้อยู่นอกบ้าน เพราะส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บเพราะวิ่งเข้าออกจากบ้าน 2. ถ้าอยู่ในบ้าน ให้ยืน หรือหมอบอยู่ในส่วนของบ้านที่มีโครงสร้างแข็งแรง ที่สามารถรับน้ำหนักได้มาก และให้อยู่ห่างจากประตู ระเบียง และหน้าต่าง หากอยู่ในอาคารสูง ควรตั้งสติให้มั่น และรีบออกจากอาคารโดยเร็ว หนีให้ห่างจากสิ่งที่จะล้มทับได้ 3. ถ้าอยู่ในที่โล่งแจ้ง ให้อยู่ห่างจากเสาไฟฟ้า และสิ่งห้อยแขวนต่างๆ ที่ปลอดภัยภายนอก คือ ที่โล่งแจ้ง 4. อย่าใช้ เทียน ไม้ขีดไฟ หรือสิ่งที่ทำให้เกิดเปลวหรือประกายไฟ เพราะอาจมีแก๊สรั่วอยู่บริเวณนั้น
5. ถ้าท่านกำลังขับรถ ให้หยุดรถ และอยู่ภายในรถ จนกระทั่งการสั่นสะเทือนจะหยุด 6. ห้ามใช้ลิฟต์โดยเด็ดขาด ขณะเกิดแผ่นดินไหว 7. หากอยู่ชายหาดให้อยู่ห่างจากชายฝั่ง เพราะอาจเกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าหาฝั่ง
หลังเกิดแผ่นดินไหว
1. ควรตรวจตัวเอง และคนข้างเคียงว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ให้ทำการปฐมพยาบาลขั้นต้นก่อน 2. ควรรีบออกจากอาคารที่เสียหายทันที เพราะหากเกิดแผ่นดินไหวตามมา อาคารอาจพังทลายได้ 3. ใส่รองเท้าหุ้มส้นเสมอ เพราะอาจมีเศษแก้ว หรือวัสดุแหลมคมอื่นๆ และสิ่งหักพังแทง 4. ตรวจสายไฟ ท่อน้ำ ท่อแก๊ส ถ้าแก๊สรั่วให้ปิดวาล์วถังแก๊ส ยกสะพานไฟ อย่าจุดไม้ขีดไฟ หรือก่อไฟจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีแก๊สรั่ว
5. ตรวจสอบว่ามีแก๊สรั่วหรือไม่ ด้วยการดมกลิ่นเท่านั้น ถ้าได้กลิ่น ให้เปิดประตูหน้าต่างทุกบาน 6. ให้ออกจากบริเวณที่สายไฟขาด และวัสดุสายไฟพาดถึง 7. เปิดวิทยุฟังคำแนะนำฉุกเฉิน อย่าใช้โทรศัพท์ นอกจากจำเป็นจริงๆ 8. สำรวจดูความเสียหายของท่อส้วม และท่อน้ำทิ้งก่อนใช้
9. อย่าเป็นไทยมุง หรือเข้าไปในเขตที่มีความเสียหายสูง หรืออาคารพัง 10. อย่าแพร่ข่าวลือ
|
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #630 เมื่อ: 25 มีนาคม 2554, 13:59:55 » |
|
ย้อนประวัติศาสตร์การเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทย จาก http://rss.pointthailand.com/rss/view.asp?nid=7475 สมัยก่อนสุโขทัย ( ก่อน พ.ศ.1781 ) * เมืองแถน ( เมืองเดียนเบียนฟู ในเวียดนามเหนือ ) * หริภุญไชย ( ลำพูน ) พ.ศ.500 พระมหาปราสาทโอนไปเป็นหลายที * โยนกนคร พ.ศ.480, 481, 510, 515, 1003, 1077 เมื่อ พ.ศ.1003 มีบันทึกไว้ว่า "....สุริยะ อาทิตย์ก็ตกไปแล้ว ก็ได้ยินเสียงเหมือนดั่งแผ่นดินดังสนั่นหวั่นไหว ประดุจดังว่าเวียงโยนกนครหลวงที่นี้จักเกลื่อนจักพังไปนั้นแล แล้วก็หายไปครึ่งหนึ่ง ครั้นถึงมัชฌิมยามก็ซ้ำดังมาเป็นคำรบสองแล้วก็หายนั้นแล ถึงบัวฉิมยาม ก็ซ้ำดังมาเป็นคำรบสาม หนที่สามนี้ดังยิ่งกว่าทุกครั้งทุกคราวที่ได้ยินมาแล้ว กาลนั้นเวียงโยนกนครหลวงที่นั้นก็ยุบจมลงเกิดเป็นหนองอันใหญ่ "
สมัยสุโขทัย ( พ.ศ.1781-1893 )
" .... เมื่อพญาลิไทตั้งจิตอธิษฐานออกผนวชมีจารึกว่า อธิษฐานดังนี้แล้ว จึงรับสรณาคมต่อพระอุปัชฌาย์ ขณะนั้นแผ่นดินไหวทั่วทุกทิศเมืองสุโขทัย ครั้นทรงผนวชแล้ว เสด็จลงมาจากพระมหาสุวรรณเหมปราสาท ทรงไม้ เท้าจรดจรดลด้วยพระบาทสมเด็จพระราชดำเนินไปป่ามะม่วง ขณะประดิษฐานฝ่าพระบาทลงยังพื้นธรณี ปฐพีก็หวั่นไหวทั่วทุกทิศหินสาธา เข้าพรรษาวันนั้นจึงเสด็จออกเสวยพระโชรศ ขณะนั้นไม่ควรเลยสรรพ ไม่เสบยเสพยนานาอากาศดาษ สุริยะเมฆาจันทร์ปรายต์กับดาราฤกษ์ทั้งปวงยิ่งกว่าทุกวันด้วยฉะนั้น จึงเสด็จบรรพชาเป็นภิกษุในระหว่างพัทธสีมานั้น ขณะนั้นนาคราชตนหนึ่งอยู่โดยบุรพทิศเมืองสุโขทัยนั้น ยกพังพานขึ้นสูงพันคน แปรตาไปเฉพาะป่ามะม่วงนั้น เห็นรอยผลุดพลุ่งกลางอากาศลงต่อแผ่นดิน อนึ่งเวลานั้นได้ยินเสียงระฆังดนตรีดุริยางค์ ไพเราะใกล้โสตสของชนเป็นอันมาก จะพรรณานับมิได้ แต่ บรรดามหาชนที่มาสโมสรสันนิบาตในสถานที่นั้น ย่อมเห็นการอัศจรรย์ประจักษ์ทุกคน เหตุด้วยเสด็จออกทรงบำเพ็ญพระบารมี เมื่อทำอัษฎางติกศีล เมื่อฤดูคิมหันต์ไม่มีฝน ด้วยอำนาจศีลและความอธิษฐานพระบารมีด้วย ปถวีก็ประวัติกัมปนาทหวาดหวั่นไหว เพทธาราวิรุณหกก็ตกลงมาในฤดูแล้ง แสดงอัศจรรย์สรรเสริญในการสร้างพระบารมี .... "
สุโขทัย พ.ศ.1860 สมัยพญาลิไท สุโขทัย พ.ศ.1905, 1909 เชียงใหม่ พ.ศ.2025,พ.ศ. 2088 ยอดเจดีย์หลวงสูง 86 เมตร พังลงมาเหลือ 60 เมตร อยุธยา พ.ศ.2048, 2070, 2089, 2127, 2131, 2132, 2228 น่าน พ.ศ.2103เจดีย์หลวง สูง 17 วา กว้าง 10 วา หักพังลง ย่างกุ้ง, พม่า พ.ศ.2111, 2172พระเจดีย์เมืองร่างกุ้งเกิดความเสียหาย เชียงใหม่ พ.ศ.2088ยอดเจดีย์หลวงสูง 86 เมตร พังลงมาเหลือ 60 เมตร
สมัยอยุธยา ( พ.ศ.1893-2311 )
กำแพงเพชร พ.ศ.2127 เชียงแสน พ.ศ.2247, 2258, 2260 พ.ศ.2258 พระเจดีย์วิหารหักพังทลาย 4 ตำบล หงสาวดี, พม่า พ.ศ.2300 ฉัตรยอดพระเจดีย์มุตางหักลงมา
สมัยกรุงธนบุรี ( พ.ศ.2311-2325 )
กรุงเทพฯ พ.ศ.2311, 2312 เชียงใหม่ พ.ศ.2317
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ( พ.ศ.2325-ปัจจุบัน )
สมัยรัชกาลที่ 1 - หลวงพระบาง พ.ศ.2335 น่าน พ.ศ.2336, 2342, 2344 สมัยรัชกาลที่ 2 - มณฑลยูนาน พ.ศ.2367 ประชาชนชาวจีนเสียชีวิต 2,000 คน ,น่าน พ.ศ.2363 ยอดมหาธาตุเจ้าภูเวียงแช่แห้ง ก็หักลงห้อยอยู่ สมัยรัชกาลที่ 3 กรุงเทพฯ พ.ศ.2375, 2376, 2378 น้ำในแม่น้ำกระฉอกออกมา, พม่า พ.ศ.2382 สมัยรัชกาลที่ 4 กรุงเทพฯ พ.ศ.2417 สมัยรัชกาลที่ 5 กรุงเทพฯ พ.ศ.2429, 2430 น่าน พ.ศ.2422 สมัยรัชกาลที่ 6 กรุงเทพฯ พ.ศ.2455 สมัยรัชกาลที่ 7 กรุงเทพฯ, อยุธยา, จันทบุรี, พิษณุโลก, ราชบุรี, ปราจีนบุรี พ.ศ.2473 ศูนย์กลางอยู่ประมาณเมืองพะโค, พม่า ส่วนสถิติแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งตรวจวัดโดย กรมอุตุนิยมวิทยา มีขนาดอยู่ในระดับเล็ก ถึงปานกลาง ( ไม่เกิน 6.0 ริคเตอร์ ) หากเกิดแผ่นดินไหวที่มีขนาดใหญ่พอ ก็จะส่งแรงสั่นสะเทือนมายังประเทศไทย ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายเล็กน้อยต่อสิ่งก่อสร้างใกล้ศูนย์กลาง โดยมีรายละเอียดดังนี้
แผ่นดินไหวเมื่อ 17 ก.พ. 2518 ขนาด 5.6 ริคเตอร์ บริเวณ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก แผ่นดินไหวเมื่อ 15 เม.ย. 2526 ขนาด 5.5 ริคเตอร์ บริเวณ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี แผ่นดินไหวเมื่อ 22 เม.ย. 2526 ขนาด 5.9 ริคเตอร์ บริเวณ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี แผ่นดินไหวเมื่อ 22 เม.ย. 2526 ขนาด 5.2 ริคเตอร์ บริเวณ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี แผ่นดินไหวเมื่อ 11 ก.ย. 2537 ขนาด 5.1 ริคเตอร์ บริเวณ อ.พาน จ.เชียงราย แผ่นดินไหวเมื่อ 9 ธ.ค. 2538 ขนาด 5.1 ริคเตอร์ บริเวณ อ.ร้องกวาง จ.แพร่ แผ่นดินไหวเมื่อ 21 ธ.ค. 2538 ขนาด 5.2 ริคเตอร์ บริเวณ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ แผ่นดินไหวเมื่อ 22 ธ.ค. 2539 ขนาด 5.5 ริคเตอร์ บริเวณพรมแดนไทย-ลาว
เหตุการณ์แผ่นดินไหวรู้สึกได้ในประเทศไทย ( 2542 - สิงหาคม 2543 ) 31 ส.ค. 2542 ใกล้พรมแดนไทย - ลาว ขนาด 4.8 ริคเตอร์ รู้สึกได้ที่ จ.น่าน 3 เม.ย. 2542 ใกล้พรมแดนไทย - พม่า ขนาด 3.2 ริคเตอร์ รู้สึกได้ที่ อ.เชียงแสน จ. เชียงราย 29 มิ.ย. 2542 ในประเทศพม่า ขนาด 5.6 ริคเตอร์ รู้สึกได้ที่ จ.เชียงราย 15 ส.ค. 2542 ตอนใต้ของประเทศพม่า ขนาด 5.6 ริคเตอร์ รู้สึกได้ที่ จ.เชียงใหม่ 17 ส.ค.2542 บริเวณทะเลอันดามัน ขนาด 2.1 ริคเตอร์ รู้สึกได้ที่ จ.ภูเก็ตและพังงา 29 ส.ค. 2542 บริเวณทะเลอันดามัน ขนาด 2.1 ริคเตอร์ รู้สึกได้ที่ จ.ภูเก็ตและพังงา 20 ม.ค. 2543 ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ขนาด 5.9 ริคเตอร์ รู้สึกได้ที่ จ.น่าน แพร่ พะเยา เชียงราย มีความเสียหายที่ จ.น่านและแพร่ 14 เม.ย. 2543 ที่พรมแดนลาว - เวียดนาม ขนาด 4.9 ริคเตอร์ รู้สึกได้ที่ จ.สกลนคร 29 พ.ค. 2543 บริเวณอ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ขนาด 3.8 ริคเตอร์ รู้สึกได้ที่ อำเภอเมือง อ.สันกำแพง และ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ 7 ส.ค. 2543 บริเวณพรมแดนไทย - พม่า ขนาด 3.0 ริคเตอร์ รู้สึกได้ที่บริเวณอำเภอเมือง จ.แม่ฮ่องสอน
สาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหว แบ่งเป็น 2 อย่าง คือ
1. เกิดจากธรรมชาติ ( NATURAL EARTHQUAKE)
2. เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ( INDUCED SEISMICITY ) เช่น
- การเก็บกักน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่
- การทดลองระเบิดปรมาณู / ระเบิดนิวเคลียร์
- การระเบิดจากการทำเหมืองแร่
- การสูบน้ำใต้ดินมาใช้มากเกินไป
- การผลิตน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ
- การเก็บขยะนิวเคลียร์ใต้ดิน
ที่มา : oknation.net
|
|
|
|
icyd19
|
|
« ตอบ #631 เมื่อ: 03 เมษายน 2554, 08:48:40 » |
|
|
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #633 เมื่อ: 13 เมษายน 2554, 12:35:05 » |
|
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ สมาชิกชาวเวป cmadong.com ทุกท่าน
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #634 เมื่อ: 13 เมษายน 2554, 18:59:32 » |
|
สุขสันต์วันสงกรานต์ครับพี่เจี๊ยบ
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #635 เมื่อ: 13 เมษายน 2554, 19:03:31 » |
|
สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า ... ครูตุ๋ยสบายดีนะ สงกรานต์นี้ จะพาครอบครัวไปเที่ยวไหนกันมั่งน้อ มาเที่ยวที่กรุงเทพฯ มั้ย ?
|
|
|
|
ตุ๋ย 22
|
|
« ตอบ #636 เมื่อ: 14 เมษายน 2554, 14:20:34 » |
|
ไปทำบุญ ภาวนาอยู่บ้านครับ
|
น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #637 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2554, 22:47:48 » |
|
มายากล " เปลี่ยนหน้ากาก พร้อมเปลี่ยนชุด "เสรษฐวิทย์ - นิเทศ ... ส่งมาCommonly, the Mask Changing Shows does not involve changing the gowns at the same time. This is Chinese Version of the Dance of the 7 Veils with changing Moods !
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #638 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2554, 21:36:11 » |
|
ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปี ขึ้นไป อีก 60 วันต้องไปทำบัตรประจำตัวประชาชน
พูลศรี - ครุ 16 ... ส่งมา
ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปี ขึ้นไป อีก 60 วันต้องไปทำบัตรประจำตัวประชาชน
สาระสำคัญของ พระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน ( ฉบับที่ 3 ) พ.ศ. 2554
ผู้มีสัญชาติไทยซึ่งมีอายุตั้งแต่ 7 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 70 ปีบริบูรณ์ และมีชื่อในทะเบียนบ้าน ต้องมีบัตรตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้
มีผลบังคับใช้ 60 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ( ประกาศ ณ วันที่ 11 พฤษภาคม 2554 )
อัตราค่าธรรมเนียม
(1) การออกบัตรตามมาตรา 6 จัตวา ฉบับละ 100 บาท
(2) การออกใบแทนใบรับ ฉบับละ 10 บาท
(3) การขอคัดและรับรองสำเนาข้อมูลเกี่ยวกับบัตร ฉบับละ 10 บาท
|
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #640 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2554, 23:28:52 » |
|
|
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #642 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2554, 01:44:32 » |
|
ยลโฉมสุนัขราคา 45 ล้านบาทพี่ชรินทร์ - รัฐสาสตร์ 07 ... ส่งมาถึงใครจะบอกว่าเงินซื้อความรัก และความสุขไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ เงินก็ซื้อเพื่อนที่แพงที่สุดได้ และเพื่อนที่ว่านั่นก็คือ " สุนัข " เพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์นี่เอง
เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อ เศรษฐีเหมืองถ่านหินรายหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศจีนได้ซื้อเจ้าสุนัขชื่อ Big Splash หรือชื่อภาษาจีนว่า ฮง ตง ( Hong Dong ) ไปในราคาย่อมเยาว์ แบบขนหน้าแข้งไม่ร่วงแค่ สิบล้านหยวน หรือประมาณ 45,900,000 บาท แค่นั้น ! เจ้า Big Splash เป็นสุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟ สีแดง ( Red Tibetan Mastiff ) และดูไปดูมาก็เหมาะที่จะมาอยู่กับเจ้าของมหาเศรษฐีรายนี้จริงๆ เพราะเพียงแค่น้ำหนักของเเจ้า Big Splash อย่างเดียวก็ปาไป 82 กิโลกรัมแล้ว แถมยังกินจุใช่ย่อแต่ละวันมันกินทั้งไก่ ทั้งเนื้อ ยิ่งไปกว่านี้เจ้าของยังจะต้องปรนเปรอด้วยอาหารเหลาชั้นดีทั้งหลาย ซึ่งรวมไปถึงหอยชั้นเลิศต่างๆ และหอยเปาฮื้ออีกด้วย นอกจากอาหารชั้นเลิศแล้ว น้อง Big Splash ยังต้องการบ้านของตัวเองหลังใหญ่อีกหนึ่งหลัง เพราะขนาดของมันใหญ่มาก และน้ำหนักก็จะสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกจนถึงประมาณ 129 กิโลกรัมตามขนาดของอายุ ผู้เพาะพันธุ์เจ้าสุนัขตัวนี้บอกว่า Big Splash เป็นแม่แบบของสุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟอย่างดี และค่าตัวมหาศาลของมะหมาวัย 11 เดือนตัวนี้ จริงๆ แล้วก็ถือว่าเหมาะสมแบบสุดๆ เพราะกว่าจะเลี้ยงมันมาจนขายได้ขนาดนี้ก็จ่ายเงินเดือนลูกน้องไปหลายอยู่ แถมผู้เพาะพันธุ์สุนัขรายนี้ยังแนะอีกด้วยว่า หากเจ้าของสุนัขตัวเมียตัว ไหนอยากให้ Big Splash ไปผสมพันธุ์กับสุนัขของตน ให้เจ้าของปัจจุบันของ Big Splash คิดเงินเจ้าของสุนัขตัวเมียได้เลย เต็มที่ถึงครั้งละประมาณ 10,000 ปอนด์ หรือประมาณ 486,000 บาท การที่สุนัขตัวหนึ่งมีราคาแพงหูฉี่ถึงขนาดนี้ ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกอย่างหนึ่ง ว่าสุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟ สีแดงได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกฐานะของพวกรวยมหาศาลในประเทศจีนไปแล้ว แทนที่การซื้อจิวเวลรี่ และรถยนต์ ซึ่งดูจะธรรมดาเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นสีแดงยังเป็นสีที่นำโชคสำหรับคนจีน และสุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟยังถือว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่จะคอยช่วยปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ และ นำความปลอดภัย และความมั่นคงมาให้เจ้าของ ชาวทิเบตมีความเชื่อว่าเจ้าสุนัขพันธุ์นี้มีจิตวิญญาณของพระและชี ผู้ซึ่งจริงๆ แล้วขณะที่มีชีวิตอยู่ไม่สามารถปฏิบัติตนได้ดีเพียงพอที่จะไปเกิดเป็นมนุษย์ อีกครั้ง ในสมัยอดีต บุคคลประวัติศาสตร์ที่เคยมีสุนัขพันธุ์นี้เป็นเจ้าของ ได้แก่ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร และ เจง กีส ข่าน ปัจจุบันประเทศอังกฤษมีสุนัขพันธุ์นี้อยู่ประมาณ 300 ตัว โดยที่ลูกสุนัขแต่ละตัวราคาประมาณ 850-1,000 ปอนด์ ( 41,000-48,000 บาท ) ผู้เพาะพันธุ์สุนัขทิเบทัน แมสทิฟชาวอังกฤษผู้หนึ่งเล่าว่า สุนัขพันธุ์นี้คิดเองได้ และสามารถมีประสาทสัมผัสรับรู้อันตรายได้อย่างมีไหวพริบ อีกทั้งพวกมันยังคอยดูแลฝูงสัตว์ และยังรักเด็กอีกด้วย เมื่อปีที่แล้ว สุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟก็เป็นสุนัขที่แพงที่สุดในโลก โดยที่ขายไปในราคา 915,000 ปอนด์ หรือประมาณ 44 ล้านบาท... เท่านั้นเอง
|
|
|
|
gring11
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #643 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2554, 12:28:33 » |
|
^_^ . ..ขอบคุณมากมาย มากมาย เลยค่ะ
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #644 เมื่อ: 08 กรกฎาคม 2554, 19:00:30 » |
|
ปิดถนนสร้างรถไฟฟ้า 5 ปี " คนกรุง ... อดทนหน่อยนะจ๊ะ " เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จะเริ่มสร้างกันแล้ว แถวๆ เจริญกรุง กับ ฝั่งธนฯ คนย่านนั้นเตรียมตัวเตรียมใจวางแผนเดินทางใหม่กันได้เลยจ๊ะ เพราะเขาจะปิดถนน จนกว่าจะสร้างเสร็จ อดทนกันไป 5 ปีต่อจากนี้ ( หรืออาจจะมากกว่านั้น ) เริ่มปิดจราจร 24 มิ.ย.นี้
เนื้อข่าวจาก ... ประชาชาติธุรกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ( รฟม. ) ร่วมกับตำรวจจราจร ได้จัดทำแผนจัดระเบียบจราจรในพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระและหัวลำโพง-บางแค ระยะทาง 27 กิโลเมตร โดยจะเริ่มทำการปิดถนน 4 สายที่อยู่ในแนวเส้นทาง ตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. 2554 จนถึงปี 2559 เพื่อให้ผู้รับเหมาเข้าไซต์ และเริ่มลงมือก่อสร้าง
แนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินแบ่งเป็น 2 ช่วงคือ
1.โครงสร้างทางยกระดับ ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ 13 ก.ม. เริ่มต้นที่รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีบางซื่อ วิ่งตรงมาแยกเตาปูน เข้า ถ.ประชาราษฎร์สาย 2 ผ่านสี่แยกบางโพ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังถนนจรัญสนิทวงศ์ที่โรงเรียนเทคโนโลยีพระราม 6 ผ่านแยกบางพลัด แยกบรมราชชนนี สิ้นสุดที่แยกท่าพระ
2.โครงสร้างใต้ดิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค 14 ก.ม. เริ่มต้นที่รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีหัวลำโพง วิ่งเข้า ถนนเจริญกรุง ผ่านวัดมังกรกมลาวาส วังบูรพา สนามไชย ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาที่บริเวณปากคลองตลาด ลอดใต้คลองบางกอกใหญ่ เข้าสู่ ถนนอิสรภาพ จากนั้นจะเริ่มเปลี่ยนเป็นโครงสร้างทางยกระดับแล้ววิ่งเข้าสู่แยกท่าพระ ถนนเพชรเกษม ผ่านบางไผ่ บางแค มาสิ้นสุดที่แยกตัด ถนนกาญจนาภิเษก
เริ่มปิดจราจร 24 มิ.ย. 54 นี้
โดยงานก่อสร้างมีผู้รับเหมาแบ่งเป็น 4 สัญญา คือ 1.งานอุโมงค์ ( หัวลำโพง-สนามไชย ) ของ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ 2.งานอุโมงค์ ( สนามไชย-ท่าพระ ) ของ บมจ.ช.การช่าง 3.งานทางยกระดับ ( เตาปูน-ท่าพระ ) ของ บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และ 4.งานทางยกระดับ ( ท่าพระ-หลักสอง ) ของ บมจ.ซิไน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น
นายรณชิต แย้มสอาด รองผู้ว่าการ รฟม.กล่าวว่า ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้จะเริ่มปิดการจราจรงานทางยกระดับของสัญญาที่ 3 และ 4 บน ถ.จรัญสนิทวงศ์และเพชรเกษมก่อน โดยจะปิดเกาะกลางถนนฝั่งละ 1 ช่องจราจรในเวลากลางคืนตั้งแต่ 22.00-05.00 น. เพื่อทำการรื้อย้ายต้นไม้และสาธารณูปโภค
จากนั้นจะเริ่มปิดจราจรถาวรในเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไปจนถึงปี 2559 โดยปิดจราจรบริเวณเกาะกลาง 2 ช่องจราจรทั้ง ถ.จรัญสนิทวงศ์และเพชรเกษม จากเดิม 6 ช่อง เหลือ 4 ช่องจราจร เพื่อให้ผู้รับเหมาเข้าพื้นที่ก่อสร้างตลอด 24 ชั่วโมง ก่อสร้างฐานรากและวางคานโครงสร้าง
โดยบริษัทยูนิคฯแจ้งว่า จะเริ่มงานช่วงสามแยกเตาปูน-แยกบางโพ บน ถ.ประชาราษฎร์สาย 2 จะเริ่มปิดด้านซ้าย 1 ช่องจราจร ฝั่งมุ่งหน้าแยกบางโพตั้งแต่ 1 ก.ค. 2554-1 มี.ค. 2555 ส่วนฝั่งที่มุ่งหน้าแยกเตาปูนจะเริ่มปิดด้านขวา 1 ช่องจราจรตั้งแต่ 1 ก.ย. 2554- 1 มี.ค. 2555 เพื่อทำการรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค
ส่วนบริษัทซิโน-ไทยฯ แจ้งจะเริ่มงานช่วงปลาย ถ.วงแหวนรอบนอกแล้วไล่มาจนถึงแยกท่าพระ งานอุโมงค์สัญญาที่ 1 และ 2 ผู้รับเหมาจะเข้ารื้อย้ายสาธารณูปโภควันที่ 4 ก.ค.นี้เป็นต้นไป มีกำหนดเสร็จในปี 2559
" ถ.เจริญกรุง การจราจรเป็นวันเวย์ ช่วงก่อสร้างจะปิด 2 เลนด้านซ้ายให้ผู้รับเหมาเข้าพื้นที่เปิดหน้าดินเพื่อก่อสร้างสถานี ส่วน ถ.อิสรภาพเป็นไซต์ก่อสร้างของ ช.การช่างตั้งแต่ช่วงสนามไชยถึงท่าพระ ระยะแรกเป็นงานขุดเจาะสำรวจโบราณสถานจะเริ่มเข้าวันที่ 4 ก.ค.นี้ เบื้องต้นผู้รับเหมาแจ้งจะปิดเลนช่องซ้าย 1 ช่องจราจร เหลือ 3 ช่องจราจร จากเดิม 4 ช่องจราจร "
ปิดถาวร 5 ปี ห้ามจอด 24 ช.ม.
พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ( บช.น. ) รับผิดชอบงานจราจร เปิดเผยว่า เบื้องต้นผลหารือกับ รฟม.เกี่ยวกับการลดผลกระทบด้านการจราจรช่วงระหว่างการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจะเริ่มปิดการจราจรชั่วคราว ถ.เพชรเกษมและ ถ.จรัญสนิทวงศ์ในบางช่วงก่อนในเวลากลางคืน เพื่อให้ผู้รับเหมาเข้ารื้อย้ายสาธารณูปโภค
หลังจากนั้นตั้งแต่กลางเดือน ก.ค.นี้เป็นต้นไปจะปิดการจราจรเป็นการถาวร 4 ถนน ได้แก่ ถ.เพชรเกษม จรัญสนิทวงศ์ เจริญกรุง และพระรามที่ 4 ( แยกหัวลำโพง ) โดยจะปิดระยะยาวจนกว่าโครงการรถไฟฟ้าจะสร้างเสร็จ ใช้เวลา 4-5 ปี
" ช่วง ถ.เพชรเกษมและ ถ.จรัญฯจะปิดเกาะกลางฝั่งละ 1 ช่องจราจร พร้อมกับจะออกกฎเพื่อจัดจราจร โดยจะห้ามจอดรถทั้งสองฝั่งถนนตลอด 24 ชั่วโมง จากเดิมจะให้จอดได้ถึง 4 ทุ่ม "
เว้นช่วง " แยกบรมราชฯ-ไฟฉาย "
ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาการจราจรบน ถ.จรัญฯ ที่ปัจจุบันมีปัญหาการจราจรติดขัดจากงานก่อสร้างอุโมงค์ทางลอด 2 โครงการของกรุงเทพมหานคร ( กทม. ) คือ อุโมงค์แยกบรมราชชนนี ( ถ.จรัญสนิทวงศ์-บรมราชชนนี ) และอุโมงค์สามแยกไฟฉาย ( ถ.พรานนก-จรัญสนิทวงศ์ ) แนวทางคือ จะยังไม่ให้ผู้รับเหมารถไฟฟ้าเข้าพื้นที่บริเวณนี้ ให้รอจนกว่า กทม.จะสร้างอุโมงค์ทั้ง 2 โครงการนี้แล้วเสร็จ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี
รอง ผบ.ช.น.กล่าวว่า ส่วนงานก่อสร้างช่วงใต้ดิน 5 ก.ม.เศษ บนแนว ถ.เจริญกรุงมาถึง ถ.อิสรภาพ แม้ว่าจะเป็นการก่อสร้างแบบเปิดหน้าดินเพื่อสร้างสถานีรถไฟฟ้า โดยใช้หัวเจาะเครื่องจักรในการขุดเจาะที่ใต้ดิน แต่ยังมีความกังวลเรื่องปัญหาการจราจรที่อาจจะวิกฤตได้เช่นกัน
" จะเริ่มปิดจราจรชั่วคราวช่วงแยกหัวลำโพงถนนพระรามที่ 4 ตั้งแต่ 4 ก.ค.-ส.ค.นี้ เพื่อรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคเวลา 4 ทุ่มถึงตีห้า ซึ่งน่าเป็นห่วงที่สุดเพราะเป็นพื้นที่การจราจรค่อนข้างหนาแน่น " รอง ผบ.ช.น.กล่าวและว่า
" จุดกลับรถที่หลายคนเป็นห่วงว่าจะไปยูเทิร์นรถไกล ทั้ง ถ.จรัญฯ และเพชรเกษมที่ต้องปิดเกาะกลางถนนนั้น เบื้องต้นคาดว่าจะยังคงเดิมไว้ แต่ในช่วงก่อสร้างอาจจะมีปิดบ้างบางจุดตามความจำเป็น ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ แต่จะไม่ให้ประชาชนที่ใช้ทางลำบากแน่นอน "
สำหรับเส้นทางหลีกเลี่ยงพื้นที่ก่อสร้าง อาทิ ให้หันไปใช้ ถ.ราชพฤกษ์ วงแหวนรอบนอก พุทธมณฑลสาย 1 ถ.กัลปพฤกษ์ บำรุงเมือง ถ.สี่พระยา เยาวราช เป็นต้น
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #645 เมื่อ: 13 กรกฎาคม 2554, 20:45:22 » |
|
พี่เจี๊ยบขา, วันนี้นั่งเคลียร์mail box ได้รับเมล์นี้มาจากน้องหนึ่ง-อักษร28 ที่ใช้ชีวิตที่ประเทศอังกฤษ... จะลบก็เสียดาย...ขอส่งมาให้"ว๊าว"กันต่อ ไม่แน่ใจว่าจะแปะกระทู้ไหนของพี่ดี.. เพราะ หัวเราะก็ไม่กล้า...เสริมความงามก็ไม่เชิง สร้างสรรมั้ย หนิงก็ทะแม่งๆอยู่ค่ะ!
เค้าจั่วหัวข้อเรื่องว่า"Wow,ชายไทยเกณฑ์ทหาร"
ต้องขออภัยน้องๆในรูปด้วยนะคะ ไม่ได้ตั้งใจจะนำภาพน้องๆมาเป็นตัวตลก ขอให้น้องยึดมั่นถือมั่นในทางที่เลือก ทางนี้ แน่ใจว่าไม่ง่ายค่ะ! เพราะชีวิตมีเวลาของมันเอง ตอนเด็กแบบนี้ อีก40ปีข้างหน้าแบบไหน?
ชายไทยก็สัดส่วนน้อยกว่าหญิงอยู่แล้ว ไม่ส่งเสริมนะคะ...
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #646 เมื่อ: 13 กรกฎาคม 2554, 21:17:39 » |
|
ช้าไปโขค่ะ เครื่องรวน ต้องrestartใหม่ มาดูชายไทยเขาเกณฑ์ทหารกันเถอะ! ว๊ายยย
|
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #648 เมื่อ: 13 กรกฎาคม 2554, 21:25:42 » |
|
ต้องขอชมทุกคน พวกเค้าไม่โดดร่ม ไม่หนีการเกณฑ์ ทำหน้าที่ชายไทยที่.. พวกเธอไม่อยากเป็น!
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #649 เมื่อ: 13 กรกฎาคม 2554, 21:29:44 » |
|
ต้องปฏิบัติต่อเค้าๆเธอๆเท่าเทียมกันมั้ย? ห้าวไม่ได้นะคะเดี๋ยวน้องเค้าตกใจ nn.
|
|
|
|
|