นมัสการพระอาจารย์อีกครั้งครับ
ท่านช่วยบอกโทษการมีกิ๊ก2-3 ข้อสิครับ
เพราะผมยอมรับอีกแหละว่า ผมมรู้สึกดี หัวใจพองโต มีความสุข กระชุมกระชวย รอเวลาได้เจอกิ๊ก ใจเต้นโครมคราม
ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานาน แรกๆ ที่เริ่มคบกันคิดหลายครั้งที่จะเลิก มาถึงตอนนี้ผูกพันเสียแล้ว ทำงานที่เดียวกัน
พอเจอใจผมก็อ่อน เธอน่าเห็นใจ อ่อนหวาน เธอยอมรับได้ว่าผมมีภรรยาแล้ว
ผมกำลังคิดหาวิธีบริหารจัดการให้อยู่กันอย่างมีความสุข (ตอนนี้ที่บ้านยังไม่รู้ครับ และโทษใหญ่ที่ผมเห็นคือข้อนี้เท่านั้น) ผมมีความสุขดี
และไม่ต้องการจะเลิกครับ
ขอบคุณครับ คนมีกิ๊ก
ขอนำคำถามตอบจากเคส คล้าย ๆ กันมาฝาก...และขอแนะนำว่าถ้าเลิกได้จงเลิกเสียเถิด คุณจะมีปัญหาและความทุกข์ อย่างยิ่งยวดตามมาอีก มากมาย อย่างที่คุณจะคาดไม่ถึง มีคนเขามีประสบการณ์อย่างคุณ เขาไม่เชื่อเรื่องกรรมเวร ตอนนี้เรื่องยาว มีปัญหาทั้งครอบครัว และหน้าที่
การงาน ธุรกิจล้มถูกฟ้องล้มละลาย ตัวเองนอนเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ ตกงาน ต้องอาศัยบ้านคนอื่นอยู่ จากที่เคยเป็นเจ้าของโรงแรม กลับต้องหนีหัวซุกหัวซุน หลบหน้าเจ้าหนี้ ลูกอีก ๓ คน กำลังเรียนทั้งนั้น ลำบากมาก ตอนป่วยนะคุณ เมียน้อยที่เคยปรนเปรอด้วยการส่งเรียนที่สวิสเซอร์แลนด์ ซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์BMW ให้ เขายังไม่มาเยี่ยมเล้ย คนที่ต้องมาดูแลเช็ดอึเช็ดฉี่ให้ ก็คือเมียหลวงคู่ทุกข์ คู่ยากที่เคยทำร้ายจิตใจเขาไว้นั่นแหละ ....
แล้วคุณรู้ไหมว่า เธอคนที่ 2 ของคุณ จะหยุดได้แค่นี้ คนเราได้คืบจะเอาศอก เคยอยู่ด้วยกันวันละ ๑ ชั่วโมง ขยับเป็น ครึ่งวัน ทั้งคืน ๑, ๒ ,๓ ...วัน แล้วลูกคุณละจะมีปัญหาตามมาอยากให้เกิดขึ้นกับลูกคุณเรื่องไหน ก็ลองอ่านปัญหาของประชาชนอื่น ดูเอาเถิด แล้วคิดเอาเองนะว่าใครเป็นคนผูกปมเป็นปมแรก
(จาก คอลัมน์เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ของดังตฤณ)
ถาม – ผมมีภรรยาแล้ว โดยเส้นทางอาชีพต้องทำงานกับผู้หญิงสองต่อสองบ่อยครั้ง จะห้ามตัวเองอย่างไร ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุจริงๆเลยครับ ฝ่ายหญิงยอมร่วมมือด้วยแน่ ขอเพียงผมเอื้อมไปคว้า เธอก็ท่าทางจะไม่ถอย (เคยแกล้งๆทำเหมือนหยอกเล่นแล้วไม่ว่า) ใจหนึ่งเหมือนบอกตัวเองว่าต้องเอาให้ได้ แต่อีกใจหนึ่งก็สงสารภรรยาอย่างแรง ขออุบายหรือวิธีคิดเพื่อห้ามใจให้ขาดด้วยครับ
ข้อแรก อย่าบอกตัวเองว่าที่ไม่ทำก็เพราะสงสารภรรยา คนเราเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้นครับ โดยเฉพาะเมื่อมโนธรรมลดระดับต่ำลงใกล้ติดพื้น เราจะไม่เห็นใจใครนอกจากตนเอง ทางที่ดีให้เฝ้าบอกตัวเอง ว่าที่ไม่เอาการประพฤติผิดทางกามนี้ ก็เพื่อไม่ต้องทุกข์เองในภายหลัง พอตอบตัวเองถูกว่าทำไมไม่เอา ก็จะได้ทำทุกวิถีทางเพื่อห้ามใจแบบไม่ต้องฝืนมาก
ข้อที่สอง ให้ตั้งใจคิดว่าไม่เอาแน่ๆ ไม่ทำแน่ๆ ไม่แม้แต่จะหยอกเล่น คิดสองสามครั้งแรกจะสั่งสมเป็นความเคยชิน ความเคยชินจะทำให้คุณรู้สึกห่างจากกระแสราคะผิดๆออกมาเรื่อยๆ กับทั้งปฏิเสธแรงขับดันของตนเองง่ายขึ้นเรื่อยๆ ขอให้ระลึกไว้ว่าถ้าทำตรงข้าม ปลูกฝังความเคยชินไว้ในทางมิชอบ คุณจะถลำลึกลงทุกทีและถอนตัวออกยากยิ่ง
ข้อที่สาม เมื่อใดเกิดอารมณ์ทางเพศกับเพื่อนร่วมงานของคุณ อย่ากัดฟันห้ามตัวเอง ให้ยอมรับตามจริงว่ามีอารมณ์เพศขึ้นมา การยอมรับตามจริง ไม่หลอกตัวเองว่าเป็นพระอิฐพระปูนไร้อารมณ์ จะทำให้ไม่เกิดแรงกดดัน ไม่เพิ่มแรงดันให้กับอารมณ์เพศโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ สำคัญคือให้ยอมรับว่าเกิดอารมณ์ แต่อย่าให้กายโอนอ่อนตามอารมณ์ก็แล้วกัน
เมื่อปฏิบัติทุกข้อบริบูรณ์ ยิ่งวันอารมณ์แบบปุถุชนจะยิ่งถอยห่างออกมา จนในที่สุดคุณเห็นเพื่อนร่วมงานแล้วจะรู้สึกเฉยๆ กลายเป็นความชินที่จะอยู่สองต่อสองโดยไม่ต้องเก็บกดอารมณ์เพศเอาไว้ เพราะมีปราการแห่งขันติและอุเบกขาสูงใหญ่ช่วยกั้นขวาง ไม่ให้เอื้อมมาแตะต้องกันโดยง่ายอยู่แล้ว
หากคุณผ่านด่านยากๆนี้ได้ ก็จะสบายใจว่าไม่ได้ทำเรื่องผิด ยิ่งนานเท่าไรขันติบารมียิ่งสูงขึ้นเท่านั้น คุณจะมีมโนธรรมแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ชัดขึ้น ห่างไกลจากนรกทางใจมากขึ้น แต่หากผ่านไม่ได้ คุณจะกระวนกระวายที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กระทำความผิดติดตัวในเบื้องแรก พอชินแล้วก็จะสงบลงด้วยใจที่กระด้างแบบคนหน้าหนา ต่อไปขันติบารมีของคุณจะต่ำลงๆ กระทั่งอาจทำเรื่องผิดๆแล้วมาอุทานภายหลัง ว่านี่คุณทำอะไรลงไป
กรรมอันเกิดขึ้นร่วมกันระหว่างชายหญิง ถ้าทำทั้งรู้อยู่ว่าอาจบาดใจสามีหรือภรรยาของอีกฝ่าย กรรมนั้นจะย้อนกลับมาบาดใจกันและกันในภายหลังได้ คุณจะเจอคู่กรรมด้วยเรื่องทางเพศ หวังประโยชน์ทางเพศ แล้วบาดใจกันทางเพศอีกแล้วๆเล่าๆ
บอกใจตัวเองให้เลือกทางปลอดโปร่งและเยือกเย็นเถิดครับ อย่าเลือกทางรกชัฏและอบอ้าวเลย