New Comer Pls. Read First "User-Password" สำหรับตั้งกระทู้

[webmaster]

เนื่องจากกระทู้นี้ ผู้โพสต์อาจจะไม่สะดวกใจในการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงค่ะ
ดังนั้น ท่านสามารถ log in ด้วยชื่อ ปุจฉา รหัสผ่าน 123456 เพื่อสร้างคำถามค่ะ

เนื่องจากมี user เดียว ซึ่งใช้ได้ทีละคน
หากท่านพบว่า ในระหว่างที่ท่านจะใช้งานนั้น
มีใครที่ออนไลน์อยู่ในชื่อ ปุจฉา โปรดรอจนกว่า ปุจฉา จะออกจากระบบนะคะ

หากในอนาคต มีท่านสมาชิกต้องการใช้งานห้องนี้มาก พร้อมๆ กัน
ทางพลพรรคฯ จะ create user ให้มากถึง 10 user ด้วยกันค่ะ

feedback อย่างไร โปรดขานไขนะเจ้าค่ะ

 :lol:

[อ้อย 14]

เรียนชาวซีมะโด่งที่รักทุกท่าน
                                            :idea:  :idea:  ปัจจุบันนี้ สภาพสังคมสิ่งแวดล้อมที่ผันแปรไป ความสุขของผู้คนก็แห้งเหือดไปดุจแม่น้ำยามหน้าแล้ง  เงินตรามีอิทธิพลต่อชีวิตของทุกผู้ทุกนามจนความสุขที่แท้จริงแปรเปลี่ยน  บางคนอาจจะมีปัญหารุมเร้า  ทำให้ดวงจิตเศร้าหมอง  อยากจะหาที่ปรึกษาเพื่อแสวงหาคำตอบให้แก่ตนเอง และบางทีคำตอบเหล่านั้นก็จะยังประโยชน์แก่ผู้อื่นที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน  
                                            :idea:  :idea: ทางเวบซีมะโด่งของเราจึงเปิดคอลัมม์นี้ขึ้นมา และกราบเรียนเชิญพราะอาจารย์มาช่วยไขขานข้อข้องใจ   และขอแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า ท่านพระอาจารย์เป็นชาวจุฬาคนหนึ่ง  ในคณะรัฐศาสตร์  และได้บวชเรียนเป็นสุขในร่มผ้ากาสาวพัสตร์  และขณะนี้ท่านได้มีเมตตามาช่วยเติมเต็ม  และตอบปัญหาให้แก่ชาวเรา
                                            :idea:  :idea: โปรดอย่ากังวลเพราะชื่อผู้ถามจะปรากฏในนามปุจฉา และขอให้ใช้พาสเวิร์ดดังที่หนูไผ่แจ้งไว้ด้วย   ขอให้ทุกท่านได้ตั้งคำถามและใช้แสงสว่างจากคอลัมม์นี้จรรโลงชีวิตให้บรรเจิด ปราศจากความเศร้าหมองดังเจตนาของผู้จัดด้วยนะคะ

[khesorn mueller]

P.Oy ka,
nungning can not use other name as all of you know very well who she is...she writes english :lol:  :lol: so let me just read and if I want to ask my alumni monk...I may ask.
nn-

ps.it is a really good idea ka.

[ปุจฉา]

นมัสการค่ะ พระอาจารย์
ก่อนอื่นต้องขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่เสียสละเวลามาให้คำแนะนำและข้อคิดดีๆ กับพวกเราชาวซีมะโด่ง  ขออนุโมทนาค่ะ  ขอให้ได้บุญกุศลเยอะ ๆ นะคะ  วันนี้ยังไม่ปุจฉา  มาอนุโมทนาบุญเฉย ๆ  ปัญหามีมากมายเพื่อรอการแก้ไขต่อไป  สาธุ

[webmaster]

นมัสการพระอาจารย์
ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ สำหรับการตอบคำถาม
ขออนุโมทนาบุยด้วยนะเจ้าคะ

ท่านผู้ ปุจฉา ค่ะ
ท่านสามารถ ตั้งกระทู้ใหม่เพื่อสร้างคำถามใหม่ได้เลยนะคะ เพื่อให้ผู้ทีเพียงคลิกผ่านเข้ามา
ได้มีโอกาสเห็นข้อความในกระทู้ค่ะ เพราะว่า น่าสนใจมากค่ะ

แต่หากมีกระทู้เดียวเช่นนี้ เกรงว่า บางคนจะมองผ่านไม่คลิกเข้ามาอ่าน
เพราะเข้าใจว่าเป้นเรื่องของ user&password ค่ะ

เดี๋ยว วอมอ ขออนุญาตทุกท่าน ปรับเปลี่ยนให้แยกเป็นกระทู้ๆ เลยนะคะ
ขอบพระคุณมากค่ะ

[วิสัชนา1]

ท่านที่ต้องการจะแบ่งปันความรู้ เพิ่มเติม จากที่พระอาจารย์ได้กรุณามาชี้ทางสว่างแล้ว
หรือหากท่านพอจะมีแนวทางที่น่าจะช่วยเพื่อนสมาชิกได้
ก่อนที่พระอาจารย์ท่านจะปลีกเวลามาได้
หากท่านไม่ต้องการตอบในชื่อจริงของท่าน ได้โปรดตอบในนาม วิสัชนา1 นะคะ
รหัสผ่านคือ 123456 เหมือนกันค่ะ

เวลาพิมพ์ วิสัชนา1 สำหรับท่านที่ใช้ notebook อย่าลืมดูดีๆ นะคะว่า
ท่านเปลี่ยนภาษาเป็นอังกฤษ ก่อนที่จะพิมพ์ รหัสผ่านหรือยัง
ไม่งั้นท่านอาจจะงงอยู่พักเล็กๆ ว่า ทำไมเขาไม่ได้หว่า....
(คือตอนนี้คนเทสต์ระบบเพิ่งเจอปัญหานี้มาค่ะ แฮ่)

การที่ create user ให้เพิ่มอีก 1 รายการดังนี้ก็เพราะว่า
ป้องกันการงุนงงสงสัยค่ะ
เพราะว่า เห็นเขียนว่าปุจฉา แต่ ข้อความเป็นวิสัชนา ค่ะ

แล้วก็ เวลาตั้งคำถาม อยากให้เริ่มกระทู้ใหม่เลยค่ะ
จะน่าสนใจกว่า และท่านผู้ตอบก็จะได้หาคำถามเจอง่ายๆ ด้วยค่ะ
และเผื่อมี วิสัชนา1 ท่านจะมาเพิ่มเติมในเรื่องเดียวกัน ท่านก็จะสะดวกค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ณ บัดนี้นะคะ

วอมอค่ะ

[ปุจฉา]

:arrow: ผู้ที่สนใจจะมากราบพระอาจารย์..

หรือ....ปรึกษาเรื่องส่วนตัว....ขอโทรศัพท์ท่านเผื่อว่าจำเป็นจะต้องปรึกษา online

กรุณาแจ้งหมายเลข fax  หรือ  email address ของท่านมาจะส่งแผนที่ไปให้ค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 22 ก.ค. นี้  เวลา 14.00 น เป็นต้นไป

ณ.  บ้านในเมืองของลูกศิษย์  ซึ่งเป็นชาวซีมะโด่ง .......


 :arrow: ขอเรียนเชิญทุกท่าน.....ร่วมสนทนาธรรม.....

[สมชาย17]

ดีใจจริงๆ ที่มี กระทู้นี้ และมีพระอาจารย์ช่วยกรุณา ชี้ทางสว่างให้
ต้องขอบคุณพี่อ้อย14 และน้องไผ่ ด้วยครับ

[ปุจฉา]

เพื่อทุกท่านทราบ

พระอาจารย์ติดธุระอยู่ในกรุงเทพ  มาเมื่อวันเสาร์  กลับไปวันจันทร์

และมาอีกครั้งด้วยเหตุจำเป็นอีกครั้งวันอังคารที่ 24 กคนี้

และเหตุสำคัญ  คอมพิวเตอร์ของท่านไปพบหมอคอมฯอยู่ค่ะ  จึงมิอาจมาวิสัชนาท่านได้ในช่วงนี้ค่ะ  

เพื่อทราบเพื่มเติม.....จะมีพระอาจารย์อีกท่านหนึ่งเข้ามาช่วยตอบคำถามด้านภาวนา
สำหรับผู้ที่ผ่านก้าวแรกของแสงสว่างแล้ว...................ขออนุโมทนากับทุกท่าน

[ปุจฉา]

พระอาจารย์ฝากมาบอกว่า  ท่านพอมีเวลาว่างแล้ว  แต่คอมฯไม่อยู่ให้ใช้งาน

ไปเที่ยวอยู่ที่ร้านช่าง ...จนกว่าคอมฯจะกลับมาประมาณวันที่ 10 สิงหาคมค่ะ

[ปุจฉา]

ท่าน web master ค่ะ

พระอาจารย์บอกว่าไม่สามารถ post  ได้  ไม่ทราบเป็นเช่นไรค่ะ

กรุณาแนะนำด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ปล.  พระอาจารย์ใช้วิธี email มาให้ copy แล้ว paste ค่ะ

[ปุจฉา]

คุณ WEB Master ค่ะ

 :arrow: ควรทำอย่างไรดี  คอมฯท่านอาจารย์ post ข้อความตอบไม่ได้

post แล้วเด้งตลอดค่ะ

 :arrow:  :arrow: ข้อปุจฉาบางกระทู้  ท่านอาจารย์ไม่ได้ตอบนาน  ขาดความต่อเนื่อง

จึงใช้วิธีวิสัชนาต่อท้ายย้อความปุจฉา  เพราะ  เหตุว่าแม้จะ quote  แล้ววิสัชนาก้อยังอยู่ห่างไกล

จากข้อปุจฉา  เลยทำทั้งสองวิธีดังที่เห็นค่ะ

จะกรุณาแนะนำหรือแก้ไขให้ จะเป็นพระคุณค่ะ

[webmaster]

ขออภัยจริงๆ ค่ะที่ไม่ได้ตอบเสียที แล้วจนป่านฉะนี้ พระอาจารย์ท่านโพสต์ได้หรือยังคะ

[ปุจฉา]

ปุจฉา
 :?:  :?:  :shock:  :?
ถ้าการเวียนว่าย ตายเกิด มีจริง
ทำไมผู้คนจึงมากขึ้นจนจะล้นโลก
มันน่าจะมีจำนวน จำกัดและคงที่
จึงจะมาเวียนว่าย ตายเกิด ได้ ไม่
น่าจะมีชีวิต วิญญานใหม่ได้
:!:  :?:  :!:  :?:  :!:  :?:

[ปุจฉา]

ปุจฉา 2

ถ้าการเวียนว่าย ตายเกิด เป็นความจริงของธรรมชาติ
การทำตัวให้หลุดพ้นออกจาก การเวียนว่ายตายเกิด
ก็บิดเบือนธรรมชาติ หรือการผิด ธรรมะ  ใช่หรือไม่
 :roll:  :shock:  :?:  :!:

[วิสัชนา]

ปุจฉา
 :?:  :?:  :shock:  :?
ถ้าการเวียนว่าย ตายเกิด มีจริง
ทำไมผู้คนจึงมากขึ้นจนจะล้นโลก
มันน่าจะมีจำนวน จำกัดและคงที่
จึงจะมาเวียนว่าย ตายเกิด ได้ ไม่
น่าจะมีชีวิต วิญญานใหม่ได้
:!:  :?:  :!:  :?:  :!:  :?:

ความจริงของธรรมชาติในโลกหรือในจักรวาลนี้
ไม่ขึ้นอยู่กับความคิดของคนใดคนหนึ่ง ใครจะคิดอย่างไรก็ช่าง
ความจริงก็ย่อมเป็นความจริง
สมัยก่อน..คนเชื่อว่าโลกแบน แต่โลกก็ไม่ได้แบนไปอย่างที่คนเชื่อ
การจะพิสูจน์ว่าโลกกลมหรือแบนยังง่ายกว่าการจะพิสูจน์ว่าการเวียนว่ายตายเกิดมีจริงหรือไม่
เพราะผู้พิสูจน์ต้องตายซะก่อน!      แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็น......
เพราะ...หากว่าใครสักคนจะเชื่อว่าโลกแบน   แต่ถ้าเขายังกินข้าวอยู่ทุกวัน
เขาก็ยังอยู่ในโลกแบนๆ นี้ได้ ...........ฉันใดก็ฉันนั้น ......
...หากใครสักคนจะไม่เชื่อว่าการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง
ขอเพียงคนนั้น ทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส
ชาติหน้าจะมีหรือไม่มีก็ช่าง
แต่ที่แน่ๆ ชาตินี้คนนั้นก็มีความสุขแล้ว  

[วิสัชนา]

ปุจฉา 2

ถ้าการเวียนว่าย ตายเกิด เป็นความจริงของธรรมชาติ
การทำตัวให้หลุดพ้นออกจาก การเวียนว่ายตายเกิด
ก็บิดเบือนธรรมชาติ หรือการผิด ธรรมะ  ใช่หรือไม่
 :roll:  :shock:  :?:  :!:

ความจริงของธรรมชาติบางอย่างเราก็ควรจะปฏิเสธและหลีกหนี
 ซึ่งการปฏิเสธและหลีกหนีก็เป็นธรรมชาติอีกอย่างหนึ่ง ดังเช่น..........
..การเจ็บป่วยก็เป็นความจริงของธรรมชาติ
การเยียวยารักษาเพื่อให้หลุดพ้นจากการเจ็บป่วยก็เป็นธรรมชาติ
ฉะนั้นเมื่อการเวียนว่ายตายเกิดเป็นความจริงของธรรมชาติ
การทำตัวให้หลุดพ้นออกจากการเวียนว่ายตายเกิดก็เป็นความจริงของธรรมชาติเช่นกัน .........
.......................ทุกอย่างมันเป็นธรรมชาติทั้งนั้น

[ปุจฉา]

ถ้าบิดา-มารดา เป็นพุทธศาสนิกที่ดีในระดับโลกียธรรม และมุ่งหวังให้ลูกเจริญทางโลกและดำรงชีวิตด้วยฆราวาสธรรม แต่ลูกเป็นอภิชาติบุตร มุ่งศึกษาในระดับโลกุตรธรรม จึงละทิ้งบ้านเรือน ละทิ้งอาชีพที่กำลังรุ่งโรจน์ ขอไปปฏิบัติธรรมเพื่อจะได้หลุดพ้นจากสังสารวัฏฏ์ ให้ได้ โดยไม่ฟังคำทัดทานใดๆ จากบิดามารดา

เป็นเหตุให้บ้านที่เคยเป็นสุข มีชีวิตชีวา กลายเป็นความเงียบเหงาและตึงเครียด เป็นทุกข์และหดหู่
มารดาเต็มไปด้วยความอาลัย โศกเศร้า บิดาเสียใจมาก และได้กระทำกรรมชั่วขึ้น คือพาลโกรธพระสงฆ์ หมดศรัทธาที่จะปฏิบัติตัวเป็นพุทธมามกะที่ดีอย่างที่เคยทำ หลายครั้งล่วงเกินพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ สร้างมโนทุจริต วจีทุจริต บ่อยๆ

ปุจฉา
1.ลูกที่เป็นต้นเหตุความทุกข์ของบ้าน จะถือว่าเป็นสุขบนความทุกข์ของบิดามารดาหรือไม่
2.จากความทุกข์ที่ได้รับจากการละทิ้งบ้านของลูก ทำให้บิดาได้ทำกรรมชั่วเพิ่มขึ้นดังกล่าว ลูกที่เป็นต้นเหตุแห่งความเสียใจนั้น จะได้รับกรรมจากการละทิ้งบิดามารดาหรือไม่ อย่างไร
3.ถ้าท่านเป็นผู้ที่จะต้องเยียวยา ครอบครัวนี้จะทำอย่างไร

 :?:  :?:  :?:  :shock:    :shock:  :evil:  :evil:  :evil:

[วิสัชนา]

ถ้าบิดา-มารดา เป็นพุทธศาสนิกที่ดีในระดับโลกียธรรม และมุ่งหวังให้ลูกเจริญทางโลกและดำรงชีวิตด้วยฆราวาสธรรม แต่ลูกเป็นอภิชาติบุตร มุ่งศึกษาในระดับโลกุตรธรรม จึงละทิ้งบ้านเรือน ละทิ้งอาชีพที่กำลังรุ่งโรจน์ ขอไปปฏิบัติธรรมเพื่อจะได้หลุดพ้นจากสังสารวัฏฏ์ ให้ได้ โดยไม่ฟังคำทัดทานใดๆ จากบิดามารดา

เป็นเหตุให้บ้านที่เคยเป็นสุข มีชีวิตชีวา กลายเป็นความเงียบเหงาและตึงเครียด เป็นทุกข์และหดหู่
มารดาเต็มไปด้วยความอาลัย โศกเศร้า บิดาเสียใจมาก และได้กระทำกรรมชั่วขึ้น คือพาลโกรธพระสงฆ์ หมดศรัทธาที่จะปฏิบัติตัวเป็นพุทธมามกะที่ดีอย่างที่เคยทำ หลายครั้งล่วงเกินพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ สร้างมโนทุจริต วจีทุจริต บ่อยๆ

ปุจฉา
1.ลูกที่เป็นต้นเหตุความทุกข์ของบ้าน จะถือว่าเป็นสุขบนความทุกข์ของบิดามารดาหรือไม่
2.จากความทุกข์ที่ได้รับจากการละทิ้งบ้านของลูก ทำให้บิดาได้ทำกรรมชั่วเพิ่มขึ้นดังกล่าว ลูกที่เป็นต้นเหตุแห่งความเสียใจนั้น จะได้รับกรรมจากการละทิ้งบิดามารดาหรือไม่ อย่างไร
3.ถ้าท่านเป็นผู้ที่จะต้องเยียวยา ครอบครัวนี้จะทำอย่างไร

เหตุการณ์ตามคำถามข้างต้นเคยเกิดขึ้นมาแล้วในสมัยพุทธกาลกับครอบครัวของเจ้าชายสิทธัตถะ

คงพอจะจำกันได้ในพุทธประวัติ วิชาศีลธรรม

และจากโศกนาฏกรรมครั้งนั้น ทำให้พระพุทธศาสนากำเนิดขึ้นหลังจากนั้นอีกหกปีต่อมา

หากใครสักคนที่ได้รับความร่มเย็นจากร่มเงาของพระศาสนา ก็ไม่ควรลืมโศกนาฏกรรมในครั้งนั้น

ปุจฉาข้อ๑. ลูกมิได้เป็นต้นเหตุของความทุกข์ในบ้าน

ต้นเหตุของความทุกข์ในบ้านเกิดจากความเห็นของบิดามารดาต่างหาก

ถ้าเปลี่ยนความเห็นของบิดามารดาเสีย คือต้องการอยากให้ลูกออกบวช ละทิ้งทางโลก

เมื่อลูกออกบวช บิดามารดาก็เป็นสุข

เหตุการณ์เหมือนเดิมทุกอย่าง คือลูกออกบวช แต่คราวนี้บิดามารดากลับเป็นสุข

ในมุมกลับหากบิดามารดาใดต้องการให้ลูกบวช แต่ลูกไม่ยินยอม บิดามารดาก็เป็นทุกข์เช่นกัน

 ความสุขและความทุกข์ล้วนแล้วแต่เกิดจากความเห็นทั้งสิ้น

ปุจฉาข้อ๒. ลูกมิได้มุ่งหวังให้บิดามารดาทำกรรมชั่วใดๆ

กรรมชั่วนั้นเกิดจากความเห็นผิดของบิดามารดาเองทั้งสิ้น

เมื่อลูกมิได้มุ่งหวังให้บิดามารดาทำกรรมชั่ว ลูกจึงมิต้องรับกรรมใดๆ

และหากศึกษาประวัติของครูบาอาจารย์ทั้งในสมัยพุทธกาล จนถึงสมัยปัจจุบัน

จะเห็นว่าส่วนใหญ่แล้วบิดามารดาของท่านเหล่านั้น สุดท้ายก็หันกลับมาเดินตามรอยท่าน

คือมีศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่งๆ ขึ้นไป

ปุจฉาข้อ๓.ให้ความเห็นที่ถูกต้อง ชี้ให้เห็นว่าความเจริญในทางโลก

ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง เกียรติยศ

สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่ได้ทำให้ผู้ครอบครองมีความสุขอย่างแท้จริง

ความสุขที่แท้จริงคือการศึกษาให้เข้าใจธรรมชาติของชีวิต

ทุกวันนี้ที่คนเป็นทุกข์กันก็เพราะไม่เข้าใจธรรมชาติของชีวิต

เมื่อชีวิตแสดงความเป็นธรรมชาติออกมาก็ยอมรับไม่ได้

ส่วนท่านผู้ที่เข้าใจแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิต

ท่านเหล่านั้นล้วนยอมรับได้หมด เพราะนั่น ! เป็นธรรมชาติของชีวิต
 :?:  :?:  :?:  :shock:    :shock:  :evil:  :evil:  :evil: