พี่ Im
Strongly Reccomend ทีให้ลงทุนเสียแต่เนิ่น ๆ โดยเฉพาะ คนที่มีแนวโน้มโสดสูง จะได้มีกระแสเงินสดไว้ใช้ตอนไม่มีงานทำ หรือ เลิกงานแล้ว (เพราะ ต้องอยู่คนเดียว ไม่มีใครดูแล หุ หุ)
ปล. การออมที่ไปฝากธนาคารก็ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง เพราะ เราได้ผลตอบแทนคือ ดอกเบี้ย (เท่านั้นเอง แต่มูลค่าสินทรัพย์ไม่เพิ่ม ดังนั้นผลตอบแทนดอกเบี้ยเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อก็เลย ต่ำมาก ... งงมั้ย)
พี่ Max
จะลองหาซื้อดูครับ ... แต่ความจริงที่ถามเพราะ ผื่อพี่ Max มีเอกสาร sheet จะได้ขอ Xerox :lol:
คุณ สุมาอี้ ผมรู้จักแต่ใน web
www.thaivi.com นี้ละ ครับ เขาเข้ามา post บ่อยเหมือนกัน
แต่เข้าใจว่าเก่งเรื่อง เศรษฐศาสตร์มหภาค
ตอนนี้ไม่ได้ถือแล้วครับ เพราะ ขายเอาเงินมาซื้อหุ้นบริษัทแทน (เป็นนโยบายบริษัทน่ะ ที่ให้ engineer ที่ทำงานมานาน 5 ปีขึ้นไป และผลงานเข้าตา มีสิทธิ์ซื้อหุ้นได้ .. ยังกะบรฺษัท ฝรั่ง ที่อเมริกา แต่ที่นี้เป็นของคนไทย 100% ครับ)
เคยถือ หลายหุ้น เช่น HT, CPI, STA, RCL, ACL,TEAM,AYUD,QH, BSBM ... ไม่ได้ถือทีเดียวทั้งหมดหรอกครับ switch ปรับไปเรื่อย
ช่วงเริ่มเล่น นั้นไม่รู้อะไรมาก ถือ 4 ตัว กำไร 1 ตัว เท่าทุนอีก 3 ตัว
เปลี่ยนมาเรื่อย ๆ จนมาได้กำไร ที่มากสุดคือ TEAM ... 200 - 300%
ตอนที่เลือกจะถือ ก็ดูหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการปันผล และ ค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร เพราะ จะเป็นตัวประเมินผู้บริหาร และ เรื่องปันผล ก็กันเหนียว เพราะ ถ้าหุ้นไม่ขึ้นก็ยังได้ปันผล
อ้อ ... อีกอย่างคือ กำไร ต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ หรือไม่ จะได้สบายใจเวลาหุ้นตก เดี๋ยวก็ขึ้น ...
ซึ่งพยายามเลือก ตัวที่ไว้ใจ (แต่อาจจะไม่ใช่ตัวที่ดีที่สุด ตามที่คนเล่นหุ้นเก่งเขาดูกันเป็น)
เพราะอย่างน้อยถือยาวไม่ต้องกลัวมูลค่าตก แถมปันผลดีกว่าฝาก แบงค์ อีก ... บางครั้ง credit ภาษีได้ด้วย (บางบริษัทนะ) ... เพราะ ฉะนั้นช่วงฤดูกาล ขอ credit ภาษี ก็จะได้เงินคืนกลับมา 3-4 พันบาท (สำหรับผมนะ) ... อยู่ได้เป็นเดือน
....
ส่วนเรื่องกองทุนนั้น .. ไม่ได้ซื้อเลยครับ เพราะ เล่นหุ้นเอง ได้ผลตอบแทนดีกว่าอีก (ถ้าขยันหาข้อมูลหน่อย) ไม่ต้องแบ่งผลกำไรให้ผู้บริหาร ... และอย่างน้อย เวลาเราตัดสินใจพลาด ก็โทษตัวเองดีกว่า
ข้อดีของกองทุนคือ การ credit ลดหย่อนภาษีครับ คล้ายกับประกัน นั่นล่ะครับ
เช่น เรามีฐานภาษี 10% เรา credit ภาษีได้ 50000 บาท/ปี เราก็จะลดหย่อนภาษีได้ 5000 บาท/ปี ... แต่ต้องแลกกับเงินลงทุนของเรา 50000 บาท/ปี ที่ถ้าเราไม่พร้อมก็จะทำให้ขาดสภาพคล่องได้ครับ
จะเห็นว่าเรื่อง credit ภาษี นี้เป็นเกมของคนรวยที่มีเงินเหลือ รายได้สูงครับ เพราะ เขาไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง แถม credit ภาษีได้อีก และ ได้สะสมทรัพย์สินที่โอกาสมูลค่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคตด้วย ... เหตุผลที่คนรวย ยิ่งรวยครับ ... เพราะ สามารถหาช่องทางเสียภาษีได้น้อยกว่า พนักงานบริษัทอีก ทั้ง ๆ ที่รายได้มากกว่า...
เห็นภาพกันง่าย ๆ เราทำงาน 12 เดือน โดนหักภาษี 10% ของรายได้ ก็ 1 เดือนเข้าไปแล้ว
คล้าย ๆ กับว่ารายได้เราจริง ๆ11 เดือน (ทำงานใฟ้รัฐบาลไป 1 เดือน)
.... เดี๋ยวจะเข้าเรื่องภาษีอีก ... มีรายละเอียดเยอะ และผมก็ไม่รู้อีกเยอะครับ ...
เอาเป็นว่า สำหรับผมเวลาซื้อหุ้น ก็อ่านทุกอย่างของบริษัท เท่าที่จะทำได้ก่อนซื้อ เช่น กำไร ขาดทุน บริษัทมีรายได้จากใหน ใช้จ่ายอะไรบ้าง ระบบการทำงานเป็นอย่างไร นโยบายเป็นอย่างไร การจัดการสินค้าคงคลังเป็นอย่างไร การจัดหาบุคลากรเข้าบริษัทมีรโยบายอย่างไร บลา ๆ ๆ
ซึ่งจำเป็นต้งใช้องค์ความรู้เยอะมาก ...แต่ผม ดีหน่อยที่ ลักษณะงานประจำที่ทำ เอื้ออำนวยในการทำความเข้าใจเรื่องพวกนี้ด้วย ...