:lol: พยายามหาเวลาว่าง ไม่ให้พี่หาญดุ ว่าไม่ไปทำงาน คือบ้านพี่แอ๊ะเค้าทำงานกันตลอด 365 วันในหนึ่งปี แต่ทำๆ พัก ๆ ไปน่ะค่ะ
อ่านเรื่องของ น้อง warm มา ถึงหน้า20 ว่างเมื่อไรจะมาอ่านต่อ ค่ะ เสียดายจังไม่ได้มา join ตั้งแต่แรก จะได้สนุกด้วย กัน อิๆๆๆๆๆๆ :lol:
พี่แอ๊ะตื่นเต้น มาก เพราะญี่ปุ่น กับอเมริกา เป็นประเทศที่พี่แอ๊ะได้ไปอยู่นานเป็นเดือนๆ สอง สามเดือนก็มี เลยอยากแชร์ประสบการณ์ด้วยค่ะ แต่ค่อนข้างอยู่แบบสบายๆ คงเพราะแก่แล้วมังคะ
คงไม่มีใครมาหาว่าคุยโม้โอ้อวดนะคะ ชักกลัวไม่กล้าเปิดเผยมากแล้วกลัวจะเป็นการคุยโม้โอ้อวดไป :lol: :lol: ตอนวัยขนาดน้องก็ ต่อสู้ลำบากเหมือนกันค่ะ
ญี่ปุ่น เมืองโยชิดะ (ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นชื่ออะไร จำไม่ได้แล้วค่ะ) แต่อยู่ที่จังหวัดไซตามะ
เป็นเมืองเกษตรกรรม แต่อยู่ใกล้โตเกียว ค่ะ
รัฐบาลทั้งสองประเทศ จัดให้เราเป็น เมืองแฝด ( sister city) yasohon - yoshida ชาวยโสธรและชาวโยชิดะ จะต้องเดินทางไปหากันทุกปี ตอนงานประเพณีบุญบั้งไฟ ที่เราเดือน พ.ค ที่ญี่ปุ่นเดือน ต.ค ค่ะ
เพราะเมืองโยชิดะเขาจุดบั้งไฟด้วย แต่เขาจุดเพื่อขอบคุณเทวดาที่ทำให้ผลผลิตเค้าดี แต่เราจุดเพื่อขอฝน แต่ของเขาจุดแบบไม่น่ากลัวเหมือนของเรา เขามีกฎระเบียบที่ ดีมาก
ชาว ยโสธรไปญี่ปุ่นกันจนต้องเกณฑ์กันไป ทุกปี เลยค่ะ :shock:
เดือนตุลา นี้พี่แอ๊ะอาจจะต้องไปอีก แต่ 15ปี ที่เป็นเมืองแฝดกัน เราได้ประโยชน์จากการเป็นเมืองแฝดน้อยมาก เพราะภาษา เป็นภาษาใบ้กันหมดเลย :shock:
พี่แอ๊ะได้แนะนำให้ทางวิทยาลัยชุมชนยโสธร สอนภาษาญี่ปุ่นให้คนยโสธร ให้เป็นหลักสูตรที่ต่อเนื่อง ให้เจ้าหน้าที่เทศบาลทุกคนได้เรียน แต่ไม่เห็นเขาทำกันสักที เราจะได้สิ่งดีๆจากเขาด้วย เช่นนำมาพัฒนาด้านเศรษฐกิจ หรือนำเทคโนโลยีดีมา ต่อยอด ด้านการเกษตร
และการปกครองแบบ กระจายมาสู่ส่วนท้องถิ่น แบบ ทีไม่มีคอรับชั่นน่ะ ว่าทำให้ท้องถิ่นเจริญได้จริงๆ ด้วยระบบ ธรรมาภิบาล (good governance)
พี่แอ๊ะต้องไปตามหน้าที่ในฐานะประชากรชาวยโสธรอยู่แล้ว พยายามหลบๆ ทุกปีเลยค่ะ :lol:
แต่ ที่ดีไปกว่านั้นโดยส่วนตัว คนละงานกับจังหวัดนะคะ พี่แอ๊ะโชคดี คุณลุงจำลอง ศรีเมือง ได้แนะนำให้รู้จัก ดร.โตกูดะ ทาโรเอะ เลยได้ไปดูงาน
ร.พเอกชนของเขา เกือบสองเดือน
พี่แอ๊ะชอบมาก งานนี้ชนะเขาตอนคุยภาษากัน อิๆๆๆๆ เพราะ เราคุยภาษาอังกฤษ อันกระท่อนกระแท่น ของเรา กับหมอและพยาบาลที่นั่น ได้มากกว่าเขาอิๆๆๆ
อย่างที่น้องวอร์มบอก เขาจะหลบๆเรา เพราะ เขาพูดภาษากับเราไม่รู้เรื่องค่ะ :lol: ไม่ใช่เขาไม่มีน้ำใจนะคะ เขาคงขี้เกียจดูเรา และเขา ต่าง โบกไม้โบกมือพูดภาษาใบ้ :lol: :lol:
หมอพยาบาล ที่ต้องมาดูแลพี่แอ๊ะกับพี่หาญ แรกๆก็เฝ้าเราตลอด อยู่ไปสักพัก ก็เริ่มห่างๆ เพราะคงไม่กล้า พูด ภาษาอังกฤษกับเราเช่นกัน เหอๆๆๆๆๆๆๆ :lol: :lol:
แต่พี่แอ๊ะได้รับการดูแลอย่างดี ทุกวัน ดร.โตกุดะ ต้องสั่งให้ นายแพทย์ผู้อำนวยการ เขามาเลี้ยง อาหารเย็น และดูแลอย่างดี ในทุกเมือง ทีร.พเขาตั้งอยู่
แพทย์ที่นั่นเงินเดือนสูงมาก ห้าแสน ถึงหนึ่งล้านบาท ต่อคนโดยเฉพาะหมอผ่าตัด แต่พี่แอ๊ะไม่กล้าให้ลูกมาเรียนที่นี่เพราะคงยากมาก ในเรื่องภาษา :shock:
ร.พ เอกชนกับร.พรัฐได้รับการดูแลจากรัฐแบบมีศักดิศรีเท่าเทียมกัน เขาจะพยายามให้เอกชนเข้ามาจัดการ ด้านสุขภาพ ร.พ เขาทันสมัยมาก บาง รพ ในเมืองใหญ่ เกือบทุกอย่างกดปุ่มหมด
กดตั้งแต่ ทำบัตร กดปุ่มระบบสัมผัส เลือกหมอ ที่ต้องการ จนกระทั่ง ตรวจเสร็จ จ่ายตังค์ รับยา ยาใส่ถุง ออกมาจากตู้เหมือนเรากดตู้เทีเอม :shock: ประชาชน จ่ายเงินค่ารักษา30 % รัฐบาลจ่ายตรงให้ ร.พ 70% ก็เขาตอบแทนบุญคุณประชาชนของประเทศเขานะคะ ให้ได้รับการรักษาทีดี มากๆ วัสดุ อุปกรณ์การแพทย์ วัสดุสิ้นเปลือง เขาใช้กับคนไข้อย่างเต็มที่ ใช้สิ้นเปลืองจริงๆ เพราะเขาผลิตได้เองเนาะ
แต่ห้องพิเศษไม่หะรูหะรา อย่างเอกชนไทย คนไข้ของเขา จะอยู่รวมกัน แต่สะอาดสะอ้านดี
ถ้าต้องเป็นห้องพิเศษก็ห้องเล็กๆ คือเค้าเน้นการรักษา มากกว่าความหรูหรา แบบเอกชนไทยค่ะ :shock:
ดร .โตกุดะ ใจดีมาก พี่แอ๊ะกับพี่หาญไปดูงาน ท่านให้เงินค่าเสียเวลาด้วย ท่านคำนวณ ว่า พี่หาญพี่แอ๊ะ อยู่เมืองไทย ทำรายได้เงินวันละเท่าไร ท่านให้มาเท่านั้น กลับมาเกือบ รวยเลยค่ะ
ไม่อยากได้แต่เขาไม่ยอม ก็เลยต้องเอา (เงิน )อิๆๆๆๆๆๆ
ร้าน everything 100 เยน พี่แอ๊ะซื้อของกลับมาเยอะมาก เป็นบ้าหอบฟางเลยค่ะ ยังเต็มอยู่ในบ้าน ไม่กล้าเปิดกล่อง เลย อายตัวเองว่าซื้อมากมายขนาดนั้นได้ยังไง แต่ก็ค่อยๆ นำมาให้เป็นของขวัญพนักงานไปเรื่อยๆค่ะ
พิมพ์ยาวเหมือนน้องวอร์มพิมพ์เลยนะคะ :lol:
แต่พี่แอ๊ะอ่านของน้องไป20 หน้า ยังไม่ทราบว่าน้องไปดูงานเกี่ยวกับบริษัทอะไร และทำกิจการอะไร ต้องอ่านต่อให้ครบใช่ไหมคะ :shock:
ตอนนี้กลับมาแล้วเฉลยเลยก็ได้ค่ะ :) :)