เราฝากประเทศไทยไว้กับ "ยิ่งลักษณ์" ได้หรือ? (เส้นใต้บรรทัด)ขณะปวงประชาทุกข์ระทมขมขื่นเพราะเหตุอุทกภัยที่หนักกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศ มีสักขณะจิตที่รู้สึกเห็นใจ เข้าใจ ห่วงใยพวกเขาอย่างแท้จริงบ้างหรือไม่
ในเวลาเดียวกัน ได้แสดง "ความมีสมอง" ออกมาบ้างหรือเปล่า
คำตอบอยู่ที่ จะปลูก "หญ้าแพรก" ชะลอน้ำ แทน "หญ้าแฝก"
อยู่ที่ "เรือดำน้ำ" แทน "เรือดันน้ำ"อยู่ที่ "จะโยนหินลงทะเล" ที่ประตูน้ำบางโฉมศรี จังหวัดสิงห์บุรี
อยู่ที่ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.)
และล่าสุด อยู่ที่ "แพไม้ไผ่" จากภูมิปัญญาของ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่ง ได้ประสานงานไปยังกรมอุทยาน สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ช่วยตัดไม้ไผ่จากป่ามาต่อเป็นแพ กว้าง 1 วา ยาว 2 วา เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม ได้ใช้สัญจรแทนเรือไฟเบอร์ที่ขาดตลาด หลังประเมินสถานการณ์ว่าอาจจะมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณทุ่งนานานนับเดือนหลังจากนี้ลำพังต้องเป็นทุกข์กับสภาวะน้ำท่วม ก็หนักหนาสาหัสสำหรับประชาชนมากพออยู่แล้ว ยังจะต้องให้เขาซึมเศร้ากับภาวะ "โง่เขลาเบาปัญญา" กับผู้นำรัฐบาลและคณะกันอีกสักกี่หน
ผมเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า ยิ่งลักษณ์และพวก ได้ใช้ "ปัญญาทั้งหมดที่มี" มาแก้ไขปัญหาขณะนี้แล้วครับ
แต่เพราะมันมีอยู่เท่านี้ไงครับ มันจึงออกมาในรูปนี้ประกอบกับยิ่งลักษณ์และพวก พะวงกับ "ปัญหาการเมือง" จนมองไม่เห็นว่า ภาวะน้ำท่วมหนักขณะนี้เป็น "ปัญหาบ้านเมือง" เธอกับพวกจึงเอาแต่ระแวงระวัง ว่าใครจะได้ออกโทรทัศน์ ใครจะเป็นคนลงพื้นที่ให้นักข่าวสัมภาษณ์ ใครจะเป็นหัวหน้าศูนย์สร้างปัญหาอย่าง ศปภ. บทบาทของทหารจะเป็นยังไง ภาพลักษณ์ของพวกเธอจะเป็นยังไง
"ปัญหาที่แท้จริง" จึงไม่เคยได้รับการแก้ไขให้ตรงจุด
ซ้ำปัญหายังทวีความหนักหน่วงขึ้น จากการเอาแต่ "สร้างภาพ" ทางการเมืองรายวันอยู่นั่นเอง
หลังยิ่งลักษณ์เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เกิดพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมขึ้นหลายจังหวัดในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลางตอนบน โดยเฉพาะที่จังหวัดพิษณุโลกกับสุโขทัยนั้น ประชาชนเดือดร้อนกันเป็นวงกว้าง
สิ่งที่ยิ่งลักษณ์และทีมงานทำ คือ ออกแคมเปญโก้เก๋ชื่อ "บางระกำโมเดล" ที่ไม่เคยอธิบายแก่สังคมได้ว่าจะทำอะไร เมื่อไหร่ อย่างไร และจะทุเลาหรือขจัดปัญหาให้แก่พี่น้องประชาชนในเขตอำเภอบางระกำและนำไปใช้เป็น "แม่แบบ" หรือ "โมเดล" ให้แก่พื้นที่อื่นๆ ได้อย่างไร
เมื่อล่วงรู้ว่า พรรคฝ่ายค้านจะตั้งกระทู้ถามสดแทนชาวบ้าน ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาในจังหวัดพิษณุโลก ลพบุรี ฯลฯ ที่มีปัญหาน้ำท่วมหนักอยู่ในขณะนั้น ทีมภาพลักษณ์รีบส่งยิ่งลักษณ์ลงพื้นที่ ถ่ายรูป เป็นข่าวในวันรุ่งขึ้น และยิ่งลักษณ์เข้าประชุมสภาโดยใช้เวลาสั้นๆ และเลือกตอบเฉพาะกระทู้ของคนพรรคเดียวกันที่เตรียมบทมาถามตอบกันเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
จากนั้น พวกเธอก็สาละวนอยู่กับการหาทางอภัยโทษให้แก่ทักษิณ หาทางแก้กฎหมาย แก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ถวายความคุ้มครองสถาบันเบื้องสูง โดยมีคณะกรรมการ คอป. ของ ดร.คณิต ณ นคร ช่วยสร้าง "หลักการนำ" ตามด้วยข้อเสนอของอาจารย์ 7 คน ที่เรียกตัวเองว่า "คณะนิติราษฎร์" เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ใช้เป็นข้ออ้างว่ามีผู้เสนอและมุ่งหมายสร้างความสงบ ปรองดอง
ทั้งยังสาละวนกับการแก้แล้วแก้เล่า ในเงื่อนไขของนโยบายบ้านหลังแรกกับรถคันแรก ซึ่งมิได้ก่อประโยชน์ใดๆ ให้แก่ประชาชนที่กำลังเดือดร้อน เหล่านั้นเลย แถมสะท้อนให้เห็นว่าเป็นนโยบายที่ไม่เคยลงรายละเอียดมาก่อน ถึงเวลาทำ จึงต้องมั่วไปมั่วมาอยู่ตลอดเวลา
แถมยังเอาจริงเอาจังกับการแต่งตั้งคนเสื้อแดง ที่มีข้อหาก่อการร้าย ขัดกฎหมายความมั่นคง และหมิ่นพระบรมราชานุภาพ และร่วมกันเผาบ้านเผาเมืองมากินตำแหน่ง กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน ทั้งๆ ที่ไม่มีคุณสมบัติชี้ชัดว่ามีความรู้ความสามารถอันใด ที่จะเป็น ที่ปรึกษารัฐมนตรี เลขาฯ รัฐมนตรี หรือข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ ขณะที่ปากก็พล่ามแต่คำว่า "ปรองดอง-สมานฉันท์" ยังไม่รวมการแต่งตั้ง นายวิม รุ่งวัฒนะจินดา ที่พัวพันกับเหตุการณ์ให้สินน้ำใจสื่อในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง จนถูกตั้งกรรมการสอบ กับนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี ฐานนำความลับของศาลรัฐธรรมนูญมาเปิดเผย ให้มีตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลด้วย
เร่งรีบเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งไม่ใช่ประเทศที่มีความสำคัญหรือสัมพันธ์กันด้านเศรษฐกิจ-การเมือง อย่างที่ต้องเร่งรีบไปพบ ทั้งประเทศบรูไนและกัมพูชา ซึ่งจริงๆ แล้วควรกล่าวว่า เป็น 2 ประเทศที่ไม่ควรคบหาเป็นมิตรประเทศต่อไปด้วยซ้ำ เพราะล้วนให้ที่พักพิงแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องโทษที่รัฐบาลไทยมีหน้าที่ติดตามควบคุมตัวมาลงโทษ เปิดทางและบางครั้งก็เข้าร่วมให้มีการปลุกปั่นทางการเมือง ทั้งๆ ที่อยู่ในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน และเป็นสองประเทศที่มีสถาบันกษัตริย์เหมือนกัน ควรที่จะเคารพกันและยืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้องต่อกัน
และในการเดินทางเยือนกัมพูชานั้น ก็มีคนเสื้อแดงติดสอยห้อยตามไปหาความสำราญจาการชมฟุตบอลกระชับมิตร นปช.ไทย กับ ครม. กัมพูชา ในเวลาที่หลายจังหวัดน้ำท่วมหนักมาก และเป็นจังหวัดที่ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่หลายจังหวัดด้วย
ยิ่งลักษณ์ดูจะเลือกให้ "ธุระของวงศ์ตระกูล" มาก่อนทุกข์ของชาวบ้าน จนสังคมอดเคลือบแคลงไม่ได้ว่า ทำไมเธอไม่ใส่ใจทุกข์ของชาวบ้าน แต่กลับนุงนังอยู่กับแนวทางคืนเงินของทักษิณที่ถูกยึด คดีที่ดินรัชดา การรื้อฟื้นการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ทักษิณ คดีก่อการร้ายของทักษิณ และ นปช. ตลอดจนเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ดูจะมีคนจ้องจะดันก้น พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ขึ้นนั่งให้จงได้
ยิ่งลักษณ์และคณะ ปล่อยให้ปัญหาอุทกภัยลุกลามบานปลาย จ่อเข้ามาสร้างความเสียหายที่กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศ โดยไม่เคยแสดงความกระตือรือร้น ที่จะเห็นปัญหา บรรเทาปัญหา ป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เอาแต่หากิจกรรม (Event) สร้างภาพสวยงามให้ยิ่งลักษณ์ จนมองข้ามหัวชาวบ้านที่ลอคอรอคอยการแก้ไขปัญหาที่แท้จริงอยู่กลางน้ำ
พวกเขามาพล่านเมื่อน้ำจะเข้ากรุงเทพฯ เพราะกรุงเทพฯ คือ ที่มั่นสุดท้ายที่มีผลกระทบต่อสถานภาพทางการเมืองใช่หรือไม่ เก้าอี้นายกฯ ถึงได้ร้อนขึ้น คำถามที่สำคัญก็คือ ถ้าน้ำท่วมกรุงเทพฯ แล้วมีผลต่อการ "เป็นข่าว" ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงในความเป็นนายกฯ และคะแนนนิยมจะตกลงอย่างฮวบฮาบ ยิ่งลักษณ์กับพวกจะลนลานตั้งศูนย์ "ไร้สมอง" ขึ้นมารับหน้าสื่อมวลชน ด้วยการแถลงข่าวผิดๆ ถูกๆ โง่ซ้ำซาก ผิดซ้ำซาก เป็นรายวันรายชั่วโมงหรือไม่
การแถลงข่าวให้คำมั่น รับประกันว่า นิคมอุตสาหกรรมนวนครจะปลอดภัยจากน้ำท่วมได้ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นความจริง คือ จุดล่มสลายทางความน่าเชื่อมั่น น่าเชื่อถือ ของยิ่งลักษณ์และพวกไปแล้ว
คำที่แสดงความมั่นใจจาก ศปภ. โดยนายวิม รุ่งวัฒนจินดา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ตลอดจนจากปากของยิ่งลักษณ์เอง ทำให้เครื่องจักรในโรงงานยังเดินหน้า คนงานยังทำงาน เจ้าของกิจการยังคงดำเนินการผลิตสินค้าของเขาตามปกติ กระทั่งน้ำทะลักเข้าท่วม คนสามแสนกว่าโกลาหล โรงงานหลายแหล่งได้รับความเสียหาย คือ "ใบเสร็จ" แห่งความเหลวแหลกของรัฐบาลนี้ ที่ไม่แค่ไม่อาจทุเลาปัญหา กลับสร้างปัญหาเสียเอง
ถ้ารัฐบาลโดย ศปภ. ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นจริง แม่นยำ และด้วยความห่วงใย โรงงานหลายแห่งคงปิดไปเพื่อป้องกันความเสียหาย คนงานคงไม่มากมายและวิ่งหนีน้ำกันจ้าละหวั่นเช่นนั้น และภาพเหตุการณ์นั้นเสียวแปลบไปถึงนักลงทุนต่างชาติที่เคยเล็งประเทศไทยเอาไว้ ให้เขามองหาที่ใหม่ ประเทศใหม่ในทันที
เลยความผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า นึกว่ารัฐบาลชุดนี้จะเหลือสมองไว้ไตร่ตรองและปรับเปลี่ยน เอาคนที่ "รู้จริง" มาทำงาน เปิดทางให้ทหารเข้าดูแลสถานการณ์อย่างเต็มที่ หันไปอ่านแผนการแก้ไขปัญหาที่ผู้นำฝ่ายค้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บากหน้าไปนำเสนออีกสักที และสำคัญที่สุด ระลึกถึงถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเปี่ยมพระปรีชาสามารถด้านการจัดการระบบน้ำ
เปล่าเลย กลับยังไม่รู้สึกรู้สา กลับยังมองเป็นปัญหาทางการเมือง ที่ต้องสร้างภาพลักษณ์มากลบเกลื่อนกันต่อ กลับยังเดินหน้า ตั้ง "เพรียวพันธุ์ ดามาพงษ์" เป็น ผบ.ตร. กลับยังนำเสนอแพไม้ไผ่ ที่ชาวบ้านเห็นแล้วอยากจะกลั้นใจตาย กลับยังปล่อยให้ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม เข้าไปด่าประเทศไทยให้คณะกรรมาธิการ โดยการนำของนายสุนัย จุลพงศธร ทั้งๆ ที่อัมสเตอร์ดัมมิใช่ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายไทยหรือมีบทบาทด้านสิทธิมนุษยชนที่ใดๆ ในโลกมาก่อนเลย รู้กันทั้งประเทศว่านายคนนี้ มีทักษิณเป็น "ลูกค้า" ใช้บริการด้านกฎหมายและการล็อบบี้เท่านั้น!!
ดูๆ ไป วังเวงหัวใจเหลือเกินครับ
เคยเสนอให้ยิ่งลักษณ์ รวมกันเป็นหนึ่งเดียวกับผู้นำฝ่ายค้าน นักวิชาการเก่งๆ อย่าง ดร.เสรี ศุภราทิตย์ และอีกหลายท่านที่เคยร่วมถวายงานด้านการจัดการน้ำ ใต้เบื้องพระยุคลบาท ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเข้าเฝ้าฯ เพื่อให้พระองค์ท่านพระราชทานแผนการจัดการลงมา แล้วผนึกประชาชนที่มีความรักในพระองค์ท่าน ซึ่งมีอยู่อย่างมหาศาลทั้งแผ่นดินมาร่วมกันสู้กับภัยธรรมชาติที่เกินเยียวยาแล้วในเวลานี้ด้วยกัน เธอก็ไม่เคยสนใจ
ไม่ว่าจะเป็นสถาบันเบื้องสูง ทหาร นักวิชาการ ฝ่ายค้าน ดูเหมือนยิ่งลักษณ์กับคณะชายชาตรีที่มุดกระโปรงของเธอซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง ตั้งแง่กีดกัน ไม่อยากให้มีความสำคัญเหนือตัวนายกฯ โดยไม่คิดเลยว่านายกฯ คนนี้มีสมองแค่ไหน มีบารมีเท่าไหร่ รู้สึกรู้สากับทุกข์ของชาวบ้านหรือไม่ แถมปล่อยให้พวกโรคจิต เสพติดการออกโทรทัศน์ แย่งซีนกันแถลงนั่นแถลงนี่โดยไม่มีภูมิรู้อะไร สุดท้ายใครล่ะครับที่ซวย ที่ทุกข์ ที่สิ้นเนื้อประดาตัว ถ้าไม่ใช่ประชาชนคนไทย ที่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนยากคนจน
หลังจากนี้ ยังมีจะปัญหาเรื้อรังอีกยาวนานอันเนื่องมาจากน้ำท่วมและรัฐบาลโง่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพทั้งกายและใจของประชาชนที่แช่น้ำมาหลายเดือน ปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากคนไม่มีเงินซ่อมบ้าน โรงงานปิดกิจการเพราะเครื่องจักรเสียหาย คนจากภาคเกษตรและแรงงานจะเคว้งคว้าง หางานทำไม่ได้ ผู้ประกอบการหลายรายไม่อาจแบกรับค่าแรง 300 บาท ที่เป็นนโยบายของรัฐบาล ถึงเวลานั้นสังคมจะโกลาหลขนาดไหน
ภัยหนาวก็จะตามมาอีกระลอก วิกฤติหนี้ในยุโรปจะถึงจุดระเบิด ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมของโลกเจ็บป่วยตามๆ กันไป
คุณว่าในสภาพการณ์อย่างนั้น คนไทยยังไว้ใจ ฝากประเทศไว้กับยิ่งลักษณ์และพวกอยู่อีกหรือ?
ยังจะมีประเทศไทยและงบประมาณให้พวกเธอถลุงเล่นกันอยู่หรือ?จิตกร บุษบา
http://www.naewna.com/news.asp?ID=284544
โดย: ขบวนการเสรีไทยเฟซบุ๊ค