21 พฤศจิกายน 2567, 23:57:57
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ถึงเวลาแล้วครับ ที่เราต้องเปลี่ยนนิสัยคนไทยจากคนจับจด....ดร.ครรชิต มาลัยวงศ์  (อ่าน 7133 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 02 มีนาคม 2554, 20:07:33 »


          มาช่วยกันพัฒนาสังคมไซเบอร์ไทย   บทความโดย

        

                          ดร. ครรชิต มาลัยวงศ์

                ราชบัณฑิต สาขาวิชาคอมพิวเตอร์

                        โดย เวบปัญญาไทย ที่  

http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%8B%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2

        ระบบอินเทอร์เน็ต เป็นเครื่องมือสำคัญของยุคปัจจุบัน เป็นทั้งช่องทางในการประชาสัมพันธ์ เป็นทั้งช่องทางในการขายสินค้าทั่วโลก เป็นทั้งรูปแบบการศึกษาแบบใหม่ เป็นทั้งอุปกรณ์นันทนาการ สำหรับสร้างความเพลิดเพลินทั้งทางการส่งภาพยนตร์, เพลง และเกม ไปถึงผู้ใช้

        ระบบอินเทอร์เน็ตได้เปลี่ยนรูปโฉมของสังคมโลกไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเราเดินออกไปนอกถนน เราแทบจะไม่เคยทักทายหรือพูดกับคนที่เดินสวนผ่านเราไปเลย แต่ในโลกไซเบอร์ เรากล้าเปิดเผยความคิดของเรา ให้คนที่เราไม่เคยรู้จักทราบ และเราแลกเปลี่ยนและถกเถียงกับคนอื่นๆ ราวกับเป็นเพื่อนสนิทมานานปี

        อย่างไรก็ตาม คนที่อยู่ในโลกไซเบอร์ก็มีทั้งที่ดีและเลว เช่นเดียวกับที่อยู่ในโลกของความเป็นจริง หลายคนใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง หลายคนใช้เป็นเครื่องก่ออาชญากรรม และหลายคนใช้เป็นเครื่องมือในการก่อการร้าย

        เพื่อให้โลกไซเบอร์เป็นโลกที่น่าเข้าไปเกี่ยวข้อง เข้าไปอยู่ เข้าไปใช้ชีวิตและสร้างสังคมไซเบอรร์ร่วมกับผู้อื่น เราจำเป็นที่จะต้องช่วยกันป้องกันโลกไซเบอร์ไม่ไห้มีผู้ก่อการร้าย, อาชญากร และนักหลอกลวงเข้ามาอาศัยใช้เป็นเครื่องมือประทุษร้ายผู้อื่น และโดยที่การใช้โลกไซเบอร์เป็นเครื่องมือในทางมิชอบนั้นสามารถทำได้มากมายหลายทาง แม้แต่ พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ที่เพิ่งบังคับใช้ก็อาจจะช่วยไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่เราจะต้องช่วยกันในเวลานี้ ก็คือการหาวิธีจะให้พวกเราเองร่วมกันแก้ปัญหานี้

        ผมคิดว่าแนวทางพอมีอยู่ แต่คงจะต้องอาศัยชาวไซเบอร์ช่วยกันคิดต่อ ผมเองขอเสนอในที่นี้เพียงสองประเด็น

        ประเด็นแรกก็คือการพยายามสอดส่องดูแล และห้ามปรามน้อง ๆ ที่กำลังจะก้าวข้ามแดนจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่เป็นสุภาพชนไปสู่ผู้ที่กำลังจะเปลี่ยนนิสัยเป็นคนหยาบคาย ก้าวร้าวและหลงผิด ผู้ดูแลเว็บทั้งปวงต้องพยายามปิดกั้นคนที่ไร้มารยาท หยาบคาย และมีนิสัยโน้มเอียงไปทางลามกอนาจารให้ได้ มีคำถามเชิงสิทธิในการแสดงออกว่าใช้ข้ออ้างใดไปห้ามปรามเขา เขามีสิทธิ์จะพูดอะไรก็ได้ ผมคิดว่านี่เป็นความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง เรามีสิทธิ์ที่จะแสดงออกก็จริงอยู่ แต่การแสดงออกนั้นต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของสังคม เช่น สังคมไม่ยอมให้เราไปพูดหมิ่นประมาทคนอื่น ไม่ยอมให้ไปด่าว่าบุพการีคนอื่น ไม่ยอมให้เปลือยกายในที่สาธารณะ เราก็ต้องยอมรับกฏเกณฑ์นั้น และเราคอยช่วยกันป้องกันกฎเกณฑ์ที่สังคมส่วนใหญ่เห็นว่าดีนี้ดำรงอยู่ได้นานๆ

        ผมเชื่อว่าผู้ดูแลเว็บจำนวนมาก ได้พยายามทำเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่อาจจะยังไม่ได้ทำจริงจัง ผมไม่มีเวลาว่างมากนักสำหรับอ่านเว็บบอร์ดเลยในอดีต เมื่อเร็วๆนี้ ผมได้บังเอิญเข้าไปอ่านเว็บบอร์ดเรื่องหนึ่ง อ่านแล้วตกใจมากที่เห็นถ้อยคำที่หยาบคายในทางเพศอย่างไร้เหตุผล ทั้งๆ ที่เนื้อหาที่กำลังอภิปรายอยู่นั้นเป็นเรื่องที่ดีงาม ผมคิดว่าบุคคลเช่นนี้ ควรได้รับการกำจัดออกไปจากสังคมไซเบอร์โดยเร็ว จนกว่าเขาจะรู้สึกสำนึกผิด และยอมกลับเข้ามาอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างสุภาพชน

        ผมไม่ได้เสนอถึงขั้นว่าต้องมีตำรวจคอยตรวจตรา แต่ผมเห็นว่าเราต้องประกาศนโยบายของเราให้ชัดเจนว่า เว็บทุกเว็บของสมาชิกสมาคมของเราเป็นเว็บที่ดี สะอาด และยกระดับจิตใจของคนในสังคมไซเบอร์ ไม่ใช่มีแต่เว็บที่มีแต่เรื่องตลกโปกฮา เรื่องตอบโต้ไร้สาระ หรือเป็นเครื่องมือในการสร้างข่าวลือที่สร้างความแตกตื่นให้แก่ประชาชน

        เชื่อผมเถอะครับ ว่ามนุษย์ทั่วไปนั้นมีจิตใจรักความดีงามอยู่แล้ว อย่าไปพยายามเอาเรื่องเลวร้ายมาล่อให้จิตใจต่ำทรามลงเลยครับ

        อีกประเด็นหนึ่งก็คือ เราต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือเพื่อช่วยให้ประเทศไทยอันเป็นที่รักของเราก้าวหน้าเพิ่มมากขึ้นจากระดับที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้

        เมื่อผมจบมหาวิทยาลัยใหม่ๆ นั้น คนสิงคโปร์มีระดับความเป็นอยู่เท่ากับคนไทย มีคนที่รู้และทำงานด้านคอมพิวเตอร์เท่ากับคนไทย แต่เวลานี้ เขาไปไกลกว่าเรามากมาย เมื่อสามสิบกว่าปีก่อนผมไปบรรยายเรื่องการใช้คอมพิวเตอร์ให้ผู้บริหารกระทรวงศึกษาฯ ของมาเลเซียฟัง และอธิบดีหลายกรมของอินโดนีเซียเดินทางมาเรียนระบบสารสนเทศกับผมที่เมืองไทย แต่เวลานี้มาเลเซียก็ก้าวนำหน้าเราไปร่วมเท่าตัวแล้ว และถึงแม้อินโดนีเซียจะยังมีปัญหามากอยู่ แต่เขาก็เริ่มจะกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของไทย ผมไปสอนมาตรฐานการพัฒนาซอร์ฟแวร์ ตามโมเดล SW – CMM ให้กลุ่มบริษัทในฟิลิปปินส์เมื่อหลายปีมาแล้ว และขณะนี้พวกเขาพัฒนาไปมากจนมีบริษัทที่ได้มาตรฐานมากกว่าไทยไปไกลแล้ว ผมเดินทางไปสอนการพัฒนาซอร์ฟแวร์เป็นงานอุตสาหกรรมให้บริษัทคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลเวียดนามมาแล้วหลายครั้ง ผมเชื่อว่าไม่ช้าพวกเขาจะก้าวหน้าข้ามเราไปอีก ถ้าหาก...เรายังคงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องไร้สาระต่าง ๆ ที่ถูกบรรดาสื่อทั้งหลายนำมามอมเมาอยู่ในปัจจุบัน

          ถึงเวลาแล้วครับ ที่เราต้องเปลี่ยนนิสัยคนไทยจากคนจับจด สนใจแต่เรื่องง่ายๆ ตื้นๆ สนุกๆ และใช้ชีวิตตามยถากรรมไปวันต่อวัน ให้กลายเป็น

         รักการเรียนรู้ รักการทำงาน และเต็มใจที่จะช่วยกันนำพาประเทศไทยของเราให้ก้าวไปสู่ความเจริญมั่งคั่ง ประเทศของเราไม่ต้องการคนที่ได้ปริญญาโทและเอกจอมปลอมซึ่งได้จากการซื้อและจ้างคนมาทำวิทยานิพนธ์ ผ่านมหาวิทยาลัยที่กลายเป็นตลาดปริญญา แต่ต้องการคนที่มีความรู้จริงและทำงานเป็นจริงมากกว่า

         อาจารย์นิเทศศาสตร์ท่านหนึ่งเย้าว่า ผมกำลังใฝ่ฝันอยากให้คนไทยมีนิสัยแบบคนญี่ปุ่น เรื่องนี้ผมไม่เถียงครับ

                     ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องปรับนิสัยของคนไทยเสียใหม่
         ถ้าเรายังอยากให้มีประเทศไทยอยู่บนแผนที่โลกในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า


                                    gek gek gek

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

         ระบบอินเทอร์เน็ตได้เปลี่ยนรูปโฉมของสังคมโลกไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเราเดินออกไปนอกถนน เราแทบจะไม่เคยทักทายหรือพูดกับคนที่เดินสวนผ่านเราไปเลย แต่ในโลกไซเบอร์ เรากล้าเปิดเผยความคิดของเรา ให้คนที่เราไม่เคยรู้จักทราบ และเราแลกเปลี่ยนและถกเถียงกับคนอื่นๆ ราวกับเป็นเพื่อนสนิทมานานปี

         จากข้อความในบทความข้างต้น เป็นการเปิดใจประชาชน ที่ไม่สนใจกันต่างคนต่างอยู่ เมื่อมีโลกไซเบอร์ เชื่อมติดต่อกัน

                                 จะทำให้เกิดด้านที่1 ของสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา

                    แสดงความคิดเห็นออกมาสู่สาธารณสุขชน และ การโพสต์ทางไซเบอร์

                              นี้ทำให้เกิดการกระจายแนวคิดออกไป ให้เป็นด้านที่ 2

                         การรวมกลุ่มกันของคนที่เชื่อในแนวคิด เป็นพลัง เพื่อนำไปสู่

                                            การออกกฏหมาย เป็นด้านที่ 3


                             ซึ่งมีช่องทางทางไซเบอร์ให้ร่วมออกกฏหมายกันได้ที่

                                    

                                               http://ilaw.or.th/

                                                

          ทำให้สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ทีเสนอโดย ศ.น.พ.ประเวศ วะสี ได้ถูกขับเคลื่อนมาใช้ได้จริง
                       เพื่อการเปลี่ยนแปลงโลกให้พัฒนา ดีขึ้นกว่า เดิมด้วยสามเหลี่ยมนี้


                                    gek gek gek

         สุดท้ายนี้ ผมขอฝาก ด้านที่ 1 เรื่องการเมือง ที่นำเงินภาษีอากร ที่พวกเราจ่าย มุ่งนำมา
พัฒนาประเทศ ให้ ภาคการเมือง นำไปใช้เพื่อมุ่งประโยชน์ต่อประชาชน

         แต่การเมืองไม่สามารถตอบสนองได้ ถึงเวลาแล้ว ที่ต้องใช้ สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา มาแก้

                             สามเหลี่ยมเหล็กแห่งธนกิจการเมือง...ที่ กระทู้



โค่นนักธุรกิจกินเมืองมีส่วนร่วมในสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขาแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นของประชาชน

         http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,10324.0.html

                                    win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #1 เมื่อ: 22 มีนาคม 2554, 12:34:26 »


         สู่โหมดเลือกตั้งเพื่อแม้วให้ส.ส.2.5แสน/เดือน

            

              ข่าวหน้า 1 วันศุกร์ ที่4 มีนาคม 2554
     http://www.thaipost.net/news/040311/35241

     สะพัด! เพื่อแม้วรับสัญญาณเลือกตั้ง สั่งเพิ่มปัจจัยให้ ส.ส. 2.5 แสนต่อเดือน ป้องกันสมาชิกทิ้งพรรค ภูมิใจไทยฟุ้ง ส.ส.แห่ซบอีก ดูดกลุ่ม จ.สุรินทร์ 7 คน รอเปิดตัวหลังศึกซักฟอก

     มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยว่า ตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมา แกนนำและนายทุนพรรคเชื่อว่ารัฐบาลจะยุบสภาในช่วงกลางปีแน่นอน รวมทั้งไม่มีสัญญาณเลือดไหลออกจากพรรคแล้ว จึงทำให้มีการสั่งเพิ่มปัจจัยอัดฉีดให้ ส.ส. โดยแต่เดิมนั้น ส.ส.จะได้เงินเดือนจากพรรคคนละ 5 หมื่นบาท และจากหัวหน้ามุ้งต่างๆ อีกเดือนละ 1 แสนบาท รวม 1.5 แสนบาท แต่หลังจากปีใหม่มานั้นมีการอัดฉีดเพิ่มขึ้น

     "โดยพรรคได้รวมเงินเดือนของพรรคและเงินจากหัวหน้ามุ้งต่างๆ รวมเป็นบัญชีเดียวกัน รวมเป็นเดือนละ 2.5 แสนบาทต่อคน และได้จ่ายแล้วสองงวด พร้อมทั้งกำชับ ส.ส.ว่าห้ามเผยแพร่เรื่องนี้เด็ดขาด ซึ่งการอัดฉีดครั้งนี้มากที่สุด และยังมากกว่าสมัยพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล ซึ่งขณะนั้นได้เพียง 1 แสนบาทต่อเดือนเท่านั้น ขณะเดียวกันก็มีกระแสข่าวว่าพรรคภูมิใจไทยได้จ่ายปัจจัยสนับสนุนทางการเมืองให้ ส.ส.ในพรรคเดือนละ 3 แสนบาทด้วย" แหล่งข่าวระบุ

     ทางด้านพรรคภูมิใจไทยมีรายงานว่า หลังจากที่นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย  ได้มอบหมายให้นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรับผิดชอบพื้นที่อีสานใต้ โดยล่าสุดนั้น นายโสภณก็ได้มีการติดต่อทาบทามไปยัง ส.ส.ต่างๆ ในจังหวัดสุรินทร์ ในพรรคการเมืองต่างๆ ก็ได้รับความสนใจ โดยมี ส.ส.ต้องการย้ายมาร่วมทำกิจกรรมกับพรรคภูมิใจไทย ประกอบด้วย นายกิตติศักดิ์ รุ่งธนเกียรติ พรรคเพื่อแผ่นดิน เขต 1, นางฟาริดา สุไลมาน พรรคมาตุภูมิ เขต 1, นายสาธิต เทพวงศ์ศิริรัตน์ พรรคเพื่อแผ่นดิน เขต 2

     ทั้งนี้ นางกรรณิการ์ เจริญพันธ์ พรรคชาติไทยพัฒนา เขต 2 ก็ได้รับการติดต่อ แต่ติดที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ไม่ต้องให้ย้ายร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายธีระทัศน์ เตียวเจริญโสภา พรรคเพื่อแผ่นดิน เขต 3 มีความสนิทสนมกับนายเนวินเป็นอย่างดี แต่ไม่แน่ใจในความชัดเจนและระยะ อาจมีเรื่องบาดหมางกัน จึงไม่ได้ติดต่อทาบทาม

     อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ ส.ส.กลุ่มดังกล่าวตัดสินใจเข้าร่วมทำงานกับพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากพรรคเพื่อแผ่นดินไม่มีหัวหน้าที่จะขับเคลื่อนนโยบายของพรรค และพรรคก็ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งสังเกตจากป้ายหาเสียงของนายกิตติศักดิ์, นายสาธิต, นายธีระทัศน์ ทั้ง 3 คนนั้นใช้ชื่อว่า ส.ส.กลุ่มจังหวัดสุรินทร์ โดยไม่ใช้ชื่อพรรคการเมือง  

     "ดังนั้นการย้ายมารวมงานกับพรรคภูมิใจไทย น่าจะทำให้ ส.ส.เดินหาเสียงได้อย่างสง่าผ่าเผยกว่า และสามารถที่จะช่วยชาวบ้านได้มากกว่าพรรคที่เป็นอยู่ โดยการเปิดตัว ส.ส.ดังกล่าว จะเป็นช่วงหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น ดังนั้นถ้ามีการเปิดตัวจะทำให้พรรคภูมิใจไทยมี ส.ส.ในจังหวัดสุรินทร์ถึง 7 คน แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผู้ใหญ่ในพรรคก็กำลังจัดสรรพื้นที่การเลือกตั้งแบบเขตเล็กให้กับ ส.ส.ของพรรคด้วย" รายงานข่าวระบุ

     นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องการยุบสภาว่า ยืนยันว่ายุบแน่ หากการชุมนุมเคลื่อนไหวไม่ความรุนแรงและอยู่แบบนี้ ก็ถือว่ายุบสภาไปเลือกตั้งได้.

                                     เหนื่อย เหนื่อย เหนื่อย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      

         ธนกิจการเมืองจะกลับมาอีก พายเรือวนอยู่ในอ่างถ้าไม่แก้ที่มาของตัวแทนประชาชน เป็น
ตัวแทนที่แท้จริง ที่ทุกกลุ่มอาชีพเลือก กรรมการบริหารสมาคมฯ มีนายกสมาคม เป็นตัวแทน
ที่ถูกต้องเป็นตัวแทน ที่แต่ละกลุ่มได้เข้าไปทำงานในสภา ไม่ต้องเสียเงินค่าจ้าง สส.สว. ประมาณ
1 แสนต่อเดือนต่อคน ถ้ามี 500 คน ก็ตกเดือนละ 50 ล้านบาทที่ควรนำมาสนับสนุนสมาคม
จะได้นายกสมาคม เป็นตัวแทนประชาชนแทน สส. และ นายกสภามหาวิทยาลัยแต่ละ
มหาวิทยาลัย เป็นตัวแทนกลั่นกรองกฏหมาย เป็นที่ปรึกษาสภาผู้แทนราษฏร จะไ้ด้
ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่เป็นมืออาชีพด้านวิชาการ ได้ประโยชน์กว่า สว.สรรหา หรือ แต่งตั้ง


                                   sorry sorry sorry

ถ้าสภาผู้แทนไม่ยอมเสียสละ ระเบิดจากภายในแก้รัฐธรรมนูญ 7 ข้อข้างล่าง
แต่ประชาชนเห็นให้ควรแก้ ต้องสู้กับนักการเมืองด้วย สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา


แก้รัฐธรรมนูญ 7 ข้อ ดังต่อไปนี้

1.ใช้ตัวแทนประชาชน เป็น นายกสมาคมวิชาชีพ ที่ได้รับเลือกจากสมาชิก เป็นตัวแทน แทน สส.
เพราะ ได้รับเลือกมาโดยประชาชนแต่ละกลุ่มเลือกขึ้นมาเป็นตัวแทนไม่ต้องจำกัดว่าต้อง 500 คน

ส่วน สว.ใช้ นายกสภามหาวิทยาลัย แต่ละแห่ง ทำหน้าที่วิชาการ กลั่นกรองกฏหมาย แทน
จะทำให้ได้ตัวแทนที่เก่ง ด้านกฏหมาย เป็น มืออาชีพ มีความรู้ ด้านวิชาการ อย่างแท้จริง


ทำให้ปิดช่องทางการเข้ามาทำ ธนกิจการเมือง ซื้อตัวนักการเมือง ที่คาดว่าจะได้รับเลือกตั้ง
มาเข้าคอก เลี้ยงดูไว้ ส่งเงินให้อัดฉีด ให้ได้ เป็น สส.เพื่อเข้ามาครองอำนาจ เพื่อถอนทุนคืน

ที่สำคัญทำให้ ข้าราชการ และ พ่อค้า ไม่สามารถ เอาใจนักการเมือง เพื่อแลกกับการ แต่่งตั้งให้เป็น
สส.ระบบรายชื่อ หรือ สว.สรรหา ที่นักการเมืองจะให้ตอบแทนเมื่อเกษียณอายุ เป็น สส. หรือ สว.
ซึ่งไม่มีอีกต่อไปแล้ว ตัวแทนที่ถูกต้อง ใช้ นายกสมาคมวิชาชีพ ที่ได้รับเลือกว่ามีความสามารถ
จากสมาชิก ให้เป็น นายกสมาคมฯ ซึ่งจะต้องดูแลผลประโยชน์ของกลุ่มวิชาชีพ ในสภาผู้แทนให้


2.พรรคการเมือง ส่งทีมรัฐบาลครบทีม แทนส่ง สส.จะทำให้มีเอกภาพกว่า รัฐบาลผสมหลายพรรค
ที่ต้องรอตกลงผลประโยชน์ระหว่างพรรคร่วมก่อนจึงจะผ่านกฏหมาย ที่ให้เห็นกันตามข่าว โดย
แต่ละพรรคส่งทีมรัฐบาลของพรรค เข้ามาร่วม ดีเบต แข่งกัน มีนายกสมาคมวิชาชีพ และ ประชาชน
ร่วมฟังอภิปรายทางไอซีที่ ที่บ้าน หรือ ถ้าไม่มี ไอซีที เองที่บ้าน สามารถมาใช้ได้ที่ ไอซีทีชุมชน

3.เมื่อจะโหวตเสียง ประชาชน ใช้สิทธิทางการเมืองเองทางตรง ที่ ไอซีทีชุมชน



ไอซีทีชุมชน ที่กระทู้

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,6768.0.html

เช่น การโหวตเลือก ทีมรัฐบาลจากพรรคการเมืองที่ส่งเข้ามาดีเบต ให้ประชาชนเลือก เป็นต้น



4.ไม่ต้องมีคณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต.ใช้คณะกรรมการไอซีทีชุมชน ทำหน้าที่แทน
ตรวจสอบการใช้สิทธิ ด้วยการพิมพ์สำเนาลงคะแนนอย่างไร ให้ถือเก็บไว้ตรวจ ถ้าสงสัยผลโหวต
ลดขั้นตอนการประกาศผลการเลือกตั้ง และ ตรวจสอบได้ง่ายไม่ต้องลงทุนมาก

ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

เพียงให้มาตรวจสอบดูว่าที่ลงคะแนนตามผลการโหวตนั้น ตรงกับสำเนาที่ถือเก็บไว้หรือไม่

gek gek gek



5.การออกกฏหมาย ใช้วิธี ระดมสมอง โดยรัฐบาลเสนอแนวทางเป็นตุ๊กตา เข้ามาในสภา
ให้รัฐบาลเงา(รัฐบาล จากพรรคที่แพ้การดีเบต) นายกสมาคมวิชาชีพ และ ประชาชนร่วมฟัง
อภิปราย จนได้กฏหมาย ที่สภาเห็นด้วยแล้ว ให้ประชาชนลงมติ รับหรือไม่ อีกครั้งทาง
ไอซีทีชุมชนเมื่อประชาชนลงมติรับแล้ว จึงนำทูลเกล้าให้ทรงลงพระปรมาภิไธย จึงบังคับใช้ได้

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

การการออกกฏหมาย ด้วยการมีส่วนร่วมระดมสมองของทุกภาคส่วน จะ.......



นำภาพ สามเหลี่ยมเหล็กแห่งธนกิจการเมือง (การคอรัปชั่นเชิงนโยบาย) มาจาก

http://www.flickr.com/photos/65588253@N00/321822207/in/photostream/

....จะตัดการคอรัปชั่นเชิงนโยบายได้ รัฐบาลไม่สามารถกำหนดทิศทางนโยบายตาม
อำเภอใจ ต้องสภาฯร่วมคิดร่วมออกนโยบายด้วย จึงทำ นโยบายขึ้นมาบังคับสภาฯ ไม่ได้




6.การนำกฏหมายไปดำเนินการของรัฐบาลเมื่อ ทรงลงพระปรมาภิไธย
โดยใช้วงจรคุณภาพ : PDCA ในการดำเนินการโดย



กฏหมาย เปรียบเป็น แผน P:Plan รัฐบาลนำไปดำเนินการ เป็น D:Do เมื่อดำเนินการ
ต้องมีการรายงานผลการดำเนินการในสภาผู้แทน เป็น C:Check ให้สภาฯ ร่วมฟัง และแก้ไข
เป็น A:Act ถ้าพบว่าควรแก้ไข เพื่อปรับปรุงก็ร่วมอภิปราย เมื่อวงจรคุณภาพหมุนไปตลอด
จะทำให้การเมือง เกิดคุณภาพไปตลอดการหมุนของวงจรคุณภาพ



7.การเปลี่ยนรัฐบาล จะมีได้เมื่อหมดสมัย และ ดีเบตใหม่ โดยผลงานจากการร่วมอภิปราย
ทางการเมือง ในการประเมิน C:Check นี้จะแสดงให้เห็นว่าพรรคใด มีความสามารถควรได้
รับเลือกเป็นรัฐบาล แทนที่ แบบเดิม

ฝ่ายค้าน จะพยายามหาทางจับผิด ไม่มีการแนะนำให้รัฐบาลนำไปปฏิบัติ จึงทำให้การทำงาน
ของรัฐบาล และสภาฯ มีปัญหาทำให้ประเทศ ก้าวหน้าช้า เพราะ มีการขัดแย้งทางการเมืองที่
ให้เห็นเป็นข่าว ว่า ผู้แทน และ สภาผู้แทนราษฏร เป็น

ผีเน่าโลงผุ

จะเปลี่ยนเป็นแสดงฝีมือแข่งกัน เพื่อให้ประชาชน เห็นฝีมือ เมื่อหมดสมัยรัฐบาล แล้วดีเบตใหม่
พรรคที่มีฝีมือก็จะได้รับเลือกทางตรง โดยประชาชนจากผลของความสามารถนั่นเอง

แก้รัฐธรรมนูญตาม 7 ข้อข้างต้น จะเป็นประชาธิปไตย ที่เป็นของประชาชนที่แท้จริง



ตามคำกล่าว เรื่อง ประชาธิปไตย ของอดีตประธานาธิบดีลินคอร์น  

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A2

ประชาธิบไตย เป็นการปกครองของประชาชน เพื่อประชาชน และ โดยประชาชน
ดังนั้น ประชาชนทุกกลุ่มต้องมีตัวแทนกลุ่ม่ของตนเข้ามาทำงานทางการเมือง จึงจะถูกต้องกว่า
การเลือกตัวแทนแบบเก่า ที่เป็นช่องทางให้นักธุรกิจการเมืองเข้ามาหารายได้จาก ภาษีที่
พวกเราต้องเสียไปเพื่อดูแลทุกข์สุขของประชาชน

แต่ถูกนำไปสร้างความร่ำรวยให้นักกการเมือง ที่จัดว่าเป็นอาชีพ ที่สร้างฐานะได้เร็วที่สุด
รวยเป็นหมื่นล้าน แสนล้านเพียงทุจริตเชิงนโยบายโครงการใหญ่ ๆ ให้เห็นกันในอดีต


                                                                                            

นำภาพ สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา มาจาก

http://www.flickr.com/photos/65588253@N00/321822209/in/photostream/

แก้เรื่องข้างต้นด้วยการเป็นด้านหนึ่ง หรือ ทั้ง3ด้านแก้รัฐธรรมนูญที่ยากด้วย

สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา

ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้เรื่อง ประชาธิปไตย ที่ต้องมีตัวแทนทุกกลุ่มอาชีพ ฯลฯ ตามข้างต้น

ด้านที่ 2 เมื่อได้รับความรู้แล้วร่วมกลุ่ม เป็นพลังในการผลักดัน เพื่อยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ด้านที่ 3 เกิดรัฐธรรมนูญ ตามที่ต้องการแก้ไข เพื่อบังคับให้เกิดสิ่งที่ต้องการดังกล่าวได้



ถ้าประธานศิษย์เ่ก่าหอพักซีมะโด่งพี่วัฒนา(พี่แต๋ง)เห็นด้วยและรับขับเคลื่อนด้วยศิษย์เก่าชาวหอฯ.....



คุณวัฒนา โอภานนท์อมตะ (พี่แต๋ง) ของพวกเรา ชาวซีมะโด่ง คณะวิทยาศาสตร์จุฬา รหัส 16

รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
...เป็นพี่แต๋ง ประธานศิษย์เก่าหอฯ เหอๆๆ ผู้ฆ่ายักษ์ ผู้จุดประกาย ด้านที่ 1 ให้ความรู้เรื่องข้างต้น

ให้ขยายเป็นวงกว้าง ไปสู่ สมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ทุก ๆ คณะ จนขยายไป มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ก็
จะเกิดพลังต่อสู้เป็นด้านที่ 2 เพื่อเกิดด้านที่ 3 การแก้ไข รัฐธรรมนูญ 7 ข้อข้างต้น


โดยไม่ต้องใช้ คณะกรรมการร่่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เสียเวลาและงบประมาณ สามารถใช้
กลุ่ม นายกสภามหาวิทยาลัย แต่ละมหาวิทยาลัยมาร่วมกันแก้เฉพาะ 7 ข้อข้างตัน ส่วนอื่น ๆ
ไม่ต้องแก้ เพราะ ต้องการจะแก้เพื่อป้องกัน....



นักธุรกิจการเมืองที่มีทุนเตรียมไว้เพื่อยึดประเทศ ไว้ในกำมือ และ โกงกิน ด้วย....



....สามเหลี่ยมเหล็กแห่งธนกิจการเมือง (การคอรัปชั่นเชิงนโยบาย)


win win win

3.เมื่อจะใช้สิทธิทางการเมือง ประชาชนใช้สิทธิเองไม่ต้องผ่านตัวแทน ที่ ไอซีทีชุมชน



ไอซีทีชุมชน ที่กระทู้

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,6768.0.html

กระทู้ ชื่นชมกระทรวงไอซีทีที่เร่งเดินหน้าให้ประชาชนทุกที่ในประเทศได้เข้าถึงประตูสู่ไอซีที

             http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,10965.0.html

รักเธอประเทศไทย

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=YRwyE1GQ_jI" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=YRwyE1GQ_jI</a>

gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><