จีน เบียด ญี่ปุ่น รั้งอันดับ 2 เศรษฐกิจโลก

[Samrotri2517]

การเมือง : China Focus

จีนเบียดญี่ปุ่นรั้งอันดับ2ศก.โลก
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/china-focus/20110214/377102/จีนเบียดญี่ปุ่นรั้งอันดับ2ศก.โลก.html



จีนคว่ำญี่ปุ่น รั้งชาติเศรษฐกิจใหญ่สุดอันดับสองของโลก  ขณะสถาบันการเงินชั้นนำประเมิน
จีนขึ้นแท่นเจ้าเศรษฐกิจอันดับ1โลกแทนที่สหรัฐภายใน 10 ปี

ทั้งนี้  เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวลงเล็กน้อยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 โดยได้รับแรงกดดัน
จากการหมดอายุลงของมาตรการรัฐบาลในการจูงใจผู้ซื้อรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
แต่นักวิเคราะห์มองว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจฟื้นตัวในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออก
ไปยังจีนและประเทศอื่นๆในเอเชีย

มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของญี่ปุ่นหดตัวลง 0.3 % ในไตรมาส
เดือนต.ค.-ธ.ค.เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านั้น

ขณะที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า  จีดีพีอาจปรับตัวลง 0.5 % โดยการหดตัวในครั้งนี้
ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส และเมื่อคำนวณตลอดทั้งปีเศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตราว 3.9%
ด้วยมูลค่าจีดีพี 5.474 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
แต่ยังเป็นรองจีดีพีของจีนที่สูงถึง 5.879 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

เหตุผลที่ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นชลอตัวลง  เพราะการส่งออกที่ร่วงลงอย่างมาก เช่นเดียวกับ
ความต้องการของผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลง ขณะที่จีน ได้อานิสงส์เต็มที่จากการผลิตด้าน
อุตสาหกรรมที่เติบโตต่อเนื่อง  และจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ปรากฏ ทำให้
ธนาคารโลก โกลด์แมน แซคส์ และสถาบันอื่นๆ ประเมินว่า

จีนจะครองตำแหน่งเจ้าเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลกแทนสหรัฐ ภายในปี 2568

  

[Intania๑๖]

IMF Predicts Chinese Economy to Surpass U.S. in 2016

America's economic dominance on the world stage could end in five years, according to a new report.

The International Monetary Fund's latest forecast predicts that China's economy will outflank the United States' in 2016.

That moment would come more than a decade earlier than most forecasters suggest. However, other forecasts compare the gross domestic products and current exchange rates of the U.S. and China in arguing that it will be many years before the countries trade places. MarketWatch reported that the IMF is using what's known as "purchasing power parities," comparing what residents of both countries earn and spend domestically.

Based on that comparison, China's economy will rise from $11.2 trillion in 2011 to $19 trillion in 2016. The U.S. economy will rise at a slower pace, from $15.2 trillion to $18.8 trillion in that period. According to MarketWatch, China's share of the global economy will hit 18 percent, while the United States' share will lag behind at 17.7 percent.

The finding comes at a rocky time for the U.S. economy. Though the job market has improved since the 2008 Wall Street collapse, unemployment remains high and Washington has struggled to balance stimulus and incentive programs against the need to close the deficit.

In the absence of a deficit-reduction deal, Standard & Poor's rating agency last week announced that it was downgrading the U.S. debt outlook from stable to negative, warning that a failure to strike a deficit agreement could lead to a lower credit rating in the future.

ที่มา: http://www.foxnews.com/politics/2011/04/25/imf-predicts-chinese-economy-surpass-2016/

[Intania๑๖]

กระทิงแดง สินค้าไทยเพียงตัวเดียว ที่ติดอันดับสินค้าแบรนด์เนม อันดับที่ 82 ของโลก จากการสำรวจของ BRANDZ ใน 100 อันดับ ของปี 2010

สหรัฐอเมริกา มีสินค้าแบรนด์เนมมากที่สุด กว่า 39 แบรนด์ ใน 100 แบรนด์  และใน 10 อันดับแรก มีถึง 7 แบรนด์ ตั้งแต่ กูเกิล ไอบีเอ็ม แอบเปิล ไมโครซอร์ฟ  แมคดานัล มาร์โปโล และจีอี ที่ติดอันดับ

ในเอเชีย 10 อันดับ จีนและญี่ปุ่น ติดอันดับมากที่สุด 5 แห่ง 4 แห่ง และอินเดีย 1 แห่ง




ดูเอกสารทั้งหมดได้ที่ : http://c1547732.cdn.cloudfiles.rackspacecloud.com/BrandZ_Top100_2010.pdf