23 พฤศจิกายน 2567, 00:36:03
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 28  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: Do you believe in Destiny?  (อ่าน 303535 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
BeKamon
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 235

« ตอบ #125 เมื่อ: 08 มกราคม 2550, 18:23:29 »

เห็นด้วยกะ Eggman นายไข่ นะ "เราไม่ควรให้ความรักใครไปทั้งหมดของชีวิต" สิ่งแรกเราควรรักตัวเองก่อน แล้วค่อยรักคนอื่น เพื่อเกิดอะไรขึ้นมาจะได้ไม่เสียใจมากนัก เช่น

- ห้ามรักเขามากเกินไป เพราะเขาจะได้ใจ

- ให้ความเป็นอิสระแก่เขา เพราะเราคงต้องการความเป็นอิสระเช่นกัน เหมือนเพลง "ที่ว่าง" ของ Pause

 :wink:  :wink:
บันทึกการเข้า

Something might change, but something never changes. (The Matrix Revolution)
ลูกพิ้ง
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,287

« ตอบ #126 เมื่อ: 11 มกราคม 2550, 23:07:15 »

Cool ความรักภาคทฤษฎีมาอีกแล้วค่ะ  อ้างอิงจากหนังสือบนทางชีวิตของพี่นก  นิรมล  เมธีสุวกุล

ความรักมากไปก็เป็นทุกข์  น้อยไปก็เป็นทุกข์  ความรักจึงควรตั้งอยู่บนความพอดี  ใกล้ชิดผูกพัน
กัน   และมีระยะห่างพอเหมาะ
เวลาเขียนหนังสือเราต้องเว้นช่องไฟตัวอักษร  ความรักก็ควรจะเป็นเช่นนั้น  อบอุ่นแต่มีอิสระ  
เราต่างมีความคิดของตนเอง  ต่างทำงาน  ต่างใช้เงินคนละกระเป๋า  หากพร้อมที่จะแบ่งปันกันทุกด้านเมื่อคนใดคนหนึ่งขาดแคลนสิ่งใด


การแต่งงานไม่ใช่ฉากจบของพระเอกนางเอกในละครทีวี  แต่หมายถึงการเริ่มต้น  เพราะถ้าคิดว่ามันจบสิ้นเมื่อไหร่หายนะคงมาเยือนเมื่อนั้น เพราะถ้าเราไม่ดูแลซึ่งกันและกัน  ไม่ถนอมรักกันและกัน  แต่ถ้าหากคิดว่าคือการเริ่มต้น  คนทั้งสองช่วยกันประคับประคองให้ความรักยั่งยืนนาน  ชีวิตคู่ของคนเรา  ไม่ได้สิ้นสุดที่วันแต่งงาน  และเมื่อเราแต่งงานกันแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเราทั้งสองคนต้องขึ้นต่อกันไปตลอดชีวิต  เมื่อวันหนึ่งวันใดไปด้วยกันไม่ได้  สุดท้ายก็คงต้องถึงวันเลิกรา  แต่ถ้าอยากมีกันและกัน  ไม่อยากให้ถึงวันนั้น  เราต้องดีกันตลอดไป
บันทึกการเข้า
BeKamon
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 235

« ตอบ #127 เมื่อ: 12 มกราคม 2550, 12:50:32 »

พออ่านที่ลูกพิ้ง นำมาโพสต์แล้ว รู้สึกว่า "ความรักและการแต่งงาน" เนี่ย มันละเอียดอ่อนมากกว่านิยายในหัวสมองเราซะอีกนะ อืมมม  :?
บันทึกการเข้า

Something might change, but something never changes. (The Matrix Revolution)
audit
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 136

« ตอบ #128 เมื่อ: 13 มกราคม 2550, 23:14:22 »

สำหรับตัวเองคิดว่า..
ตัดสินความรักด้วย"หัวใจ"
แต่ตัดสินการแต่งงานด้วย"สมอง"ค่ะ

เพราะแค่ความรักอย่างเดียวไม่ช่วยให้การแต่งงานไปรอด

 :wink:
บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #129 เมื่อ: 17 มกราคม 2550, 21:42:58 »

แล้วน้องออดิทตัดสินพี่ด้วยอะไรจ๊ะ..

แต่สำหรับไอ้แครมมม..น้องออดิทไม่ต้องไปเปลืองสมองคิดหรอกนะ..เสียเวลา..
บันทึกการเข้า
Max
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,435

« ตอบ #130 เมื่อ: 28 มกราคม 2550, 16:33:51 »

อ้างจาก: "ppornson"
แล้วน้องออดิทตัดสินพี่ด้วยอะไรจ๊ะ..

แต่สำหรับไอ้แครมมม..น้องออดิทไม่ต้องไปเปลืองสมองคิดหรอกนะ..เสียเวลา..


หุๆๆ

....ผมเคยดูการให้สัมภาษณ์การใช้ชีวิตคู่ของ นพพล กับปรียานุชครับ  ชอบคู่นี้น่ะครับ :wink:
บันทึกการเข้า
audit
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 136

« ตอบ #131 เมื่อ: 28 มกราคม 2550, 21:16:57 »

อ้างจาก: "Max"
หุๆๆ

....ผมเคยดูการให้สัมภาษณ์การใช้ชีวิตคู่ของ นพพล กับปรียานุชครับ  ชอบคู่นี้น่ะครับ :wink:

เค้าให้สัมภาษณ์ว่าไงเหรอคะพี่แม็กซ์

 :wink:
บันทึกการเข้า
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #132 เมื่อ: 29 มกราคม 2550, 13:34:18 »

มองไปบนท้องฟ้าสิ...

พระอาทิตย์ไข่เค็ม

สีแดงสวยที่สุดในจักรวาล

กำลังจะลับขอบฟ้าไปอีกวันแล้ว...

คุณมีความสุขไหม

มองไปบนฟ้าสิ..

คืนนี้พระจันทร์ยิ้มแป้นเชียว..

รู้สึกอบอุ่นในความคิดถึงของฉันนั่นไหม...


 :lol:  :oops:  :lol:
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #133 เมื่อ: 29 มกราคม 2550, 20:20:36 »

โอ้..นพพลกับปรียานุชช่างโรแมนติกอะไรเช่นนี้..

พระอาทิตย์ไข่เค็ม..
บันทึกการเข้า
ลูกพิ้ง
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,287

« ตอบ #134 เมื่อ: 29 มกราคม 2550, 21:25:46 »

อ้างจาก: "audit"
อ้างจาก: "Max"
หุๆๆ

....ผมเคยดูการให้สัมภาษณ์การใช้ชีวิตคู่ของ นพพล กับปรียานุชครับ  ชอบคู่นี้น่ะครับ :wink:

เค้าให้สัมภาษณ์ว่าไงเหรอคะพี่แม็กซ์

 :wink:


 Cool Max

นี่แก  หายไปนานเลยนะ..........  ฉันกะผึ้งสงสัยอยู่เหมือนกันว่าแกหายไปไหนเสียตั้งนาน....

งานยุ่ง...รึว่า.....เรียนหนักล่ะ.....ดีเลย...มาแต่ละทีตอบเยอะๆ นะ  ดีแล้ว555  

 :shock: สำหรับประเด็นนี้....แกเคยดูสัมภาษณ์ที่ไหนเหรอ......ฉันเคยอ่านที่

หนังสือแพรว...เค้าสัมภาษณ์คู่นี้น่ะ....เมื่อหลายปีมาแล้วละมั้ง....นึกไงไม่รู้....เลยจดคำตอบนึง

ของคุณนพพลไว้...ในไดอารี่ (สีแดง) :oops:  กลับไปเปิดอ่านดู...เลยเอามาฝากให้ได้อ่านกันนะค่ะ


ความรักมันไม่ได้มีจุดเริ่มต้น....มันไม่ได้เกิดความรู้สึกที่ว่า....

เฮ้ย :!:   วันนี้เริ่มแล้ว...ที่เราจะมีความรู้สึกรักเขา....อยากจะใช้ชีวิตร่วมกับเขา...มันไม่ใช่...

มันค่อยๆ มา...มันเรื่อยๆ...จากความใกล้ชิดกัน...พูดคุยกัน...เรียนรู้นิสัยซึ่งกันและกัน....
:oops:  :oops:  :oops:  :oops:
บันทึกการเข้า
BeKamon
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 235

« ตอบ #135 เมื่อ: 30 มกราคม 2550, 08:29:39 »

อ้างจาก: "ลูกพิ้ง"

 
ความรักมันไม่ได้มีจุดเริ่มต้น....มันไม่ได้เกิดความรู้สึกที่ว่า....

เฮ้ย :!:   วันนี้เริ่มแล้ว...ที่เราจะมีความรู้สึกรักเขา....อยากจะใช้ชีวิตร่วมกับเขา...มันไม่ใช่...

มันค่อยๆ มา...มันเรื่อยๆ...จากความใกล้ชิดกัน...พูดคุยกัน...เรียนรู้นิสัยซึ่งกันและกัน....:oops:  :oops:  :oops:  :oops:


ดีจังเลยยยยย อยากมีความรู้สึกแบบนี้บ้างจัง (เหอ เหอ)
บันทึกการเข้า

Something might change, but something never changes. (The Matrix Revolution)
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #136 เมื่อ: 30 มกราคม 2550, 11:00:55 »

อ้างจาก: "ลูกพิ้ง"
อ้างจาก: "audit"
อ้างจาก: "Max"
หุๆๆ

....ผมเคยดูการให้สัมภาษณ์การใช้ชีวิตคู่ของ นพพล กับปรียานุชครับ  ชอบคู่นี้น่ะครับ :wink:

เค้าให้สัมภาษณ์ว่าไงเหรอคะพี่แม็กซ์

 :wink:


ความรักมันไม่ได้มีจุดเริ่มต้น....มันไม่ได้เกิดความรู้สึกที่ว่า....

เฮ้ย :!:   วันนี้เริ่มแล้ว...ที่เราจะมีความรู้สึกรักเขา....อยากจะใช้ชีวิตร่วมกับเขา...มันไม่ใช่...

มันค่อยๆ มา...มาเรื่อยๆ...จากความใกล้ชิดกัน...พูดคุยกัน...เรียนรู้นิสัยซึ่งกันและกัน....
:oops:  :oops:  :oops:  :oops:


ลูกพิ้ง..

ได้ใจมั่กมาก


 :oops:  :oops:  :oops:
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #137 เมื่อ: 30 มกราคม 2550, 18:54:23 »

ตื่นๆๆๆ..ต้องคอยปลุกกันอยู่เรื่อย..ผู้หญิงเวบนี้.
บันทึกการเข้า
ลูกพิ้ง
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,287

« ตอบ #138 เมื่อ: 31 มกราคม 2550, 10:53:26 »

อ้างจาก: "ppornson"
ตื่นๆๆๆ..ต้องคอยปลุกกันอยู่เรื่อย..ผู้หญิงเวบนี้.


 :shock: อ้าว :!: มาปลุกกันทำไมล่ะเจ้าค่ะ   สาวๆ เค้ากำลังร้องเพลงนี้กันอยู่ นะนี่:lol:  :lol:

ตั้ง แต่ เป็นสาวเต็มกาย หาผู้ชาย ถูกใจไม่มี
เมื่อคืน ฝันดี น่าตบ ฝันฝัน ว่าพบ ผู้ชาย ยอด ดี
พาไปเที่ยว ดูหนัง พาไปนั่ง จู๋จี๋ แล้วพาไปเที่ยว ชมสวน เด็ด ดอก ลำดวน ส่ง ให้ ด้วยซี
เสียบ หู ให้ตั้ง หลายหน เสียบ หล่น เสียบ หล่น ตั้งห้า หกที
ต๊กใจ ตื่นตอน ตีสี่ แหม เสีย ดาย จัง เฮ่อ เสีย ดาย จัง

.ตี ห้า ไม่ถึง ก็จวน คิด ทบทวน เรื่อง ฝัน ชั้นดี
ผู้ชาย อะไร น่าหยิก กระซี้ กระซิก น่ารัก น่าตี
เพียรมาออด ออเซาะ คำเสนาะ มากมี
ฝันว่า คิดอยู่ หวำหวาม ถ้าถูก ลวนลาม จะทำไงดี
ความคิด พอหยุด ลงปั๊บ หมุบ หมับ หนุบ หนับ เขาจับ เขาจี๋
ต๊กใจ ตื่นมา เสียนี่ แหม เสีย ดาย จัง เฮ่อ เสียดาย จัง

.ตี ห้า ไม่ถึง ก็จวน คิดทบทวน เรื่อง ฝัน ชั้นดี
ผู้ ชาย อะไร น่าหยิก กระซี้ กระซิก น่ารัก น่าตี
เพียรมาออด ออเซาะ คำเสนาะ มากมี
ฝันว่า คิดอยู่ หวำหวาม ถ้าถูก ลวนลาม จะทำไงดี
ความ คิด พอหยุด ลงปั๊บ หมุบ หมับ หนุบ หนับ เขาจับ เขาจี๋
ต๊กใจ ตื่นมา เสียนี่ แหม เสีย ดาย จัง เฮ่อ เสีย ดาย จัง.


ผู้ชายในฝัน - พุ่มพวง ดวงจันทร์
 :wink:
บันทึกการเข้า
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #139 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2550, 08:17:19 »

อ้างจาก: "ppornson"
ตื่นๆๆๆ..ต้องคอยปลุกกันอยู่เรื่อย..ผู้หญิงเวบนี้.


แหม!! สาวๆ Believe in Destiny เรื่อง "ความรัก" น่ะ สำหรับพี่ถนัดค่ะ

 :wink:
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

Max
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,435

« ตอบ #140 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2550, 16:59:01 »

เหมือนคู่นี้เค้าจะอยู่กันด้วยจิตใจ

มากกว่าเหตุผล

หรือว่าสายตาชาวบ้านอ่ะครับ

(คือสรุปเองน่ะ--เช่นเค้าไม่แต่งงาน, ไม่จดทะเบียน ฯลฯ ซึ่งในช่วงสมัยนั้นมันคงแปลกๆ)

แล้วที่ผมชอบมากๆ เลยน่ะ การเลือกสร้างบ้านของเค้าคือ ก่อนเค้าจะซื้อที่

เค้าจะไปยืนสงบนิ่ง ทำจิตใจ แล้วใช้ความรู้สึกตัดสินว่า ชอบที่ตรงนี้เปล่า อยู่ได้ไหม

เช่น ยืนแล้วมันร้อนรุ่มใจ ไม่สบายใจ แสดงว่าเจ้าที่เค้าคงไม่อยากให้อยู่น่ะ

หรือถ้ายืนแล้วมันร่มเย็นสบายใจ เค้าก็จะเลือกอันนี้น่ะครับ

** จำรายการไม่ได้แล้วครับ ไปสัมภาษณ์ + พาไปดูบ้านด้วย บ้านหลังนี้ถ่ายละครหลายเรื่องแล้ว

เมืองดาหลาก็ถ่ายที่นี่มั้งครับ  :oops:  :oops:
บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #141 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2550, 14:24:22 »

ถนัดๆกันทั้งนั้นน่ะ..(ภาคทฤษฎี..)

(หาเรื่องโดนรุมแร้วววกรู...)
บันทึกการเข้า
หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #142 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2550, 15:02:11 »

อ้างจาก: "ppornson"
ถนัดๆกันทั้งนั้นน่ะ..(ภาคทฤษฎี..)

(หาเรื่องโดนรุมแร้วววกรู...)


ช่าย... :lol:
บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
Mr.EggMan
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,826

« ตอบ #143 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2550, 17:41:23 »

ไอ้โต้งเนี่ยเก่ง จิงจิงเลย

........เรื่องปากเนี่ย

คนใจร้าย ไม่มีหัวใจ  :oops:  :oops:  :oops:
บันทึกการเข้า

jakkreepan@hotmail.com
Love is in the A...I...R......H
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #144 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2550, 21:49:04 »

ก็ได้พวกท่านๆนี่แหละเป็นแบบอย่าง..

..ปากเก่ง..แต่จริงใจนะ..
บันทึกการเข้า
ลูกพิ้ง
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,287

« ตอบ #145 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2550, 21:54:29 »

อ้างจาก: "ppornson"
ก็ได้พวกท่านๆนี่แหละเป็นแบบอย่าง..

..ปากเก่ง..แต่จริงใจนะ..


 Cool ฮิ้วววววว......แหม....จริงใจแบบหวานๆ.....รึป่าวเนี๊ยะ  :lol:  :lol:

ปล.อยากอ่านข้อความแบบหวานๆ ของพี่ตะพาบ.....รับวาเลนไทน์นี้จังเลย

ช่วยไปโพสต์อะไรดีดี....ที่กระทู้กุมภาพันธ์วันแห่งความรัก...ด้วยนะ...จะรออ่านจ้ะ :oops:

จาก ลูกพิ้ง& Bekamon
บันทึกการเข้า
BeKamon
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 235

« ตอบ #146 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2550, 13:04:45 »

มีเรื่องมาถามบรรดาเซียนความรักทั้งหลาย.... ช่วยตอบกันหน่อยนะคะ (อยากรู้ความคิดเห็นอื่นๆ บ้างอะค่ะ)

คนที่ใช่สำหรับเราเนี่ย คือ คนที่เรามองตาแล้วก็รู้ใจกันอย่างนั้นมั้ยคะ  :oops:
บันทึกการเข้า

Something might change, but something never changes. (The Matrix Revolution)
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #147 เมื่อ: 01 มีนาคม 2550, 18:32:04 »

อ้างจาก: "BeKamon"
มีเรื่องมาถามบรรดาเซียนความรักทั้งหลาย.... ช่วยตอบกันหน่อยนะคะ (อยากรู้ความคิดเห็นอื่นๆ บ้างอะค่ะ)

คนที่ใช่สำหรับเราเนี่ย คือ คนที่เรามองตาแล้วก็รู้ใจกันอย่างนั้นมั้ยคะ  :oops:


คิดว่า น่าจะใช่ในคำตอบนะคะ...เมื่อคนเราเวลาที่ได้รู้จักกันมากขึ้น โดยแสดงออกในแบบที่เป็นตัวของตัวเองต่อกันและกัน ทั้งความคิด อารมณ์ และความรู้สึกแล้ว ก็ทำให้คนสองคนได้เรียนรู้ที่จะตอบสนองกันและกันได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "จิตใจ" ทุกคนมีความอ่อนไหวและเข้มแข็งต่างกันค่ะ

เรื่องบางเรื่องไม่ต้องเอาคำตอบก็รู้แล้วหล่ะว่า เขา Yes or No หรือหากเวลาเราอยากได้หรือขออะไรสักอย่าง แค่พูดนิดเดียวหรือใช้สายตากับสิ่งนั้นๆ เขาก็จะ...เอาสิ!! ถ้าคุณอยากได้ หรืออยากทำ ผมสนับสนุน หรือ ไม่ก็เวลาเราหรือเขาเหนื่อย แค่แสดงออกจากแววตาก้อรู้...อิอิ

แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ "ต้องรู้จักสังเกตซึ่งกันและกัน ไม่ใช่แค่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายเดียว อย่างนั้นจะกลายเป็น...คนที่ใช่...ยากส์" ไม่อย่างนั้นจะมีสุภาษิตที่ใช้ได้ทั้งคนทั่วไปหรือคนรักเหรอว่า "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" และอีกอันที่ได้ยินบ๊อย บ่อย "ดวงตา คือ หน้าต่างของหัวใจ" ฮิ้ววววววววว อันนี้จริงๆ นะ สำหรับพี่ Confirmed ค่ะ  :oops:


 :lol:  Cool  :lol:
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

Ton(Poodle)
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #148 เมื่อ: 01 มีนาคม 2550, 19:06:12 »

ได้อ่านมาหลายข้อความแล้ว ล้วนมีแต่ท่านผู้มีประสบการณ์และชำนาญยิ่งนัก
ข้าน้อยผู้ด้อยประสบกาม เฮ้ย! ไม่ช่าย ประสบการณ์ มีข้อความดีๆ อยากให้ท่านทั้งหลายอ่านกัน

ความรัก...ของ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

>    บางครั้ง ความรัก ก็เข้ามาหาเรา เพื่อให้เราเรียนรู้
>มิใช่ให้เราครอบครอง...
>ไม่ผิด หากจะรักคนมีเจ้าของ แต่จะผิดหากเข้าไปทำหน้าที่ซ้ำซ้อนคนอีกคน...
>หน้าที่ของ ความรัก คือการ เดินไปมอบ ความรัก และยืนเฉย ๆ เพื่อรับมัน
>ไม่ใช่การดิ้นรนเพื่อให้ได้มา
>  ...
>ในห้วงรัก การถูกรัก มันสุขใจ การมอบความรัก มันอิ่มเอม
>และเมื่อได้รับการปฏิเสธ มันทรมาน
>  ...
>ความรัก จะเกิดขึ้น เมื่อเกิดการถ่ายเทพลังอันอ่อนโยนของ คนสองคน...  ความรัก
>มิใช่ การเข้าไป เป็น ชีวิตเขา แต่คือการเข้าไป อยู่ข้าง ๆ ชีวิตเขา...
>คนบางคนเหมาะที่เกิดมาเพื่อให้เรา รัก แต่ ไม่เหมาะ ที่จะร่วมชีวิตด้วย...
>ความรัก ระยะแรก ทำให้ร่างกายหลั่งสารกระตือรือร้น
>ทำให้มนุษย์ทำทุกอย่างให้ได้มาซึ่ง ความรัก...
>แฟน ก็คือ เพื่อนคู่คิด ที่ก้าวไปด้วยกันในวันข้างหน้า...
>ในวันที่ ความรัก คงที่ สารกระ ชุ่มกระชวยงดทำงาน
>สิ่งเดียวที่จะทำให้อยู่ด้วยกันได้ตลอดไป คือ ความเข้าใจ ล้วนๆ...
>ความห่างไกล มันทรมาน เวลาเจอกันจึงหอมหวาน
>และเป็นความทรงจำที่เก็บไปนั่งเพ้อฝันได้ในวันจาก
>  ...
>บุคคลไม่พึงประสงค์สำหรับทุกคู่รัก มักจะเดินทางมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย...
>ผู้ชายแสดง ความรัก ด้วยการกระทำ ขณะที่ผู้หญิงอยากรู้ว่า รัก จาก คำพูด...
>  ความรัก...ของ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
>ความรัก ไม่ต้องการ แค่วันเดียว
>ความรัก ไม่ต้องเกี่ยว กับวันไหน
>ความรัก ไม่ต้องมี เวลาใด
>ความรัก ไม่ต้องใช้ ให้ใครชี้
>ความรัก ไม่ต้องมี ข้อวิจารณ์
>ความรัก ไม่ต้องการ การกดขี่
>ความรัก ไม่ต้องให้ ใครตราตี
>ความรัก ไม่ต้องมี เส้นพรมแดน
>ความรัก ไม่ต้องรอ ข้อพิสูจน์
>ความรัก ไม่ต้องพูด ตามแบบแผน
>ความรัก ไม่ต้องการ การตอบแทน
>ความรัก ไม่ต้องแค่น หัวใจคน
>ความรัก ไม่ต้องการ การเป็นต่อ
>ความรัก ไม่ต้องรอ ขอเหตุผล
>ความรัก  ไม่ต้องย้ำ ความมีจน
>ความรัก ไม่ต้องทน ที่จะรัก

________________

ผู้ด้อยประสบการณ์
[/u]
บันทึกการเข้า
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #149 เมื่อ: 02 มีนาคม 2550, 10:31:18 »

เอามาฝากจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ฉบับวันที่ 27 ก.พ. 2550

..."ตกหลุมรักกี่ครั้งก็ยังเป็นเธอ"...
เอพี – เจฟฟ์ อินแกรม จ้องตำราอาหารอย่างงงๆ ‘ไข่ขาวถ้วยครึ่ง’ เขาส่งสายตาฉงนไปที่แฟน
       
        “ฉันยังไม่ได้สอนวิธีแยกไข่ให้คุณเลย” ว่าแล้วเพนนี แฮนเซน ก็ค่อยๆ สาธิตวิธีแยกไข่ขาวกับไข่แดง
       
        เจฟฟ์ อายุ 40 ปีบริบูรณ์ และในความคิดของเขา นี่เป็นเค้กไข่ขาวก้อนแรกที่เขาลงมือทำ ทั้งที่จริงเขาเคยทำเค้กมานักต่อนัก
       
        กระนั้น เจฟฟ์และเพนนียิ้มให้กันหวานหยดเหมือนหนุ่มสาวแรกรัก
       
        สำหรับเจฟฟ์ เพนนีเป็นสิ่งใหม่ในชีวิตเช่นเดียวกับเค้ก แต่สำหรับเพนนี เธอรู้จักเจฟฟ์มานานแล้ว รู้จักก่อนที่เขาจะหายตัวและไปโผล่ที่เดนเวอร์โดยปราศจากความทรงจำใดๆ
       
        หมอเรียกอาการของเจฟฟ์ว่า ‘dissociative fugue’ หรือการหลีกหนีความจริงเมื่อจิตแตกสลาย ซึ่งเป็นอาการหนึ่งของโรคความจำเสื่อมที่ไม่พบบ่อยนัก เกิดจากความเครียดหรืออาการบาดเจ็บรุนแรง ทำให้ผู้ป่วยหลงทางไปไกลจากบ้านโดยลืมเรื่องราวของตนเองทั้งหมด
       
        ไม่มีอดีตสำหรับเจฟฟ์ แม้ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง เขาและเธอต้องทำความรู้จักกันใหม่ และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไปหากเจฟฟ์หายไปอีก
       
        กระนั้น เป็นไปได้หรือไม่ที่คนเราจะพบรักกับคนๆ เดิมซ้ำสองในช่วงชีวิตหนึ่ง?
       
        ตอนที่เจอกันครั้งแรกในเว็บไซต์เกมเมื่อสองปีที่แล้ว เจฟฟ์กับเพนนีคลิกกันทันที หลังจากนั้น ทั้งคู่คุยโทรศัพท์กันทุกคืน โดยฝ่ายชายทำงานอยู่ในโรงงานกระดาษในแคนาดา และฝ่ายหญิงเป็นนักวิเคราะห์นโยบายและการขนส่งของรัฐวอชิงตัน และในที่สุด เจฟฟ์ตัดสินใจเดินทางไกลเกือบพันไมล์ไปหาเพนนี
       
        เพนนีไม่ได้ตกใจเลยตอนที่เจฟฟ์บอกว่าเขาเคยมีอาการความจำเสื่อมครั้งหนึ่งเมื่อปี 1995 คราวนั้นเขาหายจากบ้าน 9 เดือนก่อนไปปรากฏตัวที่ซีแอตเติล โดยที่ไม่รู้ว่าไปที่นั่นได้อย่างไร และไม่มีความทรงจำของช่วงเวลาก่อนหน้านั้นเหลืออยู่เลย
       
        เพนนีคิดว่า นั่นเป็นแค่อาการป่วยอย่างหนึ่งเท่านั้น เทียบกับข้อดีมากมายของเจฟฟ์แล้วถือว่าเล็กน้อยมาก ดังนั้น เมื่อเขาขอแต่งงานในฤดูร้อนปีที่แล้ว เธอจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเล
       
        วันที่ 6 กันยายน เจฟฟ์บอกลาเพนนีและออกจากเรือนหอหลังน้อย
       
‘อัลฟา 74’      
        เขาวางแผนอย่างรอบคอบว่าจะขับรถไปเยี่ยมเพื่อนที่ป่วยหนักที่แคนาดา โดยระหว่างนั้นจะหางานทำชั่วคราวและต่อใบขับขี่
       
        แต่เจฟฟ์ไปไม่ถึงแคนาดาและไม่เคยติดต่อกลับมาเลย เพนนีมั่นใจว่าเกิดเหตุร้ายกับเขาแน่นอน
       
        สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เจฟฟ์ไปปรากฏตัวในเมืองเดนเวอร์ โดยไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร และไม่รู้ว่าที่ๆ อยู่คือที่ไหน อย่างไรก็ตาม เจฟฟ์พาตัวเองไปถึงโรงพยาบาลจนได้
       
        ความที่บอกไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจึงบันทึกประวัติของเขาในชื่อ ‘อัลฟา 74’
       
        แพทย์ตรวจเจฟฟ์ด้วยอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงสะกดจิต ทดสอบไอคิว พิมพ์ลายนิ้วมือ และเจาะไขสันหลัง เขาถูกตรวจหาสารเสพติดและสแกนสมอง กระทั่งแพทย์ลงความเห็นว่า เจฟฟ์เป็นคนไข้ที่แข็งแรงที่สุดในโรงพยาบาล
       
        จากนั้น เจฟฟ์ถูกส่งตัวไปที่บ้านพักฟื้น เขาใช้เวลาไปกับการไปโบสถ์และเยี่ยมเยียนตำรวจที่เขารู้จักที่นั่น ซึ่งเป็นผู้แนะนำให้เจฟฟ์ออกทีวี
       
        วันที่ 22 ตุลาคม ภาพของเจฟฟ์ปรากฏในช่องข่าวทั่วสหรัฐฯ
       
        “ถ้าใครจำผมได้ โปรดติดต่อมาด้วย” เจฟฟ์อ้อนวอนผ่านสื่อ
       
        คนที่เห็นและจำเจฟฟ์ได้คือ พี่ชายของเพนนี
       
        เจฟฟ์นั่งรออยู่ในห้องๆ หนึ่งของสถานีตำรวจเดนเวอร์ตอนที่นักสืบเดินเข้าไปและยื่นภาพปึกหนึ่งให้
       
        “นี่คือเพนนี” นักสืบบอก
       
        เจฟฟ์มองภาพตรงหน้า ‘สวยจริงๆ สวยมาก’ เขาคิดในใจ
       
        46 วันผ่านไปนับจากเจฟฟ์ออกจากบ้าน เพนนีขับรถตามหาเขาตามทางด่วน เช็คที่โรงพยาบาลทุกแห่ง แต่ตอนนี้เธอนั่งน้ำตารินอยู่ที่สนามบิน เขาและเธอกำลังจะได้เจอกันอีกครั้ง
       
        สำหรับเจฟฟ์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเพนนี แต่สำหรับเพนนี นี่คือการต้อนรับชายที่เธอรักกลับบ้าน
       
       คืนนั้น เพนนีพาเขาสำรวจว่าเสื้อผ้าข้าวของของเขาอยู่ตรงไหนบ้าง ก่อนขอตัวไปนอนที่ห้องรับแขก เพราะไม่อยากให้เขาอึดอัด แต่เจฟฟ์ไม่ยอม เขาอยากรู้ว่า เขามีคนที่รักและคิดถึงรออยู่
       
       ทั้งคู่นอนร้องไห้ในอ้อมกอดกันและกัน กระนั้น เขาไม่ได้รู้จักเธอมากขึ้น เพนนียังเป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
       
       
‘ผมอยากเป็นผม’      
        เจฟฟ์กลับบ้านแล้ว แต่ในลักษณะของผู้สังเกตการณ์ชีวิตตัวเอง ความทรงจำของเขาว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดมีค่ามีความหมาย แม้แต่ภาพถ่ายของตัวเอง
       
        เริ่มแรก เพนนีต้องสาธิตงานพื้นๆ เช่น วิธีใส่ผงซักฟอกในเครื่องซักผ้า วิธีใช้ฝักบัว เขาเรียนรู้ชื่อถนนและทำความคุ้นเคยกับหนังเรื่องต่างๆ
       
        เพนนีพาเจฟฟ์ไปเยี่ยมเพื่อนเก่า โดยเล่าถึงความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนระหว่างทาง แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือเรื่องราวในอดีต พวกเขาเคยทะเลาะกันไหม? เคยทำอะไรด้วยกันบ้างและสนิทกันแค่ไหน?
       
        “ผมอยากเป็นผม นั่นคือสิ่งที่ผมคิดตลอดเวลา”
       
        แม่และพ่อเลี้ยงบินจากแคนาดามาเยี่ยมเจฟฟ์ การพูดคุยฝืดเฝือ เขาจำแคนาดาไม่ได้ จำไม่ได้แม้กระทั่งสนิทกับแม่แค่ไหน
       
        บางทีเพนนีก็ระดมข้อมูลอัดใส่สมองเจฟฟ์โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งบางครั้งก็มากไปจนเขาต้องขอให้หยุด เพราะอาการปวดหัวกำเริบ
       
        “เขาเป็นคนเดิม เพียงแต่จำไม่ได้เท่านั้น” เพนนีมองโลกในแง่ดี เธอเก็บงำความเจ็บปวดไว้กับตัวเอง เพราะรู้ว่าความสัมพันธ์ต้องถอยหลังไปตั้งหลักที่ศูนย์
       
        “ฉันเสียใจมาก เสียใจกับเขา เสียใจกับสิ่งที่เราเคยมี มันเหมือนหัวใจสลาย”
       
        เจฟฟ์คนเดิมเกลียดพริกไทสดและหัวเทอร์นิป แต่เจฟฟ์คนใหม่ชอบทั้งสองอย่างเพราะต้องกินตอนอยู่โรงพยาบาล เขาเคยต่อเลโก้ แต่ตอนนี้กลับไม่แน่ใจว่าตัวต่อพวกนั้นมีไว้ทำไม
       
        เจฟฟ์ยังสูบบุหรี่จัดเหมือนเดิม เพนนีเคยพูดติดตลกว่า น่าจะบอกว่าเขาไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน
       
        ความร่าเริงและรอยยิ้มของเพนนีเป็นทั้งครูและคำปลอบใจ ที่ช่วยเตือนเจฟฟ์ว่าเขาเคยเป็นใครและเธอห่วงใยเขาแค่ไหน
       
        หลายสัปดาห์หลังจากที่กลับมา จู่ๆ วันหนึ่งเจฟฟ์ก็พูดขึ้นมาว่า “คุณรู้ไหม ผมรักคุณ”
       
        เพนนีน้ำตาไหล ยังมีอะไรอีกมากมายที่เขาต้องพยายามทำความรู้จักในตัวเธอ แต่หัวใจเขารับรู้ว่าเธอคือคนที่เขารัก
       
       
วันแห่งความทรงจำ    
        31 ธันวาคม 2006 ญาติมิตรกลุ่มเล็กๆ มารวมกันที่บ้านพี่ชายเพนนี เจฟฟ์และเพนนียิ้มแย้ม มือกุมกัน ทั้งคู่แลกเปลี่ยนคำสัญญา
       
        “คุณคือเพื่อน คือคนรัก ความหวังและความสุขของผม...” เจฟฟ์บอกเจ้าสาว “คุณไม่เคยทิ้งผมเหมือนที่บางคนอาจทำ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
       
        ถึงตาเพนนีบ้าง “เจฟฟ์ ฉันเคยตกหลุมรักคุณมาแล้วครั้งหนึ่ง และนี่เป็นครั้งที่สอง ทุกคนต่างหวังว่าจะเกิดปาฎิหาริย์ในชีวิต คุณคือปาฎิหาริย์สำหรับฉัน ฉันชอบที่เราเล่นสนุกกันเหมือนเด็กๆ ชอบที่เราเดินจูงมือกันไปโดยไม่ต้องพูดอะไร แต่เหนือสิ่งอื่นใด ฉันรักความรักที่ไม่มีเงื่อนไขที่คุณมอบให้ฉัน”
       
        แต่ชีวิตของทั้งคู่ใช่ว่าจะราบรื่น เจฟฟ์ยังต้องบากบั่นเพื่อฟื้นความทรงจำที่อาจไม่กลับมาอีกเลย และหวั่นไหวพอๆ กับเพนนีว่า วันหนึ่งเขาจะหายไปอีก
       
        อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทั้งสองเป็นคู่แต่งงานใหม่ และขณะที่โลกฉลองวันส่งท้ายปีเก่า พวกเขาจะฉลองวันครบรอบแต่งงานและโอกาสที่ทำให้พวกเขาตกหลุมรักกันอีกครั้งและตลอดไป
       
        ทั้งคู่เลือกวันนี้ เพราะจะได้ไม่มีทางลืมวันพิเศษของชีวิต

*******************************************************


ตามไปอ่านได้ที่นี่

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9500000023358

ปล.สาว BeKamon & ลูกพิ้ง พี่ว่า น่าจะอินน์นะเนี่ย ใช่ปะจ๊ะ  :wink:

 :lol:  Cool  :lol:
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

  หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 28  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><