ช่วงนี้ กำลังทำความเข้าใจเกี่ยวกับ จิต
หลังจากอ่านหนังสือเรื่อง ไอสไตน์พบ พระ พุทธเจ้าเห็น
นั่งคิดว่า และ พยายามสังเกตุ เกี่ยวกับจิต ของตัวเอง (ผ่านการนั่งสมาธิ )
จริง ๆ แล้ว เริ่มนั่งสมาธิมานาน แล้ว ตั้งแต่ ทำงานช่วงปีแรก (หลังจาก อ่านพระไตรปิฎกฉบับประชาชน และ หนังสือของท่านพระพุทธทาส ) เพราะ ชอบช่วงเวลาที่มันสงบ แล้วไม่ได้คิดอะไร
และ สิ่งที่ได้จาก มันก็คือ การนั่งสมาธิ ทำให้ รู้สึกว่า ทำงานดีขึ้น และ สมองคิดเร็วขึ้น เข้าใจอะไรง่ายขึ้น
แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรมากมาย จนมาอ่านหนังสือ เรื่อง ไอสไตน์พบ พระ พุทธเจ้าเห็น นี้ล่ะ
ถึง เอะใจอะไรบางอย่าง เกี่ยวกับ จิต ที่เรียกว่า ตัวรู้
(และ เมื่อรู้ จึงผลักดันให้เกิด การกระทำ โดยการออกคำสั่งไปยัง ร่างกาย หรือ กรรม ขึ้น ... อันนี้
เข้าใจเอง)
ซึ่งปกติ เรารู้ด้วย ผัสสะ ทั้ง 5 ... คือ เวลาเราน้าแครมสัมผัสผู้หญิงจิตของน้าแครมรู้ว่าสัมผัส และ จิตของน้าแครม (ซึ่งอาจจะเป็นไปโดยจิตใต้สำนึก ก็ได้ ) ได้สั่งให้ ร่างกายน้าแครม ดำเนินการ ต่อ ไปเรื่อย ๆ เป็นคำลั่ง ๆ ของจิตไปเรื่อย ๆ
ในหนังสือ พยายามอธิบายว่า จิตสั่ง 1 คำสั่ง ก็จะดับไป แล้ว จิตใหม่ก็จะเกิดขึ้นมา เป็นทอด ๆ ไปเรื่อย ๆ จึงมีคำว่า เกิด-ดับ เกิด-ดับ ไปเรื่อย ๆ
แล้ว จิตเกี่ยวเนื่องอะไร กับ Destiny
คือ พยายามจะหาทางโยง Destiny กับ จิต (บางทีคิดไปคิดมามันก็ดูมั่ว ๆ ยังไงไม่รู้)
Destiny เป็น ชะตากรรม ... กรรม ที่แปลว่าการกระทำ
หลายครั้งคนบอกว่า เป็นเพราะ ฟ้าลิขิต (เพราะ อธิบายไม่ได้ด้วยตรรกทางวิทยาศาสตร์ ปัจจุบัน แต่ อาจจะอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ ในอนาคตก็เป็นได้ ถ้ายอมรับว่า แนวคิดของ พุทธศาสนา เป็นวิทยาศาสตร์)
คราวนี้ การกระทำ นี้ถูกออกคำสั่งโดยจิต ไม่ว่าจะจิตชนิดไหน หรือ จิตของใครก็แล้วแต่
เป็นตัวผลักดันการคิด การตัดสินใจของเรา ...
เช่น ทำไมเรา เห็นหน้าใครสักคนที่ไม่รู้จัก แล้วรู้สึกดี หรือ รู้สึกแย่กับบางคน ทำไมแยก เดียวกัน ในเวลาต่างกัน เราถึงเลี้ยวในทิศทางต่างกัน จากปกติ เราเลี้ยวซ้าย แล้ว ทำไมวันนี้ ถึงรู้สึกอยากเลี้ยวขวา แล้วเจอเธอ (เขา) เป็นต้น
หลายครั้งเราบอกว่าโชคดีจัง โชคร้ายจัง
แต่เข้าใจว่า เป็นเพราะ จิต ซึ่งเป็นตัวรู้ มั่ว ๆ เอาว่า วันนี้เราอยากปลอดภัย ... จิต มันรู้ว่า ไปทางซ้ายจะอันตราย จึงพยายามบอกเรา ให้รู้สึกอยากไปทางขวา
แล้ว ทำไมจิตถึงรู้ แล้วทำไมบางครั้งเรารู้ บางครั้งเราไม่รู้ เหมือนกับจิต
อืม ... เข้าใจว่า เนื่องจากจิตมันมีเกิด-ดับ ตลอดเวลา ถ้าจะมองในเชิงวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน คือ เป็นความถี่ที่สูงมาก แล้วเราจับไม่ได้ เอ่ออ เหมือนกับ เราฟังคนที่พูดเร็วมาก ๆ แล้วจับจับความไม่ได้ทุกคำ และ บางครั้งถึงได้ยินแต่ไม่ชัด เป็นต้น ซึ่งคงพออธิบายได้ว่า ทำไมบางครั้งรู้สึก หรือ บางครั้งไม่รู้สึก
แล้วจิตมันรู้ได้อย่างไร
ในหนังสือบอกว่า จิต เป็นอะไรที่เวลาไม่มีผล ทำให้มันไปได้ทุกที่ แม้กระทั่งอนาคต หรือ อดีต
หรือ หยุดเวลา
ที่บอกว่า เวลาไม่มีผล อืม ... จิต ไม่มีมวล จึงไม่มีผลต่อเวลา (คือ ในทางวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ แล้วว่า มวลมีผล แต่เวลา เช่น การที่แสงเดินทางเป็นเส้นโค้ง เมื่อผ่านดวงอาทิตย์ ที่มีมวลมาก ๆ )
และ วิทยาศาสตร์ปัจจุบัน ก็บัญญติคำว่า กาลอวกาศ ขึ้นมา
คราวนี้ ถ้าตั้งสมมติฐานว่าจิต มันไปได้ทุกที่ของ กาลอวกาศ ... มันย่อมไปอนาคต ไปอดีต ได้
ถ้ามันไปอนาคตได้ ก็รู้อนาคต ถ้ารู้อนาคต แล้วเราสื่สารกับมันได้ เราก็รู้อนาคตด้วย
(แต่ในหนังสือก็อ้างคำพูดของ Stephen Hawking ว่า ทำมเราถึงจำอดีตได้ แค่ไม่เคยจำอนาคตได้เลย ) ... ผมก้เดาว่า เพราะ เราสื่อสารกับจิตที่มันรู้อนาคตได้ม่รู้เรื่อง
เช่น dejavu ทำไมเราถึงรู้สึกว่า มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว
แต่เราไม่เคยรู้ว่า มันจะเกิดขึ้น ...
คราวนี้ ถ้าต้องการทดสอบสมมติฐานเกี่ยวกับจิต แล้วก็ต้องเล่นกันจิต
โดยการใช้กระบวมการที่เรียกว่า สมาธิ-วิปัสนา เพื่อ ดูจิต และ ควบคุมจิต
เลยยกกระทู้นี้ มาให้อ่าน ... เขาคุยกันเรื่องการ นั่งสมาธิเหมือนกัน
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=28142สิ่งหนึ่งที่ผมพอจะเข้าใจได้ว่า ทำไมเขาถึงบอกว่าพระ มีญาณพิเศษ
ผมเชื่อว่า เพราะ พระทาน ไม่มีอคติ มีความคิดที่บริสุทธิ์ เป็นผู้ฝึก สมาธิ สม่ำเสมอ ทำให้สื่อสารกับจิตได้ อย่างดี จึงรู้ เหมือนกับจิตรู้
คราวนี้ ถ้าเชื่อเรื่องจิต ก็อาจจะบอกได้ว่า destiny กำหนดโดยจิต ... เป็น สิ่งที่ จิต ควบคุมได้
ถ้าเรา สามารถ สื่อสารกับจิต ได้ ... เราก็ อาจจะเจอ destiny ของเราได้... หุ หุ (อันนี้ มั่ว ๆ )
แต่ที่แน่ ๆ ต้องลองพิสูจน์ ด้วยตัวเอง ...
:lol:
ปล. ที่สงสัย เพราะ หลายครั้ง ที่เราบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ทำไมบังเอิญจริง ๆ หรือ อืม ... เหมือนมีใครสังคนกำหนดไว้แล้วเป็นต้น ...