25 พฤศจิกายน 2567, 21:47:12
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: "ด้ชนี ความสุข แทน ดัชนี จีดีพี"  (อ่าน 8237 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553, 07:59:06 »

  



"ด้ชนี ความสุข แทน ดัชนี จีดีพี"

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันพุธ ที่ 23 กันยายน 2552

พอมานั่งติดตามข่าวที่ลอนดอน ก็เห็นแกประกาศข้อเสนอ

"อย่าเอาตัวเลข GDP วัดคุณภาพชีวิตของมนุษย์"

เป็นรายงานพิเศษที่ "โจ" (ชื่อที่เพื่อนๆ ใช้เรียก Joseph Stiglitz)

ได้รับแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี นิโกลาส์ ซาร์โกซี แห่งฝรั่งเศส

ให้เป็นหัวหน้าคณะศึกษาเรื่องนี้เป็นพิเศษ

ไม่เอาดัชนีวัดผลผลิตมวลรวมด้านเศรษฐกิจ GNP (Gross National Product) แต่เอา

ดัชนีที่วัดความสุข และความยั่งยืนแห่งคุณภาพชีวิตของคนที่เรียกว่า

GNH (Gross National Happiness) แทน


จะเรียกว่าผู้นำฝรั่งเศส กระทำการ

"ขโมยซีน"

ไปจากผู้นำของประเทศอื่นๆ ก็ไม่ผิดนัก

เพราะเรื่องเอา "ดัชนีแห่งความสุข" มาวัดแทน "ดัชนีจีดีพี" นั้น

ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะประเทศเล็กๆ อย่างภูฏานก็เคยประกาศใช้มาแล้ว

เพียงแต่ครั้งนี้ ซาร์โกซี ตั้งนักเศรษฐศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ชื่อดังระดับโลก

มาทำการศึกษาและเสนอเป็นรายงานให้เกิดความฮือฮาทำนองว่า

ประเทศฝรั่งเศส กำลังจะ "ส่งออกความสุข" ให้กับประเทศอื่นๆ ในโลก

ตอนที่ผมสัมภาษณ์ "โจ" ที่เมืองไทยนั้น เขาก็ย้ำประเด็นนี้ และเมื่อผมถามว่า

แนวทางที่ว่านี้กับ

"เศรษฐกิจพอเพียง"

ของไทยน่าจะไปด้วยกันได้หรือไม่?

เขาบอกว่าเป็นปรัชญาในแนวเดียวกัน และน่ายินดีว่า

ประเทศไทยไม่ได้ล้าหลังใครในเรื่องของการสร้างแนวคิดแห่ง

"เศรษฐศาสตร์เชิงพุทธ"

ที่เน้นคุณภาพชีวิตมากกว่า

ทำไมต้องมีวิธีวัดสังคมโลกชุดใหม่? เพราะที่ผ่านมาวัดกันด้วยตัวเลข GDP อย่างเดียว

สะท้อนแต่เพียงด้านเศรษฐกิจเช่นผลิตข้าวของได้เท่าไหร่

มีเงินใช้จ่ายกันมากมายเพียงใด โดย

ไม่สนใจว่าสิ่งแวดล้อมถูกทำลายไปมากน้อยอย่างไร และ

การศึกษาของประชาชนมีคุณภาพสูงขึ้นหรือไม่?

จะว่าไปแล้ว ประเทศเล็กๆ ที่มีผู้นำชาญฉลาดและมองการณ์ไกลอย่างภูฏาน

ได้ริเริ่มแนวคิดก่อนหน้าชาติพัฒนาด้วยซ้ำไป

เพียงแต่ว่าคราวนี้ฝรั่งเศสทำโฉ่งฉ่างด้วยการตั้งคณะทำงานพิเศษ

เพื่อเป้าหมายนี้โดยเฉพาะ

คณะทำงานชุดนี้สรุปว่าต่อแต่นี้ไป

ตัวเลขเฉพาะ GDP จะไม่พอแล้ว เพราะนั่นเป็น

"ภาพลวง"

ที่ทำให้ผู้คนเข้าใจผิดคิดว่าอะไรๆ ก็ตัดสินกันแต่เพียงตัวเลขเศรษฐกิจเท่านั้น


ทั้งๆ ที่ความจริง มนุษย์ต้องการจะวัดด้วยคุณภาพของชีวิตมากกว่า

ยอดการผลิตของโรงงานและบริการ

ดังนั้น คณะทำงานนี้จึงเสนอว่าต่อไปนี้นอกจากตัวเลขการผลิตทางเศรษฐศาสตร์แล้ว

การวัดคุณภาพของสังคมจะต้องรวมไปถึงสิ่งแวดล้อม ความยากจน การพักผ่อน และ

ความผูกพันของคนในสังคม

เช่นหากประเทศไหนมีตัวเลข GDP สวยงามแต่ป่าไม้ถูกทำลาย

อากาศที่หายใจเข้าไปเป็นพิษ และผู้คนส่วนใหญ่อยู่กันอย่างเครียดๆ

ก็ย่อมจะแปลว่าสังคมนั้นล้มเหลว

มิอาจจะเรียกว่าเป็น "ความสำเร็จ" อย่างที่อ้างกันด้วยตัวเลขของ "จีดีพี"

ขึ้นลงปีละเท่านั้นเท่านี้เปอร์เซ็นต์ได้อีกต่อไป

"โจ" บอกว่า "ถ้าเราวัดด้วยมาตรผิดๆ สังคมก็จะแสวงหาสิ่งที่ผิดๆ"

ซึ่งสะท้อนความเป็นจริงไม่น้อย เพราะเราพอจะเห็นชัดเจนว่า

เมื่อผู้คนหลงเข้าใจผิดว่าความสำเร็จของประเทศคือ

การพยายามปั้นตัวเลขจีดีพีให้สวย ทุกอย่างที่รัฐบาลและเอกชนทำ

ก็จะมุ่งไปสู่การทำตัวเลขจีดีพีให้สวย...

แต่ถ้าหากผู้คนมีความทุกข์หนักขึ้น เยาวชนติดยาเสพติดและ

มีปัญหาสังคมหนักหน่วงขึ้น เช่นนี้แล้วจะเรียกว่า

เป็นความก้าวหน้าและความสำเร็จของประเทศนั้นๆ ได้อย่างไร?


ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ



ถ้ารัฐบาลอภิสิทธิ์กล้าหาญจริง ต้องมี

"ดัชนีแห่งเศรษฐกิจพอเพียง"

ประจำไตรมาสเพื่อเปรียบเทียบเคียงคู่กับตัวเลข GDP ด้วย...

จะได้วัดทั้งวัตถุกับจิตใจไปพร้อมกัน

เพราะสภาพจิตคนไทยวันนี้ย่ำแย่เอามากๆ


กาแฟดำ

นำมาให้พวกเรา ได้ทราบแนวใหม่ของการพัฒนา เน้นพัฒนาคุณภาพชีวิต จาก

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/suthichaiyoon/20090923/78277/%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%99-%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B5....html

gek gek gek

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


๑๑.จะเอาดีหรือจะเอารวย



หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

อีกครั้งหนึ่งที่คณะผู้เขียนได้มานมัสการหลวงปู่ เพื่อนของผู้เขียนท่านหนึ่งต้องการ
เช่าพระอุปคุตที่วัด เพื่อนำไปบูชา โดยกล่าวกับผู้ที่มาด้วยกันว่า

บูชาแล้วจะได้รวย

เพื่อนของผู้เขียนท่านนั้นแทบตะลึง เมื่อมากราบหลวงปู่แล้ว ท่านได้ตักเตือนว่า

"รวยกับซวยมันใกล้ๆ กันนะ"

ผู้เขียนได้เรียนถามหลวงปู่ว่า

"ใกล้กันยังไงครับ"

ท่านยิ้มและตอบว่า

"มันออกเสียงคล้ายกัน"

พวกเราต่างยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ สักครู่ท่านจึงขยายความใหเพวกเราฟัง

"จะเอารวยน่ะ จะหามายังไงก็ทุกข์ จะรักษามันก็ทุกข์ หมดไปก็เป็นทุกข์อีก กลัวคนจะจี้จะปล้น
ไปคิดดูเถอะมันไม่จบหรอก มีแต่เรื่องยุ่ง เอาดี ดีกว่า"


คำว่า ดี ของหลวงปู่ มีความหมายลึกซึ้งมาก

ผู้เขียนขออัญเชิญพระบรมราโชวาทของในหลวงของเราในเรื่องทำความดี มาเปรียบ ณ ที่นี้
ความตอนหนึ่งว่า

"...ความดีนี้ ไม่ต้องแย่งกัน ความดีนี้ ทุกคนทำได้ เพราะความดีนี้ทำแล้วก็ดี
ตามคำว่า ดี นี้ ดีทั้งนั้น ฉะนั้น ถ้าช่วยกันทำดี ความดีนั้นก็จะใหญ่โต จะดียิ่ง ดีเยี่ยม..."

__________________

๒๕. จะตามมาเอง



หลายปีมาแล้ว มีพระภิกษุรูปหนึ่งได้มาบวชปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดสะแก
ก่อนที่จะลาสิกขาเข้าสู่เพศฆราวาส ท่านได้นัดแนะกับเพื่อนพระภิกษุที่จะสึกด้วยกัน ๓ องค์ว่า
เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนสึก พวกเราจะไปกราบให้หลวงปู่พรมน้ำมนต์และให้พร
ท่านได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ขณะที่หลวงปู่พรมน้ำมนต์ให้พรอยู่นั้น ท่านก็นึกอธิษฐานอยู่ในใจว่า

"ขอความร่ำรวยมหาศาล ขอลาภขอผลพูนทวี มีกินมีใช้ไม่รู้หมด จะได้แบ่งไปทำบุญมากๆ"

หลวงปู่หันมามองหน้าหลวงพี่ ที่กำลังคิดละเมอเพ้อฝันถึงความร่ำรวยนี้ ก่อนที่จะบอกว่า

"ท่าน ที่ท่านคิดน่ะมันต่ำ คิดให้มันสูงไว้ไม่ดีหรือ แล้วเรื่องที่ท่านคิดน่ะ จะตามมาทีหลัง"
__________________

พระของข้า...ไม่เป็นสองรองใครในแผ่นดิน
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

นำมาจาก

http://board.palungjit.com/f10/%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81-%E0%B9%92%E0%B9%95-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%99-%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5-80761.html

win win win

เรื่อง รวย หรือ ไม่จน แก้ได้ด้วย แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง



จะแก้ได้ถ้ารัฐบาล ใช้นโยบาย  "ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง"

บริหารประเทศ

นำมาจากกระทู้ "เรื่อง จน เชิญมาคุยวิธีแก้กันที่กระทู้นี้"
 มาเสริมกระทู้  
"ด้ชนี ความสุข แทน ดัชนี จีดีพี"

เมื่อ ความสุข เกิดมีขึ้นแล้ว ความร่ำรวย จะตามมาเอง ในที่สุด ที่

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,4943.0.html

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><